2 - กลุ่มส่งเสริมการจัดการความรู้

Download Report

Transcript 2 - กลุ่มส่งเสริมการจัดการความรู้

หน้า 2
สารบัญ
หน้ า
- บทนา
- สาเหตุที่ SCG นาแนวความคิดเรื่ องการจัดการความรู้มาใช้ ในองค์กร
- SCG มีวิธีการนาระบบการจัดการความรู้ไปใช้ ในองค์กรอย่างไรบ้ าง
- เครื อซิเมนต์ไทย องค์กรแห่งนวัตกรรมและการเรี ยนรู้
- แนวทางการบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อนาไปสูก่ ารจัดการความรู้ของสานักงาน
การบุคคลกลาง SCG
- Transition & Behavior
- Communication
- Process & Tools
- Training & Learning
- Recognition & Rewards
- Measurement
กิจกรรมต่างๆ ในการจัดการความรู้ของสานักงานการบุคคลกลาง SCG
- แต่งตังคณะท
้
างานด้ านการจัดการความรู้
- จัดสถานที่ทางานให้ มีบรรยากาศที่เอื ้ออานวยต่อการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้
- กิจกรรม การสารวจตัวเอง
- กิจกรรม Knowledge Mapping
- กิจกรรม ISO 9001 : 2008
- กิจกรรมจัดระบบงานให้ สอดรับกับแผนกลยุทธ์หลักขององค์กร
- กิจกรรมจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้
- กิจกรรม After Action Review
- กิจกรรมระบบบริการให้ คาปรึกษา
- กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน
- กิจกรรม Book Briefing
- KM Web Portal (http://scgelearning.cementhai.co.th)
- Knowledge Sharing Board (KSB)
- SCG Blog
- Community of Practice (CoP)
- เวทีแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้
- Knowledge Capturing
- แนะนาเครื่ องโหวต (Personal Response System)
3
4
4
5
7
8
9
10
11
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
24
25
30
32
หน้า 3
บทนา
เครื อซิเมนต์ไทย หรื อ SCG เป็ นองค์กรที่มีประวัติศาสตร์ ยาวนานเกือบศตวรรษ เราได้นา
เครื่ องจักรและรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมากจากบริ ษทั ชั้นนาในต่างประเทศ ประกอบ
กับการที่ SCG ได้ดาเนินกิจการร่ วมค้ากับผูน้ าในตลาดสิ นค้าหลายประเภทจึงทาให้พนักงาน SCG
ซึ มซับเอาความรู ้ทางเทคโนโลยีการผลิตและการตลาดจากคู่คา้ มาสั่งสมไว้บวกกับประสบการณ์
และความสามารถของวิศวกร SCG ที่นาเทคโนโลยีดงั กล่าวมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริ บทของ
ตลาดในประเทศไทย แต่เป็ นที่น่าเสี ยดายที่องค์ความรู ้เหล่านั้นกาลังจะสู ญหายไปพร้อมๆ กับ
พนักงาน SCG ที่จากไปรุ่ นแล้วรุ่ นเล่า
เนื่องจากระบบการบริ หารงานของ SCG เป็ นรู ปแบบ Decentralization ดังนั้น การรับรู้
ข่าวสารของพนักงานก็ดี การเลือกใช้เครื่ องมือการบริ หารต่างๆ ก็ดี จึงมีความแตกต่างกันออกไป
ในแต่ละธุ รกิจ ซึ่ งรวมถึงวิธีการและขั้นตอนการนาระบบ Knowledge Management มาใช้ดว้ ย แต่
บนความแตกต่างนั้นยังมีจุดเชื่อมโยงความสัมพันธ์ในแต่ละธุ รกิจ กล่าวคือมีการแต่งตั้งคณะทางาน
ด้าน KM ขึ้นใน SCG ซึ่ งประกอบด้วยพนักงานระดับผูช้ ่วยผูจ้ ดั การใหญ่เป็ นประธาน โดยที่สมาชิก
มาจากตัวแทนผูป้ ฏิบตั ิงานด้าน KM ของแต่ละธุ รกิจ โดยคณะทางานนี้จะทาหน้าที่กาหนด
นโยบายต่างๆ ด้าน KM ของเครื อฯ และจัดกิจกรรมหลักที่พนักงาน SCG ทุกคนมีส่วนร่ วม
นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งคณะทางานอื่นๆ ที่มีบทบาทสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของ KM
ภายใน SCG ได้แก่คณะทางาน Innovation ที่มีบทบาทสาคัญในการผลักดันวิสัยทัศน์เรื่ องเกี่ยวกับ
นวัตกรรมของ SCG คณะทางาน Inno People ที่มีบทบาทในการสร้างคนพันธุ์ใหม่ของ SCG ที่
สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วองค์กรในปั จจุบนั และในอนาคต คณะทางาน Eager to
Learn ที่มีบทบาทในการจัดกิจกรรมเพื่อให้พนักงาน SCG เป็ นบุคคลที่ใฝ่ หาความรู้และแบ่งปั นอยู่
ตลอดเวลา นอกจากนั้นยังมีโครงการสร้าง Facilitators เป็ นจานวนหลายรุ่ น ทั้งจากโครงการ Inno
Facilitator และโครงการ Constructionism เพื่อสร้างพนักงานที่ทาหน้าที่เป็ น Change Agent
กระจายอยูใ่ นแต่ละธุ รกิจ
บทความนี้เรี ยบเรี ยงขึ้นโดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อบอกกล่าวเล่าเรื่ องเกี่ยวกับกระบวนการ
จัดการความรู ้ ที่มีแนวทางการดาเนินงานแตกต่างกันในแต่ละธุ รกิจของ SCG โดยทาการรวบรวม
Process และ Practices ของการ Implement ระบบการจัดการความรู ้ของแต่ละธุ รกิจ เพื่อเป็ น
กรณี ศึกษาของชนรุ่ นหลัง โดยแบ่งออกเป็ นตอนๆ ตามแต่ละธุ รกิจ สาหรับเอกสารที่อยูใ่ นมือ
ของท่านนี้ เป็ นรายละเอียดของการจัดการความรู ้ของสานักงานการบุคคลกลาง สังกัด Corporate
Function บริ ษทั ปูนซิ เมนต์ไทย จากัด (มหาชน)
หน้า 4
การจัดการความรู้ ของเครือซิเมนต์ ไทย KM in SCG
สาเหตุทเี่ ครือซิเมนต์ ไทยนาแนวความคิดเรื่องการจัดการความรู้ มาใช้ ในองค์ กร
เครื อซิ เมนต์ไทยมีวสิ ัยทัศน์ในเรื่ องการสร้างนวัตกรรมโดยมุ่งเน้นให้พนักงานใช้ศกั ยภาพที่มีอยู่
สรรค์สร้าง High Value of Products and Services และเรื่ องการเป็ นผูน้ าทางธุ รกิจในภูมิภาคอาเซียน
ดังนั้นเพื่อเป็ นการเตรี ยมความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคลไว้สนับสนุนกลยุทธ์ดงั กล่าว เครื อซิเมนต์
ไทยจึงนาแนวความคิดเรื่ องการจัดการความรู ้มาใช้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพของพนักงาน
ให้สามารถสร้างนวัตกรรม และเตรี ยมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่ ความเป็ นผูน้ าทางธุ รกิจอย่างยัง่ ยืนใน
ภูมิภาคอาเซียน
เครือซิเมนต์ ไทยมีวธิ ีการนาระบบการจัดการความรู้ ไปใช้ ในองค์ กรอย่ างไรบ้ าง
เครื อซิ เมนต์ไทยแบ่งธุ รกิจกออกเป็ น 5 ธุ รกิจ กับ หน่วยงานส่ วงกลาง โดยมีตวั แทนจากแต่ละธุ รกิจ
และหน่วยงานส่ วนกลางมาเป็ นคณะทางานจัดการความรู ้เครื อซิ เมนต์ไทย เพื่อกาหนดนโยบายต่างๆ
และร่ วมมือเพื่อศึกษาหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เป็ นเครื่ องมือเพื่อการจัดการเรี ยนรู ้ แต่การ
ดาเนินงานจัดการความรู ้ในระดับหน่วยงาน แต่ละธุ รกิจจะเป็ นผูด้ าเนินการเองทั้งหมด สาหรับ
หน่วยงานส่ วนกลางได้จดั ตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อสนับสนุนและดาเนินกิจกรรมเพื่อการจัดการความรู้
สาหรับหน่วยงานส่ วนกลางเอง และและธุ รกิจต่างๆ ในเครื อซิ เมนต์ไทยที่ตอ้ งการการสนับสนุนจาก
ส่ วนกลาง โดยมีความรับผิดชอบในภารกิจดังต่อไปนี้
- ให้ความรู ้แก่พนักงาน SCG ในเรื่ องเกี่ยวกับการจัดการความรู ้ เพื่อให้ทราบถึง
ความสาคัญ ประโยชน์ที่ได้รับ วิธีการดาเนินกิจกรรมและการใช้เครื่ องมือต่างๆของ KM
-
พัฒนาเครื่ องมือเพื่อการจัดการความรู ้ และจัดการฐานข้อมูลความรู ้ เพื่อก่อให้เกิด
การนาความรู ้มาใช้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
-
สนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ใน SCG มีการสร้าง จัดเก็บ แลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้
ตลอดจนการนาความรู ้ที่มีอยูไ่ ปใช้ซ้ า หรื อนาไปต่อยอดพัฒนาเป็ นความรู ้ใหม่ ที่
เป็ นประโยชน์ต่อเป้ าหมายและวิสัยทัศน์ในการดาเนินธุ รกิจของ SCG
หน้า 5
เครือซิเมนต์ ไทย องค์ กรแห่ งนวัตกรรมและการเรียนรู้
SCG หรื อเครื อซิ เมนต์ไทย เป็ นองค์กรหนึ่งที่มุง่ สู่ การเป็ นองค์กรแห่งการเรี ยนรู้ (Learning
Organization) ตามคานิยามของนักวิชาการ เช่น Peter Senge (1990) ระบุวา่ องค์กรใดจะเป็ นองค์กรแห่ง
การเรี ยนรู ้ได้ บุคลากรในองค์กรนั้นจะต้องมีคุณลักษณะที่สาคัญ ได้แก่
- คิดอย่างเป็ นระบบ คิดรอบด้านอย่างมีกลยุทธ์ ซึ่ งตรงกับ Competency ของ SCG คือ
Strategic Perspective
- มีใจใฝ่ เรี ยนรู ้ ซึ่ งตรงกับ Competency ที่วา่ Personal Mastery และ Eager to Learn
- รู ้จกั พัฒนากรอบความคิดของตนเอง ไม่ยดึ ติด พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่ งตรงกับ
Competency ข้อ Adaptability
- มีวสิ ัยทัศน์แห่งอนาคตร่ วมกัน ซึ่ งจะไม่ทาให้คนในองค์กรเดินหลงทิศทาง ซึ่ งตรงกับ
Competency Achievement Oriented
- มีการเรี ยนรู ้ร่วมกันเป็ นทีม ซึ่ งตรงกับ Competency ที่วา่ Team Leadership ของ SCG
David Garvin (1993) ได้นิยามว่า องค์กรแห่งการเรี ยนรู ้เป็ นองค์กรที่มีความสามารถในการ
พัฒนาหรื อแสวงหาความรู ้ใหม่ๆ และถ่ายโอนความรู ้น้ นั ไปสู่ พนักงาน ที่จะสามารถนาไปใช้ประโยชน์
ต่อธุ รกิจขององค์กร ซึ่ งหมายความว่าองค์กรจะต้องมี Innovation ที่นาไปสู่ การเปลี่ยนแปลงและสามารถ
ไปใช้หาผลประโยชน์ต่อองค์กรได้
ซึ่ ง SCG ก็ได้ตระหนักถึงความสาคัญของนวัตกรรม ที่จะทา
ให้เรามีความสามารถเหนือคู่แข่งขันได้ จึงได้กาหนดนโยบายองค์กรมุ่งสู่ Innovation มีการกาหนดให้
Innovation เป็ น Competency ข้อหนึ่งของพนักงาน SCG และกาหนดคุณสมบัติของ Inno People ไว้ดงั นี้
หน้า 6
คนกล้า 5 ประการของ Inno People มีดงั นี้
- กล้าเปิ ดใจรับฟัง (Open Minded)
- กล้าคิดนอกกรอบ (Thinking out of the Box)
- กล้าพูดกล้าทา (Assertive)
- กล้าเสี่ ยงกล้าท้าทาย (Risk Taking)
- กล้าเรี ยน ใฝ่ รู้ (Eager to Learn)
นอกจากนี้ SCG ยังได้กาหนดคุณสมบัติของผูน้ า หรื อ Inno Leader ไว้อีก 3 ประการ ดังนี้
- ผูน้ าการเปลี่ยนแปลง
- ผูส้ นับสนุนการเปลี่ยนแปลง
- ผูบ้ ริ หารการเปลี่ยนแปลงด้วยการเป็ นแบบอย่าง
หน้า 7
แนวทางการจัดการความรู้ ของสานักงานการบุคคลกลาง (น.บค.)
วัตถุประสงค์
กรอบแนวคิด
พัฒนาระดับความรู ้ความสามารถและทักษะการทางาน ในภารกิจที่รับผิดชอบของพนักงาน
ในสานักงานการบุคคลกลาง เพื่อเพิ่มประสิ ทธิ ภาพในการทางานโดยการนาความรู ้ที่มีอยู่
ในหน่วยงานหรื อในแต่ละบุคคลมาใช้ซ้ าหรื อนามาต่อยอดพัฒนาเป็ นความรู ้ใหม่ขององค์กร
ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุตามนโยบายคุณภาพของ น.บค. ที่วา่ “มุ่งมัน่ สู่ ความเป็ นเลิศในการพัฒนา
คุณภาพบุคลากร และระบบบริ หารงานบุคคลอย่างต่อเนื่อง ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทาง
ธุ รกิจ และความพึงพอใจของลูกค้า”
Objective
KM Process
and
Activities
พัฒนาระดับความรู้ความสามารถและทักษะการทางานในหน้าที่รับผิดชอบของพนักงานน.บค.
1. แต่งตั้งคณะทางานด้านการจัดการความรู ้ของสานักงานการบุคคลกลาง
2. บริ หารการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้กา้ วไปสู่ องค์กรแห่ งการเรี ยนรู ้
3. ชี้ชดั ให้ได้วา่ อะไรคือความรู ้ที่สาคัญของ น.บค. และยังขาดความรู้อะไร
4. สร้างหรื อแสวงหาความรู ้แล้วรวบรวม จัดเก็บอย่างเป็ นระบบใน KM Database
5. สร้างช่องทางเพื่อให้เกิดการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้ระหว่างพนักงาน
6. การเรี ยนรู้ของพนักงาน และการนาความรู ้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร
7. จัดสถานที่ทางานให้มีบรรยากาศที่เอื้ออานวยต่อการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้
8. จัดทา “ระบบพี่เลี้ยง” (Mentoring System)
9. จัดทา “ระบบที่ปรึ กษา” (Expert System) สาหรับให้คาปรึ กษาหรื อตอบคาถาม
10. จัดทาโครงการ “ถ่ายทอดความรู ้และประสบการณ์จากพนักงานที่ใกล้จะเกษียณ”
11. จัดทากิจกรรม “ทบทวนการกระทาหลังเสร็ จสิ้นภารกิจ” (After Action Review)
12. จัดทีมงานให้บริ การ “บันทึกและจัดเก็บความรู้” ด้วยมัลติมีเดีย เทคโนโลยี
13. ขอการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 : 2008
14. ทาให้เกิดเป็ นวงจรการเรี ยนรู้ อย่างต่อเนื่องไม่รู้จบ
15 นาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการสร้างเครื่ องมือด้าน E-Learning และ KM
1. Knowledge Database on Web Server with Streaming Technology
2. KM Web Portal & Web Applications :
KM Tools
- Wiki / Blog / Webboard / Chat Room / e-CoP / e-Classroom
- Search Engine
3. Knowledge Capturing Tools :
- AcuLearn / SnagIT / Camtasia / MS-Producer / E-Maggazine
4. Knowledge Management Tools :
- Story Telling / Show & Share
- Book Briefing
- Knowledge Mapping
- Community of Practices (CoP)
1. SCG Intranet
Infrastructure
2. MS-SharePoint
3. E-Mail
หน้า 8
บริหารการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมเพือ่ สร้ างวัฒนธรรมองค์ กรให้ เป็ นองค์ กรแห่ งการเรียนรู้
1. ปรับวัฒนธรรมขององค์กร ให้สอดรับกับการไปสู่ สังคมแห่งการเรี ยนรู ้ เช่น กาหนดให้พนักงานมี
ความใฝ่ รู้ (Eager to Learn) เป็ น Core Competency ของพนักงาน SCG ทุกคน
2. ผูบ้ ริ หารต้องเป็ นตัวอย่างหรื อ Role Model ที่ดี ในการเป็ น Change Agent ให้พนักงานเกิดการเปลี่ยน
แปลงไปสู่ เป้ าหมายที่วางไว้
3. สร้างบรรยากาศในการทางานที่เอื้อประโยชน์ต่อการร่ วมมือและแบ่งปั นความรู ้
4. สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมกลุ่มย่อยๆ ที่สมาชิกที่มีความสนใจในเรื่ องเดียวกันมารวมตัวกันอย่างเป็ น
ทางการหรื อไม่เป็ นทางการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปั ญหาและแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ซ่ ึ งกันและกัน
เพื่อเป็ นช่องทางให้ความรู ้ภายในองค์กรเกิดการไหลเวียน
บรรยากาศที่เอื้ออานวย
สาหรับการแลกเปลี่ยน
ผูบ้ ริ หารต้อง
เป็ น Role Model
หน้า 9
Communication
สื่ อสารสื่ อสารให้พนักงานได้รับรู ้ถึงประโยชน์และวิธีการดาเนินกิจกรรม KM ผ่านทางสื่ อต่างๆ เช่น
1. อีเมล์ / เว็บไซต์
2. โปสเตอร์ / ป้ ายไฟวิง่ / ป้ ายผ้า (Banner)
3. แผ่นพับ (Leaflet) /โบรชัว (Brochour)
4. ป้ ายตั้งโต๊ะที่โรงอาหาร
5. นิตยสารและสิ่ งพิมพ์ต่างๆ ภายใน SCG
6. SCG TV / ถ่ายทอดสดผ่านอินทราเน็ต
ตัวอย่างสื่ อชนิ ดต่างๆ
หน้า 10
Process & Tools
วางขั้นตอนการดาเนินกิจกรรมและสร้างเครื่ องมือเพื่อเอื้ออานวยต่อกิจกรรมต่างๆ
1. สร้างโอกาสและช่องทางเพื่อให้เกิดการแบ่งปั นแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ในหลายๆ รู ปแบบ เช่น
- มีการดูงานเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างบุคคล หน่วยงาน และองค์กร
- ใช้วธิ ี แลกเปลี่ยนวิธีปฏิบตั ิงานที่ดีกว่า (Better Practices) ระหว่างบุคคล
หน่วยงานและองค์กร โดยจัดเป็ น Forum และมีการบันทึกความรู ้เก็บไว้
- แลกเปลี่ยนการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยี ระหว่างบุคคล หน่วยงาน และ
สถาบันฯ
2. ดาเนินการจัดหาเครื่ องมือ Software หรื อเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทนั สมัยและเหมาะสม
หน้า 11
Training and Learning
1. จัดอบรมให้ความรู ้เกี่ยวกับการจัดการความรู ้ให้กบั พนักงาน เพื่อให้เข้าใจความหมายและเล็งเห็นถึง
ประโยชน์ในการจัดการความรู ้
ตลอดจนวิธีการเข้าร่ วมในกิจกรรมต่างๆ ของการจัดการความรู้
2. แนะนาวิธีการติดตามข่าวสารและแหล่งความรู ้ต่างๆ ที่มีอยูใ่ น SCG ให้พนักงานทราบ
3. สอนให้พนักงานทราบถึงวิธีการใช้เครื่ องมือการสื บค้น (Search Engine) เพื่อค้นหาความรู ้ต่างๆ ที่
ต้องการ
4. แนะนาวิธีการใช้เครื่ องมือในการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ เช่น การสร้าง Blog การใช้ Chat Room การ
Upload หรื อ Download ไฟล์เอกสารที่ตอ้ งการแลกเปลี่ยน การเข้ามีส่วนร่ วมในชุมชนนักปฏิบตั ิ
หรื อ Community of Practice (CoP)
วิธีการดาเนินการ
1. เรื่ องการจัดอบรมให้ความรู ้เกี่ยวกับ KM และแนะนาวิธีการใช้เครื่ องมือต่างๆ ใช้วธิ ีการแทรกเป็ น
หัวข้อบรรยายในหลักสู ตรต่างๆ เช่น หลักสู ตร BCD ใน Module การบริ หารทรัพยากรบุคคล
หลักสู ตรปฐมนิเทศพนักงานใหม่ เป็ นต้น
2. ให้ความรู ้เกี่ยวกับการใช้เครื่ องมือต่างๆ โดยจัดทาเป็ นระบบสอนวิธีใช้งานบนเว็บ เช่น สอนการ
สร้างและตกแต่ง Blog บน Blog เป็ นต้น
3. จัดบรรยายให้ความรู ้แก่พนักงานที่หน่วยงานของพนักงาน เช่น กลุ่มพนักงานที่ทาโครงการร่ วมกัน
ตัวอย่างเช่น กลุ่มพนักงานในโครงการ Inno Facilitator รุ่ นที่ 1-3
กลุ่มพนักงานที่ทาโครงการ
Standard Procurement Project เป็ นต้น
4. ให้ความรู ้และแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านทางอีเมล์
Recognition & Rewards
ในระยะยาวการให้แรงจูงใจในรู ปแบบสิ่ งของหรื อเงินรางวัล ดูจะไม่มีความจาเป็ น เนื่องจากพนักงาน
มีความเข้าใจในคุณประโยชน์ที่ได้รับจากการจัดการความรู ้
ในสังคมแห่งการเรี ยนรู ้ การให้ความรู้
กับผูอ้ ื่นจะได้รับการยอมรับและยกย่องชมเชย
ซึ่ งผูใ้ ห้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็ นผูใ้ ห้มากกว่า
รางวัลอื่นใด
แต่ในระยะแรกของการนาการจัดการความรู ้ไปใช้ หรื อกรณี ริเริ่ มโครงการใหม่ๆ ยังมีความจาเป็ นอยู่
บ้าง เพื่อเป็ นการชักจูงให้พนักงานเกิดความสนใจที่จะเข้าร่ วมในกิจกรรมดังกล่าว
หน้า 12
Measurement
1. การวัดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพนักงาน
โดยการเฝ้ าดูการเปลี่ยนแปลงจากสังเกตพฤติกรรมการมีส่วนร่ วมกิจกรรม จากการสอบถาม
อย่างเป็ นทางการโดยใช้แบบสอบถาม หรื ออย่างไม่เป็ นทางการโดยการพูดคุยกับพนักงาน
2. การวัดประสิ ทธิ ภาพของสื่ อต่างๆ
โดยดูจากปฏิกิริยาการรับรู ้ขอ้ มูลข่าวสารของพนักงานที่มีการสื่ อสารออกไปให้พนักงานทราบ
3. การวัดกระบวนการหรื อผลสาเร็ จจากการดาเนินกิจกรรม KM
วัดการมีส่วนร่ วมในกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มเป้ าหมาย เช่น
•
•
•
•
•
Number of Members
Number of Contributors
Frequency of Login , Dwell Time (Duration time of using)
Frequency of Update , Download
No of Members to No of Contributors Ratio
วัดปริ มาณ, คุณภาพของเนื้อหาหรื อประโยชน์ที่ได้รับ (โดยการทา Survey)
•
•
•
•
•
Number of Topic of Contents or Anecdotes
User rating of contribution value
Number of Problems Solved
Time spent gathering information
Time spent analyzing information
วัดผลสาเร็ จของการทา KM
• Number of action plans to achieved
4. การวัดความรู ้และความเข้าใจของพนักงานเกี่ยวกับKM
เช่น ความหมาย ประโยชน์ วิธีการดาเนินกิจกรรม หรื อวิธีการใช้เครื่ องมือต่างๆ เพื่อเข้าถึงความรู้
ที่พนักงานต้องการ
5. การวัดความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อการจัดการความรู ้
เพื่อนาข้อมูลมาใช้ในการตัดสิ นใจเกี่ยวกับการดาเนินกิจกรรมต่างๆ การให้ของรางวัล เป็ นต้น
หน้า 13
ภาพแสดงตัวอย่างรายงาน
Utilization ของระบบ
หน้า 14
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
แต่ งตั้งคณะทางานด้ านการจัดการความรู้
เพื่อนานโยบายด้านการจัดการความรู ้จากผูบ้ ริ หารไปดาเนินการให้สัมฤทธิ์ ผล
1. ออกคาสั่งให้หวั หน้าหน่วยงานในสานักงานการบุคคลกลางทุกท่านเป็ นคณะทางาน
โดยตาแหน่ง และแต่งตั้งพนักงานอื่นๆ สมทบตามความเหมาะสม โดยมีผอู ้ านวยการ
สานักงานการบุคคลกลางเป็ นหัวหน้าคณะทางาน
2. คณะทางานจัดทาแผนการทางานระยะปานกลาง 2-5 ปี และแผนปฏิบตั ิการ 1 ปี
3. แต่งตั้งผูท้ ี่ทาหน้าที่บนั ทึกความรู ้ (Knowledge Capturing) เพื่อปฏิบตั ิหน้าที่บนั ทึกและ
จัดเก็บความรู ้
4. แต่งตั้งผูท้ ี่ทาหน้าที่ดูแลฐานข้อมูลความรู ้ และให้บริ การค้นหาความรู ้แก่พนักงาน
ผ่าน Web Portal
5. คณะทางานประชุมเพื่อชี้ชดั ให้ได้วา่ อะไรคือความรู ้ที่สาคัญของหน่วยงาน ความรู ้น้ นั
อยูท่ ี่ไหนหรื ออยูท่ ี่ใครบ้าง ยังขาดความรู ้อะไรอยูอ่ ีกบ้าง และจะจัดการกับความรู ้ท้ งั ที่
มีอยูแ่ ละที่ยงั ขาดอยูอ่ ย่างไร
6. กาหนดมาตรฐานในการทางานของพนักงานทุกคนให้ใช้ความรู ้จากฐานข้อมูลความรู ้
ในการปฏิบตั ิงานในหน้าที่รับผิดชอบและช่วยกันนาความรู ้ ประสบการณ์และอุปสรรค
ที่พบจากการทางานมาแบ่งปั นให้กบั พนักงานอื่นๆ ด้วย
7. กาหนดหลักเกณฑ์การยกย่องชมเชยหรื อให้รางวัลแก่พนักงาน เพื่อเป็ นการกระตุน้
ให้พนักงานมีส่วนร่ วมในกิจกรรมต่างๆ ด้านการจัดการความรู ้ที่หน่วยงานจัดขึ้น
8. สื่ อสารหรื อบอกกล่าวให้พนักงานทุกคนรู ้วา่ หน่วยงานหรื อองค์กรกาลังทาอะไรอยู่
ทาแล้วจะได้ประโยชน์อะไรต่อองค์กรและต่อตัวพนักงานเอง พนักงานจะต้องมี
ส่ วนร่ วมโดยทาอะไรและทาอย่างไรกันบ้าง
9. จัดอบรมแก่พนักงานทุกคนเข้าใจในนโยบายด้านการจัดการความรู ้ และปฏิบตั ิตาม
กระบวนการต่างๆ โดยรู ้จกั ใช้เครื่ องมือที่สร้างขึ้นให้เกิดประโยชน์อย่างสู งสุ ด
รวมทั้งการจัดอบรมเพื่อพัฒนาพนักงานให้มีความรู ้และทักษะในการปฏิบตั ิงานด้วย
10.สร้างเครื่ องมือ (Knowledge Management Tools) และจัดกิจกรรมส่ งเสริ มให้พนักงาน
มีส่วนในการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้และนาความรู ้ไปใช้ให้เป็ นประโยชน์ต่อองค์กร
11.บริ หารการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพนักงาน เพิอ้ สร้างวัฒนธรรมให้เป็ นองค์กร
แห่งการเรี ยนรู ้ โดยการสร้างบรรยากาศให้พนักงานเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
แล้วในองค์กร ผูบ้ ริ หารต้องแสดงความมุ่งมัน่ และเป็ นผูน้ าในการเปลี่ยนแปลง เป็ นผู้
สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น และผูบ้ ริ หารต้องทาตัวเป็ นแบบอย่างที่ดี
(Role Model) แก่พนักงานในการปฏิบตั ิตนที่สอดรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย
หน้า 15
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
จัดสถานทีท่ างานให้ มีบรรยากาศทีเ่ อือ้ อานวยต่ อการแบ่ งปันและแลกเปลีย่ นความรู้
ส่ งเสริ มให้พนักงานพูดคุยกันมากขึ้นในบรรยากาศแบบสบายๆ ไม่เคร่ งเครี ยด ดูเป็ น
ธรรมชาติเหมือนกับอยูท่ ี่บา้ นของตัวเอง ซึ่ งจะทาให้พนักงานรู ้สึกสบายใจที่จะแบ่ง
ปั นความรู ้หรื อความคิดใหม่ๆ เชิงนวัตกรรม ที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ต่อองค์กร
1. ปรับปรุ งผังที่นงั่ ใหม่ท้ งั หมด โดยแบ่งพื้นที่นงั่ ทางานออกเป็ นกลุ่มๆ กลุ่มละ 4
ที่นงั่ เพื่อให้พนักงานได้ปรึ กษาหารื อหรื อแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้กนั ได้ง่ายขึ้น
2. เปลี่ยนสี ของเฟอร์นิเจอร์ให้เป็ นสี สดใส เพื่อสร้างบรรยากาศในการทางานให้สดชื่น
ไม่ดูหมองมัว
3. แบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่ง ประมาณ 20% ให้เป็ นพื้นที่ที่เรี ยกว่า “Inno Zone”
โดยจัดวางเฟอร์ นิเจอร์ ที่นงั่ สบาย เพื่อใช้เป็ นที่ประชุมอย่างไม่เป็ นทางการ ที่สาหรับ
รับชมข่าวสารหรื อต่างๆ ทางโทรทัศน์หรื อ เคเบิ้ลทีวี มีมุมหนังสื อหรื อวารสารที่
น่าสนใจเตรี ยมไว้ให้พนักงานได้เข้ามานัง่ อ่าน นอกจากนั้น ที่มุมนี้ยงั สามารถ
จัดกิจกรรมต่างๆ เช่น กิจกรรม Show & Share เพื่อแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ระหว่างกัน
กิจกรรมต้อนรับพนักงานใหม่ กิจกรรมวันเกิดพนักงาน เป็ นต้น
4. จัดกิจกรรมให้พนักงานประกวดการออกแบบตกแต่งโต๊ะทางาน หรื อห้องทางาน
ของตนเอง เพื่อสร้างบรรยากาศการทางานให้มีชีวติ ชีวาตามความชอบหรื อตาม
รสนิยมส่ วนตัว เรี ยกว่า กิจกรรม Change YOD (Change Your Own Desk)โดย
มีการประกวดและให้รางวัลแก่พนักงานที่ตกแต่งโต๊ะทางานได้สวยงามและตรงกับ
แนวคิดของกิจกรรมนี้มากที่สุด
ภาพการจัดสถานที่ทางาน
และบรรยากาศในการทางาน
หน้า 16
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
การสารวจตัวเอง
1. เป็ นเครื่ องมือสาหรับการจัดการความรู ้ส่วนบุคคล (Individual KM)
2. เพื่อให้เห็นแนวทางในการพัฒนาตัวเอง
3. เพื่อนาข้อมูลไปใช้ในการสร้าง Knowledge Mapping และระบบ Competecy
1. สร้างแบบฟอร์ มสารวจตามตัวอย่างด้านล่าง หรื อจัดทาโปรแกรมระบบงาน
คอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับข้อมูลและนาไปประมวลผลต่อไป
2. ให้พนักงานกรอกข้อมูล หรื อบันทึกข้อมูลในระบบงานคอมพิวเตอร์
3. ผูบ้ งั คับบัญชาใช้ขอ้ มูลนี้เพื่อการ Coaching , Counselling และพัฒนาพนักงาน
4. ปรับปรุ งข้อมูลให้ทนั สมัยอยูเ่ สมอ
หน้า 17
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
Knowledge Mapping
1. เป็ นเครื่ องมือด้าน KM ที่เชื่อมให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์ขององค์กร
บุคลากรในองค์กร และองค์ความรู ้ที่มีอยูใ่ นองค์กร
2. เพื่อให้ทราบว่า
2.1 ความรู ้ที่องค์กรต้องการนั้น มีอยูท่ ี่พนักงานคนใดบ้าง
2.2 พนักงานแต่ละคน มีความรู ้อะไรที่องค์กรต้องการอยูบ่ า้ ง
2.2 องค์กรหรื อพนักงานแต่ละคน ยังขาดความรู ้อะไรบ้าง
2.3 จะต้องพัฒนาพนักงานในเรื่ องใดบ้าง
1. นาข้อมูลจากแบบฟอร์มที่พนักงานกรอกในการสารวจตัวเอง มาทาตาราง
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความรู ้ที่องค์กรต้องการ กับรายชื่อพนักงาน
ตามตัวอย่างด้านล่าง หรื อจัดทาระบบงานคอมพิวเตอร์ เพื่อประมวลผล
ให้เป็ นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตอ้ งการ (ข้อ 2 ด้านบน)
2. ใช้ขอ้ มูลให้เป็ นประโยชน์เพื่อการบริ หารความรู ้ เช่น
2.1 มอบหมายงานให้ตรงกับความรู ้ความสามารถของพนักงานแต่ละคน
2.2 พัฒนาพนักงานให้ตรงกับความต้องการขององค์กร
2.3 แสวงหาความรู ้ที่ยงั ขาด โดยวิธีการต่างๆ เช่น ซื้ อเทคโนโลยี หรื อจ้าง
พนักงานที่มี Competency ตรงกับความต้องการมาทางาน
ความรู ้ทีอ
่ งค์กรต ้องการ
่ พนั กงาน
รายชือ
นายสมชาย
นายสมศักดิ์
นายสมเกีย รติ
นายสมบัต ิ
นายสมหมาย
ความรู ้ 1
กลยุทธ์ A
ความรู ้ 2
ความรู ้ 3
x
x
x
ความรู ้ 4
กลยุทธ์ B
ความรู ้ 5
ความรู ้ 6
x
x
x
x
x
x
หน้า 18
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
ISO 9001 : 2008
1. สร้างระบบมาตรฐานการปฏิบตั ิงานด้าน HRM เพื่อให้เกิดความพึงพอใจต่อลูกค้า
2. จัดเก็บความรู้จากการปฏิบตั ิงาน (Working Knowledge) และนามาใช้ซ้ า เพื่อสร้าง
คุณค่าต่อสิ นค้าและบริ การของหน่วยงาน
1. จัดตั้งคณะทางานฯ จากหน่วยงานต่างๆ เพื่อเรี ยนรู ้หลักการและแนวทางการดาเนินงาน
2. แต่งตั้งตัวแทนฝ่ ายจัดการ (QMR) เพื่อติดตาม สนับสนุนกิจกรรมและเป็ นผูน้ าใน
การปฏิบตั ิงานให้เป็ นไปตามมาตรฐานการทางานที่กาหนดขึ้น
3. จัดทาระบบเอกสารและแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผคู ้ วบคุมเอกสาร (Document Controler) เพื่อ
รักษามาตรฐานการทางานด้านเอกสารทั้งที่เป็ นกระดาษและอิเล็กโทรนิค
4. จัดทามาตรฐานการทางานและกระบวนการที่สามารถทวนสอบได้ โดยจัดทาเป็ น
ระบบเอกสาร เช่น Procedure Manual , Work Instruction
5. แต่งตั้งผูต้ รวจติดตามภายใน (Internal Auditors) และฝึ กอบรมเพื่อให้ดาเนินการตรวจ
ติดตามภายใน ให้เป็ นไปตามข้อกาหนดหรื อกระบวนการที่กาหนดไว้เป็ นมาตรฐาน
ปี ละ 2 ครั้ง และรายงานผลต่อคณะจัดการผ่าน QMR
6. จัดทาข้อตกลงร่ วม (Interface Agreement) กับ Supplier หรื อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ
คุณภาพของสิ นค้าและบริ การในกระบวนการต่างๆ
7. พัฒนาระบบ e-ISO เพื่อ Operate และกระบวนการต่างๆ ตามข้อกาหนด เช่นการ
ตรวจติดตามภายใน การปฏิบตั ิการแก้ไขข้อบกพร่ องต่างๆ และ Control ระบบเอกสาร
8. ทาการสารวจความพึงพอใจของลูกค้าต่อสิ นค้าและบริ การของแต่ละหน่วยงาน
9. มีการทา Management Review ปี ละ 2 ครั้งเพื่อติดตามผลการปฏิบตั ิงาน การแก้ไขสิ่ ง
ที่ไม่เป็ นไปตามข้อกาหนด ให้การสนับสนุนทรัพยากรที่ขาดแคลน รวมถึงการพัฒนา
ปรับปรุ งสิ นค้าและบริ การให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจมากยิง่ ขึ้น
หน้า 19
ภาพตัวอย่างหน้าจอระบบ e-ISO
ภาพตัวอย่างหน้าจอระบบ e-Action Plan
หน้า 20
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
จัดระบบการทางานให้ สอดรับกับแผนกลยุทธ์ หลักขององค์ กรและเอือ้ อานวยต่ อ
การจัดการความรู้
1. เพื่อเป็ นการดึงความรู ้และศักยภาพในตัวพนักงานมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุ ดต่อองค์กร
โดยใช้วธิ ี การแบ่งงานตามความสามารถ
2. เพื่อเป็ นการถ่ายโอนความรู ้จากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง
1. ออกแบบผังองค์กรใหม่ท้ งั หมด โดยแบ่งลักษณะงานตามแผนกลยุทธ์หลักของ SCG
(โปรดดูรายละเอียดหน้าที่และความรับผิดชอบในเว็บไซต์ http://chr.cementhai.co.th)
2. มีระบบ Coaching ที่ผบู ้ งั คับบัญชาเป็ นผูส้ อนงานให้กบั พนักงานในหน่วยงาน หรื อ
สอนงานให้กบั หน่วยงานอื่นๆ ที่มาเรี ยนรู ้งาน/ดูงาน
3. มีระบบพี่เลี้ยง (Mentoring System) ที่กาหนดให้พนักงานใหม่ในช่วง 1 ปี แรก ต้องมีพี่
เลี้ยงซึ่ งเป็ นพนักงานที่มีทศั นคติที่ดีต่อบริ ษทั และผูบ้ งั คับบัญชา ผ่านการอบรมการ
เป็ นพี่เลี้ยงที่ดี เพื่อเป็ นที่ปรึ กษาและแบบอย่างที่ดีให้กบั พนักงานใหม่
4. มีระบบ Job Rotation คือมีการสลับเปลี่ยนหมุนเวียนงานในหน้าที่รับผิดชอบอยูเ่ ป็ น
ระยะๆ เพื่อให้พนักงานเกิดการตื่นตัวและเรี ยนรู ้งานในหน้าที่ใหม่ และเป็ นการเสริ ม
สร้างประสบการณ์ให้กบั พนักงานหรื อแสวงหาจุดที่เหมาะสมกับตนเองได้เป็ นอย่างดี
5. มีการขอตัวพนักงานที่มีความรู ้ความชานาญในเรื่ องที่ตอ้ งการมาช่วยงานชัว่ คราว เช่น
มีการรับนักเรี ยนทุนที่เพิ่งจบการศึกษามาช่วยงานในหน่วยงานเป็ นระยะเวลาสั้นๆ
6. มีการจัดทาแผนงานระยะปานกลาง 1-3 ปี และแผนการปฏิบตั ิงานประจาปี ที่ระบุ
กิจกรรมซึ่ งสอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร มี KPI เป้ าหมาย ระยะเวลาและผูร้ ับ
ผิดชอบในแต่ละกิจกรรม โดยสร้างระบบ e-Action Plan ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการจัด
ทาแผนงาน การติดตามแผนงาน
การจัดผังองค์กรของสานักงานการบุคคลกลาง ปี 2550
หน้า 21
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
จัดเวทีแลกเปลีย่ นเรียนรู้ (Learn and Share Forum)
1. เพื่อถ่ายทอดความรู ้ประเภท Tacit Knowledge จากคนหนึ่งไปยังบุคคลอื่นๆ
2. เพื่อจัดเก็บความรู ้และประสบการณ์จากคนหนึ่งไว้ในสื่ อที่สามารถนาไปเผยแพร่ ได้ง่าย
3. เป็ นการให้รางวัลหรื อยกย่องพนักงานที่เป็ นผูใ้ ห้ความรู ้กบั ผูอ้ ื่น
4. กระตุน้ ให้เกิดบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ภายในองค์กร
1. กาหนดระยะเวลาจัดงานที่แน่นอน เช่น จัดให้มีทุกเช้าวันจันทร์ โดยใช้เวลาไม่เกิน
1.5 ชัว่ โมงต่อครั้ง
2. กาหนดประเภทของรายการ ได้แก่
- Book Briefing
- เรื่ องเล่าจากประสบการณ์การไปดูงานหรื อจากการไปเข้าอบรมจากภายนอก
- สอนความรู ้หรื อทักษะของผูเ้ ล่า
- อื่นๆ เช่น การชี้แจงข่าวสารข้อเท็จจริ ง นโยบาย ฯลฯ
3. อาจจะมีการจัดหาของรางวัลเล็กน้อยให้แก่ผเู ้ ล่า
4. อาจจะมีอาหาร หรื อเครื่ องดื่มไว้คอยบริ การแก่ผเู ้ ข้าร่ วมกิจกรรม
5. อาจจะให้ผเู ้ ข้าร่ วมกิจกรรม Vote หาผูช้ นะรางวัล “เรื่ องเล่าดีเด่น” และรวบรวมเพื่อ
จัดงานใหญ่ในรอบ 6 เดือน หรื อ 1 ปี โดยเชิญผูบ้ ริ หารระดับสู งมาร่ วมเป็ นเกียรติ
6. บันทึกความรู ้เก็บไว้ในสื่ อที่สามารถเก็บหรื อเผยแพร่ ได้ง่าย
7. สนับสนุนให้พนักงานเข้าร่ วมกิจกรรมของหน่วยงานอื่น ที่จดั ในลักษณะเช่นเดียวกันนี้
จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรี ยนรู้
มีของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ
หน้า 22
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
ตัวอย่างการทา
After Action Review
After Action Review (AAR)
1. เพื่อบันทึกบทเรี ยน (lessons Learned) ที่ได้รับภายหลังจากเสร็ จสิ้ นภารกิจใดๆ แล้ว
ทาให้ทราบว่า การกระทาใดเป็ นสิ่ งที่ดีที่ควรกระทาต่อในภารกิจต่อไป หรื อการกระ
ทาใดเป็ นสิ่ งที่ไม่ควรจะกระทา หรื อถ้าจะทาต้องมีการปรับปรุ งขั้นตอนใดบ้าง
2. เพื่อให้ทราบถึงปั ญหาอุปสรรคและวิธีแก้ไขปั ญหาหรื ออุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่าง
การทางาน และผลกระทบจากการตัดสิ นใจเลือกวิธีแก้ไขปั ญหาดังกล่าว เพื่อนามา
บันทึกไว้สาหรับผูป้ ฏิบตั ิงานรุ่ นหลังได้เข้ามาศึกษาหรื อนาไปเป็ นแบบอย่างต่อไป
1. หลังจากเสร็ จสิ้ นภารกิจใดๆ แล้ว ควรหาเวลาทบทวนสิ่ งที่ตนเองหรื อทีมงานปฏิบตั ิ
โดยจัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่ออภิปรายสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา ข้อดีและข้อเสี ยของวิธี
แก้ไขปั ญหาต่างๆ และสรุ ปเป็ นบทเรี ยนสาหรับการทางานในโอกาสต่อไป
2. บันทึกข้อมูลต่างๆ ไว้ในสื่ อที่สามารถจัดเก็บและนาไปเผยแพร่ ได้ง่าย
3. เผยแพร่ ความรู ้ต่างๆ ที่บนั ทึกไว้ให้ผเู ้ กี่ยวข้องทราบ และรับฟังความคิดเห็นจาก
ผูท้ ี่เข้ามาอ่านด้วย
หน้า 23
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
ภาพตัวอย่างหน้าจอ
ระบบบริ การให้คาปรึ กษา
ระบบบริการให้ คาปรึกษา
เพื่อป้ องกันข้อผิดพลาดจากการตัดสิ นใจในเรื่ องสาคัญ หรื อที่เกี่ยวกับตัวเงินจานวนมาก
หรื อกระทบต่อคนจานวนมาก เป็ นวิธีการปฏิบตั ิการป้ องกันปั ญหาใน“เชิ งรุ ก” ก่อนที่
จะเกิดข้อผิดพลาดหรื อปั ญหาอื่นตามมา ซึ่ งอาจจะนาความเสี ยหายมาสู่ องค์กรได้
การพัฒนาระบบงานบนเว็บ ที่สามารถทางานได้ดงั นี้
- ผูท้ ี่เกิดข้อสงสัยในการทางานอาจจะ Search ดูขอ้ คาถามจากบุคคลอื่นที่มีคาถาม
ในลักษณะเดียวกันที่ถามไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
- คาถามต่างๆ จะถูก Post ไว้ในระบบ เพื่อรอให้ผเู ้ ชี่ยวชาญในแต่ละหมวดหมู่
เข้ามาตอบคาถาม โดยผูเ้ ชี่ยวชาญจะได้รับแจ้งว่ามีคาถามทางอีเมล์
- เมื่อผูเ้ ชี่ยวชาญไม่สะดวกที่จะตอบคาถามนั้น ก็อาจจะส่ งคาถามต่อให้ผเู้ ชี่ยวชาญ
ท่านอื่นทาการตอบคาถามแทนได้
- คาถามที่ถูกตอบแล้วจะถูก Post เข้ามาในระบบ เพื่อให้ผถู้ ามหรื อผูส้ นใจสามารถ
เข้ามาอ่านคาตอบได้ตลอดเวลา และสามารถนาไปเป็ นบรรทัดฐานในการทางานได้
- ถ้าผูถ้ ามยังไม่เข้าใจในคาตอบ หรื ออาจมีขอ้ สงสัยเพิ่มเติม ก็สามารถเขียนคาถาม
ต่อเนื่องจากคาถามเดิมได้ โดยไม่ตอ้ งเริ่ มต้นขึ้นคาถามใหม่
- มีระบบรายงานเพื่อให้ทราบถึงจานวนคาถามในแต่ละหมวดหมู่ จานวนคาถาม
ที่อยูร่ ะหว่างรอคาตอบ เป็ นต้น
หน้า 24
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
ระบบเพือ่ นช่ วยเพือ่ น
1. เพื่อถ่ายทอดความรู ้ประเภท Tacit จากคนหนึ่งไปสู่ อีกคนหนึ่ง
2. เสริ มสร้างความสัมพันธ์และการยอมรับซึ่ งกันและกัน
กาหนดให้กิจกรรมนี้ เป็ นนโยบายที่หน่วยงานให้การสนับสนุนการช่วยเหลือซึ่ งกันและกัน
เช่น การให้เวลาอย่างอิสระแก่พนักงานวันละ 30 นาที ที่พนักงานสามารถใช้เวลานี้ในช่วง
เวลาใดก็ได้ในแต่ละวันเพื่อเป็ นตัวของตัวเองในการที่จะแสวงหาความรู ้เพิ่มเติม หรื อสอน
ให้ความรู ้แก่ผอู ้ ื่น หรื ออาจจะใช้เวลาในช่วงนี้คิดทบทวนหรื อบันทึกสิ่ งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใน
แต่ละวัน การแก้ไขปั ญหา การพบปะผูค้ น การเรี ยนรู ้สิ่งใหม่ๆ หรื อใช้เวลานี้จดบันทึก
ไว้ในสมุดบันทึกส่ วนตัว หรื อ Blog ของตนเอง
Book Briefing
1.
2.
3.
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
ส่ งเสริ มให้พนักงานมีนิสัยรักการอ่าน
ส่ งเสริ มวัฒนธรรม Eager to Learn
เพื่อจัดเก็บความรู ้ในสื่ อที่สามารถแผยแพร่ ได้
คัดเลือกหนังสื อที่น่าสนใจ โดยแบ่งออกเป็ นหมวดหมู่ตามความสนใจ เช่น
หมวด Innovation หมวด Marketing หมวด HRM เป็ นต้น
ประกาศเพื่อหาผูส้ นใจอ่านหนังสื อ โดยสามารถสมัครเป็ นทีม เล่มละ 2-3 คนก็ได้
จัดกาหนดการการนาเสนอตลอดทั้งปี และประกาศให้ผสู ้ นใจเข้ารับชมการนาเสนอ
บันทึกเนื้อหาลงในสื่ อมัลติมีเดีย ที่สามารถแผยแพร่ ได้ง่าย
จัดเตรี ยมของรางวัลให้กบั ผูอ้ ่านหนังสื อ หรื อเตรี ยมอาหารเครื่ องดื่มไว้บริ การผูเ้ ข้าร่ วม
จัดให้มีการโหวตเพื่อคัดเลือก “Book Briefing ดีเด่น” และประกาศรางวัลในรอบ 6
เดือนหรื อ 1 ปี
รวบรวมผลงานทั้งหมดไว้เป็ นหมวดหมู่ไว้ในฐานข้อมูลความรู ้ขององค์กร
ตัวอย่างการทา
Book Briefing
หน้า 25
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
KM Web Portal
(http://km.cementhai.co.th)
เพื่อเป็ นจุดเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความรู ้สาหรับพนักงาน SCG
การพัฒนาระบบงานบนเว็บ ที่สามารถทางานได้ดงั นี้
- ระบบบริหารผู้ใช้ (User Management) เช่น การลงทะเบียน การกาหนดสิ ทธิ ต่างๆ
การเก็บข้อมูลของผูใ้ ช้
- ระบบจัดการเนือ้ หาความรู้ (Contents Management) ได้แก่ การสร้าง การจัดเก็บ
การค้นหา และการนาไปใช้งาน
- ระบบจัดการการเรียนรู้ (Learning Management) ได้แก่การจัดห้องเรี ยน การจัดผู ้
เรี ยน การจัดวิชาเรี ยน การทดสอบ การประเมินผล การติดต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่าง
ผูเ้ รี ยนด้วยกัน หรื อระหว่างผูเ้ รี ยนกับผูส้ อน
- ระบบชุ มชนนักปฏิบัติ (Community of Practice) ได้แก่ การสร้างชุมชน (CoP)
การจัดการสมาชิกของชุมชน การติดต่อสื่ อสารระหว่างสมาชิกในชุมชน การจัดการ
เนื้อหาความรู ้ของชุมชน การทาประชามติ เช่น การทา Vote , การทา Poll , การทา
แบบสอบถาม (E-Questionnaire)
- ระบบแลกเปลีย่ นเรียนรู้ (Learn and Share)
Webboard (Knowledge Sharing Board)
Blog/Chat room
Wiki/Video Clip Sharing
- ระบบแผนทีค่ วามรู้ (Knowledge Mapping) เพื่อให้ทราบว่าความรู ้ที่ตอ้ งการ สามารถ
หาได้จากที่ใดหรื อจากบุคคลใดได้บา้ ง
- ระบบรายงาน (Report) เพื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับ Utilization ของระบบ และพฤติกรรม
การใช้งานของผูใ้ ช้
ภาพตัวอย่างหน้าจอ
Knowledge Web Portal
หน้า 26
เว็บไซต์ สาหรับงาน e-Learning และ Knowledge Management
http://scgelearning หรือ http://km
ประโยชน์ ใช้ งานของ http://scgelearning หรือ http://km
หน้า 27
งานด้ าน e-Learning
1. ทาหน้ าทีเ่ ป็ น LMS หรือ Learning Management System
- บริ หารข้อมูลเกี่ยวกับผูใ้ ช้งาน ว่าใครเข้ามาเรี ยนรู ้เรื่ องอะไร เมื่อไร มีผลเป็ นอย่างไรบ้าง
- บริ หารจัดการเนื้อหาบทเรี ยน แบ่งออกเป็ นหมวดหมู่ มีบทคัดย่อให้ผใู ้ ช้ได้อ่านก่อนเข้าเรี ยนรู ้
- จัดการกับข้อสอบก่อนและหลังการเรี ยน หรื อ E-Examination
- จัดการระบบประเมินผล หรื อ E-Questionnaire
- มีระบบ Collaborative ระหว่างผูเ้ รี ยน และผูส้ อน เช่น Webboard และ Chat Room
- มีระบบรายงานต่างๆ เช่น รายการพฤติกรรมการเรี ยนของผูเ้ รี ยน เป็ นต้น
2. ทาหน้ าทีเ่ ป็ น CMS หรือ Content Management System
- มีโปรแกรมสาหรับสร้างเนื้อหาบทเรี ยน โดยสามารถวาง Multimedia Object ต่างๆ ได้ เช่น
รู ปภาพ เสี ยง ภาพเคลื่อนไหว วิดีโอ ตัวอักษรชนิดต่างๆ ตาราง และอื่นๆ ซึ่ งเพียงพอสาหรับ
การสร้างเนื้อหาบทเรี ยนต่างๆ ได้
- จัดหมวดหมู่ของเนื้อหาบทเรี ยน เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน
- มีระบบ Search Engine เพื่อให้การค้นหาเนื้อหาบทเรี ยนเป็ นไปอย่างง่ายและมีประสิ ทธิภาพ
3. ทาหน้ าทีเ่ ป็ นห้ องเรียนเสมือน (Virtual Classroom)
- สามารถสร้างประชาคมแห่งการเรี ยนรู ้ (Learning Communication) สาหรับกลุ่มผูเ้ รี ยนใดๆ
เป็ นการเฉพาะ โดยจัดหา Utility ต่างๆ เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มได้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างการเรี ยน
- สามารถถ่ายทอดสดรายการสาคัญๆ จากห้องสัมมนา ไปสู่ โต๊ะทางานของพนักงานได้
- สร้าง Web Portal สาหรับให้พนักงาน SCG เข้าถึงได้ที่ http://scgelearning หรื อ http://km
งานด้ าน Knowledge Management
1. มีระบบจัดเก็บความรู ้ไว้เป็ นหมวดหมู่ และสามารถค้นหาผ่าน Search Engine ได้อย่างสะดวก
2. มีเครื่ องมือในการแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ระหว่างพนักงาน SCG เช่น
- Blog ซึ่ งเป็ นเสมือนกับ Diary Online ที่พนักงานสามารถเป็ นเจ้าของ โดยผูอ้ ่านสามารถ
เขียนความคิดเห็นหรื อให้ความรู ้ต่อยอดได้
- มี Webboard เพื่อให้แลกเปลี่ยนความรู ้หรื อข้อคิดเห็นที่เป็ นประโยชน์ระหว่างพนักงาน โดย
แยกเป็ นหมวดหมู่อย่างชัดเจน
- มีหอ้ งพูดคุยหรื อ Chat Room ที่พนักงานสามารถนัดเวลาพบปะเพื่อคุยกันสดๆ แบบ Real
Time และยังสามารถ Upload ไฟล์เอกสารให้กนั และกันได้อย่างสะดวก
- มีโปรแกรมสาหรับสร้างเนื้อหาความรู ้แบบ Multimedia ได้อย่างง่ายๆ เพื่อให้พนักงานใช้เป็ น
เวทีสาหรับนาเสนอความรู ้ผา่ นระบบงานนี้ เช่นระบบ Video Clip Sharing ระบบ Wiki เป็ นต้น
3. สามารถสร้าง Community of Practices หรื อ COP สาหรับให้พนักงานที่มีความสนใจในเรื่ อง
เดียวกันมีเวทีสาหรับแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ซ่ ึ งกันและกัน โดยจัดเตรี ยม Utility ที่อานวยความสะดวก
ให้อย่างพร้อมสรรพ เช่น เว็บบอร์ ด ห้องพูดคุย โหวต/โพล แบบสอบถาม ปฏิทินกิจกรรม
ประกาศ/ข่าวสาร ฯลฯ
หน้า 28
ภาพ Function การทางานระบบ
SCG e-Learning
เริ่มต้ นใช้ งาน
Chat Room
Knowledge Sharing Board
Show and Share
หน้า 29
Community of Practice
Blog
หน้า 30
กิจกรรม
วัตถุประสงค์
วิธีดาเนินการ
Knowledge Capturing
เพื่อบันทึกความรู้จาก Tacit Knowledge ให้ออกมาเป็ น Explicit Knowledge ผ่านสื่ อ
Multimedia ได้แก่ ซี ดี เว็บไซต์ หรื อถ่ายทอดสดผ่าน SCG Intranet
1. จัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบนั SCG ใช้ Software AcuLearn ซึ่งประกอบด้วย
- AcuStudio/Live โดยติดตั้งที่ Notebook เพื่อใช้ปฏิบตั ิการบันทึกความรู้ในภาคสนาม
เช่น ที่เวทีแลกเปลี่ยนเรี ยนรู ้ ในห้องอบรม/สัมมนา ในสถานที่ทางานหรื อสถานที่
ใดๆ ที่ตอ้ งการจัดเก็บความรู ้
- AcuManager โดยติดตั้งที่ Web Server เพื่อใช้จดั การกับเนื้อหาความรู ้ (Contents) ที่
บันทึกโดย AcuStudio/Live เช่น การถ่ายทอดสดรายการต่างๆ ไปยังคอมพิวเตอร์
ในระบบเครื อข่าย SCG Intranet หรื อ นาเสนอแบบ Web On-Demand บน KM Web
Portal ซึ่ งจัดทาระบบที่ง่ายต่อการค้นหาของผูใ้ ช้ เช่น แบ่งหมวดหมู่อย่างชัดเจน
หรื อจัดทาระบบ Search Engine ที่คน้ หาได้อย่างรวดเร็ ว
- AcuStream โดยติดตั้งที่ Streaming Server ที่ทาหน้าที่จดั การเกี่ยวกับ Network Traffic
ระหว่าง Campus ต่างๆ ใน SCG เช่น บ้านโป่ ง ระยอง ท่าหลวง แก่งคอย ลาปาง และ
ทุ่งสง เป็ นต้น
2. จัดหาอุปกรณ์ ได้แก่ กล้องถ่ายวิดีโอ โน๊ตบุค๊ คอมพิวเตอร์ ที่มี Specifications ที่เหมาะสม
กับการใช้งาน
3. เตรี ยมบุคลากรที่มีความสามารถ ด้านการใช้อุปกรณ์ดงั กล่าว และมีความสามารถด้านการ
เขียนเว็บเพ็จ และคอมพิวเตอร์กราฟิ ค/มัลติมีเดีย
4. บันทึกรายการที่ตอ้ งการจัดเก็บความรู ้ โดยเลือกวิธีการนาเสนอที่เหมาะสม เช่น การถ่าย
ทอดสด การจัดทาเป็ นซีดี หรื อการนาเสนอบนเว็บ เป็ นต้น
5. จัดเก็บความรู ้ดงั กล่าวไว้ใน Knowledge Database เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ต่อไป
หน้า 31
หน้า 32
แนะนำเครื่ องโหวต หรื อ Personal Response System (PRS)
PRS หรื อชื่อเต็มๆ ว่า Personal Response System เป็ นอุปกรณ์พร้ อม Software ที่ใช้ สาหรับลงคะแนนเสียง
หรื อ Vote หรื อตอบคาถาม ที่ทราบผลทันที ดังนันเราจึ
้
งนามาประยุกต์ใช้ กบั งานได้ หลายอย่าง เช่น
1. งำนฝึ กอบรม
- ใช้ สาหรับทดสอบความรู้ของนักเรี ยน ทัง้ Pre-Test และ Post-Test
- ใช้ สาหรับทดสอบความเข้ าใจของนักเรี ยนเป็ นระยะๆ ระหว่างที่อาจารย์กาลังสอน ซึง่ ทาให้
อาจารย์ทราบ Feedback ว่านักเรี ยนเข้ าใจในสิ่งที่อาจารย์สอนหรื อไม่ ถ้ าไม่เข้ าใจจะได้ อธิบาย
ให้ เข้ าใจก่อนที่จะผ่านบทเรี ยนนันไป
้
- ใช้ สาหรับทาแบบประเมินภายหลังจากที่สิ ้นสุด Class แล้ ว เหมือนกับการทาแบบสอบถาม
ตอนจบการสัมมนา นัน่ เอง เพื่อเป็ นข้ อมูลสาหรับนามาใช้ ในการปรับปรุงการจัด Class ในครัง้
ต่อๆไป
2. งำนแถลงนโยบำย
- ใช้ สาหรับ Vote เพื่อรับฟั งความคิดเห็นของผู้เข้ าร่วมรับฟั ง
- ใช้ ตอบคาถาม
- ใช้ ตอบแบบประเมิน
3. งำนแข่ งขันตอบคำถำม
- ใช้ ตอบคาถาม ที่สามารถทราบผลแพ้ -ชนะได้ ทนั ที
4. งำนประชุม/สัมมนำ
- ประชุมผู้ถือหุ้น
- ประชุมเพื่อทาการคัดเลือกบางสิ่งบางอย่าง
- ใช้ แสดงผลจากการสารวจเพื่อประกอบหัวข้ อการอภิปราย
5. งำนสำรวจ/วิจัย
- ใช้ ตอบคาถาม
- ใช้ แสดงความคิดเห็น
- ใช้ นาเสนอผลการวิจยั
อุปกรณ์ พร้ อม Software ที่เปิ ดให้ บริกำรกับหน่ วยงำนต่ ำงๆ ของ SCG ประกอบด้ วย
- เครื่ องโหวตหรื อ Clicker ที่มีลกั ษณะคล้ าย Remote Control จานวน 103 เครื่ อง
- อุปกรณ์ตอ่ เชื่อมกับคอมพิวเตอร์ ผา่ นทาง USB Port หรื อ Serial Port พร้ อม A/C Adapter
จานวน 2 ชุด (สามารถแยกใช้ งานได้ พร้ อมกัน 2 งาน)
- อุปกรณ์ภาครับหรื อ Sensor สาหรับรับสัญญาณ Infrared จากเครื่ องโหวตพร้ อมขาตัง้ จานวน4 ชุด
- สายนาสัญญาณ เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ กับ อุปกรณ์ภาครับ จานวน 5 เส้ น
- Software ได้ แก่ Driver และ PRS Software จานวน 2 ชุด
- กระเป๋ าสาหรับใส่อปุ กรณ์ จานวน 2 ใบ
หน้า 33
ภาพตัวอย่างการใช้ งาน PRS