ec210_microeconomics-2-52 - คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย

Download Report

Transcript ec210_microeconomics-2-52 - คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย

เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น (EC 210)
ภาค 2 ปี การศึกษา 2552
Sec. 8200
อ.ศันสนี ย ์ ลิ้มพงษ์ (อ.ติ๊ก)
คณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
EC210 2/2552
www.ajarntik.com
1
เวลาบรรยาย และเวลา office

เวลาเรียน
 Section 8200 จันทร์ เวลา 13.30-16.30 น.
 เวลา office
 วันจันทร์ เวลา
9.00-16.00 น.
เข้าพบได้ท่ี ห้อง 665 อาคารวาย (เศรษฐศาสตร์)
 การติดต่อ
email : [email protected]
msn : [email protected]
website : www.ajarntik.com
EC210 2/2552
2
ติดต่อผ่านเว็บบอร์ด
www.ajarntik.com
EC210 2/2552
3
กติกาในการเรียนวิชานี้

เข้าเรียนให้ตรงเวลา
 กรุณาอย่าออกจากห้องก่อนเวลา
 ปิ ดเครื่องมือ หรือปิ ดเสียงเครื่องมือสือ
่ สารทุกชนิ ด
 ขอให้อย่าคุยกันในห้องเรียน
 อ่านข่าว บทความ ppt และเนื้ อหาก่อน
เข้าเรียน
EC210 2/2552
4
หนังสืออ่านประกอบ
ตาราภาษาไทย
 วันรักษ์ มิ่งมณี นาคิน เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น สานักพิมพ์ มธ.
ตาราภาษาอังกฤษ
 Mankiw, N Gregory, Principles of Economics, 3rd ed.2004.
 Lipsey, Richard G., Paul N. Courant, Douglas D. Purvis, and Ragen,
Christopher TS, Economics, 13th edition 2007.
เอกสารประกอบคาบรรยาย
EC210 2/2552
5
เอกสารประกอบการเรียน
Powerpoint Presentation กลุม่ อ.ศันสนี ย ์
หนังสืออ่านนอกเวลา (เลือกบทความให้อา่ น)



เศรษฐศาสตร์มีคาตอบ โดย นวพร เรืองสกุล (2549)
เศรษฐกิจต้องรู ้ โดย ศุภวุฒิ สายเชื้อ (2551)
เศรษฐศาสตร์ธุรกิจ โดย นักเศรษฐศาสตร์ชาวญี่ปนุ่ (แปลโดย ไชยยันต์ สาวนะชัย) (2549)
เว็บไซด์รวมบทความดีดี www.nidambe11.net/ekonomiz.htm
รายงานเศรษฐกิจและการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย
แบบฝึ กหัด และข้อสอบเก่าจากเทอมก่อนๆ
และอืน่ ๆ
EC210 2/2552
6
www.dekisugi.net (นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์์ )
EC210 2/2552
7
กาหนดวันเวลาที่สาคัญ







เปิดภาคการศึกษา
29 ตุลาคม 2552
ปิดภาคสองช่วงแรก เพือ่ จัดกีฬามหาวิทยาลัย 22 – 30 มกราคม 2553
ปิดสัปดาห์สอบกลางภาค
17 – 24 ธันวาคม 2552
ช่วง drop w
4 – 11 มกราคม 2553
วันสุดท้ายของภาคการศึกษา
27 กุมภาพันธ์ 2553
วันสอบกลางภาค
พฤหัสบดี 17 ธันวาคม 2552 (9.00-11.00 น.)
วันสอบไล่ปลายภาค อาทิตย์ 7 มีนาคม 2553 (13.00 -16.00 น.)
EC210 2/2552
8
การวัดผล แบ่งออกได้ดงั นี้
-
สอบกลางภาคการศึกษา (คะแนน 40% ของคะแนนรวม)
เนื้ อหาสอบ บทที่ 1-4
-
สอบไล่เมื่อสิ้นภาคการศึกษา (คะแนน 60% ของคะแนนรวม)
เนื้ อหาสอบ บทที่ 5-9
EC210 2/2552
9
คาถามสาคัญ

เศรษฐศาสตร์ คืออะไร?? เรียนเกี่ยวกับอะไร??

ทาไมเราต้องเข้าใจเศรษฐศาสตร์ ด้วย นักศึกษาคิดว่าทาไมคณะของ
นักศึกษาจึงต้องการให้พวกเราเข้าใจวิชานี้ ??
EC210 2/2552
10
ขอบเขตของวิชาเศรษฐศาสตร์
สิง่ ที่ไม่ใช่วชิ าเศรษฐศาสตร์
 เศรษฐศาสตร์ไม่ใช่วช
ิ าว่าด้วยการบริหารธุรกิจ
 เศรษฐศาสตร์ไม่ใช่วช
ิ าเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล การเล่นหุน้ หรือการลงทุน
(โดยตรง)
ขอบเขตของวิชาเศรษฐศาสตร์

เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วย กลไกการทางานของระบบเศรษฐกิจ ทัง้ ใน
ระดับ จุลภาค คือระดับย่อย และในระดับมหภาค คือในระดับใหญ่ ทัง้ ระบบ
เศรษฐกิจ อันนี้ คือคร่าวๆเลย
EC210 2/2552
11
หัวข้อที่จะศึกษา
1.
แนวคิดเบื้องต้นของวิชาเศรษฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์จุลภาค
2.
อุปสงค์ อุปทาน และการกาหนดราคา
3.
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน และการประยุกต์ใช้
4.
การผลิตและต้นทุนการผลิต
5.
ตลาดและความล้มเหลวของตลาด
EC210 2/2552
12
หัวข้อที่จะศึกษา (ต่อ)
เศรษฐศาสตร์มหภาค
6.
ความรูเ้ บื้องต้นเศรษฐศาสตร์มหภาค
และการกาหนดรายได้ประชาชาติ
7.
บทบาทของภาครัฐและนโยบายการคลัง
8.
บทบาทของการเงิน และนโยบายการเงิน
9.
บทบาทของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในระบบเศรษฐกิจ
EC210 2/2552
13
หัวข้อและวันบรรยาย (อาจมีการเปลีย่ นแปลง)
จ. 2 พ.ย. 2552
เกริ่นนา
บทที่ 1: แนวคิดเบือ้ งต้นของวิชาเศรษฐศาสตร์
จ. 9 พ.ย. 2552 บทที่ 1: แนวคิดเบือ้ งต้นของวิชาเศรษฐศาสตร์
จ. 16 พ.ย. 2552 บทที่ 2: อุปสงค์ (Demand) อุปทาน (Supply)
และการกาหนดราคา (Price Determination)
จ. 23 พ.ย. 2552 บทที่ 3: ความยืดหยุน่ ของอุปสงค์และอุปทาน
และการประยุกต์ใช้ความรูเ้ รือ่ งอุปสงค์และอุปทาน
จ. 30 พ.ย. 2552 บทที่ 3: ความยืดหยุน่ ของอุปสงค์และอุปทาน
และการประยุกต์ใช้ความรูเ้ รือ่ งอุปสงค์และอุปทาน
จ. 14 ธ.ค.2552 บทที่ 4: การผลิตและต้นทุนการผลิต
พฤ. 17 ธ.ค. 2552 สอบกลางภาค เวลา 9.00 – 11.00 น.
วันที่ 5 ธันวาคม เป็ นวันหยุดราชการ
EC210 2/2552
14
หัวข้อและวันบรรยาย (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)
จ. 28 ธ.ค. 2552
บทที่ 5: ตลาดและความล้มเหลวของตลาด
จ. 4 ม.ค. 2553
จ. 18 ม.ค. 2553
บทที่ 6: ความรูเ้ บือ้ งต้นทางเศรษฐศาสตร์มหภาคและการกาหนดรายได้
ประชาชาติ
บทที่ 6: ความรูเ้ บือ้ งต้นทางเศรษฐศาสตร์มหภาคและการกาหนดรายได้
ประชาชาติ
บทที่ 7: บทบาทของภาครัฐบาล และนโยบายการคลัง
จ. 1 ก.พ. 2553
บทที่ 8: บทบาทของการเงินและนโยบายการเงิน
จ. 8 ก.พ. 2553
บทที่ 9: บทบาทของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในระบบเศรษฐกิจ
จ. 15 ก.พ. 2553
บทที่ 9: บทบาทของเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ในระบบเศรษฐกิจ
จ. 11 ม.ค. 2553
จ. 22 ก.พ. 2553 ทบทวนและอื่นๆ
อาทิตย์ 7 มี.ค. 2553 สอบปลายภาค 13.00-16.00น.
วันที่ 25 มกราคม เป็ นวันหยุดมหาวิทยาลัย
EC210 2/2552
15
EC210 2/2552
16
Outline
1.1 เศรษฐศาสตร์คอื อะไร ขอบเขตและเนื้ อหาของวิชาเศรษฐศาสตร์
1.2 ความสาคัญของวิชาเศรษฐศาสตร์ และความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐศาสตร์กบั วิชา
อืน่
1.3 แนวความคิดพื้นฐาน (Basic Concept) ทางเศรษฐศาสตร์
- ข้อสมมติท่เี กี่ยวข้อง
- ความจากัด (Scarcity)
- การเลือก (Choice)
- ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost)
- เส้นความเป็ นไปได้ในการผลิต (Production Possibility Curve)
EC210 2/2552
17
Outline
1.4 ความแตกต่างระหว่างเศรษฐศาสตร์จุลภาคและเศรษฐศาสตร์มหภาค
1.5 ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาในระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ
1.6 วิธีคดิ ของนักเศรษฐศาสตร์
- วิธีการศึกษาแบบ Inductive และ Deductive
- Positive และ Normative Economics
- บัญญัติ 10 ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
EC210 2/2552
18
เศรษฐศาสตร์คอื อะไร
“เศรษฐศาสตร์คือ....
.....วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกใช้ หรือจัดสรร
ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการ
สนองความต้องการที่ไม่มีท่สี ้ นิ สุดของมนุ ษย์”
EC210 2/2552
19
สิง่ ที่ตอ้ งตีความจากความหมายของเศรษฐศาสตร์
(Discussion)
1. จุดมุ่งหมายของการเลือก หรือการจัดสรร... อะไรคือประโยชน์
สูงสุด
2. ทรัพยากรที่มีจากัด ??? Why??
3. ทางเลือก (choice)
(ในหนังสือ อ.วันรักษ์ จะแบ่งแยกย่อย
รายละเอียดมากกว่านี้ ลองไปอ่านดูนะค่ะ)
EC210 2/2552
20
ทรัพยากรจากัด (Scarcity)
หน่ วยเศรษฐกิจย่อยๆมีทรัพยากรอะไรที่จากัด
 ผูบ
้ ริโภค
..... มีรายได้เป็นทรัพยากรที่จากัด
 ผูผ
้ ลิต
....มีเงินทุน หรือ ปัจจัยการผลิตเป็ นทรัพยากรที่จากัด
แต่ทกุ คน ..... มีเวลา เป็ นทรัพยากรที่จากัด
EC210 2/2552
21
ทรัพยากรจากัด (Scarcity)

ในระดับประเทศและสังคม (Nation and Society):
 ทรัพยากรการผลิต (productive resources):
1. ที่ดิน
2. แรงงาน
3. ทุน
4. ผูป้ ระกอบการ
ค่าเช่า, ค่าจ้าง, ดอกเบี้ย, กาไร
EC210 2/2552
22
ทุกๆวัน เราต่างเผชิญกับทางเลือกในรูปแบบที่หลากหลาย



เลือกในการใช้เวลา
 เวลาพักผ่อน, เวลาทางาน, เวลาไปเที่ยว, เวลามานัง่ เรียน
เลือกในการใช้เงินที่มีอยู่
ิ า, โทรศัพท์มือถือรุน่ ล่าสุด
 หนังสือเรียน, ดูหนัง, นาฬก
รัฐบาลเลือกใช้งบประมาณของประเทศ
 โรงเรียน, รถไฟฟ้ า, ระบบขนส่งสูภ
่ มู ิภาค ฯลฯ
EC210 2/2552
23
การเลือก (Choice) การเลือกตัดสินใจอะไรบ้าง

พฤติกรรมของผูบ้ ริโภค
ที่เน้นศึกษาเพือ่ เข้าใจว่า ทาไมผูบ้ ริโภคจึงเลือกสินค้าบางอย่าง
ในขณะเดียวกันก็ไม่เลือกสินค้าอีกหลายๆ อย่าง
 พฤติกรรมผูผ
้ ลิต
ที่เน้นศึกษาถึงการตัดสินใจว่าจะผลิตอะไร ใช้ปจั จัยอะไร
อย่างไร แล้วจะขายใคร ปริมาณเท่าใด ราคาเท่าไหร่
EC210 2/2552
24
ทุกคนจึงเกิดมาเพื่อเลือก.......
.......เลือกในสิ่งที่ดีท่สี ุดสาหรับตัวเอง
เมื่อเราต้องเลือกบางสิง่ ก็จะมีบางสิง่ ที่เราไม่ได้เลือก
เรียกต้นทุนที่เกิดจากทางเลือกที่เราไม่ได้เลือกว่า
ต้นทุนค่าเสียโอกาส (opportunity cost)
EC210 2/2552
25
ต้นทุนค่าเสียโอกาส (opportunity cost)
“คุณค่าหรือมูลค่า (value) ของทางเลือก (choice) ที่ดีท่สี ดุ ใน
บรรดาทางเลือกทัง้ หลายทางเลือกที่ตอ้ งสละไป (the best
alternative forgone) เมื่อมีการตัดสินใจใช้ทรัพยากร.”
คาถาม...
.....เราจะประเมินต้นทุนค่าเสียโอกาสของทางเลือกที่เราได้เลือกแล้วได้
อย่างไร
EC210 2/2552
26
ตัวอย่างต้นทุนค่าเสียโอกาส
ตัวอย่าง 1
นักศึกษาป.โทท่านหนึ่ ง เมื่อเรียนจบมีอาชีพให้เลือก 3 อาชีพ



เป็ นอาจารย์ เงินเดือน 12,000 บาท
เป็ นพนักงาน เงินเดือน 25,000 บาท
เป็ นที่ปรึกษาทางธุรกิจ เงินเดือน 50,000 บาท
คาถาม หากเป็ นคุณจะเลือกทางเลือกใด
ต้นทุนค่าเสียโอกาสของการเลือกทางเลือกนั้นๆ คือ....
EC210 2/2552
27
ตัวอย่างต้นทุนค่าเสียโอกาส
ตัวอย่าง 2 โต๊ะกลุม่ ตัดสินใจที่จะทาของขายเอาเงินมารับน้อง (ด้วยเงินทุน
เท่ากัน)



ทาสมุด ได้เงิน 19,000 บาท
ทา Wristband ได้เงิน 30,000 บาท
ทาเสื้อ ได้เงิน 26,000 บาท
ตัวอย่าง 3 การเลือกใช้เวลาของพวกคุณในสีป่ ี จากนี้ ไป
ตัวอย่าง 4 บริษทั (ระบบเศรษฐกิจ) เลือกที่จะผลิตสินค้าบริการ
EC210 2/2552
28
เส้นเป็ นไปได้ในการผลิต
(production possibility curve: PPC)
คือ เส้นที่แสดงถึงการเลือกในการผลิตสินค้า จานวนต่างๆในระบบเศรษฐกิจ
ที่ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่
ข้อสมมติในการวิเคราะห์
1. สินค้าที่เลือกผลิตมี 2 ชนิ ดคือ ข้าว กับรถยนต์
2. ประเทศมีทรัพยากรการผลิตจากัด และทรัพยากรถูกใช้อย่างเต็มที่
3. ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ดีท่สี ดุ เท่าที่จะเป็ นไปได้ และเทคโนโลยีคงที่ในขณะนั้น
4. ปัจจัยการผลิตที่ใช้ผลิตสินค้าแต่ละชนิ ดทดแทนกันได้ไม่สมบูรณ์
EC210 2/2552
29
ตัวอย่าง การผลิตข้าวและรถยนต์
แผน
A
B
C
D
E
F
ข้าว (X)
0
1
2
3
4
5
(ปป.)
+1
+1
+1
+1
+1
รถยนต์(Y)
15
14
12
9
5
0
(ปป.)
-1
-2
-3
-4
-5
ลอง plot เส้นกราฟแสดงความสัมพันธ้ดังกล้าว
EC210 2/2552
30
Production Possibility Curve (PPC)
รถยนต์
A
15
Z
D
9
E
5
Y
F
3
4
EC210 2/2552
5
ข้ าว
31
ประเด็นคาถามเกี่ยวกับเส้น PPC
1. แต่ละจุดบน PPC บอกอะไร ?
การใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ (Full employment) แสดงถึงประสิทธิภาพ
(Attainable & Efficiency)
2. การผลิตจะเกิดขึ้นที่อน่ื ได้หรือไม่ ?
จุด Y อยู่ใต้เส้น PPC

ทรัพยากรบางส่วนไม่ได้ถกู นามาใช้

การผลิตไม่มีประสิทธิภาพ (Attainable but Inefficient)
จุด Z อยู่เหนื อเส้น PPC

มีทรัพยากรไม่พอที่จะผลิต (Unattainable
EC210 2/2552
32
ประเด็นคาถามเกี่ยวกับเส้น PPC
3.
PPC สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง Scarcity - Choice – Opportunity
Cost อย่างไร?
4.
ต้นทุนค่าเสียโอกาสของการเลือกทางเลือก F แทนทางเลือก E (ต้นทุนค่าเสีย
โอกาสของการผลิตข้าวเพิม่ จาก 4 หน่ วยเป็ น 5 หน่ วย)
5.
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทรัพยากรในการผลิตเพิม่ ขึ้น เหรอเทคโนโลยีการผลิตดีข้ ึน
EC210 2/2552
33
Production Possibility Curve (PPC)
รถยนต์
Z
Y1
Yo
.
E
Y
Xo X1
EC210 2/2552
ข้ าว
34
การขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ
• เมื่อระบบเศรษฐกิจขยายตัว (จาก
เหตุผลต้างๆ เช้น มีป้จจัยการผลิต
มากขึ้น / เทคโนโลยีการผลิตดีขึ้น)
• จะท้าให้ความเป้นไปได้ในการผลิตเพิ่ม
สูงขึ้น
35 of 40
EC210 2/2552




เศรษฐศาสตร์กบั นิ ตศิ าสตร์
เศรษฐศาสตร์กบั รัฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์กบั บริหารธุรกิจ
เศรษฐศาสตร์กบั วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
การเรียนรูท้ ่ดี ี คือ การใช้วชิ าความรูแ้ บบบูรณาการ (integration)
“The more you learn, the more you earn.”
EC210 2/2552
36
เศรษฐศาสตร์มหภาค (Macroeconomics) - ป่ าทัง้ ป่ า

การศึกษาเศรษฐกิจของทัง้ ระบบ

Example: การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ, เงินเฟ้ อ, รายได้ของรัฐบาล, การ
ว่างงานของประเทศ
เศรษฐศาสตร์จุลภาค (Microeconomics) - ต้นไม้แต่ละต้น

เป็ นการศึกษาเศรษฐกิจของหน่ วยย่อย
 Example: การตัดสินใจของผูบ
้ ริโภค, การจ้างงานในอุตสาหกรรม
รถยนต์, ราคาข้าว, นโยบายราคาของบริษทั
EC210 2/2552
37
ขอบเขตของวิชาเศรษฐศาสตร์
Examples of microeconomic and macroeconomic concerns
Microeconomics
เศรษฐศาสตร้จุลภาค
Macroeconomics
เศรษฐศาสตร้มหภาค
38 of 33
Production
Prices
Income
Employment
Production/Output
in Individual
Industries and
Businesses
Price of Individual
Goods and
Services
Distribution of
Income and Wealth
Wages in the auto
industry
Minimum wages
Executive salaries
Poverty
Employment by
Individual
Businesses &
Industries
Jobs in the steel
industry
Number of
employees in a firm
National Income
Total wages and
salaries
Employment and
Unemployment in
the Economy
Total corporate
profits
Total number of
jobs
Unemployment
rate
How much steel
How many offices
How many cars
Price of medical
care
Price of gasoline
Food prices
Apartment rents
National
Production/Output
Aggregate Price
Level
Total Industrial
Output
Gross Domestic
Product
Growth of Output
Consumer prices
Producer Prices
Rate of Inflation
EC210 2/2552
 ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจในการจัดสรรทรัพยากร
1) ผลิตอะไร (What?)
2) ผลิตอย่างไร (How?)
3) ผลิตเพื่อใคร (For Whom?)
EC210 2/2552
39
EC210 2/2552
40
ระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ
(Types of Economic System)
ทุนนิยม
แบบผสม
(Capitalism or
Market
Economy)
(Mixed Economy)
สังคม
นิยม
(Socialism or
Command
Economy )
EC210 2/2552
41
เกณฑ์ในการจาแนกชุดของกฎกติกา หรือ ระบบเศรษฐกิจ
แบบต่างๆ
1. กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สนิ เป็ นของใคร?
2. การตัดสินใจในปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็ นของใคร?
3. การจัดสรรทรัพยากรและผลผลิตผ่านเครื่องมือใด?
EC210 2/2552
42
ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิ ยม (Capitalism)

ลักษณะที่สาคัญ:
 การมีกรรมสิทธิ์ในทรัพยากร (ownership of resources)
 เสรีภาพในธุรกิจ (freedom of enterprise)
 ระบบราคา (price system) โดยที่กาไรเป็ นเครื่องจูงใจ
(profit motive)
EC210 2/2552
43
ระบบทุนนิ ยม กับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
1) ผลิตอะไร (What?)
 ผลิตสินค้าและบริการที่ผูบ
้ ริโภคต้องการและมีความสามารถในการซื้อ
2) ผลิตอย่างไร (How?)
 ผลิตสินค้าและบริการโดยพยายามทาให้ตน
้ ทุนในการผลิตตา่ สุด กาไรสูงสุด
โดยการเลือกใช้ปจั จัยการผลิตและวิธีการผลิตต่างๆกัน
 Labor intensive VS Capital intensive
3) ผลิตเพือ่ ใคร (For Whom?)
 ผูท
้ ่มี ีอานาจในการซื้อ (purchasing power)
 “มือใครยาว สาวได้สาวเอา”
Example (ใกล้เคียง) : U.S.A., Canada, Japan
EC210 2/2552
44
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิ ยม
(Socialism or Command Economy)

ลักษณะที่สาคัญ
 กรรมสิทธิ์ในทรัพยากรตกเป็ นของส่วนกลางหรือส่วนรวม
 การตัดสินใจทางธุรกิจต่างๆ ถูกกาหนดโดยรัฐหรือส่วนกลาง
 กลไกราคาไม่มีบทบาทในการจัดสรรทรัพยากร โดยแรงจูงใจ
คือเพือ่ ส่วนรวม เพือ่ สังคมที่ดี
EC210 2/2552
45
ระบบสังคมนิ ยม กับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
1) ผลิตอะไร (What?)
 โดยทัว่ ไปรัฐบาลหรือส่วนกลางจะเป็นคนตัดสินว่าจะผลิต
สินค้าและบริการอะไร
2) ผลิตอย่างไร (How?)
 ขึ้นอยู่กบ
ั รัฐบาลหรือส่วนกลาง
3) ผลิตเพือ่ ใคร (For Whom?)
 การจัดสรรสินค้าและบริการขึ้นอยู่กบ
ั รัฐบาลหรือส่วนกลาง
Example (ใกล้เคียง): North Korea, Cuba
EC210 2/2552
46
ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economy)
 ระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในปัจจุบน
ั เป็ นแบบผสม
 Questions?
ทาไมรัฐหรือส่วนกลางถึงเข้า
แทรกแซง ทัง้ ๆ ที่ การจัดสรรทรัพยากรอย่างมี
ประสิทธิภาพนั้นสามารถทาได้โดยใช้กลไกราคา
EC210 2/2552
47
1) ผลิตอะไร (What?)
 กองกาลังป้ องกันประเทศ
 เป็ นไปได้ยากที่ตลาดสาหรับสินค้าเหล่านี้ จะเกิดขึ้นโดย
ภาคเอกชน
2) ผลิตอย่างไร (How?)
 การใช้แรงงานเด็ก
 ปัญหามลภาวะและสิง่ แวดล้อม
3) ผลิตเพือ่ ใคร (For Whom?)
 คนจนและคนพิการ?
EC210 2/2552
48

การวิเคราะห์แบบวิทยาศาสตร์ของนักเศรษฐศาสตร์
 สมมติฐาน (Hypothesis) – คาอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เป็ น
เหตุเป็ นผล แต่เป็ นคาอธิบายที่ยงั มิได้มกี ารทดสอบความถูกต้องจน
เป็ นที่ยอมรับ
 ทฤษฎี (Theory) - คาอธิบายปรากฎการณ์ต่างๆ ที่เป็ นเหตุเป็ นผล
เป็ นที่ยอมรับโดยทัว่ ไปอย่างเป็ นทางการ
สมมติฐาน
ทฤษฎี
EC210 2/2552
49
Positive VS Normative Economics
Positive Economics (เศรษฐศาสตร์วเิ คราะห์)
คือ เศรษฐศาสตร์ท่อี ธิบายปรากฎการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้วยการศึกษาวิเคราะห์
ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและรวบรวมได้
ตัวอย่าง
จานวนนศ. คณะวารสารศาสตร์ฯ มีมากที่สด
ุ ในห้องนี้
ถ้าราคาสินค้าลดลง ปริมาณความต้องการซื้อจะเพิ่มขึ้น
ผูบ
้ ริโภค จะได้ผลกระทบจากการขึ้นภาษี
EC210 2/2552
50
Positive VS Normative Economics
Normative Economics (เศรษฐศาสตร์นโยบาย) คือ เศรษฐศาสตร์ท่ีใช้
ความคิดเห็นส่วนตัว (Value Judgement) ประกอบการอธิบาย
ปรากฎการณ์หรือเสนอแนะแนวทางต่างๆ
ตัวอย่าง
 คนไทยควรบริโภคอาหารไทยเป็ นหลัก
 ภาษี ท่รี ฐั บาลขึ้นนั้นสูงเกินไป
 รัฐบาลควรปล่อยให้ราคาน้ ามันลอยตัวตามตลาดโลก
EC210 2/2552
51
ตัวอย่างข่าว Positive or Normative
1. ประเทศไทยกาลังเผชิญกับปัญหาการชะลอตัวของการส่งออก โดยจะเห็นได้
จากอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกที่ลดลงถึงร้อยละ 15ในไตรมาสที่ 1
2. เนื่ องจากการส่งออกยังมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวต่อเนื่ องไปอีกเป็ นเวลานาน
ประเทศไทยจึงควรแก้ปญั หาโดยพึ่งการบริโภคในประเทศแทนการส่งออกพร้อม
กับกีดกันสินค้านาเข้าที่เข้ามาแข่งขันกับสินค้าในประเทศ
EC210 2/2552
52
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
 บทบัญญัตท
ิ ่ี 1: แต่ละคนเผชิญภาวะ “ได้อย่าง-เสีย
อย่าง” (Tradeoffs) เสมอ
“ There is no such thing as a free lunch”
EC210 2/2552
53
บัญญัติสบิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
 บทบัญญัตท
ิ ่ี 2: ต้นทุนของสิง่ หนึ่ งคือสิง่ ที่คณ
ุ ยอมเสีย
ไปเพื่อให้ได้ของสิง่ นั้นมา
“Opportunity Cost”
EC210 2/2552
54
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
 บทบัญญัตท
ิ ่ี 3: คนที่มีเหตุมีผลคิดแบบ “เพิ่มทีละ
หน่ วย” (Margin)
“Marginal Cost & Marginal Benefit”
EC210 2/2552
55
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
 บทบัญญัตท
ิ ่ี
4: คนตอบสนองต่อสิง่ จูงใจ
People make decisions by comparing cost and
benefit….
…. When costs or benefits change, decision
will change.
EC210 2/2552
56
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
 บทบัญญัตท
ิ ่ี

5: การค้าทาให้ทกุ ฝ่ ายดีข้ ึน
Law of comparative Advantage – เราจะได้
ผลประโยชน์สูงขึ้น ถ้าเราผลิตสินค้าที่เรามีตน้ ทุนตา่
ที่สุดแล้วนาไปแลกเปลี่ยน
EC210 2/2552
57
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
6: "ตลาด" เป็ นเครื่องมือที่ดีในการ
จัดการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
“Invisible hand” leads market to
“desirable outcomes”
 บทบัญญัตท
ิ ่ี
EC210 2/2552
58
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
 บทบัญญัตท
ิ ่ี
7: รัฐบาลสามารถปรับปรุงความล้มเหลว
ของตลาดได้
Lack of competition
 Lack of information
 Externalities
 Public goods

EC210 2/2552
59
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
8: มาตรฐานการครองชีพของประเทศ
ขึ้นอยู่กบั ความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการ
More GDP, More Productivity
lead to a better living standard.
 บทบัญญัตท
ิ ่ี
EC210 2/2552
60
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
9: ราคาสินค้าจะสูงขึ้นเมื่อรัฐบาลพิมพ์
เงินมากเกินไป
ราคาสินค้าสูงขึ้น ... ดี ?? ไม่ดี ??
ทาไม ต้องพิมพ์เงิน ???
 บทบัญญัตท
ิ ่ี
EC210 2/2552
61
บัญญัตสิ บิ ประการของวิชาเศรษฐศาสตร์
10: ในระยะสัน้ สังคมเผชิญภาวะ “ได้
อย่าง-เสียอย่าง” ระหว่างเงินเฟ้ อและอัตราการ
ว่างงาน
 บทบัญญัตท
ิ ่ี
High Inflation <----> Low Unemployment
Low Inflation <----> High Unemployment
EC210 2/2552
62
มาทบทวนกันด้วยโจทย์แบบฝึ นฝนดีกว่า



ปัญหาการมีอยู่อย่างจากัด (scarcity) สามารถทาให้หมดไปได้ดว้ ยการค้นพบ
ทรัพยากรใหม่ๆ... ท่านเห็นด้วยกับคากล่าวนี้ หรือไม่ เพราะเหตุใด?
_______________________________________________________
_______________________________________
ต้นทุนค่าเสียโอกาส คือ________________ เกิดขึ้นเมื่อ__________
ข้อเสนอแนะทางเศรษฐศาสตร์ท่อี ธิบายถึงสิง่ ที่เกิดขึ้น กาลังจะเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้น
แล้ว เรียกว่า_______ส่วนข้อเสนอแนะทางเศรษฐศาสตร์ท่มี ีความคิดเห็นส่วนตัว
มาเกี่ยวข้อง เรียกว่า_______
EC210 2/2552
63
หนังสือดี: อัจฉริยะ เรียนสนุ ก
EC210 2/2552
64
EC210 2/2552
65
Topics

2.1 อุปสงค์ (Demand)
 ความหมายของอุปสงค์ ตารางอุปสงค์ เส้นอุปสงค์
 กฎของอุปสงค์
 ตัวกาหนดอุปสงค์
 อุปสงค์สว่ นบุคคลและอุปสงค์ตลาด
 การเปลี่ยนแปลงปริมาณการเสนอซื้อ (Change in Quantity
Demanded) และการเคลื่อนเส้นอุปสงค์ (Shift in Demand
Curve)
EC210 2/2552
66


2.2 อุปทาน (Supply)
 ความหมายของอุปทาน ตารางอุปทาน เส้นอุปทาน
 กฎของอุปทาน
 ตัวกาหนดอุปทาน
 อุปทานส่วนบุคคลและอุปทานตลาด
 การเปลี่ยนแปลงปริมาณการเสนอขาย (Change in Quantity
Supplied) และการเคลื่อนเส้นอุปทาน (Shift in Supply Curve)
2.3 การกาหนดราคาและปริมาณดุลยภาพในตลาด
 ความหมายของดุลยภาพ
 การเปลี่ยนแปลงดุลยภาพและกรณี ศึกษาจากการเปลี่ยนแปลงดุลยภาพใน
รูปแบบต่างๆ
EC210 2/2552
67
Introduction

ตลาด (Market)
 ที่ๆ ผูซ
้ ้ ือ(ผูบ้ ริโภค)และผูข้ าย(ผูผ้ ลิต)มาพบกันเพื่อทาการซื้อขาย
แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ
 ในทางเศรษฐศาสตร์ตลาดไม่ได้หมายถึงสถานที่เฉพาะเจาะจง
 ซุปเปอร์มารเก็ต, โรงอาหาร, ตลาดหลักทรัพย์, ตลาดการค้าขาย
เงินตราระหว่างประเทศ, e-commerce website
EC210 2/2552
68
องค์ประกอบของตลาด
ตลาด มีองค์ประกอบคือ
1)ผูซ้ ้ ือ สะท้อนถึง Demand
2)ผูข้ าย สะท้อนถึงSupply
ที่มี ความต้องการแลกเปลี่ยนสินค้า
EC210 2/2552
69
Input Markets and Output Markets:
The Circular Flow
70 of 48

Goods and services flow clockwise.
Firms provide goods and services;
households supply labor services.
•
Payments (usually money) flow in the
opposite direction (counterclockwise)
as the flow of labor services, goods,
and services.
EC210 2/2552
ตารางจัดติว วิชา EC210 ภาคเรี ยนที่ 2/2552
ครัง้ ที่ วันที่
กลุ่ม
เวลา
ห้อง
1 อ.17-พ.ย.-52 อ. ศันสนี ย์
2 อ.1-ธ.ค.-52 อ. ศันสนี ย์
17.00-19.00 วจ. 206
17.00-19.00 วจ. 206
3
4
5
6
7
17.00-20.00
17.00-20.00
17.00-19.00
17.00-19.00
17.00-20.00
อ.15-ธ.ค.-52
อ.12-ม.ค.-52
อ.2-ก.พ.-52
อ.16-ก.พ.-52
อ.23-ก.พ.-52
อ. ศันสนี ย์
อ. ศันสนี ย์
อ. ศันสนี ย์
อ. ศันสนี ย์
อ. ศันสนี ย์
วจ. 206
วจ. 206
วจ. 206
วจ. 206
วจ. 206
เนื้ อหา
บทที่ 1-2
บทที่ 3
บทที่ 4 + ทบทวน
บทที่ 5-6
บทที่ 7-8
บทที่ 9
ทบทวน
-ห้องติว ความจุ 140 ที่นงั่ (มีนกั ศึกษาลงทะเบียน 240 คน)
- ไม่มีการจองที่นงั่ ให้เพื่อน ไปก่อนได้ที่นงั่ ก่อน
- หากนักศึกษาคุยกันในห้อง พี่ติวเตอร์มีสิทธิ์ที่จะยุติการติวได้ทนั ที
- ชีทใช้ประกอบการติว สามารถซื้อได้ ที่ร้านถ่ายเอกสาร ใต้อาคารเดือนบุนนาค (ตึกที่จดั ติว)
EC210 2/2552
71
EC210 2/2552
72
อุปสงค์ (DEMAND)

ความหมาย
จานวนของสินค้าและบริการที่ผูบ้ ริโภคต้องการซื้อและมีความสามารถในการซื้อ
เพือ่ บริโภค (able and willing to consume) ด้วยรายได้ท่ผี ูบ้ ริโภคมีอยู่ ณ
ระดับราคาต่างๆ ของสินค้าชนิ ดนั้น ในระยะเวลาที่กาหนด
 เราพูดถึง ปริมาณเสนอซื้อ ที่ตอ้ งมี
- ความเต็มใจที่จะซื้อ (willingness to pay)
- ความสามารถในการซื้อ (ability to pay)
want VS demand
EC210 2/2552
73
ตัวอย่างการสร้างเส้น demand
Example: demand ในการชมภาพยนตร์ของนักศึกษา A
(มีค่าขนม = 4000/เดือน)
ราคาต่อเรื่อง (P)
จานวนครัง้ ในการชมต่อเดือน (Q)
200
160
120
80
40
1
2
3
4
5
EC210 2/2552
74
อุปสงค์ในการชมภาพยนตร์ของนักศึกษา A
250
ราคาต่ อเรื่อง (P)
200
150
100
50
0
1
2
3
4
5
จานวนครั้ง (Q)
EC210 2/2552
75
Law of demand (กฎของอุปสงค์)
Law of demand
“ถ้าปัจจัยอืน่ ๆ คงที่ เมื่อราคาสินค้าลดลงปริมาณความต้องการเสนอซื้อ
จะเพิม่ ขึ้น”
P  Q ; P  Q 


ลักษณะความสัมพันธ์แบบนี้ ตรงกับที่นกั ศึกษาคาดคิดไว้กอ่ นรึเปล่า?
ทาไมเราถึงสามารถซื้อน้อยลง เมื่อราคาเพิ่มสูงขึ้น?
EC210 2/2552
76
Question: ทาไมปริมาณเสนอซื้อถึงแปรผกผันกับราคา?
1. ผลทางรายได้ (Income effect):
 รายได้ท่แ
ี ท้จริงมีอยู่เท่าเดิม แต่ราคาสูงขึ้น
 2. ผลทางการทดแทน (Substitution effect):
 ราคาสินค้าสูงขึ้นในขณะที่ราคาสินค้าชนิ ดอืน
่ อยู่คงที่ ผูซ้ ้ ือจึงรูส้ กึ ว่า
สินค้านี้ แพงขึ้นและซื้อสินค้านี้ นอ้ ยลง

“Relative Price”

ตัวอย่าง... น้ ามันราคาแพงขึ้น เกิดผลต่อรายได้ท่แี ท้จริง
และราคาเปรียบเทียบกับ LPG อย่างไร
EC210 2/2552
77
อุปสงค์สว่ นบุคคล (Individual demand)
และอุปสงค์ตลาด (Market demand)
ราคาของ Coke ปริมาณต้องการ ปริมาณต้องการซื้อ
(บาท/ กระป้อง) ซื้อของ “นาย ก.” ของ “นางสาว ข.”
qนาย ก.
qนางสาว ข.
1
2
3
4
5
6
10
9
8
7
6
5
12
10
8
6
4
2
EC210 2/2552
ปริมาณต้องการซื้อของตลาด
qนาย ก.+ qนางสาว ข.=Qตลาด
22
19
16
13
10
7
78
From Household
Demand to Market Demand

Assuming there are only two households in the market, market
demand is derived as follows:
EC210 2/2552
79
Exercise
Market demand เท่ากับ....
....ผลรวมของ individual demand ในแต่ละระดับราคาสินค้า
ค่ าโทร/นาที
5
4
3
2
1
จานวนชั่วโมงการใช้ ใน 1 เดือน
Mkt demand
ก
ข
ค
2
2.5
4
6
9
5
6
8
11
16
10
12
15
20
30
EC210 2/2552
80
ปัจจัยกาหนด demand
SIMPLE FUNCTION : QDx = f(Px)
... ราคา เป็ นปัจจัยกาหนดปริมาณความต้องการซื้อสินค้า
แต่จริงแล้ว ... ยังมีปจั จัยอืน่ ๆที่เป็ นตัวกาหนดอีกมากมาย ได้แก่
รายได้ (Income) : สินค้าปกติ (+) สินค้าด้อย (-)
ราคาสินค้าอืน่ ๆ (Py) : สินค้าใช้ประกอบกัน (-) สินค้าใช้ทดแทนกัน (+)
รสนิ ยม (Taste) : (+) (-)
จานวนประชากร : (+)
อืน่ ๆ
: (+) (-)
EC210 2/2552
81
สิ นค้าทดแทน สิ นค้าใช้ประกอบกัน คืออะไร

สินค้าที่ใช้ทดแทนกัน คือ..........
เช่น โทรศัพท์บา้ น กับ โทรศัพท์มอื ถือ / กล้องฟิลม์ กับ กล้องดิจติ อล
อาหารอินเตอร์โซน กับ อาหารตลาดนัด

สินค้าที่ใช้ประกอบกัน คือ..........
เช่น กล้องฟิลม์ กับ ฟิลม์ ถ่ายรูป / แชมพู กับ ครีมนวดผม /
มาม่า กับ พรานทะเลควิก
EC210 2/2552
82
ลองวิเคราะห์ ประเด็นต่อไปนี้






เพราะเหตุใด ยอดขาย black berry ถึงพุ่งกระฉูด
การจัดกลุ่มคนรักตุก๊ ตาบลายซ์ มีผลต่ออุปสงค์ของตุก๊ ตาหรือไม่
สิงคโปร์จะเปิด คาสิโน มีผลอย่างไรต่ออุปสงค์การท่องเที่ยวใน
สิงคโปร์ และในมาเลเซีย
กระแสเครื่องสาอางในห้องโต๊ะเครื่องแป้ ง (pantip.com) มีผลกับการ
ซื้อสินค้าของสาวๆ อย่างไร
ข่าวความไม่ลงรอยของ ไทย เขมร มีผลต่อร้านค้าบริเวณชายแดน
ไทยอย่างไร
การเปิดเขตการค้าเสรี อาเซียน มีผลต่ออุปสงค์สินค้าส่งออกไทย
อย่างไร
EC210 2/2552
83
Change in quantity & change in curve
-
-
การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปสงค์ (change in quantity)
---- called “move along”
การเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ (change in curve)
---- called “shift”
EC210 2/2552
84
From C to B is called…
From C to A is called…
From A to C is called…
P
C
A
B
D*
D
Q
0
EC210 2/2552
85
โดยสรุป
To summarize:
Change in price of a good or service
leads to
Change in quantity demanded
(Movement along the curve).
Change in income, preferences, or
prices of other goods or services
leads to
Change in demand
(Shift of curve).
EC210 2/2552
86
ตัวอย่างการ shift เส้น demand
Example: demand ในการชมภาพยนตร์ของนักศึกษา A
(มีค่าขนม = 4000/เดือน กับค่าขนม = 8000 /เดือน)
ราคาต่อเรื่อง (P)
200
160
120
80
40
จานวนครัง้ ในการชมต่อเดือน
(Q) ค่าขนม 4000 บาท
1
2
3
4
5
EC210 2/2552
จานวนครัง้ ในการชมต่อเดือน
(Q) ค่าขนม 8000 บาท
2
4
5
8
9
87
ผลต่อเส้นอุปสงค์ เมื่อปัจจัยรายได้เปลี่ยนแปลง
•
Higher income decreases the
demand for an inferior good
•
Higher income increases the
demand for a normal good
•
Demand Shift ซ้าย
•
Demand Shift ขวา
EC210 2/2552
88
ผลต่อเส้นอุปสงค์ เมื่อปัจจัยราคาสินค้าอืน่ (ที่เกี่ยวข้อง)เปลีย่ นแปลง
• Demand for
complement good
( เช่น กระดาษห่อ
แฮมเบอร์เกอร์)
shifts left
• Price of hamburger Mac rises
• Quantity of hamburger
demanded per month falls
• Demand for
substitute good
(เช่ น ไก่ KFC)
shifts right
EC210 2/2552
89 of 48
ตัวอย่างการอธิบาย
ราคาน้ าอัดลม เพิม่ ขึ้น
จะส่งผลต่อ demandน้ าผลไม้ อย่างไร? จงวาดรูปประกอบ
ตอบ เนื่ องจากน้ าอัดลมและน้ าผลไม้เป็ นสินค้าทดแทนกัน
ดังนั้นเมื่อ ราคาน้ าอัดลมเพิม่ ขึ้น จะทาให้ ปริมาณการบริโภคน้ าอัดลมลดลง และ
หันไปบริโภคน้ าผลไม้มากขึ้น
( Pนา้ อัดลม   Qนา้ อัดลม   Qนา้ ผลไม้  )
และการที่ ราคาน้ าอัดลมเพิม่ ขึ้น จะส่งผลทาให้ เส้น demand shift ไปทางขวา
ดังรูป จาก D เป็ น D*
EC210 2/2552
90
ตัวอย่างการวิเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงอุปสงค์
1.
2.
3.
4.
5.
6.
7.
8.
ราคาสุราเพิม่ ขึ้น  demand สุรา ?
นศ.ได้ค่าขนมเพิม่ ขึ้น  demand ดูหนัง?
ราคาโค้กลดลง  demand เป๊ บซี่?
รัฐฯ รณรงค์หา้ มโชว์บหุ รี่ท่รี า้ นค้า  demand บุหรี่ ?
ราคาเนื้ อหมูเพิม่ ขึ้น  demand ไก่?
ราคาดินสอลดลง  demand ปากกา?
ราคาน้ ามันเพิม่ ขึ้น  demand รถยนต์?
รายได้เพิม่ ขึ้น  demand การใช้รถเมล์?
EC210 2/2552
91
EC210 2/2552
92
อุปทาน (SUPPLY)
ความหมาย
 จานวนของสินค้าและบริการที่ผูผ
้ ลิตมีความเต็มใจที่จะผลิต
และสามารถนาออกขาย ณ. ระดับราคาต่างๆ ภายใน
ระยะเวลาที่กาหนด
LAW OF SUPPLY
“ถ้าปัจจัยอืน่ ๆ คงที่ เมื่อราคาสินค้าเพิม่ ขึ้น ....
.... ปริมาณความต้องการขายจะเพิม่ ขึ้น”
EC210 2/2552
93
เพราะเหตุใดความสัมพันธ์จงึ เป็ นเช่นนั้น ?...
...เพราะ กาไร () เป็ นตัวชี้นา
P Q 
P Q


วาด Supply Curve?
Individual & mkt supply curve?
EC210 2/2552
94
อุปทานส่วนบุคคล (Individual supply)
ราคาของ Coke (บาท/ กระป๋ อง )
ปริมาณต้ องการขาย (Quantity
supplied - กระป๋ อง)
1
2
3
4
5
6
0
1
2
3
4
5
EC210 2/2552
95
EC210 2/2552
96
อุปทานส่วนบุคคล (Individual supply)
และอุปทานของตลาด (Market supply)
ราคาของ Coke (บาท/
กระป๋ อง)
ปริมาณต้ องการขาย
ของ “บริษัท A”
qA
1
2
3
4
5
6
0
1
2
3
4
5
ปริมาณต้ องการขาย ปริมาณเสนอขายของ
ของ “บริษัท B”
ตลาด
qB
qA + qB =Qตลาด
2
4
6
8
10
12
EC210 2/2552
2
5
8
11
14
17
97
From Individual
Supply to Market Supply

98 of 48
As with market demand, market supply is the horizontal
summation of individual firms’ supply curves.
EC210 2/2552
ปัจจัยกาหนด supply
-
ราคาสินค้า (P) และการคาดคะเนราคาในอนาคต
ราคาปัจจัยการผลิต (Input Price)
ราคาของสินค้าอืน่ ที่ผูผ้ ลิตสามารถผลิตได้
เทคโนโลยีการผลิต (technology)
จานวนผูข้ าย
สภาพแวดล้อม
อืน่ ๆ
EC210 2/2552
99
ลองวิเคราะห์ ประเด็นต่อไปนี้
ทาไม เมื่อมีการคาดการณ์ ว่า ราคาทองคาจะขึน้ ทองคาจึงขาดตลาด
 เกิดอะไรขึน
้ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อจีนตัดสินใจเข้ามาผลิตใน
ตลาดโลก
......

EC210 2/2552
100
การเปลี่ยนแปลงเส้น supply
-
-
การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปทาน (change in quantity)
---- called “move along”
การเปลี่ยนแปลงระดับอุปทาน (change in curve)
---- called “shift”
EC210 2/2552
101
From C to B is called…
From C to A is called…
From A to C is called…
P
S*
S
B
A
C
Q
0
EC210 2/2552
102
โดยสรุป
To summarize:
Change in price of a good or service
leads to
Change in quantity supplied
(Movement along the curve).
Change in costs, input prices, technology, or prices of related goods and
services
leads to
Change in supply
(Shift of curve).
EC210 2/2552
103
ข้อใดต่อไปนี้ มีผลทาให้อปุ ทานของสินค้าและบริการลดลง
ก. ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น
ข. รายได้ของผูซ้ ้ อื สินค้าลดลง
ค. รสนิ ยมของผูบ้ ริโภคเปลี่ยนแปลงไป
ง. ค่าแรงงานถูกลง
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก.
EC210 2/2552
104
EC210 2/2552
105
ดุลยภาพตลาด (Market Equilibrium)
ดุลยภาพตลาด คือจุดที่ปริมาณเสนอซื้อ เท่ากับ
ปริมาณเสนอขาย (D=S)
ณ ดุลภาพจะเกิด
ราคาดุลยภาพ (Equilibrium Price)
ปริมาณดุลยภาพ (Equilibrium Quantity)
Q:เกิดอะไรขึ้น ถ้า ราคาเปลีย่ นไปจากดุลยภาพ?
EC210 2/2552
106
Case I : P > Pe (i.e. P=P1)
Supply > Demand  “Excess supply”
ของล้นตลาด  คนขายต้องลดราคา
Case II : P < Pe (i.e. P=P2)
Demand > Supply  “Excess demand”
ของขาดตลาด  คนแย่งกันซื้อ
Q: เป็ นไปได้หรือไม่ท่จี ะเกิด excess supply ทุกๆ ราคา?
EC210 2/2552
107
Excess supply
Price
S
Excess supply
P1
E
PE
D
QD
QE
QS
EC210 2/2552
Quantity
108
Excess demand
Price
S
E
PE
P2
Excess demand
QS
QE
D
QD
EC210 2/2552
Quantity
109
ในภาวะที่ราคาซึ่งขายจริงอยู่ในตลาดอยู่.......ระดับราคาดุลยภาพจะ
ทาให้เกิด.........ในตลาด ยังผลให้ราคาสินค้าปรับตัว......และปริมาณ
การผลิต.........
ก. สูงกว่า, อุปทานส่วนเกิน, เพิม่ ขึ้น และ ลดลง
ข. ตา่ กว่า , อุปทานส่วนเกิน, เพิม่ ขึ้น และเพิม่ สูงขึ้น
ค. สูงกว่า , อุปทานส่วนเกิน, ลดลง และ ลดตา่ ลง
ง. ตา่ กว่า , อุปสงค์สว่ นเกิน, ลดลง และเพิม่ สูงขึ้น
ตอบ ค.
EC210 2/2552
110
การเปลี่ยนแปลงดุลยภาพ
มี 3 ลักษณะ คือ
1. Demand Shift อย่างเดียว
2. Supply Shift อย่างเดียว
3. Shift ทัง้ Demand & Supply
โดยการวิเคราะห์จะใช้ วิธี Comparative Statics
[เทียบการเปลี่ยนแปลงระหว่าง ดุลยภาพเก่า&ใหม่]
“นศ.จะต้องดูดุลภาพเก่า&ใหม่ และผลต่อ P&Q ให้ได้”
EC210 2/2552
111
Demand Shift อย่างเดียว
P
S
E2
P2
P1
E1
D*
D
0
Q1
Q2
EC210 2/2552
Q
112
Supply Shift อย่างเดียว
S*
P
S
P2
E2
P1
E1
D
0
Q2
Q1
EC210 2/2552
Q
113
Shift ทัง้ Demand & Supply (i)
P
S*
S
P2
P1
D*
D
0
Q1 Q2
EC210 2/2552
Q
114
Shift ทัง้ Demand & Supply (ii)
P
S*
S
P2
P1
D*
D
0
Q1
EC210 2/2552
Q
115
Shift ทัง้ Demand & Supply (iii)
S*
P
S
P2
P1
D*
D
0
Q2 Q1
EC210 2/2552
Q
116
Conclusion
Demand คงที่
Demand Shift ขวา Demand Shift ซ้าย
P เพิม่ ขึ้น
Q เพิม่ ขึ้น
P ลดลง
Q ลดลง
Supply Shift ขวา
P ลดลง
Q เพิม่ ขึ้น
P ไม่แน่ นอน
Q เพิม่ ขึ้น
P ลดลง
Q ไม่แน่ นอน
Supply Shift ซ้าย
P เพิม่ ขึ้น
Q ลดลง
P เพิม่ ขึ้น
Q ไม่แน่ นอน
P ไม่แน่ นอน
Q ลดลง
Supply คงที่
EC210 2/2552
117
ขัน้ ตอนการวิเคราะห์
1.
ดูวา่ เหตุการณ์ท่เี กิดขึ้นกระทบ Demand/Supply
2.
ดูทศิ ทางการเกิด Shift เส้น (ซ้าย/ขวา)
3.
ใช้ D-S อธิบายผล
นักศึกษาจะต้องหัดเขียน เพื่อให้เกิดความชานาญ
EC210 2/2552
118
ปี นี้ ผลผลิตใบชาในประเทศลดลง เนื่ องจากสภาพดินฟ้ า
อากาศแห้งแล้ง เหตุการณ์น้ ี จะมีผลต่อราคาและปริมาณใบชา
ในประเทศอย่างไร
ก. ราคาและปริมาณ ลดลง
ข. ราคาและปริมาณ เพิม่ ขึ้น
ค. ราคาเพิม่ ขึ้น ปริมาณลดลง
ง. ราคาเท่าเดิม ปริมาณลดลง
ตอบ ค.
EC210 2/2552
119
จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้ ว่า ถูกหรือผิด พร้อมทัง้ ให้เหตุผลอธิบาย

การเพิม่ ราคาของปลาแซลมอน จะทาให้เส้นอุปสงค์ของปลาแซลมอนเคลือ่ นทีล่ ดลง
ไปทางซ้าย (shift to the left)

การที่เทคโนโลยีในการผลิตคอมพิวเตอร์พฒั นาขึ้น จะทาให้เส้นอุปทานของ
คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่เพิม่ ขึ้นไปทางขวา (shift to the right)

หากราคาอยู่ท่รี ะดับตา่ กว่าราคาดุลยภาพ จะทาให้เกิดอุปทานส่วนเกิน (surplus)
ส่งผลให้ราคาต้องปรับตัวลดลง
EC210 2/2552
120
โจทย์ “ในภาวะที่ราคาน้ ามันถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่ อง
จงวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าว ต่อตลาดพลังงานทดแทน เช่น LPG
ขัน้ ตอนการวิเคราะห์

ดูว่าเหตุการณ์ท่เี กิดขึ้นกระทบ Demand/Supply ....ตอบ....
-
ดูทศิ ทางการเกิด Shift เส้น (ซ้าย/ขวา) ....ตอบ....
-
ใช้ D-S อธิบายผล ... อธิบาย....
สิ่ งที่ต้องระวัง.. เนื่องจากเราวิเคราะห์ สองสิ นค้ า เวลาเขียน อธิบายให้ ชัดเจนด้ วย
EC210 2/2552
121

เมือร่ าคาน้ ามันถึบตัวสูงขึ้น จะทาให้ความต้องการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น (เนื่ องจากเป็ นสินค้าที่
ใช้ทดแทนกัน) ดังนั้น เส้น demandในตลาดพลังงานทดแทนจะ shift ไปทางขวา ซึ่งสามารถ
วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงได้ดงั รูปต่อไปนี้
P
เดิม ดุลยภาพตลาดอยู่ท่ี จุด E1
S
E2
(ราคาดุลยภาพ = P1 ปริมาณดุลยภาพ = Q1)
P2
P1
E1
D
D*
Q
หลั
ง
จากที
่ราคาน้ ามันถึบตัวสูงขึ้น เส้น demand
0
Q1 Q2
shift จาก D เป็ น D* ทาให้ ณ ราคา P1 เกิด excess demand (ของขาดตลาด) เป็ นแรงผลักดัน
ให้ราคาเพิ่มขึ้น
ดุลยภาพใหม่จะอยู่ท่ี จุด E2 (ราคาดุลยภาพ = P2 ปริมาณดุลยภาพ =Q2)
ผลของเหตุการณ์ทาให้ตลาดพลังงานทดแทน มีปริมาณดุลยภาพเพิ่มขึ้น Q1Q2
ราคาดุลยภาพเพิ่มขึ้น P1P2
EC210 2/2552
122
จงวิเคราะห์เหตุการณ์ต่อไปนี้

ตลาดมีผขู ้ ายหน้าใหม่เข้ามาเป็ นจานวนมาก

สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกทาให้กาลังซื้อของผูบ้ ริ โภคถดถอย

ภาวะโลกร้อน ทาให้ ผลผลิตไม่ได้ตามที่คาดการณ์ไว้
EC210 2/2552
123
ทบทวนการเรียนต่ อ (ประโยคต่ อไปนี้ ถูกหรือผิด)
 ถ้าราคาตา่ กว่าราคาดุลยภาพ
จะเกิดของล้นตลาด
 จานวนลูกค้า (ผูบ
้ ริโภค)ที่เพิม่ ขึ้น จะส่งผลทาให้ระดับราคา
สินค้าในตลาดสูงขึ้น
 เศรษฐกิจตกตา่ จะทาให้ Demand ของสินค้าอุปโภคบริโภค
shift ซ้าย
EC210 2/2552
124
Demand
Supply
ปัจจัยกาหนด
(P, I , Py ..)
ปัจจัยกาหนด
(P, IP ,tech ..)
ค่าความยืดหยุ่น
ดุลยภาพ
กลไกตลาด
การตัดสินใจ
ของผูข้ าย
นโยบาย
ของรัฐ
ค่าความยืดหยุน่
EC210 2/2552
125
EC210 2/2552
126
Topics

3.1 ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาและการประยุกต์ใช้






ความหมายของความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
การคานวณความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาภายในอุปสงค์หนึ่ งเส้น
การเปรียบเทียบและลักษณะของเส้นอุปสงค์ท่มี ีค่าความยืดหยุ่นต่างๆ กัน
ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคากับการเปลีย่ นแปลงรายรับรวม
EC210 2/2552
127
Topics (continued)

3.2 ความยืดหยุ่นชนิ ดอืน่ ๆ และการประยุกต์ใช้ความยืดหยุ่นอุปสงค์ต่อราคา



ความยืดหยุ่นอุปสงค์ต่อรายได้
ความยืดหยุ่นอุปสงค์ไขว้
3.3 ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา



ความหมายของความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา
การเปรียบเทียบและลักษณะของเส้นอุปทานที่มีค่าความยืดหยุ่นต่าง ๆ กัน
ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา
EC210 2/2552
128
Topics (continued)

3.4 การประยุกต์ใช้อปุ สงค์และอุปทานอธิบายในการวิเคราะห์การแทรกแซง
ของรัฐบาลในทางเศรษฐกิจบางประการ



การกาหนดราคาขัน้ สูง (Maximum Price)
การกาหนดราคาขัน้ ตา่ (Minimum Price)
การเก็บภาษี Sales Tax กับผูข้ าย
EC210 2/2552
129
ค่าความยืดหยุ่น (Elasticity)
Question: เราต้องเรียนค่าความยืดหยุ่นทาไม?
answer:
ช่วยวิเคราะห์เพิม่ เติมในเรื่อง
“ขนาด” (Magnitude) การเปลี่ยนแปลง
ยืดหยุ่นเป็ น “ค่าที่ใช้วดั ความมากน้อยของการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรตาม ต่อการ
เปลี่ยนแปลงของตัวแปรต้น”
เช่น
QDx = f(Px, I, Py, ....)
QSx = f(Px, IP... )
EC210 2/2552
130
ยกตัวอย่าง
การศึกษา ความยืดหยุน่ ต่อราคาของอุปสงค์ จะบอกให้เรา
ทราบว่า
 “เมือ
่ ราคาเปลีย่ นแปลงไป (เช่น ผูป้ ระกอบการตัดสินใจจะขึน้
ราคาสินค้า 10% จาก นมกล่องละ 10 บาท เป็ น 11 บาท)
 จะทาให้ ผูซ
้ อ้ื ตัดสินใจ ซือ้ สินค้าลดลง มากน้อยแค่ไหน (เช่น
จากเดิม เคยซือ้ สัปดาห์ละ 5 กล่อง จะลดลง เหลือ กีก่ ล่อง
หรือ ลดลง กีเ่ ปอร์เซ็นต์)

EC210 2/2552
131
หลักการคานวณค่าความยืดหยุ่น
ค่าความยืดหยุ่น วัด
% ตัวแปรตาม
% ตัวแปรต้น
%y
%x
ดังนัน้ ค่า ความยืดหยุ่นจึงไม่มหี น่ วย
Ex
=-1.5
=3
=0
=
...
หมายเหตุ % ตัวแปร
เช่น ค่าขนมของนักศึกษาเพิม่ ขึ้น 10% (เพิม่ จาก 3000 เป็ น ?? บาท)
GDP มีอตั ราการขยายตัว 4% (เดิม GDP = 4 แสนล้าน GDP ใหม่ =??)
EC210 2/2552
132
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง %Y = Y2 – Y1
Y1
วิธีคดิ ใช้หลักเทียบบรรยัดไตรยางค์
เช่น ค่าขนมของนักศึกษาเพิม่ ขึ้น 10% (เพิม่ จาก 3000 เป็ น ?? บาท)
10% ของ 3000 เท่ากับ 300 ดังนัน้ ค่าขนมจะเพิ่มเป็ น 3300 บาท
GDP มีอตั ราการขยายตัว 4% (เดิม GDP = 4 แสนล้าน GDP ใหม่ =??)
4% ของ 400000 ล้าน เท่ากับ 16000 ล้าน
ดังนัน้ GDP จะเพิ่มเป็ น 416000 ล้านบาท หรือ 4.16 แสนล้านบาท
EC210 2/2552
133
Question: โดยตัวของค่าความยืดหยุ่นบอกอะไร?
-
-
ทิศทางการเปลี่ยนแปลง (direction)
.....ดูจากเครื่องหมาย บวก (+) ลบ (-)
ขนาดการเปลี่ยนแปลง (magnitude)
.....ดูจากค่าตัวเลข (ไม่ดูเครื่องหมาย)
“ดูว่าเมือ่ x เปลีย่ นแปลงไป 1% จะทาให้ y เปลีย่ นแปลงไปกี่ %”
EC210 2/2552
134
ขนาดการเปลีย่ นแปลง (magnitude)
ความยืดหยุ่นมีค่ามากหรือน้ อย
0   
 1
Elastic
 1
Inelastic
  1 Unitary Elastic
 0
Perfectly Inelastic
 
Perfectly Elastic
EC210 2/2552
135
¤ ประเภท ความยืดหยุ่นของอุปสงค์
ความยืดหยุ่นต่อราคา (price elasticity)
• อิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของราคาที่มีผลต่ออุปสงค์
ความยืดหยุ่นต่อรายได้ (income elasticity)
• อิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของรายได้ท่มี ีผลต่ออุปสงค์
ความยืดหยุ่นไขว้ (cross price elasticity)
• อิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าอืน่ ที่มีผลต่ออุปสงค์
EC210 2/2552
136
P
A
B
C
Q
EC210 2/2552
137
ค่าความยืดหยุ่นต่อราคา (d)
ความหมาย และความสาคัญ
เป็ นตัวดัชนี ช้ ีวดั ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า
นั้นๆ จะส่งผลทาให้ปริมาณเสนอซื้อสินค้าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อย
เพียงใด
สูตรการคานวณ
d =
%Q
%P
บอกให้ทราบว่า หากราคาเปลี่ยนแปลงไป 1%
จะทาให้ปริมาณอุปสงค์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
EC210 2/2552
138
การวัดความยืดหยุ่น (วิธีการคานวณ)


P
การวัดความยืดหยุ่นแบบช่วง (arc elasticity)
Ed = (Q1-Q2)  (P1-P2) = (Q1-Q2) x (P1+P2)
(Q1+Q2)
(P1+P2) (Q1+Q2) (P1-P2)
2
2
การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด (point elasticity)
Ed = Q/Q  P/P = Q x P = ส่วนกลับ slope x P
P Q
Q
6
4
D
80
120
Q
ลองช่วยคานวณ
ค่าความยืดหยุ่นแบบช่วง
เล่นๆ ดูสิ
EC210 2/2552
139
P
เฉลย
Ed =
6
4
(Q1-Q2)  (P1-P2)
(Q1+Q2)
(P1+P2)
2
2
80
= (Q1-Q2) x (P1+P2)
(Q1+Q2) (P1-P2)
= 120-80 x 4+6 = 40 x 10 = -1
120+80
4-6
200 x(-2)
D
Q
120
ค่ าความยืดหยุ่นทีค่ านวณได้ บอกให้ เราทราบอะไรบ้ าง.... ช่ วยตีความกันหน่ อย
EC210 2/2552
140
Exercise:จงคานวณค่าความยืดหยุ่นในช่วง AB และช่วง CD
พร้อมตีความค่าที่ได้จากการคานวณ
ค่ าความยืดหยุ่นช่ วง AB เท่ ากับ -3
Price
A
10
B
ค่ าความยืดหยุ่นช่ วง CD เท่ ากับ -0.33
8
C
4
D
2
5
10
20
25
EC210 2/2552
Quantity
141
ข้อสังเกต
(กรณี เส้นอุปสงค์เป็ นเส้นตรง) ค่าความยืดหยุ่นอุปสงค์ต่อราคา
ภายในเส้นอุปสงค์หนึ่ งเส้นจะมีค่าเปลีย่ นแปลงไปเรื่อยๆ ตามจุด
ต่างๆ บนเส้น
ยิ่งใกล้จุดที่ปริมาณเท่ากับศูนย์ (Q→0) ค่าความยืดหยุ่นอุปสงค์ต่อ
ราคาจะยืดหยุ่นจะมากขึ้นเรื่อยๆ
 ยิ่งใกล้จุดที่ราคาเท่ากับศูนย์ (P→0) ค่าความยืดหยุ่นอุปสงค์ต่อราคา
จะยืดหยุ่นน้อยลงเรื่อยๆ

WHY !!!
EC210 2/2552
142
** ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาภายในอุปสงค์หนึ่ งเส้น
Price
4
EP = -
Elastic
Ep = -1
2
Inelastic
4
8
EC210 2/2552
Q
Ep = 0
143
การเปรียบเทียบและลักษณะของเส้นอุปสงค์ท่มี ีคา่ ความยืดหยุ่นต่างๆ กัน
การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด (point elasticity)

Ed = Q/Q  P/P = Q x P = ส่วนกลับ slope x P
P Q
Q
เส้นอุปสงค์จะมีลกั ษณะแตกต่างกันไปตามชนิ ดสินค้า (หรือระยะเวลา)
 ถึงแม้ว่าค่าความชัน (slope) กับค่าความยืดหยุ่น (elasticity) จะ
ไม่ใช่สง่ิ เดียวกัน แต่ค่าความชันก็ยงั พอจะช่วยสามารถบอกอะไร
บางอย่างเกี่ยวกับความยืดหยุ่น
 “ยิ่งชันมาก elasticity ยิ่งน้อย”
***การบอกค่าความยืดหยุ่นโดยดูจากลักษณะของเส้นอุปสงค์เป็ นแต่การเปรียบเทียบเส้นอุปสงค์
ชนิ ดต่างๆ ในภาพรวมเท่านั้น ไม่ใช่การเปรียบเทียบโดยละเอียด
EC210 2/2552
144
|Ed|=0 (perfectly inelastic demand):
ถึงแม้ว่าระดับราคาจะเพิม่ สูงขึ้น ปริมาณเสนอซื้อก็ยงั คงที่
Price
D
ยกตัวอย่าง เช่ น
ยา สาหรับผู้ป่วย เช่ น เบาหวาน เอดส์
ยาเสพติด สาหรับคนติดยา
ฯลฯ
P2
P1
Q1
EC210 2/2552
Quantity
145
|Ed|<1 (inelastic demand):
Price
P2
P1
D
Q2
Q1
EC210 2/2552
Quantity
146
|Ed|=1 (unitary elastic demand):
Price
P2
P1
D
Q2
Q1
Quantity
EC210 2/2552
147
|Ed|>1 (elastic demand):
Price
P2
P1
D
Q1
Q2
Quantity
EC210 2/2552
148
|Ed|= ∞ (perfectly elastic demand):
ถ้าระดับราคาจะเพิม่ สูงขึ้นกว่า (P1) ปริมาณเสนอซื้อก็จะเป็ น 0
ยกตัวอย่าง เช่ น
อุปสงค์ ทผี่ ้ ผู ลิตเผชิญ
ในตลาดแข่ งขันสมบูรณ์ (บทที่ 5)
Price
D
P1
Quantity
EC210 2/2552
149
Comparing Elasticity of Demand
Elasticity at
point A
Price
D* จะมีความยืดหยุ่น ตา่ กว่า D
P1
P2
A
เพราะ ราคาเปลี่ยนเท่ากัน แต่ ปริมาณเปลี่ยนน้ อยกว่า
หรือ ความชันมากกว่า ยิดหยุ่นน้ อยกว่า
B
C
D
D*
Q1 Q2 Q3
EC210 2/2552
Quantity
150
** ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
1 ความคงทนถาวรของสินค้า


สินค้าคงทนถาวร เป็ นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นสูง
e.g., รถยนต์, บ้าน vs. กระดาษชาระ
** สินค้าคงทนถาวร คือ สินค้าที่มีอายุการใช้งานยาวนาน
ลองนึ กดูสวิ ่า .... หากราคาบ้าน เพิ่มขึ้น 10% demand จะลดลงมากไหม
เมื่อเทียบกับ กระดาษชาระ ราคาเพิ่มขึ้น 10%
EC210 2/2552
151
** ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
2 มีสนิ ค้าทดแทน


สินค้าที่มีสนิ ค้าอืน่ ใช้ทดแทนได้งา่ ย เป็ นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นสูง
(high elasticity)
e.g., เนื้ อไก่ vs. ไฟฟ้ า
เนื้ อไก่ กับไฟฟ้ า อะไรหาสินค้าทดแทนได้งา่ ยกว่ากัน
ทาไม สินค้าที่หาสินค้าอืน่ “ทดแทนได้งา่ ย” จึงอ่อนไหวต่อราคามาก
EC210 2/2552
152
** ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา
3. ขอบเขตของตลาดที่เราวิเคราะห์


ขอบเขตตลาดยิ่งแคบ จะทาให้มีความยืดหยุ่นสูง
e.g., กุง้ แช่แข็งพรานทะเล vs. กุง้ แช่แข็ง (ทุกยี่หอ้ )
ถ้าราคากุง้ แช่แข็งพรานทะเล เพิม่ ขึ้น 20% จะเกิดอะไรขึ้นกับ demand ของ
กุง้ แช่งแข็งพรานทะเล (ยอดขายพรานทะเลจะลดลงกี่เปอร์เซ็นต์)
เทียบกับ
ถ้าราคากุง้ แช่แข็งทุกยี่หอ้ เพิม่ ขึ้น 20% จะเกิดอะไรขึ้นกับ demand ของกุง้
แช่งแข็ง (ยอดขายกุง้ แช่แข็งทัง้ หมดจะลดลงกี่เปอร์เซ็นต์)
EC210 2/2552
153
** ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา (ต่อ)
4 ความจาเป็ นสาหรับผูบ้ ริโภค


สินค้าจาเป็ น – ความยืดหยุ่นตา่ สินค้าฟุ่ มเฟื อย - ความยืดหยุ่นสูง
e.g., สินค้าอุปโภคบริโภค vs. การท่องเที่ยว
5 ราคาของสินค้า


สินค้าที่มีสดั ส่วนต่องบประมาณรายจ่ายของผูซ้ ้ ือสูง เป็ นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นสูง
e.g., เสื้อผ้าแบรนด์ดงั ลดราคา คนรวย vs. คนทัว่ ไป
6 ระยะเวลา

อุปสงค์ในระยะยาวจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าอุปสงค์ในระยะสัน้
เนื่ องจากว่าผูซ้ ้ อื มีการปรับตัว
EC210 2/2552
154
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ตอ่ ราคากับการเปลี่ยนแปลงรายรับรวม
รายรับรวม = ราคา x ปริมาณ
Total Revenue = Price x Quantity
?
?
Question ผู้ขายควรใช้ กลยุทธ์ ราคาอย่ างไร เพือ่ เป็ นการเพิม่ รายรับ
EC210 2/2552
155
Total Revenue
หมายเหตุ รายรับรวมของผู้ผลิต ก็คอื รายจ่ ายรวมของผู้บริโภคนั่นเอง
Price
Total Revenue = P1 x Q1
(พืน้ ที่สี่เหลีย่ มสี เขียวใต้ เส้ นอุปสงค์ )
P1
Demand
Q1
Quantity
EC210 2/2552
156
การวิเคราะห์ค่าความยืดหยุ่นกับรายรับรวม
แบ่งได้เป็ น 2 กรณี
A. |d| >1
B. |d| < 1
Question จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเพิ่มราคา หรือลดราคา
Question ผูข้ ายควรใช้กลยุทธ์ราคาอย่างไร ในแต่ละกรณี เพือ่ เป็ น
การเพิ่มรายรับ
EC210 2/2552
157
A.
|d| >1 (% ΔQ > % ΔP)
P
i.e. สินค้าฟุ่ มเฟื อย
M
6
N
5
8
16
EC210 2/2552
Q
158
B.
|d| < 1 (% ΔQ < % ΔP)
P
10
M
i.e. สินค้าราคาตา่
N
5
Demand
Q
8 9
EC210 2/2552
159
ค่าความยืดหยุ่น
ของอุปสงค์ต่อาคา
ราคา 
ราคา 
ยืดหยุ่นมาก
(Elastic)
% ΔQ > % ΔP
รายรับรวม 
(Q  P )
รายรับรวม 
(Q  P )
ยืดหยุ่นน้อย
(Inelastic)
% ΔQ < % ΔP
รายรับรวม 
(Q  P )
รายรับรวม 
(Q  P )
ยืดหยุ่นคงที่
(Unitary Elastic)
% ΔQ = % ΔP
รายรับรวม
เท่าเดิม
รายรับรวม
เท่าเดิม
EC210 2/2552
160
ทบทวนการเรียนต่ อ (ประโยคต่ อไปนี้ ถูกหรือผิด)




ถ้าราคาตา่ กว่าราคาดุลยภาพ จะเกิดของล้นตลาด
จานวนลูกค้า (ผูบ้ ริโภค)ที่เพิม่ ขึ้น จะส่งผลทาให้ระดับราคาสินค้าในตลาด
สูงขึ้น
เศรษฐกิจตกตา่ จะทาให้ Demand ของสินค้าอุปโภคบริโภค shift ซ้าย
หากค่าความยืดหยุ่นต่อราคาของสินค้าเท่ากับ -3 หมายความว่า


ถ้าผูข้ ายตัดสินใจขึ้นราคาสินค้า 10 บาท จะทาให้ยอดปริมาณความต้องการซื้อลดลง
30 ชิ้น
ผูข้ ายรายนี้ ควรตัดสินใจลดราคาสินค้า เพราะจะทาให้รายรับรวมมากขึ้น
EC210 2/2552
161
EC210 2/2552
162
** ความยืดหยุ่นต่อรายได้ (i)
ความหมาย: เป็ นตัวดัชนี ช้ ีวดั ผลการเปลี่ยนแปลงในปริมาณเสนอซื้อ ที่เกิด
จากการเปลี่ยนแปลงรายได้ของผูบ้ ริโภค
สูตร
i
=
%Q
%I
Q/Q
I/I
ค่า i บอกว่า....
เครื่องหมายบวก (+) ลบ (-)
ค่าตัวเลข  ขนาดการเปลี่ยนแปลง
EC210 2/2552
163
ประเภทของสินค้า กับค่าความยืดหยุ่นต่อรายได้
Income Elasticity of Demand มีเครื่องหมายทัง้ บวกและลบ
สินค้าปกติ (Normal Goods)
รายได้เพิ่ม ซื้อสินค้านั้นเพิ่ม
สินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior Goods)
รายได้เพิ่ม ซื้อสินค้านั้นลดลง
EC210 2/2552
164
สินค้าฟุ่ มเฟื อยกับสินค้าจาเป็ น
กรณี ท่สี นิ ค้าที่มี i > 0 (i เป็ น +)
ถ้า i > 1 สินค้าฟุ่ มเฟื อย (Luxurious Goods)
ถ้า 0 < i < 1 สินค้าจาเป็ น (Necessary Goods)
EC210 2/2552
165
EC210 2/2552
166
ค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์การเดินทางในสถานการณ์และ
วัตถุประสงค์ของการเดินทางต่างๆ (ตัวอย่างงานศึกษาค่าความยืดหยุ่น)
ค่าความยืดหยุ่น ความยืดหยุ่นต่อ
ต่อราคา
รายได้
ในชัว่ โมงเร่งด่วน
การเดินทางที่จาเป็ น
(essential trips) เช่นเดินทางไปเรียน
การเดินทางเพิ่มเติม (ไม่จาเป็ น)
(optional trips) เช่นเดินทางไปช๊อปปิ้ ง
-0.16
0.70
-0.43
1.53
sansanee limpong (ajarntik) ec382, 1/2552
** ค่าความยืดหยุ่นไขว้ (xy)
ความหมาย: เป็ นตัวดัชนี ช้ ีวดั ผลการเปลี่ยนแปลงในปริมาณเสนอซื้อ ที่เกิด
จากการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าอืน่ ที่เกี่ยวข้อง
สูตร
xy
=
%Qx
%Py
Qx/Qx
Py/Py
เครื่องหมาย xy บอกอะไร ?
บวก (+)
ลบ (-)
EC210 2/2552
168
ความสัมพันธ์ของสินค้า กับค่าความยืดหยุ่นไขว้
Cross Elasticity of Demand มี เครื่องหมายทัง้ บวกและลบ
กรณี สนิ ค้าทดแทนกัน (เช่น แว่นตา กับ คอนแทกเลนส์)
x และ y เป็ นสินค้าทดแทนกัน(Substitute)
Py เพิ่ม ซื้อสินค้า x แทน y (QDx เพิ่ม)
กรณี สนิ ค้าใช้คู่กนั (เช่น หมึกพิมพ์ กับ กระดาษพิมพ์)
x และ y เป็ นสินค้าใช้คู่กนั (Complementary)
Py เพิ่ม ซื้อ y และ x ลดลง (QDx ลด)
EC210 2/2552
169
คาถาม
Cross Elasticity ของ AIS กับ DTAC เป็ นบวกหรือลบ?
Cross Elasticity ของ ธุรกิจท่องเที่ยว กับ ธุรกิจของที่ระลึก เป็ น
บวกหรือลบ?
Exy = 0 แสดงว่า?
EC210 2/2552
170
เครื่องหมายและการตีความค่าความยืดหยุ่น
ประเภทค่าความยืดหยุ่น
ค่าความยืดหยุ่นต่อราคา
ค่าความยืดหยุ่นต่อรายได้
ค่าความยืดหยุ่นไขว้
เครื่องหมาย +
สินค้าปกติ
0 < สินค้าจาเป็ น < 1
สินค้าฟุ่ มเฟื อย > 1
สินค้าใช้ทดแทนกัน
เครื่องหมาย ๏
สินค้าด้อย
สินค้าใช้ประกอบกัน
ค่าความยืดหยุ่นต่อราคา = -2 หมายความว่า
หากราคาสินค้าเพิม่ ขึ้น 1% จะทาให้อปุ สงค์(ความต้องการซื้อ) ลดลง 2%
EC210 2/2552
171
EC210 2/2552
172
ค่าความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา (s)
ความหมาย และความสาคัญ
เป็ นตัวดัชนี ช้ ีวดั ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้า
นั้นๆ จะส่งผลทาให้ปริมาณเสนอขายสินค้าเปลี่ยนแปลงไปมากน้อย
เพียงใด
สูตรการคานวณ
(เหมือนวิธีการคานวณค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา)
s =
%Q
%P
EC210 2/2552
เครื่องหมาย = ?
ขนาด = ?
173
Comparing Elasticity of Supply
S*
Price
S
B
P2
P1
C
A
Elasticity at
point A
S* จะมีความยืดหยุ่น ตา่ กว่า S
เพราะ ราคาเปลี่ยนเท่ากัน แต่ ปริมาณเปลี่ยนน้ อยกว่า
หรือ ความชันมากกว่า ยิดหยุ่นน้ อยกว่า
Quantity
EC210 2/2552
174
Perfectly Elastic & Perfectly Inelastic Supply
Price
Price
S
EP = 0
EP = 
P*
S
Quantity
EC210 2/2552
Q*
Quantity
175
ตัวกาหนดความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา
“ขึ้นกับ ความยากง่าย และรวดเร็วที่ผูข้ ายจะ เปลี่ยนแปลงปริมาณขาย”

ความสามารถในการเพิม่ หรือลดกาลังการผลิต



ถ้าจานวนการการผลิตสามารถเพิ่มหรือลดได้งา่ ย อุปทานของสินค้านั้นก็จะมีความ
ยืดหยุ่นสูง
e.g., หนังสือ, CD เพลง vs. บ้านพร้อมที่ดินแถวสีลม
ระยะเวลา

อุปทานในระยะยาวจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าอุปทานในระยะสัน้ เนื่ องจากว่าผูผ้ ลิตมี
การปรับตัว
EC210 2/2552
176
EC210 2/2552
177
รูปแบบการแทรกแซงของภาครัฐในทางเศรษฐกิจ

การกาหนดราคาขัน้ สูง (Maximum Price or Price Ceiling)

การกาหนดราคาขัน้ ตา่ (Minimum Price or Price Floor)

การเก็บภาษี
EC210 2/2552
178
ทาไมต้องมีการควบคุมราคา ?
เชื่อว่า..... ราคาดุลยภาพตลาด เป็ นราคาที่ไม่ยุตธิ รรมสาหรับผูซ้ ้ ือ
หรือ บางกรณี สาหรับผูข้ าย
- ราคาขัน้ สูง ? A legal maximum on the price at which a good can be sold.
- ราคาขัน้ ตา่ ? A legal minimum on the price at which a good can be sold.
ตัวอย่างการกาหนด และการควบคุมราคาสินค้า
-
-
การควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค(น้ าตาล,ข้าว,เนื้ อหมู...)
การรับประกันราคา / การกาหนดค่าจ้างขัน้ ตา่ ...
EC210 2/2552
179
การควบคุมราคาขัน้ สูง
(Price Ceiling หรือ Maximum Price)
EC210 2/2552
180
วัตถุประสงค์:
• ราคาดุลยภาพ (ราคาตลาด) สูงเกินไป รัฐบาลจึง
เข้าควบคุมไม่ให้ขายในราคาสูงกว่าที่กาหนด
• เป็ นมาตรการเพือ่ ช่วยผูซ้ ้ ือ เช่น ในช่วงสินค้าขาด
แคลน
วิธีการ:
• กาหนดราคาขาย (Pc) ให้ตา่ กว่าราคาดุลยภาพ
(Pe)
• ถ้าขายเกินราคา Pc ถือว่าผิดกฎหมาย
EC210 2/2552
181
การควบคุมราคาขัน้ สูง (Ceiling Price)
Price
S
Equilibrium
price
Pe
Pc
Price
ceiling
Excess demand
D
0
Q1
Qe
Q2
Quantity
Quantity
EC210 2/2552
supplied
demanded
Quantity
182
Copyright©2003 Southwestern/Thomson Learning

การกาหนดราคาขัน้ สูงจะมีผลหรือมีประสิทธิภาพหรือไม่น้นั ก็ข้ ึนอยู่
กับความสามารถในการควบคุมตรวจสอบของรัฐบาล
้ สูง:
 ผลกระทบจากการกาหนดราคาขัน
 อุปสงค์สว่ นเกิน (Excess demand or Shortage)
 ตลาดมืด (Black market)
 ต้นทุนในการหาซื้อสินค้า
 การผลิตสินค้าชนิ ดนั้นๆ อาจจะลดลงในอนาคต
 เช่น ลอตเตอรี่รฐั บาลราคาหน้าตัวใบละ
๋
80 บาท ขายจริง ??
EC210 2/2552
183
การควบคุมราคาขัน้ ตา่
(Price Floor หรือ Minimum Price)
EC210 2/2552
184
วัตถุประสงค์:
• ราคาดุลยภาพ (ราคาตลาด) ตา่ เกินไป รัฐบาลจึงเข้า
แทรกแซงให้ราคาขายไม่ตา่ กว่าราคาขัน้ ตา่ ที่กาหนด
• เป็ นมาตรการช่วยผูข้ าย เช่น ประกันราคาข้าว,
การกาหนดค่าจ้างขัน้ ตา่
วิธีการ:
• กาหนด ราคาขายขัน้ ตา่ (Pf) ให้สูงกว่าราคาดุลยภาพ (Pe)
• ใช้มาตรการเสริมต่าง ๆ เพื่อรักษาระดับราคาให้อยู่ท่ี Pf
EC210 2/2552
185
การควบคุมราคาขัน้ ตา่ (Floor Price)
Price
Supply
Excess supply
Pf
Price
floor
Pe
Equilibrium
price
Demand
0
Q1
Q2
Quantity Quantity
demanded
supplied
EC210
2/2552
Quantity
186
Copyright©2003 Southwestern/Thomson Learning
ผลกระทบจากการกาหนดราคาขัน้ ตา่ :
• ที่ Pf เกิด Excess Supply
• ถ้ารัฐบาลไม่มีมาตรการแทรกแซง ราคาจะกลับสูร่ าคาดุลยภาพ
มาตรการเสริม:
1) รัฐบาลรับซื้อผลผลิตส่วนเกิน (Excess supply)
2) ให้ผูผ้ ลิตขายให้หมดตามราคาตลาดแล้วมารับเงินอุดหนุ น
ชดเชยส่วนต่างของราคาขายขัน้ ตา่ กับราคาดุลยภาพตลาด
เช่น การรับประกันลาไยอบแห้ง ปี 2546-7 เกิดอะไรขึ้น ??
EC210 2/2552
187
การเก็บภาษี
EC210 2/2552
188
สรรพสามิตเตรียมปรับขึ้นภาษี บหุ รี่เต็มเพดาน



กรมสรรพสามิต เตรียมปรับขึ้นอัตราภาษี บหุ รี่ทกุ ชนิ ดทัง้ ไทยและต่างประเทศชน
เพดานสูงสุด เพือ่ ช่วยรณรงค์ให้ประชาชนลด ,ละ ,เลิกสูบบุหรี่ ซึ่งส่งผลให้ราคา
บุหรี่กรองทิพย์ข้ ึนทันทีอกี ซองละ10บาท
โดยปัจจุบนั พระราชบัญญัตยิ าสูบ กาหนดให้กรมสรรพสามิต จัดเก็บภาษี ยาสูบได้
ในอัตราสูงสุดไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาหน้าโรงงาน แต่ขณะนี้ จัดเก็บอยู่ในอัตรา
ร้อยละ 75 ยังเหลืออีกร้อยละ 5 ก็จะเต็มเพดานตามที่กฏหมายกาหนด
กรมคงไม่ขอลดเป้ าการจัดเก็บรายได้ลง แต่จะเพิม่ ประสิทธิภาพในการจัดเก็บมาก
ขึ้น เพือ่ ให้สามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้ า จานวน 3.125 แสนล้านบาท...
EC210 2/2552
189
การเก็บภาษี แบ่งเป็ น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1.ภาษี ตามสภาพ (ภาษี ต่อหน่ วย) (Specific Tax)
…. เก็บเป็ นมูลค่าคงที่ต่อหนึ่งหน่ วยสินค้า
2.ภาษี ตามราคา (Ad Valorem Tax)
….. เก็บเป็ น %ของราคาสินค้า
ASSUMPTION ศึกษาเฉพาะ ภาษีต่อหน่ วย ที่เก็บกับผูข้ าย
EC210 2/2552
190
ประเด็นการวิเคราะห์ผลของภาษี
-
ผลของการเก็บภาษี ต่อเส้น supply
-
การเปลี่ยนแปลงดุลยภาพ (ผลต่อ P&Q)
-
ภาระภาษี ของผูซ้ ้ ือ / ของผูข้ าย
-
รายได้ภาษี ของรัฐ
EC210 2/2552
191
ภาษีต่อหน่ วย (Specific tax or Unit tax)
S2
Price
S1
PT
Tax
Tax
P1
Q1
Quantity
EC210 2/2552
192
ภาระภาษีของผูซ้ ้ อื / ของผูข้ าย / รายได้ภาครัฐ
ภาระภาษี ของผูบ้ ริโภค (ผูซ้ ้ ือ)
: ค่าใช้จา่ ยที่มากขึ้นจากการมีภาษี [เทียบ P ที่จา่ ยก่อนมีภาษี VS P ที่จา่ ยหลังมีภาษี ]
= (ราคาที่จา่ ยหลังมีภาษี - ราคาที่จา่ ยก่อนมีภาษี )ปริมาณซื้อขาย
ภาระภาษี ของผูผ้ ลิต (ผูข้ าย)
: รายได้ท่ลี ดลงจากการมีภาษี [เทียบ P ที่ได้กอ่ นมีภาษี VS P ที่ได้หลังมีภาษี ]
=(ราคาที่ได้กอ่ นมีภาษี -ราคาที่ได้หลังมีภาษี )ปริมาณซื้อขาย
รายได้ภาษี ของรัฐ
: ภาษี รวมที่เก็บได้
= ภาระภาษี ผูบ้ ริโภค + ภาระภาษี ผูผ้ ลิต = (ภาษี ต่อหน่ วย)ปริมาณซื้อขาย
EC210 2/2552
193
การเก็บภาษี ต่อหน่ วยจากผูข้ าย
Price
Price
buyers
pay
Price
without
tax
S2
E1
P1
P0
P2
S1
Tax
B
A
A tax on sellers
shifts the supply
curve upward
by the amount of
the tax
E0
Price
sellers
receive
Demand, D1
0
Q1 Q0
EC210 2/2552
Quantity
194
ประเด็นที่ตอ้ งวิเคราะห์
ภาระภาษี ของผูซ้ ้ ือ (ต่อหน่ วย) =
มูลค่า
ภาระภาษี ของผูข้ าย (ต่อหน่ วย) =
มูลค่า
รายได้ของรัฐ (ต่อหน่ วย)
=
มูลค่า
EC210 2/2552
=
=
=
195
ผลของการเก็บภาษี กบั ค่าความยืดหยุ่น
(ดูปจั จัยกาหนดภาระภาษี .....ใครรับภาระมากน้อย)
I.
พิจารณา d ที่ต่างกัน
II.
พิจารณา s ที่ต่างกัน
“ผูท้ ่มี ีค่าความยืดหยุ่นต่างราคา ยิ่งสูง จะผลักภาระไปให้ฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่า”
EC210 2/2552
196
Case I Elastic Supply, Inelastic Demand
Price
S*
P1
ภาระภาษี
ผูซ้ ้ อื
E*
S
Tax
P
E
P2
Demand
0
Q*
Q
Quantity
ผู้ขาย สามารถผลักภาระไปได้ มากกว่ า ..... เพราะอะไร ??
EC210 2/2552
197
Case II Inelastic Supply, Elastic Demand
Price
S*
Price buyers pay
S
Price without tax
Tax
ภาระภาษี
ผูข้ าย
Demand
Price sellers
receive
Quantity
0
ผู้ซื้อ สามารถผลักภาระไปได้ มากกว่ า ..... เพราะอะไร ??
EC210 2/2552
198
การผลักภาระภาษีของผูซ้ ้ อื / ของผูข้ าย
Case I Elastic Supply, Inelastic Demand



ผูซ้ ้ ือ รับภาระภาษี มากกว่า
สินค้าที่ demand มีค่าความยืดหยุ่นตา่ เช่น สินค้าจาเป็ น
ข้อสังเกต เวลาสินค้าเหล่านี้ ถูกเรียกเก็บภาษี ราคาสินค้าจะปรับเปลี่ยนอย่างไร
Case II Inelastic Supply, Elastic Demand



ผูข้ าย รับภาระภาษีมากกว่า
สินค้าที่ demand มีค่าความยืดหยุ่นสูง เช่น สินค้าราคาสูง
ข้อสังเกต เวลาสินค้าเหล่านี้ ถูกเรียกเก็บภาษี ราคาสินค้าจะปรับเปลี่ยนไหม
EC210 2/2552
199
Question
กรณี ใดที่ ผูข้ าย สามารถผลัก ภาระภาษี ให้ ผูซ้ ้ ือ ได้ ทัง้ หมด?
Perfectly inelastic demand // Perfectly elastic supply
กรณี ใดที่ ผูซ้ ้ ือ สามารถผลักภาษี ให้ ผูข้ าย ได้ทง้ั หมด ?
Perfectly elastic demand // Perfectly inelastic supply
EC210 2/2552
200
อุปสงค์มีความยืดหยุ่นเท่ากับศูนย์ - ภาระภาษีจะตกอยู่กบั ผูซ้ ้ ือทัง้ หมด
D
S2
Price
S1
P
E2
B
Tax
PS = PE
E1
QE1
EC210 2/2552
Perfectly inelastic demand
Quantity
201
อุปสงค์มีความยืดหยุ่นเท่ากับ Infinite - ภาระภาษีจะตกอยู่กบั ผูข้ ายทัง้ หมด
S2
Price
PB =
PE
S1
E2
E1
Tax
D
Perfectly elastic demand
PS
QE2
QE1
EC210 2/2552
Quantity
202
จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้ ว่า ถูกหรือผิด พร้อมทัง้ ให้เหตุผลอธิบาย




ค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา คือ เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคา หารด้วย
เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของปริมาณเสนอซื้อ
หากผูข้ ายพบว่า ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาของสินค้าที่เขาขายมีคา่ เท่ากับ -2,
/Ed/ = 2, เขาควรจะขึ้นราคาสินค้า เพราะทาให้รายรับรวม (total revenue) เพิ่มสูงขึ้น
ถ้า น.ส.ปลายฝนซื้อบะหมี่สาเร็จรูปเพิ่มขึ้น เมื่อรายได้ลดลง แสดงว่า “บะหมี่ก่งึ สาเร็จรูป
เป็ น สินค้าด้อย สาหรับน.ส. ปลายฝน
ถ้าค่าความยืดหยุ่นไขว้ของอุปสงค์ (cross-price elasticity of demand) มีคา่
เท่ากับ -2.2 แสดงว่า สินค้าทัง้ สองชนิ ดนั้นเป็ นสินค้าที่ใช้ร่วมกันในการบริโภค
(complement good)
EC210 2/2552
203
พูดคุยก่อนเรียน
ประเด็นคาถามจากกระทู ้
 ราคาน้ ามันที่ลดลง VS สภาพเศรษฐกิจ
วิเคราะห์ สาเหตุ และผลกระทบ สองทาง
ราคาน้ ามันที่ลดลงมีสาเหตุมาจากอะไร
ราคาน้ ามันที่ลดลง จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไรบ้าง
บทความใหม่
 กรณี ศึกษา “ขายราคาถูกใช่ว่าจะดีเสมอไป”
EC210 2/2552
204
EC210 2/2552
205
Topics
4.1 การผลิต
 ความหมายของการผลิต หน่ วยผลิตและอุตสาหกรรม
 เป้ าหมายของหน่ วยผลิต
้ กับกฎแห่งการลดน้อยถอยลงของผลได้ (Law of Diminishing
 การผลิตระยะสัน
Returns)
 การผลิตระยะยาว
EC210 2/2552
206
4.2 ต้นทุนการผลิต
 ความหมายและความแตกต่างระหว่างต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์และต้นทุนทางบัญชี
 ต้นทุนชัดแจ้ง (Explicit Cost) และต้นทุนแฝง (Implicit Cost)
้
 ต้นทุนระยะสัน
 ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และต้นทุนแปรผัน (Variable Cost)
 ต้นทุนรวมเฉลี่ย (Total Average Cost) และต้นทุนส่วนเพิ่ม (Marginal Cost)
 ต้นทุนระยะยาว
 การประหยัดจากขนาด (Economies of scale) และการไม่ประหยัดจากขนาด
(Diseconomies of scale)
4.3 กาไร: กาไรทางบัญชี และกาไรทางเศรษฐศาสตร์
EC210 2/2552
207
EC210 2/2552
208
หน่ วยผลิต(Firms) :ความหมาย ประเภท
Firm (หน่ วยผลิต)
ผูท้ ่ที าหน้าที่ในการตัดสินใจนาปัจจัยการผลิต มาผลิตเป็ นสินค้าและบริการ เพื่อขาย
 คาที่มกั ถูกนามาใช้ Producer (ผูผ
้ ลิต), Seller (ผูข้ าย), Supplier (ผูเ้ สนอขาย)


ประเภทของหน่ วยผลิต
1.หน่ วยผลิตส่วนบุคคล
2.ห้างหุน้ ส่วน
3.บริษทั
“cover every
company from
smallest to highest”
EC210 2/2552
209
www.dbd.go.th กรมพัฒนาธุ รกิจการค้า กท.พาณิ ชย์
EC210 2/2552
210
หน่ วยผลิต(Firms):จุดมุ่งหมาย

เป้ าหมายของหน่ วยผลิต
*๏
Profit Maximization
กาไร = รายรับรวม – ต้ นทุนรวม
Profit = Total revenue – Total costs
๏ Sales Maximization
๏ Staff Maximization
๏ Growth Maximization etc.
EC210 2/2552
211
EC210 2/2552
212
แนวคิดของต้นทุน



ต้นทุนชัดแจ้ง ( Explicit cost) คือสิ่งที่หน่ วยผลิตจ่ายให้ผูอ้ น่ื เพือ่ เป็ น
ค่าตอบแทนแก่ผูเ้ ป็ นเจ้าของปัจจัยการผลิต เช่น ค่าจ้าง ค่าเช่ า ค่าวัตถุดิบ
ต้นทุนแอบแฝง (Implicit cost) คือ ค่าเสียโอกาสของการใช้ปจั จัยการผลิต
ต่างๆ ที่ไม่ได้มีการจ่ายเป็ นตัวเงิน เช่น ค่าจ้างของเจ้าของกิจการ ค่าที่ดินของ
ตนเองที่เอามาตัง้ ร้าน
ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ คานึ งถึงต้นทุนค่าเสียโอกาส
ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ = Opportunity cost= ??
EC210 2/2552
213
กาไรและต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์
กาไร = รายรับ-ต้นทุน


…กาไรทางบัญชี = รายรับ-ต้นทุนที่เป็ นตัวเงิน(Explicit Cost)
…กาไรทางเศรษฐศาสตร์ = รายรับ-ต้นทุนค่าเสียโอกาส
= รายรับ-Explicit Cost-Implicit Cost
กาไรทางเศรษฐศาสตร์ ควร สู งหรือตา่ กว่ า กาไรทางบัญชี ?
EC210 2/2552
214
Economic versus Accountants
How an Economist
Views a Firm
How an Accountant
Views a Firm
Economic
profit
Accounting
profit
Revenue
Implicit
costs
Revenue
Total
opportunity
costs
Explicit
costs
Explicit
costs
215
EC210 2/2552
Copyright © 2004 South-Western
ตัวอย่าง... เปิ ดร้านอินเตอร์เน็ ตเล็กๆแถวบ้าน
(คอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง)
500,000 บาท
เงินลงทุน (พ่อแม่ออกให้)
(ค่าลิขสิทธิ์โปรแกรมต่างๆ ค่าคอมพิวเตอร์ ค่าตกแต่งร้าน)
ค่าเช่าร้าน
เอาที่ชน้ั ล่างของบ้านปรับเป็นร้าน
ค่าแรงงาน
อยู่ดูแลร้านเอง
ค่าน้ าประปา และไฟฟ้ า
5,000 บาท
ค่า Internet (high speed internet)
4,000 บาท
ค่าซ่อมบารุง และค่าใช้จา่ ยเบ็ดเตล็ด
2,000 บาท
ต้องได้รายได้ต่อเดือนเท่าใด ถึงจะมีกาไร???
EC210 2/2552
216
วิเคราะห์การตัดสินใจโดยใช้แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์

ค่าใช้จา่ ยตัวใดเป็ น implicit cost, explicit cost

ถ้าร้านมีรายได้ เท่ากับ 15000 บาทต่อเดือน ร้านนี้ มีกาไรหรือไม่?

รายได้ขน้ั ตา่ ที่ควรจะได้จากการเปิ ดร้านควรเป็ นเท่าใด? ถ้าหาก....



ดอกเบี้ย เท่ากับร้อยละ 1 ต่อเดือน
หน้าร้านสามารถให้คนอืน่ เช่าได้ในอัตรา 8000 บาทต่อเดือน
ตัวเราเองมีตน้ ทุนค่าเสียโอกาสของตัวเอง เท่ากับ 12000 บาท
EC210 2/2552
217
ตัวอย่าง... เปิ ดร้านอินเตอร์เน็ ตเล็กๆแถวบ้าน
(คอมพิวเตอร์ 10 เครื่อง)
ดอกเบี้ยจากเงินลงทุน
5,000 บาท
ค่าเช่าร้าน
8,000 บาท
ค่าแรงงาน
12,000 บาท
ค่าน้ าประปา และไฟฟ้ า
5,000 บาท
ค่า Internet (high speed internet)
4,000 บาท
ค่าซ่อมบารุง และค่าใช้จา่ ยเบ็ดเตล็ด
2,000 บาท
ต้องได้รายได้ต่อเดือน
36,000 บาท
(คิดเล่นๆ... มีคอมพิวเตอร์สบิ เครื่อง ต้องได้รายได้ต่อเครื่องต่อวันเท่าใด)
EC210 2/2552
218
กาไรและต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์
 If
economic profits > 0 called “excess profit”
 If economic profits = 0 called “normal profit”
“Normal profit”(กาไรปกติ)
… คือ รายได้ตา่ สุดที่จะทาให้ผูผ้ ลิตคุม้ ที่จะดาเนิ นการต่อไป
What happen when economic profit < 0
But Accounting profit > 0 ???
EC210 2/2552
219
แนวคิดต้นทุนทางสังคม (Social Cost)

ตัวอย่างกรณี โรงงานผลิตสินค้าปล่อยน้ าเสียสูแ่ ม่น้ า
 ต้นทุนส่วนตัว (Private Cost)

ต้นทุนที่หน่ วยผลิตเป็ นผูร้ บั ภาระโดยตรง
 ได้แก่ ต้นทุนการผลิตต่างๆ (ค่าจ้าง, ค่าวัตถุดิบ)

ต้นทุนทางสังคม (Social Cost)
= ต้นทุนเอกชน + ต้นทุนจากผลกระทบภายนอก
 ต้นทุนจากผลกระทบภายนอก ได้แก่ น้ าเสียจากโรงงาน
 เป็ นต้นทุนที่นก
ั เศรษฐศาสตรคานึ งถึง แต่เอกชนไม่นามาคิด

EC210 2/2552
220
- การผลิตระยะสัน้ vs การผลิตระยะยาว
-Law of Diminishing Returns
- Return to scale
EC210 2/2552
221
ทฤษฎีการผลิต

การผลิต : การนาเอาปัจจัยต่างๆมาแปลงเป็ นสินค้า
INPUTS OUTPUT
 ฟังก์ชน
ั การผลิต(Production Function)
คือ ความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิตที่ได้กบั ปัจจัยการผลิตภายใต้
technology ระดับหนึ่ ง
Total Product = f(a1,a2,……)
Q =f(labor ,capital ,raw material ,energy…)
EC210 2/2552
222
ลักษณะของปัจจัยการผลิต
ปัจจัยการผลิตแปรผัน (variable factors):
 ผูผ
้ ลิตสามารถปรับเปลี่ยนจานวนได้ตลอดเวลา
ปัจจัยการผลิตคงที่ (fixed factors) :
 ปัจจัยที่มีปริมาณคงที่ “ไม่แปรผัน” ตามปริมาณผลผลิต
ASSUMPTION ปัจจัยการผลิตมีสองตัว คือ
Capital: ปัจจัยทุน (K) Labor: ปัจจัยแรงงาน (L)
EC210 2/2552
223
การผลิตในระยะสัน้ และระยะยาว
การผลิตในระยะสัน้ Q =f(L,K)

ระยะการผลิตที่หน่ วยผลิตมีปจั จัยการผลิตบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
(called “fixed factor”)
การผลิตในระยะยาว Q =f(L,K)

ระยะการผลิตที่หน่ วยผลิตสามารถเปลี่ยนแปลงปัจจัยการผลิตได้ทกุ
ชนิ ด (ทุกชนิ ดเป็ น “variable factor”)
EC210 2/2552
224
ทฤษฎีการผลิตในระยะสัน้


พยายามอธิบายความสัมพันธ์ของผลผลิต และปัจจัยการผลิตที่แปรผันโดยปัจจัย
การผลิตอืน่ ๆคงที่
ศัพท์ท่คี วรทาความเข้าใจ
TOTAL PRODUCT(TP) = Q =f(L,K) ผลผลิตรวม
AVERAGE PRODUCT(AP) = TP ผลผลิตเฉลีย่ ต่อหน่ วย
L ∆TP
MARGINAL PRODUCT(MP) =
ผลผลิตส่วนเพิ่ม
∆L
ประเด็นสาคัญ เมื่อเราทราบ TP….How to find AP , MP
EC210 2/2552
225
เรารู้ เรื่องการผลิตแต่ ละแนวคิดเพือ่ อะไร??

ผลผลิตเฉลี่ย




พิจารณา ผลผลิตต่อหนึ่ งหน่ วยปัจจัยการผลิต
เพื่อคาดคะเนว่า จะต้องใช้ปจั จัยการผลิต (เช่น แรงงาน) แค่ไหน ในการวางแผนการ
ผลิต
เช่น เดิมเคยมีการผลิต 2000 ชิ้น ต่อมามี order พิเศษเข้ามา อีก 500 ชิ้น จะ
ตัดสินใจจ้างแรงงานอีกกี่คน หรือว่า ทาโอทีดี
ผลผลิตส่วนเพิม่



พิจารณาผลผลิตที่หน่ วยปัจจัยการผลิตที่เพิ่มเติมเข้ามาสามารถผลิตได้
เพื่อทราบว่าการจ้างแรงงาน (หรือปัจจัยการผลิต) ที่เข้ามาเพิ่ม จะคุม้ ค่าต่อการจ้าง
หรือไม่
เช่น เดิมมีคนงานอยู่แล้ว 10 คน กาลังตัดสินใจว่าจะจ้างคนที่ 11 เพิ่มเข้ามาดีหรือไม่
EC210 2/2552
226
ตัวอย่ าง การผลิตในระยะสั้ น
K
L
TP
5
0
0
5
1
3
5
2
8
5
3
12
5
4
14
5
5
14
5
6
12
AP
MP
☺Find AP and MP ?
☺ เขียนกราฟได้ ยงั ไง?
EC210 2/2552
227
ฟังก์ชนั การผลิตในระยะสัน้
L
K
TP
AP
0
1
2
3
4
5
6
5
0
3
8
12
14
14
12
3
4
4
3.5
2.8
2
5
5
5
5
5
5
EC210 2/2552
MP
3
5
4
2
0
-2
228
ลักษณะของผลผลิตชนิ ดต่างๆ
ผลผลิตรวม (TP)
ช่ วงแรกๆของการใช้ ปัจจัยแปรผัน TP จะเพิม่ ขึน้ ในอัตราที่เพิม่ ขึน้
แต่ ต่อมาจะเพิม่ ขึน้ ในอัตราทีล่ ดลง และเมื่อเพิม่ ขึน้ สู งสุ ดแล้ว
หากเพิม่ ปัจจัยฯเข้ าไปอีก TP จะลดลง
WHY ??
ผลผลิตเฉลีย่ (AP)
ช่ วงแรกๆ AP จะเพิม่ ขึน้ แต่ ช่วงหลังๆ AP จะลดลงเรื่อยๆ
ผลผลิตส่ วนเพิม่ (MP)
ช่ วงแรกๆ MP จะเพิม่ ขึน้ แต่ ช่วงหลังๆ MP จะลดลงเรื่อยๆ
EC210 2/2552
229
กฎแห่งการลดน้อยถอยลงของผลได้
(Law of Diminishing Returns)
เมื่อเพิม่ ปัจจัยแปรผันชนิดหนึ่ง ขึน้ เรื่ อยๆ
โดยที่ปัจจัยชนิดอืน่ ยังคงที่ ผลผลิตที่ได้จากปัจจัยแปร
ผันหน่ วยหลังๆ จะค่ อยๆ ลดน้ อยถอยลงตามลาดับ
จนกระทัง่ เท่ ากับศูนย์ และ ติดลบในทีส่ ุ ด
หรือ กฎแห่ งการลดน้ อยถอยลงของผลผลิตส่ วนเพิม่
(Law of diminishing marginal product)
EC210 2/2552
231
ทฤษฎีการผลิตในระยะยาว

พยายามอธิบายความสัมพันธ์ของผลผลิต และปัจจัยการผลิตทัง้ หมดที่
เปลี่ยนแปลง
 ในการผลิตระยะยาว ปัจจัยทุกตัวจะกลายเป็ นปัจจัยแปรผัน
(ไม่มีปจั จัยคงที่)
 สิง่ ที่ควรรู ้ :
ความสัมพันธ์ของการเปลี่ยนแปลง “ปัจจัยการผลิต” ต่อ “ผลผลิต”
 ทฤษฎีสาหรับ คือ “ผลได้ต่อขนาด” (Return To scale)
EC210 2/2552
232
ผลได้ต่อขนาด (Return to Scale)
1) ผลได้ต่อขนาดที่เพิม่ ขึ้น (Increasing Return to Scale)
 เมื่อเพิ่มปัจจัยการผลิต (ทุกตัว) เข้าไป 1 เท่าตัว ผลผลิตจะเพิม
่ ขึ้นมากกว่า
1 เท่าตัว
2) ผลได้ต่อขนาดคงที่ (Constant Return to Scale)
 เมื่อเพิ่มปัจจัยการผลิต (ทุกตัว) เข้าไป 1 เท่าตัว ผลผลิตจะเพิม
่ ขึ้น 1 เท่าตัว
3) ผลได้ต่อขนาดที่ลดลง (Decreasing Return to Scale)
 เมื่อเพิ่มปัจจัยการผลิต (ทุกตัว) เข้าไป 1 เท่าตัว ผลผลิตจะเพิม
่ ขึ้นน้อยกว่า
1 เท่าตัว
EC210 2/2552
233
ยกตัวอย่าง




หากมีปจั จัยการผลิต เพียง 2 ชนิด คือ แรงงาน 10 คน กับ เครื่องจักร
5 เครือ่ ง สามารถผลิตสินค้าได้ 50 ชิน้
ผูผ้ ลิตตัดสินใจขยายการผลิต โดยเพิม่ แรงงานเป็ น 20 คน เครือ่ งจักร
เป็ น 10 เครือ่ ง สามารถผลิตสินค้าได้ 120 ชิน้
การผลิตดังกล่าว เป็ นการผลิตระยะสัน้ หรือระยะยาว ??
การขยายการผลิตดังกล่าว ผูผ้ ลิตเผชิญกับผลได้ต่อขนาดรูปแบบใด
EC210 2/2552
234
…. ต้นทุนคงที่ และต้นทุนแปรผัน
.... ต้นทุนรวมเฉลี่ย และต้นทุนส่วนเพิ่ม
EC210 2/2552
235
ต้นทุนการผลิตระยะสัน้

การผลิต มี ปัจจัยคงที่
ปัจจัยแปรผัน
ต้นทุน มี ต้นทุนคงที่
ต้นทุนแปรผัน

ต้นทุนคงที่ คือ ต้นทุนที่ไม่แปรผันตามปริมาณการผลิต
 ต้นทุนแปรผัน คือ ต้นทุนที่แปรผันตามปริมาณการผลิต

กรณี รา้ นขายข้าวหน้าเป็ ด ต้นทุนแต่ละตัวเป็ นต้นทุนประเภทใด
ค่าเช่าร้าน
ค่าเป็ ดย่าง
ค่าพ่อครัว
ค่าแก๊สหุงต้ม
ค่าพนักงานเสริฟ
etc.
EC210 2/2552
236
กรณี ธุรกิจอพาร์ตเม้นต์ (ขนาด 100 ห้อง)
ปริมาณการผลิตในที่น้ ี คืออะไร (100 ห้อง / หรือห้องที่มีคนเช่า)
ต้นทุนต่อไปนี้ เป็ นต้นทุนลักษณะใด
SET UP COST >>> ตีมูลค่าเพือ่ คิดต้นทุนด้วยค่าเสียโอกาสของเงินที่ลงทุน
 ค่าที่ดิน 200 ตารางวา /ค่าก่อสร้าง 20 ล้านบาท
 ค่าระบบการจัดการต่างๆ เช่น ระบบคอมพิวเตอร์, ระบบกล้องวงจรปิ ด
OPERATING COST
 ค่าพนักงาน (ยาม, แม่บา้ น, ผูจ้ ด
ั การ...)
 ค่าบริหารจัดการ (ทาบัญชี จัดทารายงานต่างๆ)
 ค่าน้ าค่าไฟ
EC210 2/2552
237
ศัพท์ท่คี วรรู.้ .. Total Average Marginal
Total Cost (T C) ต้นทุนรวม ประกอบด้วย
Total Variable Cost (TVC) ต้นทุนแปรผันรวม
Total Fixed Cost (TFC) ต้นทุนคงที่รวม
Average Total Cost (ATC) ต้นทุนรวมเฉลี่ย
Average Variable Cost (AVC) ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย
Average Fixed Cost (AFC) ต้นทุนคงที่เฉลี่ย
Marginal Cost (MC) ต้นทุนส่วนเพิม่
EC210 2/2552
238
สูตรการคานวณ
TC
ATC 
 AFC  AVC
q
TC
TFC TVC
ATC 


q
q
q
ΔTC
MC 
Δq
EC210 2/2552
239
A Firm’s Short Run Costs
EC210 2/2552
240
เรารู้ เรื่องต้ นทุนไปเพือ่ อะไร (รู้ ไว้ ใช่ ว่า)

ตัดสินใจเลือกธุรกิจ (ธุรกิจแต่ละอย่างมีโครงสร้าง
ต้นทุนแตกต่างกัน)
 ทราบปริมาณขายเบื้องต้นที่จะต้องขาย (จานวนขาย
ขัน้ ตา่ ที่ไม่ทาให้ขาดทุน) เรียกว่า แนวคิดของ
Break even point (จุดคุม้ ทุน)
 กาหนดราคาขายเพื่อทาให้ได้กาไรสูงสุด (พิจารณา
จากต้นทุนส่วนเพิ่ม)
EC210 2/2552
241
จุดคุ้มทุน: N* เป็ นปริมาณทีจ่ ุดผลิตคุ้มทุนพอดี
รายได้ และ
ต้ นทุน
ต้ นทุนรวม
กาไร
B
(บาท) C
จุดคุ้มทุน
ขาดทุน
ต้ นทุนคงที่
รายได้
N* ปริมาณการผลิต (หน่ วย )
จุดคุ้มทุน (Breakeven Analysis) คือจุดทีร่ ายได้ กบั รายจ่ ายเท่ ากัน นั่นคือ กาไรเป็ นศูนย์ นั่นเอง
EC210 2/2552
242
จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้ ว่า ถูกหรือผิด พร้อมอธิบาย

โดยทัว่ ไป ต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ จะสูงกว่าต้นทุนทางบัญชี
ถูก
ผิด
 ต้นทุนคงที่ (Fixed cost) จะลดลงเมื่อปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น
ถูก
ผิด
 ต้นทุนคงที่เฉลี่ย (Average Fixed cost) จะลดลงเมื่อปริมาณ
ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น
ถูก
ผิด
EC210 2/2552
243
- ปี ที่ผา่ นมาร้านกาแฟตื่น มีผลผลิตกาแฟรวมทั้งร้านเท่ากับ 15 ถุงต่อวัน
โดยทางร้านมีเครื่ องจักร 2 เครื่ อง และจ้างแรงงาน 3 คน
- ต่อมาหญิงแม้นซึ่งเป็ นผูจ้ ดั การร้านอยากเพิ่มปริ มาณการผลิตจึงจ้าง กุญแจ
ซอล มาเป็ นแรงงานเพิม่ อีกคน ทาให้ตอ้ งจ่ายค่าจ้างแรงงานทั้งหมด เท่ากับ
80 บาทต่อวัน และจ่ายค่าเช่าเครื่ องจักรทั้งหมด 20 บาทต่อวันซึ่งทาให้ทาง
ร้านมีผลผลิตรวมเท่ากับ 17 ถุงต่อวัน ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ในปัจจุบนั
ก. TP = 17 ถุง, AP = 5 ถุง
ข. TC = 60 บาท, MP = 2 ถุง
ค. TVC = 100 บาท , MP = 4.25 ถุง
ง. AP = 4.25 ถุงต่อวัน, MP = 2 ถุง
EC210 2/2552
ง.
244
EC210 2/2552
245
ต้นทุนระยะยาว (Long-Run Cost)
 ในระยะยาวปัจจัยการผลิตทุกอย่างสามารถปรับเปลี่ยนได้
 ปัจจัยการผลิตในระยะยาวจึงมีแค่ “ปัจจัยแปรผัน”

ปัจจัยแปรผัน: Capital (K) & Labor (L)
EC210 2/2552
246
 ดังนั้นต้นทุนการผลิตระยะยาวจึงมีแค่ตน
้ ทุนแปรผัน
(Total Variable Cost - TVC) เท่านั้น:
TC = TFC + TVC
TFC = 0 and TC = TVC
TFC
AFC=
Q
TVC
AVC=
Q
AFC = 0 and AVC = ATC
EC210 2/2552
247
 การตัดสินใจในการผลิตระยะยาวนั้นมีความเสีย
่ งสูง

การขยายโรงงาน
 สภาวะของตลาด
 ประสิทธิภาพในการผลิต (Economic Efficiency):
 เลือกใช้กระบวนการผลิตที่สามารถผลิตผลผลิตจานวน
ที่ตอ้ งการด้วยต้นทุนที่ตา่ ที่สุด
EC210 2/2552
248
Example: เลือกขนาดของโรงงาน
ATC1 (Plant size 1)
ต้ นทุนรวมเฉลีย่
(บาท)
ATC1 (Plant size 2)
Q1
Q2
Q3
EC210 2/2552
Q4
ปริมาณผลผลิต
249
ผลได้ต่อขนาด (Return to Scale) กับต้นทุนเฉลี่ย
1) ผลได้ต่อขนาดที่เพิม่ ขึ้น (Increasing Return to Scale)
ATC ลดลงเมื่อจานวนของผลผลิตเพิม่ สูงขึ้น
 ทาให้เกิด การประหยัดต่อขนาด (economies of scale)

2) ผลได้ต่อขนาดคงที่ (Constant Return to Scale)

ATC ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อผลผลิตเพิม่ สูงขึ้น
3) ผลได้ต่อขนาดที่ลดลง (Decreasing Return to Scale)
ATC เพิม่ สูงขึ้นเมื่อจานวนของผลผลิตเพิม่ สูงขึ้น
 ทาให้เกิด การไม่ประหยัดจากขนาด (Diseconomies of scale)

EC210 2/2552
250
ต้ นทุน
รวมเฉลี่ย
(บาท)
LRATC
Economies
of scale
Constant
return to
scale
Diseconomies
of scale
ปริมาณผลผลิต
EC210 2/2552
251
Question: Why might bigger be better?
Specialization and division of labor
 แบ่งการผลิตออกเป็ นส่วนต่างๆ และมอบหมายหน้าที่ให้คนงาน
แต่ละคนรับผิดชอบงานในส่วนของตน
 Adopt mass production techniques
 ใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรที่มีกาลังการผลิตสูงได้เต็มที่
 Quantity discounts
 ได้สว่ นลดจากการสังซื
่ ้ อวัตถุดิบในปริมาณมาก

EC210 2/2552
252
Question: Why might bigger not be better?
 Organizational complexity:

ขนาดของหน่ วยผลิตใหญ่มากเกินไปทาให้ยากต่อการบริหาร
เกิดความสับสนในการสือ่ สารและสังงาน
่
 เพิม
่ โอกาสในการอูง้ านและปัดความรับผิดชอบต่อหน้าที่
 สูญเสียความรูส้ ก
ึ ในการทางานร่วมกัน
 ต้นทุนในการการควบคุมและตรวจสอบเพิม
่ สูงขึ้น
EC210 2/2552
253
DISCUSSION
ธุรกิจต่อไปนี้ มีลกั ษณะของการเกิด Economy of Scale หรือไม่
 ธุรกิจอพาร์ตเม้นต์
 ธุรกิจขนส่งรถบรรทุก
 ธุรกิจขนส่งทางน้ าระหว่างประเทศ
 ธุรกิจไฟฟ้ า
 ธุรกิจเครือข่ายให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่
 .....
EC210 2/2552
254
ทบทวนด้วยโจทย์
อ่านแล้วตอบตัวเองก่อนว่า อยู่เนื้ อหาบทไหน เรื่องอะไร
โจทย์ถามเกี่ยวกับอะไร
EC210 2/2552
255
การที่รฐั บาลกาหนดราคาสินค้าขัน้ ตา่ จะทาให้เกิดอะไรขึ้น
ก. ผูบ้ ริโภคได้ประโยชน์เพราะราคาสินค้าตา่ กว่าราคาดุลยภาพ
ข. ราคาดังกล่าว เป็ นราคาดุลยภาพที่อปุ สงค์เท่ากับอุปทาน
ค. เกิดตลาดมืดในการขายสินค้าแพงกว่าปกติ
ง. หากรัฐบาลไม่ทาอะไรเลย ราคาขัน้ ตา่ จะทาให้เกิดอุปทานส่วนเกิน
จ. ผูผ้ ลิตจะขาย และผลิตสินค้าได้มากขึ้นแน่ นอน
ตอบ ง
EC210 2/2552
256
การควบคุมราคาขัน้ ตา่ (Floor Price)
Price
Supply
Excess supply
Pf
Price
floor
Pe
Equilibrium
price
Demand
0
Q1
Q2
Quantity Quantity
demanded
supplied
EC210
2/2552
Quantity
257
Copyright©2003 Southwestern/Thomson Learning
กาหนดให้สง่ิ อืน่ ๆคงที่ ข้อใดต่อไปนี้ สง่ ผลให้เส้นเป็ นไปได้ในการ
ผลิต (PPC) เคลือ่ นที่เข้าหาจุดกาเนิ ด
ก. ประชากรมีจานวนลดลง
ข. มีการค้นพบบ่อน้ ามันใหม่
ค. คนหันไปออมมากขึ้น
ง. มีการคิดค้นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใหม่ข้ ึน
จ. อัตราการว่างงานสูงขึ้น
ตอบ ก
EC210 2/2552
258
ข้ อใดต่ อไปนีม้ สี ่ งผลให้ อุปทานของนา้ มันเปลีย่ นตาแหน่ ง
(Shift in Supply)
ก. เศรษฐกิจเติบโตทาให้คนมีรายได้สูงขึ้น
ข. ราคารถยนต์ลดตา่ ลง
ค. โรงกลัน่ น้ ามันใหญ่ๆหลายโรงต้องเสียหายจากพายุท่พี ดั ถล่มอย่างรุนแรง
ง. รถยนต์รุ่นใหม่ท่ปี ระหยัดน้ ามันกว่ารุ่นเดิมถูกผลิตออกมาขายในตลาด
จ. ราคาน้ ามันเพิม่ สูงขึ้น
ตอบ ค
EC210 2/2552
259
หนังสื อพิมพ์รายงานว่ า ราคารถใหม่ ลดลง และในขณะเดียวกันปริมาณซื้อ
ขายรถใหม่ กม็ ีจานวนลดลงด้ วย การเปลีย่ นแปลงนีน้ ่ าจะเกิดจาก
ก. รายได้ของผูซ้ ้ อื มากขึ้น
ข. ต้นทุนในการผลิตเพิม่ ขึ้น
ค. คนนิ ยมรถเก่ามากขึ้น
ง. ภาษีรถยนต์ตา่ ลง
จ. เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ดีข้ ึน
ตอบ ค
EC210 2/2552
260
ถ้ าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ ต่อราคาของสิ นค้ าชนิดหนึ่งมีค่าเท่ ากับ
-1 แล้ วข้ อใดถูก
ก. หากราคาสินค้าเพิม่ ขึ้น 1 บาท ปริมาณความต้องการซื้อจะลดลง 1 บาท
ข. หากราคาของสินค้าเพิม่ ขึ้น 100 บาท ปริมาณความต้องการซื้อจะลดลง 1 บาท
ค. หากราคาสินค้าเพิม่ ขึ้น 1 % ปริมาณความต้องการซื้อจะลดลง 1%
ง. หากราคาสินค้าลดลง5% ปริมาณความต้องการซื้อจะเพิม่ ขึ้น 5%
จ. ถูกทัง้ ข้อ ค. และ ง.
ตอบ จ
EC210 2/2552
261
EC210 2/2552
262
Outline
5.1 ความหมายของตลาด
5.2 โครงสร้างและตัวอย่างของตลาดประเภทต่าง ๆ
 ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
 ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
 ตลาดผูกขาด
 ตลาดที่มีผูข้ ายน้อยราย
 ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
EC210 2/2552
263
Outline
5.3 ความล้มเหลวของตลาด (Market Failure)
 ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
 ผลกระทบภายนอก
 ผลกระทบภายนอกที่เป็ นบวก
 ผลกระทบภายนอกที่เป็ นลบ
 ต้นทุนส่วนตัวและต้นทุนทางสังคม
 สินค้าและบริการสาธารณะ
EC210 2/2552
264
ตลาด (Market)
 “กิจกรรม” การตกลงซื้อขายสินค้าและบริการรวมทัง้ ปัจจัยการ
ผลิต (ไม่ได้จากัดเฉพาะ “สถานที่”)

โดยทัว่ ไป เราอาจแบ่งตลาดเป็ นออกเป็ นประเภทต่างๆได้ดว้ ยวิธี
แตกต่างกัน เช่น




แบ่งตามภูมิศาสตร์: ตลาดท้องถิ่น ตลาดในประเทศ ตลาดโลก
แบ่งตามชนิ ดสิง่ ที่ซ้ อื ขาย: ตลาดผลผลิต ตลาดปัจจัยการผลิต
แบ่งตามลักษณะการซื้อขาย: ตลาดกลาง ตลาดขายส่ง ตลาดขายปลีก
แบบอืน่ ๆ : ตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดเงินตราต่างประเทศ ตลาดซื้อขายล่วงหน้า
EC210 2/2552
265
ประเด็นที่เป็ นที่สนใจ ในการวิเคราะห์ตลาด

สินค้ามากมายหลายชนิ ดซื้อขายแลกเปลี่ยนผ่านตลาด
 ทาไมผูข
้ ายบางรายจึงขายสินค้าราคาแพงได้
 ทาไมผูข
้ ายบางรายไม่สามารถกาหนดราคาตลาดได้ตามใจต้องการ
 สินค้าหรือธุรกิจอะไรที่น่าจะมีการโฆษณาทางสือ
่ มากกว่ากัน? ทาไม?
 ทาไมราคาของน้ าอัดลมที่โรงภาพยนตร์ถงึ แพงกว่าที่โรงอาหาร?
 ทาไมบางธุรกิจมีกาไรสูงแต่บางธุรกิจมีกาไรตา่ ?
EC210 2/2552
266
ตลาดสินค้า


เราวิเคราะห์ลกั ษณะโครงสร้างตลาดแต่ละแบบเพือ่ ดู “การตัดสินใจของหน่ วย
ผลิต” ว่าจะตัดสินใจผลิตปริมาณเท่าใด และตัง้ ราคาอย่างไร
โครงสร้างตลาดแบ่งเป็ น 4 ประเภท ได้แก่
๏ ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect Competition)
๏ ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)
๏ ตลาดผูข้ ายน้อยราย (Oligopoly)
๏ ตลาดผูกขาด (Monopoly)
ลักษณะโครงสร้างต่างกันหน่ วยผลิตก็จะมีลกั ษณะการตัดสินใจทีต่ ่างกัน
ด้วย…….แต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ กาไรสูงสุด
EC210 2/2552
267
EC210 2/2552
268
ปัจจัยที่ใช้ในการจาแนกโครงสร้างตลาด
(Market Structure)
 จานวนของผูซ
้ ้ ือและผูข้ ายในตลาด
 ความยากง่ายหรืออุปสรรคในการเข้าหรือออกตลาด
 ลักษณะของสินค้าและบริการ:
 เหมือน vs. แตกต่าง
 โครงสร้างของตลาด
EC210 2/2552
269
Market
structure
จานวนผูข้ าย
Perfect
competition
จานวนมากราย
แต่ละรายเป็ นรายเล็กๆ
Monopolistic
competition
Oligopoly
Monopoly
จานวนมากราย
เงือ่ นไขการ
ชนิ ดของสินค้า
เข้าออกตลาด
Free entry
Homogeneous
Same but not
Easy to entry
homogeneous
จานวนน้อยราย
Have barrier Homogeneous
/ differentiated
(mkt share แต่ละรายสูง) to entry
มีเพียงรายเดียว
EC210 2/2552
Can not entry differentiated
270
ตัวอย่าง..จงวิเคราะห์โครงสร้างของตลาดเหล่านี้

ตลาดไฟฟ้ า
 ตลาดผูใ้ ห้บริการโทรศัพท์เคลือ
่ นที่
 ตลาดกวดวิชา
 ตลาดข้าวเปลือก
 ตลาดน้ าดื่มบรรจุขวด
 Etc.
EC210 2/2552
271
ผลของโครงสร้างตลาดที่แตกต่างกัน

โครงสร้างตลาดที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อการกาหนดราคาสินค้าที่ต่างกัน

โครงสร้างตลาดที่แตกต่างกัน จะมีพฤติกรรมการแข่งขันที่ต่างกัน

โครงสร้างตลาดที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อกาไรของผูผ้ ลิตที่แตกต่างกัน

โครงสร้างตลาดที่แตกต่างกัน จะส่งผลต่อสวัสดิการสังคมที่แตกต่างกัน

แต่ ผูผ้ ลิตในทุกๆโครงสร้างตลาด ต่างมุ่งหวังที่จะผลิตและตัง้ ราคาเพื่อ
กาไรสูงสุด .... แต่จะได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กบั อานาจทางการตลาดที่
มากน้อยไม่เท่ากัน
EC210 2/2552
272
โครงสร้ างของตลาด (Market Structure)
ตลาดแข่ งขัน
สมบูรณ์ (Perfect
Competition)
ตลาดกึง่ แข่ งขัน
กึง่ ผูกขาด
(Monopolistic)
EC210 2/2552
ตลาดที่มผี ู้ขาย
น้ อยราย
(Oligopoly)
ตลาดผูกขาด
(Monopoly)
273
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfect Competition)
ลักษณะที่สาคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์:

ผูข้ ายและผูซ้ ้ ือมีจานวนมาก
 สินค้าที่ขายมีลกั ษณะเหมือนกัน (Homogeneous)
 มีการเข้าออกตลาดเสรี (No barriers to entry or exit)
 ผูข้ ายและผูซ
้ ้ ือทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับตลาดและตัว
สินค้าได้สะดวกเท่าเทียมกัน (Complete and perfect
information)
EC210 2/2552
274
 Example
(ใกล้เคียง):

ข้าว
 มันสาปะหลัง
 เกลือ
 สินค้าการเกษตร
 ข้าวถุงในห้าง ??? น้ าตาลในห้าง ???
EC210 2/2552
275
การกาหนดราคาของผูข้ าย:

ผูข้ ายสินค้าในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ไม่มีอานาจในการกาหนดราคา
สินค้าในตลาด (No market power)
 ผูข้ ายสินค้าในตลาดแข่งขันสมบูรณ์ จึงถูกเรียกว่าเป็ น “ผูย้ อมรับราคา
(Price Taker)”
 ในเมื่อผูข้ ายไม่มอ
ี านาจกาหนดราคา และเขาจะมีพฤติกรรมเพือ่ ทาให้
ตนเองบรรลุเป้ าหมาย คือ กาไรสูงสุด ได้อย่างไร
(กาไร = รายรับ – รายจ่าย)
วิเคราะห์โดย เปรียบเทียบเส้นรายรับ กับเส้นต้นทุน
EC210 2/2552
276
เส้นอุปสงค์ท่หี น่ วยผลิตเผชิญ >> ที่มาของเส้นรายรับ

หรือ เส้นอุปสงค์ในสายตาของผูผ้ ลิต
 คือ อุปสงค์ท่ม
ี ีต่อสินค้าที่ผลิตโดยหน่ วยผลิตนั้นๆ
 เป็ นเส้นที่บอกให้ทราบว่า ที่ระดับราคาต่างๆ ผูบ
้ ริโภคจะมีความต้องการ
ซื้อสินค้าของหน่ วยผลิตนั้นๆในปริมาณเท่าใด

ทาไมเราต้องแยกวิเคราะห์อปุ สงค์ท่หี น่ วยผลิตเผชิญ ?
ตอบ เส้นอุปสงค์ท่หี น่ วยผลิตเผชิญจะแสดงถึงรายรับของผูผ้ ลิต
EC210 2/2552
277
P = AR =MR
EC210 2/2552
278
สมมติว่า ผูข้ ายเผชิญกับราคาตลาดเท่ากับ 3 $ ต่อหน่ วย
ราคาต่อหน่ วย
(P)
3
3
3
3
3
3
3
ปริมาณขาย
(Q)
0
1
2
3
4
…
13
รายรับรวม
(TR)
0
3
6
9
12
…
39
EC210 2/2552
รายรับเฉลี่ย
(AR)
3
3
3
3
…
3
รายรับส่วนเพิ่ม
(MR)
3
3
3
3
…
3
279
เส้ นอุปสงค์ ทผี่ ู้ผลิตเผชิญ
สาหรับตลาดแข่ งขันสมบูรณ์
คือเส้ น AR
และเป็ นเส้ นเดียวกับ MR ด้ วย
เส้ นรายรับรวม จะเป็ นเส้ นตรง
ทีล่ ากออกจากจุดกาเนิด
...ยิง่ ขายมาก รายรับยิง่ มาก
EC210 2/2552
280
การตัดสินใจเลือกปริมาณการผลิต เพือ่ กาไรสูงสุด
STC
TR
รายรับ,ต้ นทุน(บาท)
จุดคุ้มทุน
ปริมาณทีท่ าให้ ได้ กาไรสู งสุ ด
Q
กาไร(บาท)
Q1
Q2
Q*
EC210 2/2552
Q3
Q
281
ในที่สุด..ผูข้ ายในตลาดแข่งขันสมบูรณ์จะได้กาไรหรือไม่
ในระยะสัน้ ผูข้ ายสามารถได้รบั กาไรเกินปกติ (Positive economic
profit)
 ในระยะยาวผูข้ ายจะได้รบ
ั เพียงแค่ กาไรปกติ (Zero economic
profit or Normal rate of return)


ผูข้ ายที่ผลิตสินค้าโดยมีตน้ ทุนสูงก็จะประสบภาวะขาดทุนและออกจาก
ตลาดไป
 กาไรเกินปกติท่ผ
ี ูข้ ายได้รบั จะดึงดูดผูข้ ายรายใหม่ๆ ให้เข้ามาในตลาด
EC210 2/2552
282
บทสรุป สาหรับตลาดแข่งขันสมบูรณ์:

เส้นอุปสงค์ท่ผี ูผ้ ลิตเผชิญจะเป็นเส้นขนานแกนนอนที่ราคาตลาด
้ เท่านั้น
 ผูข้ ายสามารถทากาไรเกินปกติ ได้เพียงในระยะสัน
 ผูซ
้ ้ ือได้ประโยชน์สูงสุด 
 ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
EC210 2/2552
283
ตลาดผูกขาด (Monopoly)
ลักษณะที่สาคัญของตลาดผูกขาด:

มีผูข้ ายเพียงรายเดียว:
 ผูผ
้ ูกขาด (Monopolist)
 สินค้ามีลกั ษณะพิเศษไม่สามารถหาสินค้าอืน
่ ที่ใกล้เคียงมาทดแทนได้
 มีการกีดกันการเข้าสูต
่ ลาดของผูผ้ ลิตรายอืน่ ๆ (Barriers to entry)
EC210 2/2552
284
 Example
(ใกล้เคียง):

ไฟฟ้ า
 ประปา
 เพชร DeBeers
 โทรศัพท์มือถือในยุคแรกๆ ในไทย
 ร้านขายน้ า และป๊ อปคอร์น หน้าโรงภาพยนตร์ ???
EC210 2/2552
285
ที่มาของอานาจการผูกขาด (Sources of Market Power):
1) การผูกขาดโดยธรรมชาติ (Natural Monopoly)
สินค้าและบริการบางชนิ ดมีตน้ ทุนในการเริ่มกิจการที่สูงมากๆ (High
start up cost!!!)
 ไฟฟ้ า, ประปา

2) การได้สทิ ธิในการครอบครองทรัพยากรแต่เพียงผูเ้ ดียว
(Exclusive control of a resource)

เหมืองเพชร
3) การได้รบั สิทธิทางกฎหมายจากรัฐบาล (Legal Monopoly)

การได้รบั สิทธิในการทาการผลิตจากรัฐบาล
 สิทธิบต
ั ร(Patents), สัมปทาน, Copyrights
EC210 2/2552
286
 การกาหนดราคาของผูข้ าย:

ผูข้ ายเพียงรายเดียวผลิตสินค้าในตลาด ดังนั้นผูข้ ายจึงมี
อานาจในการควบคุมปริมาณและราคาของสินค้าในตลาด
(Market Power)
 ผูข
้ ายสินค้าในตลาดผูกขาด จึงถูกเรียกว่า
“ผูก้ าหนดราคา (Price Maker)”
EC210 2/2552
287
Price
เนื่องจากมีผู้ขายเพียงรายเดียว ดังนั้น
อุปสงค์ ของตลาด = อุปสงค์ ทผี่ ู้ผลิตเผชิญ
D
Quantity (Q)
เส้ นอุปสงค์ ทผี่ ้ ูผลิตเผชิญ ต่ างจากตลาดแข่ งขันสมบูรณ์ อย่ างไร ??
EC210 2/2552
288
เส้นอุปสงค์ตลาด กับความสัมพันธ์ของรายรับแบบต่างๆ
ราคาต่อหน่ วย
(P)
6
5
4
3
2
1
ปริมาณความ
ต้องการ (Q)
0
1
2
3
4
5
รายรับรวม
(TR)
0
5
8
9
8
5
EC210 2/2552
รายรับเฉลี่ย
(AR)
5
4
3
2
1
รายรับส่วนเพิ่ม
(MR)
5
3
1
-1
-3
289
เพิ่มเติม : ผูข้ ายจะตัง้ ราคาเพือ่ ให้ได้กาไรสูงสุดไหน




การตัง้ ราคาเพือ่ ให้ได้กาไรสูงสุด (กาไร = รายรับรวม – รายจ่ายรวม)
จะตัง้ ราคาตามเส้นอุปสงค์ท่ดี ีท่สี ดุ ... แล้วคือตรงไหนหล่ะ
คาตอบ :
เลือกขาย ณ ปริมาณที่ทาให้ รายรับส่วนเพิม่ (MR) = ต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC)
ทาไมจึงเป็นเช่นนั้น ?? (สมมติให้ ต้นทุนส่วนเพิม่ คงที่ เท่ากับ 3 บาทต่อหน่ วย
ตลอด)
EC210 2/2552
290
การกาหนดราคาขายตามเส้นอุปสงค์ตลาด ที่ทาให้ MC = MR
ราคา
(P)
6
5
4
3
2
1
(Q)
0
1
2
3
4
5
รายรับรวม รายรับส่วน
(TR) เพิ่ม (MR)
0
5
5
8
3
9
1
8
-1
5
-3
ต้นทุนส่วน
เพิ่ม (MC)
1
1
1
1
1
EC210 2/2552
ต้นทุนรวม
(TC)
1
2
3
4
5
กาไร
4
6
6
4
0
291
บทสรุป สาหรับตลาดผูกขาด:
 เส้นอุปสงค์ท่ผ
ี ูผ้ ลิตเผชิญเป็ นเส้นเดียวกับอุปสงค์ตลาด
 เนื่ องจากผูผ
้ ลิตรายอืน่ ๆ
ไม่สามารถเข้ามาแข่งขันได้
 ผูข้ ายสามารถได้รบ
ั กาไรเกินปกติ ทัง้ ใน “ระยะสัน้ ” และ
“ระยะยาว”
 ผูซ
้ ้ ือเสียประโยชน์ 
 ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
EC210 2/2552
292
ข้อเสียของตลาดผูกขาด:
1) จากัดทางเลือกของผูซ้ ้ ือ (และทาให้ผูซ้ ้ ือต้องจ่ายในราคาที่แพง)
2) อาจเกิดความพยายามที่จะให้ได้มาซึ่งอานาจตลาดและการ
ผูกขาด (Rent seeking behavior)

การจ่ายเงินวิ่งเต้นเพือ่ ให้ผูม้ ีอานาจให้สมั ปทานหรือออกกฎหมายที่มี
ประโยชน์แก่ผูข้ าย
ข้อดีของตลาดผูกขาด:
1) เพิม่ แรงสนับสนุ นให้เกิดการค้นคว้าและผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ
2) การประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ในกรณี ของ
การผูกขาดโดยธรรมชาติ (Natural Monopoly)
EC210 2/2552
293
ตลาดที่มีผูข้ ายน้อยราย (Oligopoly)
ลักษณะที่สาคัญของตลาดที่มีผูข้ ายน้อยราย:

มีผูข้ ายเพียงไม่ก่รี าย



บางกรณี อาจมีผูข้ ายหลายราย แต่มีผูข้ ายรายใหญ่ท่คี รองตลาดอยู่เพียงไม่ก่รี าย
สินค้าที่ขายในตลาด อาจเป็ นได้ทง้ั สินค้าที่มีลกั ษณะเหมือนกัน หรือ สินค้าที่
มีลกั ษณะต่างกัน
มีการกีดกันการเข้าสูต่ ลาดของผูผ้ ลิตรายอืน่ ๆ (Barriers to entry)
EC210 2/2552
294
Example :

สายการบินในประเทศ
 รถยนต์
 น้ ามัน
บริการโทรศัพท์มือถือในปัจจุบนั (AIS, DTAC, True,
Hutch)
 Search engine i.e. google , yahoo

EC210 2/2552
295
การกาหนดราคาของผูข้ าย:

การตัดสินใจกาหนดราคาของผูข้ ายเป็ นการตัดสินใจที่มีความ
เกี่ยวเนื่ องกับผูผ้ ลิตรายอืน่ ๆในตลาด เพราะเป็ นการตัดสินใจที่มี
ผลกระทบซึ่งกันและกัน
 ผลลัพท์ท่เี ป็ นไปได้จากการกาหนดราคาของผูข้ าย
1) การร่วมมือกันกาหนดราคาของผูข้ าย


Act as a joint monopoly
Monopoly Outcome!!!
กาไรเกินปกติ
2) ต่างคนต่างแข่งขันกัน


Compete by lowering price (Price war)
Competitive Outcome!!!
กาไรปกติ
EC210 2/2552
296
 Conclusion:

ผูซ้ ้ ือเสียประโยชน์เหมือนตลาดผูกขาดในกรณี ท่ผี ูข้ ายเหล่านี้
สามารถรวมหัวกันตัง้ ราคาแพงๆ 
 ผูซ
้ ้ ืออาจจะเสียประโยชน์นอ้ ยลงในกรณี ท่ผี ูข้ ายเหล่านี้ ไม่
สามารถรวมหัวกันตัง้ ราคาได้สาเร็จและมีการแข่งขันตัดราคา
กัน  (ถ้าแข่งขันรุนแรงมากๆ เราอาจจะได้ผลลัพท์ท่ี
ใกล้เคียงกับตลาดแข่งขันสมบูรณ์)
 ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
EC210 2/2552
297
ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด
(Monopolistic Competition)
ลักษณะที่สาคัญของตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด:

มีผูข้ ายจานวนมาก (Numerous rival firms)
 สินค้าที่ขายในตลาดมีลกั ษณะต่างกันบ้างแต่กพ
็ อที่จะสามารถ
ใช้ทดแทนกันได้
 มีการเข้าออกตลาดเสรี (No barriers to entry or exit)
EC210 2/2552
298
 Example
(ใกล้เคียง):
 ร้านอาหาร
 เสื้อผ้าแฟชัน
่
 น้ าพริกสินค้า otop
 กระดาษถ่ายเอกสาร ???
 น้ าดื่มบรรจุขวด ???
EC210 2/2552
299
การกาหนดราคาของผูข้ าย:
 ผูข้ ายมีอานาจในการกาหนดราคาอยู่บา้ ง (Firms have some
market power) จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กบั ความสามารถในการ
ทาให้สนิ ค้าของตนเองแตกต่างจากผูอ้ น่ื
 การแข่งขันของผูข้ ายจะเป็นไปในหลายรูปแบบนอกเหนื อจากราคา

รูปร่างหน้าตาของสินค้า, การให้บริการหลังการขาย, การรับประกัน
คุณภาพ, การโฆษณา, ฯลฯ
EC210 2/2552
300
บทสรุป ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด :




ในระยะสัน้ ผูข้ ายสามารถได้รบั กาไรเกินปกติ (Positive economic
profit)
ในระยะยาวผูข้ ายจะได้รบั เพียงแค่ กาไรปกติ (Zero economic profit or
Normal rate of return)เนื่ องจากการไม่มีอปุ สรรคกีดกันการเข้าตลาด
กาไรเกินปกติจะดึงดูดผูข้ ายรายใหม่ๆ ให้เข้ามาในตลาด
ผูซ้ ้ อื ได้ประโยชน์จากความหลากหลายของสินค้าและบริการ (Product
variety) อย่างไรก็ตามผูซ้ ้ อื ก็ตอ้ งจ่ายแพงขึ้นเพือ่ ความหลากหลายเหล่านั้น

ทรัพยากรที่มีอยู่จากัดถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ
EC210 2/2552
301
Market Structure
แข่ งขันสมบูรณ์
กึง่ แข่ งขันกึง่ ผูกขาด
ผู้ขายน้ อยราย
ผูกขาด
(Perfect Competition)
(Monopolistic)
(Oligopoly)
(Monopoly)
จานวนผู้ขาย
มากมาย
มากมาย
น้ อย
รายเดียว
ลักษณะของสินค้ า
เหมือน
แตกต่ าง
เหมือน หรือ แตกต่ าง
-
เสรี
เสรี
กีดกัน
กีดกัน
มีอานาจเต็มที่
การเข้ าสู่ ตลาด
อานาจในการกาหนดราคา
(Market Power)
ไม่ มอี านาจ
มีอานาจเล็กน้ อย
ขึน้ อยู่ว่ารวมมือกัน
ขึน้ ราคาแพงๆ ได้
สาเร็จหรือไม่
กาไรในระยะสั้น
เกินปกติ: +
เกินปกติ: +
เกินปกติ: +
เกินปกติ: +
กาไรในระยะยาว
ปกติ: 0
ปกติ: 0
เกินปกติ: +
เกินปกติ: +
EC210 2/2552
302
(Market Failure)
EC210 2/2552
303
ความล้มเหลวของตลาด คือ ภาวะที่การทางานของ
ตลาดโดยธรรมชาติ ไม่สามารถทาให้เกิดการจัดสรร
ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เป็ นที่ตอ้ งการของ
สังคม
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect Competition)
 ผลกระทบภายนอก (Externalities)
 สินค้าสาธารณะ (Public Goods)
 ความไม่สมมาตรของสารสนเทศ (ข้อมูล)

EC210 2/2552
304
 รัฐบาลจึงมีหน้าที่
ที่ตอ้ งมาแก้ไขปัญหาความล้มเหลวของ
ตลาด:
 ออกกฎหมายบังคับแก้ไข
 ใช้มาตรการภาษี เพือ
่ ลงโทษ (หรือเงินอุดหนุ นเพือ่
สนับสนุ น)
 เข้ามาผลิตสินค้าชนิ ดนั้นเอง
EC210 2/2552
305
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfect Competition)
??
 เกิดจากการที่ผูข้ ายที่อยู่ในตลาดพยายามที่จะกีดกันการเข้า
มาแข่งขันของผูข้ ายรายใหม่ๆ (หรือมีการรวมหัวกันขึ้นราคา
แพงๆ) ทาให้ไม่เกิดการแข่งขัน
 ผลร้าย: สินค้าถูกผลิตออกมาน้อย (Artificial Scarcity)
และราคาแพงเกินกว่าที่ควรจะเป็ น
 ตลาดประเภทใดบ้างที่เข้าข่าย
EC210 2/2552
306
บทบาทของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา:
 ออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้ องกันการ
ผูกขาด (Antitrust Policy)
Example: Microsoft, IBC+UTV, MAJOR + EGV
 ควบคุมการกาหนดราคาในกรณี ของ Natural
Monopoly
Example: ไฟฟ้ า, ประปา
EC210 2/2552
307
ผลกระทบภายนอก (Externalities)
ผลกระทบภายนอก (Externalities) คือ ผลกระทบที่เกิดจาก
กิจกรรมใดๆ อันส่งผลต่อบุคคลอืน่ โดยมิได้มีการจ่ายเงินชดเชย
ผลกระทบดังกล่าวซึ่งมีทง้ั ทางบวก และทางลบ
 ปัญหา: เกิดขึ้นเนื่ องจาก ตลาดคิดแต่เฉพาะต้นทุนที่เสียและ

ผลประโยชน์ท่ไี ด้สาหรับผูท้ ่เี กี่ยวข้องกับการซื้อขายหรือการ
กระทานั้นๆ โดยตรงเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คดิ ถึงบุคคลที่
สามที่ได้รบั ผลกระทบจากการกระทานั้นๆ
EC210 2/2552
308
เพราะเหตุใดผูต้ ดั สินใจ จึงไม่คดิ ถึงบุคคลที่สามที่ได้รบั ผลกระทบ

ตัวอย่างกรณี โรงงานผลิตสินค้าปล่อยน้ าเสียสูแ่ ม่น้ า
 ต้นทุนส่วนตัว (Private Cost)

ต้นทุนที่หน่ วยผลิตเป็ นผูร้ บั ภาระโดยตรง
 ได้แก่ ต้นทุนการผลิตต่างๆ (ค่าจ้าง, ค่าวัตถุดิบ)

ต้นทุนทางสังคม (Social Cost)
= ต้นทุนเอกชน + ต้นทุนจากผลกระทบภายนอก
 ต้นทุนจากผลกระทบภายนอก ได้แก่ น้ าเสียจากโรงงาน

EC210 2/2552
309
ผลกระทบภายนอกที่เป็ นลบ (Negative Externality)

บุคคลที่สามเสียประโยชน์หรือได้รบั ความเดือดร้อนจากการกระทานั้นๆ
ทัง้ ที่เขาไม่ได้มีสว่ นเกี่ยวข้องอะไรเลยกับการกระทานัน้ ๆ
 เพื่อนร่วมห้องนอนกรนเสียงดัง
 การปลูกไม้ยูคาลิปตัส
 สินค้าและบริการถูกผลิตออกมามากเกินไปในมุมมองของสังคม
(Allocative inefficiency - market over allocates)
 บทบาทของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา:ออกกฎหมายป้ องกันและลงโทษ
 มาตรฐานการปล่อยควันพิษของโรงงาน, เก็บภาษี บห
ุ รี่สูงๆ
EC210 2/2552
310
เหตุใดเมื่อเกิด negative externalities จึงทาให้ผลิตมากเกินไป
Social cost
= private cost + external cost
private cost
P
P2
E2
P1
E1
D
0
Q2
Q
Q1
EC210 2/2552
311
ผลกระทบภายนอกที่เป็ นบวก (Positive Externality)

บุคคลที่สามได้ประโยชน์จากการกระทานั้นๆ ทัง้ ที่เขาไม่ได้มีสว่ น
เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการกระทานั้นๆ
 เพือ
่ นบ้านที่ปลูกต้นไม้สวยงามหน้าบ้าน
 การทาสวนเลี้ยงผึ้ง
 สินค้าและบริการถูกผลิตออกมาน้อยเกินไปในมุมมองของสังคม
 บทบาทของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา: ให้การสนับสนุ นทัง้ ทางด้าน
การเงินและการอานวยความสะดวก

กองทุนเพือ่ การศึกษา, ลดภาษี
EC210 2/2552
312
สินค้าสาธารณะ (Public Good)
(Public Good)
 สินค้าและบริการที่แต่ละหน่ วยสามารถถูกใช้หรือบริโภค
ได้สาหรับทุกคน
 1) Non-Rivalry (ไม่ปฏิปกั ษ์ในการบริโภค)
 2) Non-Excludability (ไม่อาจกีดกันได้)
Example: 3-5-7-9-11-itv, กองทัพป้ องกันประเทศ
 สินค้าสาธารณะ
EC210 2/2552
313
สินค้าโดยทัว่ ไป มีลกั ษณะเป็ นสินค้าสาธารณะหรือไม่ ??
 สินค้าเอกชน (Private Good)
 สินค้าและบริการที่แต่ละหน่ วยสามารถถูกใช้หรือบริโภคได้
เพียงบุคคลใดบุคคลหนึ่ ง
 1) Rivalry (ปฏิปก
ั ษ์ในการบริโภค)
 2) Excludability (กีดกันได้)
Example: รถยนต์, กระเป๋ า Gucci

EC210 2/2552
314
ปัญหาความล้มเหลวของตลาดในกรณี สนิ ค้าสาธารณะ
Free Rider Problem!!! ทุกคนอยากใช้สนิ ค้าและบริการแต่ไม่มี
ใครยอมจ่ายเงิน
 ถ้าเอกชนเป็ นผูผ
้ ลิตสินค้า
 สินค้าและบริการจะถูกผลิตออกมาน้อยเกินไป
 เก็บเงินไม่ได้ (ไม่มีใครยอมจ่ายเงิน)
 บทบาทของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา:
 รัฐบาลเข้ามาเป็ นผูผ
้ ลิตสินค้าชนิ ดนั้นๆ เอง
 บังคับเก็บเงินทางภาษี

EC210 2/2552
315
Asymmetric Information
(ความไม่สมมาตรของสารสนเทศ)
เป็ นสภาวะทีผ่ ู้เล่น 2 ฝ่ ายในตลาด (ผู้ซื้อ-ผู้ขาย) มีข้อมูลข่ าวสารทีไ่ ม่
เท่ าเทียมกัน จึงก่อให้ เกิดปัญหา 2 ลักษณะ คือ

ปัญหา Adverse Selection (เกิดผลเลือกกลุ่มทีเ่ สี่ ยงสู ง)
- เป็ นปัญหาที่สารสนเทศไม่ สมมาตร ก่อนการตกลงสั ญญา

ปัญหา Moral Hazard (พฤติกรรมชักนาความเสี่ ยง)
- เป็ นปัญหาสารสนเทศไม่ สมมาตร หลังจากตกลงสั ญญาแล้ว
- - -ผลคือ ตลาดมีแนวโน้ มที่จะไม่ เกิด หากปล่อยตามกลไกตลาด - - EC210 2/2552
316
ตัวอย่าง Adverse Selection







ตลาดรถยนต์ มือสอง...
ตลาดประกันสุ ขภาพ...
ตลาดประกันอุบัติเหตุรถยนต์...
ตลาดสิ นเชื่อ...
ตลาดแรงงาน...
แต่ ละตลาด ใครมีข้อมูลมากกว่ าใคร
ผลของตลาด จะทาให้ ผู้ทมี่ ีข้อมูลมากกว่ าได้ เปรียบ และก่อให้ เกิดกลุ่ม
เสี่ ยงเข้ าสู่ ตลาด
EC210 2/2552
317
ตัวอย่าง Moral Hazard







ตลาดประกันภัยทรัพย์ สิน...
ตลาดประกันชีวติ ...
การบริหารงานบริษัท...
การตกลงประนอมหนี้ (ผ่ อนชาระหนี)้ ...
การเช่ าบ้ าน (คนเช่ าไม่ ต้องรับผิดชอบทรัพย์ สิน)...
แต่ ละตลาด ใครมีข้อมูลมากกว่ าใคร
ผลของตลาด จะทาให้ ผู้ทมี่ ีข้อมูลมากกว่ าได้ เปรียบ และก่อให้ เกิดการ
ปรับเปลีย่ นพฤติกรรมทีท่ าให้ เสี่ ยงมากขึน้
EC210 2/2552
318
Appendix:
How to Read and Understand Graphs

A graph is a twodimensional
representation of a set of
numbers or data.
EC210 2/2552
319
Appendix:
How to Read and Understand Graphs

Total disposable personal income
Total Disposable Personal Income in
the United States: 1975-2002 (in
billions of dollars)
8000
7500
7000
6500
6000
5500
5000
4500
4000
3500
3000
2500
2000
1500
1000
1975
1980
1985
1990
1995
A time series graph
shows how a single
variable changes over
time.
2000
Year
EC210 2/2552
320
Appendix:
How to Read and Understand Graphs


The Cartesian coordinate system is the most common
method of showing the relationship between two variables.
The horizontal line is the X-axis
and the vertical line the Y-axis.
The point at which the horizontal
and vertical axes intersect is
called the origin.
EC210 2/2552
321
Appendix:
How to Read and Understand Graphs
•
The point at which the line
intersects the Y-axis (point a) is
called the Y-intercept.
• The Y-intercept, is the value of Y
when X = 0.
EC210 2/2552
322
Appendix:
How to Read and Understand Graphs
•
The slope of the line indicates
whether the relationship
between the variables is
positive or negative.
•
The slope of the line is
computed as follows:
Y
Y1  Y0
b=

 X X1  X 0
EC210 2/2552
323
Appendix:
How to Read and Understand Graphs


This line slopes upward,
indicating that there seems to
be a positive relationship
between income and
spending.
Points A and B, above the 45°
line, show that consumption
can be greater than income.
EC210 2/2552
324
Appendix:
How to Read and Understand Graphs
An upward-sloping line
describes a positive
relationship between X and
Y.
A downward-sloping line
describes a negative
relationship between X and Y.
EC210 2/2552
325
Appendix:
How to Read and Understand Graphs
7
b 
  0.7
10
5
b
 0.5
10
0
b
0
10
10
b

0
EC210 2/2552
326
Appendix:
How to Read and Understand Graphs
EC210 2/2552
327
Appendix:
How to Read and Understand Graphs
Cartesian coordinate system
slope
graph
time series graph
negative relationship
X-axis
origin
Y-axis
positive relationship
Y-intercept
EC210 2/2552
328