ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907 AJ.2 : Satit UP ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ.

Download Report

Transcript ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907 AJ.2 : Satit UP ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ.

Slide 1

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 2

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 3

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 4

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 5

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 6

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 7

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 8

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 9

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 10

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 11

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 12

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 13

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 14

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 15

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 16

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 17

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 18

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน


Slide 19

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty)
ค.ศ. 618 - ค.ศ. 907
AJ.2 : Satit UP

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ราชวงศ์ถงั มีเมืองหลวง คือ ฉางอาน(Chang’an) (เมืองซีอาน(Xian)ในมณฑลส่านซี(Shaanxi)ในปัจจุบนั )
- นครฉางอานเป็ นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น (เมืองที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลกตะวันออกในสมัยนั้น)
(เมืองฉางอันเป็ นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ อาทิ ฉิ น ฮันตะวั
่ นตก สุย ราชวงศ์จ้ นิ ตะวันออก)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
จักรพรรดิถงั ไท่จง(ถังไท่จงฮ่องเต้) (Taizong) ปฐมกษัตริยข์ องราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่น
นับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้นตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และ
สมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้า
เป็ นหนึ่ งเดียว
สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้

สมัยราชวงศ์สยุ

สมัยราชวงศ์ถงั

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนั ่ มาก อาณาจักรกว้างใหญ่เป็ นปึ กแผ่นนับตัง้ แต่ สมัยวุ่ยจิ้น(จิ้น
ตะวัตก-ตะวันออก) สมัยราชวงศ์เหนื อ-ใต้ และสมัยราชวงศ์สยุ
- เป็ นช่วงที่สร้างชาติของชนชาติจนี ได้หลอมรวมวัฒนธรรมชนเผ่าต่างๆ เข้าเป็ นหนึ่ งเดียว

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

การปกครอง
- เริ่มมีระบบบริหารงานแผ่นดิน
- “กระทรวง” “มณฑล” “จังหวัด”
- การปฏิรูปโครงสร้างการปกครอง ที่เน้นการรวมศูนย์อานาจเข้าสูส่ ว่ นกลาง เพือ่ ป้ องกันการก่อหวอดของผู ้
มีกาลังทหารอยู่ในมือดังที่ผ่านมา ข้าราชการท้องถิ่นไม่มีสทิ ธิเคลือ่ นพล ในภาวะสงคราม ส่วนกลางจะเป็ น
ผูส้ งระดมพลจากที
ั่
่ต่างๆ จากนั้นจัดส่งนายทัพไปบัญชาการรบ ภายหลังเสร็จศึก ทหารกลับสูก่ รมกอง แม่
ทัพกลับคืนสูร่ าชสานัก
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ ีการจ้าง
- สมัยราชวงศ์ถงั เปิ ดให้ประชาชนทัว่ ไปมีสทิ ธิเข้าสอบจอหงวน(สอบเข้ารับราชการ)
- ผูป้ กครองแห่งราชวงศ์ถงั ได้ขยายระบบ อย่างกว้างขวาง การสอบของรัฐได้ทดสอบความรูเ้ กี่ยวกับ
ความคิด บทกวีของขงจื้อและวิชาอืน่ ๆ การทดสอบใช้เวลานานและยาก คนส่วนใหญ่ท่เี ข้ามาทดสอบ
ประสบความล้มเหลว คนที่ผ่านการทดสอบของรัฐจะเป็ นนักปราชญ์ราชบัณฑิต ซึ่งเป็ นผูท้ ่ีมีการศึกษามี
ตาแหน่ งในรัฐบาล นักปราชญ์ราชบัณฑิตเกือบทัง้ หมดมาจากสังคมชัน้ สูง คนรวยส่วนใหญ่มีญาติทางานอยู่
ในรัฐบาลและญาติมกั จะช่วยกันเข้าทางาน โดยทัว่ ไป จะมีเพียงคนรา่ รวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายเงินเพือ่
การศึกษาที่จาเป็ นในการผ่านการทดสอบ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
มีฮอ่ งเต้หญิงคนแรกของประวัตศิ าสตร์จนี (จักรพรรดินี)
อูเ่ จ้า (Wu Zhao - woo jow) “ อูเ่ จ๋อเทียน ” หรือ บูเช็กเทียน (Wu Zetian) (ค.ศ. 624 – 705)
(มเหสีของจักรพรรดิถงั ไท่จง จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถงั )
ทรงส่งเสริมและให้ความสาคัญแก่พระพุทธศาสนามากกว่าลัทธิเต๋าในฐานะเป็ นศาสนาประจาชาติ จนจัดให้
มีการสร้างวัดและปฏิมากรรมในถา้ เช่น ถ้าผาหลงเหมิน

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ยุคที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรืองในจีน
- ยุคที่พทุ ธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองในจีน (พุทธศาสนานิ กายมหายานเจริญรุ่งเรื่องถึงขีดสุด)
- พระในพุทธศาสนาชาวญี่ปนุ่ ที่รบั วัฒนธรรมของราชวงศ์ถงั กลับไปยังประเทศของตน
- มีเครื่องดนตรี เช่น ขิมและขลุย่ ซึ่งมาจากการสวดมนต์ในศาสนาพุทธ
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen
Grottoes) เมืองลัวหยาง(Luoyang)

มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ
- มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบศาสนา
พุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎกพุทธศาสนา
นิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน และมาเผยแพร่ ทา
ให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของตานานไซอิว๋ (Journey to
the West)
- ศาสนาพุทธเริ่มขยายตัว วัดกว่า 4000 แห่ง
- ในช่วงปลายราชวงศ์เข้าสูย่ คุ ฟื้ นฟูวฒั นธรรมจีน ต่อต้านวัฒนธรรมที่มาจากภายนอก (นาลัทธิขงจื๊อกลับมา
มีบทบาทอีกครัง้ )

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang)
มีการส่งหลวงจีนยวนชาง หรือ เสวียนจัง้ หรือ พระถังซัมจัง๋ (Xuanzang ; Hieun Tsang) ไปสืบ
ศาสนาพุทธที่อนิ เดีย โดยเดินทางจาริกไปศึกษาพระไตรปิ ฎกในชมพูทวีปและอัญเชิญพระไตรปิ ฎก
พุทธศาสนานิ กายมหายานจากวัดนาลันทา(Nalanda) ประเทศอินเดีย นากลับมา แปลเป็ นภาษาจีน
และมาเผยแพร่ ทาให้พทุ ธศาสนาในสมัยราชวงศ์ถงั เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในเวลาต่อมา (เป็ นที่มาของ
ตานานไซอิว๋ (Journey to the West)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลงเหมิน
หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes) เมืองลัว่ หยาง(Luoyang)
มณฑลเเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- เกิดศิลปะในถา้ หินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถา้ หินหลงเหมิน หรือ ถา้ หินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ดุ

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

- เกิดศิลปะในถ้าหินต่างๆ
- นิ ยมสร้างพระพุทธรูป แกะสลักหิน เช่น ถ้าหินหลง
เหมิน หรือ ถ้าหินประตูมงั กร (Longmen Grottoes)
เมืองลัว่ หยาง(Luoyang) มณฑลเหอหนาน
(Henan)ซึ่งเป็ นงานแกะสลักหน้าผาใหญ่ท่สี ุด

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

ได้ช่ือว่าเป็ นยุคทองของอารยธรรมจีน
- ยุคถัง ซึ่งรุ่งเรืองเทียบได้กบั ยุคฮัน่
- เป็ นยุดที่มีความรุ่งเรื่องทัง้ ทางด้านเศรษฐกิจ การค้า สังคม ศิลปะ วรรณคดี
แสนยานุ ภาพทางทหาร และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ถือว่าเป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน ทุกประเภท ทางกวี จิตรกรรม
- ศิลปะแขนงต่างๆ มีความรุ่งเรือง
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี
- มีการติดต่อกับต่างชาติเช่น ญี่ปนุ่ เกาหลี อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับ
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ฝี มือของช่างในการผลิตเครื่องเคลือบมีคณ
ุ ภาพสูงกว่าเครื่องเคลือบที่ผลิตจากแหล่งอืน่ ๆ ทัว่ โลก
เครื่องเคลือบที่มีช่ือเสียงและเป็ นที่รูจ้ กั กันดีคอื “เครื่องเคลือบสามสี” (Three - colour wares )
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และ
ลัทธิเต๋า- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชื่อ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต
นักดนตรี และ จิตรกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋ (Li Bai : ค.ศ. 701-762) , ตูฝ้ ู้
(Du Fu : ค.ศ. 712 -ค770)
ช่วงต้น - เฉิ นจือ่ อ๋าง(Chen Zi'ang : ค.ศ. 661-702) กวีท่มี ีช่ือเสียงมากที่สดุ ช่วงต้นราชวงศ์ถงั
ช่วงกลาง - ไป๋ จวีอ้ (ี Bai Juyi : ค.ศ. 772–846) และ หยวนเจิน่
ช่วงปลาย - หลี่ ซังอิน่ และ ตูม้ ู่(ค.ศ. 803 -852)

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907

สิ้นสุดราชวงศ์ถงั
ราชวงศ์ถงั ช่วงหลังมีความวุ่นวายในด้านการเมืองภายใน การมีอานาจของขันที
และการลุกขึ้นต่อสูข้ องชาวนาเกิดขึ้นไม่ขาดสาย

ปลายสมัยราชวงศ์ถงั “ขันที” มีหน้าที่เป็ นตัวแทนพระองค์ออกตรวจกาลังพล ประกาศ
ราชโองการ ตรวจตราหนังสือกราบทูล ดูแลหน่ วยข่าวกรองและสืบราชการลับ และองค์
รักษ์วงั หลวงทัง้ หมด ทัง้ สามารถแต่งตัง้ โยกย้ายผูว้ ่าการทหารท้องถิ่น มีอทิ ธิพลล้นฟ้ า
อานาจในราชสานักจึงตกอยู่ในมือของเหล่าขันที จักรพรรดิราชวงศ์ถงั ในรัชกาลต่อมา
บ้างสิ้นพระชนม์ดว้ ยมือขันที และบ้างขึ้นสูร่ าชบัลลังก์ดว้ ยมือของขันที

ราชวงศ์ถงั (Tang Dynasty) ค.ศ. 618 – ค.ศ. 907
- ถังไท่จงฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์
- มีนครหลวงฉางอาน (เมืองซีอานในมณฑลส่านซีในปจั จุบนั )
- มีอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าราชวงศ์ฮนมาก
ั่
อาณาจักรกว้างใหญ่
- ฮ่องเต้หญิงคนแรกของประเทศจีน ซึง่ ก็คอื “อูเ่ จ๋อเทียน” (บูเช็กเทียน)
- สมัยนี้เป็ นยุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีนทุกประเภท
- ถือว่าเป็ นยุคทองของวัฒนธรรมจีนทางกวี จิตรกรรม
- ฝีมอื ของช่างในการผลิตเครือ่ งเคลือบมีคุณภาพสูงกว่าเครือ่ งเคลือบทีผ่ ลิตจากแหล่งอืน่ ๆทัวโลก

เครือ่ งเคลือบที่
มีชอ่ื เสียงและเป็ นทีร่ จู้ กั กันดีคอื “เครือ่ งเคลือบสามสี” ( Thee - colour wares )
- ก่อตัง้ ราชบัณฑิตยสถาน ชือ่ ฮันหลิน หยวน เพือ่ เป็ นศูนย์รวมเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิต นักดนตรี และจิตกร
- เป็ นยุคทองของกวีนิพนธ์จนี กวีคนสาคัญ เช่น หลีไ่ ป๋ ตูฝ้ ้ ู
- ภาพวาด/ภาพเขียน มีการใช้พกู่ นั สีและกระดาษภาพ ส่วนใหญ่ได้รบั อิทธิพลจากศาสนาพุทธ และลัทธิเต๋า
- การปรับปรุงกาแพงเมืองจีน ใช้วธิ กี ารจ้าง
- พัฒนาทางด้านการพิมพ์
-พระพุทธศาสนามีความเจริญรุง่ เรือง (พระถังซัมจั ๋งไปสืบพระพุทธศาสนาทีอ่ นิ เดีย)
- ศิลปะในถ้าหินต่างๆ (ถ้าหินหลงเหมิน - งานแกะสลักหน้าผาใหญ่ทส่ี ดุ )
- นิยมสร้างพระพุทธรูป ทัง้ หล่อสาริด แกะสลักหิน