องค์ประกอบของการสอน - คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

Download Report

Transcript องค์ประกอบของการสอน - คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุ นทรา โตบัว
สาขาการวิจัยและประเมินทางการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
[email protected]
ความหมายของการวิจัยในชั้นเรียน
CLASSROOM
ชั้นเรียน
ACTION RESEARCH
การวิจัยปฏิบัติการ
เป็ นการทาวิจัยโดยครู ผู้สอนเพือ่ ต้ องการแก้ ปัญหา
ทีเ่ กิดขึน้ ในชั้นเรียนของตนเอง โดยมุ่งนาผลการวิจัย
มาใช้ ในการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนรู้ ของผู้เรียน
รวมทั้งการสอนของครู ซึ่งการทาวิจัยในชั้นเรียน
ต้ องทาในขณะทีพ่ บปัญหาและบูรณาการไปกับ
การจัดการเรียนการสอนตามปกติของครู
ขอบเขตของการทาวิจยั ในชั้นเรี ยน
1. พัฒนาการเรี ยนการสอนเท่านั้น
2. เน้นการแก้ปัญหาในความรับผิดชอบต่อ
การเรี ยนการสอน
3. ไม่เน้นการสรุ ปอ้างอิงไปยังกลุ่มอื่น
ขอบเขตของการทาวิจยั ในชั้นเรี ยน
4. ใช้กลุ่มเป้ าหมายไม่ใช้การสุ่ มตัวอย่าง
5. ใช้สถิติพ้นื ฐาน เช่น ความถี่ ร้อยละ การบรรยาย
6. เน้นการพัฒนาผูเ้ รี ยน ต้องการให้เกิดการพัฒนา
พุทธิพิสัย (Cognitive Domain)
จิตพิสยั (Affective Domain)
ทักษะพิสัย (Psychomotor Domain)
ครูกบั วิจยั ในชั้นเรียน
การสอน
เผยแพร่
ปัญหา
ผลลัพธ์
โครงการวิจยั
ปฏิบตั ิการ
วิเคราะห์ ปัญหา/ค้ นหา
สาเหตุแท้ จริง
วางแผน
สะท้ อนผล
เพือ่ การ
ปรับปรุง
P
ปฏิบัตติ าม
แผน
A
5
R
O
กระบวนการวิจัยปฏิบัติการ
สั งเกตผล
ตรวจสอบ
ตามแผน
ประเมินผล
ปัญหาเชิงแก้ ไข/ปรับปรุง
ปัญหาเชิงพัฒนา
ปัญหาเชิงป้องกัน
ที่ห้องเรียนของท่ าน มีปัญหาอะไรบ้ าง
เด็กขาดทักษะ
การคิดวิเคราะห์
ครู
ชวนคิด ...ปัญหาและสาเหตุในชั้นเรียนของท่ านคืออะไร
ปัญหา
คือ............................
สาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ
สาเหตุ
ปัญหา
ผู้เรียนขาดทักษะการคิดวิเคราะห์
ประเด็นวิจัย
การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
ของผู้เรียน
ปัญหา
ผู้เรียนไม่ ต้งั ใจเรียน
ค้ นหาเทคนิควิธีการสอนที่ดี
ประเด็นวิจัย
ปัญหา
เด็กขาดทักษะการคิดวิเคราะห์
การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
ของนักเรียน
ประเด็นวิจัย
วิธีการพัฒนา
จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ ปัญหาเป็ นหลัก (PBL)
เน้ นให้ ได้ ฝึกการคิดวิเคราะห์ ท้งั รายบุคคลและเป็ นกลุ่ม
ปัญหา
เด็กไม่ ต้งั ใจเรียน
การแก้ ปัญหาการไม่ ต้งั ใจเรียน
ของนักเรียน
ประเด็นวิจัย
- ให้ ความรักและเอาใจใส่ อย่ างใกล้ ชิด
- ให้ การเสริมแรง
วิธีการแก้ ปัญหา
- ทาสั ญญาการเรียน
- ติดตามการทางานของเด็กเป็ นรายบุคคล
- ใช้ เทคนิควิธีสอนหลากหลายและน่ าสนใจ
เตรียมนวัตกรรม
กาหนดวิธีการเก็บรวบรวมข้ อมูล
เตรียมการ
เตรียมเครื่องมือเก็บรวบรวมข้ อมูล
กาหนดวิธีการวิเคราะห์ ข้อมูล
วางแผนปฏิบัติการ
กาหนดขั้นตอนการปฏิบัติ
เพือ่ จัดการกับปัญหา
วางแผนติดตาม ตรวจสอบ และ
ประเมินผลการจัดการกับปัญหา
องค์ ประกอบของการสอน OLE
วัตถุประสงค์
เนือ้ หาวิชา
กิจกรรม
ประเมินผล
การกาหนดจุดมุ่งหมายของการสอน
objective : O
คุณสมบัติของผูท
้ ี่จบการเรี ยน มุ่งพัฒนาทั้ง 3
ด้าน
คือ พุทธิพิสยั จิตพิสัย และทักษะพิสยั
กาหนดทั้งจุดมุ่งหมายทัว่ ไป และจุดมุ่งหมายเฉพาะ
แต่ละรายวิชา โดยคานึงถึงพัฒนาการทางร่ างกาย
และจิตใจ ตลอดจนปลูกฝังนิสยั ที่ดีงาม เพื่อให้เป็ น
พลเมืองดี
การกาหนดเนือ้ หาและประสบการณ์ การเรียนรู้
learning : L
 เลือกสาระความรู ้ต่างๆ ที่จะนาไปสู่ การพัฒนาผูเ้ รี ยนให้
เป็ นไปตามจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้
 การคัดเลือกเนื้อหาวิชา
 จัดลาดับเนื้อหาเหล่านั้นว่า เนื้อหาสาระใดควรเป็ น
พื้นฐานของเนื้อหาใดบ้าง ควรให้เรี ยนอะไรก่อนอะไร
หลัง แล้วแก้ไขเนื้อหาที่ถูกต้องสมบูรณ์ท้ งั แง่สาระและ
การจัดลาดับที่เหมาะสม ตามหลักจิตวิทยาการเรี ยนรู้
การประเมินผล
evaluation : E
 เป็ นการประเมินสัมฤทธิ์ ผลของผูเ้ รี ยนว่าเมื่อได้นาไปใช้แล้วนั้น
ผูเ้ รี ยนมีคุณสมบัติ มีความรู ้ความสามารถตามที่กาหนดไว้
หรื อไม่ นอกจากนี้การประเมินจะเป็ นประโยชน์อย่างยิง่ ต่อการ
ปรับปรุ งการเรี ยนการสอนให้มีคุณค่าสู งขึ้น อันเป็ นการนาไปสู่
ความสาเร็ จตามเป้ าหมายที่วางไว้
นวัตกรรมการสอน
สิ่ งที่ผส
ู ้ อนสร้างสรรค์/ คิดค้นขึ้นมาใหม่
จุดมุ่งหมายเพื่อเสริ มสร้าง สนับสนุนให้
ผูเ้ รี ยนเกิดประสิ ทธิผลทางการเรี ยนรู ้
ที่เรียกว่ าใหม่ คอื ...
?
คิดค้ นใหม่ ไม่ เคยมีใครคิดมาก่ อน
นาของเดิมมาปรั บปรุงใหม่
นาของผ้ ูอน
ื่ มาใช้ เป็ นครั้งแรก
ประเภทนวัตกรรมการสอน
วัสดุ / สิ่ งพิมพ์ /
แบบฝึ ก/ ชุดการเรี ยนรู้
 อุปกรณ์ / สื่ อการเรี ยนรู ้
กิจกรรม / เทคนิ ควิธี
นวัตกรรมการสอนที่ดี
สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรี ยนรู ้
เนื้ อหาและวิธีการถูกต้องตามหลักวิชาการ
สื่ อสารได้ชดั เจน กระชับ ง่าย
เร้าให้ผเู ้ รี ยนมีส่วนร่ วม
ตัวอย่ าง... การพัฒนาสมรรถนะวิจัยของนิสิตวิชาชีพครู
ด้ วยชุ ดการเรียนรู้ ด้วยตนเอง
.....
วัตถุประสงค์
1. เพือ่ พัฒนาชุ ดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่องการวิจัยปฏิบัติการใน ชั้น
เรียน
2. เพือ่ ประเมินประสิ ทธิภาพชุ ดการเรียนรู้ด้วยตนเองเรื่องการวิจัย
ปฏิบัติการในชั้นเรียน และศึกษาผลของการใช้ ชุดการเรียนรู้ ด้วยตนเอง
ในด้ านสมรรถนะการวิจัย คุณลักษณะการเรียนรู้ด้วยตนเอง และความ
พึงพอใจต่ อชุดการเรียนรู้
นวัตกรรม...
ตัวอย่ าง ... การจัดประสบการณ์ ผ่านการสะท้ อนคิดจากการเรียนรู้ ด้วยการ
วิจัยเป็ นฐานเพือ่ การพัฒนาตนเองของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา
วัตถุประสงค์ การวิจัย
1. เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดประสบการณ์ ด้วยกระบวนการสะท้อนคิด
และการเรี ยนรู ้โดยใช้วิจยั เป็ นฐานสาหรับนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา
2. ศึกษาผลการพัฒนาตนเองของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษา ที่ได้รับการจัด
ประสบการณ์ผา่ นกระบวนการสะท้อนคิดและการเรี ยนรู ้โดยใช้วิจยั
เป็ นฐาน
3. ศึกษาความคิดเห็นของนิสิตที่มีต่อทางการจัดประสบการณ์การ
เรี ยนรู ้ ด้วยกระบวนการสะท้อนคิดและการเรี ยนรู ้โดยใช้วิจยั เป็ นฐาน
นวัตกรรม....
สมุดบันทึกการพัฒนาตนเองของนิสิต
จากการสรุ ปการทบทวนบทเรียน
(Self Improvement Report After
Action Review: SIRAAR)
ชื่อ-สกุลนิสิต ..................................................................................
ชื่อวิชา
การวิจยั สถาบัน (Institutional Research)
ชื่อผู้สอน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สุ นทรา โตบัว
บันทึกการพัฒนาตนเองของนิสิตจากการสรุปการทบทวนบทเรียน
กิจกรรม/ ผลงาน ครั้งที่ ...
1. กิจกรรม/ผลงานทีท่ ไี่ ด้ มอบหมายในครั้งนี้ คือ
..............................................................................
2. ท่ านกาหนดเป้ าหมายในการทางานครั้งนีไ้ ว้ อย่ างไร
..............................................................................
3. ท่ านบรรลุเป้ าหมายในการทางานครั้งนีห้ รือไม่ เพราะเหตุใด
..............................................................................
4. การเรียนรู้ หรือบทเรียนทีท่ ่ านจากการทางานนี้
..............................................................................
5.ท่ านมีแนวทางในการพัฒนาตนเองอย่ างไรต่ อไป หลังจากทางานในครั้งนี้
กรอบแนวคิดการวิจยั ปฏิบตั ิการสอน
ความคิดรวบยอดที่
แสดงความสัมพันธ์
หลักการ
ผลการเรียนรู้ วิธีการ
การเสนอกรอบแนวคิด
การเสนอกรอบแนวคิดแบบพรรณนา เป็ น
การบรรยายถึงแนวคิดทฤษฎีที่ผวู ้ ิจยั ได้นามา
เป็ นกรอบในการศึกษา
2. การเสนอกรอบแนวคิดแบบแผน เป็ นการ
เชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ของกรอบ
ทฤษฎีและตัวแปรที่ศึกษา
1.
ชุดการเรี ยนรู ้ดว้ ยตนเองเรื่ องวิจยั
ชุดกิจกรรมที่เน้นการปฏิบตั ิจริ ง
เรี ยนรู ้ดว้ ยตนเอง&สมรรถนะวิจยั
planing
•รับผิดชอบการเรี ยนรู ้ตนเอง: acting
•ประเมินตนเอง: observing
•สะท้อนการเรี ยนรู ้ได้: reflecting
•มีเป้ าหมายในการเรี ยนรู ้:
หลักการวิจยั ปฏิบตั ิการ
ในชั้นเรี ยน
1.เน้นการปรับปรุ งอย่างต่อเนื่อง
2.เน้นที่การเรี ยนรู้ของผูเ้ รี ยน
3.เน้นการใช้ขอ้ เท็จจริ ง
4.เน้นการปรับปรุ งที่กระบวนการ
อย่างต่อเนื่อง
ประสิ ทธิภาพของชุดการเรี ยนรู ้
ประเมินจากสมรรถนะวิจยั ลักษณะการเรี ยนรู ้
ด้วยตนเอง ความพึงพอใจของผูเ้ รี ยน
การสอนแบบบูรณาการทีเ่ น้ นผู้เรียนเป็ นสาคัญ
กลุ่มสาระภาษาไทย : เรื่องข้ าว
กรอบแนวคิดเชิงพรรณนา

การจัดการเรี ยนการสอนที่เน้นการปฏิบตั ิจริ ง ให้นกั เรี ยนมี
ส่ วนร่ วมช่วยกันคิดกิจกรรมการเรี ยนการสอน ได้ลงมือ
ปฏิบตั ิกิจกรรม ค้นคว้าด้วยตนเองและกระบวนการกลุ่ม เป็ น
แบบเชิงบูรณาการการเรี ยนรู้ทุกลุ่มสาระการเรี ยนรู้ ทุกทักษะ
กระบวนการ ให้อิสระเสรี กบั นักเรี ยนในการเรี ยน
ที่มา: นางสาว อุมาพร - บุญเปี ยก
โรงเรี ยนพระยาประเสริ ฐสุ นทราศรัย (กระจ่าง สิ งหเสนี)
คาถามวิจัยทีเ่ กีย่ วกับการปฏิบัติการสอน
คาถามวิจยั หลักในการวิจยั ปฏิบตั ิการในชั้นเรี ยน
คาถามที่ 1 แผนปฏิบตั ิการมีความเหมาะสมแก่การ
นาไปใช้หรื อไม่
คาถามที่ 2 เมื่อนาแผนปฏิบตั ิการไปใช้สามารถพัฒนาให้
ผูเ้ รี ยนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามที่กาหนดหรื อไม่
ช่ วยกัน...ออกแบบการเรียนรู้
แนวคิด/
วิธีการสอน
กิจกรรม
ผลการเรี ยนรู้ที่
คาดหวัง
ตัวแปร (Variables)
 หมายถึงคุณลักษณะที่ผวู ้ จิ ยั สนใจศึกษา ลักษณะเหล่านี้
เปลี่ยนแปลงหรื อแปรค่าได้ตามคุณสมบัติของตัวเอง
หรื อเงื่อนไขที่จดั กระทาขึ้นเป็ นสิ่ งที่สามารถจาแนกได้
มากกว่าหนึ่งลักษณะ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรี ยน
ดีเยีย่ ม/ดี/พอใช้/ต้องแก้ไข
ชนิดของตัวแปร
ตัวแปรอิสระ (Independent Variable) ตัวแปรจัด
กระทา ตัวแปรปฏิบตั ิการ เป็ นตัวแปรที่ผวู้ ิจยั ศึกษาในฐานะ
ที่เป็ นตัวสาเหตุ และเป็ นเหตุให้เกิดผลตามมา
 ตัวแปรตาม (Dependent Variable) เป็ นตัวแปรที่
เกิดขึ้นเนื่องจากการกระทาของตัวแปรอิสระหรื อเป็ นตัว
แปรที่เป็ นผลเมื่อตัวแปรอิสระเป็ นเหตุ

ตัวแปรที่ตอ้ งการศึกษา
1.
2.
ตัวแปรความเหมาะสมของแผนปฏิบตั ิการ
ตัวแปรตามที่เป็ นผลที่เกิดขึ้นจากการนา
แผนปฏิบตั ิการสอนไปใช้
1. ตัวแปรความเหมาะสมของแผนปฏิบตั ิการ(ต่อ)




องค์ประกอบของแผนปฏิบตั ิการมีความสอดคล้องกัน
แผนปฏิบตั ิการสามารถนาไปใช้ได้จริ ง
แผนปฏิบตั ิการมีกาหนดการที่จะนาไปใช้ที่ชดั เจน มีความ
เหมาะสมแก่การนาไปใช้หรื อไม่
เมื่อนาแผนปฏิบตั ิการไปใช้สามารถพัฒนาให้ผเู้ รี ยน
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามที่กาหนดหรื อไม่
2. ตัวแปรตามที่เป็ นผลที่เกิดขึ้น
แนวคิดการประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริง
(Authentic assessment)
ให้ ผู้เรียนแสดงออกถึงความสามารถด้ านต่ างๆ
โดยใช้ ความรู้ ทักษะ คุณลักษณะต่ างๆ พร้ อม
กัน
Performance
Product
การประเมินผู้เรียน
ตามสภาพจริง
Process
นิยามปฏิบตั ิการ (Operation Definition)
 คุณลักษณะหรื อองค์ประกอบของตัวแปร
 พฤติกรรมที่แสดงออก
 สถานการณ์หรื อสิ่ งเร้าที่ทาให้บุคคลแสดงพฤติกรรมออกมา
 เกณฑ์ที่เป็ นเครื่ องชี้บ่งว่าพฤติกรรมที่แสดงออกนั้น
ตัวอย่าง นิยามปฏิบตั ิการ
การมีส่วนร่ วมในชั้นเรียน หมายถึง การกระทาที่
ผูเ้ รี ยนแสดงออกเพื่อให้ได้มีซ่ ึงความรู้ขณะร่ วม
กิจกรรมในชั้นเรี ยน จาแนกเป็ นพฤติกรรมบ่งชี้ได้คือ
ร่ วมอภิปรายกับเพื่อน ตอบคาถาม ซักถามเมื่อมีขอ้
สงสัยในบทเรี ยน มีการจดบันทึกสรุ ปความรู้ที่ได้จาก
การฟัง ซึ่ งวัดได้จากการสังเกตพฤติกรรมในชั้นเรี ยน
และการบันทึกอนุทินของนักเรี ยน
ประชากรในการศึกษา
วิจยั ปฏิบตั ิการในชั้นเรี ยน
ประชากรเป้ าหมาย (Target
population) ในการศึกษา
จึงไม่มีการสุ่ มตัวอย่าง อาจเลือกทั้งชั้นเรี ยน
หรื อนักเรี ยนบางคนที่ตอ้ งการศึกษา ขึ้นอยูก่ บั
ปัญหาวิจยั
ข้ อมูลเพือ่ ตอบคาถามวิจัย
ข้ อมูลจากผู้เรียนรายบุคคล
ตัวแปรทีศ่ ึกษา
 ผลการประเมินก่อนเรี ยน
 ผลสัมฤทธิ์ ของผูเ้ รี ยน
 ผลการประเมินหลังเรี ยน
 พฤติกรรมผูเ้ รี ยน
 ผลการประเมินระหว่างเรี ยน
รายบุคคลและทั้งกลุ่ม
 ผลงาน/ผลการสังเกตอื่น ๆ
 พฤติกรรมที่คาดหวัง
ข้ อมูลจากผู้สอน
ตัวแปรทีศ่ ึกษา
การจัดการชั้นเรี ยน
ความเหมาะสมของ
กิจกรรม การสอน
 การดาเนิ นการ
 สิ่ งที่ตอ
้ งปรับปรุ งแก้ไข
 การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ผลการเรียนรู้ ทคี่ าดหวัง
ด้ านพุทธิพสิ ั ย
ด้ านจิตพิสัย
ด้ านทักษะพิสัย
ข้ อมูลด้ านพุทธิพสิ ั ย
ข้อมูลที่ตอ้ งการ
ความรู้ ความจา
ความเข้ าใจ
ความสามารถในการ
ประยุกต์ ใช้ ความรู้
ความสามารถในการคิด
เครื่ องมือ/วิธีการ
 แบบทดสอบ
 แบบทดสอบ
 แบบสังเกตพฤติกรรม
การทางาน
 แบบตรวจสอบ
ผลงาน
ข้ อมูลด้ านจิตพิสัย
ความรู้ สึก
แบบสังเกตพฤติกรรม
ความสนใจใฝ่ รู้
แบบบันทึกอนุทน
ิ
คุณลักษณะทีพ
่ งึ
แบบสัมภาษณ์
ประสงค์ (เช่ น ความ
รับผิดชอบ จิตสานึก)
การสะท้ อนความรู้ สึก
จากผู้อนื่
ข้ อมูลด้ านทักษะพิสัย
ความสามารถในการ
วางแผน การจัดการ
การปฏิบัติ
ถูกต้ อง คล่ องแคล่ ว
สร้ างสรรค์ ประณีต
สะอาด เรียบร้ อย
แบบตรวจสอบการ
ปฏิบตั ิ
แบบสังเกต
พฤติกรรม
แบบประเมินผล
งาน
การสร้ างเครื่องมือวัดผล
แบบทดสอบ
1
กาหนด
จุดมุ่งหมาย
ของแบบ
ทดสอบ
2
3
กาหนด
ทาผัง
วัตถุประสงค์ ข้ อสอบ
การเรียน
การสอน
ทีม่ ่ ุงวัด
4
เลือก
รู ปแบบ
ของ
ข้ อสอบ
5
เขียน
ข้ อสอบ
และ
ปรับปรุ ง
ผังการสร้ างข้ อสอบวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4
เนือ้ หา
รู้จา
บทที่ 1 ...
บทที่ 2 ...
บทที่ 3 ...
.
.
บทที่ 10 บทประยุกต์ใช้
รวม (ข้อ)
ร้อยละ
อันดับความสาคัญ
พฤติกรรม
เข้า นา วิ
3
3
1
1
3
1
3
รวม
สัง ประ (ข้อ)
เมิน
2
ร้อยละ
3
6
6
7
8
8
9
1
3
7
9
2
7
9
19
24
24
30
12
14
15
19
3
4
5
2
1
4
3
6
80
100
การเขียนข้ อสอบตามจุดประสงค์ ของการเรียนรู้
จาแนกตามระดับพฤติกรรมการเรียนรู้ ด้านพุทธิพสิ ั ย
เครื่องมือวัดคุณลักษณะด้ านจิตพิสัย
 กำหนดคุณลักษณะที่ต้องกำรวัด
 กำหนดพฤติกรรมบ่ งชีถ้ งึ คุณลักษณะที่ต้องกำรวัด
 กำหนดวิธีกำรวัดและสร้ ำงเครื่ องมือ
 กำหนดเกณฑ์ ในกำรแปลควำมหมำยผลกำรวัด
ตย. พฤติกรรมบ่ งชีค้ ุณลักษณะควำมรั บผิดชอบ
 ทำงำนที่ได้ รับมอบหมำยสำเร็ จทันเวลำ
 ติดตำมแก้ ไขและปรั บปรุ งข้ อบกพร่ องในกำรทำงำน
 เตรี ยมอุปกรณ์ ครบถ้ วนและเก็บรั กษำอุปกรณ์ หลังเสร็ จ
งำนแล้ ว
 ยอมรั บควำมผิดโดยไม่ ป้ำยควำมผิดให้ กับผู้อ่ ืน
เครื่ องมือวัดด้ ำนจิตพิสัย
1. แบบสังเกต (Observation form) เป็ นเครื่องมือที่สำมำรถวัดได้ ตรง
กับสภำพควำมเป็ นจริงมำกที่สุด เป็ นวิธีกำรวัดที่ให้ ผ้ ูอ่ นื ประเมิน
แบ่ งออกได้ เป็ น 2 รูปแบบคือ
1.1 แบบสังเกตที่มีโครงสร้ ำง (structured observation form)
1) แบบตรวจสอบรำยกำร (check-list) จะประกอบด้ วย
รำยกำรที่ให้ ผ้ ูสังเกตระบุเพียงสองทำงเลือกเช่ น มีหรือไม่ มี
เกิดหรือไม่ เกิด ใช่ หรือไม่ ใช่ รวมทัง้ กำรระบุควำมถี่ของกำรวัด
2) แบบมำตรประเมินค่ ำ (rating scale) จะประกอบด้ วย
รำยกำรที่ให้ ผ้ ูสังเกตระบุว่ำสิ่งที่สังเกตได้ มีปริมำณมำกน้ อย
เพียงใด เช่ น มำกที่สุด มำก ปำนกลำง น้ อย น้ อยที่สุด
(หรือ) ทุกครัง้ บ่ อยๆ บำงครัง้ นำนๆ ครัง้
1.2 แบบสังเกตที่ไม่ มีโครงสร้ ำง(unstructured observation
form) เป็ นแบบสังเกตที่มีแต่ หวั ข้ อ ไม่ มีรำยละเอียด ข้ อมูลที่ได้
จะตรงหรือไม่ ขนึ ้ อยู่กับประสบกำรณ์ และควำมชำนำญของผู้
สังเกต
ตัวอย่ าง 1. แบบตรวจสอบรายการ พฤติกรรมของนักศึกษา
ชื่อผูเ้ รี ยน____________
การซักถาม
การตอบ การมีส่วนร่วม
รายวิชา__________________
คาถาม
ในกิจกรรม
การสรุป
บทเรียน
วันที่สงั เกต
ทา
ไม่ทา
ทา
ไม่ทา
ทา
ไม่ทา
ทา
ไม่ทา
2. ตย. แบบสังเกตที่เป็ นมำตรประเมินค่ ำ
ชื่อสกุล
ตอบคำถำม
ไม่ ทำ
นำนๆ
ครั ง้
บ่ อย
ครั ง้
ซักถำมในข้ อสงสัย นำงำนอื่นขึน้ มำทำ
ไม่ ทำ
นำนๆ
ครั ง้
บ่ อย
ครั ง้
ไม่ ทำ
นำนๆ
ครั ง้
บ่ อย
ครั ง้
นอนหลับ
ไม่ ทำ
นำนๆ
ครั ง้
บ่ อย
ครั ง้
3. ตย. แบบสังเกตที่ไม่ มีโครงสร้ ำง
ชื่อผู้ถกู สังเกต_____________________________ชัน_______
้
คาบเรี ยนรายวิชา________________________เวลา______ชื่อผู้สงั เกต____
1. พฤติกรรมทัว่ ไป__________________________________________
2. พฤติกรรมดีเด่น__________________________________________
สภาวะการณ์ที่ก่อให้ เกิดพฤติกรรมดีเด่น______________________
3. พฤติกรรมที่เป็ นปั ญหา_____________________________________
สาเหตุของพฤติกรรมที่เป็ นปั ญหา___________________________
ข้ อคิดเห็นเพิ่มเติม
______________________________________________________
3. แบบสอบถำมควำมคิดเห็น
เป็ นแบบสอบถำมที่ให้ ผ้ ูตอบประเมินตนเอง ประกอบด้ วยข้ อ
คำถำมที่เกี่ยวข้ องกับสิ่งที่ต้องกำรถำม ลักษณะของคำถำม
มี 2 รูปแบบคือ
1) คำถำมปลำยปิ ด จะมีข้อคำถำมและคำตอบให้ ผ้ ูตอบได้
เลือกตอบตำมควำมเป็ นจริง
2) คำถำมปลำยเปิ ด จะมีเพียงข้ อคำถำมแล้ วให้ ผ้ ูตอบสร้ ำง
คำตอบด้ วยตนเอง
ตัวอย่ างอนุทนิ
เครื่ องมือวัดด้ ำนทักษะพิสัย
ทักษะพิสัย (Psychomotor domain) เป็ นควำมสำมำรถของ
ผู้เรียนในกำรใช้ กล้ ำมเนือ้ เพื่อกำรเคลื่อนไหวต่ ำงๆ ได้ อย่ ำง
คล่ องแคล่ ว ว่ องไว กำรวัดทักษะพิสัยจะวัดใน 2 ส่ วนดังนี ้
1. วัดกระบวนกำรทำงำน (process)
2. วัดผลผลิต (product)
วิธีกำรวัดผลด้ ำนทักษะพิสัย
 กำรทดสอบ
เช่ น กำรสอบวัดกำรปฏิบัติ จำก
กำรตรวจสอบกำรปฏิบัติ
 กำรสังเกต
เช่ น สังเกตด้ วยแบบสังเกต
ตัวอย่าง 4.4 แบบตรวจสอบรายการความสามารถในการอ่าน
ชื่อนักเรียน
วัน เดือน ปีจดบันทึก
พฤติกรรมนักเรียน
....
1. ตอบคำถำมสำคัญได้
2. แสดงควำมเข้ำใจทีล่ กึ ซึง้
เกีย่ วกับข้อมูลทีส่ ำคัญ
3. เชือ่ มโยงข้อมูลสำรสนเทศกับ
ควำมรูท้ ม่ี มี ำก่อนได้อย่ำง
สอดคล้อง
4. แสดงกำรตีควำม กำรประเมิน
หรือกำรอ้ำงสรุป เปรียบเทียบ
รำยกำรพฤติกรรมทีป่ รำกฏ

1


2




4
บันทึกเพิม่
ตัวอย่าง 4.7 : แบบประเมินความร่วมมือในการทาโครงงานแบบกลุ่ม
ชือ่ นักเรียนทีต่ อ้ งกำรประเมิน
ชือ่ สมำชิกในกลุ่ม
รำยกำร
ไม่เคย
1. นักเรียนเข้ำร่วมประชุมกับกลุ่มหรือไม่……….
2. ในกำรเข้ำร่วมทำงำนกลุ่มนักเรียนได้เตรียมงำน
ในส่วนทีร่ บั ผิดชอบมำหรือไม่………………
3. นักเรียนร่วมทำงำนในกลุ่มอย่ำงมุง่ มันจนบรรลุ
่
ตำมเป้ำหมำยของกลุ่มหรือไม่……………………
4. นักเรียนเสียสละเวลำในกำรทำงำนกลุ่ม เช่น
นำงำนของกลุ่มไปแก้ไขปรับปรุงให้ดขี น้ึ หรือไม่…….
……...
……...
……...
……...
บำงครัง้
……...
……...
……...
……...
เป็ น
ส่วนมำก
……...
……...
……...
……...
ทุกครัง้
……...
……...
……...
……...
แบบประเมินด้ วยเกณฑ์ กำรให้ คะแนน
(Rubric Scoring)
เป็ นแนวทำงกำรให้ คะแนนที่จะแยกแยะระดับ
ต่ ำงๆ ของควำมสำเร็จในกำรเรี ยน หรื อกำรปฏิบัติ
ของผู้เรี ยนได้ อย่ ำงชัดเจน
หลักการกาหนดเกณฑ์ การให้ คะแนน (Rubrics)
1.มีความสาคัญและสั มพันธ์ กบั การปฏิบัติงานอย่ าง
แท้ จริง
2.สอดคล้ องกับวัตถุประสงค์ ของการวัดและการประเมิน
3.อธิบายคุณลักษณะ หรือพฤติกรรมได้ อย่ างชัดเจน
4.ปราศจากความลาเอียง
5.ควรเปิ ดโอกาสให้ ผ้ ูเรียนได้ มสี ่ วนร่ วม
เกณฑ์ การให้ คะแนน (Rubrics)
1.การให้ คะแนนแบบผลรวม (Holistic
scoring)
2.การให้ คะแนนแบบแยกส่ วน (Analytic
scoring)
การให้ คะแนนแบบผลรวม (Holistic scoring)
ระดับคะแนน
4
3
2
1
0
เกณฑ์ กำรให้ คะแนน
ปรุ งอำหำรสำเร็จ สะอำด รสชำติอร่ อย และตบแต่ ง
สวยงำมน่ ำรับประทำน
ปรุ งอำหำรสำเร็จ สะอำด และรสชำติอร่ อย
ปรุ งอำหำรสำเร็จ และสะอำด
ปรุ งอำหำรสำเร็จ
ปรุ งอำหำรไม่ สำเร็จ
การให้ คะแนนแบบแยกส่ วน (Analytic scoring)
องค์ ประกอบของ
กำรประเมิน
0
1.กำรเตรี ยมวัสดุ ไม่ มีกำร
อุปกรณ์
เตรี ยม
วัสดุ
อุปกรณ์
เกณฑ์ กำรให้ คะแนน
1
2
3
เตรี ยมวัสดุ เตรี ยมวัสดุ เตรี ยมวัสดุอุปกรณ์
อุปกรณ์ มำ อุปกรณ์ มำ มำครบและมีกำร
ไม่ ครบ
ครบแต่
ทำควำมสะอำด
ไม่ ได้ ทำ
ก่ อนใช้
ควำม
สะอำด
องค์ ประกอบ
0
2.กำร
เตรี ยมกำร
ประกอบ
อำหำร
3.คุณภำพ
ของอำหำรที่
ปรุ งสำเร็จ
เกณฑ์ กำรให้ คะแนน
1
2
ไม่ มีกำรล้ ำง หั่นแล้ วจึง
ก่ อนหั่น
นำมำล้ ำง
ปรุ งอำหำร
ไม่ สำเร็จ
3
มีกำรล้ ำงก่ อนหั่น มีกำรล้ ำง
แต่ ไม่ แยก
ก่ อนหั่น และ
ประเภท
มีกำรแยก
ประเภท
ปรุ งอำหำร ปรุ งอำหำรสำเร็ จ ปรุ งอำหำร
สำเร็จ และ สะอำด และ
สำเร็จ
สะอำด
รสชำติอร่ อย
สะอำด
รสชำติอร่ อย
และตบแต่ ง
สวยงำมน่ ำ
รั บประทำน
ตารางดาเนินการเก็บรวบรวมข้ อมูล
ข้อมูลที่
ต้องกำร
วิธกี ำรเก็บ
ข้อมูล
พัฒนำกำรด้ำน -สังเกต
ลักษณะนิสยั
พฤติกรรมที่
ของนักเรียน เปลีย่ นปลง
-สัมภำษณ์
ผูเ้ กีย่ วข้อง
ผลสัมฤทธิ ์เป็ น -ทดสอบ
ตำมเป้ำหมำย ควำมรู้
หรือไม่
-ประเมินผล
งำน
แหล่งข้อมูล
เครือ่ งมือ
ช่วงเวลำทีเ่ ก็บ
-นักเรียน
-เพือ่ น
-อำจำรย์
-แบบสังเกต
-แบบบันทึก
-แบบสัมภำษณ์
สังเกตและ
บันทึกทุก
สัปดำห์
-นักเรียน
-ผลงำน
-แบบทดสอบ
-แบบตรวจสอบ
ผลงำน
-หลังเรียน
-เมือ่ มอบหมำย
งำนให้ทำ
การรายงานผลการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน
สิ่ งที่ควรรายงาน
 ประเมิน Process
 ประเมิน Product
การวิเคราะห์ ข้อมูล
ลักษณะ
ข้ อมูล
ข้ อมูลเชิง
ปริมาณ
ข้ อมูลเชิง
คุณภาพ
ตัวอย่ ำง
คะแนนสอบ ความพึงพอใจ
คะแนนประเมินผลงาน
อนุทิน การจดบันทึก
สังเกตบรรยากาศในชัน้
เรี ยน พฤติกรรมในห้ องเรี ยน
สมุดส่งงาน การสัมภาษณ์
วิธีกำรวิเครำะห์
ความถี่ ร้ อยละ ค่าเฉลี่ย
การเปรี ยบความแตกต่าง
กราฟเส้ น/ แผนภูมิ
การวิเคราะห์เนื ้อหา
ประเมิน Process
แผนปฏิบัตทิ ่ ี 1
สังเกตและ
สะท้ อนกำรปฏิบัติ
แนวทำงกำร
พัฒนำ
1. กิจกรรมนี ้ได้ แบ่งผู้เรี ยนออกเป็ น 1. แบ่งกลุ่มอย่างสุ่ม
เรียนรู้กำรสังเกตอย่ ำงนักวิจัย
ผู้สอนใช้ สถานการณ์เพื่อกระตุ้นให้ ผ้ เู รี ยน
กลุม่ ย่อย 3 คน ได้ 13 กลุม่
เพื่อให้ นิสิตได้ เรี ยนรู้
ได้ คิดวิเคราะห์ด้วยการระดมสมอง
โดยให้ แบ่งตามความสมัครใจ
และทางานร่วมกับ
เพื่อวางแผนค้ นหาคาตอบ นาวิธีการ
จึงพบว่าส่วนใหญ่ผูเ้ รี ยน
บุคคลอื่น
เรี ยนการสอนแบบร่วมมือมาใช้ ด้วย
แบ่งกลุ่มตามสาขาวิ ชาที ต่ น 2. นาสัญญาการเรี ยน
การจัดการเรี ยนแบบกลุม่ ย่อย โดย
มาใช้ ในการกากับ
สังกัด
แบ่งผู้เรี ยนเป็ นกลุม่ กลุม่ ละ 3 คน
2. จากการให้ นสิ ิตเขียนอนุทินการ
ตนเองในการเรี ยน
แบ่งสมาชิกในกลุม่ ปฎิบตั ิการสังเกต
เรี ยนรู้ มีนิสติ บางคนสะท้ อนว่า
เพื่อฝึ กการกากับ
สถานการณ์ ตามเงื่อนไขเวลาที่
การทางานกลุม่ บางครัง้ ทาให้
และควบคุมตนเอง
ในการเรี ยน ให้ นิสิต
รู้สึกเหนือ่ ยและท้อแท้กบั เพือ่ น
กาหนด
เกิดความ
ทีไ่ ม่รบั ผิ ดชอบในงานที่ได้ รับ
มอบหมาย
รับผิดชอบ
ประเมิน Product
คุณลักษณะกำรเรี ยนรู้
ด้ วยตนเอง
ก่ อนเรียน
หลังเรียน
จำนวน
ร้ อยละ
จำนวน
ร้ อยละ
ระดับดีมาก
-
-
17
42.50
ระดับดี
10
25.00
23
57.50
ระดับปานกลาง
25
62.50
-
-
ระดับต้ องปรับปรุง
5
12.50
-
-
40
100
40
100
รวม
การเขียนรายงานวิจัย
หัวข้ อ
1. ชื่อเรื่ อง
2. ความสาคัญ
ของปัญหา
แนวทำงกำรประเมิน
ตังชื
้ ่อได้ ตรงประเด็นคาถามการวิจยั บอกถึงวิธีการ ครอบคุลมตัวแปรใน
การวิจยั และกลุม่ เป้าหมาย
ชัดเจน มีเหตุผล ชี ้ให้ เห็นปั ญหา เหตุผลที่มาวิจยั สอดแทรกทฤษฎีงานวิจยั
ที่เกี่ยวข้ อง คุณค่าที่จะเกิดจากการวิจยั ครัง้ นี ้ ที่มีน ้าหนักและแหล่ง
อ้ างอิงที่น่าเชื่อถือ อาจแบ่งเป็ น 3 ย่อหน้ าคือ
- ย่อหน้ าแรก เขียนให้ เห็นปั ญหาที่จะวิจยั ว่ามีประเด็นหรื อปั ญหามา
อย่างไรเชื่อมโยงถึงตัวแปรในปั ญหาวิจยั
- ย่อหน้ าที่สอง เขียนให้ เห็นแนวปฏิบตั ิ แนวคิดทฤษฎีหรื อวิธีการที่จะ
นามาใช้ เพื่อแก้ ปัญหา รวมทังแนวทางในการค้
้
นหาคาตอบในการวิจยั
- ย่อหน้ าสุดท้ าย ชี ้ให้ เห็นประโยชน์หรื อคุณค่าที่จะเกิดขึ ้นจากการวิจยั
หรื อความรู้และผลคาดว่าจะเกิดจากงานวิจยั
การเขียนรายงานวิจัย
3.วัตถุประสงค์
บอกถึงวิธีการที่จะทาเพื่อตอบคาถามการวิจยั เขียนในรูประโยคบอกเล่าอาจมี
ข้ อหลักๆ คือ
1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรี ยนรู้..............
2) ศึกษาผล... (ระบุตวั แปรที่ต้องการศึกษา) เมื่อนาแผนการเรี ยนรู้........ไปใช้
4. ประโยชน์ที่
ได้ รับ
แสดงคุณค่าที่เกิดขึ ้นจากผลการวิจยั ว่าจะเกิดประโยชน์แก่ใคร อย่างไรที่ไม่ใช่
เป็ นผลการศึกษาที่ค้นพบ แต่เป็ นประโยชน์ที่เกิดตามมาจากผลการวิจยั และมัน่ ใจ
ว่าประโยชน์จะเกิดขึ ้นได้
แสดงว่าการวิจยั กระทาภายใต้ กรอบความคิด ตัวแปร กลุม่ เป้าหมายใด
5.ขอบเขตการ
วิจยั
6. นิยามศัพท์
เขียนถึงตัวแปรหรื อคาสาคัญ ที่กล่าวถึงในการวิจยั เขียนในเชิงนิยามปฏิบตั ิการ
คือ ตัวแปรตามที่ต้องการศึกษาให้ ที่บอกคุณลักษณะหรื อองค์ประกอบของตัวแปร
ตาม และการวัดค่าตัวแปรนัน้ ตัวแปรปฏิบตั ิการ บอกถึงวิธีการสอนหรื อวิธีการ
แก้ ปัญหาที่นามาใช้ ในการวิจยั ว่ามีขนตอนหลั
ั้
ก/ลักษณะอย่างไร
การเขียนรายงานวิจัย
หัวข้ อ
7. การตรวจ
เอกสาร
8. วิธีวิจยั
9. ประชากร
เป้าหมาย
10. การเก็บ
รวบรวมข้ อมูล
แนวทำงกำรประเมิน
รายงานการค้ นคว้ าแนวคิดหลักการสอน/แนวคิดทฤษฎี ที่นามาใช้ ในการ
พัฒนาผู้เรี ยน มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงและครอบคลุมตัวแปรที่ศกึ ษา
ทันสมัยน่าเชื่อถือ แล้ วนามาเขียนเป็ นกรอบแนวคิดในการวิจยั
ระบุชดั เจน และเหมาะสมกับปั ญหาการวิจยั บอกระเบียบวิธีวิจยั คือ เป็ น
วิจยั ปฏิบตั ิการในชันเรี
้ ยน ที่ปฏิบตั ิการค้ นหาคาตอบด้ วยวงจร PAOR ที่
สะท้ อนให้ เห็นการวงจรการตรวจสอบการปฏิบตั ิ
ระบุจานวนและขอบเขตกลุม่ เป้าหมายกลุม่ ที่ต้องการพัฒนาหรื อแก้ ปัญหา
ระบุขนตอน
ั้
ระยะเวลาการดาเนินการวิจยั อย่างชัดเจน
การเขียนรายงานวิจัย
11. เครื่ องมือการ
วิจยั
12. การวิเคราะห์
ข้ อมูล
13. การอภิปราย
ผล
14. บรรณานุกรม
บอกเครื่ องมือการวิจยั ได้ ที่ใช้ ในการวิจยั และการเก็บรวบรวมข้ อมูล
เพื่อวัดค่าตัวแปรได้ ครบถ้ วน พร้ อมระบุวา่ เครื่ องมือใดใช้ เก็บรวม
รวมข้ อมูลตัวแปรใด
การใช้ สถิติวิเคราะห์ที่ใช้ ในการวิเคราะห์ตวั แปรที่เหมาะสม เพื่อตอบ
คาถามการวิจยั
เขียนอธิบายผลการวิจยั ว่าเหตุใดจึงพบเช่นนัน้ โดยมีแนวคิดทฤษฎีหรื อ
ข้ อมูลสนับสนุนหรื อโต้ แย้ งอย่างสมเหตุสมผล
บรรณานุกรม มีความน่าเชื่อถือ ทันสมัย เขียนได้ ถกู ต้ องตามหลัก
วิชาการ ครบถ้ วนตามเอกสาร