lesson1 - UTCC e
Download
Report
Transcript lesson1 - UTCC e
โฆษณา EGCO กับเหตุผลทีม
่ าสาย
เพราะ
ปัญหาสิ่ งแวดลอม
้
http://www.youtube.com/watch?v=Lcx_H4juVQ0&feature=player_embedded
มนุ ษยกั
้
์ บสิ่ งแวดลอม
ในอดีตปัญหาเรือ
่ งความสมดุลของธรรมชาติตามระบบนิเวศยัง
ไมเกิ
้ มากนัก ทัง้ นี้เนื่องจาก
่ ดขึน
นั้น (ระยะสิ
มีชวี ต
ิ บอยู
ใต
อิ
ทธิ
พ
ลของธรรมชาติ
้คนในยุคตนๆ
้ผ
่
้
ผู
ในทศวรรษที
่ านมา
ปี
)
ซึ
ง
่
เรี
ย
กกั
นวา่ "ทศวรรษแหง่
่
การพัฒนา" นั้น ปรากฎวา่
ไดเกิ
ั หารุนแรงดานสิ
่ งแวดลอม
้ ในบางส่วนของโลก
้ ดมีปญ
้
้ ขึน
ญหาต
หาดัางๆเช
งกลาวนี
้ ปัก็ญ
มหาทางด
ล
ี ก
ั ษณะคล
ายคลึ
งกันในทุ
กย
ประเทศทั
ง้
่
้
และปั
เกิดปัญ
น
านภาวะมลพิ
ษ
ที
เ
่
กี
่
วกั
บ
น
า
้
่
่ าลังพัฒนา
้
ที
พ
่
ฒ
ั
นาแล
วและก
้
ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ
ทเี่ สื่ อมสลายและหมดสิ้ นไปอยาง
่
รวดเร็ว เช่น น้ามัน แรธาตุ
ป่าไม้
พืช
สั ตวทั
่
์ ง้ ทีเ่ ป็ น
อาหาร
และทีค
่ วรจะอนุ รก
ั ษไว
่ การศึ กษา ปัญหาทีเ่ กีย
่ วกับการตัง้
้ อ
์ เพื
ถิน
่ ฐานและชุมชนของมนุ ษย ์ เช่น การวางผังเมืองและชุมชน
ไม่ ถูกตอง
ทาให้เกิดการแออัดใช้ทรัพยากรผิดประเภทและ
้
ลักษณะ ตลอดจนปัญหาแหลงเสื
่ ่ อมโทรมและปัญหาจากของ
เหลือทิง้ อันไดแก
้ มู
่ ลฝอย
คื
อ
ทุกสิ่ งทุกอยางที
อ
่ ยูรอบตั
วมนุ ษยทั
่ ช
ี ว
ี ต
ิ และไมมี
่
่
่
์ ง้ ทีม
ชีวต
ิ รวมทัง้ ทีเ่ ป็ นรูปธรรม (สามารถจับตองและ
้
มองเห็ นได)้ และนามธรรม (ตัวอยางเช
่
่ นวัฒนธรรม
แบบ
แผน ประเพณี ความเชือ
่ ) มีอท
ิ ธิพลเกีย
่ วโยงถึงกัน
เป็ นปัจจัยในการเกือ
้ หนุ น
ซึง่ กันและกัน ผลกระทบจากปัจจัยหนึ่งจะมีส่วน
เสริมสรางหรื
อทาลายอีกส่วน
้
หนึ่ง อยางหลี
กเลีย
่ งมิได้ สิ่ งแวดลอมเป็
นวงจร
่
้
และวัฏจักรทีเ่ กีย
่ วของกั
นไปทัง้ ระบบ
้
1. วิทยาศาสตรกั
้
์ บการศึ กษาสิ่ งแวดลอม
วิทยาศาสตรธรรมชาติ
ออกเป็ น 2 ประเภทใหญ่
์
ๆ คือ
ก. วิทยาศาสตรทางกายภาพ
(Physical Science) ไดแก
์
้ ่
เคมี ฟิ สิกส์ คณิตศาสตร ์ ธรณีวท
ิ ยา เป็ นตน
้
ข. วิทยาศาสตรทางชี
วภาพ (Biological Science) ไดแก
์
้ ่
การศึ กษาเกีย
่ ว
กับสิ่ งมีชว
ี ต
ิ เช่น พฤกษศาสตร ์ (Botany) และสั ตวศาสตร ์
(Zoology) เป็ นตน
้
ตรรกวิทยา
เชิงแบบแผน
คณิตศาสตร์
วิทยาศาสตร์
ธรรมชาติวทิ ยา
ฟิ สิ กส์
เคมี
ชีววิทยา
จิตวิทยาบุคคล
วัฒนธรรมวิทยา
จิตวิทยาสังคม
สังคมศาสตร์
รัฐศาสตร์
ประวัติของวัตถุ
ประวัติของแนวความคิด
เชิงข้ อเท็จจริง
2. วิทยาศาสตรสั์ งคม (Social Sciences) เป็ นวิทยาศาสตร ์
ทีก
่ ลาวถึ
งชีวต
ิ ทีเ่ กีย
่ วของกั
บทางสั งคมตาง
ๆ
่
้
่
หรือเรือ
่ งราวของการสั งคมในมวลมนุ ษย ์
โดยเฉพาะ ซึง่ แบงออกเป็
นสาขาตาง
ๆ ดังนี้
่
่
2.1 จิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร ์ (Psychology and Behavioral
Science)
2.2 เศรษฐศาสตร ์ (Economics)
2.3 รัฐศาสตร ์ (Political Science)
2.4 ศึ กษาศาสตร ์ (Education)
2.5 สั งคมวิทยา (Sociology) เป็ นตน
้
วิธก
ี ารทางวิทยาศาสตรที
น
่ ามาใช้
์
กับงานสิ่ งแวดลอม
้
วิธก
ี ารทางวิทยาศาสตร ์ เป็ นขัน
้ ตอนการทางานอยางเป็
น
่
ระบบทีน
่ ก
ั วิทยาศาสตร ์
ใช้ในการแสวงหาความรูทางวิ
ทยาศาสตร ์ ประกอบดวย
้
้
ขัน
้ ตอน ตาง
ๆ ดังนี้
่
1. ขัน
้ สั งเกตเพือ
่ ระบุปญ
ั หา คือการระบุปญ
ั หา หรือ
สิ่ งทีต
่ องการศึ
กษาและ
้
กาหนดขอบเขตของปัญหา
2. ขัน
้ ตัง้ สมมติฐาน คือการคิดคาตอบทีค
่ าดหวังวา่
ควรจะเป็ นหรือการคาดเดาคาตอบทีจ
่ ะไดรั
้ บ
3. ขัน
้ การรวบรวมขอมู
้ ล คือการรวบรวมขอมู
้ ล การ
วิเคราะหข
่ ตรวจสอบ สมมติฐานทีต
่ ง้ั ไวว
์ อมู
้ ลเพือ
้ าถู
่ กหรือ
ผิด โดยมีหลักฐานยืนยัน อาจทาไดโดยการสั
งเกต หรือ
้
การทดลอง
4. ขัน
้ สรุปผล คือการสรุปวาจะปฏิ
เสธ หรือยอมรับ
่
สมมติฐาน ตามหลักเหตุ
และผล เพือ
่ ให้ไดค
้นๆ
้ าตอบของปัญหาสิ่ งแวดลอมนั
้
วิธก
ี ารทางวิทยาศาสตรมี
์ หลายรูปแบบ
การพิสจ
ู นหรื
่ างสาขา
่
์ อหาความจริงทางวิทยาศาสตรที
์ ต
กัน สามารถใช้วิธก
ี ารทางวิทยาศาสตรที
่ ตกตาง
่
์ แ
กัน ตัวอยางเช
(เคมี ฟิ สิกส์) มักจะ
่
่ น วิทยาศาสตรกายภาพ
์
ใช้วิธก
ี ารทดลอง แลวจึ
้ งเก็บขอมู
้ ลเป็ นตัวเลข จากนั้นจึงนามา
ประมวลเป็ นขอสรุ
ป ซึง่ แตกตางจากการศึ
กษาวิทยาศาสตร ์
้
่
สาขาอื
น
่ เช
นมานุ
ษวิทยา
ทีท
่ าการศึ
กลษาโดยใช
วิธเี ก็บ ง่ เป็ น
้
กรณี
วิ่ท
ยาศาสตร
กายภาพ
ข
อมู
จากการทดลองซึ
์ เกต หรือสั ม้ ภาษณ
รวบรวมข
อมู
ล
จากการสั
ง
้
์ อกราฟ หรือ
ตัวเลขถูกนามาประมวลสรางเป็
น ตาราง หรื
้
สมการ ซึง่ สามารถใช้ในการทานายขอเท็
จจริงทีเ่ กิดขึน
้ ส่วน
้
วิทยาศาสตรสาขาอื
น
่ ใช้วิธบ
ี น
ั ทึกขอมู
้ ลจากการสั มภาษณ์
์
หรือการสั งเกต แลวน
้ ามาประมวลสรุปผลในรูปของการ
ดังนั้นนั
กอ
วิการอนุ
ทยาศาสตร
องค
านึงวาเขาก
าลัง
พรรณนา
หรื
มาณ จะต
์
้
่
ทาการศึ กษาวิทยาศาสตรในเรื
อ
่ งใดดวยวิ
ธท
ี ถ
ี่ ก
ู ต้องหรือไม่
์
้
ทัง้ นี้ก็เพือ
่ ให้ไดผลการศึ
กษาทีส
่ ามารถเขาถึ
้
้ งความจริงได้
ตามวัตถุประสงค ์
ประเภทของสิ่ งแวดลอม
้
1. สิ่ งแวดลอมทางธรรมชาติ
( Natural Environment)
้
แบงออกเป็
น 2 ประเภทยอย
คือ สิ่ งแวดลอมทาง
่
่
้
กายภาพ (หรือสิ่ งแวดลอมที
ไ่ มมี
ิ ) และสิ่ งแวดลอมที
ม
่ ช
ี วี ต
ิ
้
่ ชวี ต
้
1.1 สิ่ งแวดลอมทางกายภาพ
(Physical Environment) หรือ
้
สิ่ งแวดลอมที
ไ่ มมี
ิ (Abiotic Environment) แบงได
ดั
้
่ ชวี ต
่
้ งนี้
1.1.1 บรรยากาศ (Atmosphere) หมายถึงอากาศทีห
่ อหุ
่ ้มโลก
ประกอบดวย
9 ชนิดตางๆ
เช่น โอโซน
้
่
ไนโตรเจน ออกซิเจน อารกอน
์
คารบอนไดออกไซด
์
์ ฝุ่นละออง และไอน้า
1.1.2 อุทกภาค (Hydrosphere) หมายถึงส่วนทีเ่ ป็ นน้าทัง้ หมด
ของ
พืน
้ ผิวโลก ไดแก
้ ่ มหาสมุทร ทะเล
แมน
่ ้า ฯลฯ
1.1.3 ธรณีภาค หรือ เปลือกโลก(Lithosphere) หมายถึง
ส่วนของโลกที่
เป็ นของแข็งหอหุ
่ ้มอยูรอบ
่
นอกสุด ของโลกประกอบดวยหิ
นและดิน
้
1.2 สิ่ งแวดลอมที
ม
่ ช
ี วี ต
ิ (Biotic Environment) ไดแก
้
้ ่ พืช สั ตว ์
และมนุ ษย ์
2 . สิ่ งแวดลอมที
ม
่ นุ ษยสร
น
้ (Man-Mode
้
์ างขึ
้
Environment)
แบงได
้ 2 ประเภทดังนี้
่
2.1 สิ่ งแวดลอมที
เ่ ป็ นรูปธรรม (Concrete Environment)
้
ไดแก
อน ถนน
้ ่ บานเรื
้
สนามบิน เขือ
่ น
โรงงาน วัด
2.2 สิ่ งแวดลอมที
เ่ ป็ นนามธรรม (Abstract Environment)
้
ไดแก
้ ่ ขนบธรรมเนียม ประเพณี
วัฒนธรรม ศาสนา กฎหมาย
ระบบ
เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง เป็ นตน
้
สิ่ งแวดลอมนั
้น
้
เป็ นเรือ
่ งทีม
่ องอยางผิ
ว
่
เผิน
แลวเราอาจ
้
คิดวา่ เป็ นอะไร
ก็
ไดทั
งแลว
้ ง้ นั้น แตความจริ
่
้
ถาแยกแยะให
้
้ดี
สิ่ งแวดลอมนั
้นสามารถมี
้
ความแตกตางทาง
่
คุณสมบัต ิ
เฉพาะตัวของมันเอง
ไดหลายอย
าง
้
่
โครงสราง
้
(Structure)
บทบาท/หน้าที่
(Functions)
• ให้ไม้
• ให้ผล
• ให้ดอก
• อืน
่ ๆ
มีเอกลักษณเฉพาะ
์
ไมอยู
ย
่ ว
่ โดดเดี
่
ตองการสิ
่ งอืน
่ เสมอ
้
มีความเกีย
่ วเนื่องกันกับสิ่ งอืน
่ ทีห
่ ลากหลาย
มีความเปราะบาง-ทนทานตางกั
นทัง้ เวลา อายุ
่
สถานที่
6. อยูเป็
นอยางผสมกลมกลื
นเป็ นระบบนิเวศ
่ นรวมกั
่
่
หรือระบบสิ่ งแวดลอมที
ม
่ ส
ี มบัตแ
ิ ละพฤติกรรม
้
เฉพาะตัว
7. เปลีย
่ นแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่สภาพหนึ่งเสมอ
1.
2.
3.
4.
5.
สิ่ งแวดลอมมี
ลก
ั ษณะเฉพาะตางๆ
ทีอ
่ าจสรุปได้
้
่
ดังนี้
1. เป็ นทัง้ รูปธรรมและนามธรรม หรือลักษณะทีเ่ ป็ น
กายภาพและชีวภาพ
หรือเป็ นสิ่ งทีเ่ กิดโดยธรรมชาติ และมนุ ษยสร
์ าง
้
ขึน
้
2. เป็ นทุกสิ่ งทุกอยางที
อ
่ ยูรอบตั
วมนุ ษย ์
่
่
3. สามารถอานวยประโยชนทั
์ ง้ ทางตรงและทางออม
้
ตอสิ
ี ต
ิ ทัง้ หลาย
่ ่ งมีชว
4. ทุกสิ่ งจะมีความสั มพันธอย
นระบบ หรือมี
์ างเป็
่
อิทธิพลตอกั
่ น
ปัญหาสิ่ งแวดลอมกั
บการจัดการ
้
วิธก
ี ารศึ กษาในมิตส
ิ ่ิ งแวดลอม
้
ทัง้ 4 คือ
1. มิตท
ิ รัพยากร (ธรรมชาติ)
2. มิตท
ิ างเทคโนโลยี
3. มิตข
ิ องของเสี ยและมลพิษ
สิ่ งแวดลอม
้
4. มิตท
ิ างเศรษฐสั งคม
1
มิตท
ิ ี่
มิต ิ
ทรัพยากร
ทรัพยากรธรรมชาติ &
สิ่ งแวดลอม
้
o สิ่ งแวดลอมพิ
จารณาถึงทุกๆ สิ่ ง
แต่
้
ทรัพยากรธรรมชาติมก
ั หมายถึง สิ่ งทีส
่ ามารถใช้
ประโยชนได
์ ้
o ดังนั้น ทรัพยากรธรรมชาติจงึ ..........................
สิ่ งแวดลอม
้
o เป็ นสิ่ งแวดลอมที
เ่ กิดขึน
้ โดยธรรมชาติ และให้ประโยชน์
้
ตอมนุ
ษย ์ หากเป็ นสิ่ งทีเ่ ป็ นโทษตอมนุ
ษยจะไม
จั
่
่
่ ดเป็ น
์
ทรัพยากรธรรมชาติ
มิตท
ิ ี่
2
มิตท
ิ างเทคโนโลยี
o วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
มีความเชือ
่ มโยงและใช้
์
ควบคูกั
ง ความรูเกี
่ วกับ
่ น โดยวิทยาศาสตรหมายถึ
้ ย
์
ธรรมชาติทอ
ี่ ยูรอบ
ๆ ตัวเรา ซึง่ ไดมาโดยวิ
ธก
ี าร
่
้
ทางวิทยาศาสตร ์ ส่วน เทคโนโลยี หมายถึง
วิทยาการทีเ่ กีย
่ วกับศิ ลปะในการนาเอาวิทยาศาสตรมา
์
ประยุกตใช
้
์ ้ให้เกิดประโยชน์ ซึง่ ทัง้ สองวิชานี้ตอง
อาศัยพึง่ พาซึง่ กันและกัน
มิตท
ิ ี่
3 มิตขิ องของเสี ยและมลพิษสิ่ งแวดลอม
้
เมือ
่ มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใดๆ ดวยเทคโนโลยี
้
ยอมมี
ของเสี ยเกิดขึน
้
่
- ของแข็ง
- ของเหลว
- ก๊าซ
- กลุมมลพิ
ษทางฟิ สิกส์
่
มิตข
ิ องของเสี ย จึงเป็ นมิตท
ิ แ
ี่ สดงให้เห็ นถึงผลของการ
ใช้ทรัพยากรซึง่ เกิดจากการนาเทคโนโลยีมาใช้
มิตท
ิ ี่
4 มิตเิ ศรษฐสังคม
บางครัง้ อาจเรียกมิตน
ิ ี้วา่ มิตม
ิ นุ ษย ์ ซึง่ ก็คอ
ื
สิ่ งแวดลอมที
เ่ กีย
่ วกับมนุ ษยนั
้
์ ่นเอง มนุ ษยนั
์ ้นเป็ นทัง้
ผู้ใช้ ผู้ทาลาย ผู้รักษา ผู้ซ่อมแซม และเป็ นผูที
้ ่
ไดรั
่ ุด
้ บผลกระทบจากการกระทาของตนเองมากทีส