การวัดและประเมินผลการเรียน : การเขียนข้ อสอบแบบเลือกตอบ ดร.สวัสดิช์ ัย ศรี พนมธนากร ภาควิชาทดสอบและวิจัยทางการศึกษา คณะครุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี การจัดการเรียนรู้ จุดประสงค์ การเรี ยนรู้ ? การวัดและ ประเมินผล การเรี ยนรู้ กิจกรรมเรียนรู้

Download Report

Transcript การวัดและประเมินผลการเรียน : การเขียนข้ อสอบแบบเลือกตอบ ดร.สวัสดิช์ ัย ศรี พนมธนากร ภาควิชาทดสอบและวิจัยทางการศึกษา คณะครุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี การจัดการเรียนรู้ จุดประสงค์ การเรี ยนรู้ ? การวัดและ ประเมินผล การเรี ยนรู้ กิจกรรมเรียนรู้

การวัดและประเมินผลการเรียน
: การเขียนข้ อสอบแบบเลือกตอบ
ดร.สวัสดิช์ ัย ศรี พนมธนากร
ภาควิชาทดสอบและวิจัยทางการศึกษา คณะครุ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี
การจัดการเรียนรู้
จุดประสงค์
การเรี ยนรู้
?
การวัดและ
ประเมินผล
การเรี ยนรู้
กิจกรรมเรียนรู้
วัดผล
ประเมินผล
ประเมิน
การประเมิน
ครู เก็บข้ อมูลนักเรียน
เป็ นระยะ + ต่ อเนื่อง
(Assessment)
การวัด การประเมินผล
(Measurement)
ครู เก็บคะแนน
(Evaluation)
ครู ตดั สิ นผลการเรียน
ความสัมพันธ์ ของ
การวัดผล การประเมินผล
การประเมิน
การประเมิน
การทดสอบ
แบบทดสอบ
ข้ อสอบอัตนัย
การไม่ทดสอบ
การวัดผล
ข้ อสอบปรนัย
ปรนัย
แบบเลือกตอบ
การประเมินผล
กิจกรรม จุดอ่อนจุดแข็ง
ระบุข้อดี/ข้ อได้ เปรียบ
ข้ อสอบอัตนัย
•................
•................
•................
ข้ อสอบปรนัย
•................
•................
•................
ส่ วนประกอบของข้ อสอบ
•มี 2 ส่ วน ประกอบหลัก ๆ คือ
– ส่ วนที่ใช้ กระตุ้น* เช่ น โจทย์
คาถาม สถานการณ์ หรือ งานทีม่ อบหมาย เป็ นต้ น
– ส่ วนให้ ตอบสนอง
เช่ น
ตัวเลือก การเขียนตอบ การปฏิบัติงาน เป็ นต้ น
ข้ อสอบแบบเลือกตอบ
ข้ อสอบที่ประกอบด้ วย
ข้ อคาถาม(โจทย์ )
และมีคาตอบให้ เลือกหลายๆ คาตอบ
โครงสร้ างของข้ อสอบแบบเลือกตอบ
ข้ อคาถาม
ก. ตัวถูก
ข. ตัวลวง
ค. ตัวลวง
ง. ตัวลวง
ตัวคาถาม
(Stem)
ตัวเลือก
(Choices)
สถานที่ใดคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏราไพพรรณี
ก.
ค.
ข.
ง.
รู ปแบบการเขียนข้ อสอบแบบเลือกตอบ
1.คาถามโดด หรื อ คาถามเดี่ยว
(Single Question)
ตัวอย่ าง
ข้ อสอบแบบเลือกตอบ(Multiple Choice)
มีลักษณะเด่ นกว่ าข้ อสอบแบบความเรียง
ในประเด็นใด
ก. สร้ างง่ าย
ข. วัดพฤติกรรมที่ซับซ้ อนได้ ดีกว่ า
ค. วัดได้ ครอบคลุมในสิ่งที่ต้องการวัด
ง. วัดความคิดริเริ่มสร้ างสรรค์ ได้ ดีกว่ า
2. แบบตัวเลือกคงที่(Constant Choices)
ให้ ใช้ ตวั เลือกต่อไปนี ้ตอบคำถำมข้ อ1 -2
ก. ข้อสอบแบบจับคู่
ข. ข้อสอบแบบถูกผิด
ค. ข้อสอบแบบเลือกตอบ ง. ข้อสอบแบบเติมคำตอบ
1. ข้ อสอบในข้ อใดนักเรียนมีโอกาสเดาได้ สูงสุด
2. ข้ อสอบในข้ อใดสร้ างได้ ครอบคลุมเนือ้ หา
3. แบบกาหนดสถานการณ์ (Situation test)
คาชีแ้ จง จงอ่ านข้ อความต่ อไปนี ้
แล้ วตอบคาถามข้ อ 1 – 2
“เมื่อมั่งมีมิตรมากมายไม่ หมางเมิน
เมื่อมอดม้ วยหมูหมาไม่ มามอง”
1) ข้ อความนีก้ ล่ าวถึงอะไร 2) คาใดที่ทาให้ ข้อความนี ้
มีความหมายมากที่สุด
ก. ความตาย
ก. มั่งมี
ข. การคบเพื่อน
ข. หมูหมา
ค. การพลัดพราก
ค.
มากน้
อ
ย
ง. ความเสื่อมสูญ
ง. มอดม้ วย
จ. ความสุร่ ุ ยสุร่าย
จ. หมางเมิน
หลักการเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
ถามชัดเจน
ถามตรงประเด็น
ถามลึก
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
1. ควรเขียนคาถามให้ เป็ นประโยคที่สมบูรณ์
ตัวอย่ างเช่ น
ไม่ ดี 1) เมล็ดเป็ นส่ วนที่
ก. ใช้ คายนา้
ข. ใช้ ขยายพันธ์
ค. ใช้ ปรุ งอาหาร
ง. ใช้ หายใจ
ดีขนึ ้ 1) เมล็ดทาหน้ าที่อะไร
ก. คายนา้
ข. หายใจ
ค. ปรุ งอาหาร
ง. ขยายพันธุ์
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
2. ใช้ คาถามที่สัน้ ชัดเจน เข้ าใจง่ าย ไม่ ใช้ คาฟุ่ มเฟื อย
(ไม่ ดี)
(ดีขนึ ้ )
1) สุดาเป็ นคนที่นิสัยพิถีพถิ ันในเรื่ องการแต่ ง 1) เสือ้ ผ้ าชุดขาว-ดาควรใส่ ไปงานใด ?
กายมากและยังสามารถเลือกใช้ เสือ้ ผ้ า
ก. งานศพ
เครื่องแต่ งกายได้ อย่ างเหมาะสมกับ
ข. งานบวช
กาลเทศะ อย่ างสุดาใส่ เสือ้ ผ้ าชุดขาว-ดาก็
ค. งานวันเกิด
แสดงว่ าสุดาจะไปงานใด ?
ง. งานแต่ งงาน
ก. งานศพ
ข. งานบวช
ค. งานวันเกิด
ง. งานแต่ งงาน
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
3. เน้ นจุดหรือเรื่องที่จะถามให้ ชัดเจน ตรงจุด
ไม่ ถามกากวมหรือคลุมเครือ
ไม่ ดี
ดีขนึ ้
1) นำยกรัฐมนตรี ของไทยชื่ออะไร
1) นำยกรัฐมนตรี คนปั จจุบนั ชื่ออะไร
ก. ชวน หลีกภัย
ข. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ค. อภิสิทธิ์ เวชชำชีวะ
ง. บรรหำร ศิลปอำชำ
ก. ชวน หลีกภัย
ข. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ค. อภิสิทธิ์ เวชชำชีวะ
ง. บรรหำร ศิลปอำชำ
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
ไม่ ดี
ดีขนึ ้
1) อยุธยำ
1) ปั จจุบนั พระนครศรี อยุธยำเป็ นชื่อของอะไร
ก. เป็ นเมืองหลวง
ข. จังหวัดหนึง่
ค. โบรำณสถำน
ง. สถำนีรถไพ
ก. เมืองท่ำ
ข. จังหวัด
ค. โบรำณสถำน
ง. สถำนีรถไฟ
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
4. ไม่ ควรใช้ คาถามที่เป็ นปฏิเสธซ้ อน
ไม่ ดี – เมื่อนักเรี ยนพบข้ อความบางตอนที่ไม่ สามารถจาได้ ง่ายๆ
เราไม่ ควรปฏิบตั ิอย่างไร
ดีขนึ ้ – เมื่อนักเรี ยนพบข้ อความที่จาได้ ยากๆควรปฏิบตั ิอย่างไร
ก. ท่องให้ ขึ ้นใจ
ข. ย่นย่อให้ สนั ้
ค. ตีความให้ ชดั
ง. อ่านบททวนช้ าๆ
จ. ขยายความให้ กว้ าง
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
5. ควรใช้ ภาษาที่เหมาะสมกับวัยผู้สอบ
ไม่ดี 1) เจ้ ำชำยสิทธิธตั ถะทรงออกผนวชเมื่ออำยุกี่พรรษำ
ดีขึ ้น – เจ้ ำชำยสิทธิธตั ถะออกบวชเมื่ออำยุกี่ปี
ก. 25
ข. 27
ค. 29
ง. 31
จ. 35
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
6. ใช้ ตัวเลือกปลายเปิ ดให้ เหมาะสม
ไม่ ดี
1) คำใดแปลว่ำ นก ?
ก. วิหก
ข. ปั กษี
ค. ปั กษิณ
ง. สกุณำ
จ. ถูกทุกข้ อ
ดีขนึ ้
1) คำใดไม่ ได้ แปลว่ำ นก ?
ก. วิหก
ข. ปั กษี
ค. วิฬำร์
ง. ปั กษิณ
จ. สกุณำ
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
7. ควรเรียงลาดับตัวเลือก
ไม่ ดี
2) ถ้ ำใส่เสื ้อผ้ ำสกปรกอำจจะทำให้
เกิดโรคใดมำกที่สดุ ?
ก .โรคปอดบวม
ข. โรคคัน
ค. โรคหวัด
ง. โรคอหิวำตกโรค
จ. โรคงูสวัด
ดีขนึ ้
2) ถ้ ำเสื ้อผ้ ำสกปรกจะทำให้
เกิดโรคใดมำกที่สดุ ?
ก. โรคคัน
ข. โรคหวัด
ค. โรคงูสวัด
ง. โรคปอดบวม
จ. โรคอหิวำตกโรค
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
8. พยายามใช้ รูปภาพ แผนผัง แผนภูมหิ รื อแผนที่
จะช่ วยให้ เข้ าใจคาถามให้ ชัดเจนขึน้
คาชีแ้ จง จงพิจารณาข้ อความในข้ อ 1-5 ว่ าควรชั่งนา้ หนัก
ด้ วยเครื่องชั่งชนิดใด
ก.
ข.
1.
2.
3.
4.
5.
สุภรณ์หนัก 35 กก.
ค.
อเนก ซื ้อผักกาด 2 กก.
คุณแม่ซื ้อปลาช่อน 1 กก
กัลยาซื ้อสร้ อยข้ อมือหนัก 3 บาท
พ่อของปราณี ขายข้ าวเปลือก 3 กระสอบ
ง.
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
9. ข้ อคาถามควรวัดลึก
ไม่ ดี :
ดีขนึ ้ :
1)จากเรื่ องสังข์ทอง พระสังข์ตีคลีกบั ใคร?1) จากเรื่ องสังข์ทองถ้ าพระอินทร์ ไม่
ยกทัพมาตีคลี (ข้ อนี ้ ถามความจาข้ อ
เท็จจริ ง) กับท้ าวสามล เหตุการณ์จะ
เป็ นเช่นไร?(ข้ อนี ้ ถามความเข้ าใจแบบ
ขยายความ)
ก. หกเขย
ข. ท้ าวสามล
ค. พระอินทร์
ง. กษัตริ ย์ตา่ งเมือง
ก. ท้ าวสามลจะเสียเมือง
ข. เจ้ าเงาะไม่ยอมถอดรูปเงาะ
ค. รจนาจะหย่าขาดกับเจ้ าเงาะ
ง. นางจันทร์ เทวีจะไม่พบพระสังข์
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
10. ตัวเลือกควรเป็ นเอกพันธ์ : ตัวเลือกเป็ นพวกเดียวกัน
ไม่ ดี : กรุงเทพฯมีความสาคัญในฐานะใด? ดีขนึ ้ : กรุงเทพฯมีความสาคัญในฐานะใด?
ก. เมืองหลวง
ก. เมืองท่า
ข. ที่ตงรั
ั ้ ฐบาล
ข. เมืองเปิ ด
ค. ผู้คนหนาแน่น
ค. เมืองหลวง
ง. ชุมทางการบิน
ง. เมืองอุตสาหกรรม
จ. อยูต่ อนกลางของประเทศ
จ. เมืองเกษตรกรรม
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
11. ตัวเลือกไม่ ควรยาวเกินไป และตัดคาที่ไม่ จาเป็ นออก
ไม่ ดี : นกเป็ นสัตว์ประเภทใด?
ดีขนึ ้ : นก เป็ นสัตว์ที่มีกระดูดสันหลัง
ประเภทเดียวกับสัตว์ใด?
ก. สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังพวกเดียวกับงู
ก. งู
ข. สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังพวกเดียวกับกบ
ข. กบ
ค. สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังพวกเดียวกับหนู
ค. หนู
ง. สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังพวกเดียวกับสุนขั
ง. สุนขั
จ. สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังพวกเดียวกับกระต่าย จ. กระต่าย
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
12. ตัวเลือกต้ องเป็ นอิสระขาดจากกัน
ไม่ ดี : พลเมืองไทยปั จจุบนั มีประมาณเท่าไหร่ ? ดีขนึ ้ : พลเมืองไทยปั จจุบนั มีประมาณ
เท่าไหร่ ?
ก. น้ อยกว่า 40 ล้ านคน
ข. น้ อยกว่า 50 ล้ านคน
ค. มากกว่า 40 ล้ านคน
ง. มากกว่า 50 ล้ านคน
จ. ตังแต่
้ 60 ล้ านคนขึ ้นไป
ก. น้ อยกว่า 40 ล้ านคน
ข. ระหว่าง 41-50 ล้ านคน
ค. ระหว่าง 51-60 ล้ านคน
ง. ระหว่าง 61-70 ล้ านคน
จ. มากกว่า 70 ล้ านคน
13. ควรมีจานวนตัวเลือกให้ เหมาะสมกับผู้สอบ
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
14. อย่ าแนะคาตอบ
เช่ น
14.1 ถามซา้ ในเนือ้ หาเดียวกัน
ข้ อแรก : ประเทศใดมีภมู ิประเทศ
ส่วนใหญ่เป็ นเกาะ
ก. ญี่ปนุ่
ข. ฟิ ลิปปิ นส์
ค. เกาหลีใต้
ง. อินโดนีเซีย
จ. ออสเตรเลีย
ข้ อหลัง : ประเทศที่มีเกาะ มากมาย เช่น
ฟิ ลิปปิ นส์ควรทาอุตสาหกรรมชนิดใด
ก. สร้ างสะพาน
ข. สร้ างเรื อบิน
ค. สร้ างเรื อหางยาว
ง. สร้ างเครื่ องรับวิทยุ
จ. สร้ างเครื่ องส่งโทรทัศน์
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
14.2 มีคาซา้ กันในข้ อคาถามและตัวถูก
ไม่ดี : กระเพาะอาหารมีหน้ าที่ทาอะไร ดีขึ ้น : กระเพาะอาหารมีหน้ าที่
ทาอะไร
ก. ย่อยอาหาร
ก. ดูดอาหาร
ข. ระบายอากาศ
ข. เก็บอาหาร
ค. สูบฉีดโลหิต
ค. ถ่ายอาหาร
ง. เก็บสะสมอาหาร
ง. ย่อยอาหาร
จ. กรองอากาศเสีย
จ. กรองอาหาร
การเขี ยนข้อสอบทีด่ ี
14.3 ตัวถูกและตัวลวง กันอย่ างเด่ นชัด
ไม่ ดี : ในสมัยโบราณนักรบไทยใช้
อาวุธอะไรมากที่สดุ
ก. ดาบ
ข. ปื นกล
ค. จรวด
ง. เรื อบิน
จ. รถถัง
ดีขนึ ้ : ในสมัยโบราณนักรบไทยใช้ อาวุธ
อะไรมากที่สดุ
ก. ธนู
ข. ดาบ
ค. หอก
ง. กระบี่
จ. มีดสัน้
14.4 ควรกระจายคาตอบ
สรุป
ถามให้ ชัดเจน
ถามให้ ตรงประเด็น
ถามให้ ลึก
กิจกรรม ตอบใน 1 นาที
ช่วยเขียนตอบคาถามต่อไปนี ้
1. สาระสาคัญที่เรี ยนรู้ คืออะไร
2. คาถาม ที่ควรคุยกันต่อ คืออะไร
การเขียนข้ อคาถาม
วัดพฤติกรรมด้ านพทุ ธิพสิ ั ย
การเขียนข้ อคาถาม
เขียนให้ สอดคล้ อง
กับจุดประสงค์ การเรียนร้ ู
การวัดและประเมินผลตามจุดประสงค์ การเรียนรู้
สารบบของจุดประสงค์ การเรียนรู้
บลูม (Bloom)
1.พุทธิพสิ ั ย (Cognitive Domain) : ภาคความรู้ สติปัญญา
2.จิตพิสัย (Affective Domain) : ภาคความรู้สึก ลักษณะนิสัย
3.ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) : ภาคทักษะปฏิบตั ิ
ระดับขั้นของพฤติกรรมการเรียนรู้
พุทธิพสิ ั ย
จิตพิสัย
1. ความรู้ความจา 1. การรับรู้
2. การตอบสนอง
2. ความเข้าใจ
ทักษะพิสัย
1. เลียนแบบ
3. การประยุกต์ใช้ 3. การเห็นคุณค่า
4. การวิเคราะห์ 4. การจัดระบบ
3. ปฏิบตั ิได้ถูกต้อง
5. การสังเคราะห์
(การประเมินค่า)
6. การประเมินค่า
(การสร้างสรรค์)
5. การสร้าง
ลักษณะนิสยั
ปรับปรัใหม่
บใหม่ ปี ค.ศ. 2000
2. ตามแบบ
อย่างเป็ นขั้นตอน
4. ปฏิบตั ิได้ต่อเนื่อง
และประสานสัมพันธ์กนั
5. ปฏิบตั ิได้อย่างเป็ น
ธรรมชาติ
กิจกรรม
ให้ ท่านจับคู่กบั เพือ่ น
เขียนข้ อสอบแบบเลือกตอบ
1 ข้ อ
จากคลิปต่ อไปนี้
กิจกรรม ฝึ กเขียนและวิจารณ์ขอ้ สอบ
1. พิจารณาคาถามที่ต้ งั ขึ้น วัดพฤติกรรมระดับใด
2. ยืนยัน/ปรับข้อคาถามให้ตรงกับระดับ
พฤติกรรมที่ระบุตามข้อ 1 โดยเปรี ยบเทียบกับ
ตัวอย่างข้อสอบ
1.00 ความร้ ู - ความจา
1.10 ความรู้ความจาในเนื ้อเรื่ อง
1.11 ศัพท์และนิยาม
1.12 กฎและความจริ ง
1.20 ความรู้ความจาในวิธีดาเนินการ
1.21 ระเบียบแบบแผน
1.22 ลาดับขันและแนวโน้
้
ม
1.23 การจัดประเภท
1.24 เกณฑ์
1.25 วิธีการ
1.30 ความรู้ความจาในความคิดรวบยอด
1.31 หลักวิชาและการขยาย
1.32 ทฤษฎีและโครงสร้ าง
ดูตัวอย่ างข้ อสอบ
ในเอกสารประกอบ
2.00 ความเข้ าใจ
2.10 การแปลความ
2.20 การตีความ
2.30 การขยายความ
- ถามขยายไปข้ างหน้ า
- ถามขยายไปข้ างหลัง
- ถามให้ ขยายในระหว่าง
3.00 การนาไปใช้
• ถามความสอดคล้ องระหว่างหลักวิชากับการปฏิบตั ิ
• ถามขอบเขตของหลักวิชาและปฏิบตั ิ
• ถามให้ อธิบายหลักวิชา
• ถามให้ แก้ ปัญหา
• ถามเหตุผลจากการปฏิบตั ิ
4.00 การวิเคราะห์
4.10 การวิเคราะห์ความสาคัญ
4.20 การวิเคราะห์ความสัมพันธ์
4.30 การวิเคราะห์หลักการ
5.00 การสังเคราะห์
5.10 การสังเคราะห์ข้อความ
5.20 การสังเคราะห์แผนงาน
5.30 การสังเคราะห์ความสัมพันธ์
6.00 การประเมินค่ า
6.10 การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายใน
6.20 การประเมินค่าโดยอาศัยเกณฑ์ภายนอก
การเขียนคาถาม
วัดความคิดระดับต่าง ๆ
จะถาม นร. อย่างไร
ให้ นร. คิดระดับสูง ร?
พุทธิพสิ ั ย
พฤติกรรมแสดงออก
คาถามของครู
จา ระลึก ถึงความรู้
ทีอ่ ยู่ในความทรงจาได้
บอกความหมายหรือนิยาม
2. ความเข้ าใจ
สร้ างความหมายจาก
สิ่ งต่ างๆ ด้ วยการ แปลความ ตีความ
ขยายความ
อธิบาย, ตีความ, ยกตัวอย่ าง,
จัดกลุ่ม, สรุ ปย่ อ, อนุมานสร้ าง
ข้ อสรุ ป, ขยายความ, เปรียบเทียบ
3. การนาไปใช้
ใช้ ความคิดในเชิง
ใช้ , คานวณ, สาธิต,
กระบวนการ เกีย่ วกับ
สร้ าง, เสนอ, พัฒนา,
การปฏิบัติในการดาเนินการ
วางแผนดาเนินการ
1. ความรู้ ความจา
บอกบุคคล เหตุการณ์ สถานที่บอก
องค์ ประกอบ
บอกหลักการ
พุทธิพสิ ั ย
4. การวิเคราะห์
5. การสั งเคราะห์
พฤติกรรมของ นร.
จาแนกสิ่ งทีศ่ ึกษาออกเป็ น
ส่ วนๆ และพิจารณาว่ า แต่ ละ
ส่ วนมีความสาคัญ มีสัมพันธ์
กัน หรือมีหลักการอย่างไร
คาถามของครู
จาแนก, จัดกลุ่ม, จัดประเภท, บ่ งชี้
คุณลักษณะ, เปรียบเทียบความ
แตกต่ างระหว่าง.....
ปรับเปลีย่ น, ดัดแปลง, ผลิต,
นาความรู้ ทักษะหรือ
แนวความคิดเกีย่ วกับข้ อมูล เขียน, ประดิษฐ์ , จัดทา, สร้ าง,
เขียนบทความ,
ต่ างๆ มาหลอมรวมเพือ่ สร้ าง วางโครงสร้ าง, เขียนโครงร่ าง,
วางโครงการ, ออกแบบ,
เป็ นสิ่ งใหม่
เรียบเรียงใหม่
6. การประเมินค่ า
ตัดสิ นใจเชิงคุณค่ า
ตัดสิ น, เปรียบเทียบ,
วิพากษ์ วจิ ารณ์
เกีย่ วกับสิ่ งทีศ่ ึกษาโดยใช้
เกณฑ์ หรือมาตรฐานการคิด
การวิเคราะห์ ข้อสอบรายข้ อ
–ค่ าความยาก (p)
–ค่ าอานาจจาแนก (r)
ค่ าความยาก (Difficulty Index) : ค่ า p
ความหมาย
สัดส่ วนของจานวนผู้สอบที่ตอบข้ อสอบข้ อนัน้ ถูก
ต่ อจานวนผู้สอบทัง้ หมด
p
จานวนผูต้ อ บถูก
จานวนผูเ้ ข ้้าสอบ
ค่ าอานาจจาแนก (Discrimination Index) : ค่ า r
ความหมาย
ความสามารถของข้ อสอบที่แบ่ งผู้สอบ
ออกเป็ นกลุ่มเก่ ง และกลุ่มอ่ อน
ฉันเก่ง
สูตรการคานวณ ค่ า p , r
p
H L
2N
r 
H L
N
เมื่อ
p แทน ค่าความยากของข้ อสอบ
r แทน ค่าอานาจจาแนกของข้ อสอบ
H แทน จานวนคนในกลุม่ สูงที่ตอบถูก
L แทน จานวนคนในกลุม่ ต่าที่ตอบถูก
N แทน จานวนคนทังหมดในกลุ
้
ม่ ใดกลุม่ หนึง่
เกณฑ์ การแปลผลคุณภาพของข้ อสอบ
ค่ า p
.80 – 1.00 ง่ำยมำก (ปรับปรุงหรื อตัดทิ ้ง)
.61 - .80 ค่อนข้ ำงง่ำย
.41 - .60 ปำนกลำง
.20 - .40 ค่อนข้ ำงยำก
.00 - .19 ยำกมำก (ปรับปรุงหรื อตัดทิ ้ง)
ค่ า r
.80 – 1.00 แยกผู้ตอบได้ ดีมำก
.60 - .79 แยกผู้ตอบได้ ดี
.40 - .59 แยกผู้ตอบได้ ปำนกลำง
.20 - .39 แยกผู้ตอบได้ บ้ำง
.00 - .19 แยกผู้ตอบไม่ได้ (ตัดทิ ้ง)
หลักพิจารณาง่ าย ๆ
ค่ำ p มีคำ่ อยูร่ ะหว่ำง .20 - .80
ค่ำ r มีคำ่ ตังแต่
้ .20 ขึ ้นไป
การปรับปรุ งข้ อสอบ
–พิจารณา ค่ า p , r ของตัวถูก
ปรั บข้ อคาถาม และตัวเลือก
–พิจารณา ค่ า p , r ของตัวลวง
ปรั บตัวลวง
ตัวอย่ าง ผลการวิเคราะห์ ข้อสอบ
คุณภาพ
ข้ อสอบ
ก
ข
ค
ง
p
.23
.77*
.00
.00
r
.50
.63*
.00
.00
ตัวเลือก
การสร้ าง
แบบทดสอบ
ขัน้ ตอนการสร้ างแบบทดสอบ
1. การกาหนดวัตถุประสงค์ของแบบทดสอบ
2. การจัดทาตารางโครงสร ้างแบบทดสอบ
หรือตารางวิเคราะห์หลักสูตร
3. ทบทวนจุดประสงค์การเรียนรู ้
4. เขียนข ้อสอบ
5. จัดฉบับ
6. ทดลองใช ้ และวิเคราะห์คณ
ุ ภาพข ้อสอบ
7. นาแบบทดสอบไปใช ้
การกาหนดวัตถุประสงค์ ของแบบทดสอบ
รายวิชา .................................................
เพื่อวัดความรอบรู้ ในเนือ้ หาวิชาและความสามารถด้ านพุทธิพสิ ัย
ของนักศึกษา ใน รายวิชา .........................................................
จากวัตถุประสงค์ ดังกล่ าว บ่ งชีว้ ่ าแบบทดสอบที่สร้ างขึน้
เป็ นแบบทดสอบปลายภาค (Final Test) ที่วัดประเมิน
เพื่อสรุ ปผลการเรียน หรือ เพื่อประเมินผลรวม
(Summative Evaluation) เพื่อนาคะแนนผลการสอบ
ไปรวมกับคะแนนระหว่ างภาค เพื่อตัดสินผลการเรียน
ในรายวิชาดังกล่ าว
ลักษณะของแบบทดสอบ 1.
2.
3.
ครอบคลุมหัวข้ อเนือ้ หา / จุดประสงค์ การเรียนรู้ /
ผลการเรี ยนรู้ท่ คี าดหวัง ที่สาคัญๆ
วัดครอบคลุมความสามารถ (ด้ านพุทธิพสิ ัย) ที่
ซับซ้ อน หรื อ ความคิดระดับสูง
เป็ นแบบ MCQ
ตารางโครงสร้ างแบบทดสอบปลายภาค วิชา การวัดและประเมินผลการศึกษา
หัวข้ อเนือ้ หา
คาบ
Rem
Und
App
Ana
Eva
Cre
รวม
1. พัฒนาการของการวัดฯ
2
3
3
0
0
0
0
6
2. การวัดฯในกระบวนการเรียนรู ้
2
2
2
2
0
0
0
6
ึ ษา
3. จุดมุง่ หมายของการศก
2
1
1
3
1
0
0
6
4. การวางแผนการวัดฯ รายวิชา
2
1
1
3
1
0
0
6
5. เครือ
่ งมือและเทคนิคในการวัดฯ
2
1
1
4
0
0
0
6
ั ฤทธิ์
6. การสร ้างเครือ
่ งมือวัดผลสม
ั
ทางการเรียนด ้านพุทธิพส
ิ ย
6
2
2
2
4
4
4
18
7. หลักและเทคนิคในการวัดด ้าน
ั และทักษะพิสย
ั
จิตพิสย
4
2
2
2
2
2
2
12
้
8. สถิตพ
ิ น
ื้ ฐานทีใ่ ชในการวั
ดฯ
2
1
2
3
0
0
0
6
9. คุณลักษณะของเครือ
่ งมือวัดทีด
่ ี
2
2
2
2
0
0
0
6
10. การวิเคราะห์ข ้อสอบฯ
4
2
2
4
2
2
0
12
11. คะแนนและการให ้ระดับผลการเรียน
2
1
1
4
0
0
0
6
30
18
19
29
10
8
6
90
รวม
กาหนดจุดประสงค์ การเรี ยนรู้
ที่จะนาไปออกข้ อสอบ
หัวข ้อเนือ
้ หา
6. การสร ้าง
เครือ
่ งมือวัด
ั ฤทธิ์
ผลสม
ทางการเรียน
ั
ด ้านพุทธิพส
ิ ย
ความสามารถ
ั
ด ้านพุทธิพส
ิ ย
น้ าหนัก
ความสาคัญ
จุดประสงค์
การเรียนรู ้
จานวน
ข ้อสอบ
ความจา
2
บอกขัน
้ ตอนการสร ้างเครือ
่ งมือ
ั ฤทธิด
วัดผลสม
์ ้านพุทธิพส
ิ ัยได ้
2 (MC)
ความเข ้าใจ
2
ยกตัวอย่างข ้อสอบทีด
่ แ
ี ละข ้อสอบที่
ไม่ดต
ี ามเกณฑ์การสร ้างข ้อสอบ
แต่ละชนิดได ้
2 (MC)
นาไปใช ้
2
บอกวิธป
ี ฏิบัตใิ นสถานการณ์จริงทีต
่ ้องสร ้าง
ั ฤทธิ์
เครือ
่ งมือวัดผลสม
ั
ทางการเรียนด ้านพุทธิพส
ิ ย
2 (MC)
วิเคราะห์
4
ระบุจด
ุ เด่น และ/หรือ จุดบกพร่อง
ของข ้อสอบทีก
่ าหนดให ้ได ้
4 (MC)
ประเมินค่า
4
้
วิจารณ์ข ้อสอบทีก
่ าหนดให ้โดยใชเกณฑ์
คุณลักษณะของข ้อสอบทีด
่ ี
1 (E)
คิดสร ้างสรรค์
4
เขียนข ้อสอบทีว่ ด
ั ความสามารถด ้านพุทธิ
ั ระดับต่างๆ เมือ
พิสย
่ กาหนดเนือ
้ หาวิชาให ้
1 (E)
แบบเขียนข้อสอบ
รายวิชา
ั ้ ปี ท ี่
ชน
หัวข ้อเนือ
้ หา
230 303
3
ั ฤทธิ์
การสร ้างเครือ
่ งมือวัดผลสม
ั
ทางการเรียนด ้านพุทธิพส
ิ ย
ระดับความสามารถ วิเคราะห์
จุดประสงค์การเรียนรู/้ ผลการเรียนรูท
้ ค
ี่ าดหว ัง
ระบุจด
ุ เด่น และ/หรือ จุดบกพร่องของข ้อสอบทีก
่ าหนดให ้ได ้
้ หาวิชา/ความคิดรวบยอด/กระบวนการ ทีน
ประเด็นเนือ
่ ามาออกข้อสอบ
คาแนะนาในการสร ้างข ้อสอบแบบเลือกตอบ
้ น “คาถาม” หรือ “ประโยค” ทีไ่ ม่สมบูรณ์
1) ตอนนา (stem) ของข ้อสอบอาจจะใชเป็
ั เจน
ก็ได ้ แต่ต ้องได ้ใจความชด
2) ตัวเลือกทุกข ้อต ้องมีความเหมาะสมและสอดคล ้องกับ “ตอนนา”
3) ตัวลวงทุกตัวมีความเป็ นไปได ้ และน่าจะถูกเลือกโดยผู ้เรียนทีเ่ รียนอ่อน
ข้อสอบ
้ ล้วตอบคาถามข้อ 1-2
จงพิจารณาข้อสอบต่อไปนีแ
ี งใหม่
จ ังหว ัดเชย
ก. เป็นทีร่ าบเชงิ เขา
ข. อากาศหนาวเย็น
ค. ปลูกลาไยมาก
ง. ประชาชนมีความงามทงกายและใจ
ั้
ั ทีส
1. ข ้อสอบมีจด
ุ บกพร่องในเรือ
่ งใด เด่นชด
่ ด
ุ ?
ั เจน
(1) ประเด็นทีถ
่ ามไม่ชด
(2) ตัวถูก ไม่ได ้ถูกต ้องตามหลักวิชา
(3) ตัวเลือก บางข ้อ ไม่สอดคล ้องกับ “ตอนนา”
(4) “ตอนนา” เป็ นประโยคทีไ่ ม่สมบูรณ์
เฉลยคาตอบ
(1)
กิจกรรม ตอบคาถามของตัวเอง
1. ช่วยตังค
้ าถามในสาระสาคัญ
ที่ได้ เรี ยนรู้ 1 ข้ อ
2. และลองตอบคาถามนัน้
บทสรุป
ข้อสอบแบบเลือกตอบ
เป็ นหนึ่งในหลายวิ ธี
ทีใ่ ช้ทดสอบสติ ปัญญา
ดุลพินิจในกำรเลือกที่จะใช้
และทักษะในกำรเขียนข้ อสอบ
เป็ นสิง่ สำคัญ
ที่จะทำให้ กำรทดสอบเกิดประโยชน์สงู สุด