การ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

Download Report

Transcript การ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

People and Process
for Knowledge Management
MASTER OF SCIENCE PROGRAM IN KNOWLEDGE MANAGEMENT
IT in human systems
And
Systems assessment
k. Chalermpon
College of Art, Media and Technology
The
WORLD Changing
is
.
Asst. Prof. Bundit Thipakorn
KM UTT
the
21st
Century: the
Connected World
“
Asst. Prof. Bundit Thipakorn
KM UTT
21st C. Features (cont'd)
Asst. Prof. Bundit Thipakorn
KM UTT
“Information can be found
on:
 Anything
 Anywhere
 Anytime
Asst. Prof. Bundit Thipakorn
KM UTT
21st C. Features (cont'd)
individual workspace
collaborative
workspace
Asst. Prof. Bundit Thipakorn
KM UTT
What is Change?
่
(องค ์กร) เกียวข
้องกับ การปร ับปรุง
่
่
เปลียนแปลง
จากสภาพปัจจุบน
ั ตามการปร ับเปลียน
หรือแรงผลักดันจากสภาพแวดล ้อม หรือปัจจัยต่างๆ
่ ยวข
่
ทีเกี
้อง
 Alteration, Modification, Transformation
่
อาจเป็ นความเปลียนแปลงแบบ
Radical หรือ
Incremental Change
่
 Change Management เกียวข
้องกับ กระบวนการ
่
ในการปร ับปรุงเปลียนแปลง
หรือความพยายามใน
่
่ งประสงค ์
การเปลียนแปลงสภาพปั
จจุบน
ั ไปสูส
่ ภาพทีพึ
่ ้องค ์กรสามารถแข่งขันและดารงอยูไ่ ด ้อย่างมี
เพือให
 Change
Camt
Why Change ?
 ความต ้องการของมนุ ษย ์
 ความล ้มเหลวหรือสูญเสียของมนุ ษย ์
่
 ความคิดริเริมสร
้างสรรค ์ของมนุ ษย ์
 การค ้นคว ้าวิจย
ั ของมนุ ษย ์
Camt
Change of business in 21st century
Five Competitive Forces
้
of New Competitors การเกิดขึนของ
คูแ่ ข่งรายใหม่
 Threat of Substitutes ภัยคุกคามจากการคิดค ้น
และนวัตกรรมใหม่ๆ
 Bargaining Power of Buyers อานาจการต่อรอง
ของผูซ
้ อื ้
 Bargaining Power of Suppliers อานาจการ
ต่อรองของผูจ้ ด
ั จาหน่ าย/ผูผลิ
้ ต
 Rivalry Among the Existing Competitors
 Entry
Camt
Organization Factors
 Internal
 Structure
Factors
ระบบการทางาน ระบบการบริหาร
 Strategy ทิศทางการทางาน เทคนิ ค/วิธก
ี ารในการ
แข่งขัน
 Decision making process ระบบการทางาน
ระบบบริหารงาน
้
 Work procedure ขันตอนการท
างาน
่ อในการทางาน ข ้อมูลข่าวสาร
 Technology เครืองมื
 Culture ค่านิ ยมและวัฒนธรรมในองค ์กร
่
 Staff หน้าทีความร
ับผิดชอบ ความรู ้ ทักษะ และ
Camt
Organization Factors
 External
Factors
่ านวนบุคลากร/การผลิต
การลดเพิมจ
่ วนแบ่งการตลาด
 Revival การร ักษา/เพิมส่
่
 Technology เปลียนระบบการผลิ
ต/การสร ้าง
ความได ้เปรียบทางการแข่งขัน
่
 Politic เปลียนนโยบาย/ระบบบริ
หาร
 Social Needs ค่านิ ยมในการบริโภค การ
่
เปลียนแปลงโครงสร
้างประชากร
 Stakeholders กาไร ผลตอบแทน
 Economics
Camt
KM process in Organization
Knowledge
Audit
องค ์กร
สร ้างกรอบความคิด
ในการบริหาร
วิเคราะห ์และสังเคราะห
การวัดประเมินผล
ความรู ้
สร ้างระบบสารสนเทศจัดการความรู ้
จัดกิจกรรมในการจัดการความรู ้
KM process in Organization
 Knowledge Audit (การตรวจสอบและระบุหว
ั
ข้อความรู ้)
่
 การทบทวนความรู ้ทีองค
์กรหรือบุคลากรต้องการ
่
เพือให้
สามารถปฏิบต
ั งิ านได้บรรลุตามว ัตถุประสงค ์
ของงานได้อย่างดี
่ าเป็ นในองค ์กร
 การวิเคราะห ์ความต้องการความรู ้ทีจ
้
ทังใน
ด้านคุณลักษณะ ความสาคัญ และสภาพหรือสถานะของ
การบริการจัดการความรู ้ (คน และกระบวนการ)
 ช่องว่างความรู ้ (Gap) ขององค ์กร
 การวิเคราะห ์สารสนเทศ : สาระ (context) หลักการ
้
(concept) และข้อมู ลสารสนเทศหรือเนื อหา
(content)
่
 การตรวจสอบขีดความสามารถและการติดต่อสือสาร
KM process in Organization
 Knowledge Audit (การตรวจสอบและระบุหว
ั
ข้อความรู ้)
ค้นหาความรู ้เชิงกลยุทธ ์ (Strategic Knowledge)
เฉพาะขององค ์กร
่ ประโยชน์ทางธุรกิจขององค ์กร
 ความรู ้ต่างๆทีมี
่ ้างมู ลค่า (Value Creation)
 ความรู ้ทีสร
่ ลดความเสียง
่ (Risk Management)
 ความรู ้ทีใช้
้ กษาผลกระทบต่อองค ์กร
 ตรวจสอบความเป็ นไปได้ รวมทังศึ
ต่องาน และต่อคน ในการจัดการความรู ้ในหัวข้อความรู ้
้ (significant & feasibility/Impacts &
นันๆ
Improvement)
่
 เรียงลาดบ
ั ความสาคญ
ั เพือให้
เกิดความเห็นพ้อง
่ (Commitment) ร่วมกัน
(Consensus) และความมุ่งมัน

Management level
Create Business Framework
สร ้างกรอบความคิด
ในการบริหาร
Model
รู ปแบบองค ์กรจัดการความรู
มาตรฐาน
เช่น Knowledge Creation
Methods
้
ขันตอนในการพั
ฒนาไปสู ่
องค ์กรจัดการความรู ้มาตรฐาน
วางแผนสร ้างระบบจัดการ
ความรู ้
Knowledge Engineer/
Analyst level
Knowledge Analysis
and Structuring
วิเคราะห ์และ
สังเคราะห ์ความรู ้
Capture
่
การจับความรู ้จากผู เ้ ชียวชาญ
Interview, Document analysis, Observation
Analysis
่ บได้
การวิเคราะห ์ความรู ้ทีจั
หาหลักการและวิธก
ี ารทางานของ
ตัวผู
เ้ ชียวชาญ
Validation
การตรวจสอบความถูกต้อง
ของความรู ้
่
ตรวจสอบกับผู เ้ ชียวชาญ
Modelling
การสังเคราะห ์ให้เหมาะสมก ับ
การใช้งาน
สังเคราะห ์เป็ นชุดความรู ้
Knowledge Worker Users
level
IT-Based Knowledge
Management System
สร ้างระบบสารสนเทศ
จัดการความรู ้
Organization
การจัดเก็บความรู ้เป็ นระบบ
/หมวดหมู ่
Retrieval
การค้นหาและเรียกใช้ความร
Share
& Dissemination
การใช้ความรู ้ร่วมกันและ
การกระจายความรู ้
ใช้ซอฟท ์แวร ์ประเภทเทคโนโลยี
ประสานงาน
IT-based knowledge management systems
2.Knowledge
Map
1.Software
7.Lesson Learned
Knowledge Base
6.Collaborative
Technology
3.Document
Management
System
KMS
4.Forum
Discussion
System
5.Capability
Management
System
IT-based knowledge management systems
1. Software


่ LotusNote
โปรแกรมประเภทจัดการเอกสาร เชน
ื่ มโยงแห่งความรู ้ (Portal) เชน
่ Microsoft
โปรแกรมประเภทเชอ
SharePoint, NetWeaver
IT-based knowledge management systems
่
2. Knowledge map (แผนทีความรู
้)
ั พันธ์
แสดงกระบวนการคิดประกอบหลักการ และความสม
่ mind map, concept map, systems
 ผังมโนทัศน์ตา
่ งๆ เชน
thinking

IT-based knowledge management systems
3. Document Management System
้
จัดเก็บเอกสาร electronics ที่ CoP ใชงานบ่
อยๆ
 ค ้นหาและจัดเรียงตามดัชนีตา
่ งๆ
 ควบคุม version ของเอกสาร

IT-based knowledge management systems
4. Forum Discussion System (ระบบสนทนา
ต่อเนื่ อง)
มีไว ้ให ้ CoP ขอความชว่ ยเหลือกัน หรือสนทนาเพือ
่ แก ้ปั ญหา
 Web board ต่างๆ

IT-based knowledge management systems
5. Capability Management System
ื่ ผู ้ทีม
ระบบเก็บรายชอ
่ ค
ี วามรู ้ ความสามารถและประสบการณ์ของ
องค์กร
 รู ้ว่าใครรู ้อะไร “Know-Who-Know-What”

6. Collaborative Technology (เทคโนโลยี
ประสานงาน)
ใชติ้ ดต่อประสานงานกันภายใน CoP
 e-mail, video conference, telephone, mobile etc.

IT-based knowledge management systems
7. Lesson Learned Knowledge Base (ฐานความรู ้
บทเรียนจากประสบการณ์)
ึ ษา ประสบการณ์ หรือเหตุการณ์สาคัญ
กรณีศก
 เก็บเป็ นเรือ
่ งเล่าประสบการณ์ในการทางาน (Story Telling)
 เพือ
่ ใชถ่้ ายทอดให ้กับคนรุน
่ ใหม่ทอ
ี่ าจไม่มป
ี ระสบการณ์ หรือ ใช ้
ิ ใจใน CoP
ประกอบการตัดสน

่
การแสดงผลความรู ้ด้วยสือคอมพิ
วเตอร ์
 แบ่งเป็ น 4 ลักษณะ
1.
ความรู ้เชิงอธิบาย (Declarative Knowledge)
 คาอธิบายหรือภาพประกอบแสดงส่วนต่างๆ ของหน้าที่
การทางาน (poster presentation)
2. ความรู ้เชิงกระบวนการ (Procedural Knowledge)
้
 คาอธิบายหรือแผนภาพแสดงขันตอนต่
างๆ ในการทางาน
(Work Flow)
3. ความรู ้เชิงความสัมพันธ ์หลักการและความหมายต่างๆ
(Semantic Knowledge)
 แผนภาพความสัมพันธ ์ของหลักการต่างๆ หรือ แผนที่
ความรู ้ (Knowledge map)
4. ความรู ้ประจ ักษ ์จริง (Episodic Knowledge)
่
 รู ปถ่าย การจาลอง ภาพยนตร ์ วิดโ
ี อเคลือนไหว
หรือ แอน
การจัดการความรู ้ในเครือ
ซีเมนต ์ไทย
่
่ ชว
เครืองมื
อทีใช้
่ ย
การจัดการความรู ้ใน
เครือ SCG
Web-board
Website
Tools
for
KM
Learning
workshop
Case study
Knowledge
game
องค์ประกอบ Change Management
่
 ผูน
้ าการเปลียนแปลง
่
 ทาความรู ้จักและเข ้าใจการเปลียนแปลง
่
ทีมา
Change
ต ้นสายปลายเหตุ
่
่
 ต ้องพร ้อมทีจะสร
Change
้างการเปลียนแปลง
Intervention
่
แผนปฏิบต
ั ก
ิ าร ช่วงเวลา ระยะเวลา ระบบและอืนๆ
่
 เป็ นตัวแทน(นา)ความเปลียนแปลง
Change
Agent
 Change the way people Think – การปร ับสภาพ
Camt
Reactive/Proactive
องค์ประกอบ Change Management
 การวางแผนและเตรียมการ
 ระยะเวลา
- ความเหมาะสมของช่วงเวลา
 การสร ้างการสนับสนุ น – ผูไ้ ด ้ร ับผลกระทบจากการ
่
เปลียนแปลง
่
 การสือสาร
– ความจาเป็ น วัตถุประสงค ์
่
่
 การมีสว
่ นร่วม - ผูเ้ กียวข
้องกับการเปลียนแปลง
่
 การจูงใจ - ปัญหาและผลกระทบทีจะเกิ
ดขึน้
Camt
องค์ประกอบ Change Management
 การดาเนิ นการ(นาไปปฏิบต
ั )ิ
้
 ขันการจ
าแนกหรือระบุความจาเป็ น
้
 ขันการพั
ฒนาและตัดสินทางเลือก
้
 ขันการด
าเนิ นการ
้
 ขันการตรวจสอบและประเมิ
นผล
Camt
องค์ประกอบ Change Management
่
 การต่อต ้านการเปลียนแปลง
 ตัวบุคคล
 ความไม่เข ้าใจ
Camt
– วัตถุประสงค ์ ผลกระทบ
 ความไม่แน่ นอน – ความไม่ช ัดเจน โดยเฉพาะด ้าน
ข ้อมูล
 การร ับรู ้ - ระดับการร ับรู ้
 ความเฉื่ อยชา - ยึดติดกับงานประจา
่ ้ร ับหรือผลกระทบ
 ความไม่ไว ้ใจ - ผลทีได
่ ดขึน้ - ประโยชน์ทได
 การต่อต ้านผลทีเกิ
ี่ ้ร ับ
่
 จุดอ่อนและข ้อบกพร่องของการเปลียนแปลง
ผลลัพธ ์
องค์ประกอบ Change Management
่
 การประเมินผลการเปลียนแปลง
 เปรียบเทียบผลลัพธ ์กับเป้ าหมาย
่ ดขึน้
 การทบทวนผลทีเกิ
Camt
Evaluation
การประเมินผล
ึ ษาและวิเคราะห์
 เป็ นกระบวนการรวบรวม ศก
ข ้อมูล ข ้อเท็จจริงอย่างเป็ นระบบเพือ
่ ชว่ ยในการ
คาดการณ์ แสดง หรืออธิบายถึงลูท
่ าง
ความสาเร็จ หรือความไม่สาเร็จของกิจกรรมหรือ
งานต่างๆ ตลอดจนปั จจัยทีม
่ ส
ี ว่ นเกีย
่ วข ้องหรือ
สงิ่ ทีเ่ ป็ นปั ญหาอุปสรรคในการดาเนินการ และมี
การนาเสนอให ้ผู ้รับผิดชอบ หรือผู ้เกีย
่ วข ้องใน
ี ได ้ทราบอย่างเพียงพอ
ฐานะ ผู ้มีสว่ นได ้สว่ นเสย
และทันการณ์
้ นการจับผิด แต่เป็ นการชน
ี้ าในสงิ่ ทีค
 ไม่ใชเป็
่ วร
CAMT
Type of Evaluation
แบ่งออกได ้เป็ น 3 ประเภท
 การประเมินก่อนดาเนินการ
 การประเมินระหว่างดาเนินการ
 การประเมินหลังดาเนินการ
CAMT
Preliminary Evaluation
การประเมินก่อนดาเนินการ
ึ ษาความเป็ นไปได ้ feasibility
เน ้นศก
CAMT
ก่อน
ดาเนินการตามกลยุทธ์ หรือแผน อาจมองในเรือ
่ ง
ของความคุ ้มค่า คุ ้มทุน ความสอดคล ้อง และ
โอกาสทีจ
่ ะประสบความสาเร็จ
ึ ษาถึงประสท
ิ ธิภาพของปั จจัยป้ อน ความ
ศก
้
เหมาะสมของกระบวนการทีค
่ าดว่าจะนามาใชใน
ี่ ง
การบริหารจัดการ ปั ญหา อุปสรรค ความเสย
ของการดาเนินงาน ตลอดจนผลลัพธ์ หรือ
ิ ธิผลทีค
ประสท
่ าดว่าจะได ้รับ
Preliminary Evaluation
ึ ษาดูวา่ ก่อน
เพือ
่ ศก
ลงมือโครงการใด ๆ นัน
้ จะเกิดความคุ ้มค่าแก่
การลงทุน (Cost effectiveness) หรือจะเกิด
ผลกระทบต่อระบบสงิ่ แวดล ้อมทัง้ ด ้านสงั คม
เศรษฐกิจ การเมือง ประชากร เทคโนโลยี
ึ ษา
และระดับนโยบายหรือไม่ หากได ้ทาการศก
รอบคอบแล ้วอาจจะได ้ผลการคาดการณ์ลว่ งหน ้า
ว่า จะเกิดประโยชน์หรือโทษอย่างไร ปั ญหา
อุปสรรค เป็ นอย่างไร เพือ
่ ผู ้เป็ นเจ ้าของ
ิ ล่วงหน ้าว่าจะเลิกล ้ม
โครงการจะได ้ตัดสน
โครงการหรือปรับปรุงองค์ประกอบ และ
 มีประโยชน์สาหรับนั กลงทุน
CAMT
Formative Evaluation
การประเมินระหว่างดาเนินการ
ึ ษาประเมินเพือ
เน ้นศก
่ ปรับปรุง
CAMT
ตลอดจนการ
วิเคราะห์ความเหมาะสม และความเป็ นระเบียบ
เรียบร ้อยของกระบวนการดาเนินงาน ซงึ่ รวมถึง
ความรัดกุม ความรวดเร็ว และการได ้มาตรฐาน
ของการทางานทีส
่ ามารถทางานได ้เสร็จตาม
กาหนดเวลา และคุณภาพทีต
่ ้องการ
้
อาจใชประเมิ
นเพือ
่ พัฒนาแผน หรือกลยุทธ์ใน
การดาเนินการ
่ ยตรวจสอบว่า
ผลของการประเมินจะชว
Formative Evaluation
การประเมินระหว่างดาเนินการ
ในกรณีทต
ี่ รวจสอบว่า
การดาเนินการนัน
้ ๆ
เป็ นไปตามแผนหรือไม่อย่างไร อาจเรียกเป็ น
Implementation Evaluation
ในกรณีตรวจสอบความก ้าวหน ้าการดาเนินงาน
ตามแผน ว่าดาเนินการได ้ผลเพียงไร เรียกเป็ น
Progress Evaluation
CAMT
Summative Evaluation
การประเมินหลังดาเนินการ
ึ ษา
เน ้นการศก
สารวจ ตรวจวัด และวิเคราะห์
ความสาเร็จ และผลของการก่อให ้เกิดผล หรือ
การเปลีย
่ นแปลงจากการนาโครงการนัน
้ ไป
ปฏิบัตจิ ัดทา โดยเปรียบเทียบกับเจตนารมณ์ท ี่
กาหนดไว ้ก่อนดาเนินการ
เป็ นการประเมินผลสรุปรวม อาจเป็ นการประเมิน
ิ้ สุดโครงการ หรือการประเมินตามระยะที่
หลังสน
ได ้กาหนดไว ้
CAMT
Summative Evaluation
การประเมินหลังดาเนินการ
่ ารรายงายว่า
ผลสรุปทีไ
่ ด ้จะนาไปสูก
โครงการ
ได ้บรรลุเป้ าหมาย (Goals) หรือไม่อย่างไร
ตลอดจนการรายงานถึงสถานภาพของโครงการ
ว่าประสบความสาเร็จหรือล ้มเหลวเพียงไร มี
ปั ญหาหรืออุปสรรคใดทีต
่ ้องแก ้ไขปรับปรุง
ข ้อมูลเหล่านีจ
้ ะชว่ ยให ้ผู ้บริหารโครงการสามารถ
่ ารตัดสน
ิ ว่า โครงการนัน
นาไปสูก
้ ควรดาเนินการ
ต่อหรือยกเลิก
CAMT
Form of Evaluation
รู ปแบบของการประเมินผล
การประเมินกระบวนการ
CAMT
(Process
้ั ยกการประเมิน
Evaluation) หรือบางครงเรี
ประสิทธิภาพ (Efficiency Evaluation)
เน้นการวิเคราะห ์ประสิทธิภาพของโครงการ
โดยศึกษากระบวนการจ ัดทากิจกรรมต่าง ๆ
่
ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เพือให้
เกิดผลผลิต ของโครงการ
ไม่ใช่การติดตามผลการปฏิบต
ั งิ านของ
โครงการ (Monitoring) เพราะ
Form of Evaluation
รู ปแบบของการประเมินผล
่ ร ับของโครงการ
การประเมินผลทีได้
CAMT
(Project
้ั ยกการประเมิน
Evaluation) หรือบางครงเรี
ประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation)
เน้นการวิเคราะห ์ประสิทธิผลของโครงการ
โดยศึกษาว่าผลงานของโครงการ สามารถ
นาไปสู ่การบรรลุว ัตถุประสงค ์ของโครงการได้
หรือไม่เพียงใด
่ ยวข้
่
อาจวิเคราะห ์ถึงปั จจัยต่างๆ ทีเกี
องว่า
่
อะไรเป็ นปั จจัยภายในและภายนอกทีมี
Form of Evaluation
รู ปแบบของการประเมินผล
การประเมินผลกระทบของโครงการ
(Impact Evaluation)
่ ร ับต่อเนื่ อง
เน้นการวิเคราะห ์ผลทีได้
จากประสิทธิผลของโครงการ โดยศึกษา
่ ร ับ บรรลุวต
ว่าผลทีได้
ั ถุประสงค ์ของ
่
โครงการ สามารถเป็ นส่วนหนึ่ งทีจะไป
ช่วยสนับสนุ นการบรรลุวต
ั ถุประสงค ์
การพัฒนาได้หรือไม่เพียงใด
CAMT
เกณฑ์ในการประเมินผล
ประเมินอะไรบ ้าง
่ ามาใช ้ (Input) และ/หรือ ผลตอบแทน
 ปัจจัยทีน
(Returns)
 ผลงาน (Outputs)
 ผลการปฏิบต
ั งิ าน (Performance)
 ผลกระทบ (Impact or Outcome)
 กระบวนการทางาน (Process)
 ระบบการทางาน (System)
 วิธก
ี ารทางาน (Operating Method)
่
CAMT
CIPPI Model
 Stufflerbeam’
s CIPPI Model
Context
Input
Process
Output
Impact
CAMT
CIPPI Model
 การประเมินด้านบริบท หรือประเมินเนือ
้ ความ
ึ ษา
(Context Evaluation ) เป็ นการศก
่ ารพัฒนาเป้ าหมายของ
ปั จจัยพืน
้ ฐานทีน
่ าไปสูก
โครงการ ได ้แก่ บริบทของสภาพแวดล ้อม
ั ทัศน์ แหล่งทุน สภาพความผันผวน
นโยบาย วิสย
ทางด ้านสงั คม เศรษฐกิจ และการเมือง ตลอดจน
แนวโน ้มการก่อตัวของปั ญหาทีอ
่ าจจะเป็ นอุปสรรค
ต่อการดาเนินโครงการ
ิ ใจสาหรับ
 เป็ นการประเมินเพือ
่ ประกอบการตัดสน
การวางแผน (Planning Decision)
CAMT
CIPPI Model
 การประเมินปั จจัยนาเข้า (Input Evaluation)
ิ ธิภาพขององค์ประกอบทีน
เพือ
่ ค ้นหาประสท
่ ามา
เป็ นปั จจัยนาเข ้า อาจจะจาแนกตามปั จจัยทางการ
บริหาร 4 Ms ได ้แก่ ทรัพยากรบุคคล งบประมาณ
สงิ่ อานวยความสะดวก เครือ
่ งมือ อุปกรณ์
ั ยภาพการบริหารงาน ซงึ่ แต่ละ
ครุภณ
ั ฑ์ และศก
่ บุคคล อาจ
ปั จจัยก็ยังจาแนกย่อยออกไปอีก เชน
ั ยภาพ ประสบการณ์
พิจารณาเป็ น เพศ อายุ ศก
ึ ษา
ความรู ้ความสามารถ คุณวุฒท
ิ างการศก
ทัศนคติ ความพึงพอใจ ความคาดหวัง
CAMT
CIPPI Model
 การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation)
ึ ษาต่อจากการประเมินบริบทและปั จจัย
เป็ นการศก
นาเข ้าว่า กระบวนการเป็ นไปตามแผนทีว่ างไว ้ เป็ น
ึ ษาค ้นหาข ้อบกพร่อง จุดอ่อน หรือจุดแข็ง
การศก
ของกระบวนการบริหารจัดการโครงการทีจ
่ ะนา
โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ทวี่ างไว ้ว่ามี
ิ ธิภาพมากน ้อยเพียงใด ทัง้ นี้ แต่ละธุรกิจอาจ
ประสท
มีกระบวนการทีแ
่ ตกต่างกันไป
ิ ใจนาโครงการไปปฏิบต
 การประเมินเพือ
่ ตัดสน
ั ิ
(Implementing Decision)
CAMT
CIPPI Model
 การประเมินผลิตผล (Product Evaluation) เป็ น
ิ ธิผลของโครงการ โดยเฉพาะ
การตรวจสอบประสท
ความสอดคล ้องระหว่างวัตถุประสงค์กบ
ั ผลลัพธ์ท ี่
ิ โดยเกณฑ์
ได ้แล ้วนาเกณฑ์ทก
ี่ าหนดไว ้ไปตัดสน
ั เกณฑ์
มาตรฐานนัน
้ อาจจะกาหนดขึน
้ เองหรืออาศย
ทีบ
่ ค
ุ คลหรือหน่วยงานอืน
่ กาหนดไว ้ก็ได ้
ิ ใจสาหรับการบท
 การประเมินเพือ
่ ประกอบการตัดสน
วนผลการดาเนินงาน (Recycling Decision)
CAMT
CIPPI Model
 การประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) เป็ น
การตรวจสอบผลกระทบของโครงการ outcome ซงึ่
ื เนือ
ถือเป็ นความสบ
่ งจาก Process หรือ output
ของการดาเนินโครงการ อาจเป็ นได ้ทัง้ ผลกระทบ
ด ้านบวกและด ้านลบ
ิ ใจสาหรับการ
 การประเมินเพือ
่ ประกอบการตัดสน
ทบทวน (การสะท ้อนคิด) ผลกระทบทีเ่ กิดขึน
้ จาก
การดาเนินงาน (Review and reflecting
Decision)
CAMT
CAMT
Measurement
ิ ธิภาพ (Efficiency) มีตวั ชวี้ ด
่ สด
ั สว่ นของ
 เกณฑ์ประสท
ั เชน
ผลผลิตต่อค่าใชจ่้ าย ผลิตภาพต่อหน่วยเวลา ผลิตภาพต่อกาลังคน
้
ระยะเวลาในการให ้บริการ (การเปรียบเทียบทรัพยากรทีใ่ ชไปกั
บผล
ทีไ่ ด ้จากการทางานว่าดีขน
ึ้ อย่างไร ใชน้ ้อยได ้มาก)
ิ ธิผล (Effectiveness) มีตวั ชวี้ ด
่ ระดับการบรรลุ
 เกณฑ์ประสท
ั เชน
เป้ าหมาย ระดับการมีสว่ นร่วม (การบรรลุผมตามทีก
่ าหนด อาจเป็ น
เชงิ ปริมาณ)
่ ระดับความพึง
 เกณฑ์ความพึงพอใจ (Satisfaction) มีตว
ั ชวี้ ด
ั เชน
้ การ ของผู ้เข ้าร่วมโครงการ
พอใจของผู ้ใชบริ
 เกณฑ์ความเป็ นธรรม (Equity) มีตว
ั ชวี้ ด
ั คือ การให ้โอกาส ความ
ี ฯลฯ
เป็ นธรรมระหว่างเพศ ระหว่างกลุม
่ อาชพ
่ ผลผลิต
 เกณฑ์ความก ้าวหน ้า (Progress) มีตว
ั ชวี้ ด
ั เชน
เปรียบเทียบกับเป้ าหมายรวมกิจกรรมทีท
่ าแล ้วเสร็จ ทรัพยากร และ
CAMT
Efficiency Evaluation
/
ฉต ผ ย
ซค ช ซ
ซ ย
ซ
ซ ญ
คซ
ซ ฏ ธ
ซ
ฒ
ช ญซ
ชค ชต ธค ้
ซ ญซ
ฉซ
“
.ก. วสสห
”
1.
2.
3.
-
/
4.
/
5.
-
/
(
/
/
/
)
6.
CAMT
CAMT+UNISERV
Performance Measurement
่ จานวนงบประมาณ
ความคุ ้มค่าใชจ่้ าย (Cost effectiveness) เชน
ทีใ่ ชต่้ อชุมชนนักปฏิบต
ั ิ
่ จานวน
 การพัฒนากระบวนการ (Process improvement) เชน
พนักงานจัดการความรู ้ เทียบกับรายได ้องค์กร หรือ ร ้อยละของ
ิ ใจของผู ้บริหารเชงิ ปริมาณหรือเชงิ คุณภาพทีม
การตัดสน
่ ผ
ี ลมา
จากระบบ KM
้ อ
 หรือ อาจวัดประเมินผลโดยใชเครื
่ งมือทางการบริหารจัดการ
่
สมัยใหม่เชน
 กรอบดุลดัชนี (Balanced Scorecard)
ิ ทางปั ญญา (Intellectual Capital)
 ทรัพย์สน

Satisfaction Evaluation
1.
2.
3.
4.
5.
6.
-
1.
2.
3.
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
CAMT
/
โครงการประเมินความพึงพอใจต่อการให ้บริการของ อปค 2556
KIC/CAMT
Key Performance Indicator: KPI
้ ดทีดี
่
ตัวชีวั
ั ทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์
 มีความสอดคล ้องกับ วิสย
ิ่ ทีม
 ควรแสดงถึงสง
่ ค
ี วามสาคัญเท่านัน
้
 ประกอบด ้วยเหตุ และ ผล
 ประกอบด ้วยมิตห
ิ รือมุมมองทีห
่ ลากหลาย
 ต ้องมีบค
ุ คลหรือหน่วยงานทีร่ ับผิดชอบทุกตัว
 องค์กรสามารถควบคุมได ้อย่างน ้อยร ้อยละ 80
 สามารถวัดได ้และเป็ นทีเ่ ข ้าใจของบุคคลทัว
่ ไป
 สามารถติดตามการเปลีย
่ นแปลงต่างๆได ้ดี
 ต ้องไม่กอ
่ ให ้เกิดความขัดแย ้งภายในองค์กร
CAMT
Competency Assessment
กระบวนการในการประเมิน ความรู ้ ความสามารถ ทักษะ
และพฤติกรรมการทางานของบุคคลในขณะนั้นเปรียบเทียบกับ
่
ระดับสมรรถนะทีองค
์กรคาดหวัง
วัตถุประสงค ์ของการประเมินสมรรถนะในการทางาน
่ ้ในการพัฒนาบุคลากรและเพือใช
่
1. เพือใช
้ในการปร ับปรุงงาน
่ ฒนาบุคลากรให ้สามารถทางานให ้บรรลุเป้ าหมายของ
2. เพือพั
องค ์กร
่ ้เห็นภาพปัญหาและอุปสรรคในการทางานเพือเป็
่ นข ้อมูล
3. เพือให
ในการปร ับปรุงระบบและพัฒนาบุคลากร
่ ้บรรยากาศในการทางานร่วมกันของบุคลากรเป็ นไปอย่าง
4. เพือให
สร ้างสรรค ์และร่วมกันพัฒนาองค ์กรให ้บรรลุตามเป้ าหมาย
Camt
่
่
What does competency mean?
Individual Characteristic
1.Body of Knowledge องค ์ความรู ้
“ต้องมีความรู ้อะไรบ้าง”
2.Skill ทักษะต่างๆ
“ต้องสามารถทาอะไรได้บา้ ง”
3.Attributes คุณลักษณะ
“ต้องมีลก
ั ษณะอย่างไร”
่
Self-concept ความคิดเห็นเกียวกั
บ
ตัวเอง
Traits ลักษณะนิ
สยั /อุปนิ สยั
David McClelland
CAMT
Motives แรงผลักดัน
Productivities
Competency
Knowledge and Skill “ คุณลักษณะของบุคคล
่ าให้บุคคลแต่ละคนกระทาหรือปฏิบต
ทีท
ั ส
ิ งใด
ิ ่ ๆ ที ่
บรรลุผลในระดับต่างๆกัน
หรือ เป็ นคุณลักษณะของบุคคลทีส่่ งผลให้การ
ปฏิบต
ั งิ านบรรลุผลเป็ นเลิศ”
่ กดัน
Attribute “เป็ นคุณลักษณะของบุคคลทีผลั
ให้บุคคลแสดงพฤติกรรมหรือการกระทาใดที ่
แสดงออกเป็ นประจา ในทุกๆ หรือหลาย
สถานการณ์”
Camt
Competency
้
่ ดจากการเรียน หรือวิชาชีพ
 Knowledge ข ้อมูล เนื อหาเฉพาะที
เกิ
 Skill ทักษะความสามารถหรือความชานาญในการปฏิบต
ั ิ หรือการ
การใช ้ความคิดวิเคราะห ์
 Attribute คุณลักษณะเฉพาะ

Self-concept ความคิดเห็นภายในตัวเอง
Attitude
 Value
 self-image

กระตุนให
้ ้เกิดพฤติกรรมต่างๆ
รวมถึงการแสดงออกทาง social role
Trait อุปนิ สยั ส่วนบุคคล (การตอบสนองของบุคคลต่อข ้อมูลและ
สถานการณ์ทเผชิ
ี ่ ญ)
่
 Motive ช่วยเป็ นแรงขับในการกาหนดทิศทางของบุคคลเพือแสดงออกถึ
ง
่
พฤติกรรม หรือการตอบสนองต่อเป้ าหมายหรือการถอยออกจากสิงเหล่
าCamt
นั้น
้

Competency
Individual Characteristic
ง่ ายต่อการพัฒนา
จาเป็ นต่อการทางานให้สาเร็จ
ยากต่อการพัฒนา
์
มีผลต่อผลสัมฤทธิของงาน
David McClelland
CAMT
Productivities
Type & Level of Competency
Organization
competency
• generic competency
• Job/area
competency
Personal competency
• core competency
• functional
competency
 ขัน
้ พืน
้ ฐาน basic (ควรมี)
 ขัน
้ ปฏิบต
ั ก
ิ าร adequate
(จาเป็ นต ้องมี)
 ขัน
้ ประยุกต์ develop
(ปรับใชกั้ บงานได ้ดี)
้ ้อย่าง
 ขัน
้ ก ้าวหน ้า (ใชได
ชานาญ advance)
ี่ วชาญ expert
 ขัน
้ เชย
Camt
Competency
คิดเป็ น
ปฏิบต
ั ไิ ด ้
แก ้ไขปัญหาได ้
ถ่ายทอดได ้
พัฒนาให ้ดีกว่าเดิมได ้
Better ดีกว่า
Faster เร็วกว่า
Productivities
Camt
Competency Assessment
การประเมินโดยผู บ
้ งั คับบัญชา (Boss Assessment)
การประเมินตนเองและผู บ
้ งั คับบัญชา (Self & Boss
Assessment)
การประเมินโดยใช้แบบทดสอบ (Test : Knowledge
& Skill)
ประเมินโดยการสัมภาษณ์ (Interview)
การประเมินโดยใช้แบบสอบถาม (Rating Scale)
การประเมินจากพฤติกรรมการปฏิบต
ั งิ าน
(Behaviorally Anchored Rating: BARS)
ประเมินแบบสามร ้อยหกสิบองศา (360 Evaluation)
Camt
การประเมินแบบศูนย ์ทดสอบ (Assessment Center)
Competency Assessment
้
องค ์ประกอบพืนฐานส
าหร ับการประเมินสมรรถนะ
Knowledge
1. ความรู ้
2. ความเข ้าใจ
่ ้องทราบ
3. ข ้อมูลข่าวสารทีต
Skill
1. ทักษะหรือความชานาญ
2. ความสามารถในการแปลงหรือนาความรู ้ไปใช ้ (ไหวพริบ)
่ อ เครืองจั
่ กร
3. ความสามารถในการใช ้อุปกรณ์ เครืองมื
Attribute
่ ตอ
1. ทัศนคติหรือความคิดทีมี
่ งาน
2. พฤติกรรมต่อการทางาน
3. ลักษณะหรืออานาจการตัดสินใจ
Camt
การกาหนด COMPETENCY
Standard Requirement ตาแหน่ งงานนั้นต ้องทาอะไร
ได ้บ ้าง
Achieve Effective Performance พฤติกรรมหลัก
่ ต ้องทาได ้
ของแต่ละเรืองที
Standard Performance มาตรฐานผลงานของแต่ละ
่ ต
่ ้องทาได ้
เรืองที
่ ้สามารถทางานได ้
Evidence of Achievement เพือให
่ าหนดผูป้ ฏิบต
ตามมาตรฐานผลงานทีก
ั ต
ิ ้องอาศัยความรู ้
่
ความเข ้าใจ ทัศนคติและความชานาญในเรืองอะไรบ
้าง
Technical Support ผูป้ ฏิบต
ั ต
ิ ้องมีบค
ุ ลากร อุปกรณ์Camt
ตัวอย่างการแบ่งระดับ COMPETENCY 5 ระดับ
competency ความคิดริเริม
่ สร ้างสรรค์
ระดับที5่ มีการเสนอความคิดเห็นในการพัฒนางานอยู่
ตลอดเวลาทัง้ งานของตนเองและงานของหน่วยงาน
ั ซอนมาใช
้
้
ระดับที4
่ มีการนาเอาเครือ
่ งมือ เทคนิคทีซ
่ บ
พัฒนาความคิดสร ้างสรรค์
้ อ
ระดับที3
่ มีความคิดริเริม
่ ปานกลางและใชเครื
่ งมือเทคนิค
มาชว่ ยปรับปรุงความคิดในระดับปานกลาง
ระดับที่ 2 มีความคิดริเริม
่ ปรับปรุงงานด ้วยตนเองบ ้างแต่ไม่
บ่อยนัก
ระดับที่ 1 ต ้องได ้รับการกระตุ ้นจากหัวหน ้างานจึงจะมี
ความคิดริเริม
่ สร ้างสรรค์
ตัวอย่างการแบ่งระดับ COMPETENCY 5 ระดับ
competency การพัฒนาตนเอง
ระดับที่ 5 สามารถพัฒนาทักษะในการทางานของตนเอง
และเพือ
่ นร่วมงานให ้ดีขน
ึ้ กว่าเดิมอย่างรวดเร็ว
ระดับที่ 4 สามารถพัฒนาทักษะในการทางานของตนเองได ้
ค่อนข ้างเร็วและมีการพัฒนาทักษะเพือ
่ นร่วมงานปาน
กลาง
ระดับที่ 3 มีการพัฒนาทักษะการทางานของตนเองแต่ยัง
ค่อนข ้างชา้
้
ระดับที่ 2 มีการพัฒนาทักษะการทางานของตนเองชามาก
และต ้องได ้รับการกระตุ ้นจากหัวหน ้างานจึงจะเร็วขึน
้
ระดับที่ 1 ต ้องได ้รับการกระตุ ้นจากหัวหน ้างานเท่านั น
้ จึงจะ
เกิดการพัฒนาทักษะการทางานของตนเอง
ตัวอย่างการแบ่งระดับ COMPETENCY 5 ระดับ
competency ด ้านการบริการลูกค ้า
ระดับที่ 5 สามารถกาหนดกลยุทธ์ในการสร ้างความพึงพอใจ
ให ้กับลูกค ้าได ้อย่างถูกต ้องทุกครัง้ ในสถานการณ์ตา่ งๆ
และสถานการณ์ทค
ี่ บ
ั ขัน
ระดับที่ 4 สามารถกาหนดกลยุทธ์ในการสร ้างความพึงพอใจ
ให ้แก่ลก
ู ค ้าได ้ถูกต ้องเป็ นสว่ นใหญ่และบางครัง้ ใน
สถานการณ์คบ
ั ขัน
ระดับที่ 3 สามารถกาหนดกลยุทธ์ในการสร ้างความพึงพอใจ
ให ้แก่ลก
ู ค ้าได ้สถานการณ์ตา่ งๆได ้ในระดับปานกลาง
ระดับที2
่ สามารถกาหนดกลยุทธ์ในการสร ้างความพึงพอใจ
ลูกค ้าให ้แก่ลก
ู ค ้าได ้น ้อย
ี้ นะหรือการกระตุ ้นจากหัวหน ้า
ระดับที่ 1 ต ้องได ้รับการชแ
งานเท่านัน
้ จึงจะสามารถกาหนดกลยุทธ์การบริการที่
ลูกค ้าพึงพอใจได ้
ตัวอย่างระดับการประเมิน
www.ocsc.go.th
Camt
Organization Competency Assessment
่
ตัววัดสมรรถนะทีองค
์กรนามาใช ้ต ้องสามารถ บ่งบอกถึงกล
ยุทธ ์ในการดาเนิ นงานขององค ์กร สามารถเข ้าใจและนาไปสู่
การพัฒนาให ้บรรลุเป้ าหมายขององค ์กรได ้ และบ่งบอกถึง
้ จจัยภายในและภายนอกต่อองค ์กร
แนวโน้มของผลกระทบทังปั
ได ้
Department of Industrial Promotion
Camt
Organization Competency Assessment
Camt
HRM/HRD
Dr. Nopasit
การวิเคราะห ์องค ์กร Organization
Analysis
Organization Structure
่ นงาน หน ้าทีค
 Function การแบ่งสว
่ วามรับผิดชอบ กว ้างๆ
ด ้านต่างๆ

Strategic Business Unit


ิ้ ค ้า ฝ่ ายขาย
ฝ่ายผลิต/บริการ/ขาย___ ต่างๆ ได ้แก่ ฝ่ ายผลิตสน
Support Unit

ั
ี ารเงิน ฝ่ ายนโยบาย
ฝ่ายสนับสนุ
ุ นด้าน___ ต่างๆ ได ้แก่ ฝ่ ายบัญชก
วางแผน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์
 System ทาซ้าๆ มีรอบการทางาน เป็ นระบบ มีระเบียบ
 ระบบผลิต/บริการ Front Line/Office


ระบบการผลิต/บริการ___ ต่างๆ ได ้แก่ ระบบการผลิต ระบบการบริการ
ระบบสนับสนุน Back Office

่ ระบบงานงบประมาณ ระบบงานบัญช ี
ระบบงาน___ ต่างๆ เชน
 Business Process เกิดผลผลิตหรือผลลัพธ์ทางธุรกิจ
Dr. Nopasit
่ การวางแผน การรายงาน
 การ___ ต่างๆ เชน
การวิเคราะห ์ตาแหน่ งงาน Job
Analysis
 Job Description

Duty Area ขอบเขตความรับผิดชอบ


สงิ่ ทีร่ ับผิดชอบ Object ร ับผิดชอบ___ ต่างๆ ได ้แก่ สว่ นงานต่างๆบุคลากร
อุปกรณ์ อาคารสถานที่ ระเบียบ ข ้อมูล กระบวนวิชา
Task ภาระกิจ

ทางาน___ ต่างๆ ได ้แก่ วางแผน พัฒนา ดาเนินการ ฝึ กอบรม วิจัย พัฒนา บน
Duty Area
 Job Specification

Knowledge ความรู ้ รับผิดชอบได ้ ทาได ้


Skill ทักษะ ทางงานได ้ดี


่
ความรู ้เรือง___
ต่างๆ ได ้แก่ระเบียบ วิธก
ี าร เทคโนโลยี การจัดการ มาตรฐาน
ระบบสารสนเทศ(ครอบคลุมสงิ่ ทีร่ ับผิดชอบ)
่ การเขียน (ครอบคลุมงาน)
ทักษะการ___ ต่างๆ เชน
Attitude ทัศนคติ

่ นิสย
ั ต่อเวลา (ลักษณะนิสย
ั ทีต
นิ สย
ั ___ ต่างๆ เชน
่ ้องการ)
 Proficiency/Competency Level





0-Level Non Required
1-Level Basic Concepts
2-Level Routine Works
3-Level Problem Solving
4-skill
=
=
=
=
=
knowledge
skill
attitude (viewpoint)
cooperation
Dr. Nopasit
novelty
Final report
 1. How to develop your organization, using the
following figure of KM process for explanation?
Problem
Interest topic
Organization you
focus?
Target group?
Identify
Problem
Ideas to
Solution
Ideas to identify Proposes any
problem
KM theories
& KM activities
that fit in your
problem
How to …
Evaluation
Knowledge
Tools
content analysis
Using KM process
or KM theories for
explanation
 2. Explain about human and process for KM, using
case study :Siriraj Hospital
CAMT
References
ิ ฎ์ จักรพิทก
 ณพศษ
ั ษ์ (2552) ทฤษ ี การจัดการความรู ้
ิ ปะ สอ
ื่ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชย
ี งใหม่
วิทยาลัยศล
 บุญดี บุญญากิจ และคณะ (2549) การจัดการความรู ้ จาก
ทฤษ ส
ี ูก
่ ารปฏิบต
ั ิ สถาบันเพิม
่ ผลผลิตแห่งชาติ
้
ี รปั ญญา (2547) การจัดการความรู ้: พืนฐาน
 พรธิดา วิเชย
และการประยุกต ์ใช้ บริษัท เอ็กซเปอร์เน็ ท จากัด