อาหารและสารอาหาร

Download Report

Transcript อาหารและสารอาหาร

สารอาหารกับการดารงชีวติ
สารอาหาร ( NUTRITION )
• หมายถึงสิ่ งที่เป็ นองค์ประกอบพื้นฐานของอาหาร
• แบ่งประเภท ความสามารถในการให้พลังงาน
– สารอาหารที่ให้พลังงาน
• คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน
– สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน
• เกลือแร่ วิตามิน และ น้ า
คาร์ โบไฮเดรต ( CARBOHYDRATE )
•
•
•
•
•
เป็ นสารอาหารทีป่ ระกอบ
ด้ วยธาตุ C H และ O
โดยมี อัตราส่ วนระหว่ าง
H:O =2 : 1
เป็ นสารอาหารหลักในการ
สลายให้ พลังงานแก่ สิ่งมีชีวติ
คาร์ โบไฮเดรต ( CARBOHYDRATE )
•
ประเภทคาร์ โบไฮเดรต
– นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว ( MONOSACCHARIDE )
• 3 C นา้ ตาล Triose ( C3H6O3 ) เช่ นนา้ ตาล ฟอสโฟกลีเซอรัลดี
ไฮด์
– เป็ นนา้ ตาล ตัวแรกทีไ่ ด้ จากกระบวนการสั งเคราะห์ แสง
• 4 C นา้ ตาล Tetrose ( C4H8O4 ) เช่ นนา้ ตาลอีรีโทส
• 5 C นา้ ตาล Pentose ( C5H10O5 ) เช่ นนา้ ตาลไรโบส
– ดีออกซิไรโบส ( C5H10O4 ) ซึ่งเป็ นองค์ ประกอบของสารพันธุกรรม
• 6 C นา้ ตาล Hexose ( C6H12O6 ) ได้ แก่กลูโคส ฟรุกโตส และ
– กาแลคโตส
สูตรโครงสร้างของน้ าตาลที่มีคาร์บอน 3 และ 5
นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว ( MONOSACCHARIDE )
กลูโคส
สู ตรโมเลกุล C6H12O6
C กลูโคสสามารถ สลายให้ พลังงานได้
D กลูโคสไม่ สามารถสลายให้ พลังงานได้
• พบในองุ่น
• หรือเรียกว่ าน้าตาลองุ่น
• เป็ นน้าตาลทีม่ ีมากทีส่ ุ ด
ในธรรมชาติ
• เป็ นองค์ ประกอบหลักทั้ง
แป้ ง ไกลโคเจน และ
เซลลูโลส
นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว ( MONOSACCHARIDE )
นา้ ตาล กาแลคโตส
CH2OH
C
OH H
C
H
OH
C
H
O
OH
C
H
H
C
OH
•
•
•
•
•
•
มักไม่ ค่อยพบเป็ นอิสระ
มักรวมกับกลูโคสเป็ น
นา้ ตาลแลคโตส ซึ่งพบ
ในนา้ นม
เป็ นองค์ ประกอบของวุ้น
ทีส่ กัดมาจากสาหร่ ายสี
แดง
นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว ( MONOSACCHARIDE )
นา้ ตาล ฟรุกโตส
• เป็ นนา้ ตาลทีม่ รี สหวาน
มากทีส่ ุ ด
• พบมากในนา้ ผึง้
• ซึ่งนา้ ผึง้ มี ฟรุกโตส
• เป็ น องค์ ประกอบ 40
%
• ให้ พลังงาน แก่ ตวั อสุ จิ
โอลิโกแซกคาร์ ไรด์ ( OLIGOSACCHARIDE )
เป็ นนา้ ตาลทีเ่ กิดจากนา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว 2 โมเลกุล
รวมกันทางเคมี โดยมีแรงยึด เหนี่ยวทางเคมี หรือมี
พันธะเคมีชนิดทีเ่ รียกว่ า glycoside bond จาก
ปฏิกริ ิยา รวมตัวจะเกิดนา้ ( H2 O ) ขึน้ มา 1
โมเลกุล
เรียก ปฏิกริยาการรวมตัวนีว้ ่ า Dehydration
การรวมตัวกันของน้ าตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็ นน้ าตาล
โมเลกุลคู่
•
C6H12O6
H2O
+
C6H12O6
• กลูโคส + กลูโคส
นา้
• กลูโคส + ฟรุกโตส
นา้
dehydration
dehydration
dehydration
C12H22O11+
มอลโตส +
ซู โคส
+
การรวมตัวกันของน้ าตาลโมเลกุลเดี่ยวเป็ นน้ าตาลโมเลกุลคู่
การรวมตัวการของนา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ วเป็ นนา้ ตาลโมเลกุลให่่
นา้ ตาลโมเลกุลให่่ ( POLYSACCHARIDE )
ความสาคั่ของคาร์ โบไฮเดรต
•
เป็ นแหลงให
่
้พลังงานแก่
สิ่ งมีชีวติ ที่สาคัญที่สุด โดยเฉพาะกลูโคสเปรี ยบ
เป็ น energy pool
•
เป็ นอาหารสะสมเช่น แป้ง
และไกลโคเจน
•
เป็ นโครงสรางของสิ
่ งมีชว
ี ต
ิ
้
แหล่งอาหารที่สาคัญที่สุดของคาร์โบไฮเดรต
มาจากพืชเป็ นส่ วนใหญ่
ไขมัน ( LYPID )
ประกอบดวยธาตุ
้
C H และ O
• ไขมันเป็ นสารอาหารหลัก
ที่จาเป็ นต่อการดารงชีวิต
ชนิดหนึ่งไขมันเป็ น lypid
ชนิดหนึ่งที่มี สถานะเป็ น
ของแข็งที่อุณหภูมิหอ้ ง
• ส่ วน oil เป็ นไขมันที่เป็ น
ของเหลวที่อุณหภูมิหอ้ ง
ประเภทของไขมันแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท
1. ไขมันธรรมดา ( SIMPLE LYPID )
ได้แก่ ไขมัน ( fat )
acid
น้ ามัน ( Oil )
ไข ( wax )
ประกอบดวย
กลีเซอรอล + fatty
้
2. ไขมันเชิงประกอบ ( COMPOUND LIPID ) เป็ น
ไขมัน
ธรรมดามีหมู่ธาตุอื่นเป็ นองค์ประกอบ
3. อนุพนั ธ์ไขมัน ( DERIVED LIPID ) เกิดจากการ
โครงสร้างของโมเลกุลของไขมัน
H
H - C - OH
H - C - OH
O
R - C - OH
H - C - OH
H
กลีเซอรอล
Fatty acid
โครงสร้างของโมเลกุลของไขมัน
•
H
• H - C - O H O H - C = O - R + H2O
• H - C - OH OH-C = O-R
+ H2O
• H - C - O H O H - C = O - R + H2O
•
H
ไตรกลีเซอไรด์ ( TRIGLYCERIDE
ชนิดของไขมัน
แบง่ ตามความตองการของ
้
ร่ างกาย
• กรดไขมันที่จาเป็ นต่ อร่ างกาย คือกรดไขมันที่
ร่ างกายขาดไม่ ได้ มผี ลต่ อการเจริ่เติบโต ของร่ างกาย
และร่ างกายไม่ สามารถสั งเคราะห์ ขนึ้ มาได้ ได้ แก่ กรดไล
โนเลอิกกรดโนเลอิก ถ้ าขาดมีอาการผิวหนังแตกและติด
เชื้อง่ าย
•
• กรดไขมันที่ไม่ จาเป็ นจ่ อร่ างกาย คือกรดไขมันที่
ชนิดของไขมัน
• แบ่ งตามระดับความอิม่ ตัว
• กรดไขมันที่ไม่ อมิ่ ตัว หมายถึงกรดไขมันที่ C ใน
โมเลกุล จับเกาะอยู่ไม่ เต็มที่ หรือ Bond แบบคู่สามารถที่
จะรับ H เข้ าไปในโมเลกุลได้ อกี
• กรดไขมันแบบอิม่ ตัว หมายถึงกรดไขมัน ที่ C จับกัน
อย่ างเต็มที่ หรือ Bond แบบเดีย่ ว โมเลกุล ของ H ไม่
สามารถ เข้ าไปจับในโมเลกุลได้
โครงสร้ างกรดไขมันอิม่ ตัว
C15H31COOH
C17H35COOH
B และ C เป็ นกรดไขมันที่ไม่ อมิ่ ตัว
ไขมันเชิงประกอบ ( COMPOUND
LIPID)
เป็ นไขมันธรรมดา + ธาตุหมู่อนื่ ๆ แบ่ งเป็ น
ฟอสโฟไลปิ ด
เป็ นไขมันทีม
่ ี
ฟอสเฟต + แอลกอฮอร์
พบ ในเซลล์
เนื้อเยือ่ ประสาท
ไกลโคไลปิ ด
ธรรมดา + คาร์โบไฮเดรต
เส้นประสาท ไต ตับ
เป็ นไขมัน
พบมากในเซลล์สมอง
อนุพนั ธ์ ของกรดไขมัน
สเตอรอยด์ (STEROID )
•
ู ร
เป็ นอนุ พน
ั ธ ์ ของไขมันมีสต
โครงสร้างแตกต่างจากไขมัน คือ มี C ของสเตอรอยด์
เรี ยงกันเป็ นวง 4 วงและอาจมี C ที่เป็ นแขนงออกไปอีก
มีความสาคัญต่อสิ่ งมีชีวติ พบในต่อมต่าง ๆ เช่นต่อม
หมวกไต ในอวัยะเพศชายและเพศหญิง สร้างฮอร์โมนที่
เป็ นสเตอรอยด์หลายชนิด รวมทั้งคลอเลสเตอรอล เออร์
โกสเตอรอล เป็ นสเตอรอยด์ที่ร่างกายสังเคราะห์วติ ามิน
D
อนุพนั ธ์ ไขมัน ( DERIVED LIPID )
• เกิดจากการสลายของไขมันธรรมดา หรื อไขมันเชิง
ประกอบ
• สเตอรอยด์ (STEROID ) เป็ นส่ วนประกอบ ของ
ฮอร์โมนเพศ
• เทอเปน ( TERPENE ) พบในน้ ามันหอมระเหย
จากพืช
กรดไขมันที่อิ่มตัวและไม่อิ่มตัว
•
•
•
•
•
กรดไขมันที่อิ่มตัว
กรดคลอริ ค
กรดไมรี สติก
กรดปาลมิติก
กรดสเตียริ ก
• กรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว
•
อิก
กรดโอเล
•
กรดไลโนเล
นิก
•
กรดไลโนเล
หน้าที่ของไขมัน
• ป้องกัน อวัยวะภายใน
อ
่ หุ้มเซลล ์
• เป็ นโครงสรางของเยื
้
• เป็ นฉนวนป้องกันความรอน
้
•
สามารถเปลีย
่ นเป็ นวิตามิน D ได้
•
เป็ นตัวทาละลายวิตามิน A D E K
• ให้พลังงานมากที่สุด คือ 9 กิโลแคลอรี ต่อ ไขมัน 1 กรัม
• เป็ นส่ วนประกอบของอวัยวะต่าง ๆ เช่นระบบประสาท
ของ สัตว์ ที่ มีกระดูกสันหลัง
โปรตีน ( PROTEIN )
ธาตุหลัก คือ C H O และ N
มี 1 ใน 7 ของนา้ หนักตัว
โปรตีน ( PROTEIN )
• โปรตีนเป็ นสารอาหารที่ มีอยูใ่ นสิ่ งมีชีวติ ทั้งพืช
และสัตว์ มี ความสาคัญในการเสริ มสร้างการ
เจริ ญเติบโตและซ่อมแซมส่ วนต่าง ๆของร่ างกาย
ตลอดจนควบ คุมความเป็ นกรด ด่างในเลือด และ
รักษาระดับของเหลวภายในร่ างกาย ให้อยูใ่ นภาวะ
ปกติ
• โปรตีน ภาษากรี ก แปลว่า มาเป็ นที่ หนึ่ง
สูตรโครงสร้ างของกรดอะมิโน
•
•
•
•
CH
H2N
COOH
R
เป็ นแกนกลาง
กลุ่ม เอมีน
กลุ่ม คาร์ บอกซิล
กลุ่ม อาร์ คลิ
หรือ side chain
ลาดับการเรี ยงตัวกันของกรด อะมิโนทาให้เกิด
โปรตีน 4
แบบ
โครงสร้ างปฐมภูมิ
• เป็ นการเชื่อมต่ อกันของ
กรดอะมิโนทีท่ าให้ เกิด
โครงสร้ างเป็ นสายยาว
โครงสร้ างแบบนีข้ องโปรตีน
สามารถนามาเป็ นเกณฑ์ ใน
การจาแนกความสั มพันธ์ ของ
สิ่ งมีชีวติ ได้
• โปรตีนที่มีโครงสร้ างเป็ นสาย
ลาดับการเรี ยงตัวกันของกรด อะมิโนทาให้เกิด
โปรตีน 4
แบบ
โครงสร้ าง
ทุตยิ ภูมิ
• เป็ นโครงสร้างที่มีลกั ษณะเป็ น
เกลียวหรื อลูกคลื่นเนื่องจากแรง
ดึงดูดของพันธะไฮโดเจนภายใน
โพลีเพปไทด์เส้นเดียวกัน
• เช่นแอลฟาเคราตินจากขนแกะ
ไมโอซิ น จากกล้ามเนื้อ
•
อิพเิ ดอรมิ
์ น จาก
ผิวหนัง
ลาดับการเรี ยงตัวกันของกรด อะมิโนทาให้เกิด
โปรตีน 4
แบบ
• เป็ นโครงสร้างที่สายโปลีเพป
ไตท์ขดไปมา มีลกั ษณะกลม
( globular protein )
เนื่องจาก
โครงสร้ างตติยภูมิ
•
มีแรงดึงดูด
ระหว่างพันธะไฮโดรเจน
•
เช่นไมโอโกลบิน
ในเซลล์กล้ามเนือ และเนือเยือ่
ลาดับการเรี ยงตัวกันของกรด อะมิโนทาให้เกิด
โปรตีน 4
แบบ
โครงสร้างจตุรภูมิ
• เป็ นโครงสร้างที่โปรตีนเกิด
• จากโพลีเพปไตท์มากกว่า 1
เส้น มารวมกลุ่มเป็ นกลุ่มด้วย
แรงแวนเดอร์วาลล์ทาให้
สามารถเปลี่ยนโครงสร้างให้
เหมาะสมกับหน้าที่ของโปรตีน
เหล่านั้นได้ เช่นฮีโมโกลบิน
กรด อะมิโนแบ่งออกเป็ น 2 ชนิด คือ
•
กรดอะมิโนทีจ
่ าเป็ น
amino acids )
( essential
เป็ นกรดอะมิโนทีร่ างกายไม
่
่
สามารถสังเคราะห์ข้ ึนมาใช้ ต้องได้รับจากอาหาร มี 8
ชนิด
• กรด อะมิโนที่ไม่จาเป็ น ( nonessential amino acids )
•
•
เป็ นกรด อะมิโนทีร่ างกายสามารถ
่
สังเคราะห์ได้ มี 11 ชนิด
กรดอะมิโนทีจ่ าเป็ นมี 8 ชนิด
•
•
•
•
ลิวซีน
ไอโซลิวซีน
ไลซีน
เมไธโอนีน
•
•
•
•
ฟี นิลอลานีน
ทริโอนีน
ทริปโตเฟน
วาลีน
หน้ าที่ และความสาคั่ของโปรตีน
• เป็ นองค์ประกอบและโครงสร้างของร่ างกาย
• ซ่อมแซมส่ วนที่สึกหรอต่อร่ างกาย
• โปรตีนบางชนิดทาหน้าที่พิเศษเฉพาะ
– เป็ น เอนไซม์ เร่ ง ปฏิกริ ยาในเซลล์สิ่งมีชีวิต
– เป็ นฮอร์โมน เช่น อินซูลิน เอสโทรเจน
– เป็ น
Antibody ทาลายสิ่ งแปลกปลอมใน
ร่ างกาย
เกลือแร่ ( mineral )
• ร่ างกายของคนเรา
ประกอบด้วยธาตุ C H O
และ N ประมาณ 96 %
และ อีก
• 4 % เป็ นแร่ ธาตุอื่น ๆ แร่
ธาตุต่าง ๆ เหล่านี้เป็ น
ส่ วนประกอบของอาหาร
หน้าที่สาคัญของแร่ ธาตุและแหล่งอาหารชนิดต่าง ๆ
แคลเซียม ( Ca ) เป็ นส่ วนประกอบของกระดูกและ
ฟัน และช่วยให้เลือดแข็งตัว ถ้าขาดจะเป็ นโรคกระดูก
อ่อน
คะน้ า
นม
เนยแข็ง
กุ้งแห้ ง
หน้าที่สาคัญของแร่ ธาตุและแหล่งอาหารชนิดต่าง ๆ
ฟอสฟอรัส ( P )
ส่ วนประกอบของกระดูก
ส่ วนประกอบของกรดนิวคลีอิก และรักษาสมดุลของกรด
- เบส ถ้าขาดจะเกิดโรคกระดูกอ่อน อ่อนเพลีย
ถั่วและถั่วเหลือง
เนยแข็ง
นม
โปตัสเซียม ( K )
•
•
•
•
การหดตัวของกล้ามเนื้อ
การเกิดกระแสประสาท
การเต้นของหัวใจ
ถ้าขาดจะทาให้การ
กระตุน้ ของประสาทช้า
ลง หัวใจเต้นช้าลง
โซเดียม ( Na )
• เกลือแกง
• รักษาสมดุลของ
ของเหลวภายในเซลล์
• รักษาระดับ pH
• การเกิดกระแสประสาท
• ถ้าขาด จะเป็ นตะคริ ว
• กล้ามเนื้อชักกระตุก
แมกนีเซียม ( Mg )
ผักใบเขียวทุกชนิด
• คุมการทางานของ
กล้ามเนื้อประสาท
• ส่ วนประกอบของ
โครงสร้างของกระดูก
• ถ้าขาด กล้ามเนื้อจะชัก
กระตุก เพ้อ สัน่
• อาจตายได้( วัยรุ่ นมัก
ขาด)
คลอรีน ( Cl )
• เป็ นอิออนประจุลบที่มี
ความสาคัญที่สุดของ
ร่ างกาย
• เป็ นส่ วนประกอบของ
HCL ในกระเพาะอาหาร
•
เกลือแกง
รักษาระดับ
pH
• ถ้าขาดจะทาให้อาเจียร
เหล็ก (
Fe )
ส่วนประกอบ
ของฮีโมโกลบิน
• 2/3 ของธาตุอยูใ่ น
เลือด
• 1/3
อยูใ่ น ตับ
ม้ามไขกระดูก
• ถ้าขาดเป็ นโรคโลหิตจาง
•
มะเขือพวง ถั่วเหลือง ไข่ แดง ตับ
ไอโอดีน ( I2 )
• เป็ นส่ วนประกอบ ของ
ฮอร์โมน
• ถ้าขาด
• วัยเด็กจะแคระแกรน
• ผูใ้ หญ่จะเป็ โรคคอพอก
อาหารทะเล เกลือสมุทร
วิตามิน ( VITAMIN )
• เพราะมีความจาเป็ นต่อร่ างกาย
โดยวิตามินจะมีบทบาทต่อร่ างกาย
ในด้าน
เป็ นสารอินทรีย์ทรี่ ่ างกาย
ต้ องการน้ อยมากแต่ ขาดไม่ ได้
–
ช่วยป้องกันและ
ต้านทานโรค
–
เป็ นองคประกอบ
์
ของเอนไซม์
–
เป็ นปัจจัยใน
กระบวนการทางสรี ระ เช่น
ประเภทของวิตามิน
• วิตามินที่ละลายในน้า
• ได้ แก่ วติ ามิน B C
• Carnitine , Biotin
• ไม่ สะสมในร่ างกายถ้ ามี
มากร่ างกายจะขับออก
ทางปัสสาวะ
• วิตามินที่ละลายในไขมัน
• ได้แก่วติ ามิน A D E K
• สะสมในร่ างกายถ้ามี
มากจะเป็ นผลเสี ยต่อ
ร่ างกาย
วิตามิน A ( Retinol )
ผักผลไมสี้
เหลือง
น้ ามันตับปลา นม ไข่แดง
• ช่ วยการมองเห็น
• เยือ่ บุอวัยวะต่ าง ๆทางาน
เป็ นปกติ
• ถ้ าขาด เป็ นโรค
• ตาบอดกลางคืน
• ผิวหนังแห้ ง เป็ นตุ่ม
วิตามิน D ( CALCIFERAL )
• ช่วยดูดซึ ม Ca , P จาก
ลาไส้
• การกระชับของ Ca , P
ของกระดูก
• ถ้าขาด เด็ก จะกระดูกอ่อน
นา้ มันตับปลา ไข่ แ ดง นม เนย • ผูใ้ หญ่ จะฟันผุ
วิตามิน E
น้ ามันพืช ถัว่
• ทาให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง
• ทาให้ป้องกันการ เป็ นหมัน
ในสัตว์ตวั ผู้
• ถ้าขาด จะเป็ นโรคโลหิ ต
จางชนิดเม็ดเลือดแดงแตก
ง่าย เป็ น หมันในสัตว์ตวั ผู้
วิตามิน K
สรางโปรตี
นที่
้
เกี่ยวกับการแข็งตัวของ
เลือดคือ โปรทรอมบิน
• ถ้าขาดเลือดจะออกง่าย
และไม่แข็งตัว
•
เห็ด ข้ าวโพด
วิตามิน B
เป็ น
ส่ วนประกอบของโค
เอนไซม์ในกระบวนการ
หายใจระดับเซลล์
• ถ้าขาด เป็ นโรคเหน็บชา
• ประสาทผิดปกติ
•
•
อ
อนเพลี
ย
่
ข้ าวซ้ อมมือ ถัว่ เหลือง นม ยีสต์ เนือ้ หมู
เบื่ออาหาร
วิตามิน บี 2
• เป็ นส่ วนประกอบของ
โคเอนไซม์ FAD
• ถ้าขาด เป็ นโรค
•
ตับ เนือ้ สั ตว์ ผักใบเขียว ไข่ นม
•
•
ปากนกกระจอก
ตาสู้แสงไมได
่ ้
ผิวหนังแตก
สรุปเกีย่ วกับวิตามิน
• วิตามินที่ร่างกาย
ต้ องการมากทีส่ ุ ดคือ
วิตามิน C
• ส่ วนวิตามินที่ต้อง
การน้ อย ที่ สุ ดคือ
วิตามิน D
สรุปเกีย่ วกับวิตามิน
• วิตามินที่ร่างกายสังเคราะห์ได้
เองโดยตรง คือ วิตามิน C
สร้างได้จากตับ และต่อม
หมวกไตชั้นนอก
• วิตามิน D สร้างจาก
สารคลอเลสเตอรอล ที่อยูใ่ ต้
ผิวหนังเมื่อได้รับแสง อุลตรา
ไวโอเลต
สรุปเกีย่ วกับวิตามิน
• วิตามินที่สงั เคราะห์ได้
จากแบคทีเรี ยลาไส้ใหญ่
คือ B12 K
•
วิตามินทีท
่ า
หน้าที่เกี่ยวกับเม็ดเลือด
แดง คือ B6 B12 และ E
เอกสารอางอิ
ง
้
• ชีว วิทยา เล่มที่ 1
เชาวน์ ชิโนรักษ์ พรรณี ชีโนรั กษ์
ภาควิชาวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
• วิทยาศาสตร์ ม. 2 เรื่องอาหารและสาร
เสพติด ของสอวน.ชีววิทยา
ของร่ างกาย
ผู้ช่วย ศาสตราจารย์ กนกธร ปิ ยะ
ธารงรัตน์ ภาควิชาวิทยาศาสตร์ คณะ
วิทยาศาสตร์
เอกสารอางอิ
ง
้
•
•
•
•
•
BIOCONCEPT
Department of Zoo logy Faculty of
Science Kasetsart University
ชีววิทยา 1
ปรีชา - นงลักษณ์ สุ วรรณพินิจ
สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
หนังสื อแบบเรียนชีววิทยา ว041
ของกระทรวงศึกษาธิการ
เอกสารอางอิ
ง
้
• http//www.emc.maricopa.edu/faculty/
farabee/BIOBK/BioBookToc.html