อุดมการณ์ทางการเมือง (Political Ideology)

Download Report

Transcript อุดมการณ์ทางการเมือง (Political Ideology)

อุดมการณ์ทางการเมือง
(Political Ideology)
อุดมการณ์ (Ideology)
คือ ศาสตร์แห่งความคิด
คาว่า “อุดมการณ์” มีน ักปราชญ์ร ัฐศาสตร์ เดอ ท็อคเคอวิลล์
(De Tocqueville) กล่าวว่า
ั
“หากปราศจากอุดมการณ์เสยี แล้ว สงคมมิ
อาจจะตงอยู
ั้
/
่
ื่ มน
เจริญเติบโตต่อไปได้ เหตุวา
่ เมือ
่ มนุษย์ไม่มค
ี วามเชอ
่ั
ร่วมก ันในความคิดอ ันใดอ ันหนึง่ มนุษย์ก็มอ
ิ าจดาเนินการ
ใดๆ ร่วมก ันได้ เมือ
่ ขาดพฤติกรรมด ังกล่าว มนุษย์ย ังคงมี
ั
อยู่ (ในโลก) แต่ปราศจากสงิ่ ทีร่ ก
ู ้ ันทีเ่ รียกว่า “สงคม
”
ความสาค ัญของอุดมการณ์
อุดมการณ์เป็นแรงจูงใจเป็นพล ังทีใ่ ห้เกิดการ
ั
กระทาในสงคม
ื่ ฟัง
 อุดมการณ์เป็นแรงดลใจให้มนุษย์เกิดการเชอ
ื่ มน
 อุดมการณ์เป็นล ักษณะของความเชอ
่ ั ทีม
่ ค
ี วาม
แน่นอนเป็นอ ันหนึง่ อ ันเดียว

“อุดมการณ์เป็นทงความยึ
ั้
ดถือ และพฤติกรรมทีม
่ ี
ความแน่นอน ซงึ่ จะมีความเกีย
่ วพ ันก ับหน่วยกาหนด
ั
นโยบายทางการเมือง โครงสร้างของอานาจสงคม
ั ันธ์ระหว่างกลุม
ความสมพ
่ อานาจ”
ความสาค ัญของอุดมการณ์
ความหมายเดิม
: “ศาสตร์ แห่ งความคิด” Science of Ideas
: อุดมการณ์ เป็ นรู ปแบบแห่ งความคิดบุคคลมี
ความเชื่ออย่ างแน่ นแฟ้น
: อุดมการณ์ เป็ นกลุ่มแห่ งความคิด ซึ่งกาหนด
ท่ าที/ทัศนคติ (Attitudes)
:
อุดมการณ์ เป็ นลักษณะแห่ งการนาไปปฏิบัติ
ความสาค ัญของอุดมการณ์
UNESCO อธิบายความหมาย “อุดมการณ์ ” ว่ า
รูปแบบของความเชื่อและแนวความคิด (Concept)
ทัง้ ส่ วนเกี่ยวกับข้ อเท็จจริง รวมทัง้ การประเมินค่ าว่ า ดี/ไม่ ดี
ควร/ไม่ ควร ซึ่งจะช่ วยอธิบายปรากฏการณ์ ทางสังคม
ลิขิต ธีรเวคิน ให้ ความหมาย “อุดมการณ์ ” ว่ า
ลัทธิทางการเมืองที่อธิบายถึงความเป็ นมาของระบบ
สังคมมนุษย์ ในอดีต สภาพความเป็ นอยู่ในปั จจุบนั และ
แนวโน้ มอนาคต วางแนวทางประพฤติปฏิบัตสิ าหรับสมาชิก
ในปั จจุบัน
อุดมการณ์การเมือง
ื่ ทีม
1. ความคิด/ความเชอ
่ แ
ี บบแผนเกีย
่ วก ับหล ักการและ
ั
้ ในสงคม
คุณค่าทางการเมืองทีเ่ กิดขึน
2. วิถช
ี วี ต
ิ ทางการเมืองโดยมุง
่ หมายกาหนดกฎเกณฑ์
ต่างๆ ทางการเมืองและการปกครอง อธิบายและเสนอแนะ
แนวทางแก้ไข
ื่ ฟังและปฏิบ ัติตาม เป็นการยอมร ับว่าสงิ่ ต่างๆ ที่
3.การเชอ
้ มาเป็นสงิ่ ดี/ถูกต้อง/นาไปประยุกต์ใช ้
อุดมการณ์กาหนดขึน
4. แหล่งทีท
่ าให้เกิดการเห็นพ้องก ันภายในร ัฐ มนุษย์ใน
ชุมชนยึดถือสงิ่ ต่างๆ ทีป
่ รากฏในอุดมการณ์วา
่ ถูกต้องจะ
ผล ักด ันให้เห็นพ้องในหล ักการ ความมุง
่ หมาย กระบวนการ
ผลปฏิบ ัติ
5. กลไกการควบคุม ภายหล ังเห็นพ้องตรงก ันในหล ักการ
จุดมุง
่ หมายหรือกระบวนการ ฯลฯ แล้วมนุษย์ยอ
่ มต้องการให้
บรรลุผลตามอุดมการณ์
ประโยชน์ของอุดมการณ์
1) การนาอุดมการณ์มาใชเ้ พือ
่ ปกครองและ
รวมกลุม
่ คนเข้าด้วยก ัน
้ ด
ั งคน
2) การใชอ
ุ มการณ์เพือ
่ ประโยชน์ชกจู
ี สละเพือ
ให้เสย
่ เป้าหมายร่วม
้ ด
3) การใชอ
ุ มการณ์เพือ
่ การขยายอานาจ
ของร ัฐบาล
ล ัทธิทางการเมือง
ิ ต์
- ฟาสซส
- นาซ ี
ิ ม์/
- มาร์กซส
คอมมิวนิสต์
ั
- สงคมนิ
ยม
- เสรีนย
ิ ม
- อนุร ักษ์นย
ิ ม
- ชาตินย
ิ ม
- อนาธิปไตย
- ประชาธิปไตย
ประเภทล ัทธิทางการเมือง
1. ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ทาให้เสรีภาพบุคคลสาค ัญน้อยลง

ิ ต์ (Fascism)
ล ัทธิฟาสซส

ล ัทธินาซ ี (Nazism)

ิ ต์ (Marxism) คอมมิวนิสต์
ล ัทธิมาร์กซส
(Communism)
ประเภทล ัทธิทางการเมือง
2. ล ท
ั ธิท างการเมือ งเน้น เสรีภ าพบุ ค คล /นิย ม
เสรีภาพ : อานาจร ัฐมีไม่มาก มีขอบเขตจาก ัด
แต่เสรีภาพบุคคลสาค ัญมาก

ล ัทธิเสรีนย
ิ ม (Liberalism)

ล ัทธิประชาธิปไตย (Democracy)


ั
ล ัทธิสงคมนิ
ยมประชาธิปไตย (Democratic
Socialism)
ล ัทธิอนุร ักษ์นย
ิ ม (Conservatism)
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ิ ต์ (Fascism)
ล ัทธิฟาสซส
ั นานิยมแบบใหม่ทม
ิ ต์เป็นศกดิ
ล ัทธิฟาสซส
ี่ รี ากฐานล ัทธิ
ั นาเดิม โดยระบบเผด็จการเกิดขึน
้ ศตวรรษที่ 20 โดยมี
ศกดิ
ล ักษณะ
้ านาจแบบเบ็ดเสร็จ
- ชาตินย
ิ ม
-ใชอ
- ทหารนิยม
“Fasces” ภาษาละติน = ม ัดของแขนงไม้
ั
สญล
ักษณ์ : ความเป็นอ ันหนึง่ อ ันเดียวก ัน
–
: อานาจ
ื่ ฟังในสม ัยโรม ันโบราณ
–
: ความเชอ
ั ันธ์ใกล้ชด
ิ
“Fascio” ภาษาอิตาเลียน ม ัด = ความสมพ
(กลุม
่ /ขบวนการ)
ความหมายทหารโรม ัน
ิ ต์ (Fascism)
ล ัทธิฟาสซส
ิ ต์บช
ล ัทธิฟาสซส
ู าชาติ ร ัฐ จิตสมบูรณ์ (พระเจ้า) ลด
ความสาค ัญเอกชน/ไม่น ับถือมนุษย์ ยึดถือนามธรรมร่วม
ื้ ชาติ ร ัฐ และผูน
(พระเจ้า จิต ชาติ เชอ
้ า) มากกว่าสภาพ
ความเป็นอยูแ
่ ท้จริงมนุษย์
ความเป็นมา
: ความคิดจิตนิยม (Idealism Geong Wilhelm
Friedrich Hegel, 1770-1831) แพร่หลาย
: ภายหล ัง WW.I ระบบประชาธิปไตยในประเทศอิตาลี
ิ ต์มบ
และเยอรม ันล้มเหลว ระบบฟาสซส
ี ทบาทสาค ัญแทนที่
โดยได้ร ับการสน ับสนุน
ั้
- ชนชนกลาง
ั้ ง (น ักอุตสาหกรรม)
- ชนชนสู
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
: ระหว่างนน
ั้ Giovanni Gentile 1875-1944 และ
ิ ต์
Alfredo Rocco 1875-1935 พ ัฒนาล ัทธิฟาสซส
ิ ต์ = ระบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ
ล ัทธิฟาสซส
้ ฐานความคิด
พืน
- ประชาชนไม่มค
ี วามสามารถ ขาดความรูแ
้ ละมีอารมณ์
แปรปรวน ปกครองตนเองไม่ได้
ั้ า (elite) ทีม
- ประชาชนต้องถูกปกครองโดยกลุม
่ ชนชนน
่ ี
คุณล ักษณะสูงกว่ามวลชนทว่ ั ไป มีความสามารถ สติปญ
ั ญา
กาล ังใจและจริยธรรม
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
- ประเทศทีป
่ ระชาชนไม่มป
ี ระสบการณ์แบบประชาธิปไตย
ปกครองระบบเผด็จการอานาจนิยม
- ประเทศทีป
่ ระชาชนมีประสบการณ์แบบประชาธิปไตย
บ้าง ปกครองระบบเผด็จการเบ็ดเสร็จ
ิ ต์
Benito Mussolini 1883-1945 ได้ตงพรรคฟาสซ
ั้
ส
1922 นาแนวคิด Hegel เป็นแกนปร ัชญาพรรค พ ัฒนาเป็น
ิ ต์ โดยประยุกต์ แก้สถานการณ์เศรษฐกิจ บ ังค ับ
ล ัทธิฟาสซส
ั ในชาติ
ให้เกิดสาม ัคคีและสนติ
ยุตน
ิ ัดหยุดงานและการต่อสูร้ ะหว่างแรงงานก ับนายจ้าง
ื่ มลงเพราะอิตาลีและเยอรม ัน
ภายหล ัง W.W.I ล ัทธิเสอ
ิ ต์ย ังคงอิทธิพลต่อประเทศด้อย/กาล ัง
แพ้ แต่ล ัทธิฟาสซส
พ ัฒนา
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ิ ต์
สาระสาค ัญของล ัทธิฟาสซส
ื่ โดยไม่คานึงถึงเหตุผล สง่ ั สอน
1. ต้องการให้บค
ุ คลเชอ
ื่ งมงาย
โน้มนาให้เชอ
–
ยึดถือ - ชาติและผูน
้ า
–
- จงร ักภ ักดีและผูกพ ันต่อระบบการปกครอง
–
ทาให้ - ประชาชนเป็นกลไกการปกครอง
ิ ธิบางประการถูกจาก ัด
- สท
- ร ักษาความมน
่ ั คงและปลอดภ ัยชาติ
ื่ ฟังและปฏิบ ัติตาม
- ประชาชนต้องเชอ
อย่างเคร่งคร ัด
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
2. มนุษย์มค
ี วามไม่เท่าเทียมก ัน ตามสภาพความเป็น
จริงมนุษย์ไม่เท่าเทียมก ัน - ร่างกายและพฤติกรรม
ื่ แบบประชาธิปไตยถึงความเท่าเทียมก ันผิด
ความเชอ
ชายสูงกว่าหญิง ทหารสูงกว่าพลเรือน ชาติเหนือเอกชน
้ ัดสน
ิ ฐานะเหนือกว่า = อานาจ
มาตรฐานทีถ
่ ก
ู มาใชต
ื่ :
3. พฤติกรรมนิยมความรุนแรงและโฆษณาชวนเชอ
ั
การแบ่งในสงคมมี
2 ประเภท
- เพือ
่ น (Friend)
ั (Enemy)
- ศตรู
ั ทงหมด
บุคคลใดไม่ใชเ่ พือ
่ น = ศตรู
ั้
ั ตอ
ศตรู
้ งถูกทาลายหมดทงในและนอกประเทศ
ั้
ทาให้
้ าล ังรุนแรง
เกิดสถาบ ันของการใชก
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั้ า : ผูน
ั้
4. ร ัฐบาลโดยชนชนน
้ าประเทศ/ร ัฐบาลเป็นชนชน
นากลุม
่ น้อยทีเ่ ลือกสรรแล้ว
- ผูท
้ ม
ี่ ค
ี วามสามารถ ฝึ กฝนเป็นโดยเฉพาะ
ั
- ชนกลุม
่ น้อยฐานะสูงในสงคม
- ทราบความต้องการและสนองความต้องการชุมชนได้
สร้างฐานะตนเอง
ั้ น
ชนชนผู
้ าต้องผูกขาดอานาจ ผูท
้ ม
ี่ ค
ี วามสามารถ : การ
กระทาถูกต้องเสมอ
5. การปกครองแบบเบ็ดเสร็จ : อานาจเด็ดขาดเป็นอานาจ
สูงสุดครอบคลุมชวี ต
ิ ประชาชนในชาติ กิจการ/ระบบทุก
อย่างอยูภ
่ ายใต้ร ัฐควบคุม
ิ ธิสตรีตอ
- สท
้ งถูกกาจ ัด
- อานาจ + ความรุนแรงเป็นเครือ
่ งมือควบคุมในการ
ปกครองประเทศ
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั้ าการปกครองตาม
ื้ ชาติ : ชนชนน
6. ความนิยมเชอ
ั้ น
อุดมการณ์ ผูท
้ ม
ี่ ฐ
ี านะเหนือชนชนอื
่
ั้ ามีอานาจบ ังค ับให้ผอ
- ชนชนน
ู้ น
ื่ ยอมร ับและนาเอา
เจตนารมณ์ตนไปปฏิบ ัติ
ั้ าเป็นบุคคลทีเ่ ชอ
ื้ สายบริสท
- ชนชนน
ุ ธิ์ ความสามารถ
พิเศษ
ั้ าเป็นประเทศมหาอานาจฐานะ
- ประเทศทีม
่ ช
ี นชนน
เหนือกว่าประเทศอืน
่
ื่ เสย
ี งเผ่าพ ันธุแ
- ผูน
้ าจะต้องเพิม
่ ฐานะ อานาจและชอ
์ ละ
ขยายเผ่าพ ันธุท
์ ว่ ั โลก
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
7. ความไม่เห็นด้วยก ับกฎหมายและพฤติกรรมระหว่าง
ประเทศ :
- รากฐานความไม่เท่าเทียมก ันระหว่างประเทศ ความ
ื้ ชาตินย
รุนแรงและเชอ
ิ ม
- จ ักรวรรดินย
ิ มและสงครามทงหมดเป
ั้
็ นหล ักการและ
เครือ
่ งมือร ัฐ เน้น สงครามและอุดมคติ
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ล ัทธินาซ ี (Nazism)
ั
ื่ ย่อในภาษาเยอรม ันของพรรคสงคม
Nazism เป็นชอ
ชาตินย
ิ มคนงานเยอรม ัน (National Socialist German
Worker Party)
่ งชงิ
้ 1919 ถูก Adolf Hitler 1889-1945 ชว
ตงขึ
ั้ น
ิ ต์รน
เป็นห ัวหน้าพรรค 1921 : Nazism เป็นล ัทธิฟาสซส
ุ แรง
ความเป็นมา
ั
้ เพือ
ระบอบเผด็จการทีต
่ งขึ
ั้ น
่ สนธิสญญาแวร์
ซายน์
ื้ ชาติ
แนวคิดเด่น Nazism : เชอ
ั
สงคมกว้
าหน้าเกิดจากการต่อสูเ้ ลือกผูเ้ หมาะสมให้ม ี
ชวี ต
ิ อยู่ อารย ัน (Aryan) เหมาะทีส
่ ด
ุ
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
สาระสาค ัญของล ัทธินาซ ี
1. การกาจ ัดแนวคิดปัจเจกชนนิยมสว ัสดิภาพของชาติ
สาค ัญกว่าประชาชน
2. การกาจ ัดแนวคิดทางประชาธิปไตย ผูน
้ าร ัฐเป็นคน
เข้มแข็ง มีระเบียบวิน ัย
3. การกาจ ัดแนวคิดความเสมอภาคมนุษย์โดยธรรมชาติ
ธรรมชาติสร้างมนุษย์แตกต่างก ัน
4. การกาจ ัดเหตุผลมนุษย์ อุดมคติ จินตนาการสาค ัญ
มากกว่า
5. หล ักความภ ักดีตอ
่ ชาติบค
ุ คลเป็นประโยชน์ตอ
่ ร ัฐและ
ั
สงคมต้
องเข้าใจเจตนารมณ์ของชาติ
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
สาระสาค ัญของล ัทธินาซ ี
6. หล ักการเหยียดผิว เผ่าพ ันธุเ์ ยอรม ันเป็นชาติเจริญ
7. หล ักการบุคคลความสามารถบุคคลเกิดโดยกาเนิด
8. อานาจสาค ัญสุดอานาจเป็นแนวทาง (Means) สู่
ปลายทาง (Ends)
้ื ชาติสายโลหิตและเชอ
้ื ชาติสาค ัญ
9. ความสาค ัญเชอ
สร้างว ัฒนธรรม ร ักษาว ัฒนธรรมและทาลายว ัฒนธรรม
10. หล ักจ ักรวรรดินย
ิ มยกย่องการขยายดินแดน จาเป็น
แก่ร ัฐ “สงคราม”
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ิ ม์ (Marxism)
ล ัทธิมาร์กซส
ั
ล ัทธิสงคม
Socialism /คอมมิวนิสต์Communist :
บุคคลสาค ัญ :Karl Marx (1818-1883) เป็นล ัทธิการ
ั
ั
ื่ ว่ามนุษย์จะมีความสุขในสงคม
เมือง เศรษฐกิจ สงคม
เชอ
อย่างเต็มทีด
่ ว้ ยการล้มเลิก






ิ ธิใ์ นทร ัพย์สน
ิ ของบุคคล
กรรมสท
ั้
ชนชน
ั
ฐานะทางสงคม
ั
สถาบ ันทางสงคม
ื่ ทางศาสนา
ความเชอ
ร ัฐและการปกครอง
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ี
มนุษย์จะได้ร ับบริการและว ัตถุจาเป็นต่างๆ ในการย ังชพ
โดยเท่าเทียมก ัน
ั
้ รงแรกเป
คาว่า “ สงคมนิ
ยม” (Socialism) ถูกใชค
ั้
็น
ภาษา ฝรง่ ั เศส วารสาร Le Globe โดย Pierre Lerou
ี อง
บรรณาธิการ ก.พ. ปี 1832 หมายถึง ล ัทธิของแซงต์ซม
(Claude-Henri de Rouvroy de Saint Simon-1760-1825)
้ าว่า “ น ักสงคมนิ
ั
แต่ประมาณปี 1827 มีการใชค
ยม”
(Socialist) ในวารสารสหกรณ์ (Co-operative Magazine)
ของ Robert Owen (1771-1858) หมายถึง ผูย
้ ด
ึ ถือล ัทธิ
สหกรณ์ของ Owen
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ความหมาย : “ สงคมนิ
ยม” (Socialism)
1. คา “ Sociare” ภาษาละตินแปลว่า รวม (Combine)/
ั
ร่วมก ัน (Share) สงคมนิ
ยม หมายถึง การจ ัดกิจกรรมของ
มนุษย์ทม
ี่ ก
ี ารรวม/ร่วมก ันอยูเ่ สมอ
2. คา “ Sociare” ภาษายุคโรม ันและยุคกลางแปลว่า
ความเป็นเพือ
่ น (Companionship) /สหาย (Fellowship)
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
กาเนิด คาว่า “สงคม”
(Social /Society) ความหมาย
แตกต่างก ันระหว่าง
้ านาจบ ังค ับมากกว่า
“ร ัฐ” (State) การรวมโดยมีการใชอ
สม ัครใจ
ั
ั
“สงคม”
(Social /Society) การทาสญญาก
ันด้วยความ
สม ัครใจของคนทีเ่ ป็นเสรีชน
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
พ ัฒนาการล ัทธิสงคมนิ
ยม/คอมมิวนิสต์
ั
1. สงคมนิ
ยมยูโทเปี ย (Utopian Socialism) ตงแต่
ั้
W
นโปเลียน-การปฎิว ัติปี 1848
ั
2. สงคมนิ
ยมแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Socialism)
ั
ิ ม์ (Marxism) แนวทางเปลีย
หรือล ัทธิมาร์ซส
่ นแปลงสงคม
ผ่านร ัฐสภาแบบวิว ัฒนาการ
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
พ ัฒนาการล ัทธิสงคมนิ
ยม/คอมมิวนิสต์
ั
์ ม ัยใหม่ (Modern Marxism)
3. สงคมล
ัทธิมาร์กซส
์ อกประเทศคอมมิวนิสต์/สงคมนิ
ั
การพ ัฒนาล ัทธิมาร์กซน
ยม
ยุโรปตะว ันตกและอเมริกาเหนือ
ั
4. ประชาธิปไตยแนวสงคมนิ
ยม (Social Democracy)
ั
การผสมผสานหล ักการหลายอุดมการณ์ สงคมนิ
ยม เสรีนย
ิ ม
หรืออนุร ักษ์ ภายหล ัง WW II
้ ฐาน
แนวคิดพืน
Marxists School น ักคิดกลุม
่ ทฤษฎีนม
ี้ องการ
พ ัฒนาของทุนนิยมโลก แบ่งเป็น 2 กลุม
่ คือ
1. Classical Marxists อธิบายว่า น ักเศรษฐศาสตร์
ทุนนิยมกล่าวว่า “เศรษฐกิจแบบทุนนิยม” เป็นระบบของการ
แข่งข ันอย่างเสรีทงรู
ั้ ปแบบการลงทุน การผลิต ค่าจ้างแรงงาน
และผูป
้ ระกอบการจะนาผลกาไรขยายงาน
การขยายต ัวระบบทุนนิยมทาให้เกิดความต้องการ
้ ร ัพยากรธรรมชาติ มีการพ ัฒนา หรือหาวิธก
ในการใชท
ี าร
ผลิตและแหล่งตลาดใหม่ๆ
ข้อเท็จจริง :
- ผูป
้ ระกอบการทีม
่ ท
ี น
ุ มากทีส
่ ด
ุ จะเป็นผูอ
้ ยูร่ อด และทา
กาไรสูงสุด เพราะการแข่งข ันต้องมีผแ
ู ้ พ้และผูช
้ นะ
- ผูป
้ ระกอบการหรือคูแ
่ ข่งทีม
่ ข
ี นาดเล็กหรือทุนน้อยจะถูก
กาจ ัดออกไปจากระบบเศรษฐกิจ
- การดาเนินการจะคานึงถึงต้นทุนและค่าจ้างแรงงานทีใ่ ห้
ตา
่ ทีส
่ ด
ุ
ั้ และ
่ วามข ัดแย้งระหว่างชนชน
สถานการณ์จะนาไปสูค
ั
ั
ั
่ งคมแบบส
ผล ักด ันให้สงคมปร
ับเปลีย
่ นไปสูส
งคมนิ
ยม
แนวคิดเชงิ Classical Marxists ฐาน
ความคิดแตกต่างก ัน 2 น ัย คือ
1.1) แนวคิดของ Karl Marx มองว่า ความคิด
เชงิ อุดมคติแบบทุนนิยม ไม่ตอ
้ งการทีจ
่ ะแสวงหา
ดินแดนหรืออาณาจ ักรอ ันเป็นบริวาร แม้วา
่ ร ัฐหรือ
้ ทีท
้ ะเป็นพืน
ดินแดนเหล่านีจ
่ ไี่ ม่สามารถทากาไรให้
ั ันธ์ทม
ทงนี
ั้ ้ เพราะความสมพ
ี่ ก
ี ับทุนนิยมภายนอก
ื่ กลางทีน
่ ะบบ
หรือทุนนิยมสากลจะเป็นกลไกหรือเป็นสอ
่ าไปสูร
ั
เศรษฐกิจเพือ
่ การค้า (Trade Economy) แต่ละร ัฐหรือสงคม
ั
ไม่จาเป็นต้องเปลีย
่ นแปลงรูปแบบสงคมตนเอง
จึงจะเข้าสู่
ตลาดโลก
1.2) แนวคิดของ Nikolai Bukharin และ
Vladimir Lenin มองว่า ระบบทุนนิยมเป็นผลพวง
ทีเ่ กิดจากพ ัฒนาการของ “ระบบจ ักรวรรดินย
ิ ม”
(Imperialism)
เมือ
่ พิจารณาสภาพต่างๆ ระด ับนานาชาติ
้ รือการ
(Internationalization) พบว่า การต่อสูห
แข่งข ันของนายทุนย ังคงดาเนินอยูต
่ อ
่ ไป และจะ
พ ัฒนาไปสูร่ ะบบทุนนิยมข้ามชาติตามมา
ื่ ว่า“ประเทศทีพ
ฐานแนวคิดเชอ
่ ัฒนาแล้วจะเข้าครอบงา
ประเทศทีด
่ อ
้ ยพ ัฒนา”
“การเข้าครอบงา” จะครอบคลุมรวมถึงดินแดน ระบบ
การเมือง การทหาร รูปแบบทางเศรษฐกิจและอืน
่ เพือ
่ ให้เป็น
ั
สงคมประเทศที
จ
่ ะต้องร ับใชร้ ะบบ ตลอดจนเป็นจ ักรวรรดิรว
่ ม
สงคราม
นอกจากนี้ กลุม
่ น ักคิดย ังคาดการณ์วา
่ “การแข่งข ันก ัน
่ าวะสงคราม
ระหว่างจ ักรวรรดินย
ิ มด้วยก ันเอง” จะนาไปสูภ
อย่างหลีกหนีไม่พน
้
ิ ค้าสง
่ ออกเป็นเงือ
“สน
่ นไขสาค ัญของการสร้างทุน”
ิ ค้าสง
่ ออก จะเป็นเงือ
สน
่ นไขสาค ัญในการเร่งร ัดการ
พ ัฒนาประเทศด้อยพ ัฒนา และกระบวนการระบบเศรษฐกิจ
ของประเทศทีพ
่ ัฒนา
้ รงงานในภาคการผลิตของระบบ
- กรรมกรหรือผูใ้ ชแ
จ ักรวรรดินย
ิ มศูนย์กลาง ได้ร ับผลประโยชน์จากความสาเร็จ
ี่ งน้อย/ ได้ร ับผลกระทบ
ของการพ ัฒนาประเทศทีม
่ ค
ี วามเสย
ทางลบทีม
่ ข
ี อบเขตจาก ัด
้ รงงานในภาคการผลิตของระบบ
- กรรมกรหรือผูใ้ ชแ
ี่ ง
จ ักรวรรดินย
ิ มบริวาร จะถูกเอาร ัดเอาเปรียบและมีความเสย
่ งว่างอย่างมาก
บนความเติบโตทางเศรษฐกิจทีม
่ ช
ี อ
2. Political Economy School มองพ ัฒนาการ
ของทุนนิยมว่า “เป็นพ ัฒนาการของระบบ และกระบวนการเอา
ั
ร ัดเอาเปรียบโดยการขูดรีดผลประโยชน์จากสงคมหนึ
ง่ ไปสู่
ั
อีกสงคมหนึ
ง่ กล่าวคือ
: ความเจริญเติบโตของประเทศหนึง่ ๆ หรือประเทศที่
พ ัฒนาเกิดจากการเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ทเี่ อาเปรียบ
ประเทศด้อยพ ัฒนา โดยผ่านกระบวนการพ ัฒนา ทาให้สภาพ
ของการพ ัฒนาเป็น “การพ ัฒนาภาวะความด้อยพ ัฒนา “
(Development of underdevelopment)
35
กลุม
่ น ักคิด Political Economy School ประกอบด้วย
ื่ เสย
ี ง เชน
่
น ักคิดและน ักวิชาการหลายคนทีม
่ ช
ี อ
- Baran
- Amin
- Wallerstein
- Emmanual
- Frank
- อืน
่ ๆ
Paul Baran มีแนวคิดว่า โลกของระบบเศรษฐกิจมี 2
่ น คือ
สว
• ประเทศทุนนิยมทีก
่ า้ วหน้า
• ประเทศด้อยพ ัฒนา
36
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
พ ัฒนาการสงคม
ั
ั นา
สงคมเดิ
มบกพร่อง : ระบบทาส นายทุน ศกดิ
เป็นยุคการกดขี่ โดยผูท
้ ม
ี่ ฐ
ี านะสูงกว่าปฏิบ ัติตอ
่ ผูท
้ ม
ี่ ฐ
ี านะตา
่
้ ละปฎิว ัติ
กว่า ไม่เห็นข้อบกพร่องตนเอง ชว่ ั ร้าย ต้องต่อสูแ

ั
ั้
ี มี
สงคมนิ
ยม : การปกครองทีช
่ นชนกรรมมาช
พ
ั้
ี
อานาจอย่างสมบูรณ์ เผด็จการโดยชนชนกรรมาช
พ

Marx ถือว่า การไม่มก
ี ารกดขี่ การเอาร ัดเอาเปรียบ
ั้
้ รงงาน สงคมไม่
ั
ั้ พร้อมจะ
ร ัฐบาลเป็นของชนชนใช
แ
มช
ี นชน
ั
เป็นสงคมคอมมิ
วนิสต์ในอนาคต
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ั
ั้ างๆ
สงคมคอมมิ
วนิสต์ : สงคมที
ป
่ ราศจากชนชนต่
บุคคลสมบูรณ์เต็มทีทงความสามารถ
ั้
ความสานึกร ับผิดชอบ
ั ันธ์ตอ
และความสมพ
่ ก ัน ไม่จาเป็นต้องมีร ัฐ/อานาจร ัฐ ไม่
จาเป็นต้องมีกฎหมาย

มนุษย์ไม่มก
ี ารเบียดเบียน กดขีข
่ ม
่ เหงก ันและก ัน
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ั
Engels : ยืนย ันการแบ่งสงคมนิ
ยมเป็น 2 ระยะ
1. ยุคก่อนหน้าผลงานของ Marx & Engels คือก่อน
1848 ตงแต่
ั้
สงครามนโปเลียน-การปฎิว ัติฝรง่ ั เศสปี 1848
ั
สงคมนิ
ยมยูโทเปี ย (Utopian Socialism)
2. ยุคหล ังผลงานของ Marx & Engels คือ ตงแต่
ั้
การ
ประกาศ “The Communist Manifesto = ถ้อยแถลงแห่ง
ั
คอมมิวนิสต์” หรือ สงคมนิ
ยมแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific
Socialism)
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ั
้ ฐานสงคมนิ
หล ักการองค์ประกอบพืน
ยม 7 ประการ
ั
1. ชุมชน (Community) สงคมนิ
ยมให้ความสาค ัญก ับ
่ นรวมมากกว่าปัจเจกบุคคล
ชุมชน หรือสว
การกระทามนุษย์ทม
ี่ ค
ี วามสาค ัญและมีความหมาย
เมือ
่ เป็น “การกระทาแบบรวมหมู”่ (Collective Action)
ั
พล ังสงคมสามารถท
าให้บค
ุ คลเปลีย
่ น ไม่เหมือนเสรีนย
ิ ม
แยกจากก ัน
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
2. ภราดรภาพ (Fraternity) ความเป็นพีน
่ อ
้ งก ันของ
้ ฐานความเป็นมนุษย์รว
มนุษย์ พืน
่ มก ัน :
- ความเป็นสหาย (Comradeship) มากกว่าต่อสู ้
่ ยเหลือก ัน (Cooperation) มากกว่า
- ความชว
แข่งข ัน (Competition)
่ นรวม (Collectivism) มากกว่าสว
่ นต ัว
- การมุง
่ สว
(Individualism)
่ นรวม
การร่วมมือสร้างความสุขแก่สว
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ั
3. ความเสมอภาคทางสงคม
(Social Equality) สาค ัญ
มากกว่าหล ักการอืน
่ :
1. ความเสมอภาคทางการเมือง
2. ความเสมอภาคต่อการปฏิบ ัติของกฎหมาย
ั
3. ความเสมอภาคในโอกาสสงคม
4. ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ
ั
5. ความเสมอภาคทางสงคม
ั
เน้น ความเสมอภาคทางสงคมและเศรษฐกิ
จ (Social
and Economic Equality) เป็นความเสมอภาคทางผลล ัพท์
(Equality of Outcome)
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ั
ความเสมอภาคทางสงคม
(Social Equality)
ิ ธิ
1. ความเสมอภาคทางการเมือง บุคคลทุกคนมีสท
ทีจ
่ ะเข้าร่วมในกิจกรรมการเมืองเท่าๆ ก ัน
2. ความเสมอภาคต่อการปฏิบ ัติของกฎหมาย ทุกคน
ต้องได้ร ับการปฏิบ ัติดว้ ยกฎหมายอย่างเสมอภาคก ัน โดย
ได้ร ับการคุม
้ ครองจากกฎหมายโดยเท่าเทียมก ัน
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
3. ความเสมอภาคในโอกาส สงคมต้
องเปิ ดโอกาส
้ วามสามารถ แสวงหาความ
ให้ทก
ุ คนท ัดเทียมก ันทงการใช
ั้
ค
ั
เจริญก้าวหน้า เลือ
่ นสถานะทางเศรษฐกิจและสงคม
ิ ธิตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิง่ โอกาสการร ับบริการตามสท
4. ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ สภาพของทุกคนมี
ความใกล้เคียงก ันในฐานะทางเศรษฐกิจทีก
่ ระจายรายได้
(Income Distribution) และผลประโยชน์สาธารณะอย่าง
ั้
่ งว่างระหว่างชนชน
เป็นธรรมเพือ
่ มิให้ชอ
ั
5. ความเสมอภาคทางสงคม
คนทุกคนจะต้องได้ร ับ
ั ศ
การเคารพว่า ความเป็นคนอย่างมีศกดิ
์ รีเท่าเทียมก ันใน
ิ ธิ/เสรีภาพ
ฐานะเกิดมนุษย์รว
่ มโลกเดียวก ันสท
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ั
4. ความจาเป็น (Needs) สงคมเรี
ยกร้องจากบุคคล
ั
ตามความสามารถ สงคมจะตอบแทนแต่
ละบุคคลตามความ
จาเป็นของมนุษย์ :
่ นรวมอย่างเต็มทีต
อุดมคติบค
ุ คลทางานให้แก่สว
่ าม
ั
ความสามารถ สงคมจะตอบแทนให้
แก่แต่ละบุคคลตาม
ต้องการ
ความต้องการของบุคคล = ความจาเป็น
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ั้
ั
ั
5.ชนชนทางส
งคม
(Social Class) น ักสงคมนิ
ยมให้
ั
ั้
ความสาค ัญก ับการวิเคราะห์สงคมด้
วยชนชน
ั
ั
การเปลีย
่ นแปลงสงคมต้
องเริม
่ วิเคราะห์สงคม
ั
“สงคมมนุ
ษย์เต็มไปด้วยความไม่เท่าเทียมก ัน” :
- การแบ่งปันรายได้
- ความมง่ ั คง่ ั
- อืน
่ ๆ
จึงแบ่งมนุษย์เป็น ผูก
้ ดขี่ ก ับ ผูถ
้ ก
ู กดขี่
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
ิ ธิส
่ นรวม (Common Ownership) จุดที่
6.กรรมสท
์ ว
่ ผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมก ัน
ทาให้มนุษย์แข่งก ันและสง
ั
ในฐานะเศรษฐกิจ สงคมและการเมื
อง มากจาก :
ิ สว
่ นบุคคล (Institution of
สถาบ ันทร ัพย์สน
ิ สว
่ นบุคคล=ทุน (Capital)
Private Property) ทร ัพย์สน
ิ สว
่ นบุคคลเป็นความไม่ยต
- ทร ัพย์สน
ุ ธ
ิ รรม เพราะ
เป็นผลงานของคนทงชาติ
ั้
ิ เกิดความแสวงหาไม่สน
ิ้ สุด นิยมว ัตถุ
- ทร ัพย์สน
ิ เกิดความแข่งข ัน แตกแยกและข ัดแย้งก ัน
- ทร ัพย์สน
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
ระบบสงคมนิ
ยม
7. ความก้าวหน้า (Progress) หมายถึง การก้าวไปข้าง
หน้า (To Step forward) การเปลีย
่ นแปลทางดี/ทางบวก
(Improvement)
ั
สงคมต้
องเปลีย
่ นแปลงให้กา้ วหน้า
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ระบบคอมมิวนิสต์
: น ับตงแต่
ั้
ปี 1840 เป็นต้น มี 4 ประเด็นหล ัก
ความวุน
่ วายและยุง
่ ยากทางการเมือง : เกิดขบวน
การปฏิว ัติในฝรง่ ั เศส

ความบกพร่องของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม :
เกิดการว่างงาน สภาพการทางาน เดินขบวน และหยุดงาน

ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ระบบคอมมิวนิสต์
ั
ั
แนวคิดสงคมนิ
ยมทีม
่ อ
ี ยูเ่ ดิม : สงคมนิ
ยมยูโทเปี ย
ั
ี สละ หรือสงคมนิ
(Utopian Socialism) ความเสย
ยมสมบูรณ์
่ ยเหลือก ันและก ัน
แบบ = คาสอนศาสนาคริสต์ ให้ร ักก ัน ชว

ั
ึ รุนแรงของน ักคิดทีต
ความรูส
้ ก
่ อ
้ งแก้สงคม
: ปัญหา
ั
สงคม
การกดขีเ่ อาร ัดเอาเปรียบ

ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั บาตแห่ง
: ปี 1848 : องค์การระหว่างประเทศ “สนนิ
ความยุตธ
ิ รรม” สน ับสนุนกรรมกรต่อต้านการกดขี่
- Marx & Engels : The Communist Manifesto
= ถ้อยแถลงแห่งคอมมิวนิสต์
ั้ ระหว่างกรรมกรก ับนายทุน
“การต่อสูร้ ะหว่างชนชน
ั้
ั
ื่ ว่า มนุษย์จะมีเสรีภาพเมือ
ี มีชยชนะ
และเชอ
่ ชนชนกรรมาช
พ
ควบคุมวิถก
ี ารผลิต”
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ั
: ระบบการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สงคม
ั
ระด ับตา
่ = สงคมนิ
ยม ระบบการปกครองและการ
ั้
ี ไม่มก
เป็นเจ้าของการผลิตโดยชนชนกรรมาช
พ
ี ารกดขี่
เหลืออยู่
ระด ับสูง = คอมมิวนิสต์ ระบบการปกครองทีม
่ ภ
ี าวะ
สมบูรณ์แบบ การดารงชวี ต
ิ โดยเสรี ไม่มก
ี ฎเกณฑ์ขอ
้ บ ังค ับ
กฎหมายอานาจร ัฐ ร ัฐบาลหรืออานาจบ ังค ับใด
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
- ทุกคนทาตามความสามารถแต่ละคนก็จะได้ร ับเท่าที่
จาเป็นตามความต้องการ
ั้ ไม่มก
- บุคคลอยูใ่ นสภาพทีไ่ ม่มรี ัฐ ไม่มช
ี นชน
ี ารกดขี่
มนุษย์มช
ี วี ต
ิ สมบูรณ์มากทีส
่ ด
ุ
แนวคิด Marx มีทงบกพร่
ั้
องและถูกต้อง แต่สามารถ
ผล ักด ันเกิดการเปลีย
่ นแปลง :
- การปฏิว ัติในโซเวียต
- การปฏิว ัติในจีน
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ผูค
้ ัดค้าน : แนวคิด Marx ค่อนข้างรุนแรง และพิจารณา
ั อ
้ นอย่างมาก
มองสภาพความจริงของโลกทีม
่ ค
ี วามสล ับซบซ
ง่ายเกินไป
ผูส
้ น ับสนุน : แนวคิด Marx ต้องปฏิบ ัติโดยครบถ้วน จะ
สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของโลก
ล ัทธิทางการเมืองเน้นอานาจร ัฐ/นิยมอานาจ
ระบบคอมมิวนิสต์ :
ั
ิ ต์
คอมมิวนิสต์ = สงคมนิ
ยมปฏิว ัติ = มาร์กซส
เพราะ :
ปร ัชญาของ Karl Marx ถือว่า
ั
“ระบบเศรษฐกิจ สงคมและการเมื
อง” เป้าหมายมี 2
ระด ับ
ั
- สงคมนิ
ยม
- คอมมิวนิสต์