Transcript เอกสาร
รายวิชา ชีววิทยา 1 (30141) ้ั ธยมศึกษาปี ที่ 4 ระดับชนมั จัดทาโดย....ครู เสกสรรค ์ สุวรรณสุข โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย www.kruseksan.com สารบัญ ่ บทที่ 1 ชีวต ิ ก ับสิงแวดล้ อม ่ ชวี ต บทที่ 2 ดุลยภาพของสิงมี ิ บทที่ 3 การถ่ายทอดลักษณะทาง พันธุกรรม และ ความหลากหลายทาง ชีวภาพ บทที่ 1 ชีวต ิ กับ ่ สิงแวดล้ อม Ogan อวัยวะ , Organism ่ ชวี ต สิงมี ิ ่ ชวี ต ่ สามารถ ่ สิงมี ิ คือ สิงที แพร่พน ั ธุ ์ ขยายพันธุ ์ให ้ลูกและหลานรุน ่ ต่อๆไปได ้ Population ประชากร ่ ชวี ต ประชากร คือ สิงมี ิ ชนิ ดเดียวกันมาอยู่ ่ ่อาศัยเดียวกัน ร่วมกัน ในแหล่งทีอยู ่ ชวี ต Community กลุ่มสิงมี ิ ่ ชวี ต ่ ชวี ต กลุ่มสิงมี ิ คือ สิงมี ิ หลายชนิ ดมาอยู่รวม ่ ่อาศัยบริเวณเดียวกัน ในทีอยู ระบบนิ เวศ Ecosystem คือ ่ ระบบนิ เวศ คือ บริเวณทีประกอบด ้วยปัจจัยทาง ่ ชวี ต ชีวภาพ (ได ้แก่ กลุม ่ สิงมี ิ ) และปั จจัยทาง ่ อต่ ้ อการดารงชีวต กายภาพทีเอื ิ (ได้แก่ อุณหภู ม ิ แสงสว่าง หรือสภาพภู มอ ิ ากาศที่ ่ จจัยเหล่านี มี ้ ความสัมพันธ ์กัน เหมาะสม) ซึงปั ่ ชวี ต เช่น ความสัมพันธ ์ระหว่างสิงมี ิ ชนิ ดเดียวกัน ่ ชวี ต , ความสัมพันธ ์ระหว่างสิงมี ิ ต่างชนิ ดกัน หรือ ่ ชวี ต ่ มช ความสัมพันธ ์ระหว่างสิงมี ิ กับสิงไม่ ี วี ต ิ ้ นอกจากนี ภายในระบบนิ เวศยังต ้องมีการ ถ่ายทอดพลังงาน และมีการหมุนเวียนของสาร ภายในระบบนิ เวศ ระบบนิ เวศ Ecosystem 1. 2. 3. 4. 5. ประกอบด้วย ่ ชวี ต ปั จจัยทางชีวภาพ ได้แก่ กลุ่มสิงมี ิ ปั จจัยทางกายภาพ ได้แก่ อุณหภู ม ิ แสง สว่าง ดิน อากาศ ค่าความเป็ นกรด-เบส ฯลฯ ความสัมพันธ ์ภายในระบบนิ เวศ การถ่ายทอดพลังงาน การหมุนเวียนของสาร ระบบนิ เวศ ในโลกมีหลายระบบ ้ ทังระบบนิ เวศในนา้ บนบก แต่ไม่วา่ จะเป็ น ระบบนิ เวศใด ก็ตาม รวมกันเป็ น ่ ชวี ต โลกของสิงมี ิ หรือ ไบโอเฟี ยร ์ (Biosphere) 1. Biomes ไบโอม หรือ ชีวนิ เวศ ่ ความคล ้ายคลึงกันของ ระบบนิ เวศ ทีมี องค ์ประกอบทางกายภาพ เช่น อุณหภูมิ ความชืน้ และความคล ้ายคลึงกันของปัจจัยทาง ่ ความ ชีวภาพ คือ ชนิ ดของพืชและสัตว ์ทีมี ่ ความ คล ้ายคลึงกัน เรียก ระบบนิ เวศทีมี ้ จจัยทางกายภาพและชีวภาพ คล ้ายคลึงกันทังปั ว่า ไบโอม(Biomes) หรือ ชีวนิ เวศ ประเภทของไบโอม (Biomes) ไบโอมบนบก แบ่งเป็ น - ไบโอมป่ าดิบชืน้ - ไบโอมป่ าผลัดใบใน เขต อบอุน ่ - ไบโอมป่ าสน - ไบโอมทุง่ หญ ้าเขต อบอุน ่ - ไบโอมสะวันนา ไบโอมในนา้ แบ่งเป็ น ้ ด - ไบโอมแหล่งนาจื - ไบโอมแหล่ง ้ ม นาเค็ 2. ความหลากหลายของระบบ นิ เวศ (Ecological Diversity) Ecosystem ระบบนิ เวศ คือ ่ บริเวณทีประกอบด้ วยปั จจัยทางชีวภาพ และ ่ อต่ ้ อการดารงชีวต ปั จจัยทางกายภาพ ทีเอื ิ และ ่ ้ ความสัมพันธ ์กัน สิงเหล่ านี มี - ปัจจัยทางกายภาพ ได ้แก่ แสง อุณหภูมิ ดิน อากาศ ฯลฯ ่ ชวี ต - ปัจจัยทางชีวภาพ ได ้แก่ กลุม ่ สิงมี ิ *** ่ ชวี ต โดยกลุม ่ สิงมี ิ ในระบบนิ เวศ มีบทบาทหน้าที่ แตกต่างกันด ังต่อไปนี ้ ่ ชวี ต ิ ในระบบนิ เวศ บทบาทของสิงมี แบ่งได้ 3 พวก คือ ผู ผ ้ ลิต (Producer) ผู บ ้ ริโภค (Consumer) ผู ย ้ ่อยสลาย (Decomposer) ผู ผ ้ ลิต (producer) ่ ชวี ต ่ • คือ สิงมี ิ ทีสามารถสร ้างอาหาร เองได้ ด้วยกระบวนการสังเคราะห ์แสง (Photosynthesis) เช่น พืช สาหร่าย แพง ตอนพืช เป็ นต้น ผู บ ้ ริโภค (consumer) ่ ชวี ต ่ สามารถสร ้างอาหารเองได้ คือ สิงมี ิ ทีไม่ ่ นสิงมี ่ ชวี ต ่ ส่วนมากคือสัตว ์ทีกิ ิ อืนเป็ นอาหาร แบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1. ผู บ ้ ริโภคพืช (Herbivore) 2. ผู บ ้ ริโภคสัตว ์ (Carnivore) ้ ชและสัตว ์ (Omnivore) 3. ผู บ ้ ริโภคทังพื ผู บ ้ ริโภคพืช (Herbivore) ่ นพืชเป็ นอาหาร เช่น ช ้าง • ผู บ ้ ริโภค พืช คือสัตว ์ทีกิ ม้า วัว ควาย กวาง กระต่าย ปลาตะเพียน ปลานิ ล ฯลฯ ผู บ ้ ริโภคสัตว ์ (Carnivore) ่ นสัตว ์เป็ นอาหาร เช่น สิงโต เสือ ไฮยีน่า • คือ สัตว ์ทีกิ (หมาไน) ฯลฯ ผู บ ้ ริโภคพืชและสัตว ์ (Omnivore) ่ นได ้ทังพื ้ ชและสัตว ์ เช่น คน สุนัข ไก่ เป็ ด • คือ สัตว ์ทีกิ ลิง ผู ย ้ ่อยสลาย (Decomposer) ่ ชวี ต ่ ้างอาหารเองไม่ได ้ ได ้ร ับ • หมายถึง สิงมี ิ ทีสร อาหารจากการปล่อยเอนไซม ์ ออกมาย่อยสลายซาก ่ ชวี ต สิงมี ิ ต่างๆ แล ้วดูดซึมเข ้าสูร่ า่ งกาย เช่น แบคทีเรีย เห็ด รา ประเภทของระบบนิ เวศ ระบบนิ เวศในนา้ บก (aquatic ecosystem) ระบบนิ เวศบน (terrestrial ระบบนิ เวศในนา้ (Aquatic ecosystem) แบ่งเป็ น 2 ระบบ คือ ระบบนิ เวศน้ าจืด (Freshwater) ระบบนิ เวศน้ าเค็ม (marine) ้ ด ระบบนิ เวศนาจื ่ แบ่งเป็ น 2 ชนิ ด โดยทัวไปมี เกลือน้อยกว่าร ้อยละ 0.1 หรือ น้อยกว่า 1 %๐ ระบบนิ เวศน้ านิ่ง ระบบนิ เวศน้ าไหล ระบบนิ เวศน้ านิ่ ง ้ ่ ง แบ่งได ้ 3 บริเวณ คือ ระบบนิ เวศนานิ - บริเวณชายฝั่ง (littoral zone) เช่น พืชนา้ รากหยัง่ ลึก , พืชลอยนา้ ฯลฯ - บริเวณผิวนา้ (limnetic zone) ้ นล่ ้ั าง (profundal zone) ตา่ - บริเวณนาช ้ ้องนา้ (benthic กว่าระดับผิวนา้ จนถึง พืนท zone) ่ ชวี ต แต่ละบริเวณประกอบด้วยสิงมี ิ ใด ? ระบบนิ เวศน้ าไหล แบ่งได ้ 2 บริเวณ คือ บริเวณแอ่งน้ า (pool zone) และ ่ บริเ(rapid บริเวณน้ าไหลเชียว วณ zone) แอ่งน้ า บริเวณน้ าไหล ่ เชียว ระบบนิ เวศแหล่งน้ ากร่อย ่ ้ าจืด และน้ าเค็ม มาบรรจบกัน เป็ นบริเวณทีน มักพบตามบริเวณปากแม่นา้ ปากอ่าว และช่อง ่ แคบ เป็ นบริเวณทีมี ความอุดมสมบูรณ์ มี แร่ธาตุอาหารสูง มักพบ ้ เป็ ่ นอาหารของมนุ ษย ์ เช่น กุง้ หอย ปู สัตว ์นาที ่ ่ของ ปลา และเป็ นแหล่งอนุ บาลสัตว ์นา้ (เป็ นทีอยู ่ ้ ้แก่ ต้น ลูกปลา ลูกกุ ้ง ฯลฯ) พืชทีพบบริ เวณนี ได โกงกาง ต้อนแสม เป็ นต ้น ระบบนิ เวศน้ าเค็ม (Marine) แบ่งได ้ 2 บริเวณใหญ่ คือ บริเวณชายฝั่ ง (coastal zome) บริเวณทะเลเปิ ด (open sea zome) ่ นบริเวณทีอยู ่ ่ห่างออกจากชายฝั่ง แบ่ง ซึงเป็ ออกเป็ นเขตต่างๆ 3 เขต คือ ่ - เขตทีแสงส่ องถึง ่ แสงน้อย - เขตทีมี ่ มแี สง - เขตทีไม่ ทะเลเปิ ด แสงส่องถึง 0-200 m ่ แสงน้อย เขตทีมี 200-1,500 m 1,500-15,000 m ไม่มแ ี สง หาดทราย ้ นลงเป็ ้ กระแสนาขึ นปัจจัยหนึ่ งทาให ้ความชืน้ อุณหภูมข ิ อง หาดทรายแตกต่างกัน ้ นน ้ าลง ้ ่ ชวี ต ่ กระแสนาขึ สิงมี ิ ทีอาศั ยหาดทราย หาดหิน ่ อุณหภูมิ แสง และความชืน้ มีการเปลียนแปลงเกิ ด ้ นน ้ าลง ้ นาขึ ่ ปู ปลิง ทะเล เพรียงหิน หอยนางรม ลินทะเล แนวปะการ ัง (coral reefs) ระบบนิ เวศบนบก (Terrestrial ecosystem) ่ ขนาดใหญ่ คือ ป่ าไม้ ระบบนิ เวศบนบกทีมี ป่ าไม้ในประเทศไทย แบ่งได ้ 2 กลุม ่ ใหญ่ๆ คือ ป่ าไม่ผลัดใบ (Evergreen forest) ป่ าผลัดใบ (Deciduous forest) ป่ าไม่ผลัดใบ ได้แก่ - ้ ป่ าดิบชืน ป่ าดิบแล้ง ป่ าดิบเขา ป่ าสนเขา ป่ าชายเลน ป่ าพรุ ป่ าผลัดใบ ได ้แก่ - ป่ าเบญจพรรณ - ป่ าเต็งร ัง หรือ ป่ า แดง 1. ป่ าไม่ผลัดใบ (evergreen forest) ้ (tropical rain forest ป่ าดิบชืน หรือ tropical evergreen forest) ่ ลักษณะ : ฝนตกชุก อุณหภูมไิ ม่เปลียนแปลง เขียวตลอดปี พืชมีความสูงแตกต่างกัน ่ : ภาคใต ้ ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก แหล่งทีพบ พืช : ไม้ต ้น 25-40 เมตร เช่น ไม้ยาง ตะเคียน ไม้สะยา ไม้กลาง เช่น 10-20 เช่น ตีนเป็ น แดง จิกเขา ไม้พนล่ ื ้ าง ไม่เกิน 7 เมตร เช่น ไม้ พุ่ม ปาล ์ม ไผ่ ป่ าดิบแล้ง (dry evergreen forest) ลักษณะ : ป่ าโปร่ง แห้งแล ้งอย่างน้อย 3-4 เดือน ่ : ภาคเหนื อ แหล่งทีพบ ตะวันออกเฉี ยงเหนื อ พืช : พืชเด่น เช่น ยางแดง ่ มะค่าโมง เคียม หลุมพอ กะบาก ตะเคียนหิน พืชรอง เช่น พลอง กระเบา เล็ก ป่ าดิบเขา (hill evergreen forest หรือ mountain forest) ้ : ป่ าใน พ.ท.สูง ระดับนาทะเล 1,000 เมตร ้ ขึนไป ่ : เทือกเขาสูงภาคเหนื อ ป่ าต ้น แหล่งทีพบ นา้ พืช : ไม้วงศ ์ก่อ นางพญาเสือโคร่ง อบเชย มะขามป้ อมแดง สนเขา จาปี ป่ า ้ ลักษณะ ป่ าสน (coniferous forest) ลักษณะ : ต ้นไม้มใี บเรียวเล็ก ่ : ภูเขาสูงภาคเหนื อ ภาคกลาง แหล่งทีพบ ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อ พืช : สนสองใบ สนสามใบ ไม้พุ่ม ไม้ล ้มลุก สัตว ์ : แมวป่ า หมาป่ า ชะมด อีเห็น และสัตว ์ กินเมล็ดสนได ้แก่ กระรอก และ นก ป่ าสน >>> อุทยานแห่งชาติแสลงหลวง ป่ าชายเลน (mangrove forest) ลักษณะ ้ อย มี นากร่ ้ : ขึนตามแนวทะเล ปากแม่นา้ ความหลากหลายทางชีวภาพ สูง ่ : ชายฝั่งทะเล อ่าวไทย ชายฝั่ง แหล่งทีพบ อันดามัน พืช : โกงกาง แสม ลาพู ตะบูน เป็ น ต ้น สัตว ์ : แหล่งอาหาร วางไข่ อนุ บาลตัว ป่ าพรุ (peat swamp forest) ลักษณะ ้ พรุ นามี ่ ม ้ งตลอดปี ดินอินทรีย ์ : ทีลุ ่ นาขั ความเป็ นกรดสูง ป่ าแน่ นทึบ ่ : ภาคใต ้ เช่น พรุโต๊ะแดง แหล่งทีพบ พืช : หวาย ปากแดง หลุมพี ฯลฯ สัตว ์ : แหล่งอาหาร วางไข่ อนุ บาลตัว อ่อน เช่น กุ ้ง หอย ปู ปลา ป่ าพรุ >>> พรุโต๊ะแดง จ.นราธิวาส 2. ป่ าผลัดใบ (deciduous forest) ป่ าเบญจพรรณ (mixed deciduous forest) ลักษณะ : ป่ าโปร่ง ต ้นไม้ขนาดใหญ่และ ขนาดกลาง ดินร่วนปนทราย ่ : ทุกภาคในประเทศไทย ยกเว ้น แหล่งทีพบ ภาคใต ้ พืช : พันธุ ์ไม้หลักสาคัญ มี 5 ชนิ ด ได ้แก่ สัก มะค่า แดง ประดู่ และชิงชัน ป่ าเบญจพรรณ >>> เขตร ักษาพันธุ ์สัตว ์ป่ า ป่ าเต็งร ัง ป่ าแดง และป่ าแพะ (dry dipterocarp forest) ลักษณะ : ป่ าโปร่ง ต ้นไม ้ขนาดใหญ่ ่ : พืนที ้ แห ่ ้งแล ้งของทุกภาค โดย แหล่งทีพบ เฉพาะ....ภาค ตะวันออกเฉี ยงเหนื อ ยกเว ้น ภาคใต ้ และ ภาคตะวันออก จ.จันทบุร ี และตราด พืช : เต็ง ร ัง ไผ่เพ็ก พะยอม เหียง พลวง ประดูแ่ ดง มะขามป้ อม ป่ าเต็งร ัง ป่ าแดง ป่ าแพะ >>> สถานี วจิ ยั สวัสดี สมการเคมีในการสังเคราะห ์ด้วย แสง • สรุปสมการเคมีในการสังเคราะห ์ด้วยแสงของ พืชสีเขียวเป็ นด ังนี ้ : nCO2 + 2nH2O + พลังงานแสง → (CH2O) n + nO2 + nH2O ้ นดัง • น้ าตาลกลูโคส และ แป้ ง เป็ นผลผลิตขันต้ สมการด ังต่อไปนี :้ 6CO2 + 12H2O + พลังงานแสง → C6H12O6 + 6O2 + 6H2O • การสังเคราะห ์ด้วยแสงแบ่งเป็ น 2 ปฏิก ิรย ิ า คือ ่ องใช้แสง คือ ปฏิก ิรย • ปฏิก ิรย ิ าทีต้ ิ าโฟโตฟอส ่ ้ ้ าลง และคลืน กระแสน้ าขึนน ้ ้ าลงเกิดจากแรงดึงดูดของดวง • กระแสน้ าขึนน อาทิตย ์ และ ดวงจันทร ์ ่ • เมือดวงอาทิ ตย ์ และดวงจันทร ์ โคจรมาอยู ่ใน ้ ้ าลง แนวเดียวกันกับโลก ทาให้ระดับน้ าขึนน แตกต่างกันมาก ้ 15 เรียก น้ าเกิด (spring tide) ตรงกับ วันขึน ่ และแรม คา ่ 15 คา ้ เรียก น้ าตาย • แต่ถา้ โคจรตังฉากกันมาก (neap tide)