pptการจัดการศึกษาของท้องถิ่น

Download Report

Transcript pptการจัดการศึกษาของท้องถิ่น

ความสาค ัญและทิศทาง
ใหม่ๆ
ในการจัด
่
การศึกษาของท้องถิน
ดร.อมรวิชช ์ นาครทรรพ
“สภาพการศึกษาไทยใน
ปั จจุบน
ั ”
สภาพการศึกษาไทยในปั จจุบน
ั
 การศึกษาดีอยู่ไกลตัว(ส่งลูกเข ้าเมือง) โรงเรียนใกล ้
่ ่ นว่ า มีคุ ณ ภาพเท่ า
บ า้ นไม่ มีคุ ณ ภาพหรือไม่ เ ชือมั
โรงเรียนในเมือง
่ ผลักกาลังคนทิงถิ
้ น
่
 การศึกษาไม่ตอบโจทย ์ท ้องถิน
รกั ษาคนหนุ่ มสาวไว ไ้ ม่ ไ ด ้ กลายไปเป็ นแรงงานใน
เมือง
้
่
 การศึกษาตอกยาความด
้อยโอกาสและความเหลือม
้
ลาในสั
งคม เด็กยากจนหลุดจากระบบการศึกษานับ
้ ยากจน
่
แสนคนต่อปี โดยเฉพาะในพืนที
้ องนี
่
้
 การจัด สรรทร พ
ั ยากรภาคร ฐั ก็ ยิ่งตอกย าเรื
้ ่
่
การกระจายงบประมาณลงทุนของร ัฐเทียบกับระดับการพัฒนาของ
จังหวัด (คณะกรรมการปฏิรป
ู , 2554)
้
งบลงทุนทังหมด
ต่อหัว (บาท)
จานวน
จังหวัด
สู งมาก
15
14,761.55 110,852.19
7,509.52
สูงมากไม่
รวมกทม
14
9,045.30
29,212.82
3,229.61
สู ง
14
8,751.89
31,679.24
3,619.70
ปานกลาง
16
9,878.42
34,683.82
3,511.07
่
ตา
13
10,896.31
31,721.19
2,911.19
่
ตามาก
18
18,747.10
52,422.50
2,796.30
76
63,035.27 290,571.75
4,609.67
้
รวมทังประเทศ
ประชากร
(พันคน)
งบลงทุน
้
ทังหมด
(ล้านบาท)
ระดับการ
พัฒนา
ตารางที่ 2 อัตราการคงอยูข
่ องนักเรียนระดับการศึกษาขัน
้
พื้นฐาน 2541-2552
(ที่มา : สถิติการศึกษาของประเทศไทย ปีการศึกษา 2552)
ป.1
2541
1,110,024
100.0
ป.3
2543
1,020,289
91.9
ป.6
2546
993,575
89.5
ม.1
2547
949,929
85.6
ม.3
2549
884,073
79.6
ม.4 (สามัญ/
อาชีพ)
ม.6 (สามัญ/
อาชีพ)
2550
759,252
68.4
2552
607,970
54.8
อัตราการคงอยู่ของเด็กเปรียบเสมือนท่อปลายสอบของ
ระบบการศึกษา
ก่อนเข ้า
สูร่ ว้ั
โรงเรียน
ป.1
100%
เหตุปัจจ ัยส่วนต ัว/
ครอบคร ัว
ม.3
80%
เรียนไม่ไหว ถอดใจ
เรียน
ม.6
50%
มหา
ลัย
30%
มีภาวะบกพร่องการ
เรียนรู ้
เด็กหลุดจากระบบก่อนม.6กว่า 5,ooo,ooo
สาเหตุการหลุดจากท่อปลายสอบ
เหตุปจ
ั จัยส่วนตัว/
ครอบครัว
 ความยากจน
 ปัญหาครอบครัว
 การย้ายถิ่นตาม
พ่อแม่
 การตายจากโรค
และอุบัติเหตุ
เรียนไม่ไหว/
ถอดใจ
 เด็กหลังห้อง
 เด็กเรียนรู้ช้า
(slow learner)
 เด็กอัจฉริยะ
 ต่างขาดการดูแล
และการจัดการ
เรียนรู้ที่เหมาะสม
มีภาวะบกพร่องการ
เรียนรู้
 เด็ก LD 8-9%
 สมาธิสั้น
(ADHD) 4-5%
 ออทิสติค 1-
2%
การมีวาล ์วหรือท่อ
ทางเลือกให ้แก่เด็ก อาทิ
การศึกษาทางเลือก การ
่ ฯลฯ
เรียนรู ้อาชีพท ้องถิน
ทางออกคือการสร ้าง
่ า
คุณภาพการเรียนรู ้ทีเท่
เทียมไม่วา่ เด็กจะออก
จากระบบ ณ จุดใด
(ม.3/ม.6) ก็ไปอย่างมี
อนาคต
การดู แลร ักษาคุณภาพของท่อ
(ปะผุ ล ้างสนิ ม ขัดตะกอน)
อาทิ การทาระบบคัดกรองเด็ก การวางแผน
ช่วยเหลือนักเรียนรายบุคคล การส่งเสริมการ
เรียนรู ้ให ้เหมาะสมกับนักเรียนรายบุคคล การ
จัดการเรียนการสอนทักษะชีวต
ิ ฯลฯ
่ อ
เด็กด ้อยโอกาสและเด็กกลุม
่ เสียงต่
จังหวัด 50,000-70,000 คน
่ อจ ังหวัด
จานวนเฉลียต่
่
กลุม
่ เด็กด ้อยโอกาสนอกระบบการศึกษา และเด็กกลุม
่ เสียงใน
ระบบการศึกษา
เด็กด้อยโอกาสนอกระบบการศึกษา
่
เด็กกลุ่มเสียงในระบบการศึ
กษา
1) เด็กออกลางคันก่อนจบม.3 ประมาณ
3,000-4,000 คน
2) แม่วยั รุน
่ ประมาณ 1,000-1,500 คน
3) เด็กพ้นคดีออกมาจากสถานพินิจประมาณ
150-200 คน
้ กบังคับค ้าแรงงาน
4) เด็กเร่รอ่ น/ถูกทอดทิง/ถู
/ ค ้าประเวณี 1,000-2,000 คน
5) เด็กไร ้สัญชาติ เด็กลูกแรงงานต่างด ้าว
10,000-15,000 คน(กระจุกตัวในบาง
จังหวัด)
6) เด็กในสามจังหวัดชายแดนภาคใต ้ประมาณ
40,000 คน
1) เด็กยากจนพิเศษประมาณ 30,000 40,000 คน (รายได ้ครอบคร ัวต่ากว่า
20,000 บาทต่อปี )
่ ปัญหาการเรียนรู ้แบบไม่รน
2) เด็กทีมี
ุ แรง
(LD/ADHD/Autistic) ประมาณ20,000
– 30,000 คน
้ ห่
่ างไกลทุรกันดารประมาณ
3) เด็กในพืนที
2,000 -3,000 คน
่ อการออกกลางคันในสาม
4) เด็กกลุม
่ เสียงต่
จังหวัดชายแดนภาคใต ้อีกประมาณปี ละ
10,000 คน
่ ญเสียมหาศาล
ชุมชนท้องถินสู
่
 การศึกษาในท้องถินไม่
มค
ี ณ
ุ ภาพพอ – ลูกหลานไม่มี
คุณภาพ แข่งไม่ได ้ไม่เท่าทันชีวต
ิ อาจกลายเป็ น “เด็ก
่
เสียง”
สร ้างปัญหากับตนเองและชุมชน (แม่วยั รุน
่ เด็กก่อ
่
คดี เด็กเลือนลอยไม่
เรียนหนังสิอ เด็กติดเกม)
่ ไม่ได้ มีไม่น้อยทียากจน
่
 ลู กหลานหาอนาคตทีดี
เรียนไม่ไหว ออกจากโรงเรียนก่อนจบภาคบังคับ (ม.3)
กลายเป็ นเด็ก “นอกระบบ” ด ้อยโอกาสและยากจะมี
่ รายได ้ดีหรือมั่นคงได ้ เด็กในแต่ละตาบล
โอกาสทางานทีมี
เฉลีย่ 200-300 คนตกอยู่ในสภาพนี ้
 พ่อแม่ทมี
ี่ เงินก็ส่งลู กเข้าเมืองเสียค่าใช้จ่าย
่ ้าไปเรียนในเมืองก็ไม่รู ้จักไม่ผูกพัน
มากมาย เด็กทีเข
่ มีแนวโน้มทิงถิ
้ นไปท
่
่ น
่
ท ้องถิน
างานทีอื
ความสู ญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 80 ล้าน
บาทต่อตาบลต่อปี !
่
่
สู ญเสียที่ 1 เด็กทีการศึ
กษาน้อยเฉพาะกลุม
่ ทีออกก่
อนจบม.3 มีเฉลีย่
่ กเป็ นแรงงานกินค่าแรงขัน
้
อย่างต่าราว 300 คนต่อตาบล เป็ นกลุ่มทีมั
ต่า ทาเงินตลอดอายุการทางาน(15-60 ปี ) น้อยกว่าคนจบปริญญาตรี
2 เท่าหรือ 7.5 ลา้ นบาท คิดเป็ นความสู ญเสียโอกาสทางรายได้ปี
ละ 50 ล้านบาทต่อตาบลต่อปี หรือกว่า 2,000 ล้านบาทตลอด
ช่วงอายุแรงงาน
สู ญเสียที่ 2 ถา้ ส่วนใหญ่เขา้ ไปเป็ นแรงงานในเมืองก็เสียค่ ารถ ค่ากิน
่
ค่าใช ้จ่ายในเมืองมากกว่า 50 % ของรายได ้ เหลือกลับถินแค่
50% ถ ้า
คิด ว่ า รายได ป้ ี ละ 100,000 บาทต่ อ คน เท่ า กับ สู ญ เสีย รายได้อ อก
่ กปี ละ 50,000 บาทต่อ คนหรือ ปี ละอีก 15 ล้า น
นอกท้อ งถินอี
บาทหรือเกือบ 700 ล้านบาทตลอดช่วงอายุแรงงาน
สู ญ เสีย ที่ 3 พ่ อ แม่ ที่ไม่ ไ ว ใ้ จโรงเรีย นในท อ้ งถิ่น ส่ ง ลูก เข า้ เมือ งเสีย
่
ค่าใช ้จ่ายเฉลียอย่
างน้อ ย 2,500 บาทต่อ คนต่อ เดือน เป็ นค่า รถ ค่า
่
ในทางตรงข้าม......ถ้าการศึกษาในท้องถิน
ดี
่
มีคณ
ุ ภาพร ักษากาลังคนไว้กบ
ั ท้องถินได้
่
 ร ักษาคน ร ักษาครอบคร ัว ไว ้กับท ้องถิน
่ นจาก
้
่ การศึกษาสูงขึน้ ดี
 รายได ้คร ัวเรือนเพิมขึ
าลังคนทีมี
ขึน้
่ จากการที่
 สร ้างงานสร ้างอาชีพสร ้างรายได ้สะพัดในท ้องถิน
่ (ไม่ไปเป็ นลูกค ้า BIG-C LOTUS 7คนไม่หนี ออกจากท ้องถิน
11 แต่อด
ุ หนุ นร ้านชาในชุมชน)
่
 ไม่เสียเงินออกนอกท ้องถินจากการไปเป็
นแรงงานในเมือง
หรือการส่งลูกไปเรียนในเมือง
่ ้อมจะเป็ นเด็กเสียง
่
 ลดปัญหาสังคมจากเด็กด ้อยโอกาสทีพร
เป็ นแม่วยั รุน
่ เป็ นเด็กก่อคดี ตีกน
ั ลักทร ัพย ์ ฯลฯ
การลงทุนทีค
่ ุ้มค่า
จากงานวิจัยจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน
คุ ณ ภาพการศึ ก ษา(สมศ.)พบว่ า การพั ฒ นาโรงเรี ย น
ขนาดเล็กในท้องถิ่นใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 300,000 บาท
ต่อ ปี ต่ อ โรงเรี ย น สามารถยกระดั บ คุ ณ ภาพได้ จ ริ ง คิ ด
เป็นการลงทุนพัฒนาโรงเรียนเฉลี่ย 4 โรงเรียนต่อตาบล
เท่ากับ 1,200,000 บาทต่อตาบล
จากประสบการณ์ ข องโรงเรี ย นที่ มี ร ะบบดู แ ลเด็ ก ด้ อ ย
โอกาส เด็ ก กลุ่ ม เสี่ ย งในโรงเรี ย น โดยการตรึ ง เขาไว้
ไม่ให้ออกกลางคันใช้เงินประมาณ 10,000 บาทต่อคน
ต่อปี หากคิดจานวนเด็กด้อยโอกาส เด็กเสี่ยง 200-300
คนต่อตาบลคือการลงทุนไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อปี
รวมการลงทุ น แค่ ร าว 4 ล้ า นต่ อ ปี เ พื่ อ พั ฒ นาคุ ณ ภาพ
“แนวโน้มใหม่...
การจัดการศึกษา
้
่
เชิงพืนที”
ข้อจากัดของระบบราชการ
การศึกษา
่
 ลักษณะของการขยายตัวเองให ้ใหญ่ไปเรือยๆ
(selfexpansive)
 ลักษณะเช ้าชามเย็นชาม (mediocrity)
 ลักษณะของการบริหารจัดการด ้วยกฎระเบียบสูง
(management by rules and regulations)
 ลักษณะข ้อจากัดของการไม่สามารถยืดหยุ่น
(inflexibility)
 ลักษณะอานาจนิ ยม (authoritarian)
 ลักษณะต่อต ้านการวิพากษ ์วิจารณ์ (anti-criticism)
่
 ลักษณะเปราะบางละเอียดต่อการเปลียนแปลงทาง
แนวโน้มนานาประเทศไปสู ่
้ ่
แนวคิดเชิงพืนที
 การไม่ เ อาอนาคตการศึ ก ษาของชาติ ไ ปผู ก อยู่
ความสาเร็จหรือลม้ เหลวในการปฏิรูประบบบริหาร
จัด การการศึก ษาของร ฐั แต่ อ ย่ า งเดีย ว แต่ใ ช ้การ
้ ให
่ ม้ ีผู ม
เปิ ดพืนที
้ ีส่ว นได ส้ ่ว นเสีย (stakeholders)
จากภาคส่ ว นต่ า งๆ เข า้ มามี ส่ ว นร่ว มในการจัด
้ โดยเฉพาะในระดับ พื นที
้ ่
การศึ ก ษาให ม
้ ากขึ น
(area-based)
 แต่ร ฐั ก็ ยงั ตอ้ งสามารถวางกลไกการกากับติดตาม
และสร ้างความสามารถตรวจสอบและรบั ผิดชอบต่อ
์
ผลสัมฤทธิของผู
เ้ รียน (accountability)
ของ
ข้อเสนอของ Human Development
Network ธนาคารโลก
่ กจุดทันการณ์ (Invest
 การลงทุนทางการศึกษาทีถู
่ นคานงัดสาคัญของการพัฒนา
Early) ณ จุดทีเป็
กาลังคน (key leverage points)
่ งผลลัพธ ์ได ้ (Invest
 การลงทุนอย่างฉลาดทีหวั
Smartly) โดยเฉพาะการลงทุนไปกับการจัดการเชิง
้ ที
่ เน้
่ นการติดตามประเมินผลลัพธ ์ความก ้าวหน้า
พืนที
ทางการศึกษาได ้เป็ นรูปธรรม (Outcome-based /
Area-based Management)
 การลงทุนอย่างเท่าเทียมถึงทุกกลุม
่ เป้ าหมาย (Invest
่
Equally) เน้นการให ้โอกาสการเข ้าถึงการเรียนรู ้ทีมี
โครงการ Race to the Top
ของอเมริกา
 การใช ้กลไกการเงินสนับสนุ นการปฎิรูปการศึกษาของมล
่ (Local District) ในลักษณะการ
ร ัฐ (State) และท ้องถิน
ให เ้ งิ น สนั บ สนุ นโครงการแบบแข่ ง ขัน (competitive
่
grants) เป็ นตัวขับเคลือน
 หัวใจส าคัญ ของโครงการคือ การเน้น งานเชิง ยุ ท ธศาสตร ์
้ ่ 4 ดา้ นทีเชื
่ อว่
่ าจะเป็ นจุดเปลียนในการยกระดั
่
ระดับพืนที
บ
คุณภาพการศึกษาในแต่ละร ัฐได ้คือ
1.การวางระบบพัฒนาประสิทธิภาพครูและผูบ้ ริหารโรงเรียนใน
้ อย่
่ างทัวถึ
่ ง
พืนที
2.การวางระบบการประเมินและทดสอบมาตรฐานการศึกษา
้ ่
ของพืนที
่
้ ่
เครืองมื
อเชิงระบบของพืนที
่ าสนใจ
ทีน่
ระ บ บโ ร ง เรีย นใ น ก าก ับ ที่ มี อ ิ ส ระ ใ น ก า ร บริห า ร ห รือ
่ ความ
Charter School เป็ นกลไกแก ้ปัญหาเด็กด ้อยโอกาสทีมี
่ นการบริหารจัดการทีมี
่ ประสิทธิภาพ
ต ้องการพิเศษ เป็ นระบบทีเน้
่ งพะรงั จนผูบ้ ริหารและครูสามารถ
ตัดทอนระเบียบราชการทีพะรุ
่ คุณภาพและสอดคลอ้ งกับ
วางแผนการจัดการเรียนการสอนทีมี
ความต ้องการของเด็กด ้อยโอกาสแต่ละกลุม
่ ได ้อย่างเต็มที่
่
่ งคือ การเปลี่ยนแนวคิดใหป้ ระชาชนในแต่ล ะ
จุด เด่น อีก เรืองหนึ
้ เข
่ ้ามาร่วมมีสท
พืนที
ิ ธิทจะจั
ี่ ดการศึกษาให ้บุตรหลานของตน และ
กลายเป็ นแรงผลักดันสาคัญให ้โรงเรียนรฐั บาลต ้องมีการปรบั ปรุง
ตัว เอง โดยเน้นให ห
้ ลัก การคู่ ข นานคือ การมีอ านาจอิส ระของ
โรงเรียน (School
Autonomy) ควบคู่ความรบั ผิดชอบต่อ
่
แนวทางการขับเคลือนการจั
ด
้ ่
การศึกษาเชิงพืนที
่ นฐานและ
 การเน้นยุทธศาสตร ์การใช้พนที
ื ้ เป็
่
่ ัฐเองอาจลงทุนนาร่องในบาง
กลไกขับเคลือน
ซึงร
้ จั
่ งหวัดทีมี
่ ศก
่ ต ้องลงทุนครง้ั
พืนที
ั ยภาพก่อนเพือไม่
เดียวเป็ นจานวนมาก
่
 การใช้กลไกการเงินเป็ นเครืองผลั
กด ันทีร่ ัฐอาจ
่
ลงทุนร่วมกับท ้องถินในรู
ปเงินสมทบ (matching
้
funds) หรือการตังกองทุ
นสนับสนุ นโดยอาจใช ้กอง
่ อยู่ เช่น กองทุนพัฒนาฝี มือ
ทุนเดิมบางกองทุนทีมี
แรงงาน (Skill Development Funds) ร ัฐอาจ
้
ลงทุนผ่านกองทุนนี โดยปร
ับระบบการจัดการกองทุน
่
ด
แนวทางการขับเคลือนการจั
้ ่
การศึกษาเชิงพืนที
่ ก
 การเน้นจังหวัดลงทุนไปกับ “คานงัดสาคญ
ั ” สาคัญๆ ทีถู
่
พิสูจน์มาในหลายประเทศว่าเป็ น “จุดเปลียน”
ของ
่ ได
้ ้แก่ การพัฒนาครู และผู บ
้ ่
การศึกษา ในทีนี
้ ริหารรายพืนที
้ วชีวั
้ ดความสาเร็จ
การสร ้างระบบวัดประเมินผลรวมทังตั
้ ่ การลงทุนกับสถานศึกษาทีผลสั
่
่
รายพืนที
มฤทธ ์ตาและ
่ ดคุณภาพการศึกษาและคุณภาพ
กลุม
่ เด็กด้อยโอกาสทีฉุ
้ โดยรวมลง
่
กาลังคนของพืนที
และการมีฐานข้อมู ลติดตาม
้ ่ กรณี ของไทยอาจต ้องเพิมเรื
่ องที
่ ยั
่ งเป็ น
ความก้าวหน้ารายพืนที
จุดอ่อน ได ้แก่ การพัฒนาเด็กปฐมวัย การพัฒนาคุณภาพ
โรงเรียนขนาดเล็ก เป็ นต ้น
 การใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาร่วมจัดการ เช่น ระบบ
Charter School เข ้าแก ้ปัญหาคุณภาพ
่
แนวทางการขับเคลือนการจั
ดการศึกษา
้ ่
เชิงพืนที
 ความเคลื่อนไหวและข อ้ เสนอเชิง ยุ ท ธศาสตร ์
เป็ นไปในทิศทางเดียวกับการทางาน สมศ.ในการ
่
้ ่
ริเริมโครงการประเมิ
นคุณภาพภายนอกเชิงพืนที
่ การนาร่องใน
(Area-based Assessment) ทีมี
้ ่ 8 จังหวัด
พืนที
่
 มุ่ งปรบั เปลียนโฉมหน้
าการประเมินของสมศ.ให ้
่
กลายมาเป็ นเครืองมื
อ ของประชาคมจัง หวัดให ้
่
การประเมิ น เป็ นเครืองมื
อ ตามหลัง การพัฒ นา
่
แก ้ปัญหาเดิมทีการประเมิ
นไม่ถูกใช ้ประโยชน์และ
่
แนวทางการขับเคลือนการจั
ด
้ ่
การศึกษาเชิงพืนที
 การประกาศนโยบายใหก้ ารปฏิรูปการศึกษาตอ้ งทาใน
้ ่ (Area-Based Approach) และถือเป็ น
ระดับพืนที
ยุทธศาสตร ์ระดับชาติทบู
ี่ รณาการไปกับการปฏิรป
ู ระบบ
การวัดและประเมินผลการศึกษาของชาติ
่
 การแก ้ปัญหาเรืองทร
พ
ั ยากรการเงินและอานาจในการ
้ ่ (จังหวัด) เพือให
่ ้สามารถนาผล
บริหารจัดการของพืนที
การประเมินไปใช ้ประโยชน์ได ้อย่างเต็มที่
 ก า ร ท า ค ว า ม ต ก ล ง กั บ อ ง ค ก
์ ร ห ลั ก ทั้ ง ห ม ด ข อ ง
กระทรวงศึ ก ษาธิก ารในการใช แ้ นวทางการบริห าร
้ ่:
การจัดการศึกษาเชิงพืนที
“การจัดการศึกษาบน
ฐานข้อมู ล”
การจัดการศึกษาบนฐานข้อมู ล
่ าไปสู่
 ช่วยวางกรอบนโยบาย : จากสภาพปัญหาทีน
การจัดทานโยบาย
้ า : ชีกลุ
้ ม
้ เช่
่ น กลุม
 ช่วยชีเป้
่ เป้ าหมายเฉพาะในพืนที
่
เด็กด ้อยโอกาส
 ช่วยวางแผน : วางแผนรูปแบบการจัดการศึกษาที่
เหมาะสมกลุม
่ เป้ าหมาย และการพัฒนาผูม้ ส
ี ว่ น
่
่
เกียวข
้องกับการจัดการศึกษาในท ้องถิน
 ช่วยติดตาม/ประเมิน : ติดตามประสิทธิภาพการจัด
่ จะเป็
่
การศึกษาของท ้องถินที
นแนวทางการพัฒนา
การศึกษาต่อไป
้ ่:
การจัดการศึกษาเชิงพืนที
่
“การจัดการศึกษาเพือเด็ก
ทุกคน”
่ ก
แนวทางการจัดการศึกษาเพือเด็
ทุกคน
1. ด้านการสร ้างความเท่าเทียมกันในโอกาสและ
คุณภาพการศึกษา โรงเรียนมีหลากหลาย “กระจาย
โอกาส-ปิ ดช่องว่าง” คือโจทย ์สาคัญ
่ กเป็ นโรงเรียนขนาดใหญ่
1) โรงเรียนดีมค
ี ณ
ุ ภาพทีมั
ในเขตเมือง
่ คณ
่ งต ้องการ
2) โรงเรียนทีมี
ุ ภาพระดับปานกลางทียั
การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพ
่ ้อยคุณภาพทีส่
่ วนใหญ่เป็ นโรงเรียน
3) โรงเรียนทีด
่ ้องการมาตรการการจัดการ
ขนาดเล็กและขนาดกลางทีต
พิเศษในการยกระดับคุณภาพ
้ ห่
่ างไกลทียั
่ งเป็ นความจาเป็ นของ
4) โรงเรียนในพืนที
2. ด้านการจัดการศึกษาและการส่งเสริมการ
เ รี ย น รู้ เ ฉ พ า ะ ก ลุ่ ม เ ป้ า ห ม า ย เ น้ น
กลุ่มเป้าหมายนอกกลุ่มอายุวัยเรียน (nonage group) และกลุ่มเด็กด้อยโอกาสนอก
ระบบการศึกษา
3. ด้ า นการส่ ง เสริ ม การศึ ก ษาทางเลื อ ก
ตั้ ง แ ต่ ก า ร ศึ ก ษ า ส า ห รั บ เ ด็ ก ก ลุ่ ม เ สี่ ย ง
ก า ร ศึ ก ษ า ส า ห รั บ เ ก ษ ต ร ก ร ไ ป จ น ถึ ง
4. ด้านการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและ
สื่อ เพื่ อ การเรี ยนรู้ ยังขาดการจัดการให้เ กิ ด
เนื้อหาและกระบวนการเรียนรู้ผ่านสื่อเหล่านี้
ไปยั ง กลุ่ ม เป้ า หมายต่ า งๆ ได้ รวมทั้ ง ครู แ ละ
บุ ค ลากรทางการศึ ก ษาเองก็ ยั ง ขาดการ
ส่งเสริมในการนาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ใน
ห้องเรียนให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ด้ า นการส่ ง เสริ ม การศึ ก ษาปฐมวั ย อั น เป็ น
รากฐานการพัฒนาเด็กทุกๆ ด้าน ยังขาดการ
ลงทุนเพื่อพัฒนาเด็ก 0-5 ปีซึ่งเป็นวัยของการ
พั ฒ น า ส ม อ ง ส ม ร ร ถ น ะ ก า ร เ รี ย น รู้ แ ล ะ
“ทิศทางสาคัญในการปฏิรป
ู
การศึกษา :
6 ยุทธศาสตร ์ 2 คานงัด”
ด้านการส่งเสริมการพัฒนาเด็ก
ปฐมว ัย
1) การพั ฒ นาศู น ย เ์ ด็ ก เล็ กและสถานศึ ก ษาที่ มี ก ารจัด
ก า ร ศึ ก ษ า ร ะ ดั บ ป ฐ ม วั ย
(0-6 ปี ) ร่วมกับองค ์กรปกครองส่วนทอ้ งถิ่นและหน่ วยงานระดับ
้ ที
่ เกี
่ ยวข
่
พืนที
้อง
้
2) การพัฒ นาการเรีย นรู ้ของครอบคร วั ในการเลียงดู
บุ ต ร
หลานของพ่อแม่ผูป้ กครองยุคใหม่ โดยเฉพาะการดูแลในช่วง 0-2
ปี
3) การพัฒนาการเรียนรู ้ของพ่อแม่ผูป้ กครองและครอบครวั ที่
เป็ นกลุ่ ม เป้ า หมายเฉพาะนั่ นคื อ กลุ่ ม พ่ อ แม่ ผู ป
้ กครองที่ เป็ น
แรงงานในโรงงานและแรงงานในเมือง
่ มตามความ
4) การสนับสนุ นของร ัฐด ้วยมาตรการเสริมเพิมเติ
่ ยวข
่
จาเป็ นผ่านกองทุนและหน่ วยงานทีเกี
้อง
ด้านการสร ้างความเท่าเทียมกน
ั ในโอกาสและ
คุณภาพการศึกษา
1) การปรบ
ั จัด ก า ร ศึ ก ษ า ขั้น พื ้น ฐ า น ป ร ับ
่ อมต่
่
แนวทางการจัดการทีเชื
อระหว่างการศึกษาในระบบ
โรงเรียน นอกระบบโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย
่
้
้ การศึกษาระดับปฐมวัย
และเป็ นการเชือมต่
อทังระบบตั
งแต่
จนถึงระดับอุดมศึกษา เน้นการบูรณาการบนฐานทอ้ งถิน่
การจัดหลักสูตรและคาบเวลาเรียนทียื่ ดหยุ่น การจัดการ
่
เรียนรู ้ทีสอดคล
อ้ งกับธรรมชาติ รวมถึงการปรบั วิธก
ี ารวัด
และประเมินผลให้มีความหลากหลายตามกลุ่มเป้ าหมาย
ผูเ้ รียนและเป้ าหมายการเรียนรู ้
2) การจัดการโรงเรียนขนาดเล็กให ้มี
ประสิทธิภาพและคุณภาพ
2.2) การถ่ า ยโอนโรงเรี ย นหรื อ กลุ่ ม โรงเรี ย น
ขนาดเล็กให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีศักยภาพ
บริหารจัดการการพัฒนาคุณภาพ
2.3) การพัฒนาโรงเรียนจิ๋วแต่แจ๋ว ที่อาจอยู่ใน
พื้นที่ห่างไกลหรือเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่มีศักยภาพ
โดยพั ฒ นาให้ เ ป็ น โรงเรี ย นนวั ต กรรมและเป็ น พื้ น ที่
วิ จั ย น าร่ อ งการพั ฒ นานวั ต กรรมการเรี ย นการสอน
ต่างๆ
2.4)การยุบเลิกเป็นมาตรการสุดท้ายกรณีที่ไม่
สามารถจัดการลักษณะใดลักษณะหนึ่งข้างต้นให้เป็น
ผลสาเร็จได้
2.5) การพัฒนาโรงเรียนขนาดกลางและขนาด
่
ด้านการศึกษาเพือการมี
งานทา
1 ) ก าร ปร บ
ั ป รุ งแ นว ทา งก าร จัด ก าร ศึ ก ษา ขั้น
้
่ งเสริมการมีงานทา ให ้เด็กทีเรี
่ ยนอยู่สามารถ
พืนฐานเพื
อส่
ออกไปท างานโดยถือ เป็ นส่ ว นหนึ่ งของการเรีย นรู ้ หรือ คนที่
่ มความรู ้ได ้ ตลอดจน
ทางานอยู่สามารถกลับเขา้ มาเรียนเพิมเติ
การส่ ง เสริม “สัม มาชีพ ” ที่มี ค วามพอเพี ย งและไม่ ท าลาย
่
่
สิงแวดล
้อมและทร ัพยากรในท ้องถิน
2 ) ก า ร ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร อ า ชี ว ศึ ก ษ า ที่ มี รู ป แ บ บ
้ เน้นรูปแบบการเรียนรู ้บนฐานการทางานจริง
หลากหลายขึน
(Work-based
Learning)
และรูปแบบสหกิจศึกษา (Cooperative
Education) ร่วมกับผูป
้ ระกอบการภาคธุรกิจ
3) การส่ ง เสริม การปฏิรู ป การจัด การอุ ด มศึก ษาที่
้ ่อมหาวิทยาลัยความ
หลากหลายรู ปแบบและภารกิจ ทังเพื
เป็ นเลิ ศ และมหาวิ ท ยาลัย เพื่ อท อ้ งถิ่ น ส่ ง เสริม ศัก ยภาพ
ด้านการจัดการศึกษาเฉพาะกลุ่มเป้ าหมาย
๑) กลุ่มผู อ
้ ยู ่นอกว ัยเรียนหรือกลุ่มแรงงาน พัฒนา
่ าความ
รูปแบบ “ชุมชนในโรงงาน” (Plant Community) ทีน
เป็ นชุมชน และความเป็ นแหล่งเรียนรู ้เข ้าไปถึงมือแรงงาน
้ างทัวถึ
่ ง และเน้นทังการเพิ
้
่
่
เหล่านี อย่
มโอกาสการเรี
ยนรู ้เพือ
ยกระดับฝี มือแรงงานและความสามารถแข่งขันของประเทศใน
ระยะยาว การพัฒนาคุณภาพชีวต
ิ และครอบคร ัว ตลอดจนการ
สร ้างโอกาสให้ลูกหลานแรงงานในปัจจุบน
ั ได ้รับการพัฒนาเต็ม
่
งคม
ศักยภาพและมีระดับการศึกษาและโอกาสเลือนฐานะทางสั
ทีสู่ งขึน้ กว่ารุน
่ พ่อแม่ของตน
๒) กลุ่มเกษตรกร เน้นการให ้การศึกษาและการส่งเสริม
้ มและ
่ เกษตรกรในภาคเกษตรดังเดิ
การเรียนรู ้แก่ทงกลุ
ั้ ม
ลูกหลานเกษตรกรสูค
่ วามเป็ นนักธุรกิจการเกษตรสมัยใหม่
3) กลุ่มเด็กแรงงานต่างด้าว มุ่งการจัดการศึกษาบนหลัก
สิทธิมนุษยชนและการจัดการศึกษาบนฐานพหุวัฒนธรรมที่มี
รูปแบบหลากหลายทั้งในระบบโรงเรียนของรัฐที่มีสิทธิได้รับ
เงินอุดหนุนรายหัวอย่างทั่วถึงตามกฎหมาย การจัดในรูป
ศูนย์การเรียนเฉพาะและศูนย์การเรียนในโรงเรียน
4) กลุ่มเด็กนอกระบบการศึกษา เน้นการศึกษาทางเลือก
และการศึกษานอกระบบเพื่อสร้างโอกาสการเรียนและการมี
งานทาให้แก่เด็ก สนับสนุนให้เกิดกลไกจัดการศึกษาจาก
ภาคส่วนต่างๆ เช่น โรงเรียน ชุมชน บ้านเรียน ศูนย์การ
เรียนชุมชน ศูนย์การเรียนในสถานประกอบการ และศูนย์
การเรียนรู้เฉพาะอาชีพต่างๆ โดยการมีส่วนร่วมของภาค
ประชาสังคมอย่างเข้มแข็งในการดูแลลูกหลานของชุมชน
ของตนเอง นอกจากนี้ ยังควรสนับสนุนให้มีการวิจัยติดตาม
สภาวการณ์เด็กนอกระบบการศึกษา
5) กลุ่มเด็กด้อยโอกาส มีมาตรการตอกย้าการประกัน
ด้านการส่งเสริมการศึกษาทางเลือก
1) การจัดการศึกษาทางเลือกเฉพาะกลุ่ม มีการ
่
จัดการความรู ้และสร ้างชุดความรู ้เกียวกั
บการศึกษา
่
่ ตถุประสงค ์ที่
ทางเลือกเพือสนั
บสนุ นการเรียนรู ้เพือวั
หลากหลาย มีการดาเนิ นการด ้านสิทธิและโอกาสทาง
กฎหมายสาหร ับการศึกษาทางเลือกเฉพาะกลุม
่ มีการ
่
้ วิ่ จยั /พืนที
้ ทดลองจั
่
ขับเคลือนยุ
ทธศาสตร ์พืนที
ด
่
การศึกษาทางเลือกเพือการเรี
ยนรู ้ตลอดชีวต
ิ แก่
กลุม
่ เป้ าหมายเฉพาะ
่
่ การพัฒนา
2) การสนับสนุ นสือการเรี
ยนรู ้ท้องถิน
่ นบ
้ ้าน
คลังความรู ้ชุมชน คลังสมองชาวบ ้าน การใช ้สือพื
่
่
กลไกสือสารสาธารณะในท
้องถิน
่
่
3) การส่งเสริมงานวิจย
ั เกียวกั
บรู ปแบบทีเหมาะสม
4) การส่งเสริมหน่วยงาน/สถาบันในการฝึกอบรมและ
พัฒนาคนทางานด้านการศึกษาทางเลือก มีระบบส่งเสริม
กลไกการพัฒนาบนฐานท้องถิ่นที่มาจากภาคส่วนต่างๆ มี
ระบบพี่เลี้ยงและอาสาสมัครเพื่อการศึกษาทางเลือกรวมถึง
การพัฒนาบุคลากร-วิทยากรท้องถิ่นเพื่อเกื้อหนุนทาง
การศึกษา
5) การเปิดพืน
้ ที่การเรียนรู้/พืน
้ ที่สาธารณะเพื่อการพัฒนา
แหล่งเรียนรูท
้ างเลือกอย่างกว้างขวางเต็มแผ่นดิน การจัดทา
แผนที่การเรียนรู้ คู่มือแหล่งเรียนรู้เพื่อเป็นเครื่องมือประมวล
แหล่งเรียนรู้และเป็นสื่อให้กลุ่มเป้าหมายต่างๆ สามารถใช้
เป็นช่องทางเข้าถึงความรู้และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
6) การกลไกประสานและสนับสนุนการจัดการศึกษา
ทางเลือกระดับท้องถิน
่
7) การขับเคลือ
่ นยุทธศาสตร์การปฏิรป
ู หลักสูตรบูรณา
การบนฐานท้องถิน
่ ให้มีความยืดหยุ่นในการจัดการ
ด้านการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและ
่
่
สือเพื
อการเรี
ยนรู ้
่
1) การสนับสนุ นการใช้สอเทคโนโลยี
ื่
เพือการเรี
ยนรู ้
่ ้ผูเ้ รียนสามารถเรียนรู ้ผ่านสือ่
ปร ับหลักสูตรให ้ยืดหยุ่นเพือให
เทคโนโลยีสมัยใหม่ได ้มากขึน้ รวมถึงการปร ับวิธก
ี ารวัดผล
่ ยบโอนผลการเรียนทีมี
่ สอื่
ประเมินผล และร ับรองผลการเรียนเพือเที
เป็ นฐาน
่
่
่
2) การขับเคลือนกองทุ
นสือและเทคโนโลยี
เพือการ
่ ลติมเี ดียเพือการเรี
่
เรียนรู ้ เน้นการพัฒนาและใช ้สือมั
ยนรู ้ มีการ
่ งเสริมการค ้นหาความรู ้ และเน้นการ
จัดทาคลังความรู ้ต่างๆ เพือส่
่
่
ส่งเสริมการสร ้างและถ่ายทอดเทคโนโลยีเพือการเรี
ยนรู ้ในท ้องถิน
่
3) การพัฒนาการวิจย
ั เชิงยุทธศาสตร ์เพือการพั
ฒนา
้
่
การศึกษา จัดตังสถาบั
นวิจย
ั ระบบการเรียนรู ้แห่งชาติเพือ
เป็ นหน่ วยประสานและสนับสนุ นการวิจยั ด ้านการเรียนรู ้ รวมถึงการ
่
่ กไทยควรมี (21st
ปลายทางคือ “7c” ทีเด็
Century Skills)
่
 Communication Skills (ภาษาอังกฤษและภาษาเพือนบ
้านตามบริบท
้ )่
พืนที
 Critical Thinking Skills (มากกว่าความคิดเชิงวิพากษ ์ แต่ลากให ้ถึงการ
่
คิดเป็ นระบบหรือ System Thinking ทีจะเป็
นทักษะสาคัญในโลกซ ับซ ้อน
่
เปลียนไว)
 Creative Thinking Skills (รู ้สร ้างสรรค ์บนฐานความรอบรู ้และใฝ่ รู ้)
 Collaborative Skills (มากกว่าแค่ทางานเป็ นทีม แต่รู ้จักสร ้างทีม)
่ นเปลียนโลก
่
 Computing Skills (รู ้เท่าก ้าวทันเทคโนโลยีสารสนเทศทีเป็
ได ้ตลอดเวลา)
 Career Learning Skills (ทักษะอาชีพบวกการเรียนรู ้และปร ับตัวได ้กับ
งานหลากหลาย)
่
่ าสนใจสาหร ับท้องถิน
่
นว ัตกรรมอืนๆที
น่
การวางระบบจัดการดูแลรายกรณี เด็กด ้อยโอกาสนอก
่
ระบบและเด็กกลุม
่ เสียงในระบบการศึ
กษา (Case
Management Unit-CMU)
่ กทุกคนในพืนที
้ ตาม
่
การจัดโรงเรียนทางเลือกเพือเด็
ศักยภาพของเด็ก
เช่น โรงเรียนลูกชาวนามืออาชีพ โฮงเฮียนจาวบ ้าน
การจัดกระบวนการพัฒนาครูแบบใหม่ เช่น โครงการ
่ ยงร่
้ วมเรียนรู ้
Teacher Coaching จัดระบบพีเลี
พัฒนาด ้วยกันอย่างต่อเนื่ อง
การจัดกระบวนการเรียนรู ้ใหม่ เช่น โครงการยุววิจยั
่
ท ้องถิน
สรุป
อุปสรรคและโอกาสการสร ้างองค์กรการเรียนรู ้เพือ
่ พัฒนา
ึ ษาของท ้องถิน
การศก
่
ึ ษา 2 เรือ
ทิศทางการปฏิรป
ู การจัดการศก
่ งสาคัญ
่ ารเรียนบนฐานวิจัยหรือการเรียนด ้วย
- ด ้านการเรียนรู ้สูก
่ ตัวอย่างโครงการยุววิจัยประวัตศ
การสร ้างความรู ้ เชน
ิ าสตร์
ท ้องถิน
่ และโรงเรียนทาหนัง
่ ารจัดการเชงิ พืน
่
- ด ้านการบริหารจัดการสูก
้ ที่ เชน
ึ ษา
จังหวัด/ท ้องถิน
่ จัดการตนเองด ้านการศก
ึ ษาเชงิ พืน
หัวใจการจัดการศก
้ ที่
- 4 ไม ้ผลัด (ปฐมวัย/พืน
้ ฐาน/การมีงานทา/การเรียนรู ้
ตลอดชวี ต
ิ )