กาพย์เห่เรือ

Download Report

Transcript กาพย์เห่เรือ

ผู้แต่ ง
เจ้ าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์ สุริยวงศ์ หรือ เจ้ าฟ้ากรมขุนเสนาพิทกั ษ์ ( เจ้ าฟ้ากุ้ง
)
พระราชโอรสพระองค์ แรกในสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวบรมโกศ ทรงเป็ นกวีเอกในสมัย
กรุ งศรีอยุธยาตอนปลาย
ผลงาน
ทางคดีธรรม มี 2 เรื่อง คือ นันโทปนันทสู ตรคาหลวง และพระมาลัยคาหลวง
ทางคดีโลก มี กาพย์เห่ เรือ กาพย์ ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
การเห่ เรือของไทย แบ่ งเป็ น 2 ประเภท
คือ
1. การเห่ เรือหลวง
2. การเห่ เรือเล่ น
1. การเห่ เรือหลวง มี 3 จังหวะ ดังนี้
1.1 ช้ าลวะเห่ มีทานองช้ า ใช้ เห่ เมื่อเรือเริ่มออกจากท่ า
1.2 มูลเห่
มีทานองเร็ว ใช้ เห่ ต่อจากช้ าลวะเห่ และ
เมื่อเรือพายทวนนา้
1.3 สวะเห่ ใช้ เห่ เมื่อเรือเทียบท่ า
2. การเห่ เรือเล่ น
เป็ นการเห่ สาหรับเล่ นเรือเทีย่ วเตร่ กนั
มี 2 จังหวะ คือ จังหวะจา้ และจังหวะปกติ
แต่ งเป็ นกาพย์ ห่อโคลง คือ
นาด้ วยโคลงสี่ สุภาพ 1
บท
ตามด้ วย กาพย์ ยานี 11
หลายบท
เมือ่ ขึน้ เนือ้ เรื่องตอนใหม่
สาย เห่ ชมปลา
มีการดาเนินเรื่องด้ วยการเห่ ชมเรือ
เช้ า เห่ ชมกระบวนเรือพยุหยาตรา
บ่ าย เห่ ชมไม้
เย็น เห่ ชมนก
คา่ เห่ ครวญ ถึงนางทีร่ ัก
การพรรณนาความตั้งแต่ ตอนชมปลาเป็ นต้ นไป จะมีการ
พรรณนาพาดพิง ไปถึงนางผู้เป็ นทีร่ ัก เข้ าลักษณะนิราศ
 ให้ ความรู้ ด้านต่ างๆ เช่ น ชื่อพันธุ์ไม้ พันธุ์นก
 สะท้ อนให้ เห็นขนบธรรมเนียมประเพณี ค่ านิยมของคนไทย
 มีคุณค่ าด้ านวรรณศิลป์ และด้ านสั งคม
1. ใช้ รูปแบบกาพย์ เห่ เรือเหมาะสมกับ
เนือ้ หาทีเ่ กีย่ วกับการเสด็จประพาส
ทางชลมารค
2. ใช้ ศิลปะการประพันธ์ และโวหารภาพพจน์
ที่ก่อให้ เกิดอารมณ์ สุนทรี เข้ าถึงความงดงามของธรรมชาติ
และก่ อให้ เกิดอารมณ์ สะเทือนใจ ดังนี้
- สัทพจน์ (เลียนเสี ยงธรรมชาติ)
พลพายกรายพายทอง ร้ องโห่ เห่ โอ้ เห่ มา
- เล่ นคำ
นวลจันทร์ เป็ นนวลจริง เจ้ างามพริ้งยิง่ นวลปลา
- ซ้ำคำ
เรื่อยเรื่อยมารอนรอน ทิพากรจะตกต่า
- ซ้ำคำเล่ นคำ
รอนรอนสุ ริยโอ้
เรื่อยเรื่อยลับเมรุ ลง
รอนรอนจิตจานง
เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ ว
อัสดง
คา่ แล้ ว
นุชพี่ เพียงแม่
คลับคล้ ายเรียมเหลียว
- อัพภำส (การซ้าอักษรหน้ าศัพท์ เช่ น ยิม้ - ยะยิม้ )
เสี ยงสรวลระรี่นี้
เสี ยงแก้ วพีห่ รือเสี ยงใคร
- สรรคำให้ เกิดภำพ
สุ วรรณหงส์ ทรงพู่ห้อย
งามชดช้ อยลอยหลังสิ นธุ์
- โวหำรภำพพจน์ กวีใช้ โวหารภาพพจน์ เพือ่ ก่ อให้ เกิดจินตภาพ
เช่ น
อุปมา : สรมุขมุขสี่ ด้าน
เพียงพิมานผ่ านเมฆา
อุปลักษณ์ : นา้ เงินคือเงินยวง
ขาวพรายช่ วงสี สาอาง
สั ญลักษณ์ : เรื่อยเรื่อยเรียมคอยแก้ ว คลับคล้ ายเรียมเหลียว
3. แทรกความคิดเชิงสร้ างสรรค์ ไว้ หลายตอน เช่ น
ความคิดเกีย่ วกับ ความงามของสตรี ว่ าต้ องงามพร้ อมทั้งรู ป
วาจา หน้ าตายิม้ แย้ ม และกิริยามารยาทงดงาม
สะท้ อนภาพชีวติ วัฒนธรรม ค่ านิยมของคนไทย
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ดังนี้
1. ในสมัยนั้นใช้ การคมนาคมทางนา้ เป็ นสาคัญ
2. มีประเพณีที่เกิดจากการคมนาคมทางนา้ คือ การเห่ เรือ
และศิลปะที่เกิดขึน้ เกีย่ วกับการทีพ่ ระมหากษัตริย์เสด็จประพาส
ทางชลมารค คือ วรรณศิลป์ (กาพย์ เห่ เรือ)
สั งคีตศิลป์ (ลานาการเห่ เรือ) เป็ นต้ น
3. วัฒนธรรมการแต่ งกายของหญิงชาววังในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา
เช่ น
คิดอนงค์ องค์ เอวอร ผมประบ่ าอ่ าเอีย่ มไร
เพียนทองงามดัง่ ทอง
ไม่ เหมือนน้ องห่ มตาดพราย
4. สะท้ อนความเชื่อเกีย่ วกับกรรมสนองกรรม เช่ น
เวรามาทันแล้ว จึงจาแคล้วแก้วโกมล
และค่ านิยมเกีย่ วกับความงามของสตรี เช่ น
งามทรงวงดั่งวาด งามมารยาทนาดกรกราย
งามพริ้มยิม้ แย้ มพราย
งามคาหวานลานใจถวิล
5. ให้ ความรู้เกีย่ วกับขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ชื่อปลา
ชื่อไม้ ชื่อนก เช่ น นวลจันทร์ คางเบือน แก้มช้า /
นางแย้ ม จาปา ลาดวน / สร้ อยทอง สาลิกา แขกเต้ า แก้วฟ้า
ความรู้เกีย่ วกับเทพนิยาย เช่ น
ครุฑยุดนาค - พาหนะของพระนารายณ์ คือ ครุฑ
1. ให้ นักเรียนเลือกบทประพันธ์ ที่ชอบจากเรื่องกาพย์ เห่ เรือมา
4-8 บท หรือจนจบเนือ้ หาตอนที่ชอบ
2. บอกเหตุผลทีช่ อบ
3. วิเคราะห์ คุณค่ า
3.1 ด้ านวรรณศิลป์
3.2 ด้ านสั งคม
4. ทาในกระดาษ A4 ในรูปแบบแผ่ นพับ 3 ตอน
5. ส่ งภายใน 1 สั ปดาห์ หลังจากที่เรียนเรื่องนีจ้ บ