ความรู้สึกเจ็บปวด

Download Report

Transcript ความรู้สึกเจ็บปวด

่
บทที
3 างา
การเรียนรู ้กับการท
การเรียนรู ้
่ าให้
คือ กระบวนการทีท
ทักษะ ความชานาญ
ความสามารถและเจตคติ
่
และมีผลทาให้
เปลียนแปลงไป
พฤติกรรมโดยรวมของบุคคล
่
เปลียนแปลงตามไปด้
วย
แรงขับ (Drive)
้
่ างกาย
คือ แรงขับจะเกิดขึนได้
เมือร่
ขาดความสมดุลและจะกลายเป็ นแรง
กระตุน
้ ให้
เ
กิ
ด
พฤติ
ก
รรม
 แรงขับปฐมภู ม ิ
(Primary Drive)
- ความรู ้สึก
หิ
-ว
ความรู ้สึก
กระหาย
- ความรู ้สึก
เจ็
บปวด องการทาง
- ความต้
เพศ เป็ นต้น
 แรงขับทุตย
ิ ภู ม ิ
(Secondary Drive)
- ความต้องการ
ความร ัก
- ความอบอุน
่
- ความปลอดภัย
- การได้ร ับการ
ยอมร ับ เป็ นต้น
่ ้า (Stimulus)
สิงเร
่ าให้บุคคลมี
เป็ นต ัวการทีท
ปฏิ
ก ิรสิย
ิ งเร
่ าโต้
่ อบออกมา
้าทีต
ผ่
านเข้ามาทางร่างกาย
- ความหิว ความกระหาย และ
ความเจ็บปวด
่ านเข้ามาทางคาพู ด
่ ้าทีผ่
 สิงเร
- คาชมเชย การดุดา
่ การ
นิ นทาว่าร ้าย
่ ้าทีผ่
่ านเข้ามาทางจิตใจ
 สิงเร
- ความรู ้สึกต้องการ ความ
ปรารถนา
การตอบสนอง (Response)
เป็ นอาการตอบสนองด้วย
พฤติกรรมต่างๆ เนื่ องจากบุคคลได้ร ับ
่
การกระตุ
น
้
จากสิ
งเร
้า
 การตอบสนองทาง
ร่างกาย
- พยักหน้า ยกมือ
 การตอบสนองทางวาจา
- รางวัล คาชมเชย
 การตอบสนองทางใจ
- การร ับรู ้ ความพอใจ ความ
ไม่พอใจ
ส่งเสริมแรง (Reinforcement)
่ มาเพิ
่
่
่
สิงที
มความสามารถในการเชื
อมโยง
่ ้าและการตอบสนองให้มค
ระหว่างสิงเร
ี วาม
่
้
เข้มแข็ง
เพิมมากขึ
น
การเสริมแรงทางบวก
- รางวัล คาชมเชย
 การเสริมแรงทางลบ
- ลงโทษ ตัดเงินเดือน
่ ร ับอิทธิพลมาจากทางร
ปั จจัยทีได้
่ ร ับ
 กลไกของร่างกายซึงได้
อิทธิ- พ
ลมาจากพั
นธุกสีรรม
สติ
ปัญญา สายตา
ผวิ
ลักษณะเส้นผม
 อวัยวะของ
ร่-าอว
งกาย
่ าหน้าทีเกี
่ ยวก
่
ัยวะทีท
ับการสัมผัส
เช่น การมองเห็น
่
การได้ยน
ิ การได้กลิน
่ าหน้าทีเกี
่ ยวก
่
- อว ัยวะทีท
บ
ั การ
่
เคลือนไหวและการท
างานของต่อมต่างๆ
เช่น ต่อมไทรอยด ์ ต่อมพิทูอท
ิ กรี ต่อมแอ
ดีนล
ั หากท่ างานบกพร่
องจะส่งผลต่อ ่
่
่
ั ลักษณะทัวไป
- อว ัยวะทีทาหน้าทีเกียวกบ
ประสิทธิภาพของการเรียนรู ้
่
เช่น ระบบประสาท อว ัยวะส่วนต่างๆ บุคคลทีมี
ลักษณะรู ปร่างผิดปกติจะมีผลต่ออิทธิพลการ
่ ดจากความต้องการ
ปั จจ ัยทีเกิ
 ความต้องการด้าน
ร่างกาย
- ความต้องการอาหาร น้ า อากาศ
- ความต้องการขับถ่าย
- แรงขับทางเพศ
- ความต้องการระดับอุณหภู มแ
ิ ละบรรยากาศ
- ความต้องการการผ่อน
คลายและการพักผ่อน
 ความต้องการ
ทางด้านจิตใจ
่ ดจากความ
- ความสนใจ เช่น ความสนใจทีเกิ
่ ดจากพรสวรรค ์
ต้องการ ความสนใจทีเกิ
่ ดจากการได้ร ับความสาเร็จ
ความสนใจทีเกิ
- แรงจู งใจ เช่น แรงจู งใจเนื่ องจากตัวผู เ้ รียน
แรงจู งใจอ ันเป็ นผลมาจากสถานการณ์ตา
่ งๆ
- ความสามารถทางสติปัญญา
- การจา การ
ลืม
่ ดจากสัญชาตญาณ
ปั จจัยทีเกิ
สัญชาตญาณจะเป็ นผล
เนื่องจากการฝึ กหัด มีการสะสมไว้ เละ
่ เป็
่ นความสามารถส่วนบุคคล
สิงที
่ ดจากอิทธิพลของสิงแวดล
่
ปั จจัยทีเกิ
่
่ ผลต่อ
 อิทธิพลของสิงแวดล้
อมทีมี
พัฒนาการภายในครรภ ์
่
่ ผลต่อ
 อิทธิพลของสิงแวดล้
อมทีมี
พัฒนาการทางด้านสมอง
่
่ ผล
 อิทธิพลของสิงแวดล้
อมทีมี
ต่อบุคลิกภาพ
ลักษณะของการถ่ายทอดการเรย
 การถ่ายทอดเป็ นศูนย ์
(Zero
Transfer)
่
- การเรี
ยนรู ้ทีการเรี
ยนรู ้เดิม/ประสบการ
่
เดิมไม่มผ
ี ลต่อการเรียนรู ้สิงใหม่
ๆ
 การถ่ายทอดทางบวก (Positive
Transfer)
- การเรียนรู ้ในสถานการณ์เดิมช่วย
ส่งเสริมให้การเรียนรู ้ในสถานการใหม่ทาได้
รวดเร็ว
 การถ่ายทอดทางลบ
(Negative
Transfer)
- การเรียนรู
้ในสถานการณ์เดิมเป็ นอุป
สรรค ์ต่อการเรียนรู ้ในสถานการใหม่
ทฤษฎีการถ่ายทอดการเรียนรู ้
 ทฤษฎีการฝึ กฝนกับสมอง ( mental
discipline)
- ส่วนต่างๆของสมองจะได้ร ับการส่งเสริม
้
ด้วยการปฏิบต
ั ฝ
ิ ึ กฝนเท่านัน
 ทฤษฎีการร ับรู ้ ( Apperception )
่ ส
่ าคัญของการถ่าย
- เน้นว่าการร ับรู ้เป็ นสิงที
่ าความจาของ
ถอดการเรียนรู ้ โดยเชือว่
่ สงเร
มนุ ษย ์จะถู กสะสมไว้ เมือมี
ิ่ ้ามากระตุน
้
่
่ เคยเรี
่
้ จะทาให้
หรือมาเชือมโยงสิ
งที
ยนรู ้นัน
่ บสะสมไว้ถูกกระตุน
ความจาทีเก็
้ ทาให้มา
่
่
 ทฤษฎีของสิงของที
เหมือนกัน
้
ความคิดใหม่ขนมา
ึ
(Identical
Element)
้
ถ้า
- การถ่ายถอดการเรี
ยนรู ้จะเกิดขึนได้
่ เรี
่ ยนมีความ
ปั จจัย/องค ์ประกอบของสิงที
่ ายคลึงกัน
 ทฤษฎีความเข้าใจทีคล้
(Generalization)
- การสรุปความคล้ายคลึงกันหรือความ
่ จะเรี
่
เข้าใจในสิงที
ยน
้
ช่วยให้การถ่ายทอดการเรียนรู ้ทาได้ดย
ี งขึ
ิ่ น
่
 ทฤษฎีความเชือมโยงความสั
มพันธ ์
(Transfer Through Relationship)
่ คคลจะสามารถเกิดการ
- การทีบุ
้
่
ถ่ายทอดการเรียนรู ้นันจะต้
องเชือมโยง
่ เคยเรี
่
ความสัมพันธ ์ระหว่างสิงที
ยนก ับ
สถานการณ์ตา
่ งๆ
ทฤษฎีการถ่ายทอดการเรียนรู ้
 ตัวผู เ้ รียน
- อายุ บุคลิกภาพ เจตคติของผู เ้ รียน
้ั
่
ความสามารถทางสมอง ความตงใจที
จะ
เรียนรู ้
 สถานการณ์ของการ
เรียน
- การเรียนอย่างมีความหมาย
่
- การนาเสนอทีเหมาะสม
- การสร ้างประสบการณ์ท ี่
เหมาะสม
ชนิ ดของทักษะใน
การท
างาน
่
 ทักษะทางร่างกายเกียวกั
บ
ความรู ้สึก
- การเล่นดนตรี การร ้องเพลง การวาดภาพ ก
 ทักษะทางร่างการ
่
เกียวกับวัสดุ
่
- การใช้คอมพิวเตอร ์ การใช้เครืองจั
กรกล
่ วยในการเรียนรู ้ทักษะ
ปั จจัยทีช่
 ตัวผู เ้ รียน
 แรงจูงใจ
 ความสามารถทาง
สติ
ป
ั
ญ
ญา
่ ่
สิงทีต้องคานึ งถึงในการฝึ กทักษะ
 ระยะเวลา
 เทคนิ คในการ
ฝึ ก
 การฝึ กใน
สถานการณ์
จริง วนย่อยไปหา
 การฝึ กจากส่
้
ภาพรวมทั
งหมดของงาน
่
การทราบผลการ
 การเชือมโยง
ฝึ กทักษะ
การเรี
ย
นรู
้
้
ขันตอนในการ
สอนทักษะ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไข
 ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิก
่
ผู เ้ รียนมิได้มค
ี วามพร ้อมทีจะเรี
ยนรู ้สิง่
เร ้ากระตุน
้ ให้เกิดการเรียนรู ้ โดยอาศ ัยปฏิก ิรย
ิ า
้
สะท้อนตามธรรมชาติทเกิ
ี่ ดขึนภายในแต่
ละ
บุคคล
- ทฤษฏีการวางเงื่อนไขของฟาฟลอฟ (
Ivan P.Pavlov)
้
ฟาฟลอฟได้ทดลองกับสุนข
ั 5 ขันตอน
้ ่1
ขันที
อาหาร (UCS)
้
นาลายไหล(UCR)
เสียงกระดิง่ (CS)
่ าคัญ
ไม่มป
ี ฏิก ิรยิ าโต ้ตอบทีส
้ ่ 2เสียงกระดิง่ (CS) +
ขันที
อาหาร (UCS)
้ ่ 3 เสียงกระดิง่
ขันที
(CS)
้
นาลายไหล(UCR)
้
นาลายไหล(UCR)
เสียงกระดิง่ (CS)
้ ่4
ขันที
แสงไฟ(CS)
้
นาลายไหล(UC
้
นาลายไหล(CR
้
แสงไฟ(CS) + เสียงกระดิง่ (UCS) นาลายไหล(UC
แสงไฟ(CS)
ไม่มป
ี ฏิก ิรยิ า
่ าคัญ
โต ้ตอบทีส
้ ่ 5 เสียง
ขันที
กระดิง่
เสียง
กระดิง่
งดอาหาร
้
นาลายไม่
ไหล
ไม่มป
ี ฏิก ิรยิ า
่ าคัญ
โต ้ตอบทีส
การประยุกต ์ใช้ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของฟา
ฟลอฟกับการทางาน
- การ
เสริมแรง
- การลบพฤติกรรม
- การกลับฟื ้ นคืนของพฤติกรรมตามธรรมชา
่ ้าต่างๆในลักษณะขอ
- การตอบสนองต่อสิงเร
- ความสามารถในการแยกแยะความแตกต่าง
- การวางเงื่อนไขแบบคลาสสิกสาหร ับชีวต
ิ ปร
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของวัตสัน
่
่ ้า
คือการนาเอาอารมณ์พนฐานเชื
ื้
อมโยงเข้
าก ับสิงเร
่
เพือให้
เกิดการตอบสนอง
เด็ก........เห็น.........หนู
ขาว (CS)
เด็ก........ได้ยน
ิ .........
เสียงดัง(UCS)
หนู ขาว(CS) + เสียง
ดัง (UCS)
หนู ขาว(CS)
อยากจับ
เล่น
กลัวร ้องให้
(UCR)
กลัวร ้องให้เพราะ
เสียงดัง(UCR)
กลัวร ้องให้
(CR)
้
ดังนันหากจะประยุ
กต ์ใช้กบ
ั การเรียนรู ้ของพนักงาน
่
จึงควรใช้สงส่
ิ่ งเสริมแรงทางลบ เพือให้
พนักงานเกิดการ
เรียนรู ้ เช่น กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เป็ นต้น
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทา
ของ สกินเนอร ์
ดยหนู
ขาว/
โดยมีห้อมที
ลักการใน
่
 ตทดลองใช้
ัวของผู เ้ รีโย
นจะต้
องมีนก
ความพร
จะเรี
ยนรู ้
การทดลองดังนี ้
่
หากผู เ้ รียนได้ร ับสิงเสริ
มเสริมแรง จะเกิดการเรีย
้
วิธก
ี ารเรียนรู ้จะขึนอยู
่ก ับการให้สงส่
ิ่ ง
ตัวอย่เสริมแรง
พนักงาน
หัวหน้า
าง
ทางาน
เพิกเฉย
การ
พนักงาน
หัวหน้าชม
รายงานผล
ทางานดี
ได้ร ับโบนัส
การเงินของ
แม่นยา
องค ์กร
ทฤษฎีการ
่
เชือมโยง
่
 ทฤษฎีการเชือมโยง
ของธอร ์นไดท ์
หิวจัด
่
ทาการทดลองก
บ
ั
แมวที
่
- หลักการเชือมโยง
่
ต้องมีตวั เชือมโยงระหว่
างสิง่
เร ้าและการตอบสนองจะทาให้การ
้
ตอบสนองมีความเข้มแข็งขึน
- กฎการเรียนรู ้ของธอร ์นไดท ์
1. การเรียนรู ้แบบลองผิดลองถู ก
2. การเรียนรู ้มีจุดมุ่งหมาย
้
3. กฎเบืองต้
น
a. กฎแห่งความพร ้อม
b. กฎแห่งผล
c. กฎการฝึ ก
- กฎของธอร ์นไดท ์แบบทุตย
ิ ภู ม ิ
1. พฤติกรรการตอบสนองมักจะแสดงได้หลาย
ลักษณะ
2. เจตคติของบุคคล จะมีผลต่อพฤติกรรมการ
ตอบสนอง
3. พฤติกรรมการตอบสนองต้องอาศ ัยประสบการณ์
เดิมของผู เ้ รียนเป็ นสาคัญ
้
4. พฤติกก
รรมการตอบสนองจะเกิ
ดขึนได้
อย่าง
 ทฤษฎี
ลุ
่
ม
่ ดตามสถานการณ์และสิงแวดล้
่
เหมาะสมทีสุ
อม
พฤติกรรมนิ ยม
มีจอห ์นบี
่ ว ัตสัน
- ลักษณะทั
วไป
เป็1.นผู
้ นการศึ
า กษาถึงพฤติกรรมทีสามารถสั
่
เป็ น
งเกตเห็น
้
ได้/สามารถวัดได้เท่านัน
2. มีการบันทึกพฤติกรรม
่
่ ้าและการตอบสนอง
3. เน้นเรืองสิ
งเร
ทฤษฎีจต
ิ วิทยาของ
เกสตั
ทก์ เกณฑ ์สาคัญ
ล
หลั
- การร ับรู ้แบบแผน
ช ัดเจน
1. หลักความช ัดเจน
2. หลักความใกล้ชด
ิ
3. หลักความต่อเนื่ อง
้ ด
สินสุ
เห็น
-
4. หลักความคล้ายคลึง
่ ก้หยั
่ น
การหยั
งรู
งเห็
5. หลั
ของความ
่ ้หยัง่
1. ต้องเกิดการร ับรู ้ก่อนจึงจะเกิดการหยังรู
2. ผู เ้ รียนต้องมีความสามารถทางสติปัญญาถึง
่ ้หยังเห็
่ นได้
จะเกิดการหยังรู
่ ้หยัง่
3. ประสบการณ์เดิมจะทาให้เกิดการหยังรู
เห็นได้ง่าย
่
ทฤษฎีจต
ิ วิทยาทีมี
จุดมุ
หมายการเรียนรู ้ของ โทลแมน
่งทฤษฎี
้
่ จุดหมายใน
- การเรียนรู ้จะเกิดขึนได้
เมือมี
การเรียน และการไปให้ถงึ จุดมุ่งหมายต้องอาศย
ั
่
การคาดคะเน และมีเครืองหมายบางอย่
างเป็ นตัว
เร ้าให้เกิดการเรียนรู ้
่ ได้
่ กระทา
- ผู เ้ รียนจะสะสมลักษณะของสิงที
ไว้แต่ไม่มก
ี ารแสดงออกจนกว่าจะเกิดแรงจู งใจบาง
ประการ  ทฤษฎีการเรียนรู ้ของ ฟรอยด ์
- จุดมุ่งหมายมีความสาคญ
ั สาหร ับ
การเกิดพฤติกรรม
- จิตใต้สานึ กจะมีผลทาให้เกิด
้
พฤติกรรมขึน
ระบุ
พฤติก
รรม
เป้ าหม
าย
เลือก
รู ปแบบ
และ
วิธก
ี าร
ตรวจ
สอบ
ทักษะ
ของ
พนัก
งาน
จัด
โครงสร ้
าง
สภาพก
ารณ์
่ อต่
้ อ
ทีเอื
การ
เรียนรู ้
สร ้าง
ต้นแบบ
สนับส
นุ น
พฤติก
รรม
เป้ าหม
าย
ให้การ
เสริมแ
รง
พฤติก
รรม
่ ง
ทีพึ
ประสง
ค์