การจัดเก็บและค้นคืนสารสน

Download Report

Transcript การจัดเก็บและค้นคืนสารสน

การจัดทาสาระสังเขป
(Abstracting)
ความหมายของสาระสังเขป
สาระสังเขป(Abstract) หมายถึง งานที่
เ
ขี
ย
น
โ
ด
ย
ก
า
ร
ย่ อ สาระส าคัญ ของเอกสาร อย่ า ง
ตรงจุ ด มุ่ ง หมาย ตามล าดับ และวิธ ี
เขีย นของต้น ฉบับ เดิม โดยปราศจาก
ความคิด เห็ น ของผู เ้ ขีย นสาระสัง เขป เพื่อให ไ้ ด ้
สาระความรู ้ที่แท จ้ ริง อย่ า งเที่ยงตรงตามตน
้ ฉบับ
เดิ ม มี ค วามสมบู ร ณ์ใ นตั ว เอง เพื่ อให ผ
้ ูอ
้ ่าน
ตัดสินใจในการเลือกอ่านเอกสารต ้นฉบับได ้
่ าคัญในการเขียน
ภาระทีส
สาระสังเขป คือ
“ พยายามให้ขอ
้ มู ล
่
มากทีสุด
่
โดยใช้คาน้อยทีสุด
”
วัตถุประสงค ์ของสาระสังเขป
่ ้ผูอ้ า่ นทราบถึงเนื อหาของเอกสารได
้
1. เพือให
้
่
อย่างรวดเร็วไม่ต ้องอ่านเอกสารฉบับเต็มทีมี
้
เนื อหาจ
านวนมากทาให ้ต ้องใช ้เวลานาน
่ วยให ้ผูอ้ า่ นตัดสินใจได ้อย่างถูกต ้องว่า
2. เพือช่
ควรเลือกเอกสารต ้นฉบับนั้นๆ ออกมาอ่าน
หรือไม่
วัตถุประสงค ์ของสาระสังเขป
่อช่วยขจัดปั ญหาดา้ นภาษาใหก้ บ
3.
เพื
ั ผูอ้ ่าน
(ต่่ อ)
เนื องจาก สาระสังเขปในปั จจุบน
ั ส่วนใหญ่นิยม
ท า เ ป็ น ภ า ษ า อั ง ก ฤ ษ
่ วยใหก้ ารจัดทาดรรชนี ทาได ้อย่างมี
4. เพือช่
ประสิทธิภาพ คือถูกตอ้ งและรวดเร็ว เนื่ องจาก
เป็ นการดึ ง ค าส าคั ญ จากเนื ้ อหาที่ มี ค วาม
่ เฉพาะสาระสาคัญของเอกสาร จึง
กระทัดรดั ทีมี
ช่ว ยให ก
้ ารดึง คาส าคัญ จากเอกสารท าได ง้ ่ า ย
และรวดเร็ว
ตัวอย่างของสาระสังเขป
ในเว็บเพจ สาระสังเขปจะถู กเรียกว่า
“ คาอธิบายเว็บเพจ (The Description
of a web page ) ”
ตัวอย่างของสาระสังเขป
คาอธิบายเว็บเพจ ถู กนามาใช้ในการ
่
แสดงผลลัพธ ์ทีได้
้
จากค้นหาของเสิร ์ชเอนจิน
ตัวอย่างของสาระสังเขป
ในงานวิจย
ั บทความทางวิชาการ วารส
สาระสังเขปจะถู กเรียกว่า “ บทค ัดย่อ (A
ตัวอย่างของสาระสังเขป
ร ้านขายหนังสือบนอินเทอร ์เน็ ต
สาระสังเขปจะถู ก
้
เรียกว่า “ เนื อหาโดยสั
งเขป”
ประเภทของสาระสั
ง
เขป
1. สาระสังเขปแบบพรรณนา หรือ
แบบบอกเล่า(Descriptive or
Indicative Abstract)
2. สาระสังเขปประเภทให้ความรู ้
(Informative abstract)
3. สาระสังเขปแบบพรรณนาและ
ให้ความรู ้ (IndicativeInformative Abstract)
ประเภทของสาระสั
งเขป(ต่อหรื
) อ
1. สาระสังเขปแบบพรรณนา
แบบบอกเล่า(Descriptive or
Indicative Abstract)
่ แนะเนื
้
้
หมายถึง เป็ นสาระสังเขปทีชี
อหา
่ าคัญของเอกสารต ้นฉบับ เพือ
่
สาระทีส
ตัดสินใจว่าต ้องการอ่าน
่
เอกสารฉบับสมบูรณ์หรือไม่ โดยทัวไป
้ น
้ ง่ายต่อการ
สาระสังเขปประเภทนี จะสั
จัดทาและประหยัดเวลาในการจัดทา
1. สาระสังเขปแบบพรรณนา หรือ
ประเภทของสาระสังเขป(ต่อ)
แบบบอกเล่า(ต่อ)
ลักษณะสาคัญ
- ปราศจากการรายงานให ้ทราบผลการ
่
ค ้นคว ้าหรือบทสรุป หรือเรืองราวความรู
้ใน
เอกสาร
- ไม่ม่งุ หวังให ้ใช ้แทนเอกสารต ้นฉบับ หาก
ต ้องการทราบรายละเอียดต ้องศึกษาจาก
เอกสารต ้นฉบับ
ประเภทของสาระสั
งเขป(ต่อ) หรือ
1. สาระสังเขปแบบพรรณนา
แบบบอกเล่า(ต่อ)
การนาไปใช ้ มักจัดทาสาหร ับ
- หนังสือ
่ มี
- รายงานการประชุม รายงานทีไม่
ข ้อสรุป
- บทวิจารณ์
ประเภทของสาระสั
ง
เขป(ต่
อ
)
1. สาระสังเขปแบบพรรณนา หรือ
แบบบอกเล่า(ต่อ)
ข ้อดี
- เขียนง่าย
- ประหยัดเวลา
่
- ผู ้เขียนไม่จาเป็ นต ้องเป็ นผูเ้ ชียวชาญ
่
เฉพาะเรือง
ประเภทของสาระสั
งเขป(ต่
) ้
2. สาระสังเขปประเภทให้
คอ
วามรู
(Informative abstract)
่ ทง้ั
หมายถึง เป็ นสาระสังเขปทีมี
สารสนเทศเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพอยู่
่ โดยทัวไปจะเขี
่
คุณภาพอยูใ่ นเรือง
ยนอย่าง
้ กะทัดร ัด แต่จะให ้ความรู ้ครบถ ้วน
อย่างสัน
ครบถ ้วนสมบูรณ์ เสมือนเป็ นตัวแทน
เอกสารฉบับจริง
ประเภทของสาระสังเขป(ต่อ)
2. สาระสังเขปแบบให้ความรู ้ (ต่อ)
ลักษณะสาคัญ
- ให ้ความรู ้ครบถ ้วนสมบูรณ์ เสมือนเป็ น
ตัวแทนเอกสารฉบับจริง รายละเอียดของ
ของสาระสังเขปเน้นถึงข ้อเท็จจริง บทสรุป
บทสรุป รวมถึงผลการค ้นคว ้าทดลอง
่
- อาจมีความยาวมากกว่าประเภทอืนๆ
้ ขึ
้ นอยู
้
ทังนี
ก
่ บั เอกสารต ้นฉบับเป็ นสาคัญ
ประเภทของสาระสังเขป(ต่อ)
2. สาระสังเขปแบบให้ความรู ้ (ต่อ)
การนาไปใช ้ มักจัดทาสาหร ับ
- งานวิจยั
่ าเสนอข ้อมูล
- บทความวารสารทีน
ความรู ้ การค ้นคว ้าทดลอง
3. สาระสังเขปแบบพรรณนาและ
ประเภทของสาระสังเขป(ต่อ)
ให้ความรู ้ (IndicativeInformative Abstract)
หมายถึง สาระสังเขปประเภทให ้ความรู ้
่
และเมือกล่
าวถึงสาระสาคัญรองลงมาจะ
เขียนแบบสาระสังเขปแบบพรรณนา
้ วยให ้ได ้ข ้อมูลที่
สาระสังเขปประเภทนี ช่
่ งคงร ักษาความสันกระชับ
้
สาคัญขณะทียั
ของการเขียน
่
ส่
วนประกอบของสาระสั
งเขป
สาระสั
งเขปทีสมบู
รณ์ประกอบด้
วย
ส่วนสาคัญ 3 ส่วนดังนี ้
1. ส่วนอ้างอิง (Reference Section)
้
2. ส่วนเนื อหา
(Body Section)
่ เ้ ขียนสาระสังเขป
3. ส่วนชือผู
(Signature section)
1. ส่วนอ้างอิง (Reference Section)
ส่วนประกอบของสาระสั
ง
เขป
่ น้ าให ้ผูอ้ า่ นทราบถึงทีมาของ
่
เป็ นส่วนทีจะชี
่ ามาทาสาระสังเขป
เอกสารต ้นฉบับทีน
ส่วนประกอบโดยหลัก ได ้แก่
- หมายเลขของเอกสาร (Document
identification number)
่ เ้ ขียนเอกสารต ้นฉบับ (Author)
- ชือผู
่ องของเอกสารต
่
- ชือเรื
้นฉบับ (Title)
่
- การลงรายการเกียวกั
บผูเ้ ขียนเอกสารต ้นฉบับ
(Author affiliation)
1.
ส่
ว
นอ้
า
งอิ
ง
(Reference
Section)
ส่วนประกอบของสาระสังเขป(ต่อ)
(ต่อ)
- หน่ วยงานทีร่ ับผิดชอบเอกสารต ้นฉบับและ
หมายเลขของรายการ (Sponsoring agency and
report number)
่
- แหล่งและข ้อมูลเกียวกั
บการจัดพิมพ ์ (Source
่ มพ ์
and data of publication) ได ้แก่ สถานทีพิ
่ ดพิมพ ์ จานวนหน้า
สานักพิมพ ์ วัน เดือน ปี ทีจั
ฯลฯ
- ภาษาของเอกสารต ้นฉบับ (Language)
่ ม (Note)
- บันทึกเพิมเติ
้
2. ส่วนเนื อหา
(Body Section) เป็ น
ส่วนประกอบของสาระสั
ง
เขป(ต่
อ
)
่
้
ส่วนสาคัญทีย่่ อหรือกลันกรองเนื
อหาสาระ
ของเอกสารต ้นฉบับ ประกอบด ้วย
- ศัพท ์ดรรชนี (Descriptors or index
่ าหนดขึนเพื
้ อเป็
่ นแนวทาง
terms) เป็ นคาทีก
้ องในเอกสาร
่
ช่วยให ้ผูอ้ า่ นทราบเนื อเรื
และช่วย
ให ้ค ้นคืนสารสนเทศได ้อย่างสะดวกรวดเร็ว
่ (Subject matter)
ศัพท ์ดรรชนี ได ้แก่ หัวเรือง
หรือคาสาคัญ (Keyword) และศัพท ์บังคับ
(Descriptor)
ส่วนประกอบของสาระสั
ง
เขป(ต่
อ
)
้
2. ส่วนเนื อหา (Body Section) (ต่อ)
- ตัวสาระสังเขป (Body of abstract) เป็ น
่ เ้ ขียนสาระสังเขปจะต ้องย่อหรือ
ส่วนทีผู
่
กลันกรองสาระส
าคัญของเอกสารต ้นฉบับ
เขียนตามกฎเกณฑ ์การเขียนและตามประเภท
่ ้เลือกไว ้ตามความเหมาะสมกับ
สาระสังเขปทีได
ประเภทของเอกสารต ้นฉบับ
่ เ้ ขียนสาระสังเขป
ส่
งเขป(ต่อ)
3.วส่นประกอบของสาระสั
วนชือผู
(Signature section)
่ มของผูเ้ ขียนสาระสังเขป
ใส่ชอย่
ื่ อหรือชือเต็
่ นการให ้เครดิตแก่ผูเ้ ขียน และเพือ
่
เพือเป็
่
่ มได ้สะดวกเมือมี
สามารถแก ้ไขเพิมเติ
ข ้อผิดพลาดเกิดขึน้
หลักเกณฑ ์ในการเรียบเรียง
ั
การเขี
ย
นสาระส
ง
เขปนั
้
น
ไม่
ย
ึ
ด
้
เนื อหา
หลั ก เกณฑ์ท ี่เ ข ้มงวดหรื อ ตายตั ว นั ก
สามารถยืดหยุ่นได ้ตามความเหมาะสม
โ ด ย ขึ้ น อ ยู่ กั บ ปั จ จั ย ต่ า ง ๆ เ ช ่ น
นโยบายในการจั ด ท า ความต ้องการ
้ ก ารและรายละเอีย ดของ
ของผู ้ใช บริ
เนือ
้ หาสาระในเอกสารต ้นฉบับ
สาหร
ับบทความทางวิ
ชาการหรื
อรายงานวิ
หลั
กเกณฑ
์ในการเรี
ยบเรี
ยง จยั มี
้
ดังต่
อ
ไปนี
้
เนื อหา(ต่
อ)
่
- วัตถุประสงค ์ (Purpose) เพือบอกให ้
ทราบถึงเหตุผล หรือความสาคัญของการ
่ ้ผูอ้ า่ น
เขียนบทความหรือการทาวิจยั เพือให
ทราบถึงสาระสาคัญของงาน
- วิธก
ี าร (Methodology) คือ ระเบียบ
วิธท
ี จะท
ี่ าให ้งานเป็ นไปตามวัตถุประสงค ์
และทาให ้เกิดผลลัพธ ์และข ้อสรุป เช่น การ
ทดลอง การสารวจ การสัมภาษณ์
-หลั
ผลลั
พธ ์ (Result)
ควรเขี
ยนระบุไว
กเกณฑ
์ในการเรี
ยบเรี
ยง ้
้
อย่
า
งสั
นๆ
และให
้ความรู
้กั
บ
ผู
อ
้
า
่
น
ผลลั
พ
ธ
์
้
เนื อหา(ต่อ)
่ บ
อาจเป็ นผลการค ้นคว ้าทดลอง ข ้อมูลทีเก็
รวบรวมมาได ้ ในสาระสังเขปประเภทให ้
ความรู ้จะกล่าวถึงผลลัพธ ์ละเอียดมากกว่า
แบบพรรณนา
- บทสรุป(Conclusion) จะอภิปรายถึง
่
ผลลัพธ ์ทีปรากฏในงาน
อาจจะพิจารณา
่ งใจหรื
้
ว่าตรงกับวัตถุประสงค ์ทีตั
อไม่ ใน
บทสรุปจะมีข ้อเสนอแนะ การประเมิน และ
หลั
ก
เกณฑ
์ในการเรี
ย
บเรี
ย
ง
่
- สารสนเทศอืนๆ (Miscellaneous
้
เนื
อหา(ต่
อ
)
Information) เช่น ตาราง ภาพประกอบ
แผนภูมิ แผนที่ เอกสารอ ้างอิง
องค ์ประกอบเหล่านี ้ อาจไม่ต ้องมีครบใน
้ ขี
้ นอยู
้
สาระสังเขป ทังนี
ก
่ บั เอกสารต ้นฉบับ
เป็ นสาคัญ
่
่
ลัก
ษณะของสาระสั
งเขปที
มี
ในการเขี
ยนสาระสังเขปเพือให
้สามารถบรรลุ
่ าหนดไว ้ ต ้องคานึ งลักษณะ
ตามวั
ต
ถุ
ป
ระสงค
์ที
ก
คุณภาพ ้
สาคัญดังต่อไปนี
้ กระช ับ (Brevity or
1. สัน
Conciseness) การเขียนสาระสังเขป
้
่ ้ประเด็น
ต ้องเขียนให ้สันกระช
ับในขณะทีได
่ าทีมี
่
ของเอกสารครบถ ้วน หลีกเลียงค
ความหมายคลุมเคลือและการใช ้คา
ฟุ่ มเฟื อย
่
ลั
ก
ษณะของสาระสั
ง
เขปที
มี
่
2. ถู กต้องเทียงตรงตามข้อเท็จจริง
่ ่
คุ
ณภาพ(ต่
)
(Accuracy
orอObjectivity)
เป็ นสิงที
่ ดในการเขียนสาระสังเขป ต ้องมี
สาคัญทีสุ
่
ความถูกต ้องเทียงตรงกั
บเอกสารต ้นฉบับ
้
้
กรม หาก
วนเนื อหาและบรรณานุ
ทังในส่
ผิดพลาดจะทาให ้คุณค่าของเอกสารลดลง
ดังนั้น ผูเ้ ขียนต ้องเรียบเรียงตามข ้อเท็จจริง
ของเอกสารต ้นฉบับ โดยไม่ใส่ความคิดเห็น
ส่วนตัวลงไป
่
ลักษณะของสาระสังเขปทีมี
คุ
ภาพ(ต่
อ)(Clarity) การเขียน
3.ณ
ความช
ัดเจน
สาระสังเขปควรเขียนให ้ช ัดเจนไม่คลุมเครือ
่ ้าใจง่าย หลีกเลียงประโยค
่
ใช ้ภาษาทีเข
่ ้าใจยาก ไม่
กากวมหรือใช ้ศัพท ์วิชาการทีเข
่
ใช ้คาย่อหรือสัญลักษณ์ทไม่
ี่ รู ้จักโดยทัวไป
่ ม
หากจาเป็ นต ้องใช ้ควรอธิบายเพิมเติ
่
ลักษณะของสาระสังเขปทีมี
่
4.
ความคงที
(consistency)
การเขียน
คุณภาพ(ต่อ)
้
่ งใน
สาระสังเขปควรเขียนให ้มีความคงทีทั
่ ้ในการลงรายการ
ด ้านมาตรฐานทีใช
บรรณานุ กรม รูปแบบการเขียนสาระสังเขป
มาตรฐานการสะกดคา มาตรฐานการใช ้คา
ย่อต่างๆ
่ ผลต่อขนาดหรือความยาว
ปั จจัยทีมี
ของสาระสั
งเขป
1. ลักษณะเฉพาะของเอกสารต้
นฉบับ
2. จุดประสงค ์ในการจัดทา
สาระสังเขปของหน่ วยผลิต
3. ความต้องการของผู ใ้ ช้
4. การบริหารและการดาเนิ นงาน
ของสาระสังเขป
่ ผลต่อขนาดหรือความยาว
ปั จจัยทีมี
1. ลักษณะเฉพาะของเอกสารต้นฉบับ
ของสาระสังเขป(ต่อ)
เช่น
้
- ขอบเขตของเนื อหา
(Scope) และความ
ยาวของเอกสาร(Length)
- ลักษณะวิชาของเอกสาร (Subject)
- ลักษณะการเขียนและจุดมุ่งหมายของ
ผูเ้ ขียน(Purpose)
่ ยนในเอกสาร(Language)
- ภาษาทีเขี
- ความหาง่ายของเอกสาร(Availability)
่ ผลต่อขนาดหรือความยาว
ปั จจัยทีมี
2. จุดประสงค ์ในการจัดทา
ของสาระสังเขป(ต่อ)
สาระสังเขปของหน่ วยผลิต
่ แนะสารสนเทศ
้
- หากมีจด
ุ ประสงค ์เพือชี
เท่านั้น ควรจัดทาแบบพรรณนา
่
- หากมีจด
ุ ประสงค ์เพือประโยชน์
ในการ
ค ้นคว ้าอย่างถาวร ควรจัดทาแบบให ้
ความรู ้
่ ผลต่อขนาดหรือความยาว
ปั จจัยทีมี
ของสาระสังเขป(ต่อ)
3. ความต้องการของผู ใ้ ช้
- ผูใ้ ช ้ต ้องการติดตามความก ้าวหน้าใหม่ๆ
ในสาขาวิชา ควรจัดทาแบบพรรณนา
่
่
่ งอย่าง
องหนึ
- ผูใ้ ช ้ต ้องการค ้นคว ้าเรืองใดเรื
้
่ เนื อหามาก
้
ลึกซึงจะต
้องการสาระสังเขปทีมี
พอ ควรจัดทาแบบให ้ความรู ้
่
มี
อขนาดหรืาเนิ
อความยาว
ปั4.จจัยที
การบริผหลต่
ารและการด
นงานของ
ของสาระสั
งเขป
(ต่อ)
สาระสังเขป
ได ้แก่
่ าหน้าทีจั
่ ดทา
- คุณสมบัตข
ิ องบุคลากรทีท
สาระสังเขป ได ้แก่ ความสามารถด ้าน
วิชาการ ความสามารถในการเขียน
้
สาระสังเขป และความตังใจในการท
างาน
่ มพันธ ์กับ
- งบประมาณในการผลิต ซึงสั
่ าจ ้าง และเวลาใน
จานวนบุคลากรในเรืองค่
การจัดทา
่ ผลต่อขนาดหรือความยาว
ปั จจัยทีมี
4. การบริหงารและการด
ของสาระสั
เขป(ต่อ) าเนิ นงานของ
สาระสังเขป(ต่อ)
่ ใช
่ ้ในการ
- เทคนิ คในการผลิตและสือที
บันทึก หากใช ้คอมพิวเตอร ์ในการจัดทามัก
้
จัดทามักนิ ยมเขียนให ้มีเนื อหายาวแบบให
้
ให ้ความรู ้ แต่หากบันทึกในบัตรรายการมัก
้ อให
่ ้สามารถบรรจุ
มักเขียนแบบสันเพื
้
สาระสาคัญทังหมดลงแผ่
นกระดาษได ้
1. พยายามอ่านเอกสารต ้นฉบับอย่างมี
้
จุ
ด
หมาย
พยายามเข
้าใจเนื
อหา
ขอบเขต
้
ขันตอนการเขียนสาระสังเขป
และประเด็นสาคัญของเอกสาร
่
2. เขียน หรือจดประเด็นสาคัญทีพบลงใน
เอกสาร
่
้ ่
3. ร่างสาระเขปตามประเด็นทีจดไว
้ในขันที
่ นเย
่ ้ออกมา
2 ไม่นาคาหรือข ้อความทีเยิ
จากเอกสารต ้นฉบับ
4. ตรวจร่างสาระสังเขป ได ้แก่ วรรคตอน
ความถูกต ้องของการสะกดคา ความ
่
ถูกต ้องของชือเฉพาะต่
างๆ
้
่
1.
ขึ
นต
้นประโยคแรกด
้วยประโยคที
เป็
วิธก
ี ารเขียนให้กระช ับได้ น
่ และหลีกเลียงการเขี
่
แก่
น
ของเรื
อง
ย
น
ใจความ้
่ องโดยไม่
่
ข ้อความซากับชือเรื
จาเป็ น
่
2. หลีกเลียงประโยคยาวๆ
หรือประโยคที่
้ ้อน
ซาซ
3. สาระสังเขปควรอยูใ่ นย่อหน้าเดียว แต่
อาจเขียนหลายย่อหน้าได ้หากเอกสาร
ต ้นฉบับนั้นยาว
่
่ ความหมาย
4. หลีกเลียงการใช
้คาทีมี
่
คลุมเคลือ ระวังการใช ้คาย่อ ชือเฉพาะ
วิ
ธ
ก
ี
ารเขี
ย
นให้
ก
ระช
ับได้
5. พยายามตัดคา หรือวลีทเี่ ยิน
่ เย ้ออ
ใจความ(ต่
อ
)
่
้
อก เชน ใช “ผู ้เขียนสรุปว่า” แทน
“ผู ้เขียนบทความเรือ
่ งนีไ้ ด ้กล่าวใน
ตอนท ้ายว่า” เป็ นต ้น
ั ท์วช
6. หลีกเลีย
่ งการใชค้ าศพ
ิ าการขัน
้
สูงทีย
่ ากต่อการเข ้าใจ
ั ้ ๆ สูตร สมการหรือ
7. เขียนตารางสน
แผนภาพเท่าทีจ
่ าเป็ น เมือ
่ ไม่ม ี
ทางเลือกอืน
่ ๆ
1. หน้าที่ (Function)
การประเมิ
นสาระสัของสาระสั
งเขป งเขป
่
หน้าทีของสาระสั
งเขปแต่ละประเภทนั้น
แตกต่างกัน
้
2. เนื อหา
(Content) สาระสังเขปควรมี
้
องค ์ประกอบด ้านเนื อหาครบตามประเภท
่ ใ้ ช ้มักมองหา
ของเอกสาร ส่วนประกอบทีผู
ในสาระสังเขป คือ วัตถุประสงค ์ ระเบียบวิธ ี
วิจยั ผลของการศึกษาวิจยั และสรุป หาก
ส่วนประกอบใดหายไป อาจหมายความว่า
การประเมิ
นสาระสั
งเขป(ต่
)
3.
รู ปแบบ (Form)
จะครอบคลุ
มถึงอแนว
การเขียนและความยาวของสาระสังเขป ใน
่ จะต ้องสามารถ
ส่วนของแนวการเขียนทีดี
่
่ ดออกมาให ้เร็ว
สือความหมายที
จ่ าเป็ นทีสุ
่ ด ดังนั้น หลังจากเขียนแล ้วควรอ่าน
ทีสุ
้ั อตั
่ ดข ้อความทีไม่
่ จาเป็ น
ทบทวนอีกครงเพื
ออก การเขียนสาระสังเขปภาษาอังกฤษ
ต ้องใช ้กาลเดียวตลอด