ชื่อเรื่อง - คณะเกษตรศาสตร์

Download Report

Transcript ชื่อเรื่อง - คณะเกษตรศาสตร์

ั
ั
วิชา สมมนาส
ตวศาสตร์
117 491
ั
ภาควิชาสตวศาสตร์
คณะเกษตรศาสตร์
สัมมนาคืออะไร
ทาไมต้องทาสัมมนา
บทความ VS. งานทดลอง VS.
สัมมนา ??
http://jas.fass.org/
http://jds.fass.org/
http://ags.kku.ac.th/kaj
http://www.sciencedirect.com
นาเสนอแนวคิด การวิเคราะห ์ของตนเอง
แก่ผูอ
้ น
ื่
 ฝึ กการอภิปรายและมุมมองที่
หลากหลายทาให้เกิดการพัฒนา และ
ความกว้างขวางทางวิชาการ
 ฝึ กให้มรี ะบบและมีแผนงานในการ
ทางาน ต้องมีเหตุผลสนับสนุ นแนวคิดของ
ตนเองเสมอ
 เรียนรู ้และเสริมสร ้างบุคลิกภาพใน
่ กต้อง
การนาเสนอผลงาน การซ ักถามทีถู
เหมาะสม
สาเร็จ
• ต้องมีทศ
ั นคติทถู
ี่ กต้องในการ
เขียน
• งานเขียนเป็ นงานยากสาหร ับ
แทบทุกคน
• งานเขียนเป็ นทักษะ
่
่ จะ
่
• ต้องมีความรู ้เกียวกั
บสิงที
เขียนเพียงพอ
้
หลักพืนฐานในการเขี
ยนมี 2
ข้อ
่
่ เรามี
่
เขียนเกียวกั
บสิงที
ความรู ้ มีความสนใจ
่ อ
เขียนเพือผู
้ า
่ นเสมอ
การเตรียมตัวก่อนการเขียน
(Pre-Writing)
่
1. การเลือกหัวข้อเรือง
2. การเลือกผู อ
้ า
่ น
่
หลักการเลือกหัวข้อเรือง
สัมมนา
่
• เป็ นเรืองใหม่
ทยั
ี่ งไม่มใี ครเคย
เขียนมาก่อน
่
่ มุมมองใหม่ท ี่
• หรือเป็ นเรืองเก่
าทีมี
่
น่ าสังเกตกว่าทีทราบกั
นอยู ่
่
่ องใช้
• ต้องเป็ นเรืองที
ต้
ความสามารถในการวิเคราะห ์
ประเมิน เปรียบเทียบ หรือรวบรวม
วิธก
ี ารเลือกหัวข้อเรืองสัมมนา
้
่
•ตังขอบข่
าย (scope) ของหัวเรือง
คร่าวๆ
่ อไปนี ้
•ก่อนเลือกหัวข้อใด ให้ตอบสิงต่
ให้ได้
่
1) สาเหตุของการเลือกเรืองดั
งกล่าว
2) อะไรคือประเด็น (argument)
่
ของเรือง
3) ต้องการเรียกร ้อง (claim) หรือ
ต้องการให้ผูอ
้ า
่ นทราบอะไร
การอ่านเพือค้นคว้าข้อมู ล
่ ับใจความสาคัญ
•การอ่านเพือจ
(Skimming)
่
•เพือให้
ทราบถึงสาระกว้างๆ ของ
้
ข้อเขียนนันๆ
่
่
•เพือให้
ทราบถึงหัวเรือง(topics)
แนวความคิด หรือ
•ข้อคิดเห็นหลัก (main idea)
่
•เพือให้
ทราบถึงใจความหลัก
่ บ
ข้อแนะนาในการอ่านเพือจั
ใจความสาคัญ
่ อง(title)
่
•อ่านชือเรื
•อ่านบทนา (introduction)
•อ่านหัวข้อหลัก(headings) และหัวข้อ
รอง (sub-headings)
•สังเกตรู ปภาพ แผนภู ม ิ หรือ กราฟ
•อ่านบทสรุปในย่อหน้าสุดท้าย
•อ่านบทคัดย่อ
การเตรียมการเขียน
การระดมความคิด (brain storming)
้ั าถามให้สม
่
ให้ตงค
ั พันธ ์กับหัวข้อเรือง
สัมมนา ในลักษณะของ
่
่
ใคร, ทาอะไร, ทีไหน,
เมือไร,
อย่างไร,
ท
าไม
?
การแจกแจงหัวข้อ (making list)
- ควรแจกแจงประเด็น ไม่ตอ
้ งวิตกว่า
จะต้องแยกรายละเอียดใหญ่กอ
่ น
รายละเอียดย่อย
่ กอย่างทีนึ
่ กออก เพือ
่
- แจกแจงทุกสิงทุ
เป็ นการสะสมว ัตถุดบ
ิ ในการเขียน
การเขียนโครงร่าง (outline)
-นาหัวข้อ ประเด็นความคิด
ต่างๆมาเรียง
-จัดรวบรวมเป็ นกลุ่ม หรือ
หัวข้อ
่
-เรียงจาก ประเด็นทัวไป
ประเด็นเน้น
ประเด็นสนับสนุ น
(แผ่นแรก)
่ องไทย
่
ชือเรื
่
่ องอ
ังกฤษ…
ชือเรื
่ น
ชือผู
้ าเสนอสัมมนา
่
่ กษา
ชืออาจารย
์ทีปรึ
บทคัดย่อ
….
….
คาสาคัญ: 3-4 (คาไทย , อ ังกฤษ เรียงตาม
คานา
สอง)
(แผ่นที่
………………...
้ อง
่ (แจกแจงชือหั
่ วข ้อย่อย เรียง )
เนื อเรื
ประเด็น
่
ทัวไป
ประเด็
น
ประเด็นย่อย2… สนับสนุ น
ประเด็นเน้น
ประเด็นย่อย1…
ประเด็นย่อย3…
สรุป
ั
•สรุปหล ักการเขียนสมมนา
่ นประกอบ •
•สว
ื่ เรือ
-ชอ
่ ง
(Title)
ื่ ผู ้
-ชอ
ั
สมมนา
(Author)
-บทค ัดย่อ
(Abstract)
จุดประสงค์
-เป็นเรือ
่ งทีก
่ าล ังใหม่นา
่ สนใจ
้ ใหม่ ไม่ใช่
-เป็นเรือ
่ งทีเ่ ขียนขึน
เรือ
่ ง ทีค
่ ัดลอกมา
ื่ แรกเป็นผูเ้ ขียนหรือ ระบุ
-ชอ
ผูเ้ ขียน
้ หาทีค
-เป็นเนือ
่ รอบคลุมตงแต่
ั้
บท
้ หาทงเรื
นาไปถึงสรุป จะเห็นเนือ
ั้ อ
่ ง
อย่างย่อ
-คานา
-บอกความเป็นมาของการ
(Introductio เขียน
-บอกผลงานทีเ่ คยทามา มี
n)
ความสาค ัญและปัญหา
ั ันธ์ชอ
ื่ เรือ
อย่างไร สมพ
่ ง
-บอกว ัตถุประสงค์ในการ
ั
เขียนสมมนาเรื
อ
่ งนี้
้ เรือ
-เนือ
่ ง
(Body)
-อธิบายประเด็นย่อยต่างๆที่
เกีย
่ วข้อง
-จ ัดแยกกลุม
่ ความคิด
ในทางเดียวก ันและตรงข้าม
้
-มีแหล่งอ้างอิงทังแนวคิ
ด
สน ับสนุนและค้านโดย
รวบรวมสรุป(ใคร ทาอะไร ผล
อย่างไร)
ั
-มีการสงเคราะห์
และสรุป
-สรุปงานเขียนให้
-สรุป
ั
ตามลาด ับ
(Conclusio ชดเจน
ประเด็นย่อย
n)
-เอกสารอ้างอิง
•(References)
-สรุปให้สอดคล้องก ับ
ื่ เรือ
ชอ
่ ง
-อย่
เปิงดประเด็
ใหม่
่ น
-ระบุแาหล่
ข้อมู ลทีน
ามาอ้
างอิง
-สามารถน
บค้อ
ข้อมู่ ล
หรือกล่าาไปสื
วในเรื
่ นงที
่ อ
ต่
อ
ไปได้
ใ
นกรณี
ท
ผู
ี
้ า
่ นต้องการ
ไม่ได้ทามา
่ ไม่ขาด
-ระบุให้ตรงกับในเรือง
ไม่เกิน
-มีหรือไม่มไี ด้ เป็ นคาขอบคุณ
(Acknowle ให้กบ
ั ผู ท
้ ช่
ี่ วยเหลือ
dgment)
-ขอบคุณแหล่งทุน
่
่
-อย่ากล่าวพราเพรื
อ
่
•คาสาคัญ
-เป็ นคาทีแสดงถึ
งจุดเด่นของ
่
่ ยน
•Key word เรืองที
เขี
-มีความสาคัญต่อการสืบค้น
ข้อมู ล
-มักจะแสดงไว้ ประมาณ 4-5
คา
-คานิยม
หลักการเขียนคานา
1.บอกความเป็ นมาคร่าวๆ และไม่
่
ควรเยินเย้
อ
2.กล่าวถึงปั ญหาและเหตุผลที่
่
ต้องศึกษา มีลาดับเกียวข้
องกับ
่
หัวข้อเรือง
่
3.บอกวัตถุประสงค ์เรืองหรื
อ
่
ขอบเขตทีจะท
า
้ องในแต่
่
หลักการเขียนเนื อเรื
ละย่อหน้า
่
้ น
แสดงประเด็นสำคัญและผลทีจะประกอบขึ
นเป็
้ ้
การเขียนแต่ละย่อหน้
สัามมนำชินนี
ในหนึ่งย่อหน้าจะเป็ นการกล่าวถึงเพียงประเด็น
เดียว (one idea)
่
ชือประเด็
น A…
่
่
้
ประโยคหัวเรือง(น
าเรือง)……..
ประโยคเนื อ
่
้ เสริ
่ มแนวคิดและค้าน
เรืองย่
อย(main idea)ทังที
แนวคิดของ
่
เรือง……
…………………………………………
……………………………………………………
ประโยคสรุป(แสดงทิศทางของประเด็นA)…...
่
#ปิ ดท้ายด้วยตารางหรือรู ปภาพ(อาจแทรกอยู ่เรือง
้ องในแต่
่
เนื อเรื
ละประเด็น(ย่อหน้า)
่ ันและก ัน (หากจะเสนอข้อแย้งควรนาไว้
1.สนับสนุ นซึงก
่ ัดเจน(เขาทา
ต่อท้ายก่อนประโยคสรุป) มีรายละเอียดทีช
อย่างไร และมีผลอย่างไร) โดยมีการอ้างอิงช ัดเจน
(reference)
่
2.กล่าวติดต่อก ันได้เป็ นเรืองราว
อาจใช้หลักการจัดกลุ่ม
่
ตามลาดับเวลา, การใช้คาเชือม,
การจัดลาดับ
ความสาคัญ ฯลฯ
่
3. ลักษณะสัมมนาคุณภาพตา
่
-หลีกเลียงสั
มมนาแบบแปล-ตัดแปะ
-สัมมนา Sale man
่ องการ
- สัมมนาCode ข้อความทีต้
-สัมมนา Code references
-สัมมนา Text
่
่
4.ร ับผิดชอบทุกคาพู ดทีปรากฏในเรื
อง
่ Adviser ต้องแน่ ใจว่าเป็ นงานทีท่
่ านสร ้าง
การอ้างชือ
่
-ไม่ใช่การย่อเรือง
้ อเรื
้ อง
่ ไม่ม ี
-ไม่ใช่เขียนซาเนื
อ้างอิง
้ อง
่
-เป็ นการสรุปสังเคราะห ์เนื อเรื
อย่างรวบร ัดหรืออาจมีตวั เลข
แนะนา
-บทสรุปต้องสนับสนุ น ตอบ
่ องและวั
่
คาถามชือเรื
ตถุประสงค ์ได้
ครบถ้วน
1.เขียนให้กบ
ั บุคคลหรือ
่
หน่ วยงานทีช่วยเหลือเรา
อย่างมาก เช่นหน่ วยงาน
ภายนอก เจ้าของทุน
2.ไม่ควรเขียนยืดยาว หรือ
เพ้อเจ้อ
3.คานิ ยมอาจมีหรือไม่มก
ี ็
ได้
หลักการเขียนบทคัดย่อ
1 .บทคัดย่อมาก่อนคานา
้
•2 .ย่อทุกๆส่วนของสัมมนา (คานา, เนื อ
่
เรือง,
สรุป) โดยเรียงลาดับเช่นเดียวกับ
้
เนื อหา
่ อ
3.เมือผู
้ า
่ นๆบทค ัดย่อจบแล้ว ต้องมอง
ภาพรวมของสัมมนาออก(ทราบว่าทาหรือ
ทดลองอะไร ผลเด่นๆมีอย่างไร สรุปผลที่
ใช้ได้)
4 .ไม่ควรยาวจนเกินไป (ไม่ควรเกิน1
หน้ากระดาษ A4)
5 .บทคัดย่อไม่มต
ี าราง, ภาพ, การอ้างอิงใด
่ อยู
่ ่
6.ไม่มส
ี ่วนของข้อมู ลหรือแนวคิดอืนที
้ อง
่
หลักการเขียนอ้างอิงในเนื อเรื
-ให้อา้ งอิงระบบของ Journal of
Animal Science , Journal of
Dairy Science และแก่นเกษตร
-เขียนอ้างอิงเอกสารภาษาไทย
ก่อนภาษาอ ังกฤษ
่
1. การเขียนอ้างอิงทีตอนต้
นของประโยค
ตัวอย่างเช่น
สุวรรณ(2530) พบ
ว่า.............................................
สุวรรณและช ัยยุทธ (2534) รายงาน
ว่า..................
สุวรรณ และคณะ (2532) พบว่า...........
่
ซึงสอดคล้
องก ับรายงานของ สมช ัย (2530)
่
ซึงรายงานว่
า.....................
Owsley (1981) พบ
ว่า...........................................
Brooks and Cole (1972) รายงาน
ว่า...........
้ เห็น
Nelssen et al. (1994) ชีให้
ประโยค
ตัวอย่างเช่น
่
เรือง.......................................(Ow
sley, 1981)
่ ..................(Brooks and
เรือง
Cole, 1972 ; Owsley, 1981;
Nelssen et al., 1994)
้
** ในกรณี ทผู
ี่ เ้ ขียนมี 3 คนขึนไป
ใช้ ‘และคณะ’ ในภาษาไทย และ
่ ้
รู ปแบบที่ 2 ใช้ ตัวเลขแทนชือผู
แต่ง
(ไม่ใช้ในวิชาสัมมนา)
่
เริมจากเขี
ยนอ้างอิงท้ายเล่ม
่ แ
เรียงชือผู
้ ต่ง A->Z และให้ Code
ตัวเลขจาก 1-> ...n
้
้ องก็
่
จากนันในเนื
อเรื
อา้ งอิงตาม
่
างอิงท้าย
เลขหมายทีปรากฏในอ้
เล่ม
การอ้างอิงตารางและรู ป
่
ทีมา.
Jonh(2003).
การอ้างอิงตารางและรู ป
่
ทีมา.
Jonh(2003).
่ อ้
่ างอิงในเรืองต้
่
1.ทุกชือที
องปรากฏ
่ างอิงอยู ่ทา้ ยเรือง
่
ชืออ้
่
่ อง
่ แหล่งที่
2.เขียนชือคน
ปี ชือเรื
พิมพ ์ให้ช ัดเจน สามารถติดตาม
สืบค้นภายหลังได้
่ ปรากฏ ชือ
่ ปี ที่
3.ห้ามใช้เอกสารทีไม่
สืบค้นได้
การเขียนเอกสารอ้างอิง
1.เรียงลาดับเอกสารภาษาไทย
ก่อนภาษาอ ังกฤษ
2.เรียงลาดับตามตัวอ ักษรและสระ
และตามจานวนผู เ้ ขียน กรณี ท ี่
เป็ นผู เ้ ขียนคนเดียวกันให้เรียง
ตามปี
3.ให้ใช้รูปแบบดังนี ้
Armentano, L., and M. Pereira. 1997. Measuring the effectiveness of
fiber by animal response trials. J. Dairy Sci. 80:1416–1425.
่
3.2.ตารา (Textbook) หรือหนังสือทีออกไม่
เป็ นวาระ
่ เ้ ขียน. ปี . ชือหนั
่
ชือผู
งสือ. สานักพิมพ ์, เมือง
่ มพ ์. ไม่มป
ทีพิ
ี ระเทศ
Steele, R. G. D., and J. H. Torrie. 1980. Principles and Procedures
of Statistics. A Biometrical Approach. MacGraw-Hill, New York, NY.
่ วิทยานิ พนธ ์
3.3.เอกสารวิชาการอืน,
่ เ้ ขียน. ปี . ชือหนั
่
่ อง.
่
ชือผู
งสือหรือชือเรื
ประเภทของเอกสาร, สถาบันหรือหน่ วยงานที่
่ มพ ์.ไม่มช
จัดพิมพ ์, เมืองทีพิ
ี อประเทศ
ื่
จารุว ัลย ์ แสนปิ ง. 2550. ผลของการใช้กากมัน
้
้
สาปะหลังในสัตว ์เคียวเอื
อง.
วิทยานิ พนธ ์ปริญญาวิทยาศาสตร
่ เ้ ขียน. ปี . ชือเรื
่ อง.
่ หน้ำ-หน้ำ (Pp. xx-xx) ใน
ชือผู
(in)
่
่ วขึนก่
้ อน). ชือหนั
่
: ชือบรรณำธิ
กำร (ใช ้ชือตั
งสือ.
สำนักพิมพ ์,
่ มพ ์.
เมืองทีพิ
่ นภำษำต่ำงประเทศให ้ใช ้ชือสกุ
่ เ้ ขียนทีเป็
่
ล
3.5.ชือผู
้ อนสำหร ับผูเ้ ขียนคนแรกเท่ำนั้น คนต่อไปใช ้ชือตั
่ ว
ขึนก่
่ อตั
่ ว และชือกลำง
่
ซึงชื
ให ้ใช ้เฉพำะอักษรตัวแรกตำม
ด ้วย “.”
่
่ นเอกสำรภำษำไทย ให ้ใช ้ชือ่
-ส่วนชือคนไทยที
เป็
ตัวนำหน้ำทุกคน
้
่ ้ใส่ “,”และระหว่ำง
-ถ ้ำมี3 คนขึนไป
ระหว่ำงชือให
่
่ ดท ้ำยให ้ใส่คำว่ำ “และ (and)”
ชือรองสุ
ดท ้ำยกับชือสุ
ต ัวอย่างการเขียน
จรัญ จันทลักขณา. 2527. สถิตวิ เิ คราะห์และวางแผนงานวิจัย.
โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิชจากัด, กรุงเทพฯ.
Berruecos, J. M. 1972. Inheritance of gastric ulcers in
swine. J. Anim Sci. 52(3): 1388-1392.
Brooks, P. H., and D. J. A. Cole. 1972. Studies in sow
reproduction. 1. The effect of nutrition between
weaning and remating on the reproductive
performance of primiparous sows. Anim. Prod. 15(1):
259-265.
Giesemann. M. A., A. J. Lewis, J. D. Handcock, and E. R.
Peo.1990. Design and Analysis of Experiments. Marcel
Dekker, New York.
National Research Council(NRC). 1988. Nutrient
Requirements of Swine (9th Ed.). National Academy
Press, Washington, DC.
การนาเสนอสัมมนา
•ต้องนึ กถึงเสมอว่าทาไมผู ส
้ ม
ั มนาจึง
่
้
ต้องนาเสนอเรืองนี
•นาเสนอว่าค้นพบอะไร หรือกาลัง
เรียกร ้องอะไร
•สรุปฟั นธงว่าอย่างไร
•ร ักษาเวลานาเสนอ
่
หลักการนาเสนอทัวไป
้
กล่าวนาโดยย่อ ---> ประเด็นเนื อหา
---> สรุป (Introduction Main points
Conclusion)
เขียน
-เตรียมอุปกรณ์ชว
่ ยนาเสนอให้
พร ้อม
่
่ ตรวจ
-ดู สถานทีและลองใช้
เครือง
PPT version
-เตรียม note/card เล็กๆสาหร ับ
้ อง
่ (เฉพาะประเด็น
บทนา, เนื อเรื
หลักๆ), และสรุป
-ขณะนาเสนอ ต้องมองผู เ้ ข้าร่วม
สัมมนา
มากกว่า 3 สี
้
-ควรใช้สป
ี ากกากับสีพนให้
ื
ตัดกันช ัดเจน
-ใน 1 Slide ไม่ควรมี
มากกว่า 8-10 บรรทัด
-ถ้ามีการแทรกรู ปภาพหรือ
กราฟ ต้องไม่ดงึ ความสนใจ
้
ออกจากเนื อหา
วิเครำะห ์ ตัวอย่ำงกำรใช ้กำกปำล ์ม