Transcript Slide 1

ประวัตแิ ละความเป็ นมาภาษาบาลี
โครงร่ างเนือ้ หาสาระ
• ความเป็ นมาและพัฒนาการของภาษาบาลี
• ความสาคัญและประโยชน์ ในการศึกษาภาษาบาลี
• หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๑ – ๙
• โครงสร้ างบาลีไวยกรณ์
ความหมายของภาษาบาลี
• ”บาลี" หมายถึง ภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ เอาไว้
• ภาษาบาลีมีลักษณะเฉพาะตัวคือ คาทุกคา ไม่ ว่าจะเป็ นคานามหรื อ
คากริยา ล้ วนแต่ มีรากศัพท์ หรื อผ่ านการประกอบรู ปศัพท์ ทงั ้ สิน้ ไม่ ใช่
จะสาเร็จเป็ นคาศัพท์ เลยทีเดียว และเมื่อจะนาไปใช้ จะต้ องมีการแจก
รู ปเสียก่ อน เพื่อทาหน้ าที่ต่างๆ ในประโยคเช่ น เป็ นประธาน เป็ นกรรม
เป็ นต้ น
• ภาษาไทยรั บเอาคาบาลีและสันสกฤตมาใช้ ในภาษาไทยค่ อนข้ างมาก
อาจกล่ าวได้ ว่ามากกว่ าภาษาอื่นๆ
กาเนิดภาษาบาลี
• ภาษาบาลี ไม่ ปรากฏที่มาที่ชัดเจน และเป็ นที่ถกเถียงเรื่ อยมาโดยไม่ มี
ข้ อสรุ ป
• พระพุทธโฆสาจารย์ อธิบายว่ าภาษาบาลีเป็ น "สกานิรุตติ" คือภาษาที่
พระพุทธเจ้ าตรั ส พระพุทธเจ้ าทรงแสดงธรรมด้ วยภาษาบาลี เพราะใน
สมัยนัน้ ประเทศอินเดียมีภาษาหลักอยู่ ๒ ตระกูล คือ ภาษาปรากฤต
และ ภาษาสันสกฤต
ตระกูลภาษาปรากฤต
แบ่ งย่ อยออกเป็ น ๖ ภาษา คือ
• ภาษามาคธี ภาษาที่ใช้ พดู กันอยูใ่ นแคว้ นมคธ
• ภาษามหาราษฎรี ภาษาที่ใช้ พดู กันอยูใ่ นแคว้ นมหาราษฎร์
• ภาษาอรรถมาคธี ภาษากึง่ มาคธี เรี ยกอีกอย่างหนึง่ ว่า ภาษาอารษ
ปรากฤต
• ภาษาเศารนี ภาษาที่ใช้ พดู กันอยูใ่ นแคว้ นศูรเสน
• ภาษาไปศาจี ภาษี ปีศาจ หรื อภาษาชันต
้ ่า
• ภาษาอปภรั งศ ภาษาปรากฤตรุ่นหลังที่ไวยากรณ์ได้ เปลี่ยนไปเกือบ
หมดแล้ ว
ภาษาบาลี ใช้ ถ่ายทอดเผยแผ่ และบันทึกพุทธพจน์ เรื่อยมา จน
กลายเป็ นภาษาที่ใช้ เป็ นหลัก ในพระพุทธศาสนานิกายเถร
วาท มีพระไตรปิ ฎกเป็ นต้ น ในการเขียนภาษาบาลีไม่ มีอักษร
ชนิดใด สาหรับใช้ เขียนโดยเฉพาะสันนิษฐานว่ า น่ าจะเป็ น
อักษรมาคธี แต่ สามารถประยุกต์ ใช้ กับภาษาของประเทศนัน้
ๆ ที่พระพุทธศาสนาเผยแผ่ ถึง เช่ น พระพุทธศาสนาเผยแผ่ ถึง
ประเทศไทย ก็ใช้ อักษรไทย เป็ นต้ น
พัฒนาการของภาษาบาลี
ยุคคาถา (Gatha Language)
มีลักษณะเหมือนภาษาอินเดียโบราณ เพราะการใช้ คายังเกี่ยวข้ องกับภาษาไวทิกะที่
ใช้ บันทึกคัมภีร์พระเวท
ยุคร้ อยแก้ ว (Prose Language)
ได้ แก่ ภาษาร้ อยแก้ ว ที่มีในพระไตรปิ ฎก
ยุคร้ อยแก้ วระยะหลัง (Post-canonical Prose Language)
เรียกชื่ออีกอย่ างว่ า “ร้ อยแก้ วรุ่ นอรรถกถา” ได้ แก่ บทร้ อยแก้ วที่แต่ งขึน้ ทีหลัง โดย
พระอรรถกถาจารย์ ต่างๆ
ยุคร้ อยกรองประดิษฐ์ (Artificial Poetry)
ภาษาที่ใช้ ในยุคนีเ้ ป็ นการผสม ผสานระห่ วงภาษาเก่ าและภาษาใหม่ เพื่อให้ ไพเราะ
ดูและสวยงามและเหมาะสมกับการเวลาในช่ วงนัน้ ๆ
สาเหตุท่ เี ปลี่ยนชื่อจากภาษามาคธี
เป็ นภาษาบาลี
• ถ้ อยคาสานวนของภาษามาคธีหรื อภาษาของชาวมคธสมัยพุทธกาล ก็ได้
เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลากลายเป็ นภาษามาคธีในยุคใหม่ จึงเรี ยกเสียใหม่
ว่า “ภาษาบาลี” เพื่อตัดปั ญหาความเข้ าใจผิดที่จะนาภาษาบาลีไปเปรี ยบเทียบ
กับภาษามาคธีสมัยใหม่
• เนื่องด้ วยพระพุทธเจ้ าได้ ทรงปรับปรุงแก้ ไขภาษาสุทธมาคธี ซึง่ ชันเดิ
้ มเป็ น
ภาษาปรากฤตให้ ดีขึ ้น เมื่อเป็ นภาษามาคธีที่ดีและไพเราะขึ ้นด้ วยอานุภาพของ
พระพุทธเจ้ าแล้ ว ภาษามาคธีก็มีชื่อเรี ยกอีกอย่างหนึ่งว่า “บาลี“ ซึง่ แปลว่า
“แบบแผน“
ความสาคัญของภาษาบาลี
• เป็ นภาษาอันเป็ นโวหารของพระพุทธเจ้ า (สัมพุทธโวหารภาสา)
• เป็ นภาษาอันเป็ นโวหารของพระอริยเจ้ า (อริยโวหารภาสา)
• เป็ นภาษาที่ใช้ บนั ทึกสภาวธรรม (ยถาภุจจพรหมโวหารภาสา)
• เป็ นภาษาที่รักษาพระพุทธพจน์ (ปาลีภาสา)
ความสาคัญของภาษาบาลี (ต่ อ)
นอกจากนี ้ นักไวยากรณ์บาลียงั ได้ กล่าวถึงความสาคัญภาษาบาลีไว้ ดงั นี ้
• มูลภาสา คือภาษาหลักหรื อภาษาดังเดิ
้ มของเสฏฐบุคคล ๔ จาพวกคือ อาทิ
กัปปิ ยบุคคล พรหม อัสสุตาลาปบุคคล และ พระสัมพุทธเจ้ า
• นติภาสา คือภาษาที่มีแบบแผน มีกฎไวยากรณ์ดี
• สกานิรุตติ คือ ภาษาที่พระพุทธเจ้ าตรัสและเป็ นภาษาหลักในการประกาศ
• อุตตมภาสา คือภาษาชันสู
้ ง การที่ภาษาบาลีจดั เป็ นอุตตมภาสานัน้ พระเทพ
เมธาจารย์ (เช้ า ฐิ ตปญโญ) เพราะเป็ นภาษาที่พระพุทธเจ้ าทรงใช้ ประกาศ
ศาสนา, เป็ นภาษาที่ใช้ ในการสังคายนา, เป็ นภาษาที่ใช้ ในการสวดมนต์
ประโยชน์ ในการศึกษาภาษาบาลี
ประโยชน์ ในการศึกษาพุทธศาสนา
ประโยชน์ลาดับแรกในการศึกษาภาษาบาลีก็คือ ช่วยให้ เกิดความเข้ าใจใน
ความหมายของศัพท์ธรรมะในพระพุทธศาสนายิ่งขึ ้น ทาให้ ผ้ ศู กึ ษาสามารถ
เข้ าใจคาสอนที่อยูใ่ นพระไตรปิ ฎกฉบับภาษาบาลี ซึง่ เป็ นหลักฐานชัน้ แรกสุดได้
เป็ นอย่างดี พระไตรปิ ฎกภาษาบาลีถือว่าเป็ นคัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่มีคณ
ุ ค่า
อย่างยิ่งยวด เป็ นคัมภีร์ที่รักษาพุทธพจน์ได้ อย่างชัดเจนที่สดุ การทาความเข้ าใจ
กับคัมภีร์ชนแรกสุ
ั้
ด เป็ นการป้องกันการเข้ าใจหรื อการแปลภาษาที่ผิดพลาดไป
ได้ อย่างดีที่สดุ
ประโยชน์ ในการศึกษาภาษาบาลี (ต่ อ)
ประโยชน์ ทางด้ านภาษา
• ทาให้ เข้ าใจความหมายของคาต่างๆ เช่นคาราชาศัพท์, ชื่อสถานที่ตา่ งๆ, ชื่อวัด,
ชื่อคน, ชื่อเดือน, คาในบทร้ อยกรองต่างๆ และคาในวรรณคดี ได้ เป็ นอย่างดี
• ใช้ คา หรื อประกอบคาภาษาบาลีได้ อย่างถูกต้ อง เช่นคาว่า อานิสงส์ (มาจาก
ภาษาบาลีคือ อานิสส) หากไม่เข้ าใจอาจใช้ ผิดไปเป็ น อานิสงส์
• ช่วยให้ เรี ยนภาษาไทยหรื อไวยากรณ์ไทยได้ ง่าย
• ช่วยให้ สามารถใช้ คาภาษาบาลีได้ อย่างไพเราะสละสลวย ทังในบทร้
้
อยกรอง
และร้ อยแก้ ว
• ช่วยในการบัญญัติศพั ท์ วิทยาการสมัยใหม่แขนงต่างๆ
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๑-๒
ประโยค ๑
๑. วิชาบาลีไวยากรณ์ หลักสูตรใช้ หนังสือ บาลีไวยากรณ์ประเภทสอบถาม
ความจา
ประโยค ๒
๑. วิชาแปลมคธเป็ นไทย โดยพยัญชนะและโดยอรรถ หลักสูตรใช้ หนังสือ
ธมฺมปทฏฺฐกถา ภาค ๑-๔
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๓
๑.) วิชาแปลมคธเป็ นไทย โดยพยัญชนะและโดยอรรถ หลักสูตรใช้ หนังสือ
ธมฺมปทฏฺกถา ภาค ๕-๘
๒.) วิชาสัมพันธ์ไทย หลักสูตรใช้ หนังสือ ธมฺมปทฏฺฐกถา ภาค ๕-๘
๓.) วิชาบาลีไวยากรณ์ หลักสูตรใช้ หนังสือ บาลีไวยากรณ์ ประเภทสอบถาม
ความจาและความเข้ าใจประกอบกัน
๔.) วิชาบุรพภาค ข้ อเขียนภาษาไทย โดยแก้ ไขให้ ถกู ต้ องตามระเบียบลักษณะ
วรรคตอน
ตัวอักษรตามสมัยนิยม หลักสูตรใช้ หนังสือที่ควรรู้ เช่น จดหมายทางราชการ เป็ น
ต้ น
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๔ - ๕
ประโยค ป.ธ. ๔
๑. วิชาแปลไทยเป็ นมคธ หลักสูตรใช้ หนังสือ มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๑-๒
๒. วิชาแปลมคธเป็ นไทย หลักสูตรใชัหนังสือ มงฺคลตฺถทีปนี ภาค ๑
ประโยค ป.ธ. ๕
๑. วิชาแปลไทยเป็ นมคธ หลักสูตรใช้ หนังสือ มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๓-๕
๒. วิชาแปลมคธเป็ นไทย หลักสูตรใชัหนังสือ มงฺคลตฺถทีปนี ภาค ๒
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๖
๑.) วิชาแปลไทยเป็ นมคธหลักสูตรใช้ หนังสือ ตติยสมันตปาสาทิกา – ปั ญจม
สมันตปาสาทิกา
๒.) วิชาแปลมคธเป็ นไทย หลักสูตรใช้ หนังสือ ตติย-จตุตฺถ-ปญฺจมสมนฺตปาสาทิกา
หมายเหตุ
แต่ในการสอบกรรมการจะแปลประโยคที่ออกสอบเป็ นความไทยโดยสันทัด
หรื ออาจดัดแปลงสานวนและท้ องเรื่ อง หรื อตัดตอนที่ตา่ งๆ มาเรี ยงติดต่อกันเป็ น
ประโยค สอบไล่ก็ได้
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๗
๑.) วิชาแปลไทยเป็ นมคธ หลักสูตรใช้ หนังสือ ปฐมสมันตปาสาทิกาแปล – ทุติย
สมันตปาสาทิกาแปล
๒.) วิชาแปลมคธเป็ นไทย หลักสูตรใช้ หนังสือ ปฐม-ทุติยสมนฺตปาสาทิกา
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๘
๑.) วิชาแต่งฉันท์มคธ แต่งฉันท์เป็ นภาษามคธ ๓ ฉันท์ใน จานวน ๖ ฉันท์ คือ
(๑) ปั ฐยาวัตร (๒) อินทรวิเชียร
(๓) อุเปนทรวิเชียร (๔) อินทรวงศ์
(๕) วังสัฏฐะ (๖) วสันตดิลก
หมายเหตุ ข้ อความแล้ วแต่กรรมการจะกาหนดให้
๒.) วิชาแปลไทยเป็ นมคธ หลักสูตรใช้ หนังสือ ปฐมสมนฺต-ปาสาทิกา และวิสทุ ธิ
มรรคแปล
๓.) วิชาแปลมคธเป็ นไทย หลักสูตรใช้ หนังสือ วิสทุ ฺธิมคฺค
หลักสูตรเปรี ยญธรรม ประโยค ๙
๑.) วิชาแต่งไทยเป็ นมคธ แต่งมคธจากภาษาไทยล้ วนข้ อความแล้ วแต่กรรมการจะ
กาหนดให้
๒.) วิชาแปลไทยเป็ นมคธ หลักสูตรใช้ หนังสือ อภิธมั มัตถสังคหบาลี และ
อภิธมั มัตถวิภาวีนีฎีกา
๓.) วิชาแปลมคธเป็ นไทยหลักสูตรใช้ หนังสือ อภิธมฺมตฺถวิภาวินี
บาลีไวยกรณ์
วจีวภิ าค
อักขรวิธี
นาม
สมัญญาภิธาน
อัพพยยศัพท์
สนธิ
อาขยาต
กิตก์
สมาส
ตัทธิต
วจีวิภาค – ส่วน
แห่งคาพูด ๖ อย่าง
อักขรวิธี – อักษร
ในภาษาบาลี
(เรี ยนในหลักสูตร
เปรี ยญธรรม
ประโยค ๑-๒)
วากยสัมพันธ์
ว่ าด้ วยการสัมพันธ์
คาพูดในประโยค
(เรี ยนในหลักสูตร
เปรี ยญธรรม
ประโยค ๓)
ฉันทลักษณ์
ว่ าด้ วยการแต่ ง
ฉันท์
(เรี ยนในหลักสูตร
เปรี ยญธรรม
ประโยค ๘)
ศึกษาภาษาบาลีเพิ่มเติม ได้ ท่ ี
www.buddhabucha.net/pali