Transcript การทุจริต
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ื่ ตรง” “ประพฤติชวั่ คดโกงไม่ซอ ประมวลกฎหมายอาญาให ้คานิยามไว ้ในมาตรา 1(1) ”โดยทุจริต” หมายความว่า ”เพือ ่ แสวงหาประโยชน์ทม ี่ ค ิ วรได ้โดย ชอบด ้วยกฎหมายสาหรับตนเองหรือผู ้อืน ่ ” พระราชบัญญัตป ิ ระกอบรัฐธรรมนูญว่าด ้วยการป้ องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 “ทุจริตต่อหน้าที”่ หมายความว่า การปฏิบต ั ห ิ รือละเว ้นการปฏิบต ั ิ ื่ ว่ามีตาแหน่งหน ้าที่ อย่างใดในพฤติการณ์ทอ ี่ าจทาให ้ผู ้อืน ่ เชอ ทัง้ ทีต ่ นมิได ้มีตาแหน่งเหนือหน ้าทีน ่ ัน ้ หรือใชอ้ านาจในตาแหน่ง หรือหน ้าทีท ่ งั ้ นี้ เพือ ่ แสวงหาประโยชน์ทม ี่ ค ิ วรได ้โดยชอบสาหรับ ตนเองหรือผู ้อืน ่ พระราชบัญญัตม ิ าตรการของฝ่ ายบริหารในการป้ องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551 มาตรา 3 “ทุจริตในภาคร ัฐ” หมายความว่า ทุจริตต่อหน้าทีห ่ รือ ประพฤติมช ิ อบในภาคร ัฐ “ทุจริตต่อหน้าที”่ หมายความว่า ปฏิบต ั ห ิ รือละเว ้นการปฏิบต ั ิ อย่างใดในตาแหน่ง หรือปฏิบต ั ห ิ รือละเว ้นการปฏิบต ั อ ิ ย่างใดใน ื่ ว่ามีตาแหน่งหรือหน ้าทีท พฤติการณ์ทอ ี่ าจทาให ้ผู ้อืน ่ เชอ ่ งั ้ ทีต ่ นมิได ้ มีตาแหน่งหรือหน ้าทีน ่ ัน ้ หรือใชอ้ านาจในตาแหน่งหรือหน ้าที่ ทัง้ นี้ เพือ ่ แสวงหาประโยชน์ทม ี่ ค ิ วรได้โดยชอบสาหร ับตนเอง หรือผูอ ้ น ื่ หรือกระทาการอันเป็ นความผิดต่อตาแหน่งหน ้าทีร่ าชการ หรือความผิดต่อตาแหน่งหน ้าทีใ่ นการยุตธิ รรมตามประมวลกฎหมาย อาญาหรือตามกฎหมายอืน ่ ยุทธศาสตร์ชาติวา่ ด ้วยการป้ องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 2 (พ.ศ. 2556-2560) ั คือ การใชอ้ านาจหรืออิทธิพลในตาแหน่ง การทุจริตคอร์ร ัปชน หน ้าทีท ่ ต ี่ นเองมีอยูเ่ พือ ่ เอือ ้ ประโยชน์ให ้แก่ตนเอง ญาติพน ี่ ้องและ พวกพ ้อง องค์การระหว่างประเทศด ้านความโปร่งใส (Transparency International) ั่ คือ การใชอ้ านาจทีไ่ ด ้รับความไว ้วางใจในทางทีผ คอรัปชน ่ ด ิ เพือ ่ ประโยชน์สว่ นบุคคล ่ ค่พฤติกรรม แต่เป็ น องค์การสหประชาชาติ ถือว่าการทุจริตไม่ใชแ ปรากฏการณ์ (phenomenon) สาหรับประเทศไทย เดิมใชค้ าทีม ่ ค ี วามหมายแคบกว่า ว่า “การฉ ้อราษฎร์บงั หลวง = การฉ ้อราษฎร์ + บังหลวง” ระยะแรก เจ ้าหน ้าทีข ่ องรัฐใชอ้ านาจหน ้าทีข ่ องตนเพือ ่ ่ การรับ แสวงหาผลประโยชน์สว่ นตนและพรรคพวก เชน ิ บน สน ระยะทีส ่ อง การทุจริตเกิดจากความร่วมมือระหว่าง ข ้าราชการ นักการเมือง และนักธุรกิจ (ภาคเอกชน) ้ ่ งว่างทางกฎหมายแสวงหา ในการใชกฎหมายหรื อชอ ผลประโยชน์ ระยะทีส ่ าม การสร ้างเงือ ่ นไขต่างๆ ตามกฎหมายเพือ ่ ให ้ ้ สามารถนามาใชแสวงหาประโยชน์ ให ้กับตนเองหรือ พวกพ ้อง นามาสู่ “การทุจริตเชงิ นโยบาย” ไม่มข ี อบเขตนิยามทีเ่ ป็ นมาตรฐานเหมือนกันในระดับสากล แต่ม ี ความเหมือนกันตรงทีถ ่ อ ื ว่าเป็ น การกระทาผิดอย่างหนึง่ เกีย ่ วข ้องกับการใชอ้ านาจหน ้าทีห ่ รือกระทาโดยผู ้มีอานาจหน ้าที่ ื่ มโทรมทางศล ี ธรรม เป็ นปรากฏการณ์ทางสงั คม ทีแ ่ สดงความเสอ และเป็ นปั ญหาสงั คม เกิดขึน ้ ได ้ทัง้ ภาครัฐและเอกชน ี ธรรม เป็ นการกระทาทีอ ่ าจผิดหรือถูกกฎหมายก็ได ้ แต่ผด ิ ทางศล ิ ตาแหน่ง หน ้าที่ ผลประโยชน์ทค ี่ าดว่าจะได ้รับอาจเป็ นทรัพย์สน ความภัคดี การอุปถัมภ์ ความพอใจหรืออืน ่ ๆ ก็ได ้ ั ซอน ้ ซอ ่ นเร ้น ปิ ดบัง มักเป็ นพฤติกรรมหรือปรากฏการณ์ทซ ี่ บ บิดเบือน ทีต ่ รวจสอบหรือพิสจ ู น์ได ้ยาก ี า หมายถึง การทุจริตทีค การทุจริตสด ่ นสว่ นใหญ่เห็น พ ้องต ้องการว่ามีความผิดและสมควรถูกตาหนิ การทุจริตสเี ทา เป็ นการกระทาทีค ่ นสว่ นหนึง่ เห็นว่าควร ถูกลงโทษ แต่อก ี สว่ นหนึง่ เห็นแตกต่างออกไป และคน สว่ นใหญ่มค ี วามเห็นคลุมเครือ ี าว เป็ นการกระทาทีค การทุจริตสข ่ นสว่ นใหญ่ ั ้ นาในสงั คมเห็นว่ายอมรับได ้ เชน ่ การ โดยเฉพาะชนชน ้ สท ิ ธิ์ การให ้ค่าน้ าร ้อนน้ าชา เป็ นต ้น แซงแถว การใชอภิ (เป็ นการทุจริตทีน ่ ่ากลัวทีส ่ ด ุ ) ั ิ ต่อการทุจริตในสงคมไทย ความเคยชน (จากผลการสารวจของ ABAC และ NIDA) ั ิ ต่อการทุจริตในสงคมไทย ความเคยชน (จากผลการสารวจของ ABAC และ NIDA) ั ิ ต่อการทุจริตในสงคมไทย ความเคยชน (จากผลการสารวจของ ABAC และ NIDA) ั ิ ต่อการทุจริตในสงคมไทย ความเคยชน (จากผลการสารวจของ ABAC และ NIDA) ั พันธ์ในลักษณะการ จากโครงสร ้างของสงั คมมีความสม ั ในความเท่าเทียมกัน โดยทีต พึง่ พาอาศย ่ า่ งฝ่ ายต่างมี ผลประโยชน์ตา่ งตอบแทน ั พันธ์ดงั กล่าวมีองค์ประกอบของความเป็ นมิตร ความสม รวมอยูด ่ ้วย แต่เป็ นมิตรภาพทีข ่ าดดุลยภาพ คือ อีกฝ่ ายหนึง่ มีอานาจเหนือกว่าอีกฝ่ ายหนึง่ มากเกินไป ั และชว่ ยเหลือกัน เป็ นระบบซงึ่ มีการพึง่ พาอาศย ทาให ้เกิดพวกพ ้องในองค์กรทาให ้ง่ายต่อการเกิด การทุจริตและประพฤติมช ิ อบและยากต่อการตรวจสอบ ั ้ ความต ้องการของมาสโลว์ เป็ น ทฤษฎีเกีย ่ วกับลาดับชน การเน ้นย้าความต ้องการของมนุษย์ซงึ่ มีความต ้องการไม่ ิ้ สุด มีทส ี่ น 1. ความต ้องการทีจ ่ ะประสบความสาเร็จสูงสุด หรือ ความต ้องการประจักษ์ตน 2. ความต ้องการทีจ ่ ะได ้รับการยกย่องและเป็ นทีย ่ อมรับ 3. ความต ้องการในสงั คม ความรักและความเป็ นเจ ้าของ 4. ความต ้องการในความปลอดภัยและความมั่นคง 5. ความต ้องการพืน ้ ฐานทางกายภาพและชวี ภาพ ื่ สต ั ย์ ทฤษฎีนเี้ กิดขึน ้ เมือ ่ มีปัจจัย 3 ประการ คือ ความไม่ซอ โอกาสทีเ่ อือ ้ อานวย และสงิ่ ทีเ่ ร ้าหรือปั จจัยเร ้า ั ื่ สตย์ 1. ความไม่ซอ เมือ ่ มนุษย์ยังมีความต ้องการ ความ โลภ แม ้ถูกสะกดด ้วยจริยธรรม คุณธรรม และบทลงโทษ ทางกฎหมายก็ตาม ความจาเป็ นทางเศรษฐกิจมีสว่ น ิ ใจกระทาความผิดเพือ ผลักดันให ้บุคคลตัดสน ่ ให ้ตนเองอยู่ รอด 2. โอกาส ผู ้กระทาความผิดพยายามทีจ ่ ะหาโอกาสที่ เอือ ้ อานวยต่อการทุจริต โอกาสทีเ่ ย ้ายวนต่อการทุจริตย่อม ่ ง กระตุ ้นให ้เกิดการทุจริตได ้ง่ายขึน ้ กว่าโอกาสทีไ่ ม่เปิ ดชอ 3. การจูงใจเป็ นองค์ประกอบข ้อสุดท ้ายทีม ่ ค ี วามสาคัญ เนือ ่ งจาก การทาความเข ้าใจถึงมูลเหตุจงู ใจให ้บุคคล ิ ใจกระทาการทุจริตจะนาไปสูก ่ ารหามาตรการในการ ตัดสน ป้ องกันการทุจริตด ้วย ประเภทของการจูงใจ สามารถจาแนกได ้ ดังนี้ ิ้ สุด ◦ (1) มีความทะเยอทะยานอย่างไม่มท ี ส ี่ น ◦ (2) ปรารถนาจะยกระดับตนเองให ้ทัดเทียมกับบุคคลอืน ่ ในสงั คม ◦ (3) ปั ญหาทางการเงิน ◦ (4) การกระทาเพือ ่ อยากเด่น ◦ (5) ความต ้องการทีจ ่ ะแก ้เผ็ดซงึ่ อาจมาจากผู ้บังคับบัญชา ◦ (6) ทาเพือ ่ อุดมคติของตนเอง กลุม ่ ที่ 1 เกิดจากพฤติกรรมความโลภ: ◦ มาจากพฤติกรรมสว่ นบุคคล ทีม ่ าจากความโลภ ความ ไม่เพียงพอ ◦ เป็ นพฤติกรรมสว่ นบุคคลของเจ ้าหน ้าทีร่ ัฐ ทีข ่ าดหลัก ยึดด ้านคุณธรรม จนกลายเป็ นคนทีเ่ ห็นแก่ได ้ มีความ อยากและความไม่รู ้จักพอ ◦ การขาดปทัสถาน (Norm) ของความเป็ นบุคคล สาธารณะ (Public Persons) ทีต ่ ้องยึดหลักความเป็ น กลาง และความเป็ นธรรมเป็ นทีต ่ งั ้ กลุม ่ ที่ 2 เกิดจากการมีโอกาสหรือการที่ ่ งว่าง: ระบบการทางานมีชอ ◦ การเกิดจากการมีโอกาสหรือการทีร่ ะบบการทางานมี ่ งว่างเป็ นสาเหตุทม ่ งว่าง ชอ ี่ าจากระบบการทางานมีชอ ให ้ทุจริต ◦ การทีข ่ าดระบบการควบคุม ตรวจสอบทีไ่ ม่รัดกุม ◦ โดยสรุปสาเหตุ ได ้แก่ ้ ้กระทา 1) การขาดความรู ้ ความเข ้าใจผิด หรือถูกใชให ิ ของเจ ้าหน ้าที่ ทีค 2) ความเคยชน ่ ุ ้นเคยกับการทีจ ่ ะได ้ “ค่าน้ าร ้อนน้ าชา” กลุม ่ ที่ 2 เกิดจากการมีโอกาสหรือการทีร่ ะบบ ่ งว่าง: การทางานมีชอ 3) การถูกบังคับให ้รับตามบรรทัดฐานของกลุม ่ (ตามน้ า) ั ชอ ่ งว่างของระเบียบและกฎหมาย 4) การอาศย 5) ไม่ปฏิบต ั ต ิ ามกฎและระเบียบ 6) การทุจริตตามระบบ (Systemic) ด ้านงบประมาณ ื้ จัดจ ้าง การเงิน การคลัง และการจัดซอ 7) เกิดจากการใชอ้ านาจ บารมี อิทธิพล หรือตาแหน่ง หน ้าทีร่ าชการทีม ่ อ ี านาจในการวินจ ิ ฉั ย กลุม ่ ที่ 2 เกิดจากการมีโอกาสหรือการทีร่ ะบบ ่ งว่าง: การทางานมีชอ 8) โครงสร ้างทางสงั คม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง ทีอ ่ อ ่ นแอ 9) โครงสร ้างทางเศรษฐกิจมีการผูกขาดของกลุม ่ ทุนขนาด ใหญ่ 10) โครงสร ้างทางด ้านสงั คมและวัฒนธรรมทีม ่ ล ี ก ั ษณะเป็ น แบบอุปถัมภ์ ค่านิยมยกย่องคนมีฐานะรา่ รวย ั เงินเป็ นใหญ่ 11) โครงสร ้างทางการเมืองทีต ่ ้องอาศย ื้ เสย ี ง ทางานทางการเมือง การจ่ายเงินเพือ ่ ซอ กลุม ่ ที่ 2 เกิดจากการมีโอกาสหรือการทีร่ ะบบ ่ งว่าง: การทางานมีชอ 12) กระแสทุนทางการเมือง อาทิ โครงการเมกะโปรเจค ั เชงิ บูรณาการทีต ้ นในการ ถือเป็ นการคอร์รัปชน ่ ้องใชทุ บริหารจัดการ จัดจ ้างทีป ่ รึกษา วัสดุอป ุ กรณ์และเทคโนโลยี สมัยใหม่ทม ี่ ค ี นรอบรู ้ในเรือ ่ งเหล่านีอ ้ ยูเ่ พียงวงจากัด ทาให ้ การทุจริตประพฤติมช ิ อบเป็ นไปได ้ง่าย 13) ความไม่เข ้มแข็งขององค์กรตรวจสอบปราบปรามของ รัฐ กลุม ่ ที่ 2 เกิดจากการมีโอกาสหรือการทีร่ ะบบ ่ งว่าง: การทางานมีชอ 14) เกิดจากการเปิ ดเสรีการค ้าและการลงทุนทีม ่ ก ี ารแข่งขัน ิ บน เพือ แย่งจ่ายสว่ ยหรือสน ่ ให ้ได ้รับอนุมัตใิ ห ้นาเข ้า หรือ ิ ธิตอ ได ้มาซงึ่ ใบอนุญาตต่อการได ้รับสท ่ โครงการต่างๆ 15) กฎหมายขาดความสมบูรณ์ในการดาเนินงาน ้ ่ ง 16) การบังคับใชกฎหมายไทยยั งไม่เคร่งครัด และมีชอ ้ โหว่ให ้ผู ้ใชกฎหมายด าเนินการแบบสอบมาตรฐาน และการ ื่ มั่นต่อการเข ้าร ้องเรียนและฟ้ องร ้อง ขาดความเชอ กลุม ่ ที่ 3 เกิดจากการขาดจริยธรรม: ◦ สาเหตุทม ี่ าจากการขาดจริยธรรมสว่ นบุคคล ้ ้เกิดผล ◦ จริยธรรมขององค์กรไม่ได ้มีการบังคับใชให ◦ ขาดเจตจานงทีแ ่ น่วแน่ของฝ่ ายการเมืองในการแก ้ไขปั ญหา ◦ ภาคการเมืองขาดความมั่นคงและต่อเนือ ่ ง กลุม ่ ที่ 4เกิดจากแรงจูงใจและความคุม ้ ค่า ี่ ง: ในการเสย ◦ เพราะทุจริตแล ้วได ้รับผลประโยชน์มากเมือ ่ เทียบกับ ี่ ง ความเสย ้ ◦ การบังคับใชกฎหมายปราบปรามหรื อการลงโทษทาง ิ ธิภาพ สงั คมขาดประสท ◦ โดยสรุปสาเหตุหลักได ้ดังนี้ ิ ธิภาพและเข ้มแข็ง 1) การขาดระบบตรวจสอบทีม ่ ป ี ระสท ขาดความหลากหลายในการตรวจสอบจากภาคสว่ นต่างๆ โดยเฉพาะภาคประชาชน รวมถึงการทาลายระบบ ตรวจสอบอานาจรัฐ กลุม ่ ที่ 4เกิดจากแรงจูงใจและความคุม ้ ค่า ี่ ง: ในการเสย ั พันธ์ การเผยแพร่ข ้อมูลข่าวสารให ้ 2) ขาดการประชาสม ประชาชนทราบ 3) ประชาชนสว่ นใหญ่มักจะเบือ ่ หน่าย วางเฉย ไม่ม ี ปฏิกริ ย ิ าต่อพฤติกรรมการใชอ้ านาจหน ้าทีท ่ ไี่ ม่ถก ู ต ้อง ทา ให ้ผู ้ทุจริตมีแรงจูงใจและรู ้เห็นว่าผลตอบแทนทีจ ่ ะได ้รับ ี่ งนัน เมือ ่ เปรียบเทียบกับความเสย ้ คุ ้มค่า จึงแสวงหาและ พัฒนาแนวทางการทุจริตทีม ่ รี ป ู แบบแปลกใหม่ กลุม ่ ที่ 4เกิดจากแรงจูงใจและความคุม ้ ค่า ี่ ง: ในการเสย 4) ประชาชนขาดความรู ้ความเข ้าใจขัน ้ พืน ้ ฐานด ้าน กฎหมาย และขัน ้ ตอนการอานวยความยุตธิ รรม รวมถึง ้ ่ อง ความล่าชาในการให ้บริการและขาดความโปร่งใสข ึ เบือ กระบวนการ ทาให ้ประชาชนรู ้สก ่ หน่ายและขาดความ ศรัทราต่อกระบวนการยุตธิ รรม 5) ประชาชนขาดแรงจูงใจในการเข ้ามามีสว่ นใน กระบวนการยุตธิ รรม ั หลักในสงั คมไทยทีไ่ ด ้จาก รูปแบบของการคอร์รัปชน การสงั เคราะห์งานวิจัยโดย ผาสุก พงษ์ ไพจิตร (2552) ั มีชอ ื่ เรียกหลายชอ ื่ ซงึ่ 1. การเรียกเก็บภาษี คอร์รัปชน ิ บน สว่ ย สน ิ น้ าใจ ค่าน้ าร ้อนน้ าชา และ รวมทัง้ การเรียกสน เงินใต ้โต๊ะ เป็ นต ้น ั่ 2. การดึงเงินงบประมาณแผ่นดินจากค่าคอมมิชชน ิ บน การจัดซอ ื้ จัดจ ้าง โครงการมาเป็ นของตน การรับสน ั รวมทัง้ การเสนอโครงการเพือ ่ ให ้ได ้เงินคอร์รัปชน ทัง้ ๆ ทีโ่ ครงการดังกล่าวอาจไม่มป ี ระโยชน์อย่างแท ้จริง ิ บนเพือ 3. การจ่ายสน ่ ให ้ได ้มาซงึ่ การผูกขาดธุรกิจ หรือ ผูกขาดการประมูลโครงการ 4. การเล่นพรรคเล่นพวก การดารงตาแหน่งหลาย ้ หน่วยงาน จนเกิดลักษณะทีเ่ รียกว่าการทับซอนของ ้ ผลประโยชน์ หรือ “ผลประโยชน์ทับซอน” (Conflicts of interests) 5. การใชอ้ านาจทางการเมือง ดาเนินนโยบายที่ เอือ ้ ประโยชน์ให ้กับบริษัทธุรกิจทีต ่ นเอง ครอบครัว หรือพรรคพวกมีผลประโยชน์อยู่ เรียกว่า ั เชงิ นโยบาย” “คอร์รัปชน