Transcript ศึกถลาง
ึ ศก ถลาง บท นำ ตามประวั ต ศ ิ าสตร์ไ ทยกั บ พม่ า ึ กันมาตัง้ แต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็ น เป็ นคูท ่ าศก ราชธานี ผลั ด กั น แพ ้ผลั ด กั น ชนะตามความ เก่ง กล ้าสามารถของกษั ตริย ผ ์ ู ้ครองประเทศ แต่ล ะยุค สมั ย สมเด็ จ กรมพระยาด ารงราชานุ ภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว ้ในประวัตศ ิ าสตร์เรื่ อ ง ไทยรบพม่า ว่า ในสมั ย กรุ ง ศรีอ ยุธ ยาไทยกั บ พม่า ท าสงครามกั น ๒๔ ครั ง้ สมั ย กรุ ง ธนบุ รี ิ ทร์ ๑๐ ครั ง้ รวม ๑๐ ครั ง้ สมั ย กรุง รั ต นโกส น ึ ถลาง ทาสงครามกันมา ๔๔ ครั ง้ สงครามศก เมื่ อ พ.ศ. ๒๓๒๘ เป็ นสงครามครั ้ง ที่ ๓๗ นั บ ตั ้ง แต่ ก รุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาเป็ นต น ้ มาและเป็ น มู ลเหตุแห่งสงครำม ครำวศึกถลำง พ.ศ. ๒๓๒๘ เป็ นขนบธรรมเนียมของพม่าถือว่า เมือ ่ ประเทศ ไทยหรื อ ในสมั ย นั ้ น มี ก ารเปลี่ ย นแผ่ น ดิน หรื อ ตั ้ ง ราชวงศ ์ใ หม่ มั ก จะเกิด ความไม่ ส งบเรี ย นร อ ้ ยใน บ ้านเมือง เกิดการชงิ บัลลังก์ กาลังของไทยอ่อนแอ ลง เป็ นโอกาสอันดีทจ ี่ ะมาบุกรุกรานและชนะได ้ง่าย ึ ถลาง พ.ศ.๒๓๒๘ พม่าได ้ข่าวว่าไทยได ้ เมือ ่ คราวศก ิ และเปลีย เปลีย ่ นแผ่นดินตากสน ่ นราชวงศใ์ หม่ (พระ ิ ถูกพระยาสรรคิดขบถล่มราชบัลลังก์ แล ้ว เจ ้าตากสน พระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกขึน ้ ครองราชย์สมบัต ิ) คิด ว่า ไทยคงเกิด ความยุ่ ง เหยิง ไม่ ส งบขึน ้ ในแผ่ น ดิน เช ่ น เดี ย วกั บ ที่ เ คยเป็ นมาในสมั ย กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา มู ลเหตุแห่งสงครำม ครำวศึกถลำง พ.ศ. ๒๓๒๘ (ต่ ) ทัง้ ปราบประเทศมณี ปุรอะทางฝ่ ายเหนือและ ประเทศยะไข่ท างทิศ ตะวั น ออกได ้สองประเทศ แผ่อ าณาจั ก รกว ้างขวางกว่า พระเจ ้าแผ่น ดิน องคื ก่อ นๆมากแล ้ว ก็ คด ิ จะตีเ มือ งไทยให ้มีเกีย รติย ศ ่ พระเจ ้าบุเรงนอง ประกอบ เป็ นมหาราช เหมือนเชน ั ชนะทุกแห่ง กาลังมี กับทหารทีท ่ าสงครามมามีชย ความกาเริบ คิดว่าหากยกมาตีเมืองไทยก็คงมีชัย ชนะดั ง เช ่น ชนะที่อ ื่น มาแล ้ว นี่ เ ป็ นสาเหตุ ส อง ประการทีพ ่ ม่ามาตีไทย เมือ ่ พ.ศ. ๒๓๒๘ เหตุกำรณ์และรำยละเอียด ของสงครำม ่ า้ ปดุงขึนครองราชย ้ เมือเจ ์สมบัตเิ ป็ นพระเจา้ แผ่นดินพม่าได ้ 3 ปี ถึงปี มะเส็ง พ.ศ. ๒๓๒๘ จึงให ้ ่ เ มือ งไทย เกณฑ ค์ นทัง้ เตรีย มกองทัพ ทีจะยกมาตี ้ เมืองหลวงและเมืองขึนตลอดจนประเทศราช หลาย ชาติหลายภาษา รวมจานวนพล ๑๔๔,๐๐๐ จัดเป็ น ้ั ไทยเรี ้ ๙ ทัพใหญ่ ศึกครงนี ยกว่า “สงครามเก ้าทัพ สงครำมเก้ำทัพ ทัพที่ ๑ ให ้แมงยี แงข่องก ยอ เป็ นแม่ ทั พ มี ทั ้ง บก ทั พ เรื อ ๑๐,๐๐๐ เรื อ รบ ๑๕ ล ายกลง มาตั ง้ ที่เ มือ งะริด ให ้ ยกมาตีเมืองไทยทาง ปั ก ษ์ ใ ต ต ้ ั ้ ง แ ต่ เ มื อ ง ชุ ม พรลงไปถึง เมื อ ง สงขลา ทั พเรือนั น ้ ให ้ ตี หั ว เมื อ งชายทะเล ทัพที่ ๒ ใ ห ้อ น อ ก แ ฝ ก คิ ด ห วุ่ น เป็ นแม่ ทั พ ถือพล ๑๐,๐๐ๆ ลงมา ตั ้ง ที่ เ มื อ งทะวายให ้ เข ้ามาทางด่านบ ้องตี้ ม า ตี เ มื อ ง ไ ท ย ฝ่ า ย ตะวั น ตกตั ้ง แต่ เ มื อ ง ราชบุรี เมือ งเพชรบุ รี ลงไปจบกองทั พ ที่ ๑ สงครำมเก้ำทัพ ทัพที่ ๓ ใ ห ้ ห วุ่ น ค ยี สะโดะศ ิร ิม หาอุ จ จนา เจ ้าเมือ งตองอู เ ป็ นแม่ ทั พ ถื อ พ ล ๓ ๐ , ๐ ๐ ๐ ยกมาทางเมื อ งเช ี ย ง แสน ให ล ้ งมาตี เ มื อ ง นครลาปางและหัวเมือง นครลาปางและหัวเมือง ทางริมน้ าแควใหญ่และ น้ า ย ม ตั ้ ง แ ต่ เ มื อ ง ส ว ร ร ค โ ล ก เ มื อ ง ทัพที่ ๔ ให ้เมีย นหวุ่น แมงยี ม ห า ทิ ม ข่ อ ง เ ป็ น แ ม่ ทัพถือพล ๑๑,๐๐๐ ยก ลงมาตัง้ ทีเ่ มืองเมาะตะ มะ เป็ นทั พ หน า้ ที่ท ี่จ ะ ยกมาตีกรุงเทพฯ สงครำมเก้ำทัพ ทัพที่ ๕ ให ้เมียนหวุน ่ แมง ยีมหาทิมข่อง เป็ นแม่ ทัพ ถือพล ๕,๐๐๐ ลงมาตัง้ ทีเ่ มืองเมาะ ตะมะ เป็ นทัพหนุน ทัพที่ ๔ ทัพที่ ๖ ให ้ตะแคงกามะ ราชบุตรที่ ๒ (พม่า เรียกว่า ศริ ธิ รรมราชา) เป็ นแม่ทัพ ถือพล ๑๒,๐๐๐ มาตัง้ ทีเ่ มือง เมาะตะมะ เป็ นทัพ หน ้าที่ ๑ ของทัพ หลวงทีจ ่ ะยกมาเข ้สก รุงเทพฯ ทางด่านพระ สงครำมเก้ำทัพ ทัพที่ ๗ ใ ห ้ต ะ แ ค ง จ ก กุ ร า ชบุ ต ร ที่ ๓ ( พ ม่ า เรียกว่าสะโดะมันขอ) เ ป็ น แ ม่ ทั พ ถื อ พ ล ๑,๐๐๐ มาตั ง้ ที่เ มือ ง เมาะตะมะเป็ นทัพที่ ๒ ของทัพหลวง ทัพที่ ๘ เ ป็ น ทั พ ห ล ว ง จ านวนพล ๕๐,๐๐๐ พระเจ ้าปดุง เป็ นจอม พล เสด็ จ ลงมาเมือ ง เมาะตะมะ เมื่อ เดือ น ๑๒ ปี มะเสง็ สงครำมเก้ำทัพ ทัพที่ ๙ ให ้จอข่อ งนรทา เป็ นแม่ทั พ ถือ พล ๕,๐๐๐ (เข ้าใจว่าตัง้ ทีเ่ มืองเมาะตะมะเหมือนกัน) ยกเข ้า มาทางด่า นแม่ล ะเมา แขวงเมือ งตาก มาตีหั ว เมื อ งทางริม แม่ น้ าพิง ตั ้ง แต่ เ มื อ งตาก เมื อ ง กาแพงเพชรลงมาบรรจบทัพหลวงทีก ่ รุงเทพฯ ศึกคำโคลง ถลำง ยีห ่ วุน ่ แม่ทัพข ้าง พุกาม คุมทัพรอญสยาม ตะกัว่ ทุง่ ก็แตกตาม นา ิ ติดใกล ้ เข ้าประชด ิ้ ชพ ี แล ้ว บุรน ิ ทร์สน เมืองถลาง นอ ยังขนิษฐ์หนึง่ ภรรไป่ คิดแก่ชวี น ั หญิงแฮ คุมไพร่ชายหญิงสู ้ ฝ่ ายใต ้ ตะกัว่ ป่ า เล่า รอบล ้อม ไป่ ทัน แทน เยศผู ้ ตรายเยีย ่ ง เกีย ่ วแก ้ กัน รักษาเมืองอยูไ่ ด ้ เดือน ปลาย สุดคิดพม่าหมาย รบร ้า ขัดสนเสบียงวาย จาเลิก ทัพแฮหลายบุรบ ี เุ รศทัง้ กรมการ มีนอ ึ ด ้วย ถลางรอดจากมื อข ้าศก บ อาจจะรับราญ ึ ได ้ ง สองหญิ ศก ถลางมีแต่หญิงหาญ หากรัก เมืองนา ึ กันเมืองไว ้ สูศ้ ก ชอบช ี้ ควรชม ้ั ำวเทพกระษัตรี-ท้ำวศรี ตงท้ สุนทร พระบาทสมเด็ จ พระเจ า้ อยู่ หั ว มี พ ระราช โองการโปรดฯ ให ้ มีตราไปยังเมืองถลาง ตัง้ ผู ้มีความดีความชอบใน การสงครามเป็ นพระยาถลางขึน ้ ใหม่ แล ้วโปรดตัง้ จัน ภรรยาพระยาถลางเก่า ซงึ่ ออกต่อรบพม่านั น ้ เป็ นท ้าวเทพกระษั ตรี โปรดตั ง้ มุก น ้องหญิง นั ้น เป็ นท ้าวศรีสน ุ ทร พระราชทานเครือ ่ งยศแก่อส ิ ตรี ทั ้ง สองตามสมควรแก่ ค วามชอบในราชการ สงครามนัน ้ กลวิธใี นกำรชนะศึก 1. มีการวางแผนทีด ่ ี (Planning) 2. มีการจัดแบ่งกองแบ่งกาลัง (Organising) ้ ง 3. เมือ ่ จัดกาลังและวางแนวการต่อสูแบ่ หน ้าทีค ่ วามรับผิดชอบ ก็มก ี ารควบคุม (Controling) 4. มีการตรวจตรา (Checking) อาณาเขต สงคราม สงครามคราวศึก ถลาง พ.ศ. 2328 พม่ าจะยกมาตี ่ า ตะกัวทุ ่ ่ง ถลาง เท่านั้น แต่ยกมาหลายด ้าน เมืองตะกัวป่ ่ ้ เหนื อสุด คือ เมืองเชียงแสน เรือยลงตามชายแดนที ่ ตังแต่ ติด ต่ อ กับไทยจากเหนื อ สุ ด ลงมาใต ส้ ุ ด ที่เมือ งสงชลา จึง ้ั ้ นมีท่วไป กล่า วได ว้ ่า อาณาเขตสงครามในคร งนั ั ประเทศ สยามตกอยู่ในภาวะสงครามทั่วประเทศ จนถึง กับพระเจ า้ แผ่ น ดิน และมหาอุป ราช (สมเด็ จ พระพุ ท ธยอดฟ้ าฯ และ กรมพรราชวังบวรฯ) ยกกองทัพออกไปรบเองและทุกเมืองที่ พม่าจะเดินทัพผ่านจะต ้องเตรียมตัวสู ้ศึก เช่น เมืองพัทลุง ึ ลักษณะทหารสมัยโบราณคราวศก ถลาง พ.ศ. 2328 ในสมัยก่อนพลเมืองธรรมดาสามัญเรียกว่าไพร่ ไพร่ที่เป็ นชายฉกรรจ ์ทุก คนต อ้ งเป็ นทหารออกรบใน เวลามีศก ึ สงคราม แต่เวลาสงบ ก็ ท ามาหากิน ตามปกติเ หมื อ นกับ ค ากล่ า วสมัย นี ้ว่ า ทหารก็มาจากประชาชนแลว้ ทหารก็มาเป็ นประชาชน ต่างกันก็แต่เวลาออกรบหรือไม่ ออกรบ เท่านั้ น ดังนั้ น ก่อ นที่จะกล่ า วถึง ระบบทหารในสมัย นั้ นจะต อ้ งเข า้ ใจ ฐานะของพลเมืองในสมัยนั้นที่ เรียกว่า ไพร่ ไพร่มี 3 ประเภท คือ 1.ไพร่หลวง 2.ไพร่สว่ ย 3.ไพร่สมหรือไพร่ ้ั ่า ทีถู ่ กเกณฑ ์เป็ นไพร่หลวง บรรดาไพร่ชนต ไพร่สมกาลัง ไพร่สว่ ย จะต ้องถูกสักแขนด ้วยหมึก ้ ัก เป็ นช่า งสัก ของกรมพระ ด าแถมน้ าเงิ น ผู ส ่ กระบุกรมทีสั ่ งกัดพร ้อมมูล สุรสั วดี ตัวหนังสือทีสั นายเป็ นสาคัญ เช่น สักว่า กรมเมือง กรมวัง กรม ช ้าง กรมม้า กรมสนม กรมทหาร ส่วนไพร่ทสั ี่ งกัด ้ อมู ่ ลนายและชือหั ่ วเมือง อยู่ในหัวเมืองต ้องสักทังชื ไ พ ร่ ห ล ว ง ที่ ท า ง า น อ ยู่ ใ น พ ร ะ ร า ช วั ง สั ก ่ ่ เช่น สักปลาย เครืองหมายผิ ดกับไพร่ห ลวงอืนๆ ขนบไพร่ถือ ว่ า ลู กไพร่ต อ้ งเป็ นไพร่ต าม พ่อและต ้องอยู่สงั กัดเดียวกับพ่อของตนถึงจะมี สติปัญญาเฉี ยบแหลมเฉลียวฉลาดสักปานใด ก็ ต อ้ งเป็ นไพร่ใ ห เ้ ขาใช ้งาน ตรงกัน ข า้ มกับ ลูกขุนนางถึงจะโง่เง่า เป็ นเต่าตุ่นสักปานใด ก็ ระบบทหำร ไพร่ทุ ก ประเภท ไม่ ว่ า ไพร่ห ลวง ไพร่ ส มก าลัง ไพร่ ส่ ว ย ต อ ้ งออกรบ ้ ้ น ฐานะของไพร่ทออกรบถื ทังนั ี่ อว่าเป็ น พลไพร่หรือไพร่เลว อย่างเรียกในสมัยนี ้ ว่ า พ ล ท ห า ร ส่ ว น ต า แ ห น่ ง ้ั บ ผู บ ้ งั คับ บัญ ชาช นผู ้ งั คับ หมวดและผู ้ บัง คับ กองร ้อยนั้ น ต อ้ งเป็ นข า้ ราชการ ้ ้ จึงจะดารงตาแหน่ งนี ได ผู ้ ที่ อ อ ก ร บ มี ทั้ ง ฝ่ า ย ทหารและพลเรือ นเช่น ศึก มา ประชิด เมือ งใด ผู ว้ ่ า ราชการ เมือง (ตรงกับทีว่่ าทา้ วพระยา หัว เมือ ง) นั้ นตลอดกรมการ มู ล นายหรือ ผู ด ้ เมื ีที่มี ไ พร่ องเป็ นแม่ทพ ั นายกองเอง อยู่ ใ นสัง กัด ของตนต่ า งก็ ฝึ ก ไพร่กน ั เอง ไพร่คนใดอยากมี วิ ช าไว ต ้ ่ อ สู ป ้ ้ องกัน ตัว ทั้งใน เวลาสงบและเวลามี ศึก ก็ ฝึ ก เพลงอาวุธกับครูบาอาจารย ์ เช่น วิช ามวย กระบี่กระบอง ฟั น ดาบ ถ า้ เก่ง กล า้ สามารถประกอบ ่ ความกล ้าหาญเป็ นทียอมร ับนับถือ ่ ของเพือนไพร่ ด ้วยกันและมูลนายที่ ตนสังกัด ก็อาจเป็ นบันไดไต่เตา้ ขึน้ ้ั เป็ นมูลนายชนชนปกครอง ้ ไพร่นุ่ งผ้า พืนเหมื อ นอยู่ ก บ ั บ า้ น ไม่ มีร องเท า้ ไม่ ส วมเสือ้ ไม่ สวมหมวก มีโ พล่ ป ระจ าตัว คนละ อัน ส่ว นอาวุธ ประจาตัว ่ ดในการใช ้ ก็มต ี ามทีตนถนั เช่น พวกชานาญใช ้ดาบก็ มี ด าบ ใครช านาญหอก หลาวแหลนธนู หน้า ไม้ ก็ น า ไ ป ใ ช ้ใ น เ ว ล า ต่ อ สู ้ ้ น ขา้ ศึก ส่วนอาวุธปื นทังปื เ ล็ ก ปื นใ ห ญ่ ก็ เ ป็ น ข อ ง หลวงแจกจ่ายใหเ้ ฉพาะผู ท ้ ี่ ได ฝ ้ ึ กฝนการใช ้เป็ นพิเศษ เว น ้ แต่ โ พล่ ค งไม่ มี เพราะ ่ ยวก ่ ข้อสังเกตทีเกี ับทหำรเมือง ถลำง ่ ่ นเป็ น าค่ายทีนายทองพู 1. ขอ้ ความทีปรากฏว่ แม่ ก องมี พ ลไทยแขกหลายร อ้ ยคน มี ก รมการเป็ น ผูช ้ ว่ ยนั้น เช่น อาหร ับหรืออินเดีย และปรากฏว่าคนอยู่ ้ั ้นกินหรือสูบฝิ่ น เขา้ ใจว่าคงมีคนจีนร่วม เวรยามครงนั รบและเป็ นยามเฝ้ าป้ อมค่ายดว้ ย เพราะคนไทยในสมัย นั้นคงสูบฝิ่ นเป็ นน้อยเพราะราคาแพงและหายาก คนมี เงินจึงสูบฝิ่ นได ้ และคนจีนสูบฝิ่ นเป็ น ่ ยวก ่ ข้อสังเกตทีเกี ับทหำรเมือง ถลำง (ต่อ) 2. ทหารเมืองถลาง ในเวลาปกติคงสักเลกและ สังกัดมูลนายเช่นเดียวกัน ่ 3. เมืองถลางเมือแม่ ทัพคือคุณหญิงจันเป็ น ผูห้ ญิง ก็ต ้องมีทหารหญิง ไม่มข ี ้อสงสัย หญิงคงถนัด ใช ้ดาบการแต่งกายของ ่ หญิงทีออกรบหรื อทางาน หนัก นุ่ งผ้าโจงกระเบน ไม่ สรุปคุณงำมควำมดีของท้ำวเทพกระษัตรีทำ้ วศรีสุนทร (จ ัน-มุก) วิดโี อจำกกำร สัมภำษณ์ เชิญ ร ับชมได้เลยค่ะ สมาชิกในกลุม ่ ่ นายนนทวัฒน์ ถินสาคู เลขที่ 11 ห ้อง ว.561 นางสาวชนาพร ทศพงษ ์ เลขที่ 6 ห ้อง ว.561 นางสาวมลิวลั ย ์ หัสนี เลขที่ 21 ห ้อง ว. 561 นางสาวสุวนันท ์ เพ็ชรสาย เลขที่ 37