Cell and Tissue

Download Report

Transcript Cell and Tissue

Cells & Tissues
Benjawan Nunthachai
ขอบเขตเนือ้ หา Cell & Tissue
 Cell Structure
 คุณสมบัตขิ องCell
 Cell Cycle
 ประเภทTissue และการทาหน้ าที่ของTissue
CELLS AND TISSUES
เซลล์
คือ หน่ วยที่เล็กที่สุดของร่ างกายที่ประกอบ
เป็ นรากฐานของสิ่งมีชีวติ ทุกชนิด
เซลล์ หลายๆชนิดเมื่อมารวมกันและมีหน้ าที่ชนิด
เดียวกันจะประกอบกันเป็ นเนือ้ เยื่อ(Tissues)
เนือ้ เยื่อเป็ นจานวนมากประกอบกันเป็ นอวัยวะ
(Organs) ได้ แก่ ตับ ไต หัวใจ กล้ าม
อวัยวะหลายๆอวัยวะรวมกันและทาหน้ าที่ในเรื่ อง
เดียวกันโดยช่ วยเสริมกันกลายเป็ นระบบ
(System) และเป็ นร่ างกายในที่สุด
Tissue helps to protect our joints.
 Tissue is a cellular organizational
level intermediate between cells and
a complete organism.
 Organs are then formed by the
functional grouping together of
multiple tissues.
Human are in this level of hierarchy of life, all
organisms are capable of response to stimuli,
reproduction, growth and development, and
maintenance of homoeostasis as a stable whole.
A Biological system Or Organs System
A Biological system (or Organ system) is a group
of organs that work together to perform a certain
task.
Common systems, such as the circulatory system,
the respiratory system, the nervous system.
Cells Structure
Cell Chemistry
Many organic and inorganic substances
dissolved in cells allow necessary chemical
reactions to take place in order to maintain
life. Large organic food molecules such as
proteins and starches must initially be
broken down through the life process of
digestion in order to enter cells.
Cell Chemistry
Organic Molecules and Digestive End Products
Organic Molecule
Digestive End Product(s)
carbohydrates
simple sugars (glucose)
proteins
amino acids
lipids (fats)
fatty acids and glycerol
โครงสร้างและองค์ประกอบของเซลล์
Cell Structure & Components
1.เยื่อหุ้มเซลล์ หรือผนังเซลล์ (Cell
Membrane หรือ Plasma
Membrane)
2. ไซโตปลาสซึม(Cytoplasm)
3. นิวเคลียส(Nucleus)
Cell Components
Cells Components
Cell Membrane
 The
cell membrane or plasma membrane
performs a number of important functions for the
cell.
 These functions include the separation of the cell
from its outside environment, controlling which
molecules enter and leave the cell, and
recognition of chemical signals.
 The cell membrane consists of two layers of
phospholipids with proteins embedded within
these layers.
 The surface of the cell contains molecules which
recognize other molecules which may attach to
or enter the cell.
องค์ ประกอบของCell Membrane
เยื่อหุ้มเซลล์ Cell membrane
หรื อ
Plasma membrane
มีลักษณะเป็ นเยื่อบางๆ ประกอบด้ วยสารไขมัน
และโปรตีน เยื่อหุ้มเซลล์ มีรูเล็ก ๆ ทาให้ สามารถ
จากัดขนาดของโมเลกุลของสารที่จะผ่ านเยื่อหุ้ม
เซลล์ ดังนัน้ เยื่อหุ้มเซลล์ จงึ มีสมบัติเป็ นเยื่อเมือก
ผ่ าน (Semi-permeable membrane )
ส่ วนประกอบของเซลล์
ผนังเซลล์ ( Cell Wall )หรื อเยื่อหุ้มเซลล์
(Cell Membrane)
ส่ วนประกอบชัน้ นอกสุดของเซลล์ ทาหน้ าที่
เสริมสร้ างความแข็งแรงให้ แก่ เซลล์ ทาให้ เซลล์
คงรู ปร่ างได้ ผนังเซลล์ มีสมบัตยิ อมให้ สารแทบ
ทุกชนิด ผ่ านเข้ าออกได้
เยื่อหุ้มเซลล์ มีหน้ าที่
 Nuclear membrane) เป็ นเยื่อบางๆ 2 ชัน้ เรี ยงซ้ อนกัน
ที่เยื่อนีจ้ ะมีรู เรี ยกว่ าnuclear poreและมีannulus มากมาย
ทาหน้ าที่เป็ นทางผ่ านของสารต่ างๆ ระหว่ างcytoplasmและ
nucleus
 Chromatin ประกอบด้ วย โปรตีนหลาย ชนิด และ DNA
มีหน้ าที่ควบคุมกิจกรรมต่ างๆ ของเซลล์ และควบคุมการถ่ ายทอด
ลักษณะทางพันธุกรรม
Nucleolusมีหน้ าที่ในการสังเคราะห์ RNA ชนิดต่ างๆ มี
ความสาคัญต่ อการสร้ างโปรตีน
สารประกอบทางเคมีของนิวเคลียส ประกอบด้ วย
 Deoxyribonucleic
acid: DNA เป็ น
ส่ วนประกอบของโครโมโซม
Ribonucleic acid : RNA
Cytoplasm
มีลักษณะเป็ นของเหลวที่อยู่ในเซลล์ ทัง้ หมด
ประกอบด้ วย นา้ ประมาณ 75 - 90 % มีสารที่
สาคัญอยู่คือ โปรตีน ไขมัน คาร์ โบไฮเดรต
และเกลือแร่ ต่าง ๆ รวมทัง้ ของเสียที่เกิดขึน้
เป็ นศูนย์ กลางการทางานของเซลล์ เกี่ยวกับ
เมตาโบลิซมึ ทัง้ กระบวนการสร้ างและสลาย
อินทรี ย์สาร
องค์ ประกอบภาย Cytoplasm
Cytoplamic
inclusions: Protien CHO Fat
Vitamin Minerals Hormone Antibody
Organelle
: Lysosome Ribosome
Golgi body Endoplasmic Reticulum(RE)
Mitochondria
หน้ าที่ของCytoplasm
เป็ นบริเวณที่เกิดปฏิกริ ิยาเคมีของเซลล์
 สลายวัตถุดบ
ิ เพื่อให้ ได้ พลังงานและสิ่งที่
จาเป็ นสาหรั บเซลล์
 สังเคราะห์ สารที่จาเป็ นสาหรั บเซลล์
 เป็ นที่เก็บสะสมวัตถุดบ
ิ สาหรั บเซลล์
 เกี่ยวข้ องกับกระบวนการขับถ่ ายของเสียของ
เซลล์
2 Division in Cytoplasm
1.Cytoplasmic
inclusions เป็ นอนินทรี ย์
สารมีนา้ เป็ นองค์ ประกอบ
70-80 % มี โปรตีน
คาร์ โบไฮเดรต ไขมัน
วิตามิน เกลือแร่ ฮอร์ โมน
และแอนติบอดี สิ่งเหล่ านี ้
จะทาหน้ าที่ควบคุมหรื อเร่ ง
ปฏิกิริยาภายในเซลล์
2.Organelle เป็ น
อินทรีย์สาร ซึ่งหมายถึงสิ่งที่
มีชีวิตได้ แก่
 Lysosome
 Ribosome
 Golgi Body
 Endoplasmic
Reticulum : ER
 Mitochondria
Organelles
Lysosome
Ribosome
Golgi Body
 Endoplasmic Reticulum
 Mitochondria

ย่ อยสลายอนุภาคและโมเลกุลของ
สารอาหารภายในเซลล์
ย่ อย หรื อ ทาลายเชือ้ โรค ย่ อยสลายเซลล์
แบคทีเรี ย สิ่งแปลกปลอม ต่ างๆ ที่เข้ าสู่
ร่ างกายหรื อเซลล์ เช่ น เซลล์ เม็ดเลือดขาวกิน
สารแปลกปลอมต่ างๆ
ทาลายเซลล์ ท่ ต
ี ายแล้ ว หรื อเซลล์ ท่ มี ีอายุมาก
 เก็บสะสมสาร ที่เซลล์ สร้ างขึน
้ ก่ อนที่จะปล่ อยออก
นอกเซลล์ ซึ่งสารส่ วนใหญ่ เป็ นสารโปรตีน มีการ
จัดเรียงตัว หรือจัดสภาพใหม่ ให้ เหมาะกับสภาพ
ของการใช้ งาน
Mitochondria
Mitochondria
Power house of the cell.
 Centre of respiration of the cell.
 Release energy for cell functions.

การแบ่ งตัวของเซลล์ (Cell Division)
2. Meiosis
การแบ่ งเซลล์ (Cell Division) มีการแบ่ ง 2 แบบ คือ
1.Mitosis คือ การเพิ่มจานวนเซลล์ โดยการที่
เซลล์ 1 เซลล์ แบ่ งตัวได้ เซลล์ ลูก 2 เซลล์ แต่ ละ
เซลล์ จะมีคุณลักษณะเหมือนเซลล์ เดิม หรื อแต่
ละเซลล์ จะมีลักษณะทางพันธุกรรมและจานวน
โครโมโซมเหมือนกับเซลล์ เริ่มต้ น
2.Meiosis เป็ นกระบวนการแบ่ งนิวเคลียส
ของเซลล์ สืบพันธุ์ (sex cell) ทาให้ มีการเพิ่ม
จานวนเซลล์ โดยที่เซลล์ ท่ ไี ด้ จากกการแบ่ งตัวนี ้
เป็ นเซลล์ ใหม่
จุดประสงค์ ของการแบ่ งCell แบบMitosis
1.เพื่อเพิ่มจานวน Cell ในร่ างกาย
2. เพื่อการเจริ ญเติบโตของร่ างกาย
3.เพื่อสร้าง Cell สื บพันธุ์
ลักษณะของการแบ่ งcell แบบ Mitosis
- ไม่ มีการลดจานวนChromosome
- เมื่อสิน้ สุดการแบ่ งแล้ วจะได้ 2cell ใหม่ ท่ มี ี chromosome เท่ ากันและ
เท่ ากับ cell ตัง้ ต้ น
การแบ่ งตัวของcell แบบ mitosis
วัฏจักรของเซลล์ (cell cycle) พบเฉพาะการแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส
1.ระยะอินเตอร์ เฟส (interphase)
เป็ นระยะที่เซลล์ เตรียมตัวให้ พร้ อม
ก่ อนที่จะแบ่ งนิวเคลียสและไซโทพลาซึม
เซลล์ ในระยะนี ้ มีนิวเคลียสขนาดใหญ่
และเห็นนิวคลีโอลัสชัดเจน แบ่ งเป็ น
ระยะย่ อยได้ 3 ระยะ
- ระยะก่ อนสร้ าง DNA(ระยะ จี1)
- ระยะสร้ าง DNA (ระยะเอส)
- ระยะหลังสร้ าง DNA (ระยะจี2)
วัฏจักรของเซลล์ (cell cycle) พบเฉพาะการแบ่ งเซลล์ แบบไมโทซิส
2 ระยะmitotic phase หรื อ M
phase
เป็ นระยะที่ มี ก ารแบ่ ง
นิวเคลียส เกิดขึน้ ในช่ วงสัน้ ๆ แล้ วตาม
ด้ วยการแบ่ งของไซโทพลาซึม การแบ่ ง
นิวเคลียสแบบไมโทซิส อาจแบ่ งได้ เป็ น
4 ระยะคือ
- ระยะprophase เป็ นระยะที่
นิวเคลียสยังมีเยื่อหุ้มอยู่
- ระยะmetaphase เป็ นระยะที่เยื่อ
หุ้มนิวเคลียสสลายตัว
- ระยะanaphase เป็ นระยะที่
โครโมโซมแยกกันเป็ น 2 กลุ่ม
- ระยะtelophase เกิดการแบ่ งของ
ไซโทพลาซึมขึน้
Mitosis
Mitosis
Cell Cycle
Cell Cycle
การแบ่ งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (meiosis)
 การแบ่ งนิวเคลียสแบบไมโอซิส (meiosis) การแบ่ ง
เซลล์ แบบนีน้ ิวเคลียสมีการเปลี่ยนแปลงโดยลดจานวน
โครโมโซมลงครึ่งหนึ่งเป็ นการแบ่ งเพื่อสร้ างเซลล์ สืบพันธุ์
(sex cell หรือ germ cell)
 เซลล์ ร่างกายของคนมีโครโมโซมอยู่ 46 โครโมโซม หรือ
23 คู่ แต่ ละคู่มีรูปร่ างลักษณะเหมือนกัน เรียกโครโมโซม
ที่เป็ นคู่กันว่ า homologous chromosomeและ
เซลล์ ท่ มี ีโครโมโซมเข้ าคู่กันได้ เรียกว่ า diploid cell
 การแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิสนี ้ นิวเคลียสมีการ
เปลี่ยนแปลง 2 รอบ
Chromosome
เซลล์ ร่างกายคนมีโครโมโซม 46 แท่ ง หรือ 23 คู่
(2n) แต่ ละคู่มีลักษณะเหมือนกันและมียนี ควบคุม
ลักษณะเดียวกันอยู่ในตาแหน่ งตรงกัน เรียกโครโมโซมที่
เป็ นคู่กันว่ า homologous chromosome
 เซลล์ ท่ มี ีโครโมโซมเข้ าคู่กันเรียกว่ าdiploid cell
เซลล์ ในอวัยวะสืบพันธุ์จะเกิดการแบ่ งเซลล์ แบบไมโอ
ซิสผลิตเซลล์ ไข่ ซ่ งึ เป็ นเซลล์ สืบพันธุ์เพศเมีย เซลล์ อสุจิ
เป็ นเซลล์ สืบพันธุ์เพศผู้
การแบ่ งเซลล์ แบบไมโอซิส
Cell Division
การลาเลียงสารโดยผ่ านเยื่อหุ้มเซลล์
การแพร่ (Diffusion) เป็ นปรากฏการณ์ ท่ ีมีโมเลกุลหรื อไอออนของสาร
มีการเคลื่อนที่ จากที่ท่ ีมีโมเลกุลไออนที่หนาแน่ น ไปยัง ที่ท่ ีมีโมเลกุลไออน
ของสารน้ อยกว่ า สารที่แพร่ ได้ อาจอยู่ในสถาวะของก๊ าซ ของเหลว หรือ
อนุภาคของของแข็งซึ่งแขวนลอย
 ออสโมซิส (Osmosis) เป็ นแบบหนึ่งของการแพร่ ซึ่งมีความหมาย
เฉพาะการแพร่ ของโมเลกุลของนา้ จากที่ท่ ีมีโมเลกุลของนา้ มากกว่ า
ไปยังที่ท่ ีมีโมเลกุลของนา้ น้ อยกว่ า โดยผ่ านเยื่อบางๆ มี คุณสมบัติ
พิเศษคือ ยอมให้ โมเลกุลของนา้ ผ่ านได้ อย่ างสะดวก ส่ วนสารอื่นไม่
ยอมให้ ผ่านเลย สาหรั บสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ยอมให้ ผ่า นแต่ ไม่
สะดวก
สารละลายที่อยู่นอกเซลล์ เมื่อเปรียบเทียบกับของเหลวที่
อยู่ในเซลล์ มี 3 แบบ
1.Hypotonic Solution หมายถึง ความเข้ มข้ นของ
สารละลายที่อยู่นอกเซลล์ มีความเข้ มข้ นน้ อยกว่ า ในเซลล์
ลักษณะนีท้ าให้ นา้ นอกเซลล์ เคลื่อนที่เข้ าไปในเซลล์
2.Hypertonic Solution หมายถึง ความเข้ มข้ นของ
สารละลายภายนอกเซลล์ มีความเข้ มข้ นมากกว่ า ภายในเซลล์
ลักษณะนีน้ า้ ในเซลล์ จะออสโมซิสออกมาภายนอกเซลล์
3.Isotonic Solution หมายถึง ความเข้ มข้ นของสารละลาย
ที่อยู่ภายนอกเซลล์ เท่ ากับ ภายในเซลล์
Active Transport

กระบวนการแอกทีฟทรานสปอร์ ต (Active
Transport) เป็ นการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของสารจาก
บริเวณที่มีความเข้ มข้ นต่า ผ่ านเนือ้ เยื่อบางๆ ไปยังบริเวณ
ที่มีความเข้ มข้ นสูง โดนอาศัยพลังงานจากเซลล์ เป็ นตัวนา
ตัวนา จะเป็ นสารประเภทโปรตีนที่เป็ นพวกเอมไซม์ ต่างๆ
ซึ่งมีหลายชนิด
Active Transport
Active Transport

In active transport, molecules move from a region of
lower concentration to a region of higher
concentration. As this process does not naturally
occur, the cell has to use energy in the form of ATP to
make active transport occur.
Active Transport
Diffusion or passive transport
is the movement of materials from a region of
higher to a region of lower substance
concentration.
 The diagram at the right shows the movement of
molecules from higher concentration on side A to a
lower concentration on side B.
ความจาเป็ นที่ต้องมีการลาเลียงสารเข้ าและออกจากเซลล์
1.เพื่อให้ เซลล์ มีสภาวะปกติ
2.เพื่อให้ มีชีวติ ดารงชีวติ อยู่ได้ อย่ างปกติ
3.เพื่อให้ เซลล์ ได้ รับอาหารในการ
ดารงชีวิตของเซลล์
การรักษาดุลยภาพของCell
Regulation and Controlled cell responses
Cell diffusion & Osmosis
แพร่ กระจาย หรือ ซึมผ่ าน
เข้ มข้ นมาก
น้ อย
Filtration การกรอง
กดดันสูง
ต่า
 Permeabilityการเคลื่อนที่ผ่าน Pores
โครงสร้ างและหน้ าที่ของ เนือ้ เยื่อ
( Tissue structure and
function )
Tissue
Tissue
is a cellular organizational level
intermediate between cells and a
complete organism.
A tissue is an ensemble of similar cells
from the same origin that together carry
out a specific function.
Organs are then formed by the
functional grouping together of multiple
tissues.
เนือ้ เยื่อ ( tissue ) เป็ นการรวมกลุ่มกันของเซลล์ เพื่อทา
หน้ าที่ร่วมกันเนือ้ เยื่อ มีหลายแบบ ได้ แก่
Epithelial tissue เนือ้ เยื่อบุผิว บุตามอวัยวะ
ต่ างๆ เพื่อป้องกันอวัยวะต่ างๆ
Connective tissue เนือ้ เยื่อเกี่ยวพัน ทาหน้ าที่
เสริมความแข็งแรง และความยืดหยุ่น
Muscle tissue กล้ ามเนือ้ ทาหน้ าที่เกี่ยวกับการ
เคลื่อนที่ของอวัยวะต่ างๆ
Nervous tissue เนือ้ เยื่อประสาท ทาหน้ าที่รับ
ความรู้สึก และตอบสนองต่ อสิ่งเร้ าต่ างๆ
Q&A