อ.แน็ต Phylum Cnidaria • สัต ว์หลายเซลล์ก ลุ่ม แรกที่ มีเ นื้อ เยื่ อ แท้จ ริ ง มีท่ อ อาหารและ ระบบประสาท สมมาตรแบบ radial symmetry •

Download Report

Transcript อ.แน็ต Phylum Cnidaria • สัต ว์หลายเซลล์ก ลุ่ม แรกที่ มีเ นื้อ เยื่ อ แท้จ ริ ง มีท่ อ อาหารและ ระบบประสาท สมมาตรแบบ radial symmetry •

อ.แน็ต
Phylum Cnidaria
• สัต ว์หลายเซลล์ก ลุ่ม แรกที่ มีเ นื้อ เยื่ อ แท้จ ริ ง มีท่ อ อาหารและ
ระบบประสาท สมมาตรแบบ radial symmetry
• มีเซลล์พิเศษชือ่ cnidocyte (knide = ทาให้ระคายเคือง
+ aria = เกี่ยวข้อง)
• เนือ้ เยื่อมี 2 ชัน้ คือ epidermis และ endodermis
คัน่ กลางด้วยชัน้ วุน้ (mesoglea)
• สัตว์กลุม่ แรกที่มรี ะบบประสาท (nerve net)
• ท่ออาหารเป็ นถุง มีโพรง gastrovascular cavity
ย่อยอาหาร
• รูปร่างแบบพื้นฐานมี 2 แบบคือ polyp และ medusa
• มากกว่า 95% อยูใ่ นทะเล
Radial symmetry
Oral disc
รูปร่าง
Cnidaria มีรปู ร่างพื้นฐาน 2 แบบคือ
•
•
•
•
Polypoid type
ทรงกระบอก โพรงกลางตัว
Oral disc มีชอ่ งปากอยูก่ งึ่ กลาง
hypostome คือเนือ้ รอบแว่นปาก โดยมี tentacle
เรียงตัวอยูท่ ี่ขอบ
• Basal disc เป็ นฐานยึดเกาะ
2. Medusoid type
• คล้ายร่มหรือถ้วยควา่
• ด้านนอกโค้งเรียก exumbrella
• ด้านในเว้าเข้าเรียก subumbrella
• กึง่ กลางมีงวงยื่นเรียก manubrium ตอนปลายเปิ ดเป็ น
ช่องปาก (oral)
• ขอบถ้วยมี tentacle ยื่นออกมา
Diploblastica
• มีเนือ้ เยื่อ 2 ชัน้ คือ epidermis และ endodermis
และมีชนั้ วุน้ mesoglea แทรกอยูร่ ะหว่างกลาง
• ในชัน้ epidermis และ endodermis มีเซลล์ชนิด
ต่างๆประกอบเข้าเป็ นเนือ้ เยื่อ ดังนี้
1. Epitheliomuscular cell
• เซลล์ทรงสูง เป็ นเซลล์สว่ นใหญ่ในชัน้ epidermis ส่วน
ในชัน้ endodermis เซลล์จะสูงกว่าและเรียกเซลล์นี้ว่า
nutritive cell
2. Interstitial cell
• เ ซ ล ล์ ข น า ด เ ล็ ก แ ท ร ก อ ยู่ บ ริ เ ว ณ ฐ า น ข อ ง
epitheliomuscular cell
• เป็ นเซลล์ที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็ นเซลล์ชนิดอื่ นๆได้เช่น
cnidocyte, sex cell เป็ นต้น
Gastrovascular
cavity
Nutritive cell
Mesoglea
Epitheliomuscular cell
Interstitial cell
Cnidocyte
3. Cnidocyte
•
•
•
•
•
เซลล์พิเศษมีหน้าที่ป้องกันตัวและจับอาหาร
เจริญมาจาก interstitial cell
เซลล์ทรงกลมหรือรี มีนวิ เคลียสที่ฐาน
Cnidocil คล้ายเดือย ใช้รบั สัมผัส
Nematocyst เป็ น organelle ที่เซลล์สร้างขึน้
ประกอบด้วย capsule มีฝาปิ ด (operculum) ภายใน
มีเส้นด้ายพิษ (thread) ขดอยู่
• Cnidocyte ที่หนวดมีการรวมกลุ่มเรียกว่า battery
ประกอบด้วยเซลล์ใหญ่ 1-4 เซลล์ ที่มเี ซลล์เล็กๆล้อมรอบ
Nematocyst
3.1 Penetrant
- ขนาดใหญ่ capsule รูปไข่
- ส่วนฐานของ nematocyst พองออก มีหนาม
เรียงเป็ นแถว 3 แถว
- ที่ nematocyst ก็มหี นามเรียงเป็ นเกลียว ปลาย
ด้ายเปิ ด
- ด้า ยพิ ษ แทงเข้า ตัว เหยื่ อ ปล่ อ ยสารพิ ษ ให้เ หยื่ อ เป็ น
อัมพาต
3.2 Volvent
- ขนาดเล็ก capsule รูปไข่
- ด้ายพิษพุ่งเข้าพันตัวเหยื่อ ปลายด้ายปิ ด ไม่มหี นาม บน
ด้าย
3.3 Glutinant
- capsule ยาว ปลายด้ายเปิ ด ไม่มหี นามบนด้าย ใช้
ยึด tentacle กับวัตถุเวลาเคลื่อนที่
• เมื่อพุ่งเข็มพิษไปแล้ว cnidocyte
จะไม่สร้าง
nematocyst
อีก แต่จะมีการปรับเปลี่ยน
interstitial cell เป็ น cnidocyte ใหม่
Glutinant
Volvent
Penetrant
4. Mucous-secreting cell
• ต่อมสร้างเมือก มีมากบริเวณ basal disc
• ใน endodermis มี enzymatic gland cell
สร้างนา้ ย่อย ปล่อยนา้ ย่อยออกมาย่อยอาหาร
5. Sensory and nerve cell
• Sensory cell ยาวตัง้ ฉากกับผิวชัน้ เนือ้ เยื่อ
เซลล์มแี ขนงแยกออก
ฐาน
• Nerve cell อยู่ที่ฐานของ epidermis
endodermis จะมีจานวนเซลล์นอ้ ย
ใน
โภชนาการ
- เป็ น carnivore ทางเดินอาหารไม่สมบูรณ์
- Tentacle ส่งอาหารเข้าปาก
- อาหารเข้าสู่ gastrovascular cavity มีเซลล์
ย่อยอาหาร
- การย่อยภายนอกเซลล์ มี enzymatic gland
cell สร้างนา้ ย่อยปล่อยมานอกเซลล์
- การย่อยภายในเซลล์ มี nutritive cell กินอาหาร
ที่ผา่ นการย่อยขัน้ ต้น
การขับถ่าย การหมุนเวียน การหายใจ
- ทางานโดยอาศัยหลักการของการแพร่ของสาร
- มีการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มคี วามเข้มข้นของสารมาก ไป
ยังบริเวณที่มคี วามเข้มข้นของสารน้อย
การสืบพันธุ์
1. Asexual reproduction โดยการแตกหน่อ
• polyp แตกหน่อเป็ น polyp ใหม่
• medusa แตกหน่อจาก polyp หรือจาก medusa
• การแตกหน่อที่ไม่หลุดไปจากตัวแม่ ทาให้เกิดการสร้างโคโลนี
การสืบพันธุ์
2. Sexual reproduction
• Cnidarian อาจมีเพศแยก หรือเป็ นกะเทย
• Gamete สร้างจาก interstitial cell
• ไฮโดรซัวส่วนใหญ่และไซโฟซัว สร้างเซลล์สืบพันธุใ์ นระยะเมดูซา
ส่วนแอนโทซัวสร้างเซลล์สืบพันธุจ์ ากเยื่อชัน้ ในของโพลิป
• การปฏิสนธิ อาจเกิดในตัวแม่หรือภายนอกในแหล่งนา้
• ไซโกตพัฒนาเป็ นตัวอ่อนระยะ planula ซึ่งเป็ นตัวอ่อนที่
ว่ายนา้ ได้ และเป็ นระยะที่หาพื้นที่ในการลงเกาะเพื่ อพัฒนาเป็ น
ระยะโพลิปต่อไป
• Metagenesis คือ การสืบพันธุแ์ บบสลับ
การจาแนกประเภท
• Cnidaria จาแนกออกเป็ น 4 class ดังนี้
1.
•
•
•
•
•
•
•
Class Hydrozoa (เรียกว่า hydroid)
ส่วนใหญ่พบในนา้ เค็ม ในนา้ จืดมีไม่เกิน 30 ชนิด
มีรปู ร่างได้ 2 แบบ สลับกันในวัฏจักรชีวิต
บางชนิดมีเฉพาะ polyp บางชนิดมีแต่ medusa
Mesoglea ชัน้ บางๆ ไม่มี cell
gamete เกิดจาก epidermis
Cnidocyte พบใน epidermis เท่านัน้
Hydromedusa มี velum เป็ นเยื่อบางด้านใน
Hydromedusa
• ขอบด้านในของถ้วยมี velum
• Gastrovascular cavity เป็ นท่อ 4 ท่อ แยก
จาก manubrium ตามแนว radial canal
• ปลาย radial canal เชื่อมต่อกันเป็ นท่อวงแหวน
(ring canal)
• Gonad 4 ก้อนจาก epidermis มีตาแหน่ง อยู่
ใต้ radial canal
• (Obelia ไม่มี velum)
• Hydrozoa แบ่งได้ 2 กลุม่ คือ
1. Solitary hydroid
Hydra
• มี ร ปู ร่ า งแบบโพลิ ป บางชนิด มี ส าหร่ า ย Chlorella
อาศัยในเนือ้ เยื่อด้วย
• สืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ โดยการแตกหน่อ (budding)
• แบบอาศัยเพศ พัฒนามาจาก interstitial cell
ในชัน้ epidermis
• การปฏิสนธิ เกิดขึน้ ทันทีเมือ่ ไข่ถกู ดันออกมาที่ผวิ นอก
• เอมบริโอระยะแกสตูลา พัฒนาเป็ นตัวเต็มวัยได้โดยตรง
1. Solitary hydroid
•
•
•
•
Gonionemus
อยูใ่ นทะเล มีโพลิปขนาดเล็กมาก เป็ นโพลิปเดีย่ ว เรียกว่า
สืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ โดยเกิดจากการบีบรัดของ
เนือ้ เยื่อด้านข้าง ได้หน่อที่เรียกว่า frustule
Frustule หลุดจากแม่แล้วเจริญเป็ น polyp ใหม่
โพลิปจะสร้างเมดูซา เกิดจาก gonophore ที่งอกจาก
ด้านข้างของ polyp
ซึ่งจะหลุดออกเป็ นอิสระและ
สืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ
2. Colonial hydroid
• มีระยะโพลิปสลับกับระยะเมดูซา
• เกิดจาก budding แต่หน่อไม่หลุดออกจากตัวแม่ จึง
แตกแขนงเกิดเป็ น colony แต่ละ colony จะสร้าง
gamete ได้เพศเดียว
Obelia
• อยูใ่ นทะเล มีขนาดเล็ก ลักษณะคล้ายพืช
• โครงสร้างของ colony มี 3 ส่วนคือ
1. Hydrorhiza เป็ นแขนงแผ่ออกคล้ายราก ใช้ยึดเกาะ
กับพื้นผิว เช่น ก้อนหิน ก้อนปะการัง
2. Hydrocaulus คือก้านที่ชจู าก hydrorhiza มี
การแตกกิ่งก้านแบบ arborescent
branch
เหมือนพืช
• coenosarc มีชีวิต คือชัน้ epidermis และ
gastrodermis
• perisarc เป็ นสาร chitin ที่ epidemis สร้าง
ขึน้ ไม่มชี วี ิต
3. Polyp มี 2 แบบคือ
- Hydranth
• ทาหน้าที่กินอาหาร คล้ายไฮดราขนาดเล็ก tentacle อยู่
รอบ hypostome; perisarc ที่หมุ้ hydranth
เรียกว่า hydrotheca
- Gonangium
• เป็ นที่เกิดของ medusa ประกอบด้วย blastostyle
ซึ่งเป็ นที่เกิดของ medusa bud โดยมี gonotheca หุม้
• ระยะ medusa ของ Obelia ไม่มี velum
Hydranth
Gonangium
ไม่มี velum
Physalia
• Hydroid ชนิด polymorphic colony
• Pneumatophore ไม่มี mesoglea ผนังด้านนอก
คือ exumbrella ด้านในคือ subumbrella โพรง
ภายในคือ coelenteron และมี gas gland สร้างแก๊ส
มีชอ่ งเปิ ดด้านบนเรียกว่า pneumatopore
• Coenosarc งอก polyp เป็ นกลุม่ (cormidia)
• Cormidia ประกอบด้วย polyp มากกว่า 2 ชนิด และ
มีหน้าที่แตกต่างกัน
• Cormidia แต่ละกลุม่ มีชนิดของ polyp ดังนี้
1. Dactylozooid
อยู่ดา้ นนอก cormidia
ทรงกระบอก ไม่มปี าก หนวด 1 เส้นยาวคล้ายริบบิ้น และมี
cnidocyte จานวนมากบนหนวด มี 2 ขนาดคือ
ขนาดใหญ่หนวดยาวมากอยู่ขอบนอก ขนาดเล็กอยู่ดา้ นใน
ใกล้กบั gonozooid
2. Gastrozooid ทรงกระบอกมีชอ่ งปากตรงปลาย
ไม่มหี นวด เกีย่ วข้องกับการกินอาหาร
3. Gonozooid แตกแขนงคล้ายพืช บนแขนงมี
medusa ของทัง้ 2 เพศ เกีย่ วข้องกับการสืบพันธุ์
Polyp
Porpita
• colony เป็ นทุน่ ลอยกลมแบน ไม่มี medusa
• ใต้ทน่ ุ กลมมี polyp 3 แบบคือ
- gastrozooid อยูต่ รงกลาง
- gonozooid อยูร่ อบ gastrozooid
- dactylozooid บริเวณขอบทุน่ ลอย
Class Scyphozoa
• อยูใ่ นทะเลทัง้ หมด
• รูปร่างหลักเป็ นแบบ medusa ตัวอ่อนจะพบระยะ
polyp
• Gamete สร้างจากชัน้ endodermis
• Scyphomedusa ไม่มี velum
• Cnidocyte พบอยู่ในชัน้ epidermis และ
gastrodermis
• Mesoglea เป็ นชัน้ หนา มีเซลล์แบบอะมีบา
Scyphomedusa
• scyphomedusa ไม่มี velum
• ขอบถ้วยหยักเป็ นพูเรียกว่า lappet
• ระหว่าง lappet
มีหนวดที่ลดขนาดลงเรี ยกว่ า
rhopalium
• Rhopalium เป็ นติ่งยื่นออกไป ภายในติ่งมีกลุ่ม เซลล์
ประสาทจานวนมาก ตอนปลายมี statocyst
• ถ้ามีหนวดที่ขอบถ้วย จะมีตงั้ แต่ 4 เส้น หรือจานวนทวีคณ
ู
ของ 4 โดยมี cnidocyte จานวนมาก
Rhopalium
Scyphomedusa
• manubrium ปรับเปลี่ยนเป็ นหนวดรอบปาก (oral
arm) โดยมี 4 หรือ 8 เส้น
• ทางเดินอาหารมี gastric pouch 4 ถุง
โดยมี
gastric filament ที่มไี นโดไซต์อยู่
• radial canal แตกแขนงออกจากถุงกระเพาะจานวนมาก
เนือ่ งจากขนาดตัวที่ใหญ่และไม่มรี ะบบหมุนเวียน จึงต้อง แตก
แขนงเพื่อส่งอาหารไปให้ถึงทุกส่วนของร่างกาย
• ไม่มี ring canal ยกเว้น Aurelia
• gonad สร้างจาก gastrodermis และอยู่ใน
gastric pouch
ระบบสืบพันธุ์
• ส่วนใหญ่แยกเพศ แต่ไม่สามารถดูได้จากลักษณะของ gonad
ต้องดูดว้ ยเซลล์สืบพันธุ์ (gamete cell)
• Gonad เกิดจากชัน้ endoderm
• ถ้ามีผนังกัน้ gastric pouch gonad จะอยู่สองด้าน
ของผนัง
• ถ้าไม่มผี นังกัน้ gastric pouch gonad อยู่ดา้ นใน
ของ gastric pouch เป็ นรูปเกือกม้า
• ส่วนใหญ่ปฏิสนธิภายนอก มักเกิดในฤดูรอ้ น
วัฏจักรชีวิตของแมงกะพรุน Aurelia
• ตัวอ่อนที่ปฏิสนธิแล้ว พัฒนาตัวเป็ นระยะ planula ว่ายนา้
เพื่อหาพื้นที่ในการลงเกาะ
• เมือ่ ลงเกาะแล้ว จะพัฒนาต่อเป็ นระยะ scyphistoma มี
รูปร่างแบบ polyp
• Scyphistoma
จะแบ่งตัวตามขวางเพื่อสร้างระยะ
medusa ตัวอ่อนระยะ scyphistoma ที่แบ่งตัวนี้
เรียกว่า strobila
• ระยะตัวอ่อนที่มรี ปู ร่างแบบ medusa เรียกว่า ephyra
• Ephyra เจริญเติบโตและพัฒนาเป็ นแมงกะพรุนตัวเต็มวัย
ต่อไป
Class Cubozoa
• รูปร่างหลักเป็ นแบบ medusa คล้ายกล่องสี่เหลี่ยมลูกบาศก์
(box jellyfish) ไม่มี velum
• mesoglea หนา มีเซลล์อยู่ มีหนวดยาวเดี่ยวหรือเป็ นกลุ่ม
อยู่ที่ ม ุม ทั้ ง สี่ ข องตัว ถ้ว ย
รูป ร่ า งคล้า ยแผ่ น ใบมี ด
(pedalium)
• อาศัยอยูใ่ นทะเลทัง้ หมด ไม่มสี ี และสามารถว่ายนา้ ได้ดี
• Nematocyst มีสารพิษที่รนุ แรงมาก
• เป็ นกลุม่ สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลังที่ทาให้คนตายมากที่สดุ ในโลก
Gonad
Pedalium
Tentacle
• แมงกะพรุนกล่อง แบ่งได้ 2 กลุม่ ใหญ่ ดังนี้
1. Chirodopid jellyfish
• มีหนวดเป็ นพู่ที่มมุ ทั้ง 4 ของขอบกระดิ่ง เข็มพิษพบ
เฉพาะที่หนวด
2. Carybdeid jellyfish
• มีหนวดเพียง 1 เส้นที่แต่ละมุมของขอบกระดิ่ง มีเข็มพิษ
ทัง้ ตัว
Class Anthozoa
• มีรปู ร่างแบบ polyp เดีย่ ว หรืออยูเ่ ป็ น colony
• ดารงชีวิตในทะเล ทัง้ ในบริเวณนา้ ตืน้ และนา้ ลึก และพบทัง้ ใน
แถบขัว้ โลกลงมาจนถึงเขตร้อน
• Gastrovascular cavity แบ่งเป็ นห้องๆ
• mesoglea มี amoeboid cell
• sex cell สร้างจาก gastrodermis
• ส่วนใหญ่มโี ครงร่างคา้ จุน บางชนิดสร้างโครงร่างแข็ง
• มีจานวนมากที่สดุ ในไฟลัม
• แบ่งเป็ น 3 กลุม่ ใหญ่ คือ
1. sea anemone (ดอกไม้ทะเล)
• โพลิปมีเส้นผ่านศูนย์กลางตัง้ แต่นอ้ ยกว่า 5 มม. ถึง 10 ซม.
แต่บางชนิดก็มขี นาดใหญ่กว่านี้
• อาศัยอยู่ตามชายฝั ่งทะเลทัว่ โลก โดยเฉพาะในแถบที่อากาศ
ค่อนข้างอุ่น
• ใช้แว่ นตีนยึ ด เกาะกับ สิ่ง ต่างๆในทะเล บางชนิด ฝั ง ตัว อยู่ใ น
โคลนตมหรือทราย
1. sea anemone (ดอกไม้ทะเล)
• เวลาถูก รบกวนดอกไม้ท ะเลจะหดตัว และดึ ง เอาหนวดและ
แว่นปากเข้าไปภายใน
• สืบพันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศแบบ pedal laceration
• ด อ ก ไ ม้ ท ะ เ ล มี เ พ ศ แ ย ก อ วั ย ว ะ สื บ พั น ธุ์ ส ร้ า ง จ า ก
gastrodermis
ที่ ผ นั ง กั้ น ภายในของ
gastrovascular cavity
2. ปะการัง zoantharia (stony coral)
• stony coral เป็ นปะการังที่กอ่ ให้เกิด coral reef
ซึ่งเป็ นระบบนิเวศที่มคี วามสวยงาม
• coral reef เกิดจาก hermatypic coral โดย มี
สาหร่าย zooxanthellae อาศัยร่วมด้วย ดังนัน้ นา้ ที่
ปะการังอาศัยอยูจ่ ะต้องใส
• สร้างโครงร่างแข็งพวก CaCO3
• ahermatypic
coral
เป็ นปะการังที่ไม่มี
zooxanthellae อาศัยอยู่ร่วมด้วย เป็ นปะการังในนา้ ลึก
แต่มบี างชนิดอาศัยอยูใ่ นนา้ ตืน้ ด้วย ไม่มสี ่วนในการสร้าง แนว
ปะการัง
3. ปะการังอัลไซโอนาเรียน (alcyonarian corals)
• มีหนวดจานวน 8 เส้น และหนวดแตกแขนงออกทางด้านข้าง
คล้ายขนนก (pinnate tentacle)
• mesoglea ที่บริเวณตอนล่างของโพลิปจะหนาขึน้ มาก
(coenenchyme) แล ะแ ผ่ น ออกทางด้ า นข้ า ง แล ะ
ด้านล่างต่อเนือ่ งกับโพลิปอื่น ผิวนอกเป็ น epidermis
• endoskeleton อาจเป็ น spicule หรือ spicule
ที่ ร วมตัว กัน หรื อ เป็ นสารโปรตี น แบบเขาสั ต ว์ (horny
protein) รวมตัวเป็ นโครงร่างภายใน
• ตัวอย่างเช่น soft coral, sea whip, sea fan,
sea pen