การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือวิจัย

Download Report

Transcript การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือวิจัย

การสร้างและการหาคุณภาพเครือ
่ งมือวิจ ัย
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
สาขาวิจ ัยและพ ัฒนาหล ักสูตร
มหาวิทยาล ัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
เครือ
่ งมือทีใ่ ชใ้ นงานวิจ ัย
1. นว ัตกรรม (innovation)
ื่ สงิ่ ประดิษฐ ์ (invention)
- สอ
- เทคนิค วิธก
ี าร (instruction)
2. เครือ
่ งมือเก็บรวบรวมข้อมูล
- แบบสอบถาม
- แบบทดสอบ
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การวิเคราะห์ปญ
ั หา/
ความต้องการจาเป็น
ึ ษาแนวคิดทฤษฎีทเี่ กีย
การศก
่ วข้อง
ก ับการสร้างนว ัตกรรม
การสร้างและพ ัฒนา
นว ัตกรรม
การออกแบบการทดลอง
นว ัตกรรม
การพ ัฒนาเครือ
่ งมือว ัด
การทดลอง/วิเคราะห์/สรุปผล
แผนภาพ การสร้างและพ ัฒนานว ัตกรรม
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การหาคุณภาพนว ัตกรรม
การตรวจสอบ
สปส.ความแปรผ ัน
c.v.
ี่ วชาญ
โดยผูเ้ ชย
การหาคุณภาพ
นว ัตกรรม
การหา
ิ ธิภาพ
ประสท
E1/ E2
การหาด ัชนี
ิ ธิผล (E.I.)
ประสท
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ี่ วชาญ
การหาคุณภาพนว ัตกรรมโดยผูเ้ ชย
การตรวจสอบ
ี่ วชาญ
โดยผูเ้ ชย
ด้านจุดประสงค์
นว ัตกรรม
ด้านคาแนะนาการใช ้
้ หาสาระ
ด้านเนือ
ด้านกิจกรรมการเรียนรู ้
แบบประเมินมาตรา
่ นประมาณค่า
สว
(Rating
Scale)
ด้านการประเมินผล
อืน
่ ๆ
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ิ ธิผล (E.I.)
การหาด ัชนีประสท
วิเคราะห์จากคะแนนเฉลีย
่ ทีผ
่ เู ้ รียนทาได้ก ับ
คะแนนเต็มทงก่
ั้ อนเรียนและหล ังเรียน
ิ ธิผล = คะแนนเฉลีย
ค่าด ัชนีประสท
่ หล ังเรียน - คะแนนเฉลีย
่ ก่อนเรียน
คะแนนเต็มหล ังเรียน - คะแนนเฉลีย
่ ก่อนเรียน
ิ ธิผล
* เกณฑ์ประสท
้ ไป
0.50 ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ิ ธิผล (E.I.)
การหาด ัชนีประสท
คนที่
1
2
3
4
5
เฉลีย
่
คะแนนก่อนเรียน คะแนนหล ังเรียน
4
7
5
9
3
6
6
9
5
8
4.6
7.8
ิ ธิผล
ด ัชนีประสท
=
=
ิ ธิผล
* เกณฑ์ประสท
7.8 - 4.6
10 – 4.6
3.2
= 0.59
5.4
้ ไป
.50 ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ิ ธิภาพนว ัตกรรม (E1 / E2)
การหาประสท
นว ัตกรรม
ทดลอง 1 : 1
เก่ง 1 /ปานกลาง 1/
อ่อน 1
ปร ับปรุง
ทดลองกลุม
่ ย่อย
เก่ง 3/ปานกลาง 3
/ อ่อน 3
ปร ับปรุง
ทดลองกลุม
่ ใหญ่
ิ ธิภาพ
ประสท
E 1 / E2
้ ไป
30 คน ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
แสดงผลการทดลองจ ัดการเรียนรูก
้ ับกลุม
่ ทดลอง
หน่วยเรียนที่
คะแนนกิจกรรม
ระหว่างเรียน
E1(%)
คะแนนทดสอบ
หล ังเรียน E2(%)
1
85.56
84.07
2
86.67
85.56
3
82.22
83.33
4
85.56
84.44
5
83.70
84.07
6
84.80
84.80
7
84.47
83.33
8
85.16
84.24
9
85.56
84.44
10
86.30
84.81
เฉลีย
่
85.00
84.30
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ั
ิ ธิค
สมประส
ท
์ วามแปรผ ัน
(Coefficient of variation : c.v.)
ิ ธิภาพการสอน
ดูประสท
ิ ธิภาพการสอนหล ังใช ้
ประสท
นว ัตกรรม โดยใช ้
C.V. =
S.D.
X
ค่า C.V. ทีค
่ านวณได้
ถ้าค่า C.V. ทีค
่ านวณได้ตา
่ กว่า ร้อยละ 10
หมายถึง การสอนมีระด ับคุณภาพดี
ถ้าค่า C.V. ทีค
่ านวณได้อยูร่ ะหว่าง ร้อยละ 10-15
หมายถึง การสอนมีระด ับคุณภาพปานกลาง
ถ้าค่า C.V. ทีค
่ านวณได้สง
ู กว่า ร้อยละ 15
หมายถึง ต้องปร ับปรุงการสอน
ึ ษา 11 ชนิด
เครือ
่ งมือว ัดทางการศก
1. แบบทดสอบ (Test)
2. มาตราจ ัดอ ันด ับคุณภาพ (Rating Scale)
3. แบบสอบถาม (Questionaire)
4. แบบตรวจสอบรายการ (Checklist)
5. แบบสารวจ (Inventory)
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ึ ษา 11 ชนิด (ต่อ)
เครือ
่ งมือว ัดทางการศก
ั
6. แบบสงเกตุ
(Observation)
ั
7. แบบสมภาษณ์
(Interview)
8. การบ ันทึก (Record)
ั
9. สงคมมิ
ต ิ (Sociometry)
ึ ษาเป็นรายกรณี (Case study)
10. การศก
11. กลวิธใี ห้ระบายความในใจ
(Projective Technique)
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
เครือ
่ งมือทีใ่ ชใ้ นงานวิจ ัย
แบบทดสอบ
แบบสอบว ัด
มีสว่ นร่วม
ไม่มส
ี ว่ นร่วม
วิธก
ี ารสอบ
เครือ
่ งมือเก็บ
รวบรวมข้อมูล
วิธก
ี ารสอบถาม
เขียนตอบ
ปลายเปิ ด
ั
วิธก
ี ารสงเกต
ั
สมภาษณ์
ปลายปิ ด
ั
แบบสงเกต
มีโครงสร้าง
แบบบ ันทึก
ไม่มโี ครงสร้าง
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
แนวทางในการเลือกใชเ้ ครือ
่ งมือวิจ ัยนว ัฒกรรม
ั
การสงเกต
เหมาะก ับการวิจ ัยเชงิ บรรยาย/ทดลอง
ข้อดี – เก็บก ับข้อมูลโดยตรงเหมาะสม
ก ับบุคคลทีไ่ ม่คอ
่ ยมีเวลา
ั
 การสมภาษณ์
เป็นการหาข้อมูลจากการสนทนา
อย่างมีความหมาย
ข้อดี – ได้ขอ
้ มูลละเอียด ลึกซงึ้
้ บบสอบถาม
การใชแ
ไม่มค
ี าตอบถูกผิด สามารถตอบได้หลายประเด็น
ข้อดี – เข้าถึงกลุม
่ เป้าหมายจานวนมาก และ
ร ักษาความล ับของแต่ละบุคคลได้
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ั
ั
ขนตอนการสร้
ั้
างแบบสงเกต,
แบบสมภาษณ์
,
แบบสอบถาม
สร้างข้อคาถาม
ี่ วชาญ (content validity)
ผูเ้ ชย
แก้ไข ปร ับปรุง
try out
หา reliability (กรณี rating scale)
ปร ับปรุงข้อคาถาม
นาไปใชเ้ ก็บข้อมูลก ับกลุม
่ ต ัวอย่างจริง
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การตรวจสอบคุณภาพเครือ
่ งมือทีใ่ ชใ้ นงานวิจ ัย
ความเป็นปรน ัย
้ หา
ตรงเนือ
การตรวจสอบ
เครือ
่ งมือวิจ ัย
ความเทีย
่ ง
ความตรง
ตรงโครงสร้าง
ตรงพยากรณ์
ื่ มน
เชอ
่ั
แบบสอบถาม
แบบทดสอบ
ยาก
ั
ิ ธิอ
สมประส
ท
์ ัลฟ่า
IOC
อานาจจาแนก
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การหาคุณภาพของเครือ
่ งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจ ัย
เครือ
่ งมือทีใ่ ช ้
ในการเก็บ
รวบรวมข้อมูล
ั
ั
แบบสอบถาม แบบสงเกต
แบบสมภาษณ์
แบบทดสอบ เครือ
่ งมือว ัดต่าง ๆ
เครือ
่ งมือทีใ่ ชใ้ นการวิจ ัย ก่อนทีจ
่ ะนาไปใชเ้ ก็บ
ข้อมูลจริง จะต้องผ่านการตรวจหาคุณภาพก่อน
เพือ
่ ให้แน่ใจว่าเป็น เครือ
่ งมือทีม
่ ค
ี ณ
ุ ภาพ สามารถ
ว ัดในสงิ่ ทีต
่ อ
้ งการจะว ัดได้ คุณภาพของเครือ
่ งมือมี
5 องค์ประกอบ :
1.
2.
3.
4.
5.
ความเทีย
่ งตรง (Validity)
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
ความยากง่าย (Difficulty)
อานาจจาแนก (Discrimination)
ความเป็นปรน ัย (Objectivity) เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ความยากง่าย (Difficulty)
ระด ับความยากง่ายของข้อสอบ
หากผูเ้ รียนทาได้มาก แสดงว่าง่าย
หากผูเ้ รียนทาได้นอ
้ ย แสดงว่ายาก
ค่า P ทีใ่ ชไ้ ด้ก็คอ
ื .20 - .80 ค่า P ทีเ่ หมาะสม
้ อ
คือ .50 สูตรทีใ่ ชค
ื
P 
R
N
P = ความยากง่าย
R = จานวนผูเ้ รียนทีต
่ อบคาถามข้อนนถู
ั้ กต้อง
N = จานวนผูเ้ รียนทงหมด
ั้
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การหาค่าอานาจจาแนก
การตรวจให้คะแนน
้ ับกลุม
นาแบบทดสอบไปใชก
่ ต ัวอย่างแล้วตรวจให้
คะแนน เรียงลาด ับคะแนนจากสูงไปตา
่ ค ัดเลือกออกมา 25%
จากกลุม
่ สูงเป็นกลุม
่ เก่ง ค ัดเลือก 25%จากกลุม
่ ล่างเป็นกลุม
่
อ่อน แทนค่าในสูตร r หรือ D
 RL
R
U
D 
N
2
Ru = จานวนกลุม
่ ต ัวอย่างทีถ
่ ก
ู ในกลุม
่ เก่ง
RL = จานวนกลุม
่ ต ัวอย่างทีถ
่ ก
ู ในกลุม
่ อ่อน
N = จานวนกลุม
่ ต ัวอย่างทงหมด
ั้
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การหาค่าอานาจจาแนก
้ ารางสาเร็จรูปของจุงเตฟาน
การใชต
้ ับกลุม
นาแบบทดสอบไปใชก
่ ต ัวอย่างแล้วตรวจ
ให้ค ะแนน เรีย งล าด บ
ั คะแนนจากสูง ไปต่า ค ด
ั เลือ ก
ออกมา 27% จากกลุม
่ สูงเป็นกลุม
่ เก่ง ค ัดเลือก 27%
จากกลุ่ ม ล่ า งเป็ นกลุ่ ม อ่ อ น แทนค่ า ในสู ต รการใช ้
ั ว
่ น จากนนเปิ
สดส
ั้
ดตารางสาเร็ จรูปเพือ
่ หาค่าอานาจ
จาแนก
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การหาค่าอานาจจาแนก
ั ันธ์ Point-Biserial Correlation
การหาค่าสหสมพ
คาตอบถูกเป็น 1 และผิดเป็น 0 แล้วนามาแทน
ค่าในสูตร
r p .bis 
X
p
 X
f
. pq
St
= ค่าเฉลีย
่ ของกลุม
่ ต ัวอย่างทีท
่ าข้อสอบนนได้
ั้
่ ของกลุม
่ ต ัวอย่างทีท
่ าข้อสอบนนไม่
ั้
ได้
X f = ค่าเฉลีย
St = ค่าเบีย
่ งเบนมาตรฐาน
p = สดส
ั ว
่ นของกลุม
่ ต ัวอย่างทีท
่ าข้อสอบนนได้
ั้
q = สดส
ั ว
่ นของกลุม
่ ต ัวอย่างทีท
่ าข้อสอบนนไม่
ั้
ได้
X
p
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ค่าอานาจจาแนก (Discrimination)
ความสามารถของแบบทดสอบ ในการจาแนก
่ เก่ง-อ่อน เห็นด้วย-ไม่
กลุม
่ ออกเป็นกลุม
่ ต่าง ๆ เชน
เห็นด้วย เขียนแทนด้วย D มีคา่ ระหว่าง -1.00 ถึง
+1.00 มีความหมายด ังนี้ :
D > .40
:
D > .30 - .39 :
D > .20 - .29 :
D < .19
:
D ติดลบ
:
ดีมาก
ดี
พอใชไ้ ด้
ย ังต้องปร ับปรุง
ใชไ้ ม่ได้ ต้องต ัดทิง้
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การวิเคราะห์ด ัชนีการว ัดผลการสอบ
ิ ธิภาพในการจาแนก ผูเ้ รียนรูแ
ประสท
้ ล้ว
ก ับผูท
้ ย
ี่ ังไม่เรียนรู ้
S=
Rpre
Rpost
S
T
=
=
=
=
Rpost - Rpre
T
จานวนผูท
้ ดสอบทีต
่ อบถูกก่อนเรียน
จานวนผูท
้ ดสอบทีต
่ อบถูกหล ังเรียน
ด ัชนีในการว ัดผลการสอบ
จานวนผูท
้ ดสอบทงหมด
ั้
้ ไป
ค่า S ทีเ่ หมาะสม = 0.5 ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การวิเคราะห์ด ัชนีการว ัดผลการสอบ
ข้อที่
ึ ษาจานวน 20 คน
น ักศก
ตอบถูก
Rpost- Rpre
ผลการวิเคราะห์ขอ
้ มูล
T
ก่อนเรียน
Rpre
หล ังเรียน
Rpost
1
5
17
0.60
เป็นข้อสอบทีด
่ ี
2
12
17
0.25
เป็นข้อสอบไม่ด ี
3
3
18
0.75
เป็นข้อสอบทีด
่ ี
4
3
19
0.80
เป็นข้อสอบทีด
่ ี
5
14
19
0.25
เป็นข้อสอบไม่ด ี
แบบทดสอบ (Test)
เครือ
่ งมือว ัดความรู ้ ท ักษะ ประสบการณ์
สติปญ
ั ญา หรือความถน ัดของผูเ้ ข้าทดสอบ และ
ให้ผลเป็นต ัวเลข จาแนกเป็น 3 ประเภท
ั
แบบทดสอบว ัดผลสมฤทธิ
ท
์ างการเรียน
(achievement test)
แบบทดสอบว ัดบุคลิกภาพ (personality test)
แบบทดสอบว ัดความถน ัด (aptitude test)
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ความเป็นปรน ัย (Objectivity)
ั
ความชดเจนของแบบทดสอบหรื
อคาถามทีท
่ ก
ุ คน
เข้าใจตรงก ัน รวมทงการตรวจให้
ั้
คะแนนมีเกณฑ์
ทีแ
่ น่นอน ความเป็นปรน ัย มีองค์ประกอบ 3
ประการ :
ั
1. ความแจ่มชดในความหมายของแบบทดสอบ
ั
2. ความแจ่มชดในวิ
ธก
ี ารตรวจให้คะแนน
ั
3. ความแจ่มชดในการแปลความหมายของคะแนน
การหาความเป็นปรน ัยทีน
่ ย
ิ มปฏิบ ัติก ัน คือ
ี่ วชาญพิจารณาและตรวจสอบ(IOC)
ให้ผเู ้ ชย
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ความตรง (Validity)
ความสอดคล้องหรือความเหมาะสมของผล
้ เรือ
การว ัดก ับเนือ
่ ง หรือเกณฑ์ หรือทฤษฎีท ี่
เกีย
่ วก ับล ักษณะทีม
่ ง
ุ่ ว ัด จาแนกเป็น 4 ประเภท :
้ หา (Content Validity)
ความตรงตามเนือ
้ หาทีต
ความสามารถในการว ัดกลุม
่ เนือ
่ อ
้ งการ
จะว ัดได้ครอบคลุมและเป็นต ัวแทนของสงิ่ ที่
ั
่ ว ัดความสามารถในการท่องศพท์
ต้องการว ัด เชน
ว ัดท ักษะด้านต่าง ๆ
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
้ หา
การหาความตรงเชงิ เนือ
ทาได้โดยการหาค่าด ัชนีความสอดคล้อง
(Index of Item-Objective Congruence: IOC )
ี่ วชาญ
โดยผูเ้ ชย
IOC 
 R
N
ี่ วชาญ
R = ผลรวมคะแนนจากผูเ้ ชย
ี่ วชาญทงหมด
N = จานวนผูเ้ ชย
ั้
ค่า IOC  0.5
้ ไป
IOC ทีเ่ หมาะสม=0.5 ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ใบงานภาคปฏิบ ัติ
้ หา (IOC)
การหาความสอดคล้องของว ัตถุประสงค์และเนือ
ี่ วชาญจานวน 5 ท่าน
โดยผูเ้ ชย
ี่ วชาญ
ผูเ้ ชย
ข้ อที่
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
1
0
1
1
0
1
-1
1
1
-1
1
IOC
2
1
1
1
0
-1
0
1
1
0
1

3
1
1
1
1
-1
-1
0
1
1
1

n
x
4
1
1
1
1
1
1
0
-1
1
1
5
1
-1
1
1
1
1
1
-1
1
1
SUM(x)
4
3
5
3
1
0
3
1
2
5
SUM(x)/n
4/5
3/5
5/5
3/5
1/5
0
3/5
1/5
2/5
5/5
IOC
0.8
0.6
1
0.6
0.2
0
0.6
0.2
0.4
1
ี่ วชาญ
โดยที่ n = จานวนผูเ้ ชย
้ ไป
IOC ทีเ่ หมาะสม=0.5 ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
การตรวจสอบคุณภาพเครือ
่ งมือการวิจ ัยโดย
้ ถิต ิ
ใชส
ความตรง
การหาค่าด ัชนีความสอดคล้อง (IOC)
่ นความตรงเชงิ เนือ
้ หา
การหาอ ัตราสว
(content validity ratio : CVR)
่ นความตรงเชงิ เนือ
้ หา
การหาอ ัตราสว
Ne CVR 



 N
 
 2 

N

2 
2 Ne - N
N
่ นความตรงเชงิ เนือ
้ หา ของ Lawshe (1970)
CVR อ ัตราสว
ี่ วชาญทีเ่ ห็นด้วย หรือ เห็นว่าเหมาะสม
Ne จานวนผูเ้ ชย
ี่ วชาญทงหมด
N
จานวนผูเ้ ชย
ั้
่ นความตรงเชงิ เนือ
้ หาตา
อ ัตราสว
่ สุดทีผ
่ า
่ นเกณฑ์
จำนวน
ผู้เชี่ยวชำญ
ค่ ำCVR
ต่ำสุ ด
จำนวน
ผู้เชี่ยวชำญ
ค่ ำCV
R ต่ำสุ ด
จำนวน
ผู้เชี่ยวชำญ
ค่ ำCVR
ต่ำสุ ด
5
.99
11
.59
25
.37
6
.99
12
.56
30
.33
7
.75
13
.54
35
.31
8
.78
14
.51
40
.29
9
.78
15
.49
10
.62
20
.42
ความตรง (Validity)
ความตรงตามโครงสร้าง (Construct Validity) :
ความสามารถของเครือ
่ งมือว ัดทีว่ ัดได้ตรงตามสงิ่ ที่
ต้องการว ัด โดยผลการว ัดมีความสอดคล้องก ับโครงสร้าง/
ทฤษฎี ของล ักษณะทีม
่ ง
ุ่ ว ัดนน
ั้ จาแนกได้ 3 วิธ ี :
ั
ั ันธ์ (Correlation
ิ ธิส
1. การหาค่าสมประส
ท
์ หสมพ
ั ันธ์ของแบบทดสอบ 2 ชุดทีว่ ัด
Coefficient) หาความสมพ
ในเรือ
่ งเดียวก ัน
2. เปรียบเทียบก ับกลุม
่ ทีม
่ ล
ี ักษณะต้องการว ัด
ั (Know Group Technique) โดยใชก
้ าร
อย่างเด่นชด
เปรียบเทียบด้วย t-test
3. การวิเคราะห์องค์ประกอบ
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ความตรง (Validity)
ความตรงตามสภาพ (Concurrent Validity) :
ความสามารถในการว ัดล ักษณะทีส
่ นใจได้ตรง
่ ผูท
ตามสภาพของสงิ่ นน
ั้ เชน
้ เี่ รียนเก่งทีส
่ ด
ุ ต้องทา
แบบทดสอบได้คะแนนสูงสุด
การหาความตรงตามสภาพ
ั
ั ันธ์ระหว่าง
ิ ธิส
การคานวณค่าสมประส
ท
์ หสมพ
คะแนนทีว่ ัดได้ก ับคะแนนทีว่ ัดได้จากเครือ
่ งมือ
มาตรฐานอืน
่ ซงึ่ สามารถว ัดสงิ่ นนได้
ั้
ในสภาพปัจจุบ ัน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ความตรง (Validity)
 ความตรงเชงิ พยากรณ์ (Predictive Validity) :
ความสามารถในการว ัดล ักษณะทีส
่ นใจได้ตรงตาม
้ ในอนาคต
ล ักษณะของสงิ่ นนที
ั้ จ
่ ะเกิดขึน
การหาความตรงเชงิ พยากรณ์ การคานวณค่า
ั
ั ันธ์ระหว่างคะแนนทีว่ ัดได้ก ับ
ิ ธิส
สมประส
ท
์ หสมพ
คะแนนทีว่ ัดได้จากเครือ
่ งมือมาตรฐานอืน
่ ซงึ่ สามารถ
ว ัดสงิ่ นนที
ั้ จ
่ ะเกิดในอนาคต
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
้ คงวาหรือความคงทีข
ความคงเสน
่ องผลทีไ่ ด้
จากการว ัดซา้
ื่ มน
วิธก
ี ารหาความเชอ
่ั :
1. การทดสอบซา้ (Test-Retest)
้ อ
2. การใชข
้ สอบเหมือนก ัน (Equiv.-Form
Reliability)
3. การทดสอบแบบแบ่งครึง่ (Spilt Half
Reliability)
้ ต
4. การหาความคงทีภ
่ ายในโดยใชส
ู ร KuderRichardson KR-20, KR-21
ั
ิ ธิแ
5. การทดสอบวิธส
ี มประส
ท
์ อลฟา
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
การทดสอบซา้ Test-Retest Reliability
้ คงวาของคะแนนจากการว ัดใน
ความคงเสน
่ งเวลาทีต
ชว
่ า่ งก ันโดยวิธส
ี อบซา้ ด้วย
แบบทดสอบเดิม
ื่ มน
การหาค่าความเชอ
่ ั : การทดสอบซา้
้ ารคานวณค่าสมประส
ั
ั ันธ์
ิ ธิส
ใชก
ท
์ หสมพ
ระหว่างคะแนนทีว่ ัดได้จากคนกลุม
่ เดียวก ัน
ด้วยเครือ
่ งมือเดียวก ัน โดยทาการว ัดสอง
ครงในเวลาที
ั้
ต
่ า่ งก ัน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
้ อ
การทดสอบแบบใชข
้ สอบเหมือนก ัน
Equivalent-Forms Reliability
ความสอดคล้องก ันของคะแนนจากการว ัดใน
้ บบทดสอบทีส
่ งเวลาเดียวก ันโดยใชแ
ชว
่ มมูลก ัน
ื่ มน
การหาค่าความเชอ
่ ั : การทดสอบแบบใช ้
ข้อสอบเหมือนก ัน
้ ารคานวณค่าสมประส
ั
ั ันธ์ระหว่าง
ิ ธิส
ใชก
ท
์ หสมพ
คะแนนทีว่ ัดได้จากคนกลุม
่ เดียวก ันด้วยเครือ
่ งมือ 2
ฉบ ับทีท
่ ัดเทียมก ัน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
การทดสอบแบบการทดสอบแบบแบ่งครึง่ (SplitHalf Reliability )
ื่ มน
เป็นการหาความเชอ
่ ั โดยการหาความคงทีภ
่ ายใน
้ บบทดสอบชุดเดียวและสอบครงเดี
โดยใชแ
ั้ ยวแต่แบ่ง
่ น คือ ข้อคู่ และข้อคี่
ข้อสอบเป็น 2 สว
ื่ มน
การหาค่าความเชอ
่ ั : การทดสอบแบบแบ่ง
้ ารคานวณค่าสมประส
ั
ั ันธ์
ิ ธิส
ครึง่ ใชก
ท
์ หสมพ
ระหว่างคะแนนทีว่ ัดได้จากการแบ่งครึง่ ข้อสอบที่
้ ต
สมมูลก ันโดยใชส
ู ร Spearman Brown
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
การทดสอบโดยการหาความคงทีภ
่ ายใน
Kuder-Richardson Reliability
ื่ มน
เป็นการหาความเชอ
่ ั โดยการทดสอบว่า
แบบทดสอบหรือแบบสอบถามแต่ละข้อมี
ั ันธ์ก ับข้ออืน
ความสมพ
่ ๆ ในฉบ ับเดียวก ันหรือไม่
ื่ มน
การหาค่าความเชอ
่ ั : การคานวณค่าสถิตข
ิ อง
คะแนนรายข้อ (ให้คะแนนแบบ 0-1) และคะแนน
้ ต
รวมใชส
ู ร
Kuder-Richardson (KR-20, KR-21)
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
ื่ มน
ความเชอ
่ ั (Reliability)
ั
ิ ธิแ
การทดสอบโดยวิธห
ี าสมประส
ท
์ อลฟ่า
Alpha Coefficient Reliability
ื่ มน
เป็นการหาความเชอ
่ ั โดยการทดสอบว่า
ั ันธ์ก ับข้ออืน
แบบสอบถามแต่ละข้อมีความสมพ
่ ๆ ใน
ฉบ ับเดียวก ันหรือไม่ (คะแนนตงแต่
ั้
0-...)
ื่ มน
การหาค่าความเชอ
่ ั แบบสอบถามทงฉบ
ั้
ับ
การคานวณค่าสถิตข
ิ องคะแนนรวมทงฉบ
ั้
ับโดย
้ ต
ั
ิ ธิแ
ใชส
ู รคานวณสมประส
ท
์ อลฟ่าของครอนบาค
(Cronbach Alpha Coefficient Reliability )
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
สรุปคุณภาพนว ัตกรรม
ต้องมีคณ
ุ ภาพเข้าเกณฑ์ ด ังนี้
ี่ วชาญ ระด ับมาก
• ผลการประเมินโดยผูเ้ ชย
้ ไป)
(3.5 ขึน
ิ ธิผล(E.I.) 0.5 ขึน
้ ไป
• ค่าด ัชนีประสท
ิ ธิภาพ E1/ E2 สูงกว่าเกณฑ์
• ประสท
ทีก
่ าหนด
• สปส.ความแปรผ ัน C.V. ตา
่ กว่าร้อยละ 10
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
สรุปคุณภาพเครือ
่ งมือเก็บรวบรวมข้อมูล
•ทุกข้อต้องมีคณ
ุ ภาพเข้าเกณฑ์ในด้าน
- ค่าความยาก (p) 0.2-0.8
้ ไป
- จาแนก (r) 0.2 ขึน
- ค่าด ัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดย
ี่ วชาญ 0.5 ขึน
้ ไป
ผูเ้ ชย
• ค่าด ัชนีการว ัดผลการสอบ (S) ทีเ่ หมาะสม
้ ไป
= 0.5 ขึน
ื่ มน
• เมือ
่ รวมเป็นฉบ ับ มีคา่ ความเชอ
่ ั ทงฉบ
ั้
ับ
้ ไป
0.8 ขึน
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
เชาวร ัตน์ เตมียกุล
สาขาวิจ ัยและพ ัฒนาหล ักสูตร
มหาวิทยาล ัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ