Transcript Chapter5

พฤติกรรมผูบ้ ริ โภค
Consumer Behavior
วิชา 962 101 เศรษฐศาสตร์ จุลภาคเบื้องต้น
1
ทฤษฎีพฤติกรรมผูบ้ ริ โภค


ผูบ้ ริ โภคจะเลือกบริ โภคที่จะทาให้ได้รับความพึงพอใจสู งสุ ด ภายใน
งบประมาณที่มีอยูอ่ ย่างจากัด
การวิเคราะห์พฤติกรรมผูบ้ ริ โภค


ทฤษฎีอรรถประโยชน์
เส้นความพอใจเท่ากัน
2
ทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utility)

ข้อสมมติ : การตัดสิ นใจของผูบ้ ริ โภคมีลกั ษณะดังนี้



เลือกบริ โภคสิ นค้าเพื่อให้เกิดความพอใจสู งสุ ด
สามารถเปรี ยบเทียบความพอใจระหว่างการบริ โภคสิ นค้าประเภทต่างๆได้
เช่น สามารถบอกได้วา่ ชอบเสื้ อผ้า 1 ตัว มากกว่าหนังสื อ 2 เล่ม เป็ นต้น
มีความคงเส้นคงวาในการตัดสิ นใจ คือ ถ้าชอบมะม่วงมากกว่าเงาะ ชอบเงาะ
มากกว่าทุเรี ยน ดังนั้นในการตัดสิ นใจเขาจะชอบมะม่วงมากกว่าทุเรี ยน
3
ทฤษฎีอรรถประโยชน์ (ต่อ)

ข้อสมมติเกี่ยวกับการพิจารณาความพึงพอใจ



อรรถประโยชน์สามารถวัดเป็ นตัวเลขได้ สามารถจัดลาดับ และเปรี ยบเทียบ
กันได้
อรรถประโยชน์รวม (Total Utility : TU) วัดจากความพึงพอใจที่
ผูบ้ ริ โภคได้รับจากการบริ โภคสิ นค้าทั้งหมด
อรรถประโยชน์หน่วยสุ ดท้าย (Marginal Utility : MU) เป็ น
อรรถประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากการบริ โภคสิ นค้าเพิ่มขึ้นทีละหน่วย ลักษณะ
การเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับ “กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์
หน่วยสุ ดท้าย” (Law of diminishing marginal utility)
4
ทฤษฎีอรรถประโยชน์ (ต่อ)

แนวคิดเกี่ยวกับอรรถประโยชน์






ความหมายของอรรถประโยชน์
ความหมายของอรรถประโยชน์ท้ งั หมด (TU) และอรรถประโยชน์หน่วย
สุ ดท้าย (MU)
ความสัมพันธ์ระหว่าง TU และ MU
กฎการลดลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุ ดท้าย
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค
การใช้ทฤษฎีอรรถประโยชน์หาเส้นอุปสงค์
5
ความหมายของอรรถประโยชน์ (Utility)




ความพอใจที่ผบู้ ริ โภคได้รับจากการบริ โภคสิ นค้าหรื อบริ การในขณะหนึ่งๆ
อรรถประโยชน์แตกต่างจากคุณประโยชน์ เช่น บุหรี่ สุ รา เป็ นสิ นค้าที่ไม่มี
คุณประโยชน์ต่อร่ างกาย แต่สามารถก่อให้เกิดอรรถประโยชน์แก่ผบู ้ ริ โภคบางคน
ได้
สิ นค้าชนิดเดียวกันอาจให้อรรถประโยชน์ต่อผูบ้ ริ โภคไม่เท่ากัน ขึ้นอยูก่ บั รสนิยม
ผูบ้ ริ โภค
สิ นค้าชนิดเดียวกันและผูบ้ ริ โภคคนเดียวกัน ไม่จาเป็ นต้องได้รับอรรถประโยชน์
เท่าเดิมตลอดเวลา เช่น ข้าว 1 จาน ในขณะที่หิวมากๆ ย่อมให้อรรถประโยชน์
มากกว่าตอนที่อิ่มแล้ว
6
ความหมายของ TU & MU

TU หมายถึง อรรถประโยชน์รวมที่ผบู ้ ริ โภคได้รับจากการบริ โภค
สิ นค้าและบริ การในแต่ละหน่วย

MU หมายถึง อรรถประโยชน์ที่ผบู ้ ริ โภคได้รับเพิ่มขึ้นจากการ
บริ โภคสิ นค้าและบริ การเพิม่ ขึ้น 1 หน่วย
7
ตัวอย่างแสดง TU & MU
ของการบริ โภคเนื้อย่างเกาหลี
Q
1
2
3
4
5
6
7
TU
8
15
21
26
28
28
25
MU
8
7
6
5
2
0
-3
8
ความสัมพันธ์ระหว่าง TU & MU

กรณี รู้ค่า TU สามารถหาค่า MU ได้จาก

TU เพิ่มขึ้นทีละหนึ่งหน่วยต่อเนื่องกัน


MUn = TUn – TUn-1
ตัวอย่างเช่น

MU หน่วยที่ 5 = TUหน่วยที่ 5 – TUหน่วยที่ 4
= 28 – 26
= 2 Util
9
ความสัมพันธ์ระหว่าง TU & MU

กรณี รู้ค่า TU สามารถหาค่า MU ได้จาก

TU ไม่ได้เพิ่มขึ้นทีละหน่วยต่อเนื่องกัน

MU =

ตัวอย่างเช่น
ΔTU
ΔQ

TU หน่วยที่ 1 = 8 และ TU หน่วยที่ 3 = 21

MU = (21 – 8)
(3 – 1)
= 13/2
= 6.5 Util
MU ที่ได้เป็ นค่าเฉลี่ยของ MU ช่วงหน่วยที่ 1 – หน่วยที่ 3

10
ความสัมพันธ์ระหว่าง TU & MU (ต่อ)

กรณี รู้ค่า MU สามารถหาค่า TU ได้จาก

TUn = Σ MUi

ตัวอย่างเช่น
TUหน่วยที่ 3 = MU1 + MU2 + MU3
= 8+7+6
= 21 Util
11
เส้ นอรรถประโยชน์ รวมและอรรถประโยชน์ ส่วนเพิม่
U
U
MU
TU
O
6
Q
เส้ นอรรถประโยชน์ ส่วนรวม
O
6
Q
เส้ นอรรถประโยชน์ ส่วนเพิม่
12
ความสัมพันธ์ระหว่าง TU & MU (ต่อ)



เมื่อ TU เพิม่ ขึ้น
เมื่อ TU มีค่าสูงที่สุด
เมื่อ TU ลดลง
MU มีค่ามากกว่า 0
MU มีค่าเท่ากับ 0
MU มีค่าน้อยกว่า 0
13
กฎการลดลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุ ดท้าย
(Law of Diminishing Marginal Utility)

เมื่อผูบ้ ริ โภค บริ โภคสิ นค้าชนิดใดชนิดหนึ่งแต่เพียงชนิดเดียวเพิ่มขึ้น
เรื่ อยๆ อรรถประโยชน์หน่วยสุ ดท้ายจะลดลงตามลาดับจนมีค่าเป็ นศูนย์
และติดลบได้ในที่สุด
14
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค



หมายถึง สถานการณ์ซ่ ึงผูบ้ ริ โภคไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลง
จานวนการซื้อสิ นค้าและบริ การอีกต่อไป
จานวนสิ นค้าและบริ การที่ผบู ้ ริ โภคทาการบริ โภคอยูน่ ้ นั ก่อให้เกิด
ความพอใจสูงสุ ดแก่ผบู ้ ริ โภค
แบ่งการพิจารณาออกเป็ น 2 กรณี คือ


ซื้ อสิ นค้าเพียงชนิดเดียว
ซื้ อสิ นค้ามากกว่า 1 ชนิด
15
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค กรณี ซ้ือสิ นค้าเพียงชนิดเดียว


ผูบ้ ริ โภคตัดสิ นใจซื้อสิ นค้าแต่ละหน่วย เมื่ออรรถประโยชน์ที่ได้รับจาก
สิ นค้ามากกว่าอรรถประโยชน์ของเงินที่จ่ายออกไป
กาหนดให้ อรรถประโยชน์ของเงิน 1 บาท เท่ากับ 1 ยูทิล

ส้มตาราคาจานละ 10 บาท



ได้รับอรรถประโยชน์
อรรถประโยชน์ที่สูญเสี ยไป
อรรถประโยชน์ส่วนเกินผูบ้ ริ โภค
20 ยูทิล
10 ยูทิล
10 ยูทิล
16
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค กรณี ซ้ื อสิ นค้าเพียงชนิดเดียว (ต่อ)

การบริ โภคในแต่ละหน่วยนั้น ผูบ้ ริ โภคจะเปรี ยบเทียบระหว่างค่า
MU และ P โดย



ซื้ อสิ นค้าทุกหน่วยที่มีค่า MU > P
ไม่ซ้ื อสิ นค้าหน่วยที่มีค่า
MU < P
ผูบ้ ริ โภคได้รับความพอใจสู งสุ ด เมื่อซื้ อสิ นค้าเพิ่มขึ้นจนถึงหน่วยที่ MU
เท่ากับ P นัน่ คือ ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภคจะอยูท่ ี่จุด
MU = P
17
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภคในการซื้อขนมจีบ

Utility , P

P=3
MU ลาดลงตามกฎการลดลงของ
อรรถประโยชน์หน่วยสุ ดท้าย
เงิน 1 บาท มีค่าเท่ากับ 1 ยูทิล ทาให้
เส้น MU และ D เป็ นเส้น
เดียวกัน
MU = D
0
3
Q
18
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภคในการซื้อขนมจีบ (ต่อ)

Utility , P
ขนมจีบ ราคาชิ้นละ 3 บาท


X

E
Y

P=3

MU = D
0
1
2 3
Q


หน่วยที่ 1 :
หน่วยที่ 2 :
หน่วยที่ 3 :
หน่วยที่ 4 :
MU
MU
MU
MU
>
>
=
<
P
P
P
P
ผูบ้ ริ โภคจะซื้อขนมจีบ จานวน 3 ชิ้น
(MU = P)
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภค เท่ากับ ΔXEY
ถ้าซื้อขนมจีบ 4 ชิ้น จะทาให้ TU ลดลง
19
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภคในการซื้อขนมจีบ (ต่อ)

Utility , P
ถ้าราคาขนมจีบ ลดลงเหลือ 2 บาท

X
Y

E
P=3
E1
Y1

P=2

หน่วยที่ 1 – 3 : MU > P
หน่วยที่ 4
: MU = P
ผูบ้ ริ โภคจะซื้ อขนมจีบ ทั้งหมด 4 ชิ้น
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภค เพิ่มเป็ น ΔXE1Y1
MU = D
0
3
4
Q
20
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค กรณี ซ้ือสิ นค้ามากกว่า 1 ชนิด


ปัญหาของผูบ้ ริ โภคคือ ควรจัดสรรงบประมาณที่มีอยูอ่ ย่างจากัดนั้น ไป
ซื้อสิ นค้าชนิดใดบ้าง และจานวนเท่าใด เพื่อให้ได้รับอรรถประโยชน์
รวมสูงสุ ด
แบ่งการพิจารณาออกเป็ น


ราคาสิ นค้าเท่ากัน
ราคาสิ นค้าไม่เท่ากัน
21
กรณี ราคาสิ นค้าเท่ากัน
ผูบ้ ริ โภคสามารถเปรี ยบเทียบอรรถประโยชน์
ของสิ นค้าแต่ละชนิดได้เลย



ยกตัวอย่างเช่น เงาะ และ มะม่วง ราคากิโลกรัมละ 1 บาท
เงาะ 1 กิโลกรัม ให้อรรถประโยชน์ = 10 ยูทิล
มะม่วง 1 กิโลกรัม ให้อรรถประโยชน์ = 24 ยูทิล
ดังนั้น หากผูบ้ ริ โภคมีเงินเพียง 1 บาท ผูบ้ ริ โภคย่อมเลือกซื้ อมะม่วง เนื่องจาก
มะม่วงให้อรรถประโยชน์สูงกว่าเงาะ
22
กรณี ราคาสิ นค้าเท่ากัน สมมติมีเงิน 10 บาท
จานวน
สิ นค้า
1
MUเงาะ MUมะม่วง
10
24
2
8
20
3
7
18
4
6
16
5
5
12
6
4
6


ผูบ้ ริ โภคจะเลือกบริ โภคจนถึง จุดที่
MUเงาะ = MUมะม่วง
ผูบ้ ริ โภคจะจ่ายเงินเพื่อซื้ อเงาะและ
มะม่วง เพื่อให้ตนได้รับ
อรรถประโยชน์สูงสุ ด โดย
ซื้ อเงาะ
ซื้ อมะม่วง
4 กิโลกรัม
6 กิโลกรัม
23
กรณี ราคาสิ นค้าไม่เท่ากัน



การพิจารณาต้องปรับให้ราคาสิ นค้าทุกชนิดเท่ากับ 1
เรี ยกค่าที่ได้วา่ อรรถประโยชน์ของเงินหน่วยท้าย (marginal
utility of expenditure : MUE) ที่ใช้ซ้ือสิ นค้า
MUEA = MUA
PA
24
กรณี ราคาสิ นค้าไม่เท่ากัน (ต่อ)


สิ นค้า A ราคาหน่วยละ PA ให้อรรถประโยชน์ MUA ยูทิล
เงินจานวน PA บาท ให้อรรถประโยชน์แก่ผบู ้ ริ โภค MUA ยูทิล
เงินจานวน 1 บาท ให้อรรถประโยชน์แก่ผบู ้ ริ โภค MUA ยูทิล
PA
สิ นค้า B ราคาหน่วยละ PB ให้อรรถประโยชน์ MUB ยูทิล
เงินจานวน PB บาท ให้อรรถประโยชน์แก่ผบู ้ ริ โภค MUB ยูทิล
เงินจานวน 1 บาท ให้อรรถประโยชน์แก่ผบู ้ ริ โภค MUB ยูทิล
PB
25
กรณี ราคาสิ นค้าไม่เท่ากัน (ต่อ)



เมื่อปรับราคาสิ นค้าทุกชนิดให้เท่ากับ 1 หรื อปรับให้เป็ น
อรรถประโยชน์ของเงินหน่วยท้าย (marginal utility of
expenditure : MUE) ที่ใช้ซ้ือสิ นค้าแล้ว
สามารถเปรี ยบเทียบระหว่างสิ นค้า A และสิ นค้า B ได้วา่ ผูบ้ ริ โภค
ควรซื้อสิ นค้าชนิดใด เป็ นจานวนเท่าใด
ผูบ้ ริ โภคจะได้รับอรรถประโยชน์สูงสุ ดเมื่อบริ โภค ณ จุดที่
MUA = MUB
สมการดุลยภาพของ
PA
PB
ผูบ้ ริ โภค
26
ตัวอย่างการพิจารณา
ผูบ้ ริ โภคมีเงินอยู่ 10 บาท ต้องการซื้อเงาะและมะม่วง
จำนวนสิ นค้ ำ
เงำะรำคำกิโลกรัมละ 1 บำท
มะม่ วงรำคำกิโลกรัมละ 2 บำท
MUเงาะ
MUมะม่วง
24
MUมะม่วง
Pมะม่วง
12
1
10
MUเงาะ
Pเงาะ
10
2
8
8
20
10
3
7
7
18
9
4
6
6
16
8
5
5
5
12
6
6
4
4
6
3
27
ตัวอย่างการพิจารณา
ผูบ้ ริ โภคมีเงินอยู่ 10 บาท ต้องการซื้อเงาะและมะม่วง

ผูบ้ ริ โภคได้รับอรรถประโยชน์สูงสุ ดเมื่อ MUA = MUB
PA

PB
มีท้ งั สิ้ น 3 กรณี โดยมีสดั ส่ วนการซื้อเงาะและมะม่วง ดังนี้



เงาะ 1 กก. และมะม่วง 2 กก.
เงาะ 2 กก. และมะม่วง 4 กก.
เงาะ 4 กก. และมะม่วง 5 กก.
TU = 10 + 44 = 54 ยูทิล
TU = 18 + 78 = 96 ยูทิล
TU = 31 + 90 = 121 ยูทิล
28
ตัวอย่างการพิจารณา
ผูบ้ ริ โภคมีเงินอยู่ 10 บาท ต้องการซื้อเงาะและมะม่วง

ผูบ้ ริ โภคจะเลือกบริ โภคเงาะ 2 กก. และมะม่วง 4 กก. เนื่องจากข้อจากัดของ
งบประมาณ
รายการซื้ อ
เงาะ 1 กก. และมะม่วง 2 กก.
เงาะ 2 กก. และมะม่วง 4 กก.
เงาะ 4 กก. และมะม่วง 5 กก.
ราคา
หมายเหตุ
1 + 4 = 5 บริ โภคเพิ่มจะได้ TU เพิม่
2 + 8 = 10 ใช้งบประมาณหมดพอดี
4 +10 = 14 งบประมาณไม่เพียงพอ
29
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค

สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจาก


งบประมาณของผูบ้ ริ โภคเปลี่ยนแปลง (เพิ่ม-ลด)
ราคาสิ นค้าเปลี่ยนแปลง (เพิ่ม-ลด)
30
การใช้ทฤษฎีอรรถประโยชน์หาเส้นอุปสงค์


ผูบ้ ริ โภคมีงบประมาณ 10 บาท
ต้องการซื้ อสิ นค้า 2 ชนิด คือ เงาะ กับมะม่วง
ราคามะม่วง ปริ มาณซื้ อมะม่วง ปริ มาณซื้ อเงาะ
หมายเหตุ
1
6
4
Pมะม่วง = 1 , Pเงาะ = 1
2
4
2
Pมะม่วง = 2 , Pเงาะ = 1
31
การใช้ทฤษฎีอรรถประโยชน์หาเส้นอุปสงค์ (ต่อ)
Pมะม่วง
1
2
P
Qมะม่วง
6
4
2
1
D
0
Q
4
6
32
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภค


ส่ วนต่างระหว่างราคาสิ นค้าที่ผบู ้ ริ โภคจ่ายจริ งกับราคาสิ นค้าที่ผบู ้ ริ โภค
ยินดีที่จะจ่ายเพื่อให้ได้สินค้านั้นมา
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภคเกิดจากการลดลงของอรรถประโยชน์หน่วยสุ ดท้าย
Utility , P
P
MU = D
0
Q
Q
33
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภค (ต่อ)

ตัวอย่างเช่น ภายในวันนี้ ถ้าให้ชมหนังเรื่ อง “superman returns” คุณยินดี
จ่ายค่าชมเท่าไร สมมติค่าชมรอบละ 50 บาท
จานวนครั้งที่ชม
1
2
3
ไม่ชมอีกต่อไป

จานวนเงินที่ยนิ ดีจ่าย
100
70
50
-
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภค
50
20
-
ส่ วนเกินผูบ้ ริ โภครวม เท่ากับ 70 บาท
34
ทฤษฎีเส้นความพอใจเท่ากัน





ความหมายและลักษณะของเส้นความพอใจเท่ากัน
เส้นงบประมาณและการเปลี่ยนแปลงของเส้นงบประมาณ
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค
ผลของรายได้ ผลของการใช้แทนกัน และผลของราคา
การใช้ทฤษฎีเส้นความพอใจเท่ากันหาเส้นอุปสงค์
35
ความหมายของเส้นความพอใจเท่ากัน
(Indifference Curve : IC)

คือ เส้นที่แสดงส่ วนประกอบของสิ นค้าสองชนิ ดที่ให้ความพอใจเท่ากัน
แก่ผบู ้ ริ โภค ไม่วา่ จะเลือกบริ โภค ณ ส่ วนประกอบใดก็ตาม
Y
25

B
11
0

A
IC
2
6
X

จุด A บริ โภคสิ นค้า X = 2 หน่วย
บริ โภคสิ นค้า Y = 25 หน่วย
จุด B บริ โภคสิ นค้า X = 6 หน่วย
บริ โภคสิ นค้า Y = 11 หน่วย
การบริ โภคทั้งจุด A และจุด B ให้ความ
พอใจเท่ากัน
36
ลักษณะของเส้นความพอใจเท่ากัน




เส้น IC เป็ นเส้นลาดลงจากซ้ายไปขวา มีค่าความชันเป็ นลบ แสดงถึง
ความสามารถในการทดแทนกันของสิ นค้า 2 ชนิด
เส้น IC เป็ นเส้นโค้งเว้าเข้าหาจุดกาเนิด แสดงถึงอัตราสุ ดท้ายของการ
ใช้แทนกันของสิ นค้าทั้งสองชนิดจะลดลงตามลาดับ
เส้น IC จะไม่ตดั กัน
เส้น IC มีได้หลายเส้นโดยเส้นที่อยูส่ ูงกว่ามีความพึงพอใจมากกว่า
เส้นที่อยูต่ ่ากว่า
37
อัตราสุ ดท้ายของการใช้แทนกันของสิ นค้า
(Marginal Rate of Substitution : MRS)
Y
A
25
B
15
11
8
1
2
C
3
D
4

MRS เท่ากับค่าความชันของเส้น IC

MRSxy =

IC
X
ΔY
ΔX
Slope ของเส้น IC มีค่าเป็ นลบ
เนื่องจากงบประมาณมีจากัด การบริ โภค
สิ นค้า x เพิ่มขึ้น จะต้องลดการบริ โภค
สิ นค้า y ลง
38
อัตราสุ ดท้ายของการใช้แทนกันของสิ นค้า (ต่อ)
Y

A
25
B
15
11
8
1
2
C
3
D
4
IC
X
กฎการลดลงของอัตราสุ ดท้ายของ
การใช้แทนกัน แสดงโดย การใช้
สิ นค้า x เพิม่ ขึ้นทีละ 1 หน่วย จะทา
ให้ผบู้ ริ โภคยินดีที่จะสละการ
บริ โภคสิ นค้า y ลดลงเรื่ อยๆ

A – B = 10

B–C=4
C–D=3

39
เส้น IC จะไม่ตดั กัน
Y

ทุกจุดที่อยูบ่ นเส้น IC เดียวกัน จะ
ได้รับความพึงพอใจเท่ากัน

A
IC1
B
C


A=B
A=C
B > C เป็ นไปไม่ได้
IC
X
40
เส้น IC มีได้หลายเส้น
Y


IC1
IC3 > IC2 > IC1
เราเรี ยกรู ปที่แสดงเส้นความพอใจ
เท่ากันเส้นต่างๆ นี้วา่
“แผน
ความพอใจเท่ากัน”
IC3
IC2
X
41
ลักษณะของเส้น IC กรณี อื่นๆ
Y


IC1 IC2
MRSxy คงที่
การใช้สินค้า x แทนสิ นค้า y ได้
ในสัดส่ วนที่คงที่ หรื อทดแทน
กันได้สมบูรณ์
X
42
ลักษณะของเส้น IC กรณี อื่นๆ (ต่อ)
Y


4
IC2
2

IC1
2
4
X
MRSxy = 0
สิ นค้า x และสิ นค้า y เป็ นสิ นค้า
ที่ตอ้ งใช้ร่วมกัน
การจะทาให้เส้น IC สู งขึ้นต้อง
เพิ่มการบริ โภคทั้งสิ นค้า x และ
สิ นค้า y พร้อมกัน
43
ลักษณะของเส้น IC กรณี อื่นๆ (ต่อ)
Y (ส้ มตำ)

4
IC2
2
IC1
2
4
X
ใช้สินค้า x ในปริ มาณเท่าใดก็
ตาม ก็จะใช้สินค้า y ในปริ มาณ
เท่าเดิม เช่น ส้มตากับถัว่ ฝักยาว
(ถั่วฝักยำว)
44
เส้นงบประมาณ (Budget Line)


คือ เส้นที่แสดงส่ วนประกอบของ
สิ นค้าสองชนิดที่ผบู้ ริ โภคสามารถ
ซื้ อได้ดว้ ยเงินจานวนเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น มีงบประมาณ 100
บาท ต้องการซื้ อสิ นค้า A & B
โดยที่ PA = 10 บาท และ PB =
20 บาท
สิ นค้า A
0
2
4
6
8
10
สิ นค้า B
5
4
3
2
1
0
45
เส้นงบประมาณ (ต่อ)
I = PX.X + PY.Y
Y = I - PX . X
PY PY

Slope = - PX
PY
Y
I/PY
BL
I/PX
X
46
การเปลี่ยนแปลงเส้นงบประมาณ

กำรเปลีย่ นแปลงของรำยได้
Y
รายได้เพิม่ ขึ้น

Y
กำรเปลีย่ นแปลงของรำคำสิ นค้ ำ
ราคาสิ นค้า x ลดลง
I/PY
BL1 BL2
X
BL1
I/PX
BL2
I/PX*
X
47
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค

Y
I/PY
YE

A

C

E
IC2
I/PX
XE
B
ดุลยภาพของผูบ้ ริ โภค คือ จุด E
 ณ จุด E :
ความชันของเส้น IC = ความชันของเส้น BL
MRSXY = PX

IC3
IC1
จุด A : ได้รับความพอใจเท่ากับ IC1
จุด B : ได้รับความพอใจเท่ากับ IC1
จุด E : ได้รับความพอใจเท่ากับ IC2
จุด C : ได้รับความพอใจเท่ากับ IC3
X
PY
48
ดุลยภาพของ Utility & IC


อรรถประโยชน์
MUX = MUY
PX
PY
เส้นความพอใจเท่ากัน
MRSxy = - PX
หรื อ
PX = MUX
PY
MUY
PY
ดังนั้น MRSxy = - PX = -MUX
PY
MUY
49
ผลของรายได้ (Income Effect)

Y

Y2
Y1
E2
E1
IC2

IC1
0
X 1 X2
BL1
BL2
X

ดุลยภาพเดิม ณ จุด E1
ซื้ อสิ นค้า X = X1, Y = Y1
ต่อมางบประมาณเพิ่มขึ้น (ราคาเท่าเดิม)
เส้นงบประมาณเปลี่ยนจาก BL1 เป็ น
BL2
ดุลยภาพใหม่ ณ จุด E2
ซื้ อสิ นค้า X = X2, Y = Y2
เราเรี ยกส่ วนต่างของปริ มาณซื้ อสิ นค้าที่
เปลี่ยนแปลงไปนี้วา่ “ผลของรายได้”
50
ผลของรายได้ (ต่อ)
Y
Y2
Y1

E2

E1
IC2
IC1
0
X 1 X2
BL1
BL2
เมื่อรายได้สูงขึ้น ผลของรายได้ทาให้
ผูบ้ ริ โภคซื้ อสิ นค้า X และสิ นค้า Y
เพิ่มขึ้น
แสดงว่าสิ นค้า X และสิ นค้า Y เป็ น
สิ นค้าปกติ
X
51
ผลของรายได้ (ต่อ)
Y

BL2
BL1
Y1
IC1
IC2

E1
E2
Y2
0
X1
X2
เมื่อรายได้สูงขึ้น ผลของรายได้ทาให้
ผูบ้ ริ โภคซื้ อสิ นค้า X เพิ่มขึ้น แต่ซ้ื อสิ นค้า
Y ลดลง
แสดงว่าสิ นค้า X เป็ นสิ นค้าปกติ และ
สิ นค้า Y เป็ นสิ นค้าด้อย
X
52
เส้นการบริ โภคตามรายได้
(Income Consumption Curve : ICC)
Y

ICC
IC3
IC1

IC2
เป็ นเส้นที่ลากเชื่อมจุดดุลยภาพ
ของการบริ โภค อันเนื่องมาจาก
การเปลี่ยนแปลงของรายได้ของ
ผูบ้ ริ โภค
กรณี สินค้า X และสิ นค้า Y
เป็ นสิ นค้าปกติ
X
53
เส้นการบริ โภคตามรายได้ (ต่อ)

กรณี สินค้า X เป็ นสิ นค้าปกติและ
สิ นค้า Y เป็ นสิ นค้าด้อย

Y
กรณี สินค้า X เป็ นสิ นค้าด้อยและ
สิ นค้า Y เป็ นสิ นค้าปกติ
Y
ICC
IC2
IC1
0
IC2
ICC
X
IC1
0
X
54
ผลของการใช้แทนกัน (Substitute Effect)
Y

A
25
B
11
0

IC
2
6
X

การย้ายระดับการบริ โภคสิ นค้า X
และ Y จากจุด A ไปจุด B ทาให้
ผูบ้ ริ โภคลดการบริ โภคสิ นค้า Y ลง
เท่ากับ 10 หน่วย และเพิ่มการบริ โภค
สิ นค้า X เท่ากับ 4 หน่วย
ผูบ้ ริ โภคใช้สินค้า X จานวน 4 หน่วย
เพื่อทดแทนสิ นค้า Y จานวน 10
หน่วยที่ลดลง
เราเรี ยกผลของการเปลี่ยนแปลง
ปริ มาณการซื้ อสิ นค้าว่า “ผลของการ
ใช้แทนกัน”
55
ผลของราคา (Price Effect)

Y

E1

E2
IC2

IC1
0
X1 X2
BL1
BL2
ดุลยภาพเดิม ณ จุด E1 ซื้ อสิ นค้า X = X1
ต่อมาราคาสิ นค้า X ลดลง ทาให้เส้น
งบประมาณเปลี่ยนจาก BL1 เป็ น BL2
ดุลยภาพใหม่ ณ จุด E2 ซื้ อสิ นค้า X = X2
เราเรี ยกผลของการเปลี่ยนแปลงปริ มาณการซื้ อ
สิ นค้า X จานวน X1X2 นี้วา่ “ผลของราคา”
X
56
เส้นการบริ โภคตามราคา
(Price-Consumption Curve : PCC)
Y

E1
E2
PCC
เป็ นเส้นที่ลากเชื่อมจุดดุลยภาพของ
การบริ โภค อันเนื่องมาจากการ
เปลี่ยนแปลงของราคาสิ นค้า
IC2
IC1
0
X1 X2
BL1
BL2
X
57
ผลของรายได้ ผลของการใช้แทนกัน และผลของราคา

ผลของราคา กรณี สินค้า X ราคาลดลง มีผลมาจาก



ผูบ้ ริ โภคซื้ อสิ นค้า X มากขึ้น เพื่อนาไปใช้แทนสิ นค้า Y
รายได้ที่เป็ นตัวเงินคงที่ แต่รายได้ที่แท้จริ งเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงินจานวนเท่า
เดิมซื้ อสิ นค้าได้มากขึ้น
ผลของราคา = ผลของรายได้ + ผลของการใช้แทนกัน
PE =
IE +
SE
58
ทิศทางการเปลี่ยนแปลง เมื่อราคาสิ นค้าเปลี่ยนแปลงไป


ผลของการใช้แทนกัน : ปริ มาณเสนอซื้อเปลี่ยนแปลงในทิศทาง
ตรงกันข้ามกับการเปลี่ยนแปลงของราคา
ผลของรายได้ :


สิ นค้าปกติ ปริ มาณเสนอซื้ อเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกันกับการ
เปลี่ยนแปลงของราคา
สิ นค้าด้อย ปริ มาณเสนอซื้ อเปลี่ยนแปลงในทิศทางตรงกันข้ามกับการ
เปลี่ยนแปลงของราคา
59
กรณี ของสิ นค้าปกติ
Y

M1

E1
E3
IC2

IC1
0
X1
X3 N 1
N3
X

ดุลยภาพเดิม ณ จุด E1 ซื้ อสิ นค้า X =
X1 (เส้นงบประมาณ M1N1)
เมื่อราคาสิ นค้า X ลดลง เส้นงบประมาณ
เปลี่ยนจากเส้น M1N1 เป็ น M1N3
ดุลยภาพใหม่ ณ จุด E3 ซื้ อสิ นค้า X =
X3 หรื อซื้ อเพิม่ จากเดิม (E1) เท่ากับ
X1X3 หน่วย
ปริ มาณการซื้ อที่เพิ่มขึ้น X1X3 คือผลของ
ราคา ซึ่ งประกอบด้วยผลของรายได้ และผล
ของการใช้แทนกัน
60
กรณี ของสิ นค้าปกติ (ต่อ)
Y

M1
M2

E1 E 3
E2

IC2
IC1
0
X 1 X2 X3 N 1
N2
N3
X 
เส้นงบประมาณ M2N2 เป็ นเส้นที่
แสดงผลของรายได้
รายได้ลดลงจาก M1N3 เป็ น M2N2
ดุลยภาพใหม่ ณ จุด E2 ซื้ อสิ นค้า x =
X2 หรื อซื้ อลดลงจากเดิม (E3) เท่ากับ
X3X2 หน่วย
PE
= IE + SE
X1X3
= X2X3 + SE
SE
= X1X2
61
กรณี ของสิ นค้าปกติ (ต่อ)

กระบวนการปรับตัว เมื่อราคาสิ นค้า X ลดลง




E1-E2 : ซื้อสิ นค้า x เพิม่ ขึ้นจานวน X1X2 เพื่อนาไปใช้แทนสิ นค้า Y
E2-E3 : เนื่องจากรายได้ที่แท้จริ งเพิ่มขึ้น
ผลของราคา = ผลของรายได้ + ผลของการใช้แทนกัน
X1X3
= X2X3
+
X1X2
ผลของรายได้ และผลของการใช้แทนกันทาให้ปริ มารเสนอซื้ อสิ นค้า X เพิ่มขึ้น
62
กรณี สินค้าด้อย
Y

M1
M2
E1
E3
IC2
E2
IC1
0
X 1 X3 X2 N 1
N2
N3
X
PE
= IE + SE
X1X3 = -X2X3 + X1X2
 ผลของรายได้ ทาให้ปริ มาณเสนอซื้ อ
ลดลง แต่ผลของการใช้แทนกัน ทาให้
ปริ มาณเสนอซื้ อเพิ่มขึ้น
 ผลของการใช้แทนกันมากกว่าผลของ
รายได้
63
กรณี สินค้าด้อย (ต่อ)
Y
M1
M2
E3
IC2
E1
E2
IC1
0
PE
= IE + SE
-X1X3 = -X2X3 + X1X2
 ผลของรายได้ ทาให้ปริ มาณเสนอซื้ อ
ลดลง แต่ผลของการใช้แทนกัน ทาให้
ปริ มาณเสนอซื้ อเพิม่ ขึ้น
 ผลของรายได้มากกว่าผลของการใช้แทน
กัน
 สิ นค้าประเภทนี้ เรี ยกว่า Giffen
Goods : ความสัมพันธ์ของราคาสิ นค้า
กับปริ มาณเสนอซื้ อจะมีทิศทางเดียวกัน

X3 X 1 X2 N1 N2
N3
X
64
การใช้ทฤษฎีเส้นความพอใจเท่ากันหาเส้นอุปสงค์
Y
10

E 1 E2
E3

BL1
BL2
BL3
X

3
2
D
1
5
10
15
BL1 - BL2 - BL3 เกิดจาก
ราคาสิ นค้า x ลดลง จาก 3, 2 และ 1
บาท ตามลาดับ
ผลของราคา ก่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงดุลยภาพ จาก E1 –
E2 – E3
สร้างความสัมพันธ์ระหว่างราคา
สิ นค้า X กับปริ มาณเสนอซื้ อ จะ
ได้เส้นอุปสงค์ต่อราคา
X
65