Transcript Document

การสร้ างและการหาคุณภาพเครื่องมือวิจัย
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาวดวงพร รักเกาะรุ้ ง
นางสาวนัสรียา ยามา
นางสาวกฤติยา ยงประเดิม
นางสาวแพรไพลิน ภูมปิ ระสิ ทธิ์
รหัส
รหัส
รหัส
รหัส
541995016
541995017
541995025
541995030
เอก
เอก
เอก
เอก
เคมี
เคมี
เทคโนโลยีฯ
เทคโนโลยี ฯ
เครื่องมือที่ใช้ ในงานวิจัย
แบบทดสอบ
แบบสอบวัด
มีส่วนร่วม
ไม่มีส่วนร่วม
วิธีการสอบ
เครื่ องมือเก็บ
รวบรวมข้ อมูล
วิธีการสอบถาม
เขียนตอบ
ปลายเปิ ด
แบบสังเกต
วิธีการสังเกต
สัมภาษณ์
ปลายปิ ด
แบบบันทึก
มีโครงสร้ าง
ไม่มีโครงสร้ าง
การสร้ างและพัฒนาแบบสอบ
ประเภทของแบบสอบ
1. แบ่ งตามเกณฑ์ จุดประสงค์
แบ่ งได้ 2 ประการ คือ
 แบบสอบอิงเกณฑ์ (Criterion-Reference Test)
 แบบสอบถามอิงกลุ่ม (Norm-Reference Test)
2. แบ่ งตามเกณฑ์ เวลาสอบ
แบ่ งได้ 2 ประการ
 แบบสอบวัดความเร็ว (Speed Test)
 แบบสอบวัดความสามารถ (Power Test)
3. แบ่ งตามเกณฑ์ จานวนผู้สอบ
แบ่ งได้ 2 ประเภท คือ
 แบบทดสอบเดีย่ ว (Individual Test)
 แบบทดสอบกลุ่ม( Group Test)
4. แบ่ งตามเกณฑ์ วธิ ีการตอบ
แบ่ งได้ 4 ประเภท คือ
 แบบให้ เขียนตอบ (Paper Pencil Test) พบในการสอบของสถานศึกษาต่ าง ๆ
หรือการสอบแข่ งขันทีม่ ผี ู้เข้ าสอบเป็ นจานวนมาก
 แบบปฏิบัติ(Performance Test) เป็ นการสอบเกีย่ วกับทักษะต่ างๆ กระบวนการ ผลผลิต
หรือชิ้นงาน
 แบบปากเปล่ า (Oral Test) เป็ นการสอบครั้งละคน เช่ น สอบป้ องกันเค้ าโครงวิทยานิพนธ์
สอบสั มภาษณ์ และการแสดงวิสัยทัศน์ ของผู้บริหารเพือ่ เข้ ารับตาแหน่ ง เป็ นต้ น
 แบบใช้ คอมพิวเตอร์ (Computer Test) เป็ นการใช้ คอมพิวเตอร์ ในการสอบ เช่ น การสอบ
Tofel หรือการสอบเยียวยาในการทาผลงานเพือ่ เลือ่ นวิทยฐานะของครู เป็ นต้ น
5. แบ่ งตามเกณฑ์ ลกั ษณะการใช้
แบ่ งได้ 2 ประเภท คือ
 แบบสอบย่ อย (Formative Test)
 แบบสอบรวม (Summative Test)
6. แบ่ งตามเกณฑ์ ของสิ่ งที่วัดแบ่ งตามเกณฑ์ ของสิ่ งที่วัด
แบ่ งได้ 4 ประเภท คือ
 แบบสอบวัดความรู้ (Achievement Test)
 แบบสอบวัดความถนัด (Aptitude Test)
 แบบสอบวินิจฉัย (Diagnostic Test)
 แบบสอบความพร้ อม (Readiness Test)
7. แบ่ งตามเกณฑ์ ความเป็ นมาตรฐาน
7.1 การแบ่ งตามเกณฑ์ ความเป็ นมาตรฐาน (Standardized Test)
7.2 แบบสอบทีค่ รู สร้ าง(Teacher –Made Test)
8. แบ่ งตามเกณฑ์ การตอบ
แบ่ งได้ 2 ประการ คือ
8.1 แบบสอบอัตนัย (Subjective Test)
8.2 แบบปรนัย (Objective Test) หรือแบบตอบสั้ น (Short Answer)
แบ่ งได้ 4 ชนิด คือ
แบบถูก-ผิด (True-Fault)
แบบเติมคา (Completion)
แบบจับคู่ (Matching)
แบบเลือกตอบ (Multiple Choice)
แบบสอบประเภทอัตนัยแบ่งย่อยได้เป็ น 2 ชนิด คือ
1. แบบตอบขยาย (Extended-Response Item) เป็ นข้อความคาถามกว้าง ๆ
โดยเปิ ดโอกาสให้ผตู ้ อบแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่
2. แบบตอบจากัด (Restricted –Response Item or Short Essay Item) เป็ น
ข้อคาถามที่มีลกั ษณะเฉพาะ มีขอบเขตแคบกว่าชนิดแรก ซึ่งการสร้าง
และพัฒนาข้อสอบแบบอัตนัยให้ได้ดีน้ นั ควรทราบถึงจุดประสงค์ ข้อดี
ข้อเสี ย ก่อนที่จะสร้างและพัฒนารวมทั้งการตรวจให้คะแนน ซึ่งเป็ น
ข้อจากัดที่สาคัญแบบสอบประเภทนี้










ข้ อดี
สร้ างได้ เร็ว
ประหยัด
วัดความรู้ ความสามารถได้ ทุกระดับ เน้ นด้ านการสั งเคราะห์ ขนึ้ ไป
ผู้ตอบมีโอกาสแสดงความรู้ และความคิดเห็น หรือแนวคิดได้ เต็มที่
ผู้ตอบเดาไม่ ได้
ฝึ กความสามารถในการเขียนได้ ดี
ข้ อเสี ย
ตรวจยาก ใช้ เวลานาน
การให้ คะแนนอาจขาดความยุตธิ รรม ขึน้ อยู่ลกั ษณะของผู้ตรวจ
การให้ คะแนนขาดความเป็ นปรนัย
ออกคาถามได้ น้อยข้ อ
การสร้ างแบบสอบอัตนัย
• ควรวัดพฤติกรรมระดับสู งกว่าความรู ้ ความจาและความเข้าใจเพราะถ้าจะวัด
ควรใช้แบบสอบประเภทอื่น
• เนื่ องจากออกข้อสอบได้นอ้ ยข้อ จึงควรเลือกเฉพาะเนื้ อหาและวัตถุประสงค์
การเรี ยนรู ้ หรื อ วัตถุ ประสงค์เชิ งพฤติ กรรมที่ สาคัญ ๆ โดยพยายามให้เป็ น
ตัวแทนของเนื้ อหาทั้งหมดให้มากที่สุดเท่าที่จะทาได้ ถ้าได้มากข้อและถ้า
เห็นว่าผูเ้ ข้าตอบมีเวลาก็ควรออกให้มากข้อ เพื่อให้ครอบคลุมเนื้อหา
• ข้อคาถามที่ควรใช้ คือ ให้อธิ บาย เปรี ยบเทียบ บอกความสัมพัน ธ์ ความ
เหมือน ความแตกต่าง สรุ ปวิเคราะห์ วิจารณ์ ยกตัวอย่าง กาหนดแผน เสนอ
สิ่ งใหม่ หรื อประเมินค่าต่างๆ
• เขียนข้อคาถามให้ชดั เจน รัดกุม เข้าใจง่าย
•
•
•
•
•
•
ระบุคะแนนแต่ละข้อ เพื่อให้ผตู ้ อบติดสิ นว่าควรทาข้อใดก่อน
เรี ยงข้อคาถามจากง่ายไปยาก
ไม่ควรให้เลือกตอบบางข้อ เพราะจะทาให้ขาดความยุติธรรม
กาหนดเกณฑ์การให้คะแนนล่วงหน้า
เฉลยคาตอบไว้ล่วงหน้า
ควรแจ้งผูส้ อบล่วงหน้าพอสมควร เพื่อให้มีเวลาเตรี ยมตัวศึกษาเพียงพอ
ต่อการตอบได้อย่างลึกซึ้ง
การพัฒนาแบบสอบอัตนัย
โดยการตรวจสอบดังต่ อไปนี้
• การหาความตรง
การหาความตรงเชิงเนือ้ หาโดยทัว่ ไปใช้ สูตร IOC หรือ CVR หรือ เช่ นเดียวกับ
เครื่องมือประเภทอืน่ ๆ
• การหาความเทีย่ ง
ความเทีย่ งของแบบสอบอัตนัยจะต่า เนื่องจากข้ อสอบสร้ างได้ น้อยข้ อและการตรวจให้
คะแนนยังไม่ แน่ นอนในการหาความเทีย่ ง เนื่องจากการให้ คะแนนมากกว่ า 2 ระดับ จึงใช้ สูตร
หรือสู ตรทีใ่ ช้ สาหรับเครื่องมือประเภทอืน่
• การหาความยากและอานาจจาแนก
การหาความยากและอานาจจาแนกของแบบสอบอัตนัยสามารถประยุกต์ หลักการ
วิเคราะห์ ข้อสอบแบบเลือกตอบมาใช้ ได้ โดยแบ่ งเป็ นผู้ทไี่ ด้ คะแนนกลุ่มสู งและกลุ่มต่าแล้ วใช้
สู ตรและวิธีการคานวณ
การหาความตรงเชิงเนือ้ หา
ทาได้ โดยการหาค่ าดัชนีความสอดคล้ อง
(Index of Item-Objective Congruence: IOC )
R

IOC 
N
R = ผลรวมคะแนนจากผูเ้ ชี่ยวชาญ
N = จานวนผูเ้ ชี่ยวชาญทั้งหมด
ค่า IOC  0.5
IOC ที่เหมาะสม=0.5 ขึ้นไป
ตัวอย่ าง การหาความสอดคล้ องของวัตถุประสงค์ และเนือ้ หา (IOC)
โดยผู้เชี่ยวชาญจานวน 5 ท่ าน
ผู้เชี่ยวชาญ
ข้ อที่
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
1
0
1
1
0
1
-1
1
1
-1
1
2
1
1
1
0
-1
0
1
1
0
1
IOC 
3
1
1
1
1
-1
-1
0
1
1
1
x
n
4
1
1
1
1
1
1
0
-1
1
1
5
1
-1
1
1
1
1
1
-1
1
1
SUM(x)
4
3
5
3
1
0
3
1
2
5
โดยที่ n = จานวนผู้เชี่ยวชาญ
IOC ที่เหมาะสม=0.5 ขึ ้นไป
SUM(x)/n
4/5
3/5
5/5
3/5
1/5
0
3/5
1/5
2/5
5/5
IOC
0.8
0.6
1
0.6
0.2
0
0.6
0.2
0.4
1
การสร้ างและพัฒนาแบบสอบชนิดถูก-ผิด
แบบสอบชนิ ด ถู ก-ผิด เป็ นแบบสอบที่กาหนดข้ อความให้ ผู้ ตอบ
พิจารณาว่ าข้ อความนั้ นถู กหรื อผิด ใช่ หรื อไม่ ใช่ ซึ่ งในปั จจุ บันใช้ กัน
ค่ อนข้ างน้ อย เนื่องจากมีข้อเสี ยทีส่ าคัญคือ ผู้สอบเดาได้ ง่าย
จุดมุ่งหมายในการใช้ แบบสอบถูก-ผิด
ใช้ วดั พฤติกรรมด้ านพุทธพิสัยทีไ่ ม่ สูงนัก
เกีย่ วกับข้ อเท็จจริงว่ าใช่ หรือไม่ ดีหรือไม่ ดี ถูกหรือไม่ ถูก
ข้ อดี
 สร้ างง่ าย
 สร้ างได้ มากข้ อ
 ใช้ เวลาในการสอบน้ อย
 ตรวจง่ าย ให้ คะแนนได้ ยุติธรรม
ข้ อเสี ย
 เดาง่าย
 วัดพฤติกรรมขั้นต่าได้เฉพาะความรู ้ความจา
 ทาให้ไม่แน่ใจว่าคาตอบที่ได้มาจากการเดาหรื อความรู ้ความสามารถ
 เนื่องจากเป็ นการสร้างคาถามที่เน้นข้อเท็จจริ งที่สมบูรณ์ ถ้าเนื้อหายัง
ไม่มีขอ้ สรุ ปจะสร้างได้ยาก
การสร้ างแบบสอบถูก-ผิด
•
•
•
•
การสร้ างแบบสอบถูก-ผิด แบ่ งออกได้ เป็ น
การหาความตรงเชิงเนือ้ หา
การหาความเทีย่ ง
การหาความยาก
การหาอานาจจาแนก
การสร้ างและพัฒนาแบบสอบชนิดเติมคา
แบบสอบชนิดเติมคา มีจุดมุ่งหมายเพือ่ วัดพฤติกรรมด้ านพุทธิพสิ ั ยเกีย่ วกับข้ อเท็จจริง
สู ตร กฎ ไวยากรณ์ และคาจากัดความต่ างๆ เหมาะกับวิชาคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ที่วัด
ความรู้เกีย่ วกับข้ อเท็จจริงและการคานวณ
ข้ อดี
 สร้ างง่ ายและใช้ ได้ กบั ทุกเนือ้ หา
 เดายาก
 สร้ างได้ มากข้ อ
ข้ อเสี ย
 วัดได้ เฉพาะความรู้
 ถ้ าคาถามไม่ เฉพาะเจาะจง จะมีการตอบกว้ างนอกประเด็น ตัดสิ นใจให้ คะแนนลาบาก
 การตรวจให้ คะแนนอาจไม่ ยุติธรรม
การพัฒนาแบบสอบชนิดจับคู่
แบบสอบชนิ ดจับคู่ ประกอบด้วยชุดของข้อคาถามที่มีชุดตัวเลือก
ชุดหนึ่ งร่ วมกัน เมื่อจับคู่กนั แต่ละครั้ง จานวนตัวเลือกจะลดลงเรื่ อย ๆ
ลักษณะของแบบสอบจะแยกเป็ น 2 กลุ่ม หรื อ 2 แถว
จุดมุ่งหมายในการใช้ แบบสอบชนิดจับคู่
ใช้ ส าหรั บ วัด พฤติ ก รรมด้ า นทั ก ษะพิ สั ย เกี่ ย วกั บ ค าศัพ ท์
ความหมาย เหตุ ผลต่ างๆ หรื อจัด กลุ่ ม ประเภทที่ มีความสัม พันธ์กัน
เช่น อวัยวะกับหน้าที่
ข้ อดี
สร้างง่าย
ประหยัด
ให้คะแนนง่าย
วัดสาระเนื้อหาที่สมั พันธ์กนั ได้ดี
ข้ อเสี ย
วัดได้เฉพาะความรู ้ ความจา
บางเนื้อหาสร้างแบบสอบทั้งชุดให้เป็ นเรื่ องเดียวกันได้ยาก
การสร้ างแบบสอบชนิดจับคู่
หลักการสร้างที่สาคัญ
• คาถาม คาตอบต้องเป็ นเรื่ องเดียวกัน
• ต้องมีคู่เดียวเท่านั้นที่สมั พันธ์กนั
• ตัวเลือกในคาตอบต้องมีลกั ษณะเหมือนหรื อใกล้เคียงกัน
• ตัวเลือกควรมีมากกว่าคาถามประมาณ 3-4 ตัว
• ไม่ควรสร้างให้มีขอ้ คาถามจานวนมากเกินไป โดยไม่เกิน 12 ข้อ
การสร้ างและพัฒนาแบบสอบชนิดเลือกตอบ
แบบสอบประเภทปรนัย แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท คือ
แบบคาถามโดด คือ คาถามและตัวเลือกของแต่ละข้อไม่เกี่ยวกัน
แบบสถานการณ์ โดยมีการให้สถานการณ์และคาถามกับตัวเลือก
แบบเลือกคงที่ โดยมีตวั เลือกมาให้ชุดหนึ่งนาไปตอบคาถามหลายข้อได้
แบบสอบประเภทนี้จะวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสยั
แนวทางการสร้ างแบบสอบชนิดเลือกตอบ
• ศึกษาหลักสู ตร เนือ้ หา และวัตถุประสงค์ เชิงพฤติกรรมหรือการเรียนรู้
ทีจ่ ะสร้ างแบบสอบ
• สร้ างตารางวิเคราะห์ หลักสู ตร (Table of Specification)
• ร่ างคาถามและองค์ ประกอบ การร่ างคาถามถือว่ าเป็ นหัวใจสาคัญทีส่ ุ ด
ของการสร้ างเครื่องมือ คือ ต้ องสร้ างตัวเลือกให้ เหมาะสมและเพียงพอ