ปัญหาของคนทั้งโลกกกกกก....... 1.อยากได้รถ 2.อยากได้บา้ น 3.อยากมีเงิน 4..อยากได้งานดีๆ 5.อยากได้ของมียหี่ อ้ และปัญหาอีกมากมาย สาเหตุและที่มาของปัญหา....... กิเลสมีในใจของทุกคน ความรัก โลภ โกธร และความหลง แล้วแต่วา่ ใครจะมีมากน้อยเพียงใด ความโลภมีในมนุษย์ส่วนมาก มีส่วนน้อยมากทีจ่ ะพอใจในสิง่ ทีต่ นมี ใครๆก็อยากทีจ่ ะมีจะได้เหมือนคนอืน่ ๆ.

Download Report

Transcript ปัญหาของคนทั้งโลกกกกกก....... 1.อยากได้รถ 2.อยากได้บา้ น 3.อยากมีเงิน 4..อยากได้งานดีๆ 5.อยากได้ของมียหี่ อ้ และปัญหาอีกมากมาย สาเหตุและที่มาของปัญหา....... กิเลสมีในใจของทุกคน ความรัก โลภ โกธร และความหลง แล้วแต่วา่ ใครจะมีมากน้อยเพียงใด ความโลภมีในมนุษย์ส่วนมาก มีส่วนน้อยมากทีจ่ ะพอใจในสิง่ ทีต่ นมี ใครๆก็อยากทีจ่ ะมีจะได้เหมือนคนอืน่ ๆ.

ปัญหาของคนทั้งโลกกกกกก.......
1.อยากได้รถ
2.อยากได้บา้ น
3.อยากมีเงิน
4..อยากได้งานดีๆ
5.อยากได้ของมียหี่ อ้
และปัญหาอีกมากมาย
สาเหตุและที่มาของปัญหา.......
กิเลสมีในใจของทุกคน ความรัก โลภ โกธร และความหลง
แล้วแต่วา่ ใครจะมีมากน้อยเพียงใด
ความโลภมีในมนุษย์ส่วนมาก
มีส่วนน้อยมากทีจ่ ะพอใจในสิง่ ทีต่ นมี
ใครๆก็อยากทีจ่ ะมีจะได้เหมือนคนอืน่ ๆ
ผลที่เกิดขึ้น
1.อาชญากร ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์มีมากขึ้น
2.มีคนเป็ นโรคประสาทเพิ่มมากขึ้น
3.รายได้ไม่พอรายจ่าย
4.เป็ นหนี้เป็ นสิ น
5.ครอบครัวเดือดร้อน
แนวทางการแก้ไขปัญหา
ตลอดระยะเวลาทรงครองราชย์ 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสร้ างภูมิคุ้มกันให้ พสก
นิกรชาวไทย ด้ วยการดาเนินชีวติ ในแบบเรียบง่ าย และก้าวเดินอย่ างเป็ นขั้นตอน ภายใต้ กระแสโลกาภิวตั น์ และความเปลีย่ นแปลง
ต่ างๆ มากมาย “เศรษฐกิจพอเพียง” ปรัชญาที่พระองค์ทรงมีพระราชดารัสชี้แนะแนวทางการดาเนินชีวติ ตลอดนานกว่า 25 ปี
ยังคงใช้ ได้ กบั ทุกยุคสมัย จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ปรัชญาดังกล่าวก็เป็ นสิ่งที่ UN หรือองค์การสหประชาชาติได้ ยา้ กับประเทศต่ างๆ
ทั่วโลกว่าเป็ นตัวอย่ างที่น่าจะทาตาม
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่ประมวลและกลัน่ กรองจากพระราชดารัสของในหลวง ซึ่งพระราชทานในวโรกาสต่างๆ
รวมทั้งพระราชดารัสอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นาไปเผยแพร่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน
2542 เพื่อเป็ นแนวทางปฏิบตั ิของทุกฝ่ ายและประชาชนโดยทัว่ ไป มีความว่า
“เศรษฐกิจพอเพียง เป็ นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยูแ่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชน
ในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและ
บริ หารประเทศให้ดาเนิ นไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้
ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวฒั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมี
เหตุผล รวมถึงความจาเป็ นทีจ่ ะต้ องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวทีด่ ีพอสมควรต่ อการมี
ผลกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลีย่ นแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนีจ้ ะต้ องอาศัย
ความรอบรู้ ความรอบคอบและความระมัดระวังอย่ างยิง่ ในการนาวิชาการต่ างๆ มา
ใช้ ในการวางแผนและการดาเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริ มสร้าง
พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจใน
ทุกระดับให้มีสานึกในคุณธรรม ความซื่ อสัตย์สุจริ ต และให้มีความรอบรู้ที่
เหมาะสม ดาเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และความรอบคอบ
เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ วและกว้างขวาง
ทั้งด้านวัตถุ สังคม และสิ่ งแวดลอม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็ นอย่างดี”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงมีพระราชดารัสเนื่องในโอกาสวัน
เฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๑๗ มีความว่า “ขอให้ ทุกคน มีความ
ปรารถนาทีจ่ ะให้ เมืองไทย พออยู่พอกิน มีความสงบ และทางานตั้งจิต
อธิษฐาน ตั้งปณิธานในทางนี้ ทีจ่ ะให้ เมืองไทยอยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ ใช่ ว่า
จะรุ่งเรืองอย่ างยอด แต่ ว่ามีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับ
ประเทศอืน่ ๆ ถ้ าเรารักษาความพออยู่พอกินนีไ้ ด้ เราก็จะยอดยิง่ ยวดได้ ”
ด้วยทรงเป็ นห่วงเป็ นใยราษฎร ผนวกกับทรงพัฒนาเศรษฐกิจของ
ประเทศให้เป็ นเหมือนพีระมิดที่มีรากฐานอันแข็งแกร่ ง พระองค์ทรงทุ่มเท
การพัฒนามนุษย์รอบด้าน และทรงช่วยแก้ปัญหาความยากจนอย่างเป็ น
ระดับขั้นตอน ดังนั้น ในปี แห่งการเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 60 ปี โคฟี่
อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ เดินทางมาเมืองไทยเพือ่ ทูลเกล้ าฯ ถวาย
รางวัลความสาเร็จสู งสุ ดด้ านการพัฒนามนุษย์ แด่ ในหลวงของปวงชนชาว
ไทย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมทีผ่ ่ านมา
ทางองค์การสหประชาชาติ ได้เห็นพระราชกรณี ยกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ตลอด 60 ปี ของการ
ครองสิ ริราชสมบัติ ที่เป็ นความสาเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์รอบด้าน โดยไม่ทรงเลือกเชื้อชาติ ศาสนา เป็ นพระ
ราชกรณี ยกิจที่สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาประชาชนอย่างทัว่ ถึงและต่อเนื่อง ทั้ง คุณภาพชีวิต การศึกษา การ
แก้ปัญหาต่างๆ เช่น ยาเสพติด โดยเฉพาะ โครงการพระราชดาริ การปลูกพืชทดแทนการปลูกฝิ่ น ซึ่งเป็ นการช่วยเหลือ
ทั้งประชาชนในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ซึ่งประเทศอัฟกานิสถานได้แสดงความสนใจจะนาแนวพระราชดาริ ไป
ปฏิบตั ิตาม
ทั้งนี้ เรื่องที่เลขาธิการ UN เน้ นมากคือ เศรษฐกิจพอเพียง โดยเห็นว่าเป็ นการดาเนินชีวติ สายกลาง ซึ่งเป็ นสิ่งที่
สาคัญมากที่จะคลีค่ ลายความขัดแย้ งในโลกปัจจุบันที่มีปัญหา มีการใช้ ความรุนแรง และเป็ นสิ่งที่ UN ธนาคารโลก และ
ทุกองค์กรระหว่างประเทศ ได้ ยา้ กับประเทศต่ างๆ ทั่วโลก ว่าเป็ นตัวอย่ างที่น่าจะทาตาม
ความพอเพียงที่พระองค์ทรงปฏิบตั ิเพื่อเป็ นตัวอย่างให้ชาวไทยนั้น อยูใ่ นทุกขั้นตอนของการดาเนินชีวิต
ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ ครั้นประทับอยูท่ ี่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สมเด็จพระบรมราชชนนี
พระราชทานเงินให้ใช้แต่พอสมควร พระองค์ทรงรู้จกั คุณค่าของเงิน และทรงรู้จกั หาเงินอย่างสุจริ ต แม้พระพี่เลี้ยง
อยากถวายเงินพิเศษให้ เพื่อจะได้ใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย แต่กไ็ ม่ทราบจะถวายอย่างไรดี วันหนึ่งเมื่อจักรเย็บผ้า
ของพระพี่เลี้ยงชารุ ด พระองค์ทรงอาสาซ่อมให้จนจักรเย็บผ้าใช้การได้ พระพี่เลี้ยงจึงได้โอกาสทูลเกล้าทูลกระหม่อม
ถวายเงินค่าซ่อมจักรให้เพื่อเป็ นการตอบแทน
นอกจากนั้นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของการใช้ชีวิตอย่างพอเพียงของพระองค์ท่าน ก็ได้มีผสู้ นองใต้เบื้องพระยุคลบาท
นามาถ่ายทอดให้ฟังอย่างเป็ นลายลักษณ์อกั ษรว่า ของใช้ ส่วนพระองค์ล้วนเป็ นของธรรมดา อาทิ แปรงสี ฟันและยาสี
ฟันฟลูโอคารี ล ที่พระองค์ทรงม้วนหลอดจนหมด สบู่เหลวยีห่ อ้ บาเดคาสก็ทรงใช้จนหยดสุดท้าย พระองค์ทรงใช้มีด
โกนและใบมีดยีห่ อ้ ยิลเลตต์เฉกเช่นผูช้ ายทัว่ ไป และแชมพูสระพระเกศาของทอสก้า 8711
นาฬิกา “ยีห่ ้ อใส่ แล้ วโก้ ” ที่พระองค์ทรงเรี ยกของพระองค์เองราคาไม่กี่ร้อยบาท เป็ นสิ่ ง
เตือนใจคนไทยได้เป็ นอย่างดีวา่ คนที่ตอ้ งพึ่งเฟอร์นิเจอร์แพงระยับมาประดับนั้น เพราะไส้ใน
ไม่มีอะไร มีแต่เปลือก ในขณะที่ผทู ้ ี่มีครบทุกอย่างแล้ว มีความพอแล้ว ไม่สนใจสิ่ งของ
เหล่านี้
แม้กระทัง่ ฉลองพระบาทของพระองค์กเ็ ป็ นผ้าใบยีห่ อ้ เดียว ราคาไม่กี่ร้อยบาท ที่ทรงก้าว
พระบาทอย่างสม่าเสมอมาตลอด 59 ปี ก็ไม่อาจทาให้ขา้ ราชบริ พารที่ประดับเพชรแพรวพราว
รองเท้าแพงลิบก้าวตามได้ทนั
ยามที่พระองค์ทรงเครื่ องใหญ่ หรื อตัดผม ก็ทรงอย่างคนธรรมดาสามัญทัว่ ไป เริ่ มต้นตาม
แบบโบราณด้วยการใช้พระแสงกรรไกรขลิบกระเกศาพอเป็ นพิธี ก่อนใช้ตะไกรบัตตะเลี่ยน ใช้
เวลาในการทรงประมาณ 15-20 นาที ย้อนไปในปี ๒๕๐๑ ชุบ แย้มเพกา ผูถ้ วายงานรับใช้ไม่
สามารถปฏิบตั ิหน้าที่ได้ เนื่องจากความชราภาพ พระองค์กไ็ ม่มีกระแสรับสัง่ ให้ใครถวายงาน
แทน ขณะนั้นหลายคนเข้าใจว่า อาจจะทรงเครื่ องใหญ่ดว้ ยพระองค์เอง แบบใช้พระหัตถ์ถือ
กระจก เช่นเดียวกับการสระพระเกศา ที่ทรงเองมาโดยตลอด อีกทั้งยังโปรดจะไว้พระเกศาให้
ยาวเผือ่ ตัด 5-6 สัปดาห์ต่อครั้ง
นอกจากของใช้ส่วนพระองค์แล้ว กิจวัตรประจาวันที่พระองค์ทรงโปรดปรานแต่หากสร้าง
ความเดือนร้อนให้กบั ผูอ้ ื่นหรื อสิ่ งแวดล้อม พระองค์กท็ รงเลิกทา อย่างเช่น เมนูหูฉลาม ที่พระองค์ทรง
โปรดเสวยเป็ นอย่างมาก ทรงเสวยเป็ นพระกระยาหารว่างตอนดึกทุกคืน แต่เมื่อได้ทอดพระเนตร
รายการสารคดีที่ชาวประมงจับปลาฉลามมาตัดครี บ แล้วโยนลงทะเล นับแต่น้ นั มาก็ไม่ทรงเสวยหู
ฉลามอีกเลย
การทางานก็เช่นเดียวกัน พระองค์มีวธิ ีการทรงงานอย่างเรี ยบง่ายภายในห้องทางาน สามคูณสี่
เมตร ภายในห้องทรงงานที่มีวทิ ยุ โทรทัศน์ โทรสาร โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เทเล็กซ์ เครื่ อง
บันทึกเสี ยง เครื่ องพยากรณ์อากาศ แผนที่อื่นๆ แสดงถึงพื้นที่หมู่บา้ น แม่น้ า ภูเขา และป่ าอย่างละเอียด
เวลาทรงงานจะประทับบนพื้น โดยไม่ทรงงานบนเก้าอี้เหมือนคนทางานทัว่ ไป เพื่อวางสิ่ งของต่างๆ
ได้อย่างถนัด
พระองค์ ทรงประทับพับเพียบกับพืน้ ตามวิถีชีวติ ไทยทีส่ อนเรื่องความเรียบง่ าย ทรงประทับพับ
เพียบ 5-6 ชั่วโมง โดยไม่ เปลีย่ นท่ า ทรงกองเอกสารบนพืน้ ทีม่ ขี ้ าราชบริพารนั่งล้ อมวงเฝ้ ากัน โดยไม่
ต้ องเข้ าห้ องประชุ ม ไม่ ต้องมีโต๊ ะ เก้ าอี้ เพือ่ เป็ นการประหยัด
นอกจากนั้น ยามที่ทรงเสด็จเยีย่ มเยียนราษฎรถึงบนบ้าน พระองค์กท็ รงนัง่ พับเพียบกับ
พื้นในระดับเดียวกับราษฎร และไม่ทรงรังเกียจของถวายของชาวบ้านแบบตามมีตามเกิดเลย อีก
ทั้ง ยังทรงโปรดอมมะขามป้ อมแทนที่จะเป็ นลูกอมที่นิยมทัว่ ไป
พระองค์ทรงมีความตั้งใจจริ ง และความขยันหมัน่ เพียร ในการทรงงานต่อจนเสร็ จแม้จะดึก
ดื่นเพียงไหน
ดัง่ ที่ ดร.สุ เมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชยั พัฒนา กล่าวไว้ในหนังสื อหลักธรรม หลัก
ทาตามรอยพระยุคลบาทว่า วันนั้นเสร็ จงานห้าทุ่ม เสด็จฯ ไปแล้วเราก็เข้าค่าย ไปนอนอยูใ่ นค่าย
มฤคทายวัน นอนอยูก่ ป็ รากฏว่าตี 2 วิทยุเรี ยกมาให้ไปเข้าเฝ้ า เราเหนื่อยมาตั้งแต่บ่าย 4 โมงเย็น
จนกระทัง่ ถึง 5 ทุ่ม ตี 2 ทรงเรี ยกไปขอแผนที่ ขอข้อมูลเพิ่มเติม ในขณะที่เรากลับไปสลบไสล
ทรงกลับไปทรงงานต่อ เราละอายไหมครับ แล้วเรื่ องนี้ไม่ใช่วา่ ปรากฏขึ้นหนสองหน แต่
ปรากฏขึ้นอยูต่ ลอดเวลา ตราบใดที่งานไม่เสร็ จ “พระเจ้าอยูห่ วั เวลาทาอะไร ทรงมุ่งมัน่ มาก
เรื่ องความขยันไม่ตอ้ งพูด ทรงงานไม่มีวนั เสาร์ วันอาทิตย์ ไม่มีเวลากลางวัน กลางคืน”
นอกจากนี้ ยังทรงให้ความสาคัญกับนักโทษ ด้วยทรงวินิจฉัยฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษด้วยพระองค์เอง
ทุกเรื่ องอย่างละเอียดถี่ถว้ น ในปี หนึ่งๆ มีฎีการ่ วมพันราย และมีขอ้ เท็จจริ งที่แตกต่างกันออกไป แต่พระองค์กท็ รงมี
พระมหากรุ ณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยด้วยความยุติธรรม เที่ยงตรงเสมอมาโดยมิได้ขาด และทรงพระ
ญาณวิเศษสอดส่องฎีกาเหล่านั้นด้วยความยุติธรรม และทรงหาข้อเท็จจริ งเพิ่มเติมมาประกอบพระบรมราชวินิจฉัยอยู่
เสมอ
อีกทั้งยังทรงสอนให้ประชาชนรู้จกั ประหยัด และบันทึกค่าใช้จ่าย พระองค์ทรงสอนสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุ ดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ ทรงจดบันทึกรายรับ-รายจ่ าย และทางบดุลของมหาดเล็กคนหนึ่ง ตั้งแต่
พระองค์ยงั ทรงพระเยาว์ ดังนั้น มิควรหรือที่ครูในทุกโรงเรียนจะสอน และฝึ กให้ เด็กประถมรู้จกั การทางบดุล ฝึ กสอน
ให้ บันทึกค่าใข้ จ่ายที่เกิดขึน้ ในแต่ ละวัน เพราะตราบใดที่เรารู้วา่ รายรับมีเท่าไหร่ และใช้ไปในแต่ละวันเท่าใด การ
ดาเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
จากพระปณิธานของพระองค์ในเรื่องของ “เศรษฐกิจพอเพียง” ที่มิได้ เป็ นเพียงแค่ข้อคิด แต่ ยงั ทรงปฏิบัตดิ ้ วย
พระองค์เอง ดังนั้น คนไทยทุกคนที่ต่างพูดเป็ นเสียงเดียวกันว่า “เรารักในหลวง” ก็สมควรที่จะนาไปปฏิบัตติ าม ให้
สมกับที่เกิดมาอยู่ใต้ เบือ้ งพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ท่าน
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็ นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ทรงมีพระราชดารัสชี้แนะ
แนวทางการดาเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 25 ปี ตั้งแต่ก่อน
วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้าแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น
และสามารถดารงอยูไ่ ด้อย่างมัน่ คงและยัง่ ยืนภายใต้กระแสโลกาภิวตั น์และความเปลี่ยนแปลง
ต่าง ๆ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็ นปรัชญาชี้ถึงแนวการดารงอยูแ่ ละปฏิบตั ิตนของประชาชนใน
ทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริ หาร
ประเทศให้ดาเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้กา้ วทันต่อ
โลกยุคโลกาภิวตั น์ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความ
จาเป็ นที่จะต้องมีระบบภูมิคุม้ กันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจาก
การเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และ
ความระมัดระวังอย่างยิง่ ในการนาวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดาเนินการ
ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริ มสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสานึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์
สุ จริ ต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดาเนินชีวติ ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ
ปั ญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็ วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่ งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้
เป็ นอย่างดี
ประมวลและกลัน่ กรองจากพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยูห่ วั เรื่ องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่ งพระราชทานในวโรกาสต่าง ๆ รวมทั้ง
พระราชดารัสอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต
ให้นาไปเผยแพร่ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2542 เพื่อเป็ นแนวทางปฏิบตั ิ
ของทุกฝ่ ายและประชาขนโดยทัว่ ไป
" เศรษฐกิจพอเพียง แปลว่า Sufficiency Economy
… คาว่า Sufficiency Economy นี้ไม่มใี นตาราเศรษฐกิจ.
จะมีได้อย่างไร เพราะว่าเป็ นทฤษฎีใหม่
… Sufficiency Economy นัน้ ไม่มใี นตารา
เพราะหมายความว่าเรามีความคิดใหม่ …
และโดยทีท่ ่านผูเ้ ชี่ยวชาญสนใจ ก็หมายความว่า
เราก็สามารถทีจ่ ะไปปรับปรุง หรือไปใช้หลักการ
เพือ่ ทีจ่ ะให้เศรษฐกิจของประเทศและของโลกพัฒนาดีข้นึ . "
พระราชดารัสเนื่ องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 23 ธันวาคม 2542
หลักการนาคาสอนใน
พระพุทธศาสนามาแก้ไข....
การพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ การพัฒนาที่ต้ งั อยูบ่ นพื้นฐานของทาง
สายกลางและความไม่ประมาท โดยคานึงถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล
การสร้างภูมิคุม้ กันที่ดีในตัว ตลอดจนใช้ความรู ้ความรอบคอบ และคุณธรรม
ประกอบการวางแผน การตัดสิ นใจและการกระทา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภูมิพลอดุลยเดช ได้พฒั นาหลักปรัชญา
เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อที่จะให้พสกนิ กรชาวไทยได้เข้าถึงทางสายกลางของชีวิต
และเพื่อคงไว้ซ่ ึ งทฤษฏีของการพัฒนาที่ยงั่ ยืน ทฤษฎีน้ ีเป็ นพื้นฐานของการ
ดารงชีวติ ซึ่ งอยูร่ ะหว่าง สังคมระดับท้องถิ่นและตลาดระดับสากล จุดเด่นของแนว
ปรัชญานี้คือ แนวทางที่สมดุล โดยชาติสามารถทันสมัย และก้าวสู่ ความเป็ นสากล
ได้ โดยปราศจากการต่อต้านกระแสโลกาภิวฒั น์
คนเราการทีจ่ ะใช้ชวี ติ อย่างมีความสุขได้นนั้ เราจะต้องตัง้ อยู่ในความพอดี พอใจใน
สิง่ ทีเ่ รามีอยู่ ไม่ละโมปโลภมาก อยากได้ของเขามาเป็ นของเรา ความต้องการของ
มนุษย์นนั้ มีมากมายมหาศาล แต่ถา้ เราสามารถตัดความอยากในจิตใจได้แลว้ นัน้ ก็
จะสามารถมีความสุขได้โดยทีเ่ ราไม่ตอ้ งแก่งแย่งชิงดี สูร้ บปบมือกับใคร ไม่ตอ้ ง
เดือดร้อน ใช้ชวี ติ อย่างพอเพียงตามแนวพระราชดาริของในหลวงของเรา
มีหลักพิจารณาอยู่ 5 ส่ วน ดังนี้
กรอบแนวคิด เป็ นปรัชญาที่ช้ ีแนะแนวทางการดารงอยูแ่ ละปฏิบตั ิตนในทางที่
ควรจะเป็ น โดยมีพ้นื ฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สมารถนามา
ประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็ นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่
ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อ ความมัน่ คง และ ความ
ยัง่ ยืน ของการพัฒนา
คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาประยุกต์ใช้กบั การปฏิบตั ิตนได้ใน
ทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบตั ิบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็ นขั้นตอน
คานิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ พร้อม ๆ กัน ดังนี้
ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่นอ้ ยเกินไปและไม่มาก
เกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผูอ้ ื่น เช่นการผลิตและการบริ โภคที่อยูใ่ น
ระดับพอประมาณ
ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสิ นใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น
จะต้องเป็ นไปอย่างมีเหตุผลโดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจน
คานึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทานั้น ๆ อย่างรอบคอบ
การมีภูมิคุ้มกันทีด่ ใี นตัว หมายถึง การเตรี ยมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ
และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคานึงถึงความเป็ นไปได้ของ
สถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้และไกล
เงือ่ นไข การตัดสิ นใจและการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยูใ่ นระดับ
พอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู ้ และคุณธรรมเป็ นพื้นฐาน กล่าวคือ
• เงื่อนไขความรู ้ ประกอบด้วย ความรอบรู ้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
อย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนาความรู ้เหล่านั้นมาพิจารณาให้
เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบตั ิ
• เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริ มสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักใน
คุณธรรม มีความซื่ อสัตย์สุจริ ตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญา
ในการดาเนินชีวิต
• แนวทางปฏิบัต/ิ ผลที่คาดว่ าจะได้ รับ จากการนาปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุลและยัง่ ยืน พร้อมรับต่อการ
เปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่ งแวดล้อม ความรู้และ
เทคโนโลยี
" ถ้าไม่มี เศรษฐกิจพอเพียง เวลาไฟดับ …
จะพังหมด จะทาอย่างไร. ที่ที่ตอ้ งใช้ไฟฟ้ าก็ตอ้ งแย่ไป.
… หากมี เศรษฐกิจพอเพียง แบบไม่เต็มที่
ถ้าเรามีเครื่ องปั่นไฟ ก็ให้ปั่นไฟ
หรื อถ้าขั้นโบราณกว่า มืดก็จุดเทียน
คือมีทางที่จะแก้ปัญหาเสมอ.
… ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียง นี้ ก็มีเป็ นขั้น ๆ
แต่จะบอกว่า เศรษฐกิจพอเพียง นี้
ให้พอเพียงเฉพาะตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่เป็ นสิ่ งที่ทาไม่ได้.
จะต้องมีการแลกเปลี่ยน ต้องมีการช่วยกัน.
…… พอเพียงในทฤษฎีหลวงนี้ คือให้สามารถที่จะดาเนินงาน
ได้. "
พระราชดารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 23
ธันวาคม 2542
เศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางปฏิบตั ิของ ทฤษฎีใหม่ เป็ นแนวทางในการพัฒนาที่
นาไปสู่ ความสามารถในการพึ่งตนเอง ในระดับต่าง ๆ อย่างเป็ นขั้นตอน โดยลด
ความเสี่ ยงเกี่ยวกับความผันแปรของธรรมชาติ หรื อการเปลี่ยนแปลงจากปั จจัยต่าง
ๆ โดยอาศัยความพอประมาณและความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุม้ กันที่ดี มีความรู้
ความเพียรและความอดทน สติและปั ญญา การช่วยเหลือซึ่ งกันและกัน และความ
สามัคคี
เศรษฐกิจพอเพียงมีความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็ น
กรอบแนวคิดที่ช้ ีบอกหลักการและแนวทางปฏิบตั ิของทฤษฎีใหม่ในขณะที่ แนว
พระราชดาริ เกี่ยวกับทฤษฎีใหม่หรื อเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่ งเป็ นแนวทางการพัฒนา
ภาคเกษตรอย่างเป็ นขั้นตอนนั้น เป็ นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทาง
ปฏิบตั ิ ที่เป็ นรู ปธรรมเฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม
ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดาริ อาจเปรี ยบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมี
อยู่ 2 แบบ คือ แบบพื้นฐานกับแบบก้าวหน้า ได้ด้ งั นี้
ความพอเพียงในระดับบุคคลและครอบครัวโดยเฉพาะเกษตรกร เป็ นเศรษฐกิจ
พอเพียงแบบพื้นฐาน เทียบได้กบั ทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ 1 ที่มุ่งแก้ปัญหาของเกษตรกร
ที่อยูห่ ่างไกลแหล่งน้ า ต้องพึ่งน้ าฝนและประสบความเสี่ ยงจากการที่น้ าไม่
พอเพียง แม้กระทัง่ สาหรับการปลูกข้าวเพื่อบริ โภค และมีขอ้ สมมติวา่ มีที่ดิน
พอเพียงในการขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาในเรื่ องดังกล่าวจากการแก้ปัญหาความเสี่ ยง
เรื่ องน้ า จะทาให้เกษตรกรสามารถมีขา้ วเพื่อการบริ โภคยังชีพในระดับหนึ่งได้
และใช้ที่ดินส่ วนอื่น ๆ สนองความต้องการพื้นฐานของครอบครัว รวมทั้งขายใน
ส่ วนที่เหลือเพื่อมีรายได้ที่จะใช้เป็ นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่สามารถผลิตเองได้
ทั้งหมดนี้เป็ นการสร้างภูมิคุม้ กันในตัวให้เกิดขึ้นในระดับครอบครัว
อย่างไรก็ตาม แม้กระทัง่ ในทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ 1 ก็จาเป็ นที่เกษตรกรจะต้องได้รับ
ความช่วยเหลือจากชุมชนราชการ มูลนิธิ และภาคเอกชน ตามความเหมาะสม
ความพอเพียงในระดับชุมชนและระดับองค์กรเป็ นเศรษฐกิจพอเพียงแบบ
ก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุมทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ 2 เป็ นเรื่ องของการสนับสนุนให้
เกษตรกรรวมพลังกันในรู ปกลุ่มหรื อสหกรณ์ หรื อการที่ธุรกิจต่าง ๆ รวมตัวกัน
ในลักษณะเครื อข่ายวิสาหกิจ
กล่าวคือ เมื่อสมาชิกในแต่ละครอบครัวหรื อองค์กรต่าง ๆ มีความพอเพียงขั้น
พื้นฐานเป็ นเบื้องต้นแล้วก็จะรวมกลุ่มกันเพื่อร่ วมมือกันสร้างประโยชน์ให้แก่
กลุ่มและส่ วนรวมบนพื้นฐานของการไม่เบียดเบียนกัน การแบ่งปั นช่วยเหลือซึ่ง
กันและกันตามกาลังและความสามารถของตนซึ่งจะสามารถทาให้ ชุมชน
โดยรวมหรื อเครื อข่ายวิสาหกิจนั้น ๆ เกิดความพอเพียงในวิถีปฏิบตั ิอย่างแท้จริ ง
ความพอเพียงในระดับประเทศ เป็ นเศรษฐกิจพอเพียงแบบก้าวหน้า ซึ่งครอบคลุม
ทฤษฎีใหม่ข้นั ที่ 3 ซึ่งส่ งเสริ มให้ชุมชนหรื อเครื อข่ายวิสาหกิจสร้างความร่ วมมือ
กับองค์กรอื่น ๆ ในประเทศ เช่น บริ ษทั ขนาดใหญ่ ธนาคาร สถาบันวิจยั เป็ นต้น
การสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือในลักษณะเช่นนี้จะเป็ นประโยชน์ในการสื บทอด
ภูมิปัญญา แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และบทเรี ยนจากการพัฒนา หรื อร่ วมมือ
กันพัฒนา ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ทาให้ประเทศอันเป็ นสังคมใหญ่อนั
ประกอบด้วยชุมชน องค์กร และธุรกิจต่าง ๆ ที่ดาเนินชีวติ อย่างพอเพียงกลายเป็ น
เครื อข่ายชุมชนพอเพียงที่เชื่อมโยงกันด้วยหลัก ไม่เบียดเบียน แบ่งปั น และ
ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในที่สุด
" … ขอให้ทุกคนมีความปรารถนาที่จะให้เมืองไทยพออยูพ่ อกิน
มีความสงบและทางานตั้งอธิษฐาน ตั้งปณิ ธาน
ในทางนี้ ที่จะให้เมืองไทยอยูแ่ บบพอกิน
ไม่ใช่วา่ จะรุ่ งเรื องอย่างยอด แต่มีความความพออยูพ่ อกิน มีความสงบ
เปรี ยบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยูพ่ อกินนี้ได้
เราก็จะยอดยิง่ ยวดได้ …
ฉะนั้นถ้าทุกท่านซึ่งถือว่าเป็ นผูม้ ีความคิดและมีอิทธิพล
มีพลังที่จะทาให้ผอู ้ ื่น ซึ่งมีความคิดเหมือนกัน
ช่วยกันรักษาส่ วนรวมให้อยูด่ ีกินดีพอสมควร ขอย้าพอควร
พออยูพ่ อกิน มีความสงบ ไม่ให้คนอื่นมาแย่งคุณสมบัติน้ ีจากเราไปได้
ก็จะเป็ นของขวัญวันเกิดที่ถาวรที่จะมีคุณค่าอยูต่ ลอดกาล "
พระราชดารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา 23 ธันวาคม 2542
สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอให้
ริ เริ่ มการสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสานต่อความคิดและเชื่อมโยงการ
ขยายผลที่เกิดจาการนาหลักปรัชญาฯ ไปใช้อย่างหลากหลาย รวมทั้งเพื่อจุดประกายให้เกิด
ความรู ้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่ งจะนาไปสู่ การยอมรับ และการนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผล
ในทางปฏิบตั ิในทุกภาคส่ วนของสังคมอย่างจริ งจัง
" … ในการพัฒนาประเทศนัน้ จาเป็ นต้องทาตามลาดับขัน้
เริ่มด้วยการสร้างพื้นฐาน คือความมีกินมีใช้ของประชาชนก่ อน
ด้วยวิธีการทีป่ ระหยัดระมัดระวัง แต่ถูกต้องตามหลักวิชา
เมือ่ พื้นฐานเกิดขึ้นมังคงพอควรแล้ว
่
จึงค่อยสร้างเสริมความเจริญขัน้ สูงขึ้นตามลาดับต่อไป
… การถือหลักทีจ่ ะส่งเสริมความเจริญ ให้ค่อยเป็ นไปตามลาดับ
ด้วยความรอบคอบระมัดระวังและประหยัดนัน้
ก็เพือ่ ป้ องกันความผิดพลาดล้มเหลว
และเพือ่ ให้บรรลุผลสาเร็จได้แน่นอนบริบูรณ์"
พระบรมราชโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ของ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 19 กรกฎาคม 2517
จากพระบรมราโชวาทและพระราชดารัสของพระองค์ นับตั้งแต่ปี
2517 เป็ นต้นมา จะพบว่าพระองค์ท่านได้ทรงเน้นย้าแนวทางการพัฒนาที่
อยูบ่ นพื้นฐานของการพึ่งตนเอง ความพอมีพอกิน พอมีพอใช้ การรู้จกั
ความพอประมาณ การคานึงถึงความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุม้ กันที่ดีใน
ตัว และทรงเตือนสติประชาชนคนไทยไม่ให้ประมาท ตระหนักถึงการ
พัฒนาตามลาดับขั้นตอนที่ถกู ต้องตามหลักวิชาการ ตลอดจนมีคุณธรรม
เป็ นกรอบในการดารงชีวิตซึ่ งทั้งหมดนี้เป็ นที่รู้กนั ภายใต้ชื่อว่า เศรษฐกิจ
พอเพียง
สศช. จึงได้เชิญผูท้ รงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ มาร่ วมกันกลัน่ กรองพระราช
ดารัสฯ สรุ ปเป็ นนิยาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และได้อญั เชิญมา
เป็ นปรัชญานาทางในการจัดทา แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 เพื่อส่ งเสริ มให้
ประชาชนทุกระดับมีความเข้าใจและนาไปประกอบการดาเนินชีวิต
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง มีเป้ าหมายหลักเพื่อสร้างเครื อข่าย
เรี ยนรู ้ ให้มีการนาหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้เป็ นกรอบความคิด เป็ น
แนวทางในการปฏิบตั ิ ตลอดจนเป็ นส่ วนหนึ่งของวิถีชีวติ ของคนไทยใน
ทุกภาคส่ วน
วัตถุประสงค์ของการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความรู ้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับหลัก
เศรษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนทึกคนสามารถนาหลักปรัชญาฯ ไปประยุกต์ให้ได้อย่าง
เหมาะสม และปลูกฝังปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการดารงชีวิตให้อยูบ่ นพื้นฐานของ
เศรษฐกิจพอเพียง
ตลอดจนนาไปสู่ การปรับแนวทางการพัฒนาให้อยูบ่ นพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียง
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง เป็ นการเสริ มพลังให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาไปได้อย่าง
มัน่ คงภายใต้กระแสโลกาภิวตั น์ โดยให้ความสาคัญกับการสร้างฐานรากทางเศรษฐกิจและ
สังคมให้เข้มแข็งรักษาความสมดุลของทุนและทรัพยากรในมิติต่าง ๆ ตลอดจนสามารถ
ปรับตัวพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ได้อย่างเท่าทัน และนาไปสู่ ความเอยูเ่ ย็นเป็ นสุ ข
ของประชาชนชาวไทย
การขับเคลื่อนจะเป็ นลักษณะเครื อข่ายและระดมพลังจากทุกภาคส่ วน แบ่งเป็ น 2 เครื อข่าย
สนับสนุนตามกลุ่มเป้ าหมายเบื้องต้น ได้แก่
• เครื อข่ายด้านประชาสังคมและชุมชน
• เครื อข่ายธุรกิจเอกชน
นอกจากนี้แล้วยังมีเครื อข่ายสนับสนุนตามภารกิจ ได้แก่
• เครื อข่ายวิชาการ
• เครื อข่ายสร้างกระบวนการเรี ยนรู ้
• เครื อข่ายเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้แกนกลางขับเคลื่อนมี 3 ระดับได้แก่ คณะที่ปรึ กษาผูท้ รงคุณวุฒิ
คณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง และกลุ่มงานเศรษฐกิจพอเพียงใน สศช.
ซึ่งจะเป็ นหน่วยปฏิบตั ิงานในการขับเคลื่อนและจะทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายผลการ
ดาเนินงานเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เนื่องในวโรกาสมหา
มงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 80 พรรษา ในเดือนธันวาคม 2550
ชุดการสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง
สือ่ ประเภทโมเดล
ตัวอย่างชุดการสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึง่ เป็ นส่วนหนึ่งของวิชาเศรษฐศาสตร์ผูบ้ ริโภค ซึง่ ชุด
การสอนชุดนี้มจี ดุ เด่นตรงทีน่ าของจาลองมาให้ผูเ้ รียนได้ดูของการแบ่งส่วนต่างๆของพื้นทีใ่ นการทา
เศรษฐกิจพอเพียง
ตัวอย่างภาพโดยรวมของการจัดพื้นที่ในการทาเศรษฐกิจพอเพียง
สือ่ การเรียนการสอนแบบนี้สามารถจัดวางโชว์ เพือ่ เสริมความรูใ้ นการเรื่องการเศรษฐกิจพอเพียงได้
เป็ นอย่างดี เพราะผูเ้ รียนจะสามารถเห็นของจาลองเหมือนจริง แล้วยังมีขอ้ มูลประกอบให้ความรูด้ ว้ ย
http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://www.parliament.
go.th/news/
http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://cyberlab.lh1.ku.a
c.th/elearn/faculty/educate/edu51/j08.jpg&imgrefurl=http://
http://202.29.129.3/cet_media/images_news/king.jpg
ด.ช.ชนะภัย
ด.ช.ณัฐพล
ด.ช.ธนากฤต
ด.ช.ลักษ์ติพงษ์
ด.ญ.นริ ศรา
ด.ญ.ปาณิ สรา
ด.ญ.พิ ชญา
ด.ญ.วันวิสาข์
ชมเชย
สุ ริราวงค์
นันทาทอง
คาเขียว
ประยูรหงส์
ใจมุข
สัตยาวีวฒั นากุล
กัสนุกา
เลขที่ 3
เลขที่ 7
เลขที่ 11
เลขที่ 15
เลขที่ 19
เลขที่ 23
เลขที่ 27
เลขที่ 31
ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3/2 ปี การศึกษา 2552
ขอบคุณค่ะ