เทคนิคและวิธีการตัดชา เทคนิคและวิธีการตัดชา การตัดชาหรือการตัดกิง่ ตัดรากหรือตัดใบมาจากต้ น แม่ ทาให้ เกิดรากหรือต้ นโดยใช้ สารเคมีและ / หรือให้ สภาพแวดล้ อมทีเ่ หมาะสมช่ วย โดยทัว่ ไปแล้ วต้ นใหม่ ทไี่ ด้ จะเป็ นสายต้

Download Report

Transcript เทคนิคและวิธีการตัดชา เทคนิคและวิธีการตัดชา การตัดชาหรือการตัดกิง่ ตัดรากหรือตัดใบมาจากต้ น แม่ ทาให้ เกิดรากหรือต้ นโดยใช้ สารเคมีและ / หรือให้ สภาพแวดล้ อมทีเ่ หมาะสมช่ วย โดยทัว่ ไปแล้ วต้ นใหม่ ทไี่ ด้ จะเป็ นสายต้

เทคนิคและวิธีการตัดชา
เทคนิคและวิธีการตัดชา
การตัดชาหรือการตัดกิง่ ตัดรากหรือตัดใบมาจากต้ น
แม่ ทาให้ เกิดรากหรือต้ นโดยใช้ สารเคมีและ / หรือให้
สภาพแวดล้ อมทีเ่ หมาะสมช่ วย โดยทัว่ ไปแล้ วต้ นใหม่ ทไี่ ด้
จะเป็ นสายต้ นหรือโคลนทีม่ ลี กั ษณะเหมือนต้ นแม่ ทกกอย่ าง
ความสาคัญและข้ อดีของการขยายพันธก์ด้วยการตัดชา
การตัดชาเป็ นวิธีขยายพันธก์ทสี่ าคัญทีส่ ก ด
ของไม้ พ่มก ทีใ่ ช้ ประดับทั้งไม้ ผลัดใบและไม้ เขียว
ตลอดปี ทั้งพืชใบกว้ างและพืชใบแคบ และการตัดชา
ใช้ มากกับการขยายพันธก์พชื ในโรงกระจก
คกณสมบัตขิ องเซลล์พนื้ ฐานทีส่ าคัญ
มี 2 ประการ คือ
1. Totipotency หมายถึง เซลล์ ทมี่ ีข้อมูลทางพันธกกรรมที่
จาเป็ นสาหรับการสร้ างส่ วนต่ างๆ ของพืช และทาหน้ าที่ของส่ วนนั้น ๆ
2. Dedifferentiation หมายถึง ความสามารถของเซลล์ ที่เจริญ
differentiate ไปแล้ วกลับมาอยู่ในสภาพเซลล์ เนือ้ เยือ่ เจริญ
(meristematic cells ) ใหม่ แล้ วพัฒนาเป็ นปลายยอดหรือปลายราก
การขยายพันธก์พชื ทีไ่ ม่ ใช้ เพศจะได้ รากทีเ่ รียกว่ า
Advantitious roots มี 2 ชนิด คือ
 Preformed roots คือรากทีเ่ กิดตามธรรมชาติในกิง่ ขณะที่
กิง่ ยังติดอยู่กบั ต้ นแม่ และอาจแทงออกมานอกกิง่ ก่ อนทีจ่ ะ
ตัดกิง่ มา เช่ น ข้ าวโพด
 Wound roots เกิดขึน
้ หลังจากตัดกิง่ มาแล้ วและจะเกิดขึน้
เมือ่ กิง่ ถูกตัดเท่ านั้น เช่ น การตัดกิง่ ชา
การรักษาแผลของกิง่ มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
1. เมื่อเซลล์ รอบนอกทีถ่ ูกตัดตายไปเกิดแผ่ นนีโครติกเพือ่ ปิ ด
ปากแผลด้ วยสารพวกคอร์ กทีเ่ รียกว่ า ซูเบอริน และอกดท่ อนา้
ด้ วยยาง (gum ) แผ่ นนีโครติกช่ วยป้องกันรอยตัดไม้ ไม่ ให้
สู ญเสี ยนา้ อีกและไม่ ให้ เชื้อโรคเข้ า
2. เซลล์ ที่มีชีวติ ใต้ แผ่ นนีโครติกเริ่มแบ่ งตัวใน 2-3 วัน และมีช้ัน
เซลล์ พาเรนไคมา เรียกว่ า แคลลัส สร้ างเนือ้ เยือ่ เพอริ เดิร์ม
3. เซลล์ ในแคมเบียมและท่ อนาอาหาร เริ่มแบ่ งตัวเป็ นจกดกาเนิด
ราก
การเกิดรากใหม่ มี 4 ขั้นตอน
1. เซลล์ ที่ differentiate ไปแล้ วบางเซลล์ กลับมา differentiate อีกครั้ง
เรียกว่ า Dedifferentiation
2. เกิดจกดกาเนิดราก (root initials ) จากเซลล์ บางเซลล์ ใกล้ ท่อนา้ ท่ อ
อาหาร
3. จากจกดกาเนิดราก พัฒนามาเป็ นรู ทไพรมอร์ เดีย (root primordial)
4. รู ทไพรมอร์ เดียเติบโตและเจริญพ้ นเนือ้ เยือ่ อืน่ ๆ ของกิง่ และมีการ
สร้ างท่ อนา้ ท่ ออาหารติดต่ อกันระหว่ างรู ทไพรมอร์ เดียกับเนือ้ เยือ่ ท่ อ
นา้ ท่ ออาหารของกิง่ ชา
ชนิดของการตัดชา
I. การตัดชากิง่ (Stem cutting)
1. การตัดชากิง่ แก่ (hardwood) ทั้งไม้ ผลิใบ (deciduous) และ
พืชใบแคบเขียวตลอดปี (narrow-leaved evergreen)
2. การตัดชากิง่ กึง่ แก่ กงึ่ อ่ อน (Semihardwood)
3. การตัดชากิง่ อ่ อน (Sofrwood)
4. การตัดชากิง่ ไม้ พ่มก เนือ้ อ่ อน
II. การตัดชาใบ
III. การตัดชาใบติดตา (leaf bud cutting ) บางครั้งเรียกว่ า single
eye หรือ single node cutting
IV. การตัดชาราก (Rootcutting )
การปักชาใบ
พืชหลายชนิดสามารถขยายพันธก์ได้ ด้วยการปักชาใบ ซึ่งการตัดชาใบ
พืชจะเกิดรากได้ เร็วกว่ าเกิดต้ น รากใหม่ พฒ
ั นามาจาก
Primary (preformed) meristem
 เป็ นกลก่มของเซลล์ ทม
ี่ าจากเซลล์เอ็มบริโอทีเ่ ป็ นเนือ้ เยือ่ เจริญโดยตลอด
เช่ นโคมญีป่ ก่ น, piggyback plant และ walking fern
Secondary (wound) meristem
 กลก่มของเซลล์ ทเี่ ปลีย่ นแปลงไปแล้ วและทาหน้ าทีใ่ นระบบเนือ้ เยื่อมาก่ อน
แล้วจึงเปลีย่ นแปลงกลับมาเป็ นเนือ้ เยือ่ เจริญใหม่ เพือ่ สร้ างส่ วนที่พชื ขาดให้
ได้ ต้นใหม่ ทสี่ มบูรณ์ เช่ น อัฟริกนั ไวโอเล็ต ( Saintpaulia ), ลิลี่ ( Lilium
longiflorum และ Lilium candidum )
โคมญีป่ ก่ น
อัฟริกนั ไวโอเล็ต
การปักชาราก
 การปักชารากจะเกิดต้ นง่ ายเกิดราก เช่ น สาเก แคแสด ปี ป
ความรู้ พนื้ ฐานทางสรีรวิทยาของการเกิดจกดกาเนิดรากและต้ น
สารควบคกมการเจริญเติบโต
 ฮอร์ โมนพืช (Plant hormones) เป็ นสารประกอบอินทรีย์ที่พชื สร้ างขึน
้
เมื่อมีความเข้ มข้ นต่าแต่ สามารถควบคกมกระบวนการทางสรีรวิทยาของ
พืชได้
 สารควบคกมการเจริญเติบโต (Plant Growth Regulators) อาจเป็ นสารที่
มนกษย์ สังเคราะห์ ขนึ้ หรือเป็ นฮอร์ โมนพืชแม้ ปริมาณเล็กน้อยก็สามารถ
ควบคกมกระบวนการทางสรีรวิทยาของพืชได้
 สารควบคกมการเจริญเติบโตกลก่มต่ างๆ ทีม
่ ีอทิ ธิพลต่ อการเกิดราก ได้ แก่
ออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน และ เอทิลนี รวมทั้งสารยับยั้งการ
เจริญเติบโต เช่ น กรดแอบซิสิกและฟี นอลิก
ออกซิน(Aoxin)
 เป็ นสารทีพ
่ ชื สามารถสร้ างขึน้ เองตามธรรมชาติและสั งเคราะห์ ขนึ้ ซึ่งมี
อิทธิพลในการเกิดรากของกิง่ ชามากทีส่ ก ด
ไซโทไคนิน (Cytokinins)
 เป็ นสารทีพ
่ ชื สร้ างขึน้ ตามธรรมชาติมีบทบาทในการเติบโตของเซลล์
และการเปลีย่ นแปลงของเซลล์ พบในนา้ เลีย้ งในท่ อนา้ ของพืช ในเมล็ด
ในเอ็มบริโอและในใบสี เขียว สารทีม่ ีคกณสมบัติของไซโทไคนิน ได้ แก่
ซีติน (Zeatin), ไคเนติน (Kinetin), 2iP,PBA และ 6- เบนซิลอะดีนีน (6benzyl adenine)
กิง่ ชามีออกซินสู งและไซโทไคนินต่า
การมีออกซินต่าไซโทไคนินสู ง
ออกรากได้ ดี
เกิดต้ นได้ ดี
จิบเบอเรลลินส์ (Gibberellins : GA)
 GA ความเข้ มข้ นค่ อนข้ างสู ง เช่ น 10 -3 โมลาร์ ยับยั้งการเกิดราก
 GA ความเข้ มข้ นต่า ๆ เช่ น 10-11 ถึง 10-7 โมลาร์ กิง่ ชาออกรากได้
กรดแอบซิสิก (Abscisic acid :ABA )
ก . สารยับยั้งการเจริญเติบโตทาหน้ าทีต่ รงกันข้ ามกับการสั งเคราะห์ หรือ
การทางานของ GA
ข . ลดการเจริญเติบโตของต้ น ทาให้ มีการแย่ งอาหารน้ อยลง และมีดูดซึม
(assimilates) เพือ่ ใช้ ในการออกราก
เอทิลนี (Ethylene)
 เอทิลน
ี มีอยู่ในพืชและมีคกณสมบัติหลายอย่ าง คือสามารถช่ วยในการออก
ราก ยับยั้งการเกิดราก หรือไม่ มีผลต่ อการออกรากเลยก็ได้
ความสามารถของการเกิดรากสามารถแบ่ งพืชออกเป็ น 3 กลก่ม ดังนี้
1. กลก่มทีใ่ นเนือ้ เยือ่ มีสารตามธรรมชาติอยู่ครบถ้ วนทั้งออกซิน ซึ่งจาเป็ นใน
การออกราก เมื่อตัดกิง่ แล้วนาไปชาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะออกราก
ได้ เร็ว
2. กลก่มทีม่ ีสารตามธรรมชาติในปริมาณมากพอแต่ ขาดออกซิน ถ้ าให้ ออกซิน
จะออกรากได้ ดีขึน้ มาก
3. กลก่มทีข่ าดสารการทางานร่ วมกับออกซิน 1 อย่ างหรือมากกว่ านั้นไม่ ว่าจะ
มีออกซินมากหรือน้ อยภายในพืช การให้ ออกซินจะช่ วยได้ เพียงเล็กน้ อย
หรือไม่ ช่วยเลยเนื่องจากยังขาดสารอืน่ ตามธรรมชาติทจี่ าเป็ นในการออกราก
ปัจจัยทีม่ ผี ลต่ อการเกิดรากและการอยู่รอดของกิง่ ปักชา
การกรีดโคนกิง่ (Wounding)
การใช้ สารเร่ งราก
เพือ่ เพิม่ เปอร์ เซ็นต์ ในการออกราก เร่ งให้ ออกรากได้ เร็ว
การควบคกมและการป้องกันโรค
เก็บกิง่ ชาจากต้ นแม่ ทปี่ ลอดโรคและอยู่ในสภาพแวดล้อมทีส่ มบูรณ์
โครงสร้ างสาหรับชาและการปักชา
แปลงชากิง่ ควรยกสู งหรือถ้ าอยู่กบั พืน้ ควรมีกระเบือ้ งรองเพือ่ ช่ วย
ระบายนา้ กิง่ ชาอยู่เหนือก้นกระบะ 1 นิว้ ควรให้ นา้ วัสดกช่ก มก่อนการปักชา
ธาตกอาหารสาหรับกิง่ ชา
กิง่ ต้ องมาจากต้ นแม่ ทแี่ ข็งแรงและได้ รับธาตกอาหารสมบูรณ์ และวัสดก
ชาควรผสมปก๋ ยทีใ่ ห้ ธาตกอาหารช้ า หรือการให้ ปก๋ยนา้ อย่ างเจือจางรดวัสดก
ปลูกหลังจากมีจกดกาเนิดราก
การดูแลรักษากิง่ ชาระหว่ างออกราก
การตัดชากิง่ แก่ หรือการตัดชารากในแปลงกลางแจ้ ง
ต้ องการการดูแลรักษา คือต้ องมีความชื้นพอเหมาะ ไม่ มีวชั พืชและ
ต้ องควบคกมโรคและแมลงด้ วย
การตัดชากิง่ อ่ อน กิง่ ของพก่มไม้ เนือ้ อ่ อนหรือกิง่ กึง่ แก่ กงึ่
อ่ อนทีม่ ีใบติดและการปักชาใบหรือใบติดตาออกรากได้ ดใี นสภาพ
ความชื้นสู งและได้ รับการดูแลใกล้ ชิดตลอดช่ วงการออกราก
Tip และเทคนิคในการขยายพันธก์ด้วยการชา



ควรตัดกิง่ ให้ ชิดข้ อเฉียงเป็ นมกม 45 - 60 องศาเซลเซียส
ในการปักชาควรรักษาความชื้นให้ สูงอยู่เสมอ
อกณหภูมิทโี่ คนกิง่ ควรสู งกว่าภายนอกเล็กน้ อย