โรคสัตว์น้ำ

Download Report

Transcript โรคสัตว์น้ำ

โรคจากพยาธิภ ายนอก
โรคจุ ด ขาว
ี าวขุ่น ขนาดเท่า ปลายเข็ ม
ปลาที่เ ป็ นโรคนี้จ ะมีจุด ส ข
ิ ที่ทาให ้เกิด
หมุด เล็ ก ๆ กระจายอยู่ทั่ ว ลาตั ว และครีบ ปรส ท
่ ว่า อิ๊ ก ท ีอ ๊อ ฟ ท ีเ รีย ส มั ล ต ฟ
โ ร ค นี ้ใ น ป ล า น้ า จ ืด ม ีช ื อ
ิ ิลส
ิ
้ ๆ ว่า อิ๊ ก แต่
(Icthyopthirius multifiliis) หรือ เรีย กสัน
ื่ ว่า คริป โตคาริอ อน อิ
ถ ้าทาให ้เกิด โรคในปลาน้ า กร่อ ยมีช อ
ร อ เ ท น ส ์ ( Cryptocaryon) ซ ึ ง่ เ ป็ น โ ป ร โ ต ซ ัว ช น ิด ที ่ก น
ิ
เซบล์ผ วิ หนั ง เป็ นอาหาร สามารถสัง เกตโปรโตซัว ชนิด นี้ ไ ด ้
ง่า ย ๆ ค ือ มีน ิว เคลีย สเป็ นรูป เก อ
ื กม ้าขนาดใหญ่ เมื ่อ
ิ ชนิด นี้โ ตเต็ ม ที่จ ะออกจากตั ว ปลาจมตั ว ลงสู่บ ริเ วณก ้น
ปรส ต
บ่อ ปลา และสร ้า งเก รา ะหุ ้ม ตั ว ต่อ จ า ก นั ้น จ ะมีก า รแบ่ ง
เซลล์เ ป็ นตั ว อ่อ นจ านวนมากภายในเกราะนั ้น เมื ่อ สภาวะ
แวดล ้อมภายนอกเหมาะสม เกราะหุ ้มตั ว จะแตกออกและตั ว
อ่อ นของพยาธิจ ะว่า ยน้ า เข ้าเกาะตามผิว หนั ง ของปลาต่ อ ไป
พบโรคนี้ใ นปลาหลายชนิด เช ่น ปลาสวาย ปลาดุก ปลา
การป้ องก น
ั และร ก
ั ษา
ิ ที่ฝั งอยู่ใ ต ้ผิว หนั ง ยั ง ไม่ม ีว ธ
การกาจั ด ปรส ต
ิ ีท ี่ไ ด ้ผลเต็ ม ที่ แต่
สามารถทาลายตั ว อ่อ นในน้ า หรือ ทาลายตั ว แต่ข ณะว่า ยน้ า อิส ร ะได ้ โดย
้
การเลือ กใช สารเคมี
อ ย่า งใดอย่า งหนึ่ง ต่อ ไปนี้
1. ฟอร์ม าลิน 150-200 ซ ีซ ี. ต่อ น้ า 1,000 ลิต ร แช ่ไ ว ้นาน
1 ชั่ว โมง สาหรั บ ปลาขนาดใหญ่ หรือ 25-50 ซ ีซ .ี ต่อ น้ า 1,000
ลิต ร นาน 24 ชั่ว โมง
2. มาลาไคต์ก รีน 1.0-1.25 กรั ม ต่อ น้ า 1,000 ลิต ร แช ่ไ ว ้
น า น 2 0 น า ที ส า ห รั บ ป ล า ข น า ด ใ ห ญ่ ห รือ 0 . 1 5 ก รั ม ต่อ น้ า
1,000 ลิต ร นาน 24 ชั่ว โมง
3. เมทินี น บลู 1-2 กรั ม ต่อ น้ า 1,000 ลิต ร แช ่ต ด
ิ ต่อ กั น 7
วั น
4. มาลาไคต์ก รีน และฟอร์ม าลิน ในอั ต ราส ่ว น 0.15 กรั ม
และ 25 ซ ีซ ี. ต่อ น้ า 1,000 ลิต ร นาน 24 ชั่ว โมง ควรเปลี่ย นน้ า
ใหม่ทุก วั น และแช ่ย าวั น เว ้นวั น จนกระทั่ ง ปลามีอ าการดีข น
ึ้ วิธ ีนี้ จ ะให ้
ผลดีม ากโดยเฉพาะเมื่อ น้ า มีอุณ หภูม ป
ิ ระมาณ 28-30 องศาเซลเซ ีย ส
ิ ช นิด นี ้ ข ย า ย พั น ธุ ์ไ ด ้ร ว ด เ ร็ ว
อ ย่า ง ไ ร ก็ ต า ม เ นื ่ อ ง จ า ก ป ร ส ต
ดั ง นั ้น วิธ ีก ารป้ องกั น วิธ ีท ี่ด ีท ี่ส ุด เพื่อ ให ้ปลาที่นามา เลี้ย งปราศจากการ
ิ
ปนเปื้ อนปรส ต
โดยดาเนิน การดั ง นี้
1 . ก่อ น ที ่จ ะ น า ป ล า ม า เ ลี ้ย ง ค ว ร น า ม า ขั ง ไ ว ้ใ น ที ่ก ั ก กั น ก่ อ น
โรคสนิ ม เหล็ ก
ปลาที ่เ ป็ นโรคนี ้จ ะว่า ยน้ า ทุร นทุร ายบางครั ง้ พบว่า
กระพุ ้งแก ้มเปิ ดอ ้ามากกว่า ปกติ อาจมีแ ผลตกเลือ ดหรือ รอย
ี ้ า ตาลหรือ เหลือ งคล ้ายส ส
ี นิม ตามลาตั ว ครีบ หางตก
ด่า งส น
ิ ที่ทาให ้
หรือ ลู่ล ง ปลาจะทยอยตายติด ต่อ กัน ทุก วั น ปรส ต
่ ว่า โอโอดีเ นีย ม (Oodinium
เก ด
ิ โรคนี ้ใ นปลาน้ า จืด มีช ือ
sp.) หรือ พิส ซ โิ นโอดิเ นีย ม (Piscinoodinium sp.) แต่ถ ้า
่ ว่า อะมิโ ล
ทาให ้เกิด โรคในปลาน้ า กร่อ ยหรือ ปลาทะเลมีช ือ
ิ พวกนี้เ ป็ นปรส ต
ิ
โอดิเ นีย ม (Amyloodinium
sp.) ปรส ต
เซลล์เ ดีย วชนิด ที ่ม ีร ูป ร่า งกลมรี ส เี หลือ งปนน้ า ตาล หรือ
ี ะ ท ้อ น แ ส ง ภ า ย ใ น เ ซ ล ล ม
เ ห ล ือ ง ป น เ ข ย
ี วแบบสส
์ ี
องค์ป ระกอบที ่ค ล ้ายสบู ่อ ยู ่เ ป็ นจ านวนมาก สามารถเพิ ่ม
จานวนได ้อย่า งรวดเร็ ว โดยการแบ่ง เซลล์ ถ ้าปลาไม่ไ ด ้รั บ
การรั ก ษาอย่า งถูก ต ้อง ปลาจะตายหมดบ่อ โรคนี้พ บมาใน
ลูก ปลาขนาดเล็ ก เช ่น ปลาดุก ปลาช ่อ น ปลากราย และ
ปลาสวยงาม เป็ นต ้น
การป้ องก น
ั และร ักษา
ี .ี ต่อ
1. แช ่ป ลาที่เ ป็ นโรคนี้ใ นฟอร์ม าลิน 30-40 ซ ซ
น้ า 1,000 ลิต ร นาน 24 ชั่ว โมง แล ้วเปลี่ย นน้ า ใหม่ ถ ้า
ปลายั ง มีอ าการไม่ด ีข น
ึ้ ควรเปลี่ย นน้ า แล ้ให ้ยาซ้า อีก ปลาที่
ป่ วยควรจะมีอ าการดีข น
ึ้ ภายใน 3-4 วั น ในระหว่า ง การใช ้
ยาถ ้ามีป ลาตาย ควรตั ก ออกจากตู ้ให ้หมด
้
2. ใช เกลื
อ เม็ ด ปริม าณ 1-5 กิโ ลกรั ม ต่อ น้ า 1,000
ลิต ร แช ่น าน 24 ชั่ว โมง ทั ง้ นี้ข ึน
้ กับ ชนิด และขนาดของ
้
ปลา ถ ้าปลาขนาดเล็ ก ควรใช เกลื
อ น ้อยกว่า ปลาขนาดใหญ่
้
้
(ก่อ นใช โปรดอ่
า นข ้อควรระวั ง ในการใช เกลื
อ)
3. นาเกลือ เม็ ด ตามปริม าณที่คานวณว่า จะใช ้ แช ่ล ง
ในสารละลายจุน ส ี (CuSO 4) ที ่ม ีค วามเข ้มข ้น 1 พีพ ีเ อ็ ม
(1 กรั ม ต่อ น้ า 1,000 ลิต ร) แล ้วน าเกลือ นั ้น ไปใส ่ใ นตู ้
ปลาแช ่ไ ว ้นาน 24 ชั่ว โมงจึง เปลี ่ย นน้ า ให ้ส ัง เกตอาการ
ปลา ถ ้าไม่ด ีข น
ึ้ ทาซ้า อีก 2-3 ครั ง้
โรคเห็ บ ระฆัง
โรคนี้จ ะทาให ้ปลาเกิด อาการระคายเคือ ง เนื่อ งจาก
ิ เซลล์เ ดีย วรูป ร่า ง
พยาธิใ นกลุ่ม Trichodinids ซ งึ่ เป็ นปรส ต
กลม ๆ มีแ ผ่น ขอหนามอยู ่ก ลางเซลล์เ ข ้าไปเกาะอยู ่ต าม
ลาตั ว และเหงือ กปลา มีก ารเคลื่อ นที่ไ ปมาจากที่ห นึ่ ง ไปอีก
ที่ห นึ่ง อยู่ต ลอดเวลา ทาให ้ปลาเกิด เป็ นแผลขนาดเล็ ก ตาม
ผิว ตั ว และเหงือ ก มั ก พบในลูก ปลา ถ ้าพบเป็ นจานวนมาก
ทาให ้ปลาตายได ้หมดบ่อ หรือ หมดตู ้ ปลาที่พ บว่า เป็ นโรคนี้
มีห ลายชนิด เช ่น ปลาดุก ปลาช ่อ น ปลาตะเพีย น ปลา
ทรงเครื่อ ง ปลาสวาย ปละปลาสวยงามหลายชนิด เป็ นต ้น
ควรรีบ รั ก ษาตั ง้ แต่ป ลาเริม
่ เป็ นโรคในระยะแรก ๆ จะได ้ผล
ดีก ว่า เมื่อ ปลาติด โรคแบบเรื้อ รั ง แล ้ว
การป้ องก น
ั และร ักษา
ิ ชนิด นี้ แ พร่
การป้ องกัน จะดีก ว่า การรั ก ษา เพราะปรส ต
้
ได ้รวดเร็ ว และทาให ้ปลาวั ย อ่อ นตายได ้ในระยะเวลาอั น สั น
การป้ องกัน ทาได ้โดยการตรวจปลา ก่อ นที่จ ะนามาเลี้ย งว่า มี
ิ นี้ต ด
ปรส ต
ิ มาด ้วยหรือ ไม่ ระวั ง การติด ต่อ ระหว่า งบ่อ ผ่า นทาง
อุป กรณ์ ท ี่ใ ช ร่้ ว มกัน ควรขัง ปลาไว ้ประมาณ 2 – 3 วั น เมื่อ
ตรวจจนแน่ ใ จว่า ไม่ม ีโ รคแล ้วจึง ค่อ ยปล่อ ยลงเลี้ย ง แต่ถ ้ามี
ิ เกด
ปรสต
ิ ขึ น
้ ก า จ ั ด ไ ด ้โ ด ย ก า ร ใ ช ย้ า ห ร ือ ส า ร เ ค ม ี ค ือ
ี .ี ต่อ น้ า 1,000 ลิต ร นาน 24 ชั่ว โมง
ฟอร์ม าลิน 25 – 30 ซ ซ
โรคตกเลือดตามซอกเกล็ด
ี ดงเป็ นจ้าๆ ตาม
อาการของโรคนีค
้ อ
ื ปลาจะมีแผลเปิ ดสแ
ลาตัว โดยเฉพาะทีค
่ รีบและซอกเกล็ด มักพบในปลามีเกล็ด
เป็ นสว่ นใหญ่ ถ ้าเป็ นแผลเรือ
้ รังอาจมีอาการเกล็ดหลุดบริเวณ
ี ้ าตาล
รอบๆ แผลและด ้านบนของแผลจะมีสว่ นทีค
่ ล ้ายสาลีสน
ิ ชอ
ื่ อิพส
ปนเหลืองติดอยู่ โรคนีเ้ กิดจากปรสต
ิ ไทลิส
ิ เซลล์เดียวทีอ
(Epistylis sp.) ซงึ่ เป็ นปรสต
่ ยูร่ วมกันเป็ นกลุม
่
ี าร์พ ปลาแรด และปลา
หรือกระจุก พบมากในปลาแฟนซค
่ นเป็ นต ้น
ชอ
การป้ องกันและร ักษา
้ อเม็ด จานวน 1-5 กิโลกรัม ต่อน้ า 1,000 ลิตร
1. ใชเกลื
่ าน 48 ชวั่ โมง
แชน
้
ี .ี ต่อน้ า 1,000 ลิตร
2. ใชฟอร์
มาลิน จานวน 25-40 ซซ
่ าน 48 ชวั่ โมง หลังจากแชย
่ าแล ้วถ ้าปลายังมีอาการไม่
แชน
่ าซ้าอีก
ดีขน
ึ้ ควรเปลีย
่ นน้ าแล ้วพักไว ้ 1 วันก่อน จากนัน
้ ใสย
1-2 ครัง้ ถ ้ารักษาถูกโรค ปลาควรจะมีอาการดีขน
ึ้ ภายใน 23 วัน หลังจากการรักษา
โรคเมือกขุ่น
ี าวขุน
อาการของโรคนีค
้ อ
ื ปลาจะมีเมือกสข
่ ปกคลุมลาตัวเป็ น
หย่อมๆ หรือขับเมือกออกมาจากจนกระทั่งได ้กลิน
่ คาว ครีบ
ื กกระสน บางครัง้ จะลอยอยูต
หุบ ว่ายน้ ากระเสอ
่ ามผิวน้ า
ิ เซลล์เดียว เชน
่ คอสเตีย
สาเหตุของโรคนีเ้ กิดจากปรสต
(Costia sp.) ชโิ ลโดเนลล่า (Chilodonella sp.) ไซฟิ เดีย
(Scyphidia sp.) และโบโดโมแนส (Bodomonas sp.)
ปลาทีพ
่ บว่าเป็ นโรคนีม
้ ห
ี ลายชนิด ได ้แก่ ปลาเงินปลาทอง
่ น ปลาตะกรับ เป็ นต ้น
ปลาดุก ปลาชอ
การป้ องกันและร ักษา
ี .ี ต่อน้ า 1,000 ลิตร แชน
่ าน 48
1. ฟอร์มาลิน 25-40 ซซ
ชวั่ โมง
่ าน 24
2. ด่างทับทิม 1-3 กรัม ต่อน้ า 1,000 ลิตร แชน
ชวั่ โมง
่ าน 48
3. เกลือเม็ด 1-5 กิโลกรัม ต่อน้ า 1,000 ลิตร แชน
ชวั่ โมง
โรคต ัวเปื่ อย
ปลาทีเ่ ป็ นโรคจะมีผวิ ตัวเป็ นรอยด่างขาว ตกเลือด เกล็ด
พอง เกล็ดหลุด จนกระทั่งเป็ นแผลเปื่ อยบางตัวเกิดแผลลึก
จนถึงกล ้ามเนือ
้ ลาตัว ลักษณะอาการต่างๆ นี้ เกิดขึน
้ ได ้ทั่ว
ทัง้ ลาตัว และถ ้าอาการของโรครุนแรงมากอาจทาให ้ปลาตาย
ั ้ โรคทีเ่ กิดขึน
ได ้ในระยะเวลาสน
้ ได ้ในปลาสวยงามหลายชนิด
โดยเฉพาะปลาหางนกยูง พบได ้ในปลาหลายขนาด มีสาเหตุ
ิ เซลล์เดียวชนิดเททราไฮมีนา (Tetrahymena sp.)
จากปรสต
เป็ นโปรโตชวั เซลล์เดียว ขนาดเล็กรูปไข่ มีขนเล็กๆ (cilia)
้
รอบตัวใชในการเคลื
อ
่ นทีซ
่ งึ่ ลักษณะคล ้ายลูกรักบีห
้ มุนหรือ
เหงือกจนทาให ้ปลาเกิดการระคายเคืองเป็ นแผล นอกจากนี้
พบว่าขณะทีโ่ ปรโตชวั ชนิดนีช
้ อนไชปลาโดยใช ้ cilia นีจ
้ ะ
ผลิตน้ าย่อยโปรตีน (Protease) ออกมาทาลายเนือ
้ เยือ
่ ปลา
และเคลือ
่ นทีไ่ ปยังอวัยวะภายในต่างๆ ได ้ เททราไฮมีนามี
ร่องปากทีม
่ ล
ี ก
ั ษณะเฉพาะตัว สามารถเพิม
่ จานวนได ้รวดเร็ว
ด ้วยการแบ่งตัว โดยเฉพาะเมือ
่ มีเศษอาหาร หรือซากปลา
การป้ องกันและร ักษา
1. การจัดระบบการเลีย
้ งทีด
่ แ
ี ละเหมาะสมจะชว่ ยป้ องกัน
ิ ธิภาพ
โรคได ้อย่างมีประสท
2. เมือ
่ ตรวจพบเททราไฮมีนาในน้ าหรือในตัวปลาทีเ่ ริม
่
้
ี .ี ต่อน้ า 1000 ลิตร พร ้อม
ป่ วย ให ้ใชฟอล์
มาลิน 25-30 ชช
ทัง้ ให ้ออกชเิ จน ตลอดเวลานาน 24 ชวั่ โมง แล ้วเปลีย
่ นถ่ายน้ า
ทาซ้าติดต่อกันอย่างน ้อย 3 วัน
3. กรณีปลาเป็ นโรคจากเททราไฮมีนาขัน
้ รุนแรง ยังไม่ม ี
วีธรี ักษาทีไ่ ด ้ผล ควรทาลายปลาป่ วยทัง้ หมดโดยการฆ่าหรือ
ฝั ง และเว ้นระยะการเลีย
้ งเพือ
่ ป้ องกันการกระจายของโรคไป
ยังปลาและแหล่งเลีย
้ งอืน
่ ๆ
้
โรคขีขาว
โรคพุ่มพวง (ตกหมอก)
ื่ ตามลักษณะอาการภายนอกของ
โรคทัง้ 2 ชนิดนีเ้ รียกชอ
ปลาป่ วยทีส
่ งั เกตเห็นได ้ พบมากในปลาปอมปาดัวร์ โดยปลา
ี าว หรือสเี ทาเป็ นเสน้
ป่ วยเป็ นโรคขีข
้ าวนัน
้ จะมีอจ
ุ จาระเป็ นสข
ยาว ไม่กน
ิ อาหาร ซูบผอม สว่ นนปลาทีป
่ ่ วยเป็ นโรคพุม
่ พวง
หรือตกหมอกจะมีเมือกปกคลุมตามลาตัว มองดูแล ้วคล ้าย
ี าวปกคลุมอยูท
หมอกสข
่ งั ้ ลาตัว ในขณะทีผ
่ วิ ลาตัวมีสเี ข ้มขึน
้
จากนัน
้ ปลาจะรวมกลุม
่ กันตามพืน
้ ตู ้ ไม่กน
ิ อาหาร ซูบผอม
โรคทัง้ 2 ชนิดนีจ
้ ะทาให ้ปลาทยอยตายจนหมดทัง้ บ่อ สาเหตุ
ิ เซลล์เดียวทีพ
ของโรคนีเ้ กิดจากปรสต
่ บในระบบทางเดิน
่ เอกซะมีต ้า (Hexamita sp.) สไปโรนิวเคลียส
อาหาร เชน
(Sprioncleus sp. ) ซงึ่ ทัง้ 2 ชนิดเป็ นดปรโตชวั ทีม
่ ข
ี นาดเล็ก
้ อ
รูปร่างคล ้ายลูกแพร์ มีแล ้(หนวด) จานวน 8 เสน้ เป็ นแสที
่ ยู่
้ นยาว
้
ทางด ้านหน ้า 3 คู่ และมีแสเส
1 คู่ ยืน
่ ไปด ้านท ้ายของ
เซลล์ นอกจากนีอ
้ าจเกิดจากปลาได ้รับอาหารทีค
่ ณ
ุ ภาพไม่ด ี
การป้ องกันร ักษา
ื้ ทีป
1. ควรฆ่าเชอ
่ นเปื้ อนในอาหารสดทีน
่ ามาเลีย
้ งปลา
่ า่ งทับทิมเข ้มข ้น
โดยล ้างน้ าสะอาดหลาย ๆ ครัง้ แล ้วนามาแชด
0.05-1.0% นานประมาณ 10 นาทีแล ้วล ้างน้ าสะอาดอีกครัง้
ก่อนทีจ
่ ะนาไปเลีย
้ งปลา
้ ายพยาธิชนิดเม
2. ในปลาทีเ่ ริม
่ อาการใหม่ๆ ให ้ใชยาถ่
โทรนิดาโซล(Metronidazole) ขนาด 250 มิลลิกรัม จานวน
10-15 เม็ด ผสมในอาหาร 1 กิโลกรัมให ้กินติดต่อกัน 3 วัน
หรือ
่ ลาทีเ่ ริม
3. แชป
่ ป่ วยในสารละลายจุนส ี (คอปเปอร์
ั เฟต) 1 กรัม ต่อ น้ า 1000 ลิตร นาน 24 ชวั่ โมงแล ้วเปลีย
ซล
่ น
น้ า ทาติดต่อกัน 2-3 วัน
4. ในขณะทีร่ ักษาปลา ให ้ควบคุมคุณสมบัตน
ิ ้ าให ้
่ เพิม
ี ส
เหมาะสม เชน
่ อุณหภูมน
ิ ้ าเป็ น 31-32 องศาเซลเซย