Rationale ของการทำวิจัย โดย ดร. พงษ์วิทย์ บัวล้อมใบ

Download Report

Transcript Rationale ของการทำวิจัย โดย ดร. พงษ์วิทย์ บัวล้อมใบ

Rationale ของการทาวิจัย
โดย ดร. พงษ์ วทิ ย์ บัวล้ อมใบ
ศูนย์ อ้างอิงทางห้ องปฏิบัตกิ ารโรคติดต่ อนาโดยแมลง
เอกสารคาแนะนา
ท่ านได้ รับการเชิญชวนให้ มารับฟั งการบรรยายเรื่อง Rational
ของการวิจัย วันที่ 15 กรกฎาคม 2552 การบรรยาย ในครัง้ นื ้ จะนาไปสู่
การได้ รับความเข้ าใจบางส่ วนในการเขียนโครงร่ างวิจยั อย่ างสมบูรณ์
โดยเนือ้ หาบางส่ วน อาจจะมีการยกตัวอย่ างบางประโยคที่คล้ ายคลึงกับ
เนือ้ หาของโครงการวิจัยของบางท่ าน แต่ จะไม่ เกิดอันตรายหรือมีการ
เปิ ดเผยชื่อท่ านแต่ อย่ างใด แต่ ท่านอาจจะเกิดอาการหงุดหงิดนิดหน่ อย
แต่ ไม่ ช้าก็จะหายไปเอง โดยท่ านสามารถอนุญาติ ให้ หยุดหรือข้ ามบาง
ประโยคในระหว่ างบรรยาย หรือให้ หยุดการบรรยายได้ แต่ ท่านยังคงที่
จะได้ รับการตอบข้ อสงสัยได้ อย่ างกระจ่ างแจ้ ง
กระบวนการยินยอม
กระบวนการนี ้ คือกระบวนการยินยอมด้ วยวาจา หากท่ าน
ตัดสินใจที่เข้ าร่ วมรับฟั ง ขอให้ ท่านแสดงการยินยอมด้ วยวาจา
สำนักงำนคณะกรรมกำรวิจยั แห่งชำติ
www.riclib.nrct.go.th
TDR publications.htm
www.who.int/tdr
ประโยชน์ ของการทบทวนเอกสาร
ประชากร
Error
ค่ าตัวอย่ าง
-
หัวข้ องานวิจัยที่ดี ต้ อง
1. ใช้ หลัก อรัยสัจ สี่ มีแนวคาตอบปั ญหา มากกว่ า 1 คาตอบ
2. มีแนวโน้ มในทางนโยบาย
3. ขนาดของปั ญหาสุขภาพ
4. ผลกระทบด้ านสังคม
5. ไม่ เคยมีผ้ ูทาวิจัยมาก่ อน
6. มีความหลากหลายในทางปฏิบัติ
7. ความเป็ นไปได้ ในการนาไปเปลี่ยนแปลงในระดับผู้ปฏิบัติ
8. เป็ นที่สนใจของสาธารณ, สังคม และแหล่ งให้ ทุน
หลักการกาหนดปั ญหาหรือหัวข้ องานวิจยั
1.
2.
I.
II.
III.
IV.
ไม่ กว้ างจนเกินไป
การจากัดขอบเขต
โดยบุคคล
โดยระยะเวลา
โดยทางภูมิศาสตร์
โดยสาขาการผลิต
-
-
ก่ อนไปหลักอริยสัจ 4 หัวข้ องานวิจัยที่ดี ต้ อง
อธิบายเหตุผลและความจาเป็ นของการศึกษาในขอบเขตความรู้
ปั จจุบัน ภายใต้ กิจกรรมและวัตถุประสงค์ ของงาน
ควรจะมีข้อความเกี่ยวกับ กลุ่มประชากรที่ได้ รับผลกระทบ, สังคม,
ผลกระทบทางด้ านสุขภาพ, นโยบาย, การให้ บริการ, หรือโปรเกรม
ที่เกี่ยวข้ อง
อธิบายสมมุตฐิ านที่กาลังจะถูกทดสอบ และจุด end point ที่จะ
ศึกษา เพื่อพิสูจน์ สมมุตฐิ าน
WHO, 1991
หัวข้ อ วิจัยที่ดี
Feasible
- adequate number of subjects
- adequate technical expertise
Interesting
- affordable in time & money
- to investigator
Novel
- to funding agency
- original study
- extending works of others
Ethical
Relevant
- to human/animal subjects
- to scientific knowledge
- to clinical and health policy
- to future research directions
ประเภทงานวิจัย
เชิงทฤษฎี
แบบบริสุทธิ์
เชิงประจักษ์
ประยุกต์
เชิงปฏิบัติ
เพื่อค้ นหา และ วิจัยเอกสาร
บุกเบิก
เพื่อคาดการณ์ เชิงสังเกตุ
เชิงพรรณา
เชิงทดลอง
เชิงวิเคราะห์
เชิงศึกษา
ต่ อเนื่องระยะ
ยาว
เฉพาะกรณี
เปรียบเทียบงานวิจัย เชิงปริมาณกับเชิงคุณภาพ
เชิงปริมาณ
Subject:Naïve to
experimental hypothesis
Reliability: involves
measurements without error
Goal: Truth, explain,
predict, confirm
conjectures, extend
knowledge
เชิงคุณภาพ
Participants: Involved in
research, are fully informed
Reliability: Not relevant
Goal: describe, interpret,
critique, revise, change
คาตอบเกี่ยวกับปั ญหา
1) คาตอบ เกี่ยวกับปั ญหา
 รู้ปัญหาที่ต้องวิจัย หรือหาคาตอบ โดยแยกปั ญหาให้ ถ่องแท้
- รู้อะไรเป็ นปั ญหา
- รู้ว่าสิ่งนัน้ ควรเป็ นอย่ างไร
ปั ญหา = ( สิ่งที่ควรเป็ น - สิ่งที่เป็ นอยู่) x ความกังวล/ความ
อนาทร
 รู้อะไรเกี่ยวกับปั ญหา
- ความชุก/อุบัตกิ ารของปั ญหา
- เกิดที่ไหน
- เกิดกับใคร
- สาเหตุของปั ญหา มีอะไรบ้ าง
- ปั ญหานัน้ พอจะแก้ ไขได้ ไหม
- สามารถตอบปั ญหานัน้ ได้ หมดไหม
2. ความสาคัญของปั ญหา
- ยังคงเป็ นปั ญหาหรือไม่
- ปั ญหาเกิดจากคนจานวนมาก
- ปั ญหาเกิดเฉพาะบางกลุ่ม
- สามารถศึกษาปั ญหานัน้ ได้ ไหม
- มีทางแก้ ปัญหาหรือไม่
พักสายตา
ประโยชน์ ของการทบทวนเอกสาร
1.
2.
3.
4.
ให้ พนื ้ ฐานทางทฤษฎี
ทบทวน/เชื่อมโยง สิ่งที่จะนาเสนอกับ สิ่งที่ได้ ทาการศึกษาไปแล้ ว
ช่ วยในการออกแบบการทดลอง
ช่ วยในการตัง้ หัวข้ อเรื่อง
การตัง้ คาถาม
1) แบ่ งคาถามย่ อย ออกเป็ นส่ วนๆ
1) จัดกลุ่มของคาถาม
อริยสัจ 4
1. ทุกข์
2. สมุทยั
3. นิโรจ
4. มรรค
1. การวิเคราะห์ ปัญหา
•1.สถานภาพของปั ญหา
•2 ความคาดเคลื่อน ของสิ่งที่คาดหวัง
•กับสิ่งที่เป็ นจริง
3.ตัง้ ปั ญหาเป็ นรู ปคาถาม
4. เตรี ยมคาตอบที่เป็ นไปได้
ไม่ น้อยกว่ า 1 คาตอบ
• 2. 3. 4.
1. การวิเคราะห์ ปัญหา(ต่ อ)
• ปั ญหา(ในทางสาธารณสุข)คือ = เหตุการณ์ หรือภาวะ
ของโรคที่เกิดขึน้ ในช่ วงเวลาใด เวลาหนึ่ง ที่มี ผลกระทบ
ต่ อสุขภาพของคน หรือสัตว์ ( ทัง้ ๆที่ในช่ วงนัน้ มีวธิ ีการ
หรือเทคโนโลยี ในการแก้ ไขปั ญหานัน้ แล้ ว)
• สถานภาพของปั ญหา
ควรทาการศึกษาวิจัย
ไม่ ต้องทาการศึกษาวิจัย
1. การวิเคราะห์ ปัญหา(ต่ อ)
• ปั ญหา(ในทางสาธารณสุข)คือ = เหตุการณ์ หรือภาวะ
ของโรคที่เกิดขึน้ ในช่ วงเวลาใด เวลาหนึ่ง ที่มี ผลกระทบ
ต่ อสุขภาพของคน หรือสัตว์ ( ทัง้ ๆที่ในช่ วงนัน้ มีวธิ ีการ
หรือเทคโนโลยี ในการแก้ ไขปั ญหานัน้ แล้ ว)
• สถานภาพของปั ญหา
ควรทาการศึกษาวิจัย
ไม่ ต้องทาการศึกษาวิจัย
ตัวอย่ างการขบวนตัง้ หัวข้ อเรื่อง 1
•1.สถานภาพของปั ญหา
•2 ความคาดเคลื่อน ของสิ่งที่คาดหวัง
•กับสิ่งที่เป็ นจริง
3.ตัง้ ปั ญหาเป็ นรู ปคาถาม
4. เตรี ยมคาตอบที่เป็ นไปได้
ไม่ น้อยกว่ า 1 คาตอบ
จากผลการสารวจ ในตาบล เกาะ ก พบว่ า การสารวจสตรี 1,000
คน ได้ รับยาคุมกาเนิดมาโดยตลอด แต่ ผลสารวจ เดือนที่ผ่านมา
ไม่ มีสตรี ผ้ ูใด ได้ รับยาคุมกาเนิด
สตรี ทัง้ 1,000 คน ควร มีคุมกาเนิด โดยการกินยา แต่ จากการ
สารวจที่ผ่านมา ไม่ มีสตรี คนใด มีการคุมกาเนิดเลย
มีปัจจัยใด ที่ทาให้ สตรี ไม่ ได้ รับยาคุมกาเนิด
จากการสารวจในเดือนที่ผ่านมา พบว่ า เกิดนา้ ท่ วม จากฤดู มรสุม
พัดพา ยาที่นาไปส่ ง หายไปหมด และพบว่ า ยาเก่ า ที่เคยเอาไปให้
ถูกใช้ หมดแล้ ว
คาถาม ควรทาการศึกษาวิจยั ไหม ?
ตัวอย่ างการขบวนตัง้ หัวข้ อเรื่อง 2
•1.สถานภาพของปั ญหา
•2 ความคาดเคลื่อน ของสิ่งที่คาดหวัง
•กับสิ่งที่เป็ นจริง
3.ตัง้ ปั ญหาเป็ นรู ปคาถาม
4. เตรี ยมคาตอบที่เป็ นไปได้
ไม่ น้อยกว่ า 1 คาตอบ
จากผลการสารวจ ในตาบล เกาะ ที่เกิดนา้ ท่ วมจากมรสุม
ประจา ต่ อมา ทางราชการ ได้ พัฒนาระบบการขนส่ งยา โดยฤดู
มรสุม จะมีเรื อเร็วนาของไปส่ งยังจุดศูนย์ กลางรับยาของตาบล
แต่ พบว่ า ถึงแม้ ได้ ดาเนินมาตรการนี ้ แล้ ว สตรี เหล่ านั น้ ยังคง
ไม่ ได้ รับยาอยู่ดี
ระบบการขนส่ ง น่ าจะทาให้ สตรี ได้ รับยาอย่ างต่ อเนื่อง แต่ เหตุการณ
ไม่ ได้ เป็ นเช่ นนัน้
ทาไมระบบการขนส่ ง ถึงไม่ สามารถนายาไปให้ สตรี เหล่ านัน้ ได้
-การสัง่ ซื ้อยา ล่าช้ า ไม่ได้ นามาส่ง ก่อนฤดูมรสุม เกิดขึ ้น
-เรื อเก่า
-เจ้ าหน้ าที่แก่
-เจ้ าหน้ าที่ยงั ไม่เข้ าใจ ขั ้นตอน/ วิธีการ ของมาตรการนี ้
คาถาม ควรทาการศึกษาวิจัยไหม ?
ตัวอย่ างการวิเคราะห์ ปัญหา 1
•1.สถานภาพของปั ญหา
•2 ความคาดเคลื่อน ของสิ่งที่คาดหวัง
•กับสิ่งที่เป็ นจริง
3.ตัง้ ปั ญหาเป็ นรู ปคาถาม
4. เตรี ยมคาตอบที่เป็ นไปได้
ไม่ น้อยกว่ า 1 คาตอบ
คาถาม ควรทาการศึกษาวิจัยไหม ?
จากผลการสารวจ ในตาบล เกาะ พบว่ า มี 2 หมู่บ้าน มีอัตรา
การใช้ ยาคุมกาเนิด แตกต่ างกันมาก ทัง้ ๆที่ ทัง้ 2 หมู่ ได้ รับ
มาตรการ การส่ งยา เหมือนๆ กัน จึงทาให้ อัตราการเกิด
แตกต่ างกันมาก ( 80 % และ 20 % ตามลาดับ)
มาตรการ การขนส่ ง น่ าจะทาให้ ทัง้ 2 หมู่ มีอัตราการใช้ ยาคุม พอๆ
กัน แต่ เหตุการณ์ หาเป็ นเช่ นนัน้ ไม่
มีปัจจัยใดทาให้ อัตราการใช้ ยาคุมกาเนิด ระหว่ าง 2 หมู่บ้านนี ้ แตก
ต่ างกัน
-ประชากร ในสองหมูบ่ ้ าน มีความแตกต่างกันทางด้ านอาชีพ ประเพณี
ศาสนา และสังคม ระยะทางระหว่างหมูบ่ ้ าน ถึงจุดรับยา จานวนโรง
เรี ยน สอ ไฟฟ้า น ้าประปา
-มีความแตกต่างกันในเรื่ อง ระบบค ้าจุนการใช้ ยาคุมกาเนิด เช่น ความ
เข้ มแข็งของผู้นาหมูบ่ ้ าน การมีศนู ย์แม่และเด็ก การมีหน่วยงาน NGO
ไปให้ การช่วยเหลือ
ฝึ กสมอง 1
ตัวอย่ างการวิเคราะห์ ปัญหา 2
•1.สถานภาพของปั ญหา
•2 ความคาดเคลื่อน ของสิ่งที่คาดหวัง
•กับสิ่งที่เป็ นจริง
3.ตัง้ ปั ญหาเป็ นรู ปคาถาม
4. เตรี ยมคาตอบที่เป็ นไปได้
ไม่ น้อยกว่ า 1 คาตอบ
คาถาม ควรทาการศึกษาวิจัยไหม ?
คนอีสาน เป็ นพยาธิ ใบไม้ ตับการมาก
มีการรณรงค์ ให้ คนกินปลาสุก แต่ หลายคนยังกินปลาดิบอยู่
ทาไมคน จึงกินปลาดิบ
-ความไม่ ร้ ู ว่า กินปลาดิบแล้ วเป็ นพยาธิใบไม้ ตับ
-ความเคยชินในรสชาติ
- ความเคยชินในการปรุ ง
-ความสะดวกในการปรุ ง
ตัวอย่ างการวิเคราะห์ ปัญหา 2
•1.สถานภาพของปั ญหา
•2 ความคาดเคลื่อน ของสิ่งที่คาดหวัง
•กับสิ่งที่เป็ นจริง
3.ตัง้ ปั ญหาเป็ นรู ปคาถาม
4. เตรี ยมคาตอบที่เป็ นไปได้
ไม่ น้อยกว่ า 1 คาตอบ
คาถาม ควรทาการศึกษาวิจัยไหม ?
คนอีสาน เป็ นพยาธิ ปากขอ
ถ่ ายในหลุมขุดลงไป 2 ศอก และคนยังพยาธิปากขอ
พยาธิขนึ ้ มาไชเท้ าคนได้ อย่ างไร
-พยาธิไชใต้ ดนิ /ผิวดิน
-พยาธิแนวตั้ง/แนวนอน
-พยาธิชอบไปหาที่ร้อนๆ
-พยาธิชอบว่ ายทวนกระแสนา้
สมมุติฐำนของกำรเกิดปั ญหำที่มีเหตุผล
ผลกระทบ
สำเหตุจริ ง
สำเหตุตน้
สำเหตุจริ ง
ปัญหำ
ผลกระทบ
สำเหตุตน้
เชิดลำภ วสุ วตั 1983
สำเหตุจริ ง
ฝึ กสมอง 2
พักสายตา
การสร้ างสมมุตฐิ าน
เป็ นการคาดเดา โดยต้ องมีข้อมูลหรือความรู้สนับสนุน แบ่ งเป็ น
การตัง้ จากความแตกต่ าง ( Method of Difference)
หมู่บ้าน ก มีอัตราการใช้ ยาคุม สูงกว่ าหมู่บ้าน ข อย่ างมีนัยสาคัญ
ทางสถิติ
การตัง้ จากความเห็นพ้ อง (Method of Agreement)
หมู่บ้าน ก และ ข มีอัตราการใช้ ยาคุมเท่ าๆกัน
 การตัง้ จากหลักอุปมา อุปมัย ( Method of Analogy)
อัตราการใช้ ยาคุมต่า น่ าจะเกิดจาก จานวนโรงเรี ยน มีไม่ เท่ ากัน
การตัง้ จากความสัมพันธ์ ของข้ อมูล ( Method of Concomitant
Variation)
การมีอัตราการคุมกาเนิดไม่ เท่ ากัน น่ าจะเกิดจาก ระยะทางจากหมู่บ้าน ถึงจุด
ศูนย์ รับ ไม่ เท่ ากัน
การกาหนดวัตถุประสงค์
เพื่อจะบอกทิศทาง บอกตัวแปร ตัวอย่ าง และลักษณะของการวิจยั
วัตถุประสงค์ ท่ วั ไป คือเป็ นปั ญหากว้ างๆ ครอบคลุมปั ญหาย่ อยซึ่งจะเป็ น
วัตถุประสงค์ ย่ อย คือ การนาเอาวัตถุประสงค์ ท่ วั ไป หรือปั ญหาใหญ่ นัน้
มาแยกออกเป็ นปั ญหาย่ อยๆ เพื่อเป็ นแนวทางในการสร้ างสมมุตฐิ าน การ
เก็บข้ อมูล หรือการวิเคราะห็ข้อมูลนั่นเอง โดยจะเขียนเป็ นประโยคบอก
เล่ า หรือคาถามก็ได้
Malaria
ทางด้านระบาดวิทยา
ทางด้านการควบคุมพาหะนา
โรค
ทางด้าน สังคมศาสตร์ และการ ทางด้านการตรวจวินิจฉัย และ
สื่ อสาร ประชาสัมพันธ์
รักษา
1. การหา ปั จจัย ที่จะ
นาไปสู่รูปแบบการป้องกัน
และควบคุมโรค อย่าง
ยัง่ ยืน
1. การวิเคราะห์ ต้ นทุน1. การประยุกต์รูปแบบ
ประสิทธิผล วิธีการควบคุม Communication
ยุงพาหะ
Bahavioral Integration
( COMBI) มาใช้ ในการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของ
ประชาชน
1. การหาประสิทธิภาพของ
ยารักษา (Drug efficacy)
2. การหาประชาการกลุ่ม
เสี่ยง และแนวโน้ มการ
ระบาดของโรค ในช่วง
หลังจาก การบูรณาการ
โรคมาลาเรี ยเข้ าสู่จงั หวัด
2. การหาผลกระทบของ
การเปลี่ยนแปลงของ
อุณหภูมิโลกที่มีผลต่อ
ชีวนิสยั ของยุงพาหะ
2. การหา จลศาสตร์ ของ
ยารักษามาลาเรี ย
(Pharmokinetic)
3. การนา GIS มาใช้ ใน
การพยากรณ์โรค
3. การทา sentinel site
ควบคุมยุงพาหะ ในท้ องที่
ปลอดการแพร่เชื ้อ
มาลาเรี ย B2 และPA
3. การนาวิธีการ
Pharmocovi-gilance มา
ใช้ ในการหาประสิทธิผล
ของยารักษา
4. การบูรณาการภูมิ
ปั ญญา (Interdisciplinary
Approach) : เพื่อสร้ าง
รูปแบบการควบคุมการ
ระบาดของโรค
4. การหา ขบวนการ ที่ยงุ
พาหะ ต่อต้ าน หรื อ
ตอบสนองต่อสารเคมี เพื่อ
นาไปสู่ การเพิม่
ประสิทธิภาพวิธีการ
ทดสอบความไวของยุง
4. การค้ นหามาลาเรี ย
อาการหนัก อย่างรวดเร็ว
(Early detection of
Severe Malaria)
2. การหา Knowledge
Attitude Practice (KAP)
ของ เจ้ าหน้ าที่สาธารณสุข
ที่ดแู ลผู้ป่วยมาลาเรี ย ใน
โรงพยาบาล ชุมชน
DF/DHF
Dengue
ทางด้านระบาดวิทยา
ทางด้านการควบคุมพาหะนา
โรค
ทางด้าน สังคมศาสตร์ และการ ทางด้านการตรวจวินิจฉัย และ
สื่ อสาร ประชาสัมพันธ์
รักษา
1. การนา GIS มาใช้ ใน
การพยากรณ์โรค
1. การวิเคราะห์ ต้ นทุน1. การประยุกต์รูปแบบ
ประสิทธิผล วิธีการควบคุม Communication
ยุงพาหะ
Bahavioral Integration
( COMBI) มาใช้ ในการ
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของ
ประชาชน
1. การพัฒนาวิธีการชั นสู ตร
โรคไข้ เลือดออก
2. การบูรณาการภูมิ
ปั ญญา (Interdisciplinary
Approach) : เพื่อสร้ าง
รูปแบบการควบคุมการ
ระบาดของโรค
2. การหาผลกระทบของ
การเปลี่ยนแปลงของ
อุณหภูมิโลกที่มีผลต่อ
ชีวนิสยั ของยุงพาหะ
2. การหาสารทีต่ ่ อต้ านการ
leak ของ พลาสมา
Mediators :
antileakage
2. การหา Knowledge
Attitude Practice (KAP)
ของ เจ้ าหน้ าที่สาธารณสุข
ที่ดแู ลผู้ป่วยไข้ เลือดออก
ในโรงพยาบาล ชุมชน
3. การหา ขบวนการ ที่ยงุ
พาหะ ต่อต้ าน หรื อ
ตอบสนองต่อสารเคมี เพื่อ
นาไปสู่ การเพิม่
ประสิทธิภาพวิธีการ
ทดสอบความไวของยุง
พาหะต่อสารเคมี
3. การตรวจหา free
viral antigen
NS1 ของโรคไข้ เลือดออก
.
4. การวิเคราะห์ ต้ นทุนประสิทธิผล และการ
2. การหา Knowledge
Attitude Practice (KAP)
4. การพัฒนาวิธีการตรวจ
ทางนา้ เหลืองแบบใหม่
Filariasis&
Leishmaniasis
Epidemio
-logy
Vecor/Malaria
Control
IEC & Social
Diag and
Treatment
Factors to
Everlasting Prev.
Model
Evaluation of
Fil.Cont in Cat
COMBI
Dev. Detection for
Ag/Ab
Model for taking
care of Fil patient
by community
Insectisideimpregneted collar
in Cat: impact on
Lym Fil
KAP of H. Officers
in surveillnace of
Leismaniasis
Detection: animal
reservoirs
Post surveillance
Model for Fil.
( PELF)
Vec. Bionomic&
ecology: land
uses& climage
change.
Persistence: Ab of
Bm. In animal
reservoirs after Tx.
GIS tool for
prediction
IRS/INS to control
Mos and Sandfly in
Mixed Foci Mal +
Leish.
Salted DEC: LF in
Narathiwat P.
Interdisciplinary
Approach:
Epidemic
Surv. of Leish. :
WHO SOP
พักสายตา
The end
ขอขอบคุญทุกๆท่ านที่
อดทนฟังจนจบ