ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

Download Report

Transcript ทำงานอย่างไรให้มีความสุข

ทำงำนอย่ ำงไรให้ มีควำมสุข ?
BY ...
BLCSME
วัตถุประสงค์การนาเสนอ
 ทุกทีท
่ ำงำนมีควำมเครียด และ
ท่ ำนจะต้ องเผชิญกับควำมเครียด
ในกำรทำงำนไม่ ทำงใดก็ทำงหนึ่ง
อย่ ำงแน่ นอน
สำเหตุควำมเครียด เป็ นต้ นว่ ำ
ระเบียบกฎเกณฑ์ ทยี่ ่ ุงยำก, เจ้ ำนำยเอำ
แต่ ใจ, กำรแทงข้ ำงหลัง, กำรติฉิน
นินทำ, ควำมกังวล, ควำมไม่ แน่ นอน,
ตลอดจนกำรถูกปฏิเสธ และอืน่ ๆ อีก
มำกมำย

 งำนต่ ำงๆ ย่ อมมีควำมเครียดอย่ ูในตัว
ไม่ มีงำนใดที่ไม่ เครียด ดังนั้น “ท่ าน
จะจัดการกับมันอย่ างไรดี จึงจะทาให้
การทางานของท่ านมีความสุข และ
ประสบความสาเร็ จในชีวิตการ
ทางาน”
สรุ ปข้อคิดสาคัญในการทางาน
อย่างมีความสุ ข 12 ข้อ
1. การยอมรับความจริ ง
“Accept the fact that there’s
almost always going to be
someone mad at you”
 เป็ นแนวคิดที่ยำกจะยอมรับว่ ำ เป็ น
เรื่องธรรมดำที่จะมีใครบำงคนไม่
พอใจท่ ำน โดยเฉพำะถ้ ำคุณเป็ นคนที่
ใส่ ใจผู้อนื่ หรือชอบให้ เป็ นทีย่ อมรับ
ของคนทั่วไป
 ควำมจริงที่ว่ำ จะต้ องมีใครบำงคน
ไม่ พอใจท่ ำน หรืออย่ ำงน้ อยทีส่ ุ ดก็
ผิดหวังในตัวท่ ำน เป็ นเรื่องที่
หลีกเลีย่ งไม่ พ้น เนื่องจำกขณะที่ท่ำน
พยำยำมจะเอำใจคนๆ หนึ่ง ท่ ำนอำจ
กำลังทำให้ คนอืน่ ๆ ผิดหวังในเวลำ
แม้ ว่ำควำมตั้งใจของท่ ำนจะบริสุทธิ์
และสร้ ำงสรรค์ เพียงใดก็ตำม
 วิธีแก้ ปัญหานี้ คือ กำรสร้ ำงสั นติสุข
ให้ เกิดขึน้ กับตัวเองด้ วยกำรยอมรับ
ควำมจริงข้ ำงต้ นอันหลีกเลีย่ งไม่ ได้
หำกสำมำรถทำได้ คุณจะไม่ ต้องใช้
เวลำส่ วนมำกหมดไปกับกำรต่ อสู้ กบั
ควำมผิดหวัง
2. อย่าปล่อยให้ความคิดตัวเองทาให้
เครี ยด
“Don’t let your own thoughts
stress you out”
คุณเคยเจอคำถำมนีไ้ หม?
 “สิ่ งสำคัญทีส
่ ุ ดเพียงอย่ ำงเดียวที่จะ
ช่ วยให้ เรำเลิกเหงือ่ ตกกับเรื่องรก
สมอง คือ อะไร?”
 วิธีหนึ่งในหลำยวิธีที่จะแนะนำ คือ
“อย่ าปล่ อยให้ ความคิดของตัวเองทา
ให้ เครี ยด”
ท่ ำนรู้ หรือไม่ ว่ำ ในแต่ ละวันทีท่ ่ ำนมักพูด
ในใจกับตัวเองเป็ นส่ วนตัวบ่ อยครั้งนั้น ไม่
ว่ ำจะเป็ นควำมวิตกกังวล, ควำมผิดพลำด
หรือ ควำมขัดแย้ งทีอ่ ำจเกิดขึน้ สิ่ งเหล่ ำนี้
เป็ นเพียงจินตนำกำรเรื่องต่ ำงๆ อยู่ในใจ
เท่ ำนั้น

ดั ง นั้ น เมื่ อ ท่ ำ นมี ค วำมคิ ด อย่ ำ งใดอย่ ำ ง
หนึ่ง ขอให้ ถือว่ ำมันเป็ นเพียงควำมคิดอย่ ำง
หนึ่งเท่ ำนั้น ความคิดย่ อมไม่ มีอานาจหรื อ
สั่ งการให้ เกิดความเครี ยดได้ โดยปราศจาก
การยิน ยอมจากท่ า น ไม่ ว่ า จะร้ ู ตั ว หรื อ ไม่
ก็ตาม

ตัวอย่ างเช่ น
 ท่ ำนอำจคิดถึงเรื่องอะไรอยู่อย่ ำงต่ อเนื่อง
ขณะขับรถไปทำงำน “ตำยล่ ะ วันนีเ้ รำคงแย่
ต้ องเข้ ำประชุ มถึงหกงำนและเขียนรำยงำน
2 ชิ้นให้ เสร็จก่ อนเที่ยง เรำไม่ อยำกพบเจน
เลย เพรำะเพิง่
รู้ มำว่ ำเธอยังคงโกรธเรำอยู่เกีย่ วกับ
ควำมเห็นที่ไม่ ลงรอยกันเมื่อวำนนี”้
จำกเหตุกำรณ์ ดงั กล่ ำว มีเพียง 1 ใน 2
อย่ ำงที่สำคัญอันจะเกิดขึน้ ได้ คนเรำมัก
คิดอย่ ำงหนึ่งหลังจำกควำมคิดอย่ ำง
หนึ่งและอีกอย่ ำงหนึ่ง แต่ ลมื ไปว่ ำมัน
เป็ นเพียงควำมคิดเท่ ำนั้น แต่ กลับ
ปฏิบัติรำวกับว่ ำมันเป็ นควำมจริง

ดังนั้น หำกเรำสำมำรถเปลีย่ นวิธีที่จะ
เชื่อมโยงตัวเองกับควำมคิดต่ ำงๆ ได้
แล้ว ท่ ำนจะสำมำรถลดควำมเครียดใน
ชีวติ กำรทำงำนให้ น้อยลงได้ มำก

3. จดจำหลักกำรสำม R’S
“Remember the three R’s”
หลักการสาม R’s ที่สาคัญคืออะไร?
 Responsive: กำรแสดงออกที่เหมำะสม
 Receptive : กำรยอมรับ
 Reasonable : กำรมีเหตุผล
1. Responsive หมำยถึง กำรแสดงออกที่
เหมำะสมกับเหตุกำรณ์ ทเี่ กิดขึน้ แทนที่
จะถูกผลักดันหรือถูกควบคุมให้
แสดงออกโดยนิสัย หรือปฏิกริ ิยำตอบ
โต้ ตำมธรรมชำติ
กำรแสดงออกที่เหมำะสม หมำยถึง
ควำมสำมำรถทีจ่ ะคงจุดยืนและเลือก
ทำงเลือกทีด่ ที สี่ ุ ด หรือกำรแสดงออกที่
เหมำะสมทีส่ ุ ดในสถำนกำรณ์ หนึ่งๆ ที่
เกิดขึน้

บุคคลทีแ่ สดงออกอย่ ำงเหมำะสม จะ
คำนึงถึงปัจจัยต่ ำงๆ ที่เกีย่ วข้ องได้ อย่ ำง
ถีถ่ ้ วน แทนที่จะมองอะไรตำม
ควำมเห็นส่ วนตัวที่เป็ นไปอย่ ำงจำกัด
และตำมวิธีกำรทีท่ ำอยู่เป็ นประจำ

2. Receptive หมำยถึง กำรเปิ ดใจกว้ ำง
ต่ อควำมคิดเห็นและข้ อเสนอแนะต่ ำงๆ
คือ กำรที่ท่ำนมีแนวโน้ มและยินดีจะ
ยอมรับสิ่ งต่ ำงๆ ที่จำเป็ นในขณะนั้น ไม่
ว่ ำจะเป็ นอะไร เช่ น ข้ อมูล, ควำม
สร้ ำงสรรค์ , ควำมคิดใหม่ ๆ หรืออืน่ ๆ
ซึ่งมีลกั ษณะตรงข้ ำมกับบุคคลทีป่ ิ ดกั้น
ตัวเองและดือ้ รั้น
บุคคลทีย่ อมรับฟังและทำตัวเหมือน
เป็ น “ผู้เริ่มต้ นใหม่ ” พร้ อมเรียนรู้ สิ่ง
ต่ ำงๆ แม้ จะเป็ นผู้ชำนำญกำรในเรื่อง
นั้นๆ ก็ตำม ด้ วยกำรไม่ ต่อต้ ำนโดยไร้
เหตุผล คนเหล่ ำนีจ้ ะเรียนรู้ อย่ำง
รวดเร็ว และมักจะกลำยเป็ นผู้เสนอ
ควำม

คิดทีด่ ที สี่ ุ ด และเป็ นเพือ่ นร่ วมทีมงำน
ที่ดี และคนส่ วนใหญ่ จะชอบทำงำนกับ
คนประเภทนี้ เนื่องจำกเป็ นคนทีม่ ี
ควำมสำมำรถที่จะคิดนอกกรอบ และ
พร้ อมจะรับฟังควำมเห็นที่แตกต่ ำง
หลำกหลำยได้
3. Reasonable แสดงให้ เห็นถึง
ควำมสำมำรถที่จะพิจำรณำสิ่ งต่ ำงๆ
อย่ ำงยุตธิ รรมโดยปรำศจำกอคติ
ส่ วนตัว เป็ นควำมสำมำรถที่จะ
มองเห็นว่ ำตัวเองจะช่ วยแก้ปัญหำได้
อย่ ำงไร และยินดีรับฟัง+เรียนรู้ ควำม
คิดเห็นคนอืน่
กำรมีเหตุผล รวมหมำยถึง
ควำมสำมำรถทีจ่ ะเข้ ำใจผู้อนื่ มองเห็น
ภำพรวม และมีจุดยืนของตนเอง
 คนทีม
่ เี หตุผลจะได้ รับกำรยอมรับ
นับถือและเป็ นที่รัก

คนทีม่ เี หตุผลมักไม่ ค่อยมีศัตรู และ
ควำมขัดแย้ งใดๆ ที่อำจเกิดขึน้ ก็มักจะ
น้ อยมำก

หากสามารถเพิม่ คณ
ุ สมบัติตาม
หลักการสาม R’s ให้ มากขึ้นแล้ ว เรื่ อง
ต่ างๆ ที่เกีย่ วข้ องจะเข้ าที่เข้ าทางและ
ดแู ลจัดการตัวมันเองได้ เป็ นอย่ างดีใน
ทีส่ ุ ด
4. เลิกเสี ยเวลากับการพร่ าบ่น
“ Get out of the grumble
mode”
กำรบ่ นว่ ำ หรือหงุดหงิดอำรมณ์ เสี ย
อยู่ตลอดเวลำ คือ พฤติกรรมของใคร
บำงคนที่ชอบเอำจริงเอำจังกับตัวเอง,
คนอืน่ และทุกสิ่ งทุกอย่ ำงจนเกินไป

คนที่ชอบเสี ยเวลำบ่ นว่ ำสิ่ งต่ ำงๆ จะ
ตำหนิชีวติ ตำมทัศนคติที่มองโลกในแง่
ร้ ำย และพยำยำมให้ เหตุผลสนับสนุน
ควำมนึกคิดในเชิงลบของตน ด้ วยกำร
ชี้ให้ เห็นถึงปัญหำและอุปสรรคต่ ำงๆ

คนทีร่ ู้ สึกกดดัน จะมีลกั ษณะศีรษะ
ห้ อยลงมำ ไหล่ ตก และทำหน้ ำนิ่วคิว้
ขมวด แต่ ถ้ำเพียงคุณยืนตัวตรง ยก
ศีรษะและไหล่ ให้ ต้งั ขึน้ แล้ วยิม้ เท่ ำนี้
คุณจะไม่ มวี นั รู้ สึกกดดันได้เลย

5. เผชิญหน้าอย่างสุ ภาพอ่อนโยน
“Confront gently”
เป็ นกำรยำกที่เรำทำงำนโดยปรำศจำก
กำรเผชิญหน้ ำกัน และแม้ ว่ำกำร
เผชิญหน้ ำอำจเป็ นเรื่องหลีกเลีย่ งไม่ ได้
แต่ กไ็ ม่ จำเป็ นต้ องเป็ นเหมือนสงครำม
หรือนำไปสู่ ควำมรู้ สึกเสี ยใจ โกรธ
เครียด หรือ ผิดหวัง

ตรงกันข้ ำม เรำสำมำรถเผชิญหน้ ำกับ
ใครบำงคนอย่ ำงสุภำพอ่ อนโยนและ
อย่ ำงมีประสิ ทธิผล นำไปสู่ เป้ ำหมำยที่
ต้ องกำร และทำให้ บุคคลทั้งสองมีควำม
สนิทสนมใกล้ ชิดกันยิง่ ขึน้ ทั้งทำง
ส่ วนตัวและหน้ ำที่กำรงำน

คนส่ วนใหญ่ จะก้ ำวร้ ำวและปกป้ องตัวเอง
มำกเกินไปในขณะเผชิญหน้ ำกัน พวกเขำจะ
สู ญเสี ยคุณสมบัตขิ องควำมเป็ นมนุษย์ และ
ควำมอ่ อนน้ อมถ่ อมตนไปอย่ ำงน่ ำเสี ยดำย
โดยใช้ วธิ ีก้ำวร้ ำวรุนแรงรำวกับว่ ำตนเอง
เป็ นฝ่ ำยถูกและคน

อืน่ เป็ นฝ่ ำยผิด ในลักษณะ “ผมต่ อต้ ำน
คุณ” หรือไม่ ก็ “ดิฉันกำลังจะสั่ งสอน
คุณ”
ควำมก้ ำวร้ ำวเกินไปจะทำให้ ดูคล้ ำย
ทำตัวเป็ นคู่อริของผู้อนื่ คนที่
เผชิญหน้ ำด้ วยจะมองว่ ำท่ ำนเป็ นคน
ยำกที่จะคบ และจะไม่ ให้ ควำมร่ วมมือ
และไม่ ยอมรับ เรียกได้ ว่ำ ท่ ำนกำลังจะ
วิง่ เอำหัวชนฝำ

กญ
ุ แจสำคัญของกำรเผชิญหน้ ำอย่ ำง
ได้ ผล ก็คอื ต้ องหนักแน่ น แต่ สุภำพ
อ่อนโยนและให้ เกียรติกบั อีกฝ่ ำยหนึ่ง
พยำยำมมองเห็นควำมบริสุทธิ์ใจของ
ท่ ำนเองและของอีกฝ่ ำยหนึ่ง

อย่ ำงไรก็ดี สิ่ งที่สำคัญยิ่งกว่ ำคำพูด
ใดๆ ก็คอื ควำมรู้ สึกของท่ ำนเอง หำก
เป็ นไปได้ พยำยำมหลีกเลีย่ งกำร
เผชิญหน้ ำ เมื่อท่ ำนกำลังโกรธหรือ
เครียด หยุดรอสั กนิดจนกว่ ำจะควบคุม
ตัวเองได้

6. ยอมรับว่าเป็ นผูต้ ดั สิ นใจเลือกเอง
“Admit that it’s your choice”
เป็ นกลวิธีที่อำจยอมรับได้ ยำก คนจำนวน
มำกปฏิเสธกลวิธีนี้ แต่ ถ้ำยอมรับได้ ชีวติ
ของท่ ำนจะเริ่มเปลีย่ นแปลงโดยทันที โดย
จะเริ่มรู้ สึกว่ ำตัวเองได้ รับมอบอำนำจในกำร
ตัดสิ นใจมำกขึน้ และควบคุมชีวติ ตัวเองได้
มำกขึน้

กำรยอมรับทีพ่ ูดถึงนี้ หมำยถึง กำร
ตัดสิ นใจเลือกอำชีพและกำรแบก
รับภำระต่ ำงๆ ที่เกีย่ วข้ องกับอำชีพนั้น

ต้ องยอมรับว่ ำ ทั้งๆ ที่ทรำบดีถงึ
ปัญหำต่ ำงๆ ข้ อจำกัด, อปุ สรรค, เพือ่ น
ร่ วมงำนที่เข้ ำกันได้ ยำก และอืน่ ๆ แล้ว
ท่ ำนก็กำลังทำสิ่ งที่กำลังทำอยู่ เนื่องจำก
ท่ ำนเป็ นผู้ตดั สิ นใจเองว่ ำจะทำเช่ นนั้น

เนื่องจำกกำรเลือกอำชีพหรืองำนของ
ท่ ำน เกิดจำกกำรตัดสิ นใจของท่ ำนเอง
แต่ ไม่ ใช่ ว่ำ ปัญหำต่ ำงๆ ที่เกิดขึน้ เป็ น
ควำมผิดของท่ ำน หรือเป็ นเรื่องที่
ถูกต้ องว่ ำท่ ำนควรตัดสิ นใจเลือก
ทำงเลือกอืน่

แต่ สิ่งที่กำลังจะแนะนำ คือ ทีส่ ุ ดแล้ ว
เมือ่ ได้ พจิ ำรณำทุกสิ่ งทีเ่ กีย่ วข้ องแล้ว
รวมทั้งควำมจำเป็ น กำรเลือกวิถชี ีวติ
ควำมต้ องกำรรำยได้ ระดับใด และควำม
เป็ นไปได้ ทจี่ ะสูญเสี ยกำรงำน ท่ ำนได้
ตัดสิ นใจที่จะทำสิ่ งที่ท่ำนกำลังทำอยู่

ท่ ำนได้ ชั่งนำ้ หนักทำงเลือกต่ ำงๆ
พิจำรณำทำงออกทีม่ อี ยู่ ศึกษำ
ผลกระทบที่จะเกิดขึน้ และหลังจำกได้
พูดและทำสิ่ งต่ ำงๆ ดังกล่ ำวมำทั้ง
หมดแล้ว ท่ ำนได้ ตัดสิ นใจว่ ำ ทำงเลือก
ทีด่ ที สี่ ุ ดคือกำรทำสิ่ งทีก่ ำลังทำอยู่
นั่นเอง

7. ทาใจให้เป็ นกลาง
“Put your mind in neutral”
แก่นของกำรทำใจให้ เป็ น คือ กำรทำ
ใจของท่ ำนให้ เป็ นอิสระจำกกำรคร่ ุนคิด
ถึงสิ่ งใดสิ่ งหนึ่งโดยเฉพำะ แทนที่จะใช้
ควำมคิดอย่ ำงหนัก

ใจจะต้ องอยู่เฉยๆ และอยู่ในสภำพ
ผ่ อนคลำย ประสบกำรณ์ ด้ำนควำมคิด
จึงจะดำเนินไปได้ โดยไม่ ต้องใช้ ควำม
พยำยำมมำกนัก และยังตื่นตัวต่ อสิ่ ง
ต่ ำงๆ ที่เกิดขึน้ ในขณะนั้น

เหตุผลทีค่ นส่ วนมำกไม่ ค่อยใช้
ควำมคิดอย่ ำงเป็ นกลำงด้ วยควำมตั้งใจ
เป็ นเพรำะไม่ ได้ ตระหนักถึงพลังอำนำจ
ของมัน หรือแม้ แต่ จะคิดว่ ำมันเป็ น
รูปแบบหนึ่งของควำมคิด ทว่ ำในควำม
เป็ นจริงมันเป็ นควำมคิดแบบหนึ่ง

ด้ วยเหตุนี้ ควำมคิดทีเ่ ป็ นกลำงจึงไม่
ค่ อยมีผู้สนใจนำมำใช้ หรือไม่ กถ็ ูก
มองข้ ำมไป ทั้งที่ควำมเป็ นจริงแล้ว
ควำมคิดชนิดนีม้ ีลกั ษณะผ่ อนคลำย ลด
ควำมเครียด และยังมีพลังอำนำจอีก
ด้ วย

เมื่อใจเป็ นกลำง ควำมคิดต่ ำงๆ จะผุด
ขึน้ มำเองรำวกับดอกเห็ด ชีวติ จะเต็ม
ไปด้ วยควำมคิดและควำมเข้ ำใจใหม่ ๆ
เนื่องจำกเมื่อจิตใจผ่ อนคลำย ใจก็จะ
เปิ ดกว้ ำงเพือ่ ต้ อนรับภูมปิ ัญญำและ
ศักยภำพอันยิง่ ใหญ่ ในตัวเอง

ท่ ำนสำมำรถใช้ ควำมคิดเป็ นกลำงนี้
เป็ นเครื่องมือลดควำมเครียด ยกเว้น
บำงครั้งท่ ำนอำจต้ องกำรใช้ สมำธิพเิ ศษ
ท่ ำนสำมำรถเลือกทำได้ 2 อย่ ำง คือ ทำ
ควำมคิดให้ เป็ นกลำง หรือไม่ กค็ ร่ ุนคิด

8. อย่าปล่อยให้เพื่อนร่ วมงานที่ไม่ม่ดี
มีผลกระทบต่อท่าน
“Don’t let negative
coworkers get you down”
ไม่ ว่ำจะทำงำนที่ไหน เกือบเป็ นสิ่ ง
หลีกเลีย่ งไม่ พ้นที่จะต้ องเกีย่ วข้ องกับ
คนไม่ ดี คนเหล่ ำนีบ้ ้ ำงก็มีทัศนคติ
ในทำงลบ บ้ ำงก็ชอบมองโลกในแง่ ร้ำย
บ้ ำงก็ก้ำวร้ ำวเพิกเฉย และบ้ ำงก็ขโี้ มโห
โกรธำ

กำรรู้ จกั วิธีจดั กำรกับคนเหล่ ำนีถ้ อื
เป็ นศิลปะที่แท้ จริงแบบหนึ่ง ซึ่งเป็ น
เรื่องทีค่ ุ้มค่ ำทีจ่ ะเรียนรู้ เพรำะหำกไม่
เรียนรู้ ควำมลับของกำรจัดกำรกับคน
ไม่ ดอี ย่ ำงมีประสิ ทธิผลแล้ ว คนเหล่ำนี้
จะส่ งผลกระทบทำงลบต่ อท่ ำน ในบำง

โอกำส อำจทำให้ เกิดควำมท้ อแท้
กล้ มุ ใจ หรือเครียด จนบำงทีในทีส่ ุ ด
ท่ ำนอำจกลำยเป็ นคนมองโลกในแง่ ร้ำย
และมีทัศนคติทำงลบเสี ยเอง
วิธีเริ่มต้ นทีด่ ที สี่ ุ ด คือ กำรเพิม่ ระดับ
ควำมเมตตำให้ สูงขึน้ เป็ นสิ่ งจำเป็ นที่
จะมองดูพวกเขำเช่ นผู้บริสุทธิ์ ส่ วน
ใหญ่ แล้วพวกเขำมักไม่ ได้ ต้งั ใจทำสิ่ งไม่
ดีเช่ นเดียวกับท่ ำน

เหตุผลหนึ่งทีช่ ี้ให้ เห็นว่ ำควำมรู้ สึกในทำง
ลบมีแนวโน้ มที่จะทำให้ ได้ รับผลกระทบ
ในทำงไม่ ดี เพรำะเรำมักถือว่ ำควำมคิด
ดังกล่ ำวเป็ นเรื่องส่ วนตัว หรือรู้สึกว่ ำเรำ
ต้ องรับผิดชอบ แต่ เมื่อลองคิดถึงมันด้ วย
ควำมเมตตำ เรำจะเห็นได้

ได้ ง่ำยขึน้ ว่ ำ ควำมรู้ สึกทำงลบนั้นไม่ ได้
ม่ ุงมำทีเ่ รำด้ วยควำมตั้งใจ แม้ดูคล้ ำยจะ
เป็ นเช่ นนั้น อีกทั้งยังไม่ ใช่ ควำมผิดของ
เรำอีกด้ วย
โอกำสทีด่ ที สี่ ุ ดทีจ่ ะนำตัวเองให้ อยู่
ห่ ำงจำกผลกระทบในทำงลบ คือ กำร
พยำยำมรักษำควำมรู้ สึกทีด่ ไี ว้ให้ ได้
ด้ วยตัวเอง อันเป็ นส่ วนหนึ่งของกำร
แก้ปัญหำมำกกว่ ำก่ อปัญหำ

9. ทาบรรยากาศที่ทางานให้สดใส
“Brighten up your working
environment”
 คนส่ วนใหญ่ ไม่ มีเวลำหรือโอกำสที่
จะเปลีย่ นห้ องทำงำนให้ กลำยเป็ น
“สำนักงำนแห่ งควำมสุข” ได้ ทำให้ มี
สำนักงำนหลำยแห่ งดูไม่ มชี ีวติ ชีวำ
แล้ งควำมสุข ไร้ ควำมร้ ู สึกขอบคณ
ุ
ขำดมนุษยสั มพันธ์ และไม่ มคี วำม
เป็ นธรรมชำติ
 แม้ กำรสร้ ำงบรรยำกำศที่ทำงำนให้
สดใสจะไม่ สำมำรถขจัดควำมเครียด
ได้ ท้งั หมด หรือเป็ นสิ่ งสำคัญทีส่ ุ ดที่
จะช่ วยหยุดเรื่องรกสมองในทีท่ ำงำน
ได้ แต่ อย่ ำงไรก็ตำม เรำต้ องใช้ เวลำ
ส่ วนมำกในที่ทำงำน ดังนั้น ทำไมไม่
ไม่ ลองใช้ เวลำ พลัง และเงินสั ก
เล็กน้ อย ทำให้ มันสดใสขึน้ มำแม้ สัก
นิดล่ ะ เช่ น ติดรูปภำพใหม่ , ดอกไม้
สดที่เพิง่ ตัดมำใหม่ , ต้ ูเลีย้ งปลำ หรือ
สิ่ งที่เป็ นธรรมชำติ ฯลฯ
ดังนั้น การสร้ างบรรยากาศที่ทางาน
ให้ สดใสขึ้น เป็ นสิ่งที่ดที ี่ท่านจะได้
เดินเข้ าไปในห้ อง และร้ ูสึกพอใจใน
บรรยากาศรอบข้ างที่ท่านต้ องใช้ เวลา
อย่ ดู ้ วยทัง้ วัน และอาจมีความสุขกับ
การทางานเพิม่ ขึ้นแม้ ไม่ มากก็ตาม
10. รู้จกั พักเสี ยบ้าง
“Take your breaks”
กำรพักผ่ อนไม่ เพียงพอเป็ นกำร
กระทำที่ผดิ อย่ ำงมหันต์ ซึ่งไม่
เพียงแต่ จะทำให้ สุขภำพอ่ อนแอลง
เท่ ำนั้น แต่ ยงั ทำให้ ประสิ ทธิภำพใน
กำรทำงำนลดลงไปอีกด้ วย

กำรทำงำนโดยไม่ หยุดพัก แม้ อำจไม่
รู้ สึกตัวทันที แต่ ในไม่ ช้ำเมือ่ เวลำผ่ ำน
ไป จะรู้ สึกว่ ำควำมเครียดได้ เพิม่ ขึน้ ที
ละน้ อย จนในทีส่ ุ ดจะมีผลอย่ ำงเห็น
ได้ ชัด

ท่ ำนจะรู้ สึกอดทนน้ อยลง ควำม
ตั้งใจสั้ นลง สมำธิและทักษะกำรฟัง
ลดลง และจะหมดพลังอย่ ำงรวดเร็ว
ยิง่ ขึน้ ควำมคิดสร้ ำงสรรค์ และควำม
เข้ ำใจสิ่ งต่ ำงๆ อย่ ำงลึกซึ้งจะค่ อยๆ
ลดลงเรื่อยๆ

กำรหยุดพักไม่ จำเป็ นต้ องทำให้ เสี ย
งำนหรือใช้ เวลำนำนมำกนัก ปกติแล้ ว
เวลำเพียง 2-3 นำทีทุกชั่วโมงเพือ่ ให้
สมองว่ ำงโดยกำรหำยใจเข้ ำลึกๆ กำง
แขนออก หรือเดินออกไปสูดอำกำศ
นอกห้ องสั กคร่ ู ถือเป็ นกำรหยดุ พัก

กลวิธีนีจ้ ะช่ วยยำ้ ควำมคิดที่ว่ำ กำร
ทำงำนได้ มำกกว่ ำไม่ จำเป็ นต้ องดีกว่ ำ
เสมอไป เพรำะกำรทำงำนน้ อยลงสั ก2-3
นำที ในแต่ ละชั่วโมง อำจทำงำนได้อย่ ำง
เฉลียวฉลำดกว่ ำ มีประสิ ทธิภำพ
มำกกว่ ำ และทำงำนได้ ผลสำเร็จมำกกว่ ำ

11. อย่าแทงคนลับหลังเป็ นอันขาด
“Never, Ever backstab”
กำรว่ ำร้ ำยคนลับหลังเป็ นสิ่ งที่พบเห็น
ได้ ทวั่ ไปและค่ อนข้ ำงเป็ นทีน่ ิยม แต่ กำร
ทำเช่ นนั้นฟังดูเลวร้ ำยมำก และทำให้ ผู้
เล่ ำดูเลวร้ ำยยิง่ กว่ ำ เปรียบเสมือนกำร
สวมหน้ ำกำกทีม่ ีรอยยิม้ ต่ อกัน

นอกจำกจะสะท้ อนให้ เห็นจิตใจที่ไม่
งำมและกำรกระทำที่ไม่ ยุติธรรมซึ่งทำให้
ดูไม่ ดแี ล้ ว สิ่ งสำคัญทีค่ วรตระหนัก คือ
กำรว่ ำร้ ำยคนลับหลังจะก่ อให้ เกิดปัญหำ
กับตัวเอง คือ ทำให้ เกิดควำมเครียด ควำม
วิตกกังวล และควำมรู้ สึกในทำงลบต่ำงๆ

กำรว่ ำร้ ำยใครลับหลัง แม้ จะเป็ น
กำรวิพำกษ์ วจิ ำรณ์ และระบำย
ควำมรู้ สึกเป็ นครั้งครำว ซึ่งคงไม่ ทำ
ให้ เกิดควำมเครียดมำกนักหรือทำลำย
ชื่อเสี ยง แต่ จะเป็ นกำรดีหำกคณ
ุ
หลีกเลีย่ งมัน

12. ตะหนักในพฤติกรรมแต่ละคน
“Recognize patterns of
behavior”
กำรสร้ ำงควำมเชี่ยวชำญในกำร
ตระหนักในรูปแบบพฤติกรรมของ
คนแต่ ละคน จะช่ วยลดควำมเครียดใน
ชีวติ ลง เพรำะสำมำรถช่ วยขจัดควำม
ขัดแย้ งส่ วนตัวที่ไม่ จำเป็ นให้ หมดไป
ได้ มำก

กำรเรียนร้ ู วธิ ีตระหนักในรูปแบบ
พฤติกรรมของคนแต่ ละคน สำมำรถ
มองเห็นปัญหำก่ อนที่มันจะบำนปลำย
จนควบคุมไม่ ได้ และสำมำรถช่ วยยตุ ิ
กำรโต้ แย้ งอันยืดเยือ้ และป้ องกันกำร
ทะเลำะเบำะแว้ งได้

กำรตระหนักถึงรูปแบบพฤติกรรม
นี้ จะสำมำรถกำหนดชะตำชีวติ ตัวเอง
ทำให้ สำมำรถเลือกได้ ว่ำจะพดู อะไร
และจะไม่ พดู อะไร จะใช้ เวลำกับใคร
และจะหลีกเลีย่ งใคร ซึ่งคุณสำมำรถ
เลือกใช้ ได้

เคล็ดลับเล็กน้อย
กับการสนุกกับงาน
วิธีแก้อารมณ์ไม่ม่ดี
 หำกกำลังอำรมณ์ ไม่ ดี จงหยุดกำร
ทำงำนทุกอย่ ำงเอำไว้ ก่อน และ
ระลึกถึงสิ่ งทีด่ ที สี่ ุ ดทีเ่ คยเกิดขึน้ ใน
ชีวติ 3 ประกำร
สูตรลาพักร้อน
ก่ อนทีจ่ ะลำหยุดพักร้ อน ควรทำ
รำยกำรเตือนควำมจำสิ่ งที่ต้องทำ
3 ประเภท คือ
ส่ วนที่หนึ่ง ได้ แก่ สิ่ งที่ต้องทำก่ อนลำ
หยุด
ส่ วนที่สอง ได้ แก่ งำนที่สำมำรถรอให้
กลับมำเคลียร์ ได้ ภำยหลัง
ส่ วนทีส
่ ำม ได้ แก่ งำนทีบ่ ุคคลอืน่
สำมำรถรับผิดชอบหรือดูแลแทนได้
เคล็ดลับความสาเร็ จ
ถ้ ำต้ องกำรประสบผลสำเร็จ ให้
พร้ อมที่จะยอมรับควำมคิดของคน
อืน่ และหลงรักมันเหมือนดัง่ มัน
เป็ นควำมคิดของคุณเอง
คติพจน์ที่น่าสนใจ
ศัตรูข้ำงนอกไม่ มใี ครทีน
่ ่ ำกลัว
เท่ ำกับ กำรไร้ ประสิ ทธิภำพ กำร
ไม่ ให้ เกียรติกนั และบริกำรที่ชั่ว
ร้ ำยจำกภำยในองค์ กรเอง
ปรัชญาเพื่อการทางานและชีวิต
งำนยิง่ หนักเพียงใดก็ยงิ่ เป็ นกำไร
ของชีวติ จำไว้ เสมอว่ ำกำรค้ ำมี
คู่แข่ ง แต่ ไม่ มคี ู่แค้ น
ต้ นไม้ ของเรำจะให้ ประโยชน์ อย่ ำง
เต็มที่ ก็ต่อเมื่อต้ นไม้ น้ันให้ ร่มเงำแก่
สั ตว์ เล็กสั ตว์ น้อย และให้ ผลสุกงอม
เพือ่ ประทังชีวติ แก่ ผ้ ูยำกไร้
งำนทุกอย่ ำง พลังอย่ ูทค
ี่ วำมรักทั้ง 3
คือ รักตัวเอง รักครอบครัว รักบริษทั
คนเรำหำกสั กแต่ ฟัง ไม่ ร้ ู จก
ั คิดก็หำ
ประโยชน์ ไม่ ได้ เมื่อคิดได้ ต้องนำมำ
ถ่ ำยทอดให้ ลูกน้ อง
เร็ว ... งำนชิ้นไหนต้ องทำก่ อน
ช้ ำ ... งำนชิ้นไหนต้ องทำทีหลัง
หนัก ... งำนชิ้นไหนต้ องทำอย่ ำง
จริงจัง
เบำ ... งำนชิ้นไหนต้ องท่ ุมเทแต่
พอควร
ควำมผิดพลำดครั้ งแรกถือเป็ นครู ทำ
ผิดครั้งที่สอง ถือว่ ำเป็ นควำมโง่
สรุ ป
ข้ อคิดดังกล่ ำวข้ ำงต้ นเป็ นเพียง
ข้ อคิดบำงส่ วนเท่ ำนั้น ซึ่งจะเป็ น
กระจกสะท้ อนปัญหำให้ เกิดเป็ น
มุมมองทีก่ ว้ ำงขึน้ ในกำรเข้ ำใจปัญหำ
นั้น และ

นำไปส่ ู กำรแก้ ปัญหำทีต่ รงจดุ ถือเป็ น
เครื่องมือทีใ่ ช้ ต่อส้ ู กบั ปัญหำอปุ สรรค
ทั้งหลำยในที่ทำงำนได้ เป็ นอย่ ำงดี
ท่ ำนจะมีควำมสุขมำกขึน้ ประสบ
ควำมสำเร็จในหน้ ำที่กำรงำนเพิม่ ขึน้
ที่สำคัญ ควำมเครียดจะลดลง
** ข้อควรจดจา **
บุคคลที่ทางานด้วยวิธีการสร้างสรรค์
มักเป็ นผูม้ ีความสุ ขกับงานของเขามากที่สุด
และมักเป็ นผูก้ า้ วหน้าในตาแหน่งงาน
อย่างรวดเร็ ว
THE END