ไฟล์เอกสารแนบ

Download Report

Transcript ไฟล์เอกสารแนบ

ปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วยหายใจ
(Ventilator – associated
pneumonia)
13/04/58
1
วัตถุประสงค์
• 1.เพื่อศึกษาธรรมชาติและปัจจัยของการเกิดโรคปอดอักเสบที่ติดเชื้อใน
โรงพยาบาล
• 2.เพื่อศึกษาวิทยาการระบาดของโรคปอดอักเสบที่ติดเชื้อในโรงพยาบาล
• 3.เพื่อศึกษาการเฝ้ าระวังและการสอบสวนการระบาดของโรคปอด
อักเสบจากการใช้เครื่ องช่วยหายใจ
• 4.เพื่อศึกษาการป้ องกันและควบคุมโรคในแต่ระยะตามธรรมชาติของ
โรค
13/04/58
2
ที่มาและความสาคัญ
• ข้อมูลการระบาดวิทยาและอุบตั ิการณ์ของการเกิดปอดอักเสบจาการใช้
เครื่ องช่วยหายใจ ได้ขอ้ มูลจากการระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาลของ
ศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริ กาพบว่า อัตราการเกิดปอดอักเสบจาการใช้
เครื่ องช่วยหายใจ เป็ นการติดเชื้อในโรงพยาบาลอันดับสองรอจากการ
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โดยอยูท่ ี่ 4.7-34.4 ครั้งต่อจานวนผูป้ ่ วยที่
ได้รับเครื่ องช่วยหายใจ 1000 วัน
13/04/58
3
ที่มาและความสาคัญ(ต่ อ)
• ในประเทศไทยจากการศึกษา อุบตั ิการณ์ปอดอักเสบจากการใช้
เครื่ องช่วยหายใจ ในหออายุรกรรมโรงพยาบาลศีริราช อยูท่ ี่ 17 –
18.8 ครั้งต่อ 1000 วันที่ใช้เครื่ องช่วยหายใจ และจากการรายงาน
ของโรงพยาบาลรามาธิบดี 2542 พบว่า ตึกผูป้ ่ วยอายุรกรรม มี
อุบตั ิการณ์ปอดอักเสบ จากการใช้เครื่ องช่วยหายใจ 17 ครั้งต่อ 1000
วันที่ใช้เครื่ องช่วยหายใจ
13/04/58
4
ความหมาย
ปอดอักเสบจากการใช้เครื่ องช่วยหายใจ (Ventilator-associated Pneumonia : VAP)
หมายถึง ภาวะปอดอักเสบที่เกิดขึ้นในผูป้ ่ วยที่ใส่ ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่ องช่วย
หายใจโดยเกิดหลังจากผูป้ ่ วยใช้เครื่ องช่วยหายใจนานกว่า 48 ชัว่ โมง หรื อหลังจาก
ถอดเครื่ องช่วยหายใจภายใน 48-72 ชัว่ โมง ผูป้ ่ วยอาจมีภาวะปอดอักเสบอยูแ่ ล้ว และ
ได้รับการรักษาจนอาการดีข้ ึนแล้ว (เช่น ไข้ลดลงติดต่อกัน 24-48 ชัว่ โมง เสมหะ
น้อยลง ผูป้ ่ วยหายใจดีข้ ึน) หากพบว่ามีอาการของปอดอักเสบเกิดขึ้นใหม่ ซึ่ งอาจมี
สาเหตุจากเชื้อตัวเดิมหรื อเชื้อตัวใหม่ ให้ถือเป็ นการเกิดปอดอักเสบครั้งใหม่
(superinfection) (คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิ ดลสถาบันบาราศ
นราดูร กรมควบคุมโรค,2552)
13/04/58
5
ปัจจัยที่ก่อให้ เกิดโรค
Agent Factor
Host Factor
Environment
factor
• เชื ้อแบคทีเรี ยแกรมลบที่พงึ่
ออกซิเจน ได้ แก่ Escherichia
coli ,
Klebsiella,Pneumoniae,
Pseudomonas
aerhginosa เป็ นต้ น
• เชื ้อแบคทีเรี ยแกรมบวกที่พงึ่
ออกซิเจน เช่น
Staphylococcus aureus
•
•
•
•
• สุขอนามัยในโรงพยาบาล (ความ
สะอาดทัว่ ไปและความสะอาดของ
เครื่ องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์)
• การใส่เครื่ องช่วยหายใจ
• ระบบ IC ในโรงพยาบาล
• สภาพภูมศิ าสตร์ บน ward
13/04/58
ผู้ป่วยเด็ก
ผู้ป่วยผู้ใหญ่อายุมากกว่า 70 ปี
โรคปอดเรื อ้ รัง
ระดับความรู้สกึ ตัวน้ อยลง
- ภาวะชัก
- มีพยาธิสภาพทางสมอง
- การได้ รับยาสลบ
• การสาลัก
• ภูมติ ้ านทานต่า
6
ความไม่ สมดุลทางสุ ขภาพของโรคปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วย
หายใจ
ภาพที่ 1.1 ความสัมพันธ์ระหว่าง Host Agent และ Environment
A=Agent (สิ่ งที่ทาให้เกิดโรค)
H=Host (คนหรื อกลุ่มชน)
E=Environment (สิ่ งแวดล้อม)
13/04/58
7
ความไม่ สมดุลทางสุ ขภาพของโรคปอดอักเสบจากการใช้
เครื่องช่ วยหายใจ(ต่ อ)
• จากภาพสามารถอธิ บายได้วา่ Host หรื อผูป้ ่ วยที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาล ซึ่ งมี
ความเสี่ ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เช่น ผูส้ ู งอายุที่ใส่ ท่อช่วยหายใจ เด็กที่มีอายุต่ากว่า
5 ขวบ เป็ นต้น โดยที่มีระยะเวลาในการนอนโรงพยาบาลมากกว่า 48 ชัว่ โมง
ร่ วมกับมีการใส่ เครื่ องช่วยหายใจ และมีสิ่งแวดล้อมบนหอผูป้ ่ วยที่เอื้อต่อการทา
ให้ Host มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย โดยที่ตวั Agent ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สิ่ งแวดล้อมบนหอผูป้ ่ วยอันได้แก่ ฝุ่ น หรื อสุ ขอนามัยในโรงพยาบาล(ความสะอาด
ทัว่ ไปและความสะอาดของเครื่ องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์) การใส่ เครื่ องช่วย
หายใจ ระบบ IC ในโรงพยาบาล สภาพภูมิศาสตร์บน ward เป็ นต้น
13/04/58
8
Web of causation Ventilator – associated pneumonia
13/04/58
9
ผูป้ ่ วย
สิ่ งแวดล้อมใน
ผูป้ ่ วยเด็ก
ผูป้ ่ วยผูใ้ หญ่อายุ
มากกว่า 70 ปี
ผูป้ ่ วยโรค
ปอดเรื้ อรัง
ผูป้ ่ วยระดับ
ความรู้สึกตัว
ลดลง
ภูมิตา้ นทาน
ต่า
13/04/58
ผูป้ ่ วยภาวะ
ชัก
ผูป้ ่ วยที่มี
พยาธิสภาพ
ทางสมอง
-สุขอนามัยในโรงพยาบาล
(ความสะอาดทัว่ ไปและความ
สะอาดของเครื่ องมืออุปกรณ์
ทางการแพทย์)
-การใส่เครื่ องช่วยหายใจ
-ระบบ IC ในโรงพยาบาล
-สภาพภูมิศาสตร์บน ward
(ความหนาแน่นของจานวน
ผูป้ ่ วย และสภาพอากาศ)
เชื้อแบคทีเรี ย
เชื้อกรัมลบที่พ่ ึงออกซิเจน
ได้แก่ Escherichia coli,
Klebsiella pneumonia,
Pseudomonas
aeruginosa,Stenotroph
omonas maltophilia,
Acinetobacter
เชื้อแบคทีเรี ยกรัมบวกที่พ่ ึง
ออกซิเจนได้แก่ S.areus
การสูดสาลัก
ผูป้ ่ วยที่ได้รับ
ยาสลบ
ปอดอักเสบจากการใช้เครื่ องช่วยหายใจ
(Ventilator – associated pneumonia)
10
Web of causation Ventilator – associated pneumonia
• ประกอบด้วย Host , Agent ,Environment และสามารถแยกออกได้
ดังนี้ Host ก็คือผูป้ ่ วยเป็ นหลัก ซึ่ งได้แก่ ผูป้ ่ วยเด็ก และผูป้ ่ วยผูใ้ หญ่ที่มีอายุ
มากกว่า 70 ปี ผูป้ ่ วยโรคปอด ผูป้ ่ วยทุกประเภทและมีภูมิตา้ นทานต่า เป็ นผลให้
เกิดความไวต่อการติดเชื้อในโรงพยาบาลและดับความรู ้สึกตัวลดลงผูป้ ่ วยที่มีภาวะ
ชัก ผูป้ ่ วยที่มีพยาธิสภาพทางสมองและผูป้ ่ วยที่ได้รับยาสลบ ซึ่ งในผูป้ ่ วยที่มีระดับ
ความรู ้สึกตัวลดลงนี้จะมีความเสี่ ยงต่อการสู ดสาลัก ซึ่ งการใส่ ทอ่ ช่วยหายใจจะไป
ขัดขวางการไออย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ทาให้มีการคัง่ ค้างของเสมหะ และการนอน
ราบก็จะทาให้เกิดการสาลักได้ง่ายจากการไหลย้อนของสารเหลวในกระเพาะ
อาหารมาอยูท่ ี่บริ เวณหลอดคอ หากผูป้ ่ วยมีการสาลักมีโอกาสเกิดปอดอักเสบได้
มากขึ้น
13/04/58
11
Web of causation Ventilator – associated pneumonia
• Environment หรื อสิ่ งแวดล้อมต่างๆที่อยูร่ อบตัว ผูป้ ่ วยก็เป็ นปัจจัยสาคัญ
อย่างหนึ่งที่ทาให้เกิด VAP ได้ เช่น สุ ขอนามัยในโรงพยาบาล (ความสะอาด
ทัว่ ไปและความสะอาดของเครื่ องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์) ระบบ IC ใน
โรงพยาบาลและสภาพภูมิศาสตร์บน word เช่น ความหนาแน่นของจานวน
ผูป้ ่ วยและการถ่ายเทของอากาศซึ่ งปั จจัยเหล่านี้ลว้ นแล้วเป็ นปั จจัยที่จะกระตุน้ ให้
ผูป้ ่ วยซึ่ งมีภมู ิตา้ นทานต่าอยูแ่ ล้วมีความไวต่อการเกิดโรคได้มากขึ้น จาทาให้ผปู ้ ่ วย
มีโอกาสเกิด VAP ได้มีความไวต่อการเกิดโรคได้มากขึ้น จึงทาให้ผปู ้ ่ วยมีโอกาส
เกิด VAP ได้
13/04/58
12
Web of causation Ventilator – associated pneumonia
• Agent ซึ่ งได้แก่ เชื้อแบคทีเรี ยต่างๆ ได้แก่ เชื้อกรัมลบที่พ่ ึง ออกซิ เจน
escherichai coli, Klebsella pnenmonia,Pseudomonas
aeruginosa ,Stenotrophomonas
maltophilia,Acinetobacter ส่ วนเชื้อแบคทีเรี ยกรัมบวกที่พ่ ึง
ออกซิ เจนได้แก่ S.arens ซึ่ งเชื้อเหล่านี้มีอยูใ่ นสิ่ งแวดล้อม เมื่อผูป้ ่ วยมีการ
สัมผัสกับเชื้อทั้งจากการใช้เครื่ องช่วยหายใจโดยตรงหรื อทางอ้อมก็จะทาให้ผปู้ ่ วย
ที่มีภมู ิตา้ นทานต่ารับเชื้อเข้าไปและร่ างกายไม่สามารถต่อต้านกับเชื้อเหล่านี้ได้ทา
ให้เกิด การติดเชื้อ
13/04/58
13
ธรรมชาติของการเกิดโรค
1.ระยะมีความไวต่อ
การเกิดโรค (Stage
of
susceptibility)
2.ระยะก่อนมีอาการ
ของโรค (Stage
of preclinical
disease)
3.ระยะมีอาการของ
โรค (Stage of
clinical
disease)
13/04/58
4.ระยะมีความพิการ
ของโรค (Stage
of disability)
14
ธรรมชาติของการเกิดโรค
1.ระยะมีความไวต่อการเกิดโรค (Stage of susceptibility)
ปกติมนุษย์จะมีกลไกป้ องกันตนเองตามธรรมชาติ เพื่อป้ องกันการติดเชื้อ
และกาจัดเชื้อจุลชีพ ได้แก่ ภูมิคุม้ กันชนิดจาเพาะต้านแอนติบอดี ภูมิคุม้ กันชนิดต้าน
เซลล์ และภูมิคุม้ กันชนิดไม่จาเพาะ ระบบการกรองภายในโพรงจมูก เป็ นต้น การใส่
ท่อช่วยหายใจทางปาก ทางจมูก หรื อท่อเจาะคอ การใช้เครื่ องช่วยหายใจจะไปรบกวน
ความสามารถในการไอ ทาให้การไอไม่มีประสิ ทธิ ภาพ อากาศสามารถผ่านลงสู่
ทางเดินหายใจส่ วนล่างได้ โดยไม่ผา่ นระบบการกรองและจากระบบของเครื่ องช่วย
หายใจ ที่มีแรงดันเป็ นบวกจะทาให้อากาศที่ผา่ นเข้าไปเร็ ว และแรงขึ้น ขัดขวางการ
ทางานของ cilia อีกทั้งการได้รับออกซิ เจนเข้มข้นเป็ นระยะเวลานานมีผลทาให้
ความถี่ในการโบกพัดของ cilia ลดลง เกิดการคัง่ ค้างของเสมหะในทางเดินหายใจ
ทาให้แบคทีเรี ยในช่องปากมีการแบ่งตัวและเพิ่มจานวนมากขึ้น
13/04/58
15
ธรรมชาติของการเกิดโรค (ต่ อ)
• 2.ระยะก่อนมีอาการของโรค (Stage of preclinical disease)
ในระยะนี้จะเป็ นระยะที่เริ่ มมีพยาธิ สภาพของโรคเกิดขึ้นแล้ว แต่ยงั ไม่มี
อาการ (symptom) ของโรค โดยที่ผปู ้ ่ วยที่ใส่ ท่อช่วยหายใจและใช้เครื่ องช่วย
หายใจ มีกลไกที่เชื้อจุลชีพจะเข้าไปทาให้เกิดการติดเชื้อของเนื้อปอด ได้แก่การสาลัก
เชื้อจุลชีพจากปาก หรื อลาคอผ่านหลอดลมเข้าสู่ ปอด การหายใจเอาละอองที่มีเชื้อจุล
ชีพเข้าไปในปอด การแพร่ กระจายของเชื้อจุลชีพตามระบบเลือดหรื อระบบน้ าเหลือง
และการแพร่ กระจ่ายของเชื้อจุลชีพจากบริ เวณใกล้เคียง
13/04/58
16
ธรรมชาติของการเกิดโรค(ต่ อ)
• 3.ระยะมีอาการของโรค (Stage of clinical disease)
เมื่อเชื้อจุลชีพเข้าสู่ ระบบทางเดินหายใจส่ วนล่าง จะกระตุน้ ให้ร่างกายมีการ
ตอบสนอง โดยเพิม่ การทางานของระบบภูมิคุม้ กัน ในการยับยั้งการทางานของเชื้อจุล
ชีพหรื อทาลายเชื้อจุลชีพเหล่านั้น เพื่อป้ องกันการเกิดโรค หากร่ างกายไม่สามารถ
ทาลายเชื้อจุลชีพที่เข้าไปได้ จะทาให้มีอาการแสดงของปอดอักเสบเกิดขึ้น ได้แก่
อาการไข้ ซึ่ งมักเป็ นแบบเฉี ยบพลัน ไอ เสมหะสี เขียวหรื อเหลืองคล้ายหนอง ตรวจพบ
เม็ดเลือดขาวในเลือดสู งกว่าปกติถ่ายภาพรังสี ทรวงอกมองเห็น รอยเงาฝ้ าทึบของสาร
เหลวในถุงลม (Infiltration)
13/04/58
17
ธรรมชาติของการเกิดโรค(ต่ อ)
• 4.ระยะมีความพิการของโรค (Stage of disability)
1.พวกที่เป็ นโรคแล้วหายสนิท โดยเมื่อร่ างกายมีภมู ิตา้ นทานโรคเกิดขึ้นเม็ด
เลือดขาวสามารถทาลายแบคทีเรี ยที่อยูใ่ นถุงลมได้หมดและเริ่ มสลายตัวขณะเดียวกันก็
มีเอนไซม์ออกมาละลายไฟบริ นและสารเหลวชนิดเอ็กซูเดท (exudates) และส่ วน
ใหญ่จะถูกกาจัดโดยเซลล์ชนิ ดโมโนนิวเคลียร์ ที่เหลือจะหลุดออกมาเป็ นเสมหะขณะ
ไอ การอักเสบที่เยือ่ หุม้ ปอดจะหายไปและพยาธิสภาพของปอดอักเสบจะกลับคืนปกติ
2.พวกที่ป่วยเป็ นโรคแล้วหายไม่สนิ ท มีความพิการเกิดขึ้นในระยะสั้นหรื อ
ยาว โดยที่วา่ จะมีในรายที่มีการทาลายเนื้อเยือ่ ต่างๆ อย่างมากอาจพบพังพืดเกิดขึ้นแทน
ที่ก่อให้เกิดความพิการและการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมทั้งในด้านหน้าที่และการทางาน
13/04/58
18
ธรรมชาติของการเกิดโรค(ต่ อ)
• 4.ระยะมีความพิการของโรค (Stage of disability)
3.พวกที่ป่วยเป็ นโรคแล้วมีอาการมากจนถึงแก่กรรมไปเลยก็จะเป็ นพวกที่มี
ภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการรักษา ภาวะแทรกซ้อนของโรค และภาวะแทรกซ้อน
จากตัวผูป้ ่ วยเอง เช่น มีการหายใจล้มเหลว และมีโรคประจาตัวอยูแ่ ล้ว เช่น มะเร็ ง
ภูมิคุม้ กันบกพร่ อง โรคปอดเรื้ อรังและไตวายเป็ นต้น
13/04/58
19
แนวทางการเฝ้ าระวังโรคปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วยหายใจ
• จากวิธีการเฝ้ าระวังในแบบต่างๆที่ได้ทาการศึกษามาแล้ว ทางกลุ่มเห็นว่าการเฝ้ า
ระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาล จาเป็ นที่จะต้องดาเนิ นการแบบ Hospital –
wide Surveillance และเพื่อให้ได้ขอ้ มูลที่เฉพาะเจาะจงในการแก้ไขปั ญหา
การติดเชื้อในบางตาแหน่งที่พบมาก ควรมีการดาเนินการแบบ Priority
directed Surveillance ร่ วมด้วย
•
โดยที่ การเฝ้ าระวังแบบ Hospital – wide Surveillance เป็ น
การเฝ้ าระวังในทุกหอผูป้ ่ วยในโรงพยาบาล เฝ้ าระวังการติดเชื้อผูป้ ่ วยทุกรายที่รับ
การรักษาในโรงพยาบาล เฝ้ าระวังการติดเชื้อทุกตาแหน่ง การเฝ้ าระวังวิธีมี
ประโยชน์ต่อการป้ องกันและควบคุมการติดเชื้อ แต่การเฝ้ าระวังวิธีน้ ีจะต้องใช้เวลา
และบุคลากรจึงจะช่วยให้ได้ขอ้ มูลที่มีประสิ ทธิ ภาพ(อะเคื้อ อุณหเลขกะ,2548)
•
13/04/58
20
แนวทางการเฝ้ าระวังโรคปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วยหายใจ
(ต่ อ)
• และการเฝ้ าระวังแบบ Priority directed Surveillance เป็ นการเฝ้ า
ระวังการติดเชื้อในโรงพยาบาลที่พบว่าเป็ นปั ญหาที่สาคัญ เจาะจงเฝ้ าระวังการติด
เชื้อที่มีความรุ นแรงก่อนดาเนินการจะต้องมีการจัดลาดับความสาคัญของการติด
เชื้อในโรงพยาบาลตามตาแหน่งต่างๆ โดยใช้ขอ้ มูลจานวนครั้งของการติดเชื้อตาม
ตาแหน่งต่างๆ อัตราผูป้ ่ วยตายจากการติดเชื้อแต่ละตาแหน่ง (อะเคื้อ อุณหเลขกะ
,2548)
13/04/58
21
การสอบสวนการระบาดของโรคปอดอักเสบจากการใช้
เครื่องช่ วยหายใจ
• ขั้นตอนการสอบสวนโรค (จรวย สุ วรรณบารุ ง,2555)
1.ตรวจสอบการวินิจฉัย (Verify diagnosis)
– การวินิจฉัยทาง Clinic
– การวินิจฉัยทางห้องปฏิบตั ิการ
– ผลการตรวจทางพยาธิสภาพ
2.ตรวจสอบว่ามีการระบาดอยูจ่ ริ ง (Verify the existence of en
epidemic) เป็ นการพิจารณาเปรี ยบเทียบอัตราผูป้ ่ วยใหม่ที่เกิดขึ้นในระยะเวลานั้น
กับผูป้ ่ วยใหม่ในช่วงเวลาที่ผา่ นมาหรื อระยะเวลาเดียวกันในช่วงปี ที่ผา่ นมา
13/04/58
22
การสอบสวนการระบาดของโรคปอดอักเสบจากการใช้
เครื่องช่ วยหายใจ(ต่ อ)
3.การประเมินอย่างรวดเร็ วเกี่ยวกับปั จจัยต่างๆที่เป็ นสาเหตุของการระบาด (Rapid
evaluation of epidemiologic potentialities) เป็ นการประมวล
เหตุการณ์คร่ าวๆว่ามีปัจจัยใดที่เกี่ยวข้อง โดยมีการซักประวัติการมีประสบการณ์
ร่ วมกับ (Common experience) เป็ นแนวทางชี้นาไปสู่ การสอบสวน และ
การพิจารณาสิ่ งแวดล้อมของกลุ่มผูป้ ่ วยว่าปั จจัยใดเป็ นสาเหตุการระบาด
4.การรวบรวมข้อมูล (Collection data) การเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อทาการศึกษา
ทางวิทยาการระบาด
5.การวิเคราะห์ขอ้ มูล (Analysis data) โดยมีการวิเคราะห์ขอ้ มูลพื้นฐานทาง
วิทยาการระบาด
13/04/58
23
การสอบสวนการระบาดของโรคปอดอักเสบจากการใช้
เครื่องช่ วยหายใจ(ต่ อ)
6.การตั้งสมมติฐาน (Information of hypothesis) การกาหนดสมมติฐาน
เกี่ยวกับการระบาดของโรคว่ามีลกั ษณะการระบาด แหล่งเพาะเชื้อ และวิธีการแพร่ เชื้อ
อย่างไร
7.การทดสอบสมมติฐาน (Testing hypothesis) ในบางตารากล่าวถึงใน
ลักษณะการศึกษาทางวิทยาการระบาดในการทดสอบสมมติฐาน เพื่อจะบอกว่า
สมมุติฐานที่ต้ งั ไว้เป็ นจริ งหรื อไม่
– การเปรี ยบเทียบลักษณะหรื อปัจจัยต่างๆ ในกลุ่มผูป้ ่ วยและกลุ่มผูไ้ ม่ป่วย
– การเปรี ยบเทียบอัตราการป่ วยในกลุ่มที่สมั ผัสและไม่สมั ผัสปั จจัยที่สงสัย
– การตรวจสอบทางห้องปฏิบตั ิการเกี่ยวกับสิ่ งที่ทาให้เกิดโรคและวิธีการแพร่ โรค
13/04/58
24
การสอบสวนการระบาดของโรคปอดอักเสบจากการใช้
เครื่องช่ วยหายใจ(ต่ อ)
8.การจัดการกับการระบาด (Manage of epidemic) การจัดการทางวิทยาการ
ระบาดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคจะกระทาก่อนหรื อขณะที่มีการสอบสวนโรค
– การรักษาผูป้ ่ วย
– การสื บหาประชากรที่เสี่ ยงต่อการเกิดโรคและประชากรที่เป็ นพาหะนาโรค
– การป้ องกันการแพร่ กระจายและวางมาตรการในการควบคุม
9.การรายงานผลการสอบสวน (Report of the investigation) การรายงาน
เป็ นสิ่ งสาคัญโดยมีหวั ข้อเหมือนการเขียนรายงานตีพิมพ์โดยมี คานา วิธีการ ผล
อภิปรายผล บทสรุ ป และเอกสารอ้างอิง โดยมีเนื้อหาครอบคลุม
– ลักษณะการระบาดของโรคตามบุคคล สถานที่ และเวลา
– สาเหตุของการระบาดของโรค สิ่ งที่ทาให้เกิดโรค แหล่งแพร่ เชื้อ และวิธีการแพร่ เชื้อ
13/04/58 – ข้อเสนอแนะในการป้ องกันการระบาดครั้งต่อไป
25
แนวทางปฏิบัติการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วยหายใจ
(คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลสถาบันบาราศนรา
ดูร กรมควบคุมโรค,2552)
1.การล้างมือทั้งก่อนและหลังการสัมผัสผูป้ ่ วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์
2.การดูแลจัดท่าให้ผปู ้ ่ วยนอนศีรษะสู ง 30-45 องศา และพลิกตะแคงตัวอย่างน้อย
ทุก 2 ชัว่ โมง ในกรณี ที่ไม่ได้ปฏิบตั ิกิจกรรมที่จาเป็ นต้องนอนราบ และไม่มีขอ้
ห้ามทางการแพทย์
3.การดูแลผูป้ ่ วยที่ใส่ ท่อหลอดลมคอโดยระวังไม่ให้มีท่อมีการเลื่อนหลุด
4.การดูแลทาความสะอาดแผลเจาะคออย่างน้อยวันละ 3 ครั้งโดยยึดหลักเทคนิค
ปลอดเชื้อ (Aseptic technique)
5.การดูแลในการดูดเสมหะให้กบั ผูป้ ่ วยโดยจะต้องดูดในปากก่อนที่จะดูดในท่อ
ช่วยหายใจ และจะต้องประเมินทั้งก่อนและหลังการดูดเสหะ บันทึกสี และ
ลักษณะของเสมหะลงในบันทึกทางการพยาบาล
13/04/58
26
แนวทางปฏิบัติการป้ องกันปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วยหายใจ
(คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลสถาบันบาราศนรา
ดูร กรมควบคุมโรค,2552) (ต่ อ)
6.การดูแลทาความสะอาดในช่องปากให้กบั ผูป้ ่ วยอย่างน้อยวันละ 3 ครั้งและในขณะ
ทาความสะอาดช่องปากต้องให้ผปู ้ ่ วยนอนศีรษะสู งตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งเพื่อ
ป้ องกันการสาลัก
7.การดูแลให้ผปู้ ่ วยได้รับอาหารทางสายยาง หลังให้อาหารให้ผปู้ ่ วยนอนในท่าศีรษะ
สู งอย่างน้อย 1 ชัว่ โมง และจะต้องหลีกเลี่ยงการดูดเสมหะหลังให้อาหาร 1 ชัว่ โมง
8.การดูแลให้ผปู ้ ่ วยได้รับยาป้ องกันเลือดออกในทางเดินอาหารส่ วนต้นโดยจะพิจารณา
ให้ในผูป้ ่ วยที่มีความเสี่ ยงสู งต่อการเกิดเลือดออกเท่านั้น ได้แก่
-ใช้เครื่ องช่วยหายใจมากกว่า 48 ชัว่ โมง
-มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
13/04/58
27
แนวทางปฏิบัติการป้องกันปอดอักเสบจากการใช้ เครื่องช่ วยหายใจ
(คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันบาราศนรา
ดูร กรมควบคุมโรค,2552) (ต่ อ)
9.การช่วยผูป้ ่ วยในเรื่ องของการหย่าเครื่ องช่วยหายใจ โดยจะต้องมีการประเมินความ
พร้อมที่จะถอดเครื่ องช่วยหายใจออกและจะสอนการหายใจให้กบั ผูป้ ่ วย
10.การดูแลเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่ องช่วยหายใจไม่ควรเปลี่ยนบ่อยกว่าทุก 7 วันยกเว้นถ้า
สกปรกหรื อชารุ ด
13/04/58
28