อุดมคติของชีวิต

Download Report

Transcript อุดมคติของชีวิต

บทที่ 3
อุดมคติของชีวติ
ในกระแสนำ้ ที่ไหลเชี่ ยว ปลำย่ อมจะ
ว่ ำยทวนนำ้ เสมอ ปลำที่ลอยตำมนำ้ มีแต่
ปลำตำย มนุ ษ ย์ จ ะต้ อ งต่ อ ส้ ู อุ ป สรรค
เหมือนปลำที่ว่ำยทวนนำ้ ผ้ ูที่ปล่ อยโชค
ชะตำไปตำมเหตุกำรณ์
ก็เหมือนปลำที่ตำยแล้ ว. . .
ธรรมชำติมนุษย์ เอือ้ ต่ อกำรพัฒนำสู่ ควำมสมบูรณ์
ควำมไม่ ร้ ู  ควำมรู้
อวิชชำ
 วิชชำ
ควำมต้ องกำร 2 ชนิด
1) ตัณหำ  อวิชชำ
2) ฉันทะ  ปัญญำ
 ธรรมชำติมนุษย์ เป็ นตัวกำหนดพฤติกรรมในสั งคม
ถ้ ำขอพรได้ 1 ข้ อ เรำจะขออะไร?
อดุ มคติของชีวติ
-ความสุ ขในโลกหน้า
-ความสุ ขในโลกนี้
ควำมสุขในโลกหน้ ำ
-คริ สต์ศาสนา
-ศาสนาอิสลาม
ควำมสุขในโลกนี้
สสำรนิยม
อบส์ (1588 – 1679)
กำรกระทำทุกอย่ำงของมนุษย์นั้นเพื่อตัวเอง ทั้งสิ้น
โ สต์ : ทำตำมใจฉันนั่นคือควำมสุข
โพรธำโกรัส (กค 485? – 411?)
“มนุษย์เปนเครื่องวัดสรรพสิ่ง”
จำรวำก : ควำมสุขทำงโลก ลัทธิเสพสุข
อัตนิยมของทอมัส อบส์
(Thomas Hobbes)
- เป็ นนักปรัชญำกำรเมือง
-มีควำมเชื่อว่ ำ “ธำตุแท้ ของมนุษย์ น้ันชั่วร้ ำย เห็นแก่ ตวั
หรือล้ วนแต่ คำนึงถึงประโยชน์ ตัวเองเป็ นสำคัญ”
-กฎเกณฑ์ ีลธรรมทั้งหมดหรือแม้ แต่ ควำมรู้สึกเห็นอก
เห็นในผู้อนื่ ล้ วนแล้ วแต่ เกิดจำกควำมกลัวทั้งสิ้น
- ในสภำพธรรมชำติ เป็ นสภำพของ
สงครำม มนุษย์ ทำร้ ำยกันได้ อย่ ำงเสรี
- คนต้ องกำรควำมสงบสุ ข จึงนำไปสู่ กำรทำ
สั ญญำประชำคมร่ วมกัน
- ควำมดี ีลธรรม ควำมเชื่อทำง ำสนำ ไม่
มีอยู่จริง เป็ นแต่ เพียงสิ่ งที่สมมติขนึ้ เพือ่
ประโยชน์ ในชีวติ
โซฟิ สต์ (Sophists)
- มีท่ำทีสงสั ยต่ อควำมสำมำรถ
ในกำรเข้ ำถึงหรือมีควำมรู้ ใน
ควำมจริงเกีย่ วกับ
โลกภำยนอกของมนุษย์ เรียกท่ ำทีเช่ นนีว้ ่ ำ
วิมตินิยม (Scepticism)
- ไม่ มีควำมจริงที่แน่ นอนตำยตัว
- “ คนเป็ นผู้วดั ทุกสิ่ งทุกอย่ ำง ” (Man is the
measure of all things)
- ควำมดี ชั่ว ถือเป็ นเรื่องควำมรู้ สึกชอบ หรือไม่
ชอบของแต่ ละบุคคล (สั มพัทธนิยม)
- ชีวติ ที่ประเสริฐ คือ ชีวติ ที่ประสบควำมสำเร็จ
จำรวำก
"ไม่ มี ส วรรค์ ไม่ มี ค วำมหลุ ด พ้ น ครั้ ง สุ ด ท้ ำ ย ไม่ มี
วิญ ญำณในโลกอื่น กำรกระท ำของวรรณะทั้ ง สี่ หรื อ ของ
สมณะ เป็ นต้ น ไม่ ส ำมำรถจะบั ง เกิ ด ผลจริ ง ใดๆขึ้น มำได้
อัคนีโหตระ เวททั้งสำม ไม้ เท้ ำทั้งสำมของฤๅษี กำรทำตัวเอง
ด้ วยขีเ้ ถ้ ำ เป็ นกำรกระทำเพื่ออำชี พธรรมดำๆอย่ ำงหนึ่ง ของ
คนที่ขำดควำมรู้ และควำมเป็ นลูกผู้ชำย ถ้ ำสั ตว์ ที่ถูกฆ่ ำในพิธี
บูชำยัญ(ชโยติษโฏมะ)ไปสวรรค์ จริ ง ทำไมผู้กระทำกำรบูชำ
ยัญจึงไม่ เอำบิดำมำรดำของตนฆ่ ำบูชำยัญแทนสั ตว์ เหล่ ำนั้น
เพือ่ ให้ แน่ ใจว่ ำวิญญำณบิดำมำรดำของตนจะได้ ขนึ้ สวรรค์ ...
ถ้ ำเทวดำบนสวรรค์ พอใจในพิธี รำทธ์ ึ่งทำกัน
ในโลกมนุ ษย์ ทำไมเรำจึงไม่ ต้ังจำนอำหำรไว้ ช้ั นล่ ำง
ของบ้ ำนให้ คนที่อยู่ช้ั นบนกินเล่ ำ เมื่อชี วิตยังมีอยู่ทุก
คนควรครองชีวติ ให้ มีควำมสุ ข บุคคลควรกินฆี(น้ำมัน
เนย) แม้ ว่ำจะกู้หนีย้ ืมสิ นเขำมำ เมื่อร่ ำงกำยของเรำถูก
เผำเป็ นเถ้ ำถ่ ำนไปครั้งหนึ่งแล้ ว มันจะกลับคืนมำเกิดใน
โลกนีอ้ ีกได้ อย่ ำงไร พิธีกำรต่ ำงๆที่พรำหมณ์ ทำนั้นเป็ น
เพียงวิธีกำรหำเลีย้ งชีพอย่ ำงหนึ่งเท่ ำนั้น ผู้เขียนคัมภีร์
พระเวทขึน้ ล้ วนแต่ เป็ นคนโง่ คนโกง และผีร้ำยทั้งนั้น"
มิลล์ : ควำมสุขทำงใจ
มนุษย์  ใจ
สัตว์  กำย
ปญญำนิยม: ควำมสุขทำงปญญำ
โสเครติส (469 – 399 กค .)
เพลโต (427 – 347 กค .)
อริสโตเติล (384 – 322 กค .)
“Man is Rational Animal”
ปัญญำนิยม
-มนุษย์ มี 2 ส่ วน คือร่ ำงกำยและวิญญำณหรือจิต
-ในวิ ญ ญำณหรื อ จิ ต นี้ สิ่ ง ส ำคั ญ ที่ สุ ดก็ คื อ ปั ญ ญำ
ปั ญ ญำทำให้ มนุ ษย์ แตกต่ ำงจำกสั ตว์ โ ลกชนิดอื่นๆ
“มนุษย์ เป็ นสัตว์ ทมี่ ีเหตุผล”
- ชี วิตที่สมบูรณ์ และมีค่ำคือชี วิตที่หันเข้ ำสู่ สำระหรื อ
ธำตุแท้ ของตน และนั่นก็คือกำรแสวงหำควำมรู้และ
ควำมจริง
โสกรำตีส (Socrates)
- ปรัชญำควรสนใจปัญหำชีวติ ของมนุษย์ มำกกว่ ำ
ปัญหำโลกหรือจักรวำล
- มีควำมจริงหรือหลักเกณฑ์ ที่แน่ นอนตำยตัวดำรง
อยู่ด้วยตัวมันเอง ไม่ ขนึ้ กับมนุษย์
- กำรกระทำที่ดีงำม คือ กำรกระทำทีส่ อดคล้ องกับ
ควำมจริงทีต่ ำยตัวนี้ ดังนั้นควำมรู้ควำมจริงจึงเป็ น
สิ่ งจำเป็ นและมีค่ำทีส่ ุ ดสำหรับมนุษย์
- มนุษย์ สำมำรถเข้ ำถึงควำมจริงได้ ด้วยเหตุผล
- ความรู้เป็ นฐานรองรับความประพฤติดี
“ คุณธรรมคือความรู้ ” คือ คนรู้ผดิ ชอบชัว่ ดี ย่อมทา
ความดี ไม่มีใครทาชัว่ ทั้งๆที่รู้วา่ ชัว่
-มนุษย์ ควรให้ ควำมสำคัญกับกิจกรรมทำงจิต
(กำรใช้ ปัญญำหรือเหตุผลใคร่ ครวญ) มำกกว่ ำร่ ำงกำย
- ชีวติ ทีด่ ี คือ ชีวติ ทีใ่ ช้ เหตุผลและปัญญำในกำรแสวงหำ
สั จธรรมและคุณธรรม
เอพิควิ รัส : ควำมสุ ขอยู่ทกี่ ำรประมำณตน
ความอยากของมนุษย์ แบ่ งได้ เป็ น 3 ประกำรคือ
1. ควำมอยำกทีเ่ กิดขึน้ ตำมธรรมชำติและเป็ นสิ่ ง
จำเป็ น เช่ น อำหำร เครื่องนุ่งห่ ม ยำรักษำโรค ฯลฯ สิ่ งเหล่ ำนี้
มนุษย์ จะหลีกเสี ยมิได้ จำเป็ นต้ องแสวงหำ
2. ควำมอยำกทีเ่ ป็ นไปตำมธรรมชำติแต่ ไม่ จำเป็ นสำหรับชี วติ มนุษย์
เช่ น ควำมต้ องกำรทำงเพ สิ่ งเหล่ ำนีค้ วรดำเนินสำยกลำง
3. ควำมอยำกทีม่ ิได้ เป็ นไปตำมธรรมชำติและไม่ จำเป็ นสำหรับ
มนุษย์ เช่ น ของ ุ่ มเ ื อยต่ ำงๆ ชื่อเสี ยงเกียรติย สิ่ งเหล่ ำนีค้ วรละ
เว้ น
นิ นิค : ควำมสุขอยู่ที่ควำมไม่ต้องกำรอะไร
สโตอิค : ควำมสุขอยู่ที่ควำมพอใจในสิ่งที่มี
อดทน  อดกลั้น  ยุติธรรม
ประโยชน์นิยม : ควำมสุขของคนจำนวนมำกที่สุด
เอ็ก ิสเท็นเ ียลลิสม์ : เสรีภำพ ำร์ตร์ (1905)
มนุษย์นิยม : ควำมสุขคือกำรสร้ำงสมดุลให้แก่ชีวิต
วิมุตินิยม
- สำระของชี วิ ต คื อ ควำมสงบทำงใจมิ ใ ช่
ควำมสุ ขสบำยทำงร่ ำงกำย
-เน้ นเรื่องกำรดับควำม
ต้ องกำรและกำรเอำ
ชนะตนเอง
- ควำมพอใจของมนุษย์ คอื ควำมพอดีระหว่ ำงสิ่ งที่
เรำมีกบั สิ่ งที่เรำต้ องกำร
ควำมพอดี = สิ่ งทีเ่ รำมีอยู่
สิ่ งที่เรำต้ องกำร
- ตัวอย่ ำงนักปรัชญำ ินนิค(Cynic), สโตอิก
(Stoic)
ินนิค(Cynic)
- Cynic มำจำกภำษำกรีกว่ ำ “Kunos” = “Dog-Like”
- “มนุษย์ ควรหำกินอย่ ำงสุ นัข หิวก็กนิ อยำกนอนทีใ่ หนก็
นอน”
- โลกนีเ้ ต็มไปด้ วยควำมเลวร้ ำยและควำมทุกข์ มนุษย์ จึง
ควรหลีกหนีสังคมไปใช่ ชีวติ อย่ ำงเรียนง่ ำย (สั นโดษ)
- เข้ ำใจว่ ำกำรใช้ ชีวติ ของโ ครำตีสที่ปรำ จำกกิเลส เป็ น
จุดหมำยปลำยทำง(End) มีคุณค่ ำในตัวมันเอง
- ตัวอย่ ำงนักปรัชญำ ไดโอจีนีส(diogenes)
สโตอิค(Stoicism)
- แนวคิดหลักๆ คล้ ำยกับของ ินนิค แต่ ไม่ สอนให้ หนีสังคม
- สอนไม่ ให้ ตกเป็ นทำสของสิ่ งเย้ ำยวนต่ ำงๆ มนุษย์ ต้องเรียนรู้ ทจี่ ะ
เพิกเฉยต่ ออิทธิพลภำยนอกทั้งร้ ำย ดี-ชั่ว อยู่ทตี่ วั เรำเอง
- ทุกสิ่ งทุกอย่ ำงดำเนินไปตำมกฎแห่ งเหตุผล ถ้ ำเรำใช้ เหตุผล เรำก็
จะเข้ ำใจธรรมชำติและยอมรับทุกอย่ ำงทีเ่ กิดขึน้ ได้
- ตัวอย่ ำงนักปรัชญำ เ โน(Zeno), เอพิคเตตัส(Epictetus),มำร์ คสั
ออเรลิอสั (Marcu Aurelius)
ประโยชน์ นิยม(Utilitarianism)
คือ ทั นะที่ ถือ ว่ ำ หลัก กำรที่
จะตัดสิ นกำรกระทำอันใดอันหนึ่ง
ว่ ำถูกหรื อผิด ชอบหรื อไม่ ชอบอยู่
ที่ ผ ลที่ จ ะได้ รั บ ถ้ ำ กำรกระท ำใด
เกิดผลที่ให้ ประโยชน์ สุขมำกกว่ ำ
กำรกระทำนั้นก็ดีกว่ ำและเป็ นสิ่ งที่
ควรกระทำ
-สิ่ งที่ควรทำคือสิ่งที่ก่อให้ เกิดประโยชน์ สุขมาก
ทีส่ ุ ดและเกิดทุกข์ น้อยทีส่ ุ ดแก่คนจานวนมาก
ทีส่ ุ ด ึ่งต้ องนับควำมสุ ขของคนทุกคนที่จะเกิด
จำกกำรกระทำนั้นร่ วมทั้งของตนเองด้ วย
หลักมหสุข ( The Greatest Happiness
Principle )
อัตถิภำวนิยม(Existentialism)
เอ็ก ิ สเท็นเชี ยลลิสม์ หรื อปรั ชญำอัตถิ
ภำวนิยมเป็ นปรั ชญำยุโรปที่ทรงอิทธิพลมำกที่สุด
สำนักหนึ่งในคริ สต์ ตวรรษที่ 20 และเกิดขึน้ จำก
สำนึกในควำมล่มสลำยของวัฒนธรรมทำงจิตใจใน
ประเท ยุโรป ขณะที่ควำมรู้ ทำงวิทยำ ำสตร์ และ
เทคโนโลยีก้ำวหน้ ำอย่ ำงมำก
- ค ำว่ ำ “Existential” แปลว่ ำ การมี อ ย่ ู ด ารงอย่ ู
ของชีวิต
- มนุ ษย์ ในยุคปั จจุ บันเป็ นมนุ ษย์ ที่สูญเสี ยควำม
เป็ นตัวของตัวเอง
- ไม่ เห็ นด้ วยกั บ ยุ ค ของวิ ท ยำ ำสตร์ และ
เทคโนโลยี
- ไม่ เห็นด้ วยกับแนวคิดทำงปรั ชญำในอดีตที่ มีมำ
ก่อนหน้ ำนี้
- เรี ยกร้ องให้ มนุ ษย์ หันกลับมำสู่ การเป็ นตัวของ
ตัวเอง
- กำรกลับมำสู่ ตัวเรำก็คือ กำรตระหนักถึงธำตุแท้
ของมนุษย์ และธำตุแท้ ของ
มนุษย์ น้ันก็คอื “เสรี ภาพ”
- แบบแผน กฎเกณฑ์ ี ลธรรม เป็ นสิ่ งที่มนุ ษย์ สร้ ำง
ขึน้ เรำควรทำในสิ่ งที่เรำอยำกทำ ไม่ มีเกณฑ์ ตำยตัว
ใดๆ ทีจ่ ะตัดสิ นได้ ว่ำอย่ ำงไร ผิด ถูก ชั่ว ดี
จงทาตามความร้ ูสึก
- “เสรี ภาพต้ องมาพร้ อมกับความรั บผิดชอบ”
มนุษย์ นิยม
คือ ทั นะที่เ สนอให้ มนุ ษย์ มองชี วิต
อย่ ำ งรอบด้ า น ไม่ สุ ด โต่ ง ไปด้ ำ นใดด้ ำ น
หนึ่ง มีลักษณะเป็ นกำรลอมชอมระหว่ ำง
ทั นะต่ ำ งๆ หรื อ ระหว่ ำ งสิ่ ง 3 สิ่ ง คื อ
ควำมสุ ข ควำมสงบ และควำมรู้ สึก
- ชี วิต มนุ ษย์ ั บ ้ อนเกิน กว่ ำจะใช้
สูตรใดสูตรหนึ่งมำอธิบำย
- เน้ นกำรสร้ ำงดุลยภำพในชีวติ
ปรัชญาทัว่ ไป
Page 68