ความรู้เบื้องต้นในการวิจัยชุมชน_RMUI

Download Report

Transcript ความรู้เบื้องต้นในการวิจัยชุมชน_RMUI

ความรู้เบื้องต้นในการวิจยั ชุมชน
ภาสกร นันทพานิช
[email protected]
คาถามจากลูกค้า
•
•
•
•
ทาไมต้องวิจยั ชุมชน ?
วิจยั ชุมชนคืออะไร ?
วิจยั ชุมชนทาอย่างไร ?
ทาวิจยั ชุมชนแล้วได้อะไร ?
ทำไมต้ องวิจยั ชุมชน ?
• พันธกิจ และบทบำทของมหำวิทยำลัย
• Opportunity
มหำวิทยำลัยอยู่ในพืน้ ทีช่ ุมชน มีควำมใกล้ ชิดกกับชุมชน
พัฒนำศักยภำพทำงวิชำกำรของ มหำวิทยำลัย
(มหำวิทยำลัยแตกต่ ำงกับมหำวิทยำลัยหลัก)
อยู่ในกระแส
พัฒนำทรัพยำกรบุคคลของมหำวิทยำลัย
บูรณำกำรงำนวิจัยกำรกำรทำงำน (ใช้ กำรวิจัยชุมชน
เป็ นเครื่องมือ) เพือ่ ให้ บรรลุเป้ำหมำย ฯลฯ
• Benefit
ไดก้ ลูกค้ ำ, ผู้รับบริกำรตรงตำมควำมต้ องกำร
สำมำรถให้ บริกำรหรือดกำเนินงำนไดก้ ตรงตำมควำม
ต้ องกำรของชุมชน
รู้ข้อมูลของพืน้ ทีช่ ุมชน (ควำมรู้ทไี่ ดก้ จำก
กระบวนกำรวิจัยชุมชน)
ผลงำนทำงวิชำกำร
ตำแหน่ งทำงวิชำกำร ฯลฯ
กำรวิจัยชุมชนเป็ นเครื่องมือที่จะ
นำไปสู่ กำรบรรลุพนั ธกิจ และ
บทบำทของมหำวิทยำลัย
วิจยั ชุมชนคืออะไร
กระบวนทัศน์ กำรวิจัยทำงสั งคมศำสตร์
กระบวนทัศน์ กำรวิจยั ทำงสั งคมศำสตร์ ไดก้ มีกำรปรับเปลี่ยนมำโดกย
ลำดกับ กล่ ำวโดกยสรุ ปไดก้ ว่ำ กระบวนทัศน์ กำรวิจยั ทำงสั งคมศำสตร์ มีสำม
กระบวนทัศน์ ไดก้ แก่
1. สั งคมศำสตร์ เชิงปฏิฐำน (positivist social science)
2. สั งคมศำสตร์ เชิงตีควำม (interpretivist social science)
3.สั งคมศำสตร์ เชิงวิพำกษ์ (critical social science)
กำรวิจัยตำมสำขำต่ ำงๆ กำรวิพำกษ์ หลักสู ตร กำรวิจัยเชิงปฏิบัติกำร
กำรวิจัย
กำรวิจัย
(research traditions) (curriculum critique) (action research)
เชิงทดกลอง
เชิงบรรยำย
(experimen (non-experiment) เช่ น เชิงชำติพนั ธุ์
วรรณนำ
t)
กำรวิจัย
กำรวิจัย
เชิงประวัตศิ ำสตร์
เชิงปฏิบัติกำร
เพือ่ สิ ทธิสตรี
แบบมีส่วนร่ วม
(feminist
(PAR)
research)
กำรวิจัยเชิงปริมำณ
(quantitative research)
กำรวิจัยเชิงคุณภำพ
(qualitative research)
สั งคมศำสตร์ เชิงปฏิฐำน สั งคมศำสตร์ เชิงตีควำม
(Positivist Social)
(Interpretivist Social)
กำรวิจัยเชิงวิพำกษ์
(critical research)
สั งคมศำสตร์ เชิงวิพำกษ์
(Critical Social Science)
กำรแสวงหำควำมรู้ - ควำมจริง
กระบวนทัศน์กระแสหลัก
(dominant paradigm)
Paradigm shift
กำรเปลีย่ นแปลงกระบวนทัศน์ กำรวิจยั
กระบวนทัศน์ทางเลือก
(alternative paradigms)
• สังคมศาสตร์เชิงปฏิฐาน (positivist social science) • สังคมศำสตร์ เชิงตีควำม
(interpretivist social science)
• สั งคมศำสตร์ เชิงวิพำกษ์
(critical social science)
กระบวนทัศน์ของการวิจยั
Paradigm shift
Conventional
method
Quantitative research
Alternative
method
• Qualitative research
• Action research
• Survey research
• Experimental research
ควำมแตกต่ ำงระหว่ ำงกำรวิจัยและกำรพัฒนำ
• กำรพัฒนำ คือ กระบวนกำร (ยุทธวิธี) ในใช้ ควำมรู้ เพือ่
ก่ อให้ เกิดกกำรเปลีย่ นแปลงไปในทำงทีดก่ ขี นึ้
• มุมองของควำมหมำยในกำรพัฒนำ 3 แนวทำง
1. ควำมก้ ำวหน้ ำ
2. กำรเจริญโต
3. วิธีกำรในกำรทำงำนพัฒนำ
• กำรวิจัย หมำยถึง กระบวนกำรในกำรสร้ ำงและ ใช้
ควำมรู้
• กำรวิจัยชุมชน หมำยถึง กระบวนกำรสร้ ำงและใช้
ควำมรู้โดกยกำรมีส่วนร่ วมของประชำชนในชุมชนเพือ่
แก้ ปัญหำหรือส่ งเสริมศักยภำพของชุมชนและ
ก่ อให้ เกิดกกำรเปลีย่ นแปลงทีดก่ ขี นึ้ ในชุมชนท้ องถิ่น
งำนวิจัยชุมชน: งำนวิจัยเพือ่ กำรพัฒนำชุมชน
ฐำนคิดก: เมื่อ ปัญหำเกิดกขึน้ ในชุมชนชนบท
คำตอบในกำรแก้ ปัญหำก็ควรจะอยู่ทชี่ ุมชนชนบท
เพรำะ ชุมชนชนบทมีทุน
 ทุน ทรัพยำกร สิ่ งแวดกล้ อม
 ทุน ควำมรู้ ภูมิปัญญำ
 ทุน กลุ่ม / องค์ กร / เครือข่ ำย
 ทุน วัฒนธรรม ประเพณี ฮีต 12 คลอง 14
 ทุน ทีเ่ ป็ นตัวเงิน
 ฯลฯ
หลักกำรพืน้ ฐำน (Basic Principle) ของกำรวิจัยชุมชน
• กำรมีส่วนร่ วม (Participation) ต้ องสร้ ำงกำรมีส่วนร่ วมขึน้ ให้ ไดก้
• มีกำรสร้ ำงกระบวนกำรเรียนรู้ (Learning Process) Action Learning
มีกำร Share, หำ, ดกูดกซับ, ทดกลองใช้ , สรุปผล, ปรับปรุง ฯลฯ
• Bottom-up Approach
• Holistic Approach
• Community Empowerment
• Area Base Research
• Social Movement
• มีควำมเชื่อว่ ำทุกคนมีศักยภำพ และ มีควำมสำมำรถที่จะเรียนรู้ ไดก้
• Sustain concept, Self reliance
ลักษณะของกำรวิจยั ชุมชน
• เป็ นวิธีวทิ ยำกำรวิจัย (มีข้นั ตอนและกระบวนวิจัย)
• เน้ นกระบวนกำรทีส่ ำมำรถสร้ ำงควำมรู้ ทที่ ำให้ คนในชุมชน
เก่ งขึน้ มั่นใจขึน้ และเกิดกกลไกกำรจัดกกำร Empowering)
• โจทย์ วจิ ัย มำจำกชุมชน
• มีลกั ษณะเป็ นสหวิทยำกำร (Interdisciplinary) บูรณำกำร
ควำมรู้ (Knowledge Integration)
ลักษณะของกำรวิจยั ชุมชน (ต่ อ)
• คนในชุมชน อำสำมำเป็ นนักวิจัยร่ วมสร้ ำงควำมรู้
• มีกำรสร้ ำงกระบวนกำรเรียนรู้ และกำรมีส่วนร่ วมของ
คนในชุมชน
• มีปฏิบัตกิ ำร ของกำรสร้ ำงควำมรู้ และ ใช้ ควำมรู้
• เน้ นกำรใช้ ประโยชน์ จำกงำนวิจัยเพือ่ กำรพัฒนำ
(แก้ ปัญหำ หรือส่ งเสริมศักยภำพของชุมชน)
กำรวิจัยทีม่ ี
วิชำกำรเป็ นฐำน
กำรวิจัยทีม่ ีปัญหำ
(แก่นของ
เป็ นฐำน
งำนวิจัย)
(แก้
ป
ั
ญ
หำ,งำน
วิชำกำรข้ อมูล
กำรวิจัยทีม่ ี
เฉพำะพืน้ ที่
ปัญหำเฉพำะพืน้ ที่
พืน้ ทีเ่ ป็ นฐำน พัฒนำ)
(วิถีชำวบ้ ำน)
วิธีกำรแก้ปัญหำเฉพำะพืน้ ที่
สหสำขำวิชำ (เทคโนโลยี, สั งคมศำสตร์ , มนุษยศำสตร์ )
กระบวนกำรมีส่วนร่ วมของผู้ทเี่ กีย่ วข้ องหรือมีส่วนไดก้ เสี ย
กำรวิจัยชุ มชน
กำรขับเคลือ่ นสั งคม (ชุ มชน) ไปในทิศทำงทีค่ วรจะเป็ น
วิชำกำร
ข้ อมูล
เฉพำะพืน้ ที่
กระบวนกำร
เรียนรู้ทเี่ กิดก
ขึน้ ในพืน้ ที่
เป้ำหมำยของ
กำรพัฒนำ
วิชำกำร
พืน้ ที่
ปัญหำ/ศักยภำพ
เฉพำะพืน้ ที่
วิธีกำรแก้ ปัญหำ/
ส่ งเสริมศักยภำพ
เฉพำะพืน้ ที่
กระบวนกำรมีส่วนร่ วมของผู้ทเี่ กีย่ วข้ องหรือมีส่วนไดก้ เสี ย
สหสำขำวิชำ (เทคโนโลยี, สั งคมศำสตร์ , มนุษยศำสตร์ )
กำรวิจัยชุ มชน
ภำสกร (2553)
ลักษณะของกำรวิจัยชุมชนเปรียบเทียบกับงำนวิจัยแบบ
Conventional research
งำนวิจัยแบบเดกิม
งำนวิจัยชุมชน
• สร้ ำงควำมรู้ใหม่ โดกย
นักวิชำกำร
• เน้ นผลกำรวิจัย
• สร้ ำงควำมรู้ใหม่ สร้ ำงโดกยคนในชนเป็ น
หลัก (นักวิชำกำรเป็ น Facilitators)
•เน้ นกระบวนกำรเรียนรู้และกำรมีส่วน
ร่ วมของผู้มีส่วนไดก้ เสี ย
•มีข้อเสนอแนะที่แก้ปัญหำไดก้ •ใช้ ฐำน “ทุน” ของชุ มชน
•ต้ องนำควำมรู้ไปแก้ปัญหำไดก้ จริง
งำนวิจยั ชุมชนเป็ นงำนวิจยั ทีม่ ปี ระโยชน์ ต่อ
ชุมชนจริงหรือ ?
งำนวิจยั ชุมชนสร้ ำงควำมรู้ จำก:
• กำรวิเครำะห์ ปัญหำ และหรือศักยภำพของชุมชน
• เจ้ ำของปัญหำและผู้เกีย่ วข้ อง อำสำ/ สมัครใจจะ
ทดกลองทำวิจัย เพือ่ แก้ ปัญหำ หรือส่ งเสริมศักยภำพ
• กำรเก็บข้ อมูลโดกย วิเครำะห์ ไดก้ ว่ำ จะเก็บประเดก็น
อะไร จำกใคร เก็บอย่ ำงไร
• กำรวิเครำะห์ แยกแยะข้ อมูลไดก้
• กำรใช้ ข้อมูลประกอบกำรตัดกสิ นใจแก้ ปัญหำหรือ
พัฒนำ
งำนวิจัยชุมชน: เสริมสร้ ำงควำมเข้ มแข็งให้ คนใน
ชุมชนเก่ งขึน้ มั่นใจมำกขึน้
• เกิดกทักษะกำรเก็บข้ อมูล กำรวิเครำะห์ ข้อมูล กำร
ใช้ ข้อมูลประกอบกำรตัดกสิ นใจแก้ ปัญหำ
• เกิดกควำมรู้ ใหม่
• ปรับวิธีคดกิ กระบวนทัศน์
งำนวิจยั ชุมชน: สร้ ำงกลไกกำรจัดกกำรกับปัญหำ
• เกิดก คน / กลุ่มคน ทีม่ ีจิตอำสำ
• เกิดกปฏิบัตกิ ำร ของกำรใช้ ควำมรู้ ใหม่
วิจยั ชุมชน what is it?
- กำรทำงำนวิจัยในชุมชน ×
- กำรทำวิจัยเพือ่ ชุ มชน
√
วิจยั ชุมชนทาอย่างไร
องค์ประกอบหลักของการวิจยั ชุมชน
• นักวิจยั ที่เป็ นนักวิชาการ (อาจารย์วิทยาลัยชุมชน) Researcher
as Facilitator
• นักวิจยั ที่เป็ นชาวบ้านในชุมชน (Core team) Actors
• พื้นที่ (ชุมชน) และบริ บทของพื้นที่
• ปัญหา และศักยภาพของชุมชน (โจทย์ คาถาม และประเด็นการวิจยั
ชุมชน)
• กระบวนการ และวิธีการวิจยั
สมรรถนะของนักวิจัยชุมชนทีค่ วรจะมี
• Core competency
• Technical competency
Competency = Knowledge + Skill
ภำสกร (2552)
Capability of finding
the potential of
community
Positive attitude
toward community
Systemic
thinking
Analytical
thinking
Capability of using
techniques and tools
for data collection
Skills of data
analysis and
synthesis
Thinking and
attitude
Initial desirable
characteristics of
Community researcher
Capability in
Data
management
Skills of
facilitators
Capability in field
operation
To
To be
beable
abletotodifferentiate
differentiate
between
betweenresearch
researchand
and
development
development
Knowledge and
Knowledge &
understanding
understanding of
of CR
CR philosophy
philosophy
Capability in
community research
methodology
Knowledge and practical
skills for using
techniques and tools in
CR
Understanding
of processes and
methods in CR
Knowledge in
type of research
Show the initial desirable characteristics of community researcher
Nuntapanich (2010)
Show the necessary competency (NC) of community researchers
Set of
competency
Necessary competency (NC)
1. Core
competencies
(CC)
1.1 Knowledge and understanding of CR philosophy (CC1)
1.2 Positive attitude toward community (CC2)
1.3 Systemic thinking competency (CC3)
1.4 Analytical thinking competency (CC4)
1.5 Skills of data analysis and synthesis (CC5)
1.6 Capability of differentiating between research and
Development (CC6)
2. Technical
competencies
(TC)
2.1 Knowledge in type of research (TC1)
2.2 Capability of finding the potential of community(TC2)
2.3 Understanding of processes and methods in CR (TC3)
2.4 Skills of facilitators (TC4)
2.5 Knowledge for using techniques and tools in CR (TC5)
2.6 Knowledge and practical skills for using techniques
and tools for data collection in CR(TC6)
Nuntapanich (2010)
รู ปแบบของกำรวิจยั ชุมชน
• วิจัยเป็ นฐำนกำรของกำรพัฒนำ (R&D) เช่ น FSR/E,
PTD (Participatory Technology Development)
• กำรพัฒนำเป็ นฐำนของกำรวิจัย (D&R) เช่ น
Participatory evaluation
• Participatory action research (PAR)
• กำรพัฒนำชุมชนโดกยใช้ กระบวนกำรวิจัยเป็ นฐำน
- ใช้ กำรวิจัยเป็ นเครื่องมือของกำรพัฒนำชุมชน
• กำรใช้ กำรพัฒนำเป็ นฐำนของกำรวิจัย
- เริ่มต้ นจำกกำรพัฒนำ แต่ ในกระบวนกำรพัฒนำมีกำร
สร้ ำงควำมรู้ มีกำรจัดกเก็บข้ อมูล และนำข้ อมูลมำประกอบ
กำรตัดกสิ นใจ หรือแก้ ปัญหำ
- กำรประเมิน ดกำเนินกำรพัฒนำ และมีกำรประเมิน
โดกยใช้ กระบวนกำรวิจัย เช่ น กำรประเมินแบบมีส่วนร่ วม
(participatory evaluation) หรือกำรประเมินแบบเสริม
พลัง (empowerment evaluation)
Participatory
Action
Research
Research
Action
Participation
research + action + participation
กำรมีส่วนร่ วมของประชำชนในกำรพัฒนำชุมชน หมำยถึง
กำรที่ประชำชนในชุ มชนมีควำมเป็ นอิสระในกำร ......
 ร่ วมแรง ร่ วมใจ ร่ วมทรัพย์
 ร่ วมควำมคิดก
 ร่ วมวำงแผน และตัดกสิ นใจ
 ร่ วมปฏิบัติ
 ร่ วมประเมินผล
 ร่ วมรับผลที่เกิดกขึน้ ในกำรดกำเนินงำนของกลุ่ม
ทั้งนี้ เพื่อแก้ ปัญหำที่เกิดกขึ้นหรื อส่ งเสริ มศั กยภำพ ของชุ มชน
เพื่ อ ตอบสนองตอบควำมต้ อ งกำรของชุ ม ชนอั น เป็ นกลไกในกำร
พัฒนำชุ มชน
ระดับของการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน
1.การรับรูข้ ่าวสารของสมาชิก
2. การปรึกษาหารือร่วมกัน
3.การประชุมรับฟังความเห็น
4.ร่วมลงทุน (ร่วมทรัพย์)
5.การร่วมวางแผน
6. การร่วมตัดสินใจ
7 . การทางานร่วมกัน
8. การร่วมประเมินผลการดาเนิน
9. การร่วมรับผลทีเ่ กิดขึ้ น
กระบวนกำรในกำรวิจัยชุมชน
• ระยะก่ อนกำรวิจัย
1. กำรคัดกเลือกชุมชน
2. กำรศึกษำข้ อมูลเบือ้ งต้ นของชุมชน (ศึกษำ
ข้ อมูลมือ2)
3. กำรเข้ ำชุมชนเพือ่ สร้ ำงสั มพันธภำพกับชุมชน
(Building-up rapport)
4. Rapid assessment ของบริบททั่วไป และ
บริบทเฉพำะเบือ้ งต้ น
• ระยะของกำรทำกำรวิจัย
1. กำรศึกษำบริบทของชุมชน Context Analysis
1.1 กำรศึกษำบริบททัว่ ไป (General context)
1.2 กำรศึกษำบริบทเฉพำะ (Specific context)
2. กำรวิเครำะห์ ปัญหำ /ศักยภำพของชุมชน (Identify Problem,
Need and Potential of Community) (ไดก้ Research question)
3. หำ Core team
4. วำงแผนในกำรดกำเนินงำนวิจัยแบบมีส่วนร่ วม (Participatory
planning)
5. กำรส่ งเสริมควำมรู้ (Training, Technology Transfer,
กำรศึกษำดกูงำน)
6. ปฏิบัติตำมแผน (Implementation) ในลักษณะของ
Action Learning
7. กำรติดกตำมและประเมินผลแบบมีส่วนร่ วม
(Participatory monitoring and evaluation)
8. กำรสรุปบทเรียนจำกำรดกำเนินงำน (Lesson Learn)
9. ขยำยผลสู่ ชุมชนข้ ำงเคียง (Scaling up)
Research Methodology
• Participatory Action Research
Qualitative + Quantitative
PRA, RRA
Community Selection
Building-up
rapport
Community
studies
Context analysis
Core team
searching
Identify Problem, Need and
Potential of Community
Research
design and
action
Planning
Research
Question
Increase
Knowledge
Participation
Evaluation
Implementation
ภำสกร (2553)
กรณี ตวั อย่าง
• การศึกษาบริ บทของชุมชน
ข้อมูลกายภาพ, ชีวภาพ, เศรษฐกิจ และสังคมของชุมชน
ผลการศึกษาชุมชน พบว่า ดินของชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ต่า,
อินทรี ยวัตถุนอ้ ย, ประชาชนในชุมชนทุกครัวเรื อนทาการเกษตร ชุมชนมีการปลูกข้าว
และปลูกพริ กหลังการปลูกข้าว มีการเลี้ยงโคกระบือ จากการเก็บข้อมูลรายจ่ายของ
ชุมชนพบว่าร้อยละ 60 ของรายจ่ายทั้งหมดเป็ นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับปุ๋ ยเคมี และสารกาจัด
ศัตรู พืช ประชาชนในชุมชนมีรายรับเฉลี่ย 35,000 บาท มีรายจ่ายเฉลี่ย
32,000 บาท มีรายได้เฉลี่ย 3,000 บาท
Research Question
• จะมีแนวทางในการลดรายจ่ายของประชาชนในชุมชนนี้อย่างไร
• ถ้าจะลดรายจ่ายโดยการลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสารเคมีทางเกษตรจะเป็ นไปได้หรื อไม่
1. ทัศนคติของเกษตรกรในชุมชนที่มีต่อปุ๋ ยอินทรี ย ์ และปุ๋ ยเคมีรวมทั้งสารสกัดชีวภาพเป็ น
อย่างไร
2. เกษตรกรในชุมชนมีความรู้ในเรื่ องของปุ๋ ยอินทรี ยแ์ ละสารสกัดชีวภาพมากน้อยแค่ไหน
3. เกษตรกรในชุมชนสามารถทาปุ๋ ยอินทรี ยแ์ ละสารสกัดทางชีวภาพได้หรื อไม่
4. มีวตั ถุดิบในพื้นที่ที่จะนามาใช้ในการทาปุ๋ ยอินทรี ยห์ รื อสารสกัดชีวภาพหรื อไม่
ถ้าเกษตรกรจะทาปุ๋ ยอินทรี ยใ์ ช้เองวัตถุดิบที่มีอยูใ่ นพื้นที่พอหรื อไม่
5. ปริ มาณของปุ๋ ยอินทรี ยห์ รื อสารสกัดชีวภาพที่ตอ้ งผลิตให้เพียงพอต่อการใช้เพื่อลดรายจ่าย
ควรจะเป็ นเท่าไหร่
6. ประสิ ทธิภาพของปุ๋ ยอินทรี ย ์ และสารสกัดชีวภาพที่ผลิตได้เป็ นอย่างไร
7. รายจ่าย และรายรับจากการใช้ปุ๋ยอินทรี ย ์ และสารสกัดชีวภาพทดแทนปุ๋ ยเคมีในการผลิต
ทางการเกษตรเป็ นอย่างไร
Technique and Tools
Research
Process
Context
Analysis
Technique
RRA, PRA, AIC,
FSC, Survey,
Group discussion,
Participatory
workshop, Key
informant
interview
Tools
- Mind mapping
- Map
- Card technique
(Meta plan)
- Time line
- Secondary data
analysis
- Questionnaire
- Semi-structure
interview schedules
Technique and Tools (Continue)
Research
Process
Identify
problem,
need and
potential
Technique
Tools
AIC, FSC, PRA,
- Mind mapping
Group discussion, -Card technique
Participatory
(Meta plan)
workshop
- Time line
- Matrix
- SWOT Analysis
- Map
- ect
Technique and Tools (Continue)
Research
Process
Planning
Technique
AIC, FSC, Group
discussion,
Participatory
workshop
Tools
- Mind mapping
- Card technique
(Meta plan)
- Time line
- Matrix
- SWOT Analysis
-ect
Technique and Tools (Continue)
Research
Process
Increase
Knowledge
Technique
Knowledge
Management,
Participatory
Training or
Workshop,
Site Visit,
Learning Forum
from Best
Practices,
Brain Storming
Tools
- Mind mapping
- Card technique
(Meta plan)
- Story telling
- Knowledge Café
- Knowledge sharing
Technique and Tools (Continue)
Research
Process
Implementation
(Action Learning
in Action)
Technique
PTD
(Participatory
Technology
Development),
Experiment,
Group setting
Tools
- People
participation
- Facilitators
แนวคิดและทฤษฎีที่เกีย่ วข้องกับการวิจยั ชุมชน
นักวิจยั ชุมชนจาเป็ นต้องมีความเข้าใจแนวคิด/ทฤษฎีทีเ่ กีย่ วข้อง
เพือ่ ใช้ในการ
• ทาความเข้าใจปรากฏการณ์ทีเ่ กิดขึ้ นและเป็ นไปในชุมชน
• ใช้ในการตีความหมายข้อมูลและผลทีไ่ ด้จากการวิจยั
• เป็ นกรอบแนวคิดทางเลือกในการปฏิบตั ิตามแผนในกระบวนการวิจัย
กรอบแนวคิดกหรือทฤษฎีทสี่ ำคัญ
• โลกาภิวตั น์
1. WTO, FTA,
2. Washington consensus
3. เศรษฐกิจสร้างสรรค์
4. Post kyoto Protocol
5. CDM, Carbon credit
6. Global warming
7. Green economy (ฉลากสินค้า, carbon
footprint, Food mile)
8. Cooperate Social responsibility (CSR)
9. MDG (Millennium development Goal)
10. Low carbon society ฯลฯ
• ท้ องถิ่นนิยม
1. Sustain concept
2. Sustainable development
3. กำรพึง่ พำตนเอง (Self reliance)
4. Networking
5. เศรษฐกิจพอเพียง
6. เศรษฐกิจไร้ เงินตรำ
7. ควำมมัน่ คง (ไม่ มันคง) ทำงดก้ ำนอำหำร
8. ปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ
1.ทฤษฎีโครงสร้ ำงหน้ ำที่
2. ทฤษฎีมนุษย์ นิเวศวิทยำ ฯลฯ