Transcript Document
่ ภาวะไม่สมดุล 1. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยทีมี ของน้ าและเกลือแร่ ่ ภาวะไม่สมดุล 2. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยทีมี ของกรด-ด่าง ่ ร ับการผ่าต ัด 3. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยทีได้ (Peri - operation) ่ นโรคติดต่อ 4. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยทีเป็ (Communicable disease) ่ ภายหลังการสัมนา นักศึกษา สามารถ 1. อธิบายสาเหตุ พยาธิสรีรวิทยา อาการและอาการแสดง การ วินิจฉัย การร ักษา และ ภาวะแทรกซ ้อนของผู ป ้ ่ วยแต่ละ ภาวะหรือโรคได้ถูกต้อง ่ ร ับ ปริมาณสารน้ าทีได้ (ซีซ)ี ่ 1. น้ าดืม 1,200 2. อาหาร 1,000 3. เมตาโบลิซม ึ 300 ่ บออก ปริมาณสารน้ าทีขั จากร่างกาย(ซีซ)ี 1. ปั สสาวะ 1,500 2. ปอด 500 3. ผิวหนัง 400 4. อุจจาระ 100 กลไกการระเหยของน้ า เป็ นกลไกการ ควบคุมของสมองใหญ่ (Cerebrum) เมือ่ ่ ้ านอก ร่างกายสู ญเสียน้ า จะเพิมออสโมลาลิ ตของน ี้ เซลล ์ นิ วรอน (Neuron) ในไฮโปทาลามัส ่ นศู นย ์กระหายน้ าจะตอบสนอง (Hypothalamus) ซึงเป็ ้ ไปยัง ต่อการขาดน้ า และส่งกระแสประสาทกระตุน สมองใหญ่ ทาให้รู ้สึกกระหายน้ า การควบคุมโดยฮอร ์โมน 1. Anti-diuretic hormone (ADH) ถู ก สร ้างจากต่อมใต้สมอง ่ การกระตุน ส่วนหลังเมือมี ้ ศู นย ์ กระหายน้ า ่ ร่างกาย สู ญเสียน้ า ่ ้ านอกเซ เพิมออสโมลาลิ ตของน ี้ นิ วรอน (Neuron) ในไฮโปทาลามัส สมองใหญ่ รู ้สึก กระหาย ่ 1. ทดแทนน้ าทีขาดสมดุ ลหรือสู ญเสียไป (Deficit fluid) เช่น ท้องเสีย ่ าลังสู ญเสียผิดปกติในแต่ 2. ทดแทนน้ าส่วนทีก ละวัน (Concurrent loss หรือ abnormal loss fluid) เช่น ยังท้องเสียขณะอยู ่ในร.พ. ่ ญเสียตามปกติภายใน 24 ชวโมง ่ั 3. ทดแทนทีสู (Maintain fluid) คือ สู ญเสีย 2,500 ซีซต ี อ ่ วันจาก 4 วิถท ี างที่ กล่าวมา ภาวะขาดน้ า (Hypovolemia, fluid volume deficit, dehydration) ) เป็ นภาวะที่ ร่างกายสู ญเสียน้ ามากกว่าร่างกาย ่ ได้ร ับจนเกินความสามารถทีกลไก การปร ับสมดุลของร่างกาย ภาวะน้ าเกิน (Hypervolemia, fluid volume excess) เป็ นภาวะ ่ ้ สาเหตุ: 1. สู ญเสียน้ าจากทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ท้องเสีย 2. สู ญเสียน้ าปั สสาวะจานวนมาก เช่น จากการ ได้ร ับยาขับปั สสาวะ 3. สู ญเสียเหงื่อ 4. ภาวะไข้ 5. สู ญเสียน้ าเข้าสู ่ชอ ่ งว่างที่ 3 (Third space) ่ นช่องว่างที่ ไม่เคยมีน้ าสะสม จากสาเหตุ ซึงเป็ ่ ชอ เยือบุ ่ งท้องอ ักเสบ (Peritonitis) ท้องมาน • อาการและอาการแสดง • การวินิจฉัย • การร ักษา • การพยาบาล สาเหตุ 1. ได้ร ับน้ าหรือเกลือมากเกินไป เช่น ได้ร ับสารน้ าทาง ่ ความเข้มข้นตา ่ หลอดเลือดดาทีมี ่ 2. ได้ร ับสารน้ าทางหลอดเลือดดาทีมี เกลือโซเดียมสู ง 3. เป็ นโรคไต เช่น ไตวาย ไตอ ักเสบ ่ การเพิมเอดี ่ 4. เป็ นภาวะหรือโรคทีมี เอช เช่น เครียด กลัว • อาการและอาการแสดง • การวินิจฉัย • การร ักษา • การพยาบาล โซเดียม (Sodium) เป็ นไอออนประจุ ่ าค ัญในของเหลวนอกเซลล ์ บวกทีส (Extracellular fluid) ค่าปกติในผู ใ้ หญ่และเด็กเท่ากัน คือ 135-145 mEq/L โปต ัสเซียม (Potussium) เป็ น ่ ่ภายใน ไอออนประจุบลบสาค ัญทีอยู ่ ภาวะโซเดียมตา (Hyponatremia) ภาวะโซเดียมเกิน (Hypernatremia) ่ ภาวะโปตัสเซียมตา (Hypokalemia) ่ โซเดียมตากว่ ่ หมายถึง ภาวะทีมี า 130 mEq/L สาเหตุ ่ โซเดียมตา ่ 1. ได้ร ับอาหารทีมี 2. สู ญเสียจากทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน อุจจาระร่วง เสีย 3. สู ญเสียทางเหงื่อมาก •อาการและอาการแสดง •การวินิจฉัย •การร ักษา •การพยาบาล ่ โซเดียมสู งกว่า 145 หมายถึง ภาวะทีมี mEq/L สาเหตุ ่ น ้ เช่น ได้ร ับสารน้ า 1.ได้ร ับเกลือเพิมขึ ทางหลอดเลือดดา ไตวาย หัวใจล้มเหลว 2. ได้ร ับน้ าน้อยหรือสู ญเสียน้ ามาก •อาการและอาการแสดง •การวินิจฉัย •การร ักษา •การพยาบาล ่ โปตัสเซียมตา ่ หมายถึง ภาวะทีมี กว่า 3.5 mEq/L สาเหตุ 1. ได้ร ับน้อยลงหรือจากการจากัด ่ โปต ัสเซียมหรือได้สาร อาหารทีมี ่ มี น้ าทางหลอดเลือดดาทีไม่ โปต ัสเซียม อาการและอาการแสดง การวินิจฉัย การร ักษา การพยาบาล ่ โปต ัสเซียมสู งกว่า หมายถึง ภาวะทีมี 5.5 mEq/L สาเหตุ ่ น ้ เช่น ได้ร ับโปตัสเซียมมาก 1. ได้ร ับเพิมขึ ไป ได้เลือดเก่าใกล้หมดอายุเพราะเม็ด เลือดแดงแตก (Hemolysis)ง่ ายและ ปล่อยโปตัสเซียมออกมา 2. ลดการขับออก เช่น ไตวายเฉี ยบพลัน ้ ัง Addison’s disease หรือเรือร ้ เช่น 3. โปตัสเซียมออกจากเซลล ์มากขึน อาการและอาการแสดง การวินิจฉัย การร ักษา การพยาบาล ภาวะสมดุลของน้ าและ เกลือแร่ ในร่างกาย ชนิ ดของสารน้ า ่ ทดแทน ทีให้ Hyperosmolar (สารละลาย Hypotonic solution ภายในน้ านอกเซลล ์สู งกว่า เช่น 10% D/W , 3 ปกติ) เช่น หอบ ไตวาย % NSS , ้ ัง กินน้ าทะเลมาก ภาวะ 5 % NSS เรือร โคม่าจากน้ าตาลในเลือดสู ง Hypoosmolar (สารละลาย Hypertonic solution ่ ภายในน้ านอกเซลล ์ตากว่ า เช่น 1/4, 1/3, ½ ่ ปกติ) เช่น เอดีเอชหลังมาก NSS ่ ้า (น้ ามาก Naน้อย) ดืมน มาก 1. สารละลายไอโซโทนิ ก ( Isotonic solution ) ่ ความเข้มข้นหรือออสโมลาริต ี ้ - เป็ นสารละลายทีมี ่ เท่ากับน้ านอกเซลล ์ (extracellular fluid) ซึงมี ่ ออสโมลาริตระหว่ ี้ าง 280-310 mosm/l เมือให้ ทาง ่ ่ ้ าเข้าหรือ หลอดเลือดดาจะไม่มก ี ารเคลือนที ของน ้ ออกจากเซลล ์ ฉะนันการให้ สารน้ าชนิ ด isotonic ่ ่ ่นอกเซลล ์ จึงช่วยเพิมปริ มาตรของน้ าทีอยู 2. สารละลายไฮโปโทนิ ก ( Hypotonic solution ) ่ ความเข้นข้นน้อยกว่า 280 - เป็ นสารละลายทีมี ่ า osmolarityน้อยกว่าน้ านอกเซลล ์ mosm/l ซึงค่ ่ โมเลกุลอิสระของน้ ามากกว่าใน เป็ นสารน้ าทีมี ่ ้ าเข้าสู ่เซลล ์ เซลล ์ จึงทาให้เกิดการเคลือนของน ้ ้ องให้อย่างช้าๆ เพือ ่ ฉะนันการให้ สารน้ าชนิ ดนี ต้ ่ แก้ไขและป้ องกันเซลล ์เหียว 3. สารละลายไฮเปอร ์โทนิ ก ( Hypertonic solution ) 1. pH เป็ นตัวบ่งบอกถึงความเข้มข้นของ ไฮโดรเจนไอออนในหลาสมาของหลอดเลือดแดง ( 7.35-7.45) 2. PaCO2 เป็ นตัวบ่งของระบบหายใจ (35-45 มม. ปรอท) 3. HCO-3 เป็ นค่าความเข้มข้นของไบคาร ์บอเนต ไอออนในเลือดแดง แสดงถึงการปร ับสมดุลกรด ด่างโดยไต (22-26 mEq/L) 4. PaO2 เป็ นความดันออกซิเจนในหลอดเลือด ่ แดงทีละลายอยู ่ในพลาสมา (80-100 มม.ปรอท) 5. Base excess (B.E.) เป็ นค่าสะท้อนถึงจานวน ้ ของด่างทังไบคาร ์บอเนตและบัฟเฟอร ์ไอออนต ัว ่ ้ อืนๆในเลื อดทังหมด เช่น ฮีโมโกลบินและโปรตีน ่ 1. วิเคราะห ์ค่า pH ว่าสู งหรือตา กว่าปกติ - ถ้า > 7.45 เป็ นด่าง ถ้า < 7.35 เป็ น กรด - ถ้าปกติ หมายถึง เลือดอยู ่ในสมดุลหรือ อาจมีการปร ับชดเชยจาก ระบบหายใจหรือระบบเมตาบอลิซม ึ ้ ขึนอยู ่กบ ั ว่าปั ญหาอยู ่ในระบบ ใด เช่น 2. ประเมินต้นเหตุทท ี่ าให้เสีย สมดุล 2.1 pH > 7.45 เป็ นด่าง - PaCO2< 35 มม.ปรอท แสดงว่า ต้นเหตุคอ ื respiratory alkalosis จาก การหายใจเร็วและระบาย CO2 ออก - HCO-3 > 28 mEq/L แสดงว่า ต้นเหตุ คือ metabolic alkalosis จาก การได้ HCO-3 หรือสู ญเสียกรด 2. ประเมินต้นเหตุทท ี่ าให้เสียสมดุล (ต่อ) 2.2 pH < 7.35 เป็ นกรด - PaCO2 > 45 มม.ปรอท แสดงว่า ต้นเหตุคอ ื respiratory ้ acidosis จากการหายใจตืนและ ทาให้ CO2 คัง่ - HCO-3 < 22 mEq/L แสดงว่า ต้นเหตุคอ ื metabolic acidosis จากการสู ญเสีย HCO- ผล Blood gas ของผู ป ้ ่ วยชายไทยรายหนึ่ งที่ ป่ วยเป็ น โรคหัวใจล้มเหลว พบว่า pH = 7.30, PaCO2 = 53 มม.ปรอท HCO่ -3 = 25 mEq/L ่ ว่าสู งหรือตา ตากว่า กว่ าปกตินต้นเหตุทท ปกติ 2. ประเมิ ี่ าให้เสีย สมดุล โดยวิ เคราะห า HCO PaCO=2 25 และ PaCO = 53 – 45 =์ค่8, อยู ่ในช่วงปกติ 1. วิเคราะห ์ค่า pH - 3. ประเมินภาวะชดเชย โดยดู ทค่ ี่ าตรงกัน ข้ามว่า เป็ นไปใน ไม่ม ี 2 HCO-3 3 ่ การคงของ ่ั เป็ นภาวะทีมี CO2 เนื่ องมาจากความผิดปกติของ ระบบหายใจ ทาให้เลือดเป็ นกรด สาเหตุ 1. ระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น โรค ้ อร ้ ัง (COPD) ปอดอุดกันเรื 2. ระบบประสาทส่วนกลางถู กกดจากยา เช่น มอร ์ฟี น ยาสลบ • อาการและอาการแสดง • การวินิจฉัย • การร ักษา • การพยาบาล ่ การระบาย CO2 มากเกินไป เป็ นภาวะทีมี เนื่ องมา จากความผิดปกติ ของระบบหายใจ สาเหตุ 1. หายใจแรงลึก(Hyperventilation)จาก ปั ญหาจิตใจ เช่น วิตกกังวล 2. ศู นย ์หายใจถู กกระตุน ้ ให้หายใจออกเร็ว และลึก เช่น สมองอ ักเสบ ไข้สูง ยาซ ัลโฟ • อาการและอาการแสดง • การวินิจฉัย • การร ักษา • การพยาบาล ่ ความเข้มข้นของไฮโดรเจน เป็ นภาวะทีมี ไอออนในเลือดหรือน้ า นอกเซลล ์สู งกว่าปกติเนื่ องมาจากการ ่ เปลียนแปลงของระบบ เมตาบอลิซม ึ สาเหตุ ้ านอกเซลล ์ เช่น กรดจาก ่ 1. มีกรดเพิมในน เบาหวานเนื่ องจากขาด • อาการและอาการแสดง • การวินิจฉัย • การร ักษา • การพยาบาล ่ างกายสู ญเสียไฮโดรเจนไอออน เป็ นภาวะทีร่ หรือมีระดับ ้ ่ นในเลื อดหรือน้ านอก ไบคาร ์บอเนตเพิมขึ เซลล ์เนื่ องมาจากการ ่ เปลียนแปลงของระบบเมตาบอลิ ซม ึ สาเหตุ 1. สู ญเสียกรด เช่น อาเจียน ทาให้สูญเสีย น้ าย่อยจากกระเพาะ ได้ร ับยาขับปั สสาวะ • อาการและอาการแสดง • การวินิจฉัย • การร ักษา • การพยาบาล 1. pH = 7.28, PaCO2 = 50 มม.ปรอท, HCO-3 = 23 mEq/L 2. pH = 7.50, PaCO2 = 44 มม.ปรอท, HCO-3 = 38 mEq/L 3. pH = 7.30, PaCO2 = 40 มม.ปรอท, HCO-3 = 18 mEq/L 4. pH = 7.49, PaCO2 = 30 มม.ปรอท, HCO-3 = 24 mEq/L 1. 2. 3. 4. 5. Respiratory acidosis Metabolic alkalosis Metabolic acidosis Respiratory alkalosis ่ การชดเชย Metabolic alkalosis ทีมี จากการหายใจโดยทาให้ความดันก๊าซ ่ น ้ CO2 เพิมขึ เป็ นบทบาทของพยาบาลในการให้การดู แล ่ ร ับการ ผู ป ้ ่ วยทีได้ ผ่าตัด แบ่งเป็ น 3 ระยะ คือ 1. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยก่อนผ่าตัด (Preoperative Phase) 2. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยระหว่างผ่าตัด (Intraoperative Phase) 3. การพยาบาลผู ป ้ ่ วยหลังผ่าตัด 1. ความหมาย ้ เป็ นการดู แลตังแต่ ผูป ้ ่ วยตัดสินใจจะ ได้ร ับการผ่าตัดจนถึงผู ป ้ ่ วยได้ร ับการ ส่งไปห้องผ่าตัด 2. วัตถุประสงค ์ ่ วยให้ผูป 1) เพือช่ ้ ่ วยมีรา่ งกายและจิตใจ ่ ้อมสาหร ับการผ่าตัดและสามารถ ทีพร เผชิญกับความเจ็บป่ วยหรือผลกระทบ จากการผ่าตัด 3. การพยาบาล แบ่งเป็ น 3.1 การเตรียมผู ป ้ ่ วยก่อนผ่าตัด แบ่งเป็ น การ เตรียมผู ป ้ ่ วยด้านจิตใจและ ร่างกาย 3.2 การเตรียมผู ป ้ ่ วยคืนก่อนวัน ผ่าต ัด ่ ้ 1. ความหมาย เป็ นการดู แลตังแต่ ผูป ้ ่ วย ได้ร ับการย้ายเข้าห้องผ่าตัดจนผู ป ้ ่ วย ได้ร ับการส่งไปห้องพักฟื ้ น (Recovery room) ่ 2. วัตถุประสงค ์ เพือให้ ผูป ้ ่ วยมีความ ้ านร่างกาย พร ้อมสาหร ับการผ่าตัดทังด้ และจิตใจ 3. การพยาบาล พยาบาลในห้องผ่าตัด ท่า Supine dorsal ผ่าor ต ัดตา ทรวงอก ช่องท้อง ท่า Trendelenbu ผ่าตัดอวัยวะอุง้ เชิงกราน ท่า Trendelenburg ผ่าตัดฝี เย็บ อวยั วะสืบพันธุ ์ และทวารหนัก ท่า Lithotomy ท่า Laminectomy /Jack knife ผ่าตัดหลังและ ลาไส้ส่วนล่าง General Anesthesia Local anesthesia Double tourniquets Double tourniquets ่ เพือให้ ชาเฉพาะแขนทีร่ ัด ยาชา เฉพาะที่ Brachial plexus block ผ่าต ัดไหล่ แขน มือ ้ อ นิ วมื Epidural block ่ ผ่าต ัดตากว่ ากระบังลม เช่น มดลู ก ไส้ตงิ่ กระเพาะปั สสาวะ ท่อไต ริดสีดวงทวาร ขา CSF Spinal block ้ั 1. ความหมาย เป็ นการดูแลตงแต่ ผูป ้ ่ วยได้ร ับ การย้ายจากห้องผ่าตัดเข้าไปห้องพักฟื ้ นจนถึง ผู ป ้ ่ วยการประเมินผู ป ้ ่ วยในหอผู ป ้ ่ วยหรือกลับ บ้านได้ ่ วยให้ผูป 2. วัตถุประสงค ์ เพือช่ ้ ่ วยปลอดภัย จากภาวะแทรกซ ้อนภายหลังผ่าตัด และ ้ สามารถฟื ้ นฟู สภาพได้เร็วขึน ่ องพัก 3. การพยาบาล แบ่งเป็ น การดูแลทีห้ ้ ดู แลท่อ ระบายต่ างๆ drain Passive drains Active ระบายโดยหลักการ ไหลล้น Penrose drain Constant gravity drainage - Tube drain -T-tube drain -ท่อระบายน้ าดี ระบายของเหลวด้วยแรง จากภายนอก Closed wound suction system Sump drain Chest drain Penrose drain Hemovac drain radivac drain Gastrostomy Chest drain ่ ดจากต ัวเชือหรื ้ หมายถึง โรคซึงเกิ อพิษ ้ ของเชือแพร่ จาก ้ แหล่งโรคไปยังผู ท ้ สามารถร ี่ ับเชือได้ เช่น จากสัตว ์สู ค ่ น จากคน สู ค ่ น อาจผ่านต ัวกลางมาสู ค ่ น เช่น พืช ่ สัตว ์หรือสิงแวดล้ อมที่ ไม่มช ี วี ต ิ เช่น ยุง แมลงว ัน น้ า อาหาร เป็ นต้น 1. โรคอุจจาระร่วงจากแบคทีเรีย แบ่งเป็ น 1.1 กลุ่ม enterocolitis 1.2 กลุ่ม food poisoning ้ 2. การติดเชือไวร ัสเฮอร ์ส ์ 3. ตับอักเสบบี (Hepatitis B) 4. โรคซาร ์ส (Severe acute respiratory syndrome = SARS) 5. ไข้หวัดนก (Bird Flu) ่ องกันการแพร่กระจายเชือจุ ้ ล การปฏิบต ั เิ พือป้ ้ ชีพจากผู ป ้ ่ วยติดเชือไป ยังผู อ ้ น ื่ รวมถึงการแยกผู ป ้ ่ วย แบ่งเป็ น 1. Standard precaution (Universal precaution) ป้ องกัน ้ การแพร่เชือจากเลื อด สารน้ าและสารค ัด ่ ผิวหนังฉี กขาด ทากับผู ป หลัง่ เยือบุ ้ ่ วยทุก ราย 2. Transmission-based precaution ป้ องกันการแพร่ ้ ้ เชือตามวิ ถท ี างการแพร่กระจายเชือของ โรค ปฏิบต ั ริ ว่ มกับ standard precaution 1. Universal blood & body fluid precaution หรือ Standard precaution เช่น เอดส ์ 2. Transmission-based precaution ่ นโรคติดต่อร ้ายแรงและติดต่อง่ าย 2.1 การแยกผู ป ้ ่ วยทีเป็ หรือการแยกโรคแบบเคร่งคร ัด (Strict isolation) เช่น พิษสุนข ั บ้า ่ นโรคติดต่อทางระบบทางเดิน 2.2 การแยกผู ป ้ ่ วยทีเป็ หายใจ (Respiratory isolation) เช่น ไอกรน หัด ่ ดเชือ้ Acid fast bacillus (AFB 2.3 การแยกผู ป ้ ่ วยทีติ isolation) คือ วัณโรค ่ นโรคติดต่อระบบทางเดินอาหาร 2.4 การระว ังผู ป ้ ่ วยทีเป็ (Enteric precaution) เช่น อหิวาตกโรค ่ นโรคติดต่อทางสิงระบาย ่ 2.5 การระว ังผู ป ้ ่ วยทีเป็ และสิง่ คด ั หลัง่ (Drainage & secretion precaution) เช่น ่ ตาอ ักเสบ เยือบุ ่ นโรคติดต่อทางสัมผัส (Contact 2.6 การแยกผู ป ้ ่ วยทีเป็ •ล้างมือ •ใช้อป ุ กรณ์ป้องกันที่ เหมาะสม •ปฏิ บ ต ั ต ิ อ ่ ของมี ค มและ สารคัดหลัง่ •การท าความสะอาด ทาลายเชือ้ •ป้ องกันอุบต ั เิ หตุ -Air-borne precaution -Droplet precaution -Contact precaution :ป้ องก ันการแพร่กระจายทางอากาศ จากฝอย ละอองน้ ามู ก < 5 ไมครอน (TB, Measles, Chicken pox) - Mask if close up or move - Hand washing - isolation room/area :ป้ องกันการแพร่กระจายทางอากาศ จากฝอย ละอองน้ ามู ก > 5 ไมครอน (Rubella, - Mumps, pneumonia, pertussis) Mask if = or less 3 feet Mask for Pt. if move Gown if necessary Hand washing ใช้น้ ายา 0.5% Hypochlorite :ป้ องกันการแพร่กระจายทาง ้ สัมผัสทังทางตรงและ ทางอ้อม - Gloves & Gown if necessary Hand washing 0.5% Hypochlorite - แยกของใช้ สรุปข้อแตกต่างของโรคเริมและโรคงู สว ัด เริม งู สวัด ้ 1. เกิดจากเชือไวร ัส H. simplex ้ 1. เกิดจากเชือไวร ัส Varicellazoster virus ้ าใส 2. กลุ ม ่ ของตุ ม ่ น 2. กลุ่มของตุม ่ น้ าใส ไม่ เรียงตัวตาม แนวประสาท เรียงตามแนวเส้นประสาท (dermatome) ้ั ยว มักไม่กลับมาเป็ น 3. เป็ นคร งเดี ้ 3. กลับเป็ นซาได้ อก ี ้ ก ซาอี 4. อาการเจ็บแสบเล็กน้อย 4. อาการปวดแสบร ้อนรุนแรงกว่า กว่ามาก มาก 5. อาจมีอาการปวดตามแนว 5. ไม่มอ ี าการปวด เส้นจาก ประสาท ในภายหลังได้ (post ่ ( ที มา: วิ ญ ญาร ัตน์ ต ันศิ ร ิ 2552 http://www.elibดังกล่าว herpetic neuralgia) ่ หมายถึง โรคซึงพบบ่ อยในเขตร ้อน เช่น ไทย มาเลเซีย เขมร สาเหตุ อาจเกิดจากแบคทีเรีย ไวร ัส โปรโตซ ัว หนอนพยาธิ ่ ขอกล่ ้ สไปโรขีด และริคเก็ตเซีย ในทีนี าวถึง 1. มาเลเรีย 2. ไข้เลือดออก 3. โรคฉี่ หนู (Leptospirosis) 1. ภาวะภู มไิ วเกิน (Hypersensitivity) ทาให้ เกิดผลเสียต่อ ้ อของตนเอง ่ เนื อเยื จะกล่าวเฉพาะภาวะอะ นาไฟแลกซิส (Anaphylaxis) 2. ภาวะภู มค ิ ม ุ ้ กันบกพร่อง (Immune deficiency) ทาให้เกิดการติดเชือ้ ่ จะกล่ ้ ้ บ่อยๆ ในทีนี าวเฉพาะการติดเชือเอช ไอวี 1.4 ภาวะภู มไิ วเกินชนิ ดที่ 4 (Type IV-Cellmediated hypersensitivity) (Delayed type hypersensitivity) ่ เกิดปฏิก ิรย ิ าช้ากว่าภู มไิ วเกินชนิ ดอืนๆ เกิดจาก T lymphocyte ทาปฏิก ิรย ิ ากับ ่ างกายได้ร ับ ปฏิก ิรย แอนติเจนทีร่ ิ า ้ าๆ ประมาณ 24-72 ชวโมง ่ั ค่อยๆเกิดขึนช้ (เช่น ่ สารหรือสิงแปลกปลอมต่ างๆ) สามารถถ่ายทอดภาวะะภู มไิ วเกินไปยังอีกบุคคล หนึ่งได้โดยใช้ ่ มากทีสุ ่ ดในซีร ัม เป็ น เป็ นอิมมูโนโกลทีมี ้ แอนติบอดีทถู ี่ กสร ้างขึนมา ่ ดเมือมี ่ การพบสิงแปลกปลอมใน ่ มากทีสุ ระบบซา้ (secondary immune response) ิ /แอนติบอดิต ัวแรกที่ IgM เป็ นสารอิมมูโนโกลบู ลน ้ ่ สร ้างขึนเมื อพบกับ แอนติเจน โดยมีความจาเพาะพิเศษต่อ lipopolysaccharide ของ แบคทีเรียชนิ ดแกรมลบ (เป็ นตัวสาคัญใน การกาจัดแบคทีเรียกลุ่มนี )้ ่ างกาย พบในซีร ัม IgE พบได้ในสารค ัดหลังของร่ IgG ประ ภู มค ิ ม ุ ้ กัน Antibody เภท ผิดปกติ เฉี ยบ Anaphylactic พลัน Cytolytic หรือ antibody Immune complex IgE IgG หรือ IgM IgG Antigen โรค ฝุ่ น ยา Anaphylaxis อาหาร Asthma เกสร ดอกไม้ เซลล ์ ให้เลือดผิด แปลกปลอ ปฏิเสธการ ม ปลู กถ่าย อวัยวะ SLE ่ั ยา เซรม แก้พษ ิ งู EpiPen Autoinjector device ฉี ด อะดรีนาลิ นด้วย โรคผิวหนัง หมายถึง ความผิดปกติ ของผิวหนัง โดยไม่ รวมถึงการอ ักเสบ (Dermatitis) เนื่องจากเป็ นการ อ ักเสบผิวหนัง ่ กล่ ้ าวเฉพาะ กลากและ ในทีนี ด้าน กลาก ่ เป็ นผืนแดงเป็ น วงกลม มีขอบ ช ัดเจน ถ้าไม่ร ักษา ่ ผืนจะขยายขนาด ้ กว้างขึน ขณะเดียวกันตรง กลางจะค่อยๆ หาย และสีจางลง ่ บริเวณที่ บริเวณทีพบว่ ามี ้ อยๆ เป็ น การติดเชือบ่ ่ ับ ได้แก่ บริเวณทีอ ้ เช่น ขาหนี บ ชืน ลักษณะ ่ ผืน ้ เกลือน เป็ นจุดขาวขนาดเล็ก บริเวณขุมขน บางชนิ ด เป็ นวงสีชมพู หรือสีดา ่ บหรือมีดขูดจะ เมือเอาเล็ มีขย ุ ขาว เป็ นวงด่างขาว หรือออกแดงหรือเป็ นรอย แต้มๆ ขอบไม่นูน เวลาถู ก ้ แดดสีจะเข้มขึน ้ ชอบขึนตามใบหน้ า ซอก คอ แผ่นหลัง ลาตัว