การวิจัยเชิงนโยบายแบบมีส่วนร่วม Participatory Policy Research

Download Report

Transcript การวิจัยเชิงนโยบายแบบมีส่วนร่วม Participatory Policy Research

รศ. ดร. วิโรจน์ สารรัตนะ
ึ ษาศาสตรดุษฎีบณ
หลักสูตรศก
ั ฑิตสาขาวิชาการบริหาร
ึ ษา
การศก
มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย 2556
for
EFFECTIVE
PROBLEM
SOLVING
นโยบาย (Policy)
นโยบาย (Policy) หมายถึง แนว
หรือวิธก
ี ารเพือ
่ การปฏิบต
ั ท
ิ ี่
รัฐบาล หรือสถาบัน หรือกลุม
่
หรือบุคคล เลือกจากทางเลือก
้ นแนว
หลายๆ ทาง เพือ
่ ใชเป็
ทางการปฏิบต
ั ิ โดยปกติจะ
ิ ใจ
สะท ้อนให ้เห็นถึงการตัดสน
ในปั จจุบน
ั เพือ
่ การแก ้ปั ญหาทีม
่ ี
ิ ธิผลและเพือ
ประสท
่ อนาคตที่
ดีกว่า
Policy process
การวิจัยเชงิ นโยบาย เกีย
่ วข ้องกับ
ขัน
้ ตอนการกาหนดนโยบาย ยังไม่ถงึ
ขัน
้ นาไปปฏิบต
ั แ
ิ ละประเมินผล
องค ์ประกอบของนโยบาย...
องค์ประกอบของนโยบายทีส
่ าคัญ 2
องค์ประกอบ คือ
1) วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy
objectives)
2) แนวทางของนโยบาย (policy means)
โดยวัตถุประสงค์ของนโยบาย หมายถึง
“จุดหมาย” (ends) ทีค
่ าดหวังให ้บรรลุผล
และแนวทางของนโยบายหมายถึง
“วิถท
ี าง” (means) ทีจ
่ ะทาให ้บรรลุผลใน
จุดหมายนัน
้ ซงึ่ จุดหมายหนึง่ ๆ อาจมี
Policy
objectives
Policy means
องค ์ประกอบของนโยบาย...ในบางครัง้
ในบางครัง้ อาจมีองค์ประกอบสว่ นทีส
่ ามด ้วย คือ 3) กลไกของ
นโยบาย (policy mechanism) ในความหมายดังนี้ ...เพือ
่ ให ้นาเอา
“แนวทางหนึง่ ๆ หรือแนวทางโดยภาพรวม” ไปปฏิบต
ั ใิ ห ้เกิดผล
ตาม “วัตถุประสงค์” ทีก
่ าหนด ต ้องมี “กลไกหรือเงือ
่ นไข
อะไรบ ้าง.... ก ข ค ....”
”
กลไกหรือเงือ
่ นไข.... ปั จจัยภายใน ได ้แก่ คน เงิน
วัสดุอป
ุ กรณ์ และวิธก
ี าร และปั จจัยภายนอก ได ้แก่
สภาพแวดล ้อมทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทาง
สงั คม
ผลลัพธ ์จากการวิจย
ั
ผลจากการวิจัยเชงิ นโยบาย.... จะทาให ้ได ้ “ข้อเสนอเชิง
นโยบาย” (บางกรณีเรียกว่าข ้อเสนอเชงิ ยุทธศาสตร์ หรือบาง
กรณีเรียกว่าข ้อเสนอแผนทีย
่ ท
ุ ธศาสตร์ หรืออืน
่ ๆ ตามความ
เหมาะสม) ทีม
่ อ
ี งค์ประกอบอย่างน ้อย 2 องค์ประกอบ คือ 1)
วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy objective) และ 2) แนวทางของ
นโยบาย (policy means)
บางกรณีอาจกาหนดเป็ น 3 องค์ประกอบ คือ 1) วัตถุประสงค์
ของนโยบาย (policy objective) และ 2) แนวทางของนโยบาย
(policy means) และ 3) กลไกของนโยบาย (policy mechanism) ทีจ
่ ะ
ทาให ้การนาแนวทางนโยบายไปปฏิบต
ั ิ บรรลุผลตาม
่ การออกกฎ ระเบียบ ข ้อบังคับ
วัตถุประสงค์ทก
ี่ าหนด เชน
ข้อเสนอเชิงนโยบาย (Proposed Policy)…
ผลลัพธ์จากการวิจัย
For effective
problem solving
And for…
Policy means
Policy means
Policy
objectives
Policy means
ข ้อความของ policy means และ
policy mechanism หรือแม ้แต่ policy
objectives ควรเสนอเป็ นประเด็น
หลัก มีประเด็นรองขยายความ
ประเด็นหลักนัน
้ ด ้วย เพือ
่ ให ้
เข ้าใจในสาระสาคัญและแนว
ปฏิบต
ั ิ
่
ข้อเสนอเชิงนโยบาย มุ่งเพือ...
FOR EFFECTIVE
PROBLEM
SOLVING
and for…
 ข ้อเสนอเชงิ นโยบาย ควรเป็ นข ้อเสนอใหม่ๆ กระบวนทัศน์
ื่ ว่า หากปฏิบต
ใหม่ๆ หลักๆ ทีเ่ ชอ
ั แ
ิ ล ้วจะชว่ ยแก ้ปั ญหาที่
ิ ธิผล นาไปสูอ
่ นาคตทีด
เกิดขึน
้ ได ้อย่างมีประสท
่ ก
ี ว่าใน
ปั จจุบน
ั เป็ นข ้อเสนอทีเ่ พิม
่ ขึน
้ (added on) จากงานประจา
(routine work) ไม่เป็ นประเด็นเล็กๆ น ้อยๆ หรือเป็ นประเด็นงาน
ประจาทีอ
่ ด
ั แน่นจนขาดจุดเน ้นสาคัญ กลายเป็ นแผนปฏิบต
ั ิ
การ (action plan) ของหน่วยงานทีร่ วมทุกอย่างไว ้
 การนาเสนอข ้อเสนอเพือ
่ พัฒนา อาจจาแนกออกเป็ น
ั ้ 1-2 ปี เพือ
ข ้อเสนอเพือ
่ การปฏิบต
ั ใิ นระยะสน
่ การปฏิบต
ั ิ
ระยะปานกลาง 3-5 ปี และเพือ
่ การปฏิบต
ั ริ ะยะยาว 5 ปี ขึน
้
การเขียน “ข้อเสนอเชิงนโยบาย” แนะนาให ้ศกึ ษา
รูปแบบการนาเสนอ “แผนยุทธศาสตร์” “แผนเชงิ นโยบาย” หรือ ...
หน่วยงานทีม
่ ม
ี าตรฐาน ทีม
่ รี ป
ู แบบการนาเสนอทีด
่ ใี นแนวคิดหลักๆ
ื่ ความหมาย ไม่เยิน
ั สน ไม่อุ ้ยอ ้าย ไม่วกไป
เข ้าใจง่าย สอ
่ เย ้อ ไม่สบ
หรือแล ้วนาแนวคิดทีด
่ ๆี มาใชกั้ บการเขียน “ข ้อเสนอเชงิ นโยบาย” ใน
งานวิจัยของตัวเองได ้
อย่าลืม... ข ้อเสนอนาไปสู่
.....การแก ้ปั ญหาทีม
่ ี
ิ ธิผล...และอนาคตที่
ประสท
ดีกว่าปั จจุบน
ั ไม่อยูก
่ บ
ั ที่
หรือถอยหลัง และไม่เป็ น
ข ้อเสนออย่างเป็ น
แผนปฏิบต
ั ก
ิ าร ประเด็นเล็ก
ประเด็นน ้อย
Policy research
การวิจ ัยเชิงนโยบาย (Policy Research) เป็ นกระบวนการ
ึ ษาปั ญหาพืน
ศก
้ ฐานทางสงั คม เพือ
่ ให ้ได ้ข ้อเสนอทีเ่ น ้นการ
ปฏิบต
ั ท
ิ เี่ ป็ นไปได ้ (possible action oriented recommendations) ทีผ
่ ู้
้
ิ ใจเพือ
กาหนดนโยบายสามารถใชประกอบการตั
ดสน
่ แก ้ปั ญหา
ิ ธิผล และนาไปสูอ
่ นาคตทีด
ทีม
่ ป
ี ระสท
่ ข
ี น
ึ้ กว่าในปั จจุบน
ั
ข ้อคิด....ทาให ้ดีทส
ี่ ด
ุ
 ผลจากการวิจัยเป็ นเพียงสว่ นหนึง่ ของ
บรรดาปั จจัยป้ อนเข ้า (inputs) ทีจ
่ ะนาเข ้าสู่
ิ ใจเชงิ นโยบาย (policy decision) ยัง
การตัดสน
มีปัจจัยป้ อนเข ้าอืน
่ ๆ ทีจ
่ ะต ้องนามา
ิ ใจอืน
ประกอบการตัดสน
่ ๆ อีก
 การวิจัยเชงิ นโยบายไม่ใชเ่ ป็ นยา
ครอบจักรวาลทีจ
่ ะรักษาได ้ทุกโรคในการ
แก ้ปั ญหาสงั คมนัน
้ สงิ่ ทีส
่ ามารถกระทาได ้
ก็คอ
ื การแสวงหาข ้อมูลสารสนเทศทีม
่ ี
ิ ใจ โดย
คุณค่าเพือ
่ ประกอบการตัดสน
คาดหวังว่าจะชว่ ยให ้การแก ้ปั ญหาเป็ นไป
ด ้วยดี
ั ซอน
้
 กระบวนการนโยบายจะมีความซบ
ึ ษานัน
ยิง่ ขึน
้ หากปั ญหาทีศ
่ ก
้ มีความ
ั ซอน
้ ผู ้วิจัยจะต ้องเข ้าใจในสว่ นของผู ้ที่
ซบ
เกีย
่ วข ้องทีม
่ อ
ี ย่างมากมาย ตลอดจนกลไก
ลักษณะสาคัญ...
 เป็ นพหุมต
ิ ิ (multi-dimension) มองปั ญหาที่




ึ ษาด ้วยหลากหลายแง่มม
ศก
ุ
เป็ นวิธก
ี ารอุปมานเชงิ ประจักษ์ (empiricoึ ษาจาก
inductive approach) อุปมานผลการศก
่ ระชากร เพือ
กลุม
่ ตัวอย่างไปสูป
่ ทาให ้
้ บายได ้ทัว่ ไป
ข ้อสรุปจากการวิจัยใชอธิ
(generalization)
ให ้ความสาคัญทัง้ อดีต ปั จจุบน
ั และ
อนาคต ไม่กาหนดกรอบตัวแปรไว ้อย่าง
ตายตัว แต่เปิ ดกว ้างต่ออิทธิพลและตัว
้
แปรแทรกซอนต่
างๆ
ตอบสนองต่อความต ้องการของผู ้ใช ้
ผลงานวิจัยหรือแหล่งทุน
เขียนให ้ดี เสนอให ้ดี... แสดงคุณค่า หรือ
ั เจนใน
ค่านิยม หรือแนวคิด ให ้เห็นชด
Better Future
แนวคิดทีส
่ าคัญ....
 แนวคิดเกีย
่ วกับ....การออกแบบการวิจัย
(design of study) ว่าสามารถจะดัดแปลง
(adapting) ผสม (combining) หรือปรับปรุง
(improvising) ให ้มีความเหมาะสมได ้
้
สว่ นมากแล ้วจะไม่ใชระเบี
ยบวิธวี จ
ิ ย
ั เดีย
่ ว
แต่จะเป็ นแบบผสมจากระเบียบวิธวี จ
ิ ย
ั
ประเภทต่างๆ
 แนวคิดทีว่ า่ .....งานวิจัยสว่ นใหญ่จะจบ
ลงตรงทีก
่ ารสรุปผลและการให ้
ข ้อเสนอแนะจากผลการวิจัย แต่การวิจัย
เชงิ นโยบายจะไม่หยุดลงเพียง
ึ ษา
ข ้อเสนอแนะทีไ่ ด ้มาเท่านัน
้ แต่จะศก
ต่อเนือ
่ งเพือ
่ คาดคะเนถึงโอกาสในการ
วิธด
ี าเนินการวิจัย... 2 ขัน
้ ตอน
หลัก
้
ขันตอนแรก
การกาหนดหรือ
จัดทา “ข ้อเสนอ
เชงิ นโยบาย”
สู่
้
่
ขันตอนที
สอง
การคาดคะเน
โอกาสในการ
ปฏิบต
ั ข
ิ อง
ข ้อเสนอ
้
ขันตอนแรก
---การกาหนดหรือจัดทา “ข ้อเสนอเชงิ นโยบาย” ควรออกแบบ
เป็ นวิธวี ท
ิ ยาการวิจัยแบบผสม (Mixed Methodology)
เพือ
่ ให ้ได ้ข ้อมูลจากหลากหลายแหล่ง
เช่น......
ข้อมู ลจากการศึกษาบริบทของ
้ ที
่ ท
่ าการวิจ ัย
หน่ วยงานหรือพืนที
(contextual study / survey study) อาจเป็ น
การวิจัยเชงิ สารวจภายในสถาบันหรือ
่ เขตพืน
ภายในพืน
้ ทีท
่ ก
ี่ าหนด เชน
้ ที่
ึ ษา จังหวัด ภูมภ
การศก
ิ าค หรือประเทศ
เป็ นต ้น เพือ
่ ให ้ทราบสภาพปั ญหาและ
้
ข ้อเสนอแนะ โดยใชแบบสอบถามแบบ
ปลายเปิ ดและปลายปิ ด ---- ถือเป็ น
ข
ลจากบริบ้ขทที
เ่ ป็ นจริง เจากคนใน
เพื้อมู
อ
่ โอกาสได
้อเสนอแนะที
่ ปิ ดกว ้างอย่างเป็ นอิสระของผู ้ตอบ ควร
พืน
้ ที่ ถือเป็ นข ้อมูเป็ลนแบบสอบถามแบบปลายเปิ
แบบล่างขึน
้ บน
ด
้
ขันตอนแรก
---การกาหนดหรือจัดทา “ข ้อเสนอเชงิ นโยบาย” ควรออกแบบ
เป็ นวิธวี ท
ิ ยาการวิจัยแบบผสม (Mixed Methodology) เพือ
่ ให ้ได ้
ข ้อมูลจากหลากหลายแหล่ง
เช่น.....
ึ ษากรณีตวั อย่างที่
ข ้อมูลจากการศก
ประสบผลสาเร็จ (outstanding/best
ึ ษาเฉพาะกรณี
practice) อาจเป็ นการศก
(case study) เพือ
่ หาข ้อสรุปรูปแบบการ
พัฒนาทีป
่ ระสบผลสาเร็จนัน
้ ว่ามี
วัตถุประสงค์ของนโยบาย (policy
objective) และแนวทางของนโยบาย
(policy means) อะไรและอย่างไร ซงึ่
หากจะให ้มีความหลากหลาย ควรเป็ น
ึ ษาพหุกรณี (multi-cases study) --การศก
ถือเป็ นข ้อมูลเชงิ เปรียบเทียบ มี
จุดมุง่ หมายเพือ
่ “นา/ยืม” นโยบายที่
ดีๆ ของเขามาใช ้
้
ขันตอนแรก
---การกาหนดหรือจัดทา “ข ้อเสนอเชงิ
นโยบาย” ควรออกแบบเป็ นวิธวี ท
ิ ยาการวิจัย
แบบผสม (Mixed Methodology) เพือ
่ ให ้ได ้ข ้อมูล
จากหลากหลายแหล่ง
Content Analysis
เช่น....
ข ้อมูลเชงิ วิชาการ จากทฤษฎี
นโยบาย/แผน และผลงานวิจัย จาก
ึ ษาไว ้ในบทที่ 2 หรือจากการ
ทีศ
่ ก
วิเคราะห์เนือ
้ หา (content analysis)
เพิม
่ เติม --- ถือเป็ นข ้อมูลจาก
่ า่ ง (top-down)
ภายนอก แบบบนลงสูล
้
แหล่งข้อมู ลทังจากต
ารา จากเว็บไซด ์ เช่น...
จาก...พระบรมราโชวาท...พระราชดารัส ...
ึ ษาแห่งชาติ
จาก พ.ร.บ. การศก
ึ ษาแห่งชาติ
จากแผนการศก
จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ
ึ ษาธิการ จาก
จากนโยบายของรัฐบาล จากกระทรวงศก
ต ้นสงั กัด
ทัง้ 3 กรณี ... จะทาให ้ได ้
แหล่งข ้อมูลจากทัง้ บริบททีเ่ ป็ นจริง
จากกรณีตวั อย่างทีป
่ ระสบผลสาเร็จ
และจากเชงิ วิชาการ แต่หากจะเพิม
่
ั ภาษณ์
แหล่งข ้อมูลจากการสม
ี่ วชาญหรือผู ้คุณวุฒท
ผู ้เชย
ิ าง
วิชาการ/ทางปฏิบต
ั ป
ิ ระกอบอีกด ้วย
ให ้คานึงถึงข ้อมูลจาก “นอกกรอบทีท
่ ันสมัย” อืน
่ ๆ ด ้วย
ไม่ยด
ึ แต่นโยบายจากต ้นสงั กัด จะทาให ้ได ้ข ้อเสนอแนะ
นโยบายทีซ
่ ้าๆ เดิม ไม่มอ
ี ะไรใหม่ๆ และทีส
่ าคัญ สงั คม
จากหลักการ แนวคิด ทฤษฎี
จากกระบวนทัศน์ใหม่ทางการศกึ ษาศตวรรษที่ 21
จากทัศนะของนั กวิชาการ จากงานวิจัย จากการ
ั มนาทางวิชาการ
ประชุมสม
ฯลฯ
ขัน
้ ตอนแรก --- จัดทาร่าง..
ข ้อมูลจาก 3-4 แหล่งดังกล่าว.... ผู ้วิจัยจะ
นามาสงั เคราะห์เพือ
่ กาหนดเป็ น "ร่างข ้อเสนอ
เชงิ นโยบาย” ใน 2 องค์ประกอบสาคัญ คือ
วัตถุประสงค์ทค
ี่ าดหวังให ้เกิดขึน
้ และ
แนวทางปฏิบต
ั เิ พือ
่ ให ้บรรลุวต
ั ถุประสงค์นัน
้
โดยในขัน
้ ตอนการสงั เคราะห์ข ้อมูลจาก 3-4
แหล่งมาเป็ นร่างข ้อเสนอเชงิ นโยบายนี้ ผู ้วิจัย
ั หลักการมีสว่ นร่วม โดยจัดการ
อาจอาศย
ั มนาเชงิ ปฏิบต
ี ”
สม
ั ก
ิ ารของ “ผู ้มีสว่ นได ้เสย
บต
ั ิ
เพือ
่ ให ้มีแนวทางปฏิ
การระดมสมองของคนที
เ่ กีย
่ วข ้อง วัตถุประสงค์
หลายฝ่ ายเพื
ซอ
จะท้บรรลุ
าให ้ได ้ข ้อเสนอเชงิ
่ งึ่ ให
ทีค
่ าดหวังให ้
นโยบายที
่ตา่ ถุนการกลั
น
่ กรองไดกลไก
้ดีกว่าทีผ
่ ู ้วิจัย เกิดขึน
วัผ
ประสงค์
้
จะจัดทาเพียงลาพัง
สนับสนุน
ี .....จัดทา
ผู ้วิจัย + ผู ้มีสว่ นได ้เสย
ร่าง
Survey
Study
Multicase
study
Content
analysis
แหล่ง content analysis ทัง้ จากเอกสารและ
อินเตอร์เน็ ต
xxx
xxx
xxx
ข ้อมูลทีไ่ ด ้จากการวิจัย 3 แหล่ง
โดยเฉพาะจากการวิเคราะห์เนือ
้ หา
จะมีมากมาย ต ้องมีการกลัน
่ กรอง
ตามกรอบประเด็นหลัก โดยใช ้
้
เกณฑ์ทผ
ี่ ู ้วิจัยกาหนดว่าจะใชเกณฑ์
ร่างข ้อเสนอเชงิ นโยบาย...อย่าลืม..มี
เป้ าหมาย และตรงเป้ าหมายตามเกณฑ์
ท
ก
่
ี
าหนด
คาดหวังให ้เกิดอะไร.. จะทา
ได ้อย่างไร....มีเงือ
่ นไข/
กลไกสนับสนุนอย่างไร....
นาเสนอประเด็นหลักและ
ประเด็นรองทีข
่ ยายความให ้
เข ้าใจถึงแนวปฏิบต
ั ท
ิ เี่ ป็ นไป
ได ้ แก ้ปั ญหาได ้อย่างมี
ิ ธิผล เกิดสงิ่ ทีด
ประสท
่ ข
ี น
ึ้
กว่าเดิม (better future) นาเสนอ
ง่ายต่อการทาความเข ้าใจ
ั ชด
ั เจน ไม่วกวน ไม่
กระชบ
ย ้อนกลับไปดูข ้อแนะนาการเขียน “ข ้อเสนอ
มากมายเล็กๆ น ้อยๆ ... หาก
ชว่ ยกันคิด......มีอะไรอีก..
มีข ้อคิดเห็นอะไรที่
ดีๆๆๆ เพือ
่ ให ้ได ้
“ร่างข ้อเสนอเชงิ
นโยบาย” ทีด
่ ๆี ๆ ขึน
้
อีก
ขัน
้ ตอนที่ 2 -- คาดคะเนโอกาสในการปฏิบต
ั ข
ิ อง
ข ้อเสนอเชงิ นโยบาย
การคาดคะเนโอกาสในการปฏิบต
ั ข
ิ องข ้อเสนอเชงิ
นโยบาย นัน
้ หากพิจารณาจากแนวคิดดัง้ เดิม “ผู ้วิจัยเป็ น
ผู ้ดาเนินการวิจัย” ดังนี้ 1) การวิเคราะห์อานาจของผู ้มีสว่ น
ี ทีจ
ิ ใจนโยบาย 2) การ
ได ้เสย
่ ะมีอท
ิ ธิพลต่อการตัดสน
วิเคราะห์ศักยภาพขององค์การ 3) การคาดการณ์ถงึ
ผลกระทบทีจ
่ ะเกิดขึน
้ 4) การคาดคะเนโอกาสในการ
ปฏิบต
ั ิ 5) การจัดเตรียมให ้ข ้อเสนอแนะสุดท ้าย
กิจกรรมเหล่านีส
้ ามารถนาเอาหลักการมีสว่ นร่วมจากผู ้มี
ี มาแทนได ้ กล่าวคือ เปลีย
สว่ นได ้เสย
่ นจากการที่ “ผู ้วิจัย”
ึ ษาวิเคราะห์ในองค์ประกอบด ้านต่างๆ ด ้วยตนเอง
เป็ นผู ้ศก
ี ” มาร่วม
ไปเป็ นใช ้ “หลักการมีสว่ นร่วมจากผู ้มีสว่ นได ้เสย
กันคิด ร่วมกันวิเคราะห์ และร่วมกันให ้ข ้อเสนอแนะแทน
โดยใชข้ ้อมูลทีไ่ ด ้จากการวิจัยในขัน
้ ตอนแรกมาใช ้
ประกอบการพิจารณา เสมือนเป็ นการวิเคราะห์อท
ิ ธิพลและ
ขัน
้ ตอนที่ 2 – คาดคะเนโอกาสในการปฏิบัตขิ อง
้
ข ้อเสนอเชงิ นโยบาย...กิจกรรมทีใ่ ช...ตามความ
ั ยภาพ
เหมาะสม..และตามศก
่
เชน
ั ภาษณ์เชงิ ลึก (in-depth interview)
 การสม
 การอภิปรายกลุม
่ เป้ าหมาย (focus group
discussion)
ั มนากลุม
 การสม
่ ย่อย (small group seminar)
ั มนาเชงิ ปฏิบต
 การสม
ั ก
ิ าร (operational
seminar)
 การประชาพิจารณ์ (public hearing)
 อืน
่ ๆ ....................
วิจย
ั เชิงนโยบายแบบมีสว
่ นร่วม
(Participatory Policy Research: PPR) --- ขัน
้ ตอนที่ 1 +
ขัน
้ ตอนที่ 2
(mixed methodology)
(participation)
(feasible)
data triangulation)
(acceptable)
การนาเสนอผลการวิจัย
..
การนาเสนอผลการวิจัยในสว่ นทีเ่ ป็ นการวิเคราะห์ข ้อมูล ในบทที่ 4 อาจแยกเป็ น 2
ตอน
ตอนที่ 1 ผลการวิจัยและร่างข ้อเสนอเชงิ นโยบาย




ผลการวิจัยเชงิ สารวจ
ึ ษา
ผลการวิจัยพหุกรณีศก
ผลการวิจัยเอกสาร (และอืน
่ ๆ ถ ้ามีเพิม
่ เติม)
ร่างข ้อเสนอเชงิ นโยบาย
ตอนที่ 2 ผลการคาดคะเนโอกาสในการปฏิบต
ั แ
ิ ละข ้อเสนอเชงิ นโยบายฉบับ
สมบูรณ์
ั ภาษณ์เชงิ ลึก
 ผลการสม
 ผลการสนทนากลุม
่ เป้ าหมาย
ั ภาษณ์เชงิ ลึกและการสนทนา
 ร่างข ้อเสนอเชงิ นโยบายทีป
่ รับแก ้จากผลการสม
่ าร
กลุม
่ เป้ าหมาย (หรือจัดทาเป็ นสรุปประเด็นทีม
่ ก
ี ารปรับแก ้) เพือ
่ นาข ้อมูลสูก
ประชาพิจารณ์
 ผลการประชาพิจารณ์ (และอืน
่ ๆ ถ ้ามีเพิม
่ เติม)
 ข ้อเสนอเชงิ นโยบายฉบับสมบูรณ์
สาหรับที่ 5 ควรเป็ นการสรุป อภิปรายผล และให ้ข ้อเสนอแนะในสว่ นทีเ่ ป็ น
รายงานผลการวิจ ัย
คาแนะนา ---- การนาเสนอผลการวิจัย ผู ้วิจัยควรนามา
ิ้ การทาวิจัยแต่ละ
เสนอเป็ นระยะๆ หรือหลังเสร็จสน
ิ้ ทุกขัน
ขัน
้ ตอน ไม่รอจนกว่าเสร็จสน
้ ตอน มิฉะนัน
้ จะเกิด
สภาพของภูเขาข ้อมูล หรือสภาพได ้หน ้าลืมหลัง อาจมี
ผลทาให ้นาเสนอข ้อมูลไม่ครบถ ้วนสมบูรณ์ตามทีป
่ ฏิบต
ั ิ
ั สน อันเนือ
จริง มีความสบ
่ งจากความเร่งรัดของเวลา
ความเหนือ
่ ยล ้า ความท ้อแท ้ใจ ความหลงลืม และความ
มากมายของข ้อมูล
PPR….ผู ้วิจัย
ั ทัศน์ (visionary
 เป็ นผู ้นาเชงิ วิสย






leader)
เป็ นนักยุทธศาสตร์ (strategist)
เป็ นนักวางแผนยุทธศาสตร์
(strategic planner)
เป็ นผู ้นาแห่งอนาคต (tomorrow’s
leader)
เป็ นผู ้บริหารเชงิ รุก (proactive
administrator)
เป็ นนักสร ้างสรรค์ (creator)
เป็ นนักนวัตกรรม (innovator)
Future - oriented
สงิ่ ทีค
่ วรทา...แต่เนิน
่ ๆ
ิ ใจทาวิจัยเชงิ นโยบาย
หากตัดสน
ควรเริม
่ review วรรณกรรมที่
เกีย
่ วข ้องเพือ
่ นาเสนอไว ้ในบทที่
ี แต่เนิน
2 เสย
่ ๆ เพือ
่ เป็ นข ้อมูล
พืน
้ ฐานทีจ
่ ะนาไปสู่ “การวิจัย
เอกสาร” หรือ “การวิจัยเนือ
้ หา”
ในขัน
้ ตอนแรกของการวิจัย
Review ทัง้ จากตารา จากเว็บไซด์
และแหล่งอืน
่ ๆ โดยเน ้น “แนวคิด
ใหม่ๆ ไม่ล ้าสมัย” เพราะหาก
นาเอาแนวคิดเก่าๆ มาใช ้ จะมีผล
ให ้ “การวิจัยเอกสาร” หรือ “การ
วิจัยเนือ
้ หา” ในขัน
้ ตอนแรกของ
การวิจัยได ้ “ร่างข ้อเสนอเชงิ
นโยบาย” ทีเ่ ก่าๆ ล ้าสมัย ไม่
แหล่งข ้อมูลทัง้ จากตารา จากอินเตอร์เน็ ต
่ ...
และอืน
่ ๆ เชน
o จาก...พระบรมราโชวาท...พระราชดารัส ...
ึ ษาแห่งชาติ
o จาก พ.ร.บ. การศก
ึ ษาแห่งชาติ
o จากแผนการศก
o จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คม
แห่งชาติ
o จากนโยบายของรัฐบาล จาก
ึ ษาธิการ จากต ้นสงั กัด
กระทรวงศก
o จากหลักการ แนวคิด ทฤษฎี
ึ ษา
o จากกระบวนทัศน์ใหม่ทางการศก
ศตวรรษที่ 21
o จากทัศนะของนั กวิชาการ จากงานวิจัย
ึ ษา
กรณีศก
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/Dissertation_Pdf/Kanoung.pdf
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/Dissertation_Pdf/Chaiya.pdf
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/Dissertation_Pdf/Napadon.pdf
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/Dissertation_Pdf/Somphan.pdf
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/Dissertation_Pdf/Wichit.pdf
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/Dissertation_Pdf/Komsan.pdf
 http://ednet.kku.ac.th/~edad/OLD/thesis_new/tapicha.pdf
 http://phd.mbuisc.ac.th/case%20study.htm