เอกสารประกอบ 1 (คลิกดาวน์โหลดที่นี่..)

Download Report

Transcript เอกสารประกอบ 1 (คลิกดาวน์โหลดที่นี่..)

ละเมิด คือ อะไร
• ละเมิด คือ การกระทาใด ๆ ของบุคคลหรือการ
กระทาทีอ
่ ยูใ่ น
ความรับผิดชอบ
ี หายต่อบุคคล
ของบุคคลอันก่อให ้เกิดความเสย
อืน
่
อาจเป็ นการกระทาของตนเอง การกระทา
ี หาย
ของบุคคลอืน
่ หรือ
ความเสย
ทีเ่ กิดจากทรัพย์ทอ
ี่ ยูใ่ นความครอบครองดูแล ผู ้
ี หายนัน
ได ้รับความเสย
้ ชอบทีจ
่ ะได ้รับการ
ิ ไหม
เยียวยา โดยการเรียกร ้อง
ค่าสน
ทดแทน หรือเรียกร ้อง ให ้ผู ้ละเมิดปฏิบัตห
ิ รือละ
เว ้นปฏิบัต ิ ในลักษณะอืน
่ ๆ แล ้วแต่กรณี
หลักการกระทาละเมิด
• ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๒๐ บัญญัตวิ า่ “ผู ้ใดจงใจหรือประมาท
เลินเล่อ ทาต่อ
บุคคลอืน
่ โดย
ี หายถึงแก่ชวี ต
ผิดกฎหมายให ้เขาเสย
ิ ก็ด ี แก่
ิ หรือ
ร่างกายก็ด ี อนามัยก็ด ี เสรีภาพก็ด ี ทรัพย์สน
ิ ธิอย่างหนึง่ อย่างใดก็ด ี ท่านว่าผู ้นั น
สท
้ ทาละเมิด
ิ ไหมทดแทนเพือ
จาต ้องใชค่้ าสน
่ การนัน
้ ”
องค์ประกอบของการกระทาทีเ่ ป็ น
ละเมิด
1.
2.
3.
4.
กระทาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
กระทาโดยผิดกฎหมาย
ี หายแก่บค
การกระทาก่อให ้เกิดความเสย
ุ คลอืน
่
ี หายเป็ นผลมาจากการกระทาดังกล่าว
ความเสย
นัน
้
ขอบเขตความรับผิดแค่ไหน อย่างไร เท่าใด
ในเรือ
่ งความรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
ตัวอย่างการกระทาละเมิด
• คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2546
จาเลยที่ 1 ได ้รับมอบหมายให ้สอนวิชาพล
ึ ษา ถือได ้ว่าได ้รับมอบหมายให ้ดูแลนักเรียน
ศก
ให ้ได ้รับความปลอดภัยในชวั่ โมงดังกล่าวด ้วย
การสงั่ ให ้นักเรียนวิง่ รอบสนามซงึ่ มีระยะทาง
ประมาณ 200 เมตร ต่อ 1 รอบ จานวน 3 รอบ
เป็ นการอบอุน
่ ร่างกายเป็ นสงิ่ ทีเ่ หมาะสม เมือ
่
นักเรียนวิง่ ไม่เป็ นระเบียบครบ 3 รอบแล ้ว จาเลย
ที่ 1
ได ้สงั่ ให ้วิง่ ต่ออีก 3 รอบ
เป็ นวิธก
ี ารทาโทษทีเ่ หมาะสมตามควรแก่
พฤติการณ์แล ้ว
ตัวอย่างการกระทาละเมิด
• คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2546
แต่การทีน
่ ักเรียนยังวิง่ ไม่เรียบร ้อยอีก ก็ควรหา
มาตรการหรือวิธก
ี ารลงโทษ
โดยวิธอ
ี น
ื่ การสงั่ ให ้วิง่
ต่ออีก 3 รอบและเมือ
่ ไม่เรียบร ้อย ก็สงั่ ให ้วิง่ ต่ออีก 3 รอบ
ในชว่ งเวลาหลังเทีย
่ งวันอากาศร ้อนและมีแสงแดดแรง
เป็ นการลงโทษทีไ่ ม่เหมาะสม เพราะเป็ นอันตรายต่อ
สุขภาพนักเรียนซงึ่ อายุระหว่าง 11 ปี ถึง 12 ปี ได ้
จึงเป็ นการกระทาโดยไม่ชอบและเป็ นความประมาท
เลินเล่อ ทัง้ การออกกาลังกายโดยการวิง่ ย่อมทาให ้หัว
ใจเต ้นแรงกว่าปกติ จานวนรอบทีเ่ พิม
่ มากขึน
้ ย่อมทาให ้
หัวใจต ้องทางานหนักขึน
้ เมือ
่ เป็ นเวลานานย่อมเป็ น
อันตรายต่อหัวใจทีไ่ ม่ปกติจนทาให ้เด็กชาย พ. ซงึ่ เป็ น
โรคหัวใจอยูก
่ อ
่ นแล ้วล ้มลงในการวิง่ รอบที่ 11 และถึงแก่
ความตาย ในเวลาต่อมาเพราะสาเหตุระบบหัวใจล ้มเหลว
จึงเป็ นผลโดยตรงจากคาสงั่ ของจาเลยที่ 1 แม ้ จะไม่
ทราบว่าเด็กชาย พ. เป็ นโรคหัวใจก็ถอ
ื ได ้ว่าจาเลยที่ 1
กระทาละเมิดเป็ นเหตุให ้เด็กชาย พ. ถึงแก่ความตาย
แต่ ไ ม่ ป รากฏว่ า จ าเลยที่ 1 มุ่ ง หวั ง ให ้นั ก เรีย น
ได ้รับอันตรายถึงแก่ชวี ต
ิ
ยังมีความหวั งดีต่อ
นั ก เรีย นต ้องการอบรมสั่ง สอนนั ก เรีย นให ้มีค วามรู ้
เหมือนดังวิสัยของครูทั่วไป แม ้เป็ นเหตุให ้เด็กชาย
พ. ถึงแก่ความตาย
แต่จาเลยที่ 1
มิไ ด ้จงใจหรื อ กระท าการประมาทอย่ า งร า้ ยแรง
เพี ย งแต่ ก ระท าโดยประมาทเลิน เล่ อ ขาดความ
้
่ ผู ้มีอาชพ
ี ครู
รอบคอบและไม่ใชความระมั
ดระวังเชน
ึ ษาจะพึง ปฏิบัตแ
สอนพลศ ก
ิ ละสาเหตุส่ว นหนึ่ง มา
จากสุ ข ภาพของเด็ ก ชาย พ. ไม่ แ ข็ ง แรงมี โ รค
ประจ าตั ว คือ โรคหั ว ใจ ซ งึ่ ถือ เป็ นเรื่อ งที่อ ยู่เ หนื อ
ความคาดหมายของจ าเลยที่ 1 แม ้จ าเลยที่ 1 จะ
ตัวอย่างการกระทาละเมิด
• คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5129/2546 (ต่อ)
ึ ษาของ
การทีจ
่ าเลยที่ 1 ทาการสอนวิชาพลศก
โรงเรียนเป็ นการปฏิบัตห
ิ น ้าทีร่ าชการในฐานะ
ึ ษา(จาเลยที่ 2) การ
ผู ้แทนของกรมสามัญศก
ออกคาสงั่ ให ้นักเรียนวิง่ รอบสนามเพือ
่ อบอุน
่
ร่างกายและการลงโทษนักเรียนให ้วิง่ รอบสนาม
ก็ถอ
ื เป็ นการปฏิบัตห
ิ น ้าทีร่ าชการด ้วย เมือ
่ ทาให ้
เด็กชาย พ. ถึงแก่ความตาย จาเลยที่ 2 จึงต ้อง
ิ ไหมทดแทนเพือ
รับผิดชดใชค่้ าสน
่ ความ
ี หายแก่โจทก์ผู ้เป็ นมารดาตามประมวล
เสย
ตัวอย่างการกระทาละเมิด
• จาเลยที่ 2 ต ้องรับผิดชดใชค่้ าขาดไร ้อุปการะ
และค่าปลงศพกับค่าใชจ่้ ายในการจัดงานศพอัน
เป็ นความรับผิดชอบตามกฎหมาย
แม ้จะมี
บุคคลภายนอกนาเงินมาให ้โจทก์เพือ
่ ชว่ ยเหลือ
งานศพหรือจัดการศพเด็กชาย พ. ก็ไม่อาจทา
ให ้ความรับผิดชอบตามกฎหมายของจาเลยที่ 2
ต ้องหมดไปหรือลดน ้อยลงไปได ้ กรณีจงึ ไม่อาจ
นาเงินชว่ ยงานศพทีโ่ จทก์ได ้รับจากสมาคม
ผู ้ปกครองและครูของโรงเรียนมาหักออกจากค่า
ิ ไหมทดแทนทีจ
สน
่ าเลยที่ 2 ต ้องรับผิดชดใช ้
• สรุปหลักความรับผิดทางละเมิดทีไ่ ด ้จากแนวคาพิพากษา
ศาลฎีกาที่ 5129/2546
1. การลงโทษทีไ
่ ม่เหมาะสม ทีเ่ ป็ นอันตรายต่อ
สุขภาพนักเรียนเป็ นการกระทาโดยไม่ชอบและเป็ นความ
ประมาทเลินเล่อ
ึ ษาของจาเลยที่ 1 เป็ นการ
2. การสอนวิชาพลศก
ปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีร่ าชการ การออกคาสงั่ ให ้นักเรียนวิง่ รอบ
สนามและการลงโทษนักเรียน ก็ถอ
ื เป็ นการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
ราชการ เมือ
่ เด็กชาย พ. ถึงแก่ความตาย จาเลยที่ 2 ใน
ึ ษา จึงต ้องรับผิดชดใชค่้ า
ฐานะผู ้แทนของกรมสามัญศก
ิ ไหมทดแทนเพือ
ี หายแก่โจทก์ผู ้เป็ นมารดา
สน
่ ความเสย
้ าขาดไร ้อุปการะและค่าปลงศพกับ
3. รับผิดชดใชค่
ค่าใชจ่้ ายในการ
จัดงานศพอันเป็ นความ
รับผิดชอบตามกฎหมาย ไม่อาจนาเงินชว่ ยงานศพที่
โจทก์ได ้รับจากสมาคมผู ้ปกครองและครูของโรงเรียนมา
ิ ไหมทดแทนได ้
หักออกจากค่าสน
องค ์ประกอบที่ 1 “การกระทาโดยจงใจ”
• (1) การกระทาโดยจงใจ คือ การกระทาโดยรู ้(สานึก) การกระทา
ี หายแก่บค
ของตนว่าจะก่อให ้เกิดความเสย
ุ คลอืน
่ ทีจ
่ ะเกิดขึน
้ ไม่
ี หายนัน
ว่าความเสย
้ จะเกิดขึน
้ มากน ้อยเพียงใดก็ตาม
• คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. ๒๘๓/๒๕๕๑
การเก็บร ักษาของกลางไม่มรี ะเบียบและการควบคุมทีร่ ัดกุม
เพียงพอ
การเก็บรั กษารถของกลางนั น
้ เจ ้าหน ้าทีจ
่ ะต ้องเก็บรั กษาไว ้
ภายในบริเวณสถานทีท
่ าการหรือสถานทีอ
่ น
ื่ ใดตามทีผ
่ ู ้กากับการ
้
ตารวจนครบาลกาหนด โดยมีหน ้าทีต
่ ้องใชความระมั
ดระวัง ตรวจ
ตราของกลางให ้เป็ นอยูต
่ ามสภาพเดิมเท่าทีส
่ ามารถจะรักษาได ้
อีกทัง้ จะต ้องรีบนาสง่ ต่อพนักงานสอบสวนเพือ
่ ตรวจสอบให ้เสร็จ
ิ้ ภายใน ๓ เดือ น ตามระเบีย บกรมต ารวจว่า ด ้วยการปฏิบั ต ิ
สน
เกีย
่ วกับรถของกลางพ.ศ. ๒๕๓๒
เมือ
่ ข ้อเท็จจริงรับฟั งได ้ว่า ในการเก็บรักษารถยนต์ของผู ้ฟ้ อง
คดี เจ ้าหน ้าทีไ่ ด ้นารถยนต์ไปเก็บรักษาไว ้ทีบ
่ ้านของนาย ก. ซงึ่
ไม่ ม ีก ารจั ด ท าเอกสารหรื อ หลั ก ฐานการขอเบิก รถยนต์ ห รื อ
การขอรับกุญแจรถแต่อย่างใด จึงเป็ นการเก็บรักษารถยนต์ข อง
กลางที่ ไ ม่ ม ี ร ะเบี ย บและการควบคุ ม ที่ รั ด กุ ม เพี ย งพอ ทั ้ง ที่
องค ์ประกอบที่ 1 “การกระทาโดยจงใจ”
• คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. ๓๗/๒๕๕๒
่
กระทาการออกคาสังอนุ
มต
ั โิ ดยฝ่าฝื นระเบียบ
• ผู ้อานวยการโรงเรียนมีอานาจพิจารณาดาเนินการให ้เป็ นไปตาม
พระราชกฤษฎีกาค่าเชา่ บ ้านข ้าราชการ พ.ศ. ๒๕๒๗ จะต ้องใช ้
ิ ธิเบิกค่าเชา่ บ ้านให ้เข ้าพักอาศย
ั
ดุลพินจ
ิ จัดให ้ข ้าราชการทีม
่ ส
ี ท
ในบ ้านพักราชการทีว่ า่ งอยูก
่ อ
่ นแต่กลับมีคาสงั่ อนุมต
ั ใิ ห ้นางสาว
ิ ธิเบิกค่าเชา่ บ ้านข ้าราชการทัง้ ๆ ทีรู่ ้อยู ่แล้วว่ามีบ ้านพัก
ส. ใชส้ ท
ครูวา่ งอยูแ
่ ละมีสภาพสมบูรณ์เหมาะทีจ
่ ะให ้ข ้าราชการครูเข ้าพัก
ั ได ้ นอกจากนัน
อาศย
้ ยังรู ้อยู ่แล้วว่าการอนุมต
ั ต
ิ งั ้ แต่เดือน
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๑ เป็ นการอนุมต
ั ท
ิ ผ
ี่ ด
ิ
ระเบียบ พฤติการณ์ของผู ้ฟ้ องคดีจงึ เป็ นการจงใจกระทา ผิดต่อ
กฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ ทาให ้ราชการได ้รับความ
ี หายอันถือเป็ นการกระทาละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แห่ง
เสย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
องค ์ประกอบที่ 1 “การกระทาโดยประมาท
เลินเล่อ”
• 2. (1) การกระทาโดยประมาทเลินเล่อ
เป็ นการกระทาซงึ่ บุคคลพึงคาดหมายได ้ว่าอาจ
ี หายขึน
้
ก่อให ้เกิดความเสย
้ และหากใชความระมั
ดระวัง
ี หายได ้
แม ้เพียงเล็กน ้อยก็อาจป้ องกันมิให ้เกิดความเสย
้
่ ว่านัน
แต่กลับมิได ้ใชความระมั
ดระวังเชน
้ เลย (คา
พิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่
อ. ๑๐/๒๕๕๒)
• การพิจารณากระทาโดยประมาทเลินเล่อ จาก
ั้
• ก. สภาพเกีย
่ วกับตัวผู ้กระทา(วิสย
ั ) เป็ นเจ ้าหน ้าทีช
่ น
ั ้ ผู ้น ้อย
ผู ้ใหญ่หรือชน
เป็ นเจ ้าหน ้าที่
ี หรือเป็ นผู ้เชย
ี่ วชาญในด ้านนัน
ธรรมดา มีวช
ิ าชพ
้ รวมถึง
ระยะเวลา
ในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีข
่ องผู ้นัน
้ ด ้วย
องค ์ประกอบที่ 1 “การกระทาโดยประมาท
เลินเล่อ”
• การพิจารณากระทาโดยประมาทเลินเล่อ (ต่อ)
• ข. เหตุภายนอกหรือปั จจัยแวดล ้อมตัวผู ้กระทา
(พฤติการณ์) ซงึ่ อาจมีผลต่อระดับ ความระมัดระวังและ
้
ทาให ้การใชความระมั
ดระวังของแต่ละบุคคลแตกต่างกันไป
่ สภาพของสถานทีท
เชน
่ างานของเจ ้าหน ้าที่ อายุหรือ
จานวนของนักเรียนทีอ
่ ยูใ่ นความรับผิดชอบหรือสภาพของ
ทางเดินรถขณะเกิดอุบต
ั เิ หตุ เป็ นต ้น
• โดยการพิจารณาทางกฎหมาย สมมติบค
ุ คล(reasonable man)
ขึน
้ เปรียบเทียบ
บุคคลทีม
่ ส
ี ภาพร่างกาย
อย่างเดียวกับผู ้กระทา สภาพทางจิตใจในระดับสภาพ
ร่างกายอย่างเดียวกัน ทัง้ จะต ้องสมมติวา่ อยูใ่ นพฤติการณ์
่ เดียวกับผู ้กระทาด ้วย เมือ
ภายนอกเชน
่ เปรียบเทียบกัน ถ ้า
บุคคลทีส
่ มมติขน
ึ้ จะไม่กระทาโดยขาดความระมัดระวัง
เหมือน
ผู ้ทีไ่ ด ้กระทาไปแล ้ว ย่อมถือว่าผู ้กระทาได ้
กระทาโดยประมาทเลินเล่อ
องค์ประกอบที่ 1 “ ประมาทเลินเล่อ
อย่างร ้ายแรง”
• ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
ี่ งที่
การกระทาโดยรู ้อยูแ
่ ล ้วว่าเป็ นการเสย
ี หาย แต่ยังขืนทาลงโดย
จะเกิดภัยหรือความเสย
คิดว่าสามารถหลีกเลีย
่ งไม่ให ้เกิดภัยหรือความ
ี หายขึน
เสย
้ ได ้ ผู ้กระทาเพียงคาดเห็นว่าผลอาจ
เกิดขึน
้ ได ้โดย
ไม่แน่วา่ จะเกิดและ
คิดว่าคงสามารถหลีกเลีย
่ งผลนัน
้ ได ้
(วรพจน์ วิศรุตพิชญ์ กฎหมายว่าด ้วยความรับ
ผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่ น. 375)
องค์ประกอบที่ 1 “ ประมาทเลินเล่อ
อย่างร ้ายแรง”
• ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง (เดิม)
คือ ลักษณะทีบ
่ ค
ุ คลนัน
้ ได ้ทาไปโดยขาด
ความระมัดระวัง
ทีเ่ บีย
่ งเบนจาก
่ คาดเห็นได ้ว่า
เกณฑ์มาตรฐานอย่างมาก เชน
ี หายเกิดขึน
ั
ความเสย
้ ได ้ หรือหากระมัดระวังสก
เล็กน ้อย ก็คงได ้คาดเห็น
การทีอ
่ าจ
ี หายเชน
่ นัน
เกิดความเสย
้
ื สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร 0601/087 ลง
(หนังสอ
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2540)
ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
• คาพิพากษาฎีกา ที่ 1789/2518
ควันไฟอันเกิดจากไฟไหม ้เศษปอจากโรงงานของจาเลย
(กระทรวงการคลัง)
ถูกลมพัดลอยไป
ครอบคลุมผิวจราจรบนถนน เป็ นเหตุให ้รถโจทก์ถก
ู รถคันอืน
่
ชนท ้าย
ซงึ่ ก่อนหน ้านีก
้ ลุม
่ ควันไฟอันเกิดจากการเผา
เศษปอของจาเลยได ้เคยถูกลมพัดพาไปครอบคลุมถนนเป็ น
เหตุให ้รถยนต์เกิดชนกันมาแล ้ว 2-3 ครัง้
แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจาเลยได ้จัดการวางมาตรการป้ องกันแต่
อย่างใด คงปล่อยปละ
ละเลยให ้เหตุการณ์คง
่ เดิมจนกระทั่งได ้เกิดเหตุคดีนข
เป็ นอยูเ่ ชน
ี้ น
ึ้ อีก
ั ดังจาเลยอ ้าง เพราะ
พฤติการณ์ทเี่ กิดขึน
้ ไม่เป็ นเหตุสด
ุ วิสย
จาเลยย่อมทราบดีอยูแ
่ ล ้วว่า
ลมอาจจะพัด
พาเอาควันไฟจากบ่อไปครอบคลุมผิวจราจรบนท ้องถนนได ้
ซงึ่ จาเลยอาจจะป้ องกันเหตุการณ์ดงั กล่าวได ้โดยย ้ายบ่อเผา
เศษปอให ้ห่างไกลพอทีล
่ มไม่สามารถจะพัดพาควันไฟมาถึง
่ ว่านัน
บริเวณทีเ่ กิดเหตุได ้ จาเลยก็หาได ้กระทาเชน
้ ไม่
คดีจงึ ฟั งได ้ว่าจาเลยได ้ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรงเป็ น
ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
• ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง (2553)
•
“ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง” หมายถึง
การกระทา
โดยมิได ้เจตนา แต่เป็ น
การกระทาซงึ่ บุคคลพึงคาดหมายได ้ว่า
ี หายขึน
อาจก่อให ้เกิดความเสย
้ ได ้ และหากใช ้
ความระมัดระวัง
แม ้เพียงเล็กน ้อย
ี หายได ้ แต่กลับ
ก็อาจป้ องกันมิให ้เกิดความเสย
้
่ ว่านัน
มิได ้ใชความระมั
ดระวังเชน
้ เลย
(แนวคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดี
หมายเลขแดงที่ อ.146/2553)
ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
• คดีหมายเลขแดงที่ อ.146/2553
การทีผ
่ ู ้ถูกฟ้ องคดี(กรม)ได ้มีคาสงั่ ให ้ผู ้ฟ้ องคดี
ิ ไหมทดแทน ได ้ให ้
(คนขับรถ)ชดใชค่้ าสน
ี งดัง
เหตุผลว่า ในระหว่างเดินทาง เกิดเหตุมเี สย
ผิดปกติ เร่งไม่ขน
ึ้ และพบหม ้อน้ ามีน้ าไหล
ี หาย
ออกมาเป็ นเหตุให ้รถยนต์ได ้รับความเสย
ี หายทีเ่ กิดขึน
ซงึ่ ถือได ้ว่าความเสย
้ เกิดจากการ
กระทาของผู ้ฟ้ องคดีซงึ่ มีตาแหน่งเป็ นพนักงาน
ขับรถยนต์และมีหน ้าทีต
่ รวจสอบดูแลบารุงรักษา
รถยนต์ของทางราชการให ้อยูใ่ นสภาพทีด
่ ต
ี ามที่
วิญญูชนทั่วไปพึงต ้องระมัดระวัง จึงเป็ นความ
ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง ต ้องรับผิดชดใช ้
ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
• คดีหมายเลขแดงที่ อ.146/2553
ศาลเห็นว่า การกระทาทีจ
่ ะถือว่าเป็ นการกระทา
การด ้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
หมายถึง การกระทาโดยมิได ้เจตนา แต่เป็ นการ
กระทาซงึ่ บุคคลพึงคาดหมายได ้ว่าอาจก่อให ้เกิด
ี หายขึน
้
ความเสย
้ ได ้ และหากใชความระมั
ดระวังแม ้
เพียงเล็กน ้อยก็อาจป้ องกันมิให ้เกิดความ
ี หายได ้ แต่กลับมิได ้ใชความระมั
้
่ ว่า
เสย
ดระวังเชน
นัน
้ เลย
ดังนัน
้ การทีผ
่ ู ้ถูกฟ้ องคดีจะออกคาสงั่ ให ้ผู ้ฟ้ อง
ิ ไหมทดแทนจากเหตุละเมิดได ้
คดีรับผิดชดใชค่้ าสน
ต ้องปรากฏว่าผู ้ฟ้ องคดีละเลย ไม่เอาใจใส่
ตรวจสอบดูแลบารุงรักษารถยนต์ของทางราชการ
็ สภาพรถและ
ในวันเกิดเหตุ ผู ้ฟ้ องคดีได ้ตรวจเชค
เครือ
่ งยนต์กอ
่ นออกเดินทาง ย่อมแสดงให ้เห็นว่าผู ้ฟ้ อง
้
คดีได ้ใชความระมั
ดระวังตามสมควรในการตรวจสอบ
สภาพรถก่อนออกเดินทาง และในระหว่างเดินทางขณะ
เกิดเหตุแม ้ข ้อเท็จจริงจะรับฟั งได ้อย่างทีผ
่ ู ้ถูกฟ้ องคดี
กล่าวอ ้างว่า เมือ
่ มาตรวัดระดับความร ้อนแสดงค่าความ
ั ญาณเตือนความ
ร ้อนสูงขึน
้ ทีห
่ น ้าปั ดรถยนต์อน
ั เป็ นสญ
ผิดปกติของน้ าในหม ้อน้ า
ซงึ่ ผู ้ฟ้ องคดีอาจจะ
ทราบแต่ไม่ได ้สงั เกตเห็นและยังคงขับรถต่อไปจนกระทัง่
เครือ
่ งยนต์หยุดทางานก็ตามแต่ความประมาทเลินเล่อ
ดังกล่าวยังไม่ถงึ ขนาดเป็ นความประมาทเลินเล่ออย่าง
ี หายแก่รถยนต์ของทาง
ร ้ายแรงทีเ่ ป็ นเหตุให ้เกิดความเสย
่
ราชการ หากแต่ยงั มีเหตุปัจจัยอย่างอืน
่ ประกอบด ้วย เชน
ื่ มสภาพของชน
ิ้ สว่ น อุปกรณ์ของรถยนต์จากการ
การเสอ
้
ใชงาน
เป็ นต ้น ดังนัน
้ จึงเห็นว่าข ้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่า
่ รวจสอบดูแลบารุงรักษา
ผู ้ฟ้ องคดีละเลยไม่เอาใจใสต
รถยนต์ของทางราชการด ้วยความประมาทเลินเล่ออย่าง
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. ๓๕๔/๒๕๕๕
(กระทาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง )
นาย ส. (ผู ้ฟ้ องคดี) เป็ นเจ ้าหน ้าทีส
่ งั กัดมหาวิทยาลัย
ึ ษาหลักสูตรปริญญาตรี ของ
ตาแหน่งผู ้จัดการโครงการศก
คณะพาณิชย์และการบัญช ี สงั กัดมหาวิทยาลัย (ผู ้ถูกฟ้ อง
คดีท ี่ ๑) มีหน ้าทีแ
่ ละความรับผิดชอบ ตามใบกาหนดหน ้าที่
(Jop Description) ซงึ่ ต ้องดูแลการบริหารงานทัว
่ ไปของ
โครงการและได ้รับมอบหมายให ้เก็บกุญแจห ้องของ
โครงการ
นาย ส. เห็นว่า ตนมีหน ้าทีแ
่ ละความรับผิดชอบตามที่
กาหนดไว ้ในใบกาหนดงานเท่านัน
้ ไม่มห
ี น ้าทีใ่ นการดูแล
ิ ทัง้ ยังมีเจ ้าหน ้าทีอ
อาคาร สถานที่ และทรัพย์สน
่ ก
ี หลายคน
มีกญ
ุ แจทีส
่ ามารถเข ้าห ้องได ้และไม่มพ
ี ฤติการณ์ทเี่ ป็ นการ
กระทาโดยประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง นอกจากนี้ ความ
ี หายไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท มหาวิทยาลัยไม่ต ้องรายงาน
เสย
กระทรวงการคลัง หลังจากอุทธรณ์คาสงั่ และมหาวิทยาลัย
ได ้ยกอุทธรณ์ นาย ส. จึงนาคดีมาฟ้ องต่อศาลปกครอง
• ประเด็นที่ 1 แมผู้ ้ฟ้ องคดี มีหน ้าทีค
่ วามรับผิดชอบ และ
ใบกาหนดหน ้าที่ จะไม่มรี ายละเอียดให ้ผู ้ฟ้ องคดีมห
ี น ้าที่
ิ ภายในห ้องของโครงการก็ตาม แต่
ดูแลรักษาทรัพย์สน
ตามใบกาหนดหน ้าทีด
่ งั กล่าวมีวต
ั ถุประสงค์เพือ
่ ให ้การ
บริหารงานโดยทัว่ ไปของโครงการเป็ นไปด ้วยความ
ิ
เรียบร ้อย มีหน ้าทีโ่ ดยปริยายทีต
่ ้องดูแลรักษาทรัพย์สน
ของโครงการ
การทีผ
่ ู ้ฟ้ องคดีมอบกุญแจให ้แก่เจ ้าหน ้าที่
โครงการทุกคนถือ และ ผู ้ฟ้ องคดียงั แขวนกุญแจลูก
ครอบไว ้ทีโ่ ต๊ะในโครงการซงึ่ สามารถมองเห็นและ
สามารถหยิบได ้โดยง่าย ทัง้ เจ ้าหน ้าทีท
่ ก
ุ คนในโครงการ
ต่างทราบว่าผู ้ฟ้ องคดีแขวนกุญแจลูกครอบไว ้ตรงจุดใด
่ งทางหรือโอกาสให ้เกิดมีการโจรกรรมเครือ
อันเป็ นชอ
่ ง
ได ้โดยง่าย
พฤติกรรมของผู ้ฟ้ องคดีเป็ นการกระทาทีเ่ บีย
่ งเบน
่ นัน
ไปจากเกณฑ์มาตรฐาน ซงึ่ บุคคลในภาวะเชน
้ ต ้องมี
• นาย ส. ต้องชดใช้คา
่ สินไหมทดแทนเพียงใด ?
ข ้อเท็จจริงทีป
่ รากฏตามสานวนการสอบสวนของ
คณะกรรมการสอบสวนข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดทีผ
่ ู้
ถูกฟ้ องคดีท ี่ ๑ แต่งตัง้ ซงึ่ ปรากฏว่า มีบค
ุ คลอืน
่ เข ้ามาใช ้
ห ้องเป็ นคนสุดท ้ายและมีพยานเห็นว่าประตูปิดล็อค
เรียบร ้อยตามปกติ เมือ
่ คานึงถึงระดับความร ้ายแรง แห่งการ
กระทาและความเป็ นธรรมตามพฤติการณ์ ผู ้ฟ้ องคดีจงึ ไม่
้ มจานวน ความเสย
ี หาย นอกจากนีก
ต ้องรับผิดชดใชเต็
้ ารที่
ิ สูญหายสว่ นหนึง่ เกิดจากความบกพร่อง ของผู ้ถูก
ทรัพย์สน
ิ เพือ
ฟ้ องคดีทไี่ ม่มก
ี ารวางระบบป้ องกันทรัพย์สน
่ ป้ องกันการ
ึ ษาจัดวางระบบ
โจรกรรม โดยปล่อยให ้เจ ้าหน ้าทีแ
่ ละนักศก
ิ กันเอง
ดูแลทรัพย์สน
จึงหักสว่ นแห่งความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐตาม
มาตรา ๘ วรรคสองและ
วรรคสาม แห่ง
พระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่ พ.ศ.
ิ ไหม
๒๕๓๙
จึงควรให ้ผู ้ฟ้ องคดีรับผิดชดใชค่้ าสน
ี หายทีไ่ ม่ต ้อง
ประเด็นที่ 3 มูลค่าความเสย
รายงานให ้กระทรวงการคลังตรวจสอบนัน
้ ได ้แก่
ี หายตามทีป
มูลค่าความเสย
่ รากฏจากการ
ตรวจสอบของคณะกรรมการการสอบข ้อเท็จจริง
่ ล
ี หาย
ความรับผิดทางละเมิด มิใชม
ู ค่าความเสย
ภายหลังจากทีก
่ ระทรวงการคลังตรวจสอบและหัก
ื่ มราคาของทรัพย์สน
ิ แล ้ว
ค่าเสอ
เมือ
่ คณะกรรมการฯ ดังกล่าวเห็นว่า มูลค่า
ความเสยี หายคิดเป็ นเงินได ้ ๖๐,๐๐๐ บาท ผู ้ถูก
ฟ้ องคดีท ี่ ๑ จึงมีหน ้าทีร่ ายงานกระทรวงการคลัง
เพือ
่ ตรวจสอบ
• คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ.72/2550
เมือ
่ ผู ้ฟ้ องคดี(สรรพากรอาเภอเขตปทุมวัน) ซงึ่ มีอานาจ
หน ้าทีค
่ วามรับผิดชอบ
ในการบริหารงานของ
สานักงานเขตควบคุมการปฏิบต
ั งิ านด ้านการจัดเก็บภาษี อากร
และผลประโยชน์ของรัฐให ้เป็ นไปตามกฎหมายและระเบียบ
แบบแผนของทางราชการ
แต่มไิ ด ้จัดทา
็ ตามระเบียบกรมสรรพากรว่าด ้วยการรับ
สมุดทะเบียนคุมเชค
็ พ.ศ. 2539 เป็ นการเปิ ดโอกาสให ้
ชาระภาษี อากรเป็ นเชค
ผู ้ใต ้บังคับบัญชากระทาการทุจริตได ้โดยง่ายและมิได ้
ควบคุมดูแลผู ้ใต ้บังคับบัญชาให ้ปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีร่ าชการให ้
เป็ นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ เป็ น
่ งทางให ้ผู ้ใต ้บังคับบัญชาอาศย
ั โอกาสดังกล่าวนาเชค
็ ของ
ชอ
บุคคลภายนอกทีม
่ ไิ ด ้ชาระภาษี อากรให ้แก่ทางราชการและ
็ ไม่ได ้สลับสบ
ั เปลีย
เบิกเงินตามเชค
่ นแทนทีเ่ งินสดแล ้ว
ิ้ 5,874,024 บาท
ยักยอกเงินสดไปรวมทัง้ สน
จึงถือได ้ว่าการกระทาดังกล่าวของผู ้ฟ้ องคดีเป็ นการ
ี หาย
กระทาโดยประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรงเป็ นเหตุให ้เสย
แก่ทางราชการ จึงต ้องรับผิดในผลแห่งการกระทาละเมิดนัน
้
ตามมาตรา 8 วรรคหนึง่ แห่งพระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทาง
องค ์ประกอบที่ 2 “ กระทาโดยผิด
กฎหมาย”
• กระทาโดยผิดกฎหมาย หมายความว่ากระทา
โดยไม่ถก
ู ต ้องตามกฎหมายหรือโดยไม่มอ
ี านาจ
ิ ธิโดยชอบทีจ
หรือไม่มส
ี ท
่ ะกระทาการ
นัน
้ ได ้ นอกจากนี้ โดยทีม
่ าตรา ๔๒๑ แห่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บญ
ั ญัตวิ า่
ิ ธิซงึ่ มีแต่กอ
ี หายแก่
“การใชส้ ท
่ ให ้เกิดความเสย
บุคคลอืน
่ นัน
้
ท่านว่าเป็ นการอันมิชอบด ้วย
กฎหมาย” ดังนัน
้ การกระทาโดยผิดกฎหมายอัน
จะเป็ นการกระทาละเมิดจึงหมายความรวมไปถึง
ิ ธิทผ
การใชส้ ท
ี่ ู ้กระทามีอยูต
่ ามกฎหมายทาให ้
ี หายด ้วย
บุคคลอืน
่ เสย
องค ์ประกอบที่ 2 “ กระทาโดยผิด
กฎหมาย”
• คาพิพากษาฎีกาที่ ๗๐๒/๒๔๙๙
• นาย ก. ขอรังวัดทีด
่ น
ิ นาย ข. คัดค ้านการรังวัด
โดยอ ้างว่านาย ก.
นา
รังวัดล้าเข ้าไปในเขตทีด
่ น
ิ ของตนและขอวัด
สอบเขตก่อน แต่ก็ไม่ดาเนินการใด ๆ เมือ
่ นาย
ก.จัดให ้มีการรังวัดใหม่ นาย ข. ก็ยังคัดค ้านแต่ก็
่ เดิม ดังนี้
ไม่ดาเนินการขอวัดสอบเขตเหมือนเชน
ี หายแก่บค
เป็ นการกระทาซงึ่ มีแต่จะเสย
ุ คลอืน
่
ตามมาตรา ๔๒๑
• คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. 236/2551
• เจ ้าหน ้าทีใ่ นสงั กัดของกรมการปกครอง ได ้
ดาเนินการออกทีด
่ น
ิ ไม่ชอบด ้วยกฎหมาย เนือ
่ งจาก
ออกให ้โดยอ ้าง ส.ค. 1 ซงึ่ เป็ นหลักฐานทีด
่ น
ิ
้ นหลักฐานในการออก
สาหรับทีด
่ น
ิ แปลงอืน
่ มาใชเป็
ตลอดจนการบันทึกเสนอนายอาเภอโนนสะอาด
ื รับรอง
เพือ
่ พิจารณามีคาสงั่ และลงนามในหนังสอ
ิ้
การทาประโยชน์อน
ั เป็ นความเท็จทัง้ สน
ปลัดอาเภอรักษาราชการแทนนายอาเภอและเป็ นผู ้
มีอานาจหน ้าทีล
่ งนามในน.ส. 3 ก. ทีจ
่ ัดทาขึน
้ ทัง้
ทีก
่ ฎหมายบัญญัตใิ ห ้นายอาเภอมีหน ้าทีล
่ งลายมือ
ื่ ใน น.ส. 3 ก. เนือ
ชอ
่ งจากผู ้บัญญัตก
ิ ฎหมายมีความ
ไว ้วางใจในตัวข ้าราชการทีด
่ ารงตาแหน่งว่าจะใช ้
ความรู ้ความสามารถและประสบการณ์ตรวจสอบ
ความถูกต ้องของเอกสารแล ้วค่อยลงนามซงึ่ หากได ้
ั และ
ตรวจสอบด ้วยความระมัดระวังตามวิสย
ี หายทีจ
ความเสย
่ ะเกิดขึน
้ ในอนาคต
อันเกิดจากผลโดยตรงของผู ้กระทาด ้วย
• คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 446 - 449/2516
ึ ษาเล่าเรียน แต่ปรากฏว่าผู ้ตาย
• แม ้ผู ้ตายจะกาลังศก
เป็ นนั กเรียนชา่ งกล
ปี ท ี่ 3 แล ้วซงึ่ เป็ นปี
สุดท ้ายก็อาจเรียนจบหลักสูตร และผู ้ตายมีความผูกพัน
ตามกฎหมายต ้องอุปการะเลีย
้ งดูบด
ิ ามารดา แม ้ใน
ึ ษาเล่าเรียน มิได ้อุปการะบิดา
ปั จจุบน
ั ผู ้ตายยังศก
ิ ธิเรียกร ้องค่าสน
ิ ไหม
มารดาก็ด ี บิดามารดาย่อมมีสท
ทดแทนเพือ
่ เหตุขาดไร ้อุปการะได ้
• คดีหมายเลขดาที่ อ.100/2551
ห ้างหุ ้นสว่ นจากัดฟ้ องว่า เจ ้าหน ้าทีไ่ ม่ทา
การตรวจสอบเอกสารต่างๆ ตามกฎหมายทาให ้
้
ไม่ทราบว่าเอกสารทีใ่ ชในการยื
น
่ สอบราคาใน
นามของผู ้ฟ้ องคดีเป็ นเอกสารปลอมผู ้ฟ้ องคดี
ี หาย
ได ้รับความเสย
ื้ จัดจ ้าง
ข ้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการจัดซอ
งานโครงการผู ้เสนอราคา ต ้องยืน
่ มากับ ซองใบ
เสนอราคาพร ้อมรับรองความถูกต ้องของเอกสาร
ทีย
่ น
ื่ ด ้วย เห็นได ้ว่า ในการเสนอราคาทุกครัง้
ของผู ้ฟ้ องคดีท ี่ 1 โดยผู ้ฟ้ องคดีท ี่ 2 ได ้มี
ื มอบอานาจให ้นาย พ. มีอานาจในการยืน
หนังสอ
่
• เมือ
่ การยืน
่ ซองสอบราคาดังกล่าว นาย พ. ได ้ยืน
่ เอกสาร
ครบถ ้วนตามทีผ
่ ู ้ถูกฟ้ องคดี
ที่ 1 ได ้ประกาศไว ้ และ
เอกสารทุกฉบับลงนามรับรองความถูกต ้องโดยผู ้ฟ้ องคดี
• ตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยการพัสดุ พ.ศ.
2535 กาหนดว่า คณะกรรมการเปิ ดซองสอบราคา(ผู ้ถูก
ฟ้ องคดี)มีหน ้าทีด
่ งั นี้ (1) เปิ ดซองใบเสนอราคา และอ่าน
แจ ้งราคาพร ้อมบัญชรี ายการเอกสารหลักฐานต่างๆ ของผู ้
เสนอราคาทุกรายโดยเปิ ดเผยตามวัน เวลา และสถานทีท
่ ี่
ี องผู ้
กาหนด และตรวจสอบรายการเอกสารตามบัญชข
เสนอราคาทุกรายแล ้ว
ให ้กรรมการทุกคนลงลายมือ
ื่ กากับไว ้ในใบเสนอราคาและเอกสารประกอบใบเสนอ
ชอ
ราคาทุกแผ่น (2) ตรวจสอบคุณสมบัตข
ิ อง
ผู ้เสนอราคา ใบเสนอราคา แคตตาล็อกหรือแบบรูปและ
รายการละเอียด แล ้วคัดเลือกผู ้เสนอราคาทีถ
่ ก
ู ต ้องตาม
เงือ
่ นไขในเอกสารสอบราคา (3) พิจารณาคัดเลือกพัสดุ
หรืองานจ ้างของผู ้เสนอราคาทีถ
่ ก
ู ต ้องตาม (2) ทีม
่ ี
• เมือ
่ ได ้ปฏิบต
ั ต
ิ ามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี
อีกทัง้ การเบิกจ่ายเงินค่าจ ้าง ผู ้ถูกฟ้ องคดีท ี่ 1
็ ขีดคร่อมในนามของผู ้ฟ้ องคดี
ได ้สงั่ จ่ายเป็ นเชค
ที่ 1 ผ่านทางธนาคาร ก. บัญชเี ลขที่ ในนามผู ้
ฟ้ องคดีท ี่ 1 พร ้อมหักเงินภาษี ณ ทีจ
่ า่ ยจานวน
ร ้อยละหนึง่ ของมูลค่างานจ ้างนาสง่ สรรพากรทุก
ครัง้ ดังนัน
้ การกระทาของผู ้ถูกฟ้ องคดีจงึ ได ้
ปฏิบัตต
ิ ามระเบียบ สานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วย
การพัสดุ พ.ศ. 2535 แล ้ว
• จึงไม่เป็ นการละเลยต่อหน ้าทีต
่ ามทีก
่ ฎหมาย
กาหนดให ้ต ้องปฏิบัต ิ และไม่ถอ
ื เป็ นการกระทา
ี หายเป็ นผลมาจากการกระทา
4. ความเสย
ดังกล่าวนัน
้
ั พันธ์ระหว่างเหตุและ
• ตามหลักเรียกว่า ความสม
ั พันธ์ระหว่างความผิดกับความ
ผล หรือ ความสม
ี หาย ความเสย
ี หายในสว่ นทีเ่ ป็ นผล
เสย
ื เนือ
สบ
่ งมาจากการกระทาของผู ้กระทาละเมิด
เป็ นกรณีทเี่ มือ
่ ผ่านการพิจารณาว่ามีการกระทา
ละเมิดแล ้ว ต ้องพิจารณาต่อไปว่า ผู ้กระทา
ละเมิดจะต ้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดนัน
้ โดย
พิจารณาจากข ้อเท็จจริงเป็ นเรือ
่ งๆ ไป
• ฏ. 3008 - 3009/2527
• รถของโจทก์ถก
ู รถของจาเลยชนโดยประมาทพัง
ขวางอยูก
่ ลางถนนแล ้วถูกรถของบุคคลอืน
่ ชนซ้าโดย
่ วามประมาทของบุคคลนั น
ไม่ใชค
้
ี หายเพิม
• แม ้จะก่อให ้เกิดความเสย
่ ขึน
้ ก็เป็ นผลโดยตรง
อันเกิดจากความประมาทของฝ่ ายจาเลยเป็ นผู ้ก่อขึน
้
ก่อน ดังนัน
้ จาเลยจึงต ้องรับผิดในผลอันนีด
้ ้วย
คาพิพากษาฎีกาที่ 598/2538 จาเลยขับรถมาด ้วยความเร็วสูง โดย
ี วอันอาจเกิดอันตรายแก่บค
ิ ไม่ขบ
ประมาทน่าหวาดเสย
ุ คล หรือทรัพย์สน
ั
รถให ้ห่างรถคันหน ้าพอสมควรในระยะทีจ
่ ะหยุดรถได ้โดยปลอดภัย ในเมือ
่
ื
จาเป็ นต ้องหยุดรถ ดังนัน
้ ไม่วา่ ข ้อเท็จจริงจะเป็ นไปตามทีโ่ จทก์นาสบ
ื ก็ยังได ้ชอ
ื่ ว่าจาเลยมีสว่ นประมาทอยูน
หรือตามทีจ
่ าเลยนาสบ
่ ั่นเอง /
ี หายทีเ่ กิดขึน
เมือ
่ เปรียบเทียบร่องรอยความเสย
้ แก่รถยนต์ ทัง้ สาม
คันแสดงให ้เห็นว่ารถ ส. ชนท ้ายรถยนต์บรรทุกห ้องเย็นอย่างแรง แล ้วถึง
ถูกรถจาเลยชนท ้ายไม่รน
ุ แรงนัก ทัง้ ปรากฏว่ามีรอยเบรกรถจาเลยยาวถึง
12 เมตร แสดงว่าขณะรถจาเลยชนท ้ายรถ ส. น่าจะเป็ นเพียงการลืน
่ ไถล
หลังจากทีจ
่ าเลยใชห้ ้ามล ้อยาวถึง 12 เมตรแล ้ว แรงชนจากรถจาเลย จึง
ไม่มากนัก มีผลเพียงทาให ้ ก.และ ท.ซงึ่ นั่งอยูห
่ น ้ารถจาเลยได ้รับ
บาดเจ็บเพียงเล็กน ้อย ดังนัน
้ การทีผ
่ ู ้ตายทัง้ สองซงึ่ นั่งอยูห
่ น ้ารถ ส. อยู่
ห่างไกลจากจุดชนมากกว่า ก. และ ท. กลับได ้รับอันตรายถึงแก่ความตาย
่ นี้ แม ้จาเลยจะมิได ้ขับรถมาชนท ้ายรถ ส. ผู ้ตายทัง้ สองก็ถงึ แก่
เชน
ความตาย เนือ
่ งจากรถ ส. ชนท ้ายรถยนต์บรรทุกห ้องเย็นอยูน
่ ั่นเอง ย่อม
แสดงว่าความตายของผู ้ตายทัง้ สอง มิใชเ่ ป็ นผลโดยตรงจากการกระทา
โดย ประมาทของจาเลย จาเลยจึงไม่มค
ี วามผิดฐานกระทาโดยประมาท
เป็ นเหตุให ้ผู ้ตายทัง้ สองถึงแก่ความตาย คงมีความผิดเพียงฐานขับรถโดย
ประมาทเป็ นเหตุให ้ ก. และ ท. ได ้รับอันตรายแก่กายเท่านัน
้
ลักษณะความรับผิดเพือ
่ ละเมิดเกีย
่ วกับ
ึ ษา
การบริหารสถานศก
1. การกระทาของผู ้บริหารเอง
2. การกระทาของบุคคลอืน
่
ั ว์และทรัพย์ทอ
3. เกิดจากสต
ี่ ยู่
ในความครอบครองดูแล
• คาพิพากษาฎีกาที่ 356/2511 เป็ นเรือ
่ งทีเ่ ด็ก
เอาพลุมายิงเล่นทีโ่ รงเรียนแล ้วทาให ้เด็ก
ี หายฟ้ องทัง้ มารดา
นักเรียนคนอืน
่ ตาบอด ผู ้เสย
ั ้ เมือ
ของเด็กและครูประจาชน
่ ข ้อเท็จจริงปรากฏ
ว่าครูได ้ห ้ามแล ้วเอาพลุไปทาลาย ในชว่ งเชา้
แต่ในชว่ งพักกลางวันเด็กก็แอบเอาพลุอน
ั อืน
่ มา
เล่นอีกนอกห ้องเรียน ศาลฎีกาจึงวินจ
ิ ฉั ยว่าครู
้
ได ้ใชความระมั
ดระวังตามสมควรในการดูแล
• ผู ้เยาว์ตามมาตรา 430 แล ้ว จึงไม่ต ้องรับผิด
สว่ นมารดาปล่อยให ้เด็กเล่นพลุจนมีความ
ชานาญทากระบอกพลุได ้เอง ถือ
มาตรา 430 ครูบาอาจารย์ นายจ ้าง หรือบุคคล
อืน
่ ซงึ่ รับดูแลบุคคลผู ้ไร ้ความสามารถอยูเ่ ป็ น
นิตย์ก็ดช
ี วั่ ครัง้ คราวก็ด ี จาต ้องรับผิดร่วมกับผู ้ไร ้
ความสามารถในการละเมิด ซงึ่ เขาได ้กระทาลง
ในระหว่างทีอ
่ ยูใ่ นความดูแลของตน ถ ้าหาก
้
พิสจ
ู น์ได ้ว่าบุคคลนัน
้ ๆ มิได ้ใชความระมั
ดระวัง
ตามสมควร
• ความรับผิดของ ครู คือ ความรับผิดตามที่
นักเรียนอยูใ่ นความดูแลได ้กระทาลงไป
•
• คาพิพากษาฎีกาที่ 1488/2515 เป็ นเรือ
่ งที่
จาเลยที่ 3 ครูใหญ่ได ้ให ้ครูรองคอยควบคุมดูแล
นักเรียนซงึ่ รวมทัง้ โจทก์และจาเลยที่ 1 ด ้วย เมือ
่
จาเลยที่ 1 เล่นบันไดโหนอย่างผาดโผน ครูรอง
เห็น ก็ห ้ามปรามจาเลยที่ 1 พอขาดคา บันไดก็
ล ้มทับโจทก์ ศาลฎีกาวินจ
ิ ฉั ยว่า พฤติการณ์
้
ดังกล่าวแสดงว่า จาเลยที่ 3 ได ้ใชความ
ระมัดระวังตามสมควรแล ้ว
จึงไม่
ต ้องรับผิดในเหตุทจ
ี่ าเลยที่ 1 ก่อขึน
้
• คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 5520/2536
ั ้ ให ้เด็กนักเรียนในชน
ั ้ รวมทัง้ ผู ้ตาย
• จาเลยเป็ นครูประจาชน
ซงึ่ เป็ นเด็กเล็ก
อายุเพียง 11 ปี ไปชว่ ยจับปลา
จากบ่อหนึง่ ไปปล่อยในบ่อน้ าใหญ่ซงึ่ มีชว่ งทีล
่ ก
ึ และเป็ น
ี มิได ้
อันตรายแก่เด็ก เมือ
่ เสร็จงานแล ้วก็เพิกถอนเสย
ติดตามดูแลเด็กให ้รีบกลับบ ้านหรือห ้ามปรามมิให ้ลงเล่น
น้ า และเมือ
่ ผู ้ตายกับเพือ
่ น ๆ ลงเล่นน้ าในบ่อใหญ่แล ้ว
จาเลยก็มไิ ด ้ตักเตือนให ้เล่นด ้วยความระมัดระวังเพือ
่ จะ
ได ้ไม่ถลาลงไปในชว่ งทีม
่ น
ี ้ าลึกและเป็ นอันตราย ทัง้ ๆ ที่
ในขณะนัน
้ จาเลยกับพวกก็นั่งดืม
่ สุราอยูท
่ ใี่ ต ้ต ้นมะพร ้าว
ริมบ่อทีม
่ ก
ี ารจับปลานั่นเอง ผู ้ตายลืน
่ ลงไปในบ่อชว่ งทีม
่ ี
น้ าลึกและจมน้ าตาย ดังนีย
้ อ
่ มถือได ้ว่าจาเลยให ้ผู ้ตาย
ชว่ ยทาการงานในสถานทีท
่ ม
ี่ อ
ี น
ั ตรายแล ้วไม่ดแ
ู ลให ้
ปลอดภัยตามสมควรแก่วย
ั ของผู ้ตายซงึ่ เป็ นเด็ก จึงเป็ น
การกระทาโดยประมาทเลินเล่อเป็ นเหตุให ้ผู ้ตายซงึ่ เป็ น
บุตรของโจทก์ถงึ แก่ความตายและเป็ นการกระทาละเมิด
ต่อโจทก์
ี หายในระหว่าง
กรณีทน
ี่ ักเรียนได ้รับความเสย
การปฏิบัตห
ิ น ้าทีข
่ องครู
้
o การไม่ใชความระมั
ดระวังตามสมควร(ผู ้มี
ี )ในการทาหน ้าทีด
วิชาชพ
่ แ
ู ลจนนักเรียนได ้รับ
ี หาย เชน
่ การเอาใจใสด
่ แ
ความเสย
ู ล ตักเตือน
คาพิพากษาฎีกาที่ 356/2511 ทีศ
่ าลถือเอาการ
ที่ ครูได ้รับกระบอกพลุและห ้ามปรามมิให ้เด็ก
้
นักเรียนเล่นไม ้กระบอกพลุเป็ นการใชความ
ระมัดระวังตามสมควรในการดูแล ฎีกาที่
1488/2515
• โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็ นมารดาของเด็กหญิงว
ั ้ ที่
ราภรณ์ ขันขาวผู ้ตายจาเลยเป็ นครูประจาชน
ื อยู่ เมือ
ผู ้ตายเรียนหนังสอ
่ วันที2่ 4 มิถน
ุ ายน 2531
ั ้ เรียนทีจ
จาเลยสงั่ ให ้นักเรียนในชน
่ าเลยเป็ นครู
ั ้ ไปทีบ
ประจาชน
่ ้านจาเลยในวันที่ 25 มิถน
ุ ายน
2531 เพือ
่ จับปลาในสระทีบ
่ ้านจาเลย วันที่ 25
มิถน
ุ ายน 2531 ผู ้ตายไปทีบ
่ ้านจาเลยและจับ
ปลาในสระทีบ
่ ้านจาเลยไปใสไ่ ว ้อีกสระหนึง่ ใน
บริเวณใกล ้เคียงกันซงึ่ มีน้ าลึกมากจึงได ้จมน้ า
และถึงแก่ความตาย เหตุทผ
ี่ ู ้ตายถึงแก่ความตาย
นัน
้ เกิดจากการกระทาโดยจงใจหรือประมาท
เลินเล่อของจาเลย ขอให ้บังคับให ้จาเลยชาระ
ั ้ ต ้นพิพากษาให ้จาเลยชาระค่าปลงศพ
• ศาลชน
และค่าใชจ่้ ายอันจาเป็ นเกีย
่ วกับการจัดการศพ
ผู ้ตาย 6,150 บาท กับค่าขาดไร ้อุปการะอัตรา
เดือนละ 1,000 บาท เป็ นเวลา 17 ปี เป็ นเงิน
204,000 บาทรวมเป็ นเงิน 210,150 บาท พร ้อม
ดอกเบีย
้ ร ้อยละเจ็ดครึง่ ต่อปี ในต ้นเงินดังกล่าว
นับแต่วันถัดจากวันฟ้ องเป็ นต ้นไปจนกว่าจะชาระ
เสร็จแก่โจทก์
• ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให ้จาเลยชาระเงิน
จานวน 128,550 บาท พร ้อมดอกเบีย
้ อัตราร ้อย
•
ศาลฎีกาวินจ
ิ ฉั ยว่า คดีมป
ี ั ญหาตามฎีกาของโจทก์วา่ เด็กหญิงวราภรณ์ถงึ แก่
ความตายเพราะการกระทาโดยประมาทเลินเล่อของจาเลยหรือไม่และจาเลย
ิ ไหมทดแทนแก่โจทก์เพียงใดพยานหลักฐานทีโ่ จทก์นาสบ
ื มี
จะต ้องใชค่้ าสน
ตัวโจทก์อ ้างตนเองเป็ นพยานยืนยันเหตุการณ์ทเี่ ด็กหญิงวราภรณ์ผู ้ตายกับ
ั ้ จับปลา การค ้นหาศพผู ้ตาย
เพือ
่ น ๆ ไปชว่ ยจาเลยซงึ่ เป็ นครูประจาชน
ี หายทีโ่ จทก์ได ้รับเนือ
ค่าใชจ่้ ายเกีย
่ วกับการปลงศพ และความเสย
่ งจากการ
ิ และเด็กหญิงเชาวรัตน์ ฉั ตรเมืองปั ก
ตายของผู ้ตายกับมีเด็กหญิงโก ้ ดส
ุ ต
ั ้ ของผู ้ตาย มาเบิกความถึงเหตุการณ์ทจ
เพือ
่ นนักเรียนร่วมชน
ี่ าเลยแจ ้งให ้
ทราบล่วงหน ้าว่าจะมีการจับปลาทีบ
่ อ
่ และถามว่าใครจะไปด ้วยบ ้าง รวมทัง้
เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ทีจ
่ าเลยพาพยานกับเพือ
่ น ๆเดินทางจากบ ้านไปทีบ
่ อ
่
่ งุ พลาสติกไปปล่อยลงใน
เลีย
้ งปลา และให ้ลงจับลูกปลาจากบ่ออนุบาลใสถ
บ่อใหญ่กบ
ั ให ้จับปลาตัวใหญ่ขน
ึ้ มาปิ้ งกินแล ้วปล่อยให ้เด็กนักเรียนทีไ่ ปชว่ ย
จับปลาซงึ่ รวมทัง้ ผู ้ตายด ้วยลงเล่นน้ าในบ่อใหญ่ทป
ี่ ล่อยปลาลงไป และมีน้ า
ลึก จนกระทั่งผู ้ตายลืน
่ ลงไปในบ่อชว่ งทีม
่ น
ี ้ าลึกและจมน้ าตาย โดยทีจ
่ าเลย
กับพวกก็นั่งดืม
่ สุราอยูท
่ ใี่ ต ้ต ้นมะพร ้าวริมบ่อทีม
่ ก
ี ารจับปลานั่นเองคาพยาน
โจทก์สอดคล ้องต ้องกัน เด็กหญิงโก ้และเด็กหญิงเชาวรัตน์พยานล ้วนแต่ได ้
ิ ย์ของจาเลยเอง ไม่มเี หตุทจ
ไปรู ้เห็นเหตุการณ์ในทีเ่ กิดเหตุ และเป็ นลูกศษ
ี่ ะ
เบิกความเอนเอียงเข ้ากับโจทก์และให ้ร ้ายจาเลยแต่อย่างใด พยานหลักฐาน
ื การทีจ
ั ้ ให ้
โจทก์มน
ี ้ าหนักดีกว่าฟั งได ้ตามทีน
่ าสบ
่ าเลยซงึ่ เป็ นครูประจาชน
ั ้ ซงึ่ เป็ นเด็กเล็ก อายุเพียง 11 ปี ไปชว่ ยทางานเกีย
เด็กนักเรียนในชน
่ วข ้องกับ
บ่อน้ าใหญ่ซงึ่ มีชว่ งทีล
่ ก
ึ และเป็ นอันตรายแก่เด็ก เมือ
่ เสร็จงานแล ้วก็เพิกเฉย
ี มิได ้ติดตามดูแลให ้รีบกลับบ ้าน หรือห ้ามปรามมิให ้ลงเล่นน้ าในบ่อนัน
เสย
้
และเมือ
่ ผู ้ตายกับเพือ
่ น ๆ ลงเล่นน้ าในบ่อใหญ่แล ้ว จาเลยก็มไิ ด ้ตักเตือนให ้
เล่นด ้วยความระมัดระวัง เพือ
่ จะได ้ไม่ถลาลงไปในชว่ งทีม
่ น
ี ้ าลึกและเป็ น
อันตราย ทัง้ ๆ ทีใ่ นขณะนัน
้ จาเลยพร ้อมด ้วยนายสุครีพ นายแสวงและนายสุระ
• คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2471
• ข ้อเท็จจริงปรากฏว่า ค. จาเลยเปนครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล ด. มา
ั ้ และตรวจดูบญ
ตรวจโรงเรียนได ้รับรายงานจากครูประจาชน
ั ชเี ห็นมีเด็ก
เกียจคร ้านต่อการเรียนอยู่ ๖ คน ล ้วนแต่เปนเด็กดือ
้ ดึงสงั่ สอนยาก ครู
ได ้ทาทัณฑ์กรรมหลายครัง้ ก็ไม่เข็ดหลาย ค. กับ ห. ปฤกษาพร ้อมกัน
ี บ ้าง เพือ
ั ไม่ให ้เกียจคร ้านต่อไปและก่อนจะ
ว่าควรจะเฆีย
่ นเสย
่ ดัดนิสย
ั ้ ประกาศสงั่ สอนถึงความผิด
เฆีย
่ น ค. ได ้เรียกเด็กทัง้ ๖ คนมายืนหน ้าชน
และตักเตือนไม่ให ้ขาดโรงเรียน แล ้วจึงเฆีย
่ นเด็กทัง้ ๖ คนด ้วยไม่เรียว
คนละ ๔ ที ตามอานาจของครูใหญ่ เด็ก ส. และ บ. ถูกเฆีย
่ นมีบาดเจ็บ
เล็กน ้อยเพียงโลหิตขับสว่ นเด็กอืน
่ ๆ ไม่มบ
ี าดแผลแต่ปรากฏว่า จาเลย
ได ้เฆีย
่ นเด็กทัง้ ๖ คนแรงเท่า ๆ กัน ผู ้ปกครองเด็กทัง้ ๒ ฟ้ องขอให ้
ลงโทษจาเลยตาม ม. ๓๓๘ ข ้อ ๒
•
ศาลเดิมพิพากษาว่าเพียงขาดเรียนเท่านัน
้ ไม่ควรเฆีย
่ นให ้ถึง
บาดเจ็บ จาเลยมีผด
ิ ตาม ม. ๓๓๘ ข ้อ ๒
ั ย์ศาลเดิมให ้ยกฟ้ อง โจทก์โดย วินจ
•
ศาลอุทธรณ์กลับสต
ิ ฉั ยว่า
จาเลยกระทาโทษพอสมควร หวังจะปราบปรามเด็กให ้ประพฤติตัว
เรียบร ้อยแลหมั่นต่อการเรียนจาเลยไม่มผ
ี ด
ิ
•
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
ึ ษาฯว่าด ้วยการลงโทษ
• ระเบียบกระทรวงศก
ึ ษา พ.ศ. 2543
นักเรียนหรือนักศก
ึ ษาที่
• ข ้อ 5 โทษทีจ
่ ะลงแก่นักเรียนหรือนักศก
กระทาผิดมี 5 สถาน ดังนี้
• 5.1 ว่ากล่าวตักเตือน
• 5.2 ทากิจกรรม
• 5.3 ทาทัณฑ์บน
• 5.4 พักการเรียน
• 5.5 ไล่ออก
ึ ษาธิการว่าด ้วยการสง่ เสริมและ
• ระเบียบกระทรวงศก
ิ ธิเด็กและเยาวชนโดยสถานศก
ึ ษา พ.ศ.
คุ ้มครองสท
2543
• ข ้อ 8 กาหนดว่า “การลงโทษเด็กและเยาวชน
จะต ้องไม่กระทาโดยการทรมานหรือทารุณแก่
ร่างกายหรือจิตใจ หรือด ้วยวิธก
ี ารโหดร ้ายหรือ
ประจานหรือกระทาโดยไร ้มนุษยธรรมหรือโดย
วิธก
ี ารอันไม่เหมาะสม
ื กรมสามัญศก
ึ ษา ที่ ศธ 0802/385 ลงวันที่
• หนังสอ
24 มกราคม 2545
ึ ษาธิการว่าด ้วยการแข่งขัน
• ข ้อบังคับกระทรวงศก
กีฬาโรงเรียน พ.ศ. 2512 โดยในข ้อ 7 กาหนดให ้
โรงเรียนจัดครูไปควบคุมดูแลความประพฤติของ
นักเรียนให ้มีจานวนเพียงพอทีจ
่ ะควบคุมนักเรียนได ้
ทัว่ ถึงและต ้องอยูใ่ นสนามแข่งขันจนกว่านักเรียน
ึ ษาธิการว่าด ้วยการพานักเรียน
• ระเบียบกระทรวงศก
ึ ษาไปนอกสถานศก
ึ ษา พ.ศ. 2529
และนักศก
• 1. ต ้องได ้รับอนุญาตจากผู ้ปกครองนักเรียนก่อน
โดยเฉพาะการไปค ้างคืนและไปนอกราชอาณาจักร
ึ ษา
• 2. ให ้เป็ นไปด ้วยความสมัครใจเพือ
่ ทัศนศก
เท่านัน
้
• 3. ให ้สง่ คาขออนุญาตถึงผู ้มีอานาจปกครองก่อน
เดินทางไม่น ้อยกว่า 15 วัน
• 4. ให ้ถือเกณฑ์นักเรียน 20 คนต่ออาจารย์ผู ้ควบคุม
1 8o
• 5. หากมีนักเรียนหญิงให ้มีครู อาจารย์ผู ้หญิงร่วม
เดินทางไปด ้วย
• 6. เลือกพนักงานขับรถทีม
่ ป
ี ระวัตด
ิ ี ชานาญการ
้
สุขม
ุ และรู ้เสนทาง
้
• หน ้าทีใ่ นการใชความระมั
ดระวัง (duty of care)
• ครูเป็ นผู ้มีหน ้าทีต
่ ามกฎหมายทีจ
่ ะต ้องกระทา
ี (standard of
การตามระดับมาตรฐานวิชาชพ
ี่ งภัยโดยไม่มเี หตุ
care) และไม่ทาให ้นักเรียนเสย
อันสมควร (unreasonable risk)
• จะต ้องปฏิบัตห
ิ น ้าทีโ่ ดยไม่ฝ่าฝื นระเบียบ (fault)
• ตัวอย่าง คดี Donohue v. Stevenson (1932)
A.C. 562
้
• หน ้าทีใ่ นการใชความระมั
ดระวัง (duty of care)
ี หาย คือ หาก
• การป้ องกันโอกาสทีเ่ กิดความเสย
ี หายนัน
ความเสย
้
มีบค
ุ คลที่
สามารถคาดเห็นได ้ว่ามีโอกาสทีจ
่ ะเกิดขึน
้ ทัง้
ในอดีตเคยเกิดและมีความเป็ นไปได ้ทีจ
่ ะเกิดขึน
้
อีก ผู ้อานวยการโรงเรียน ครู จะต ้องทาการ
ี หายนัน
่ คดี
ป้ องกันมิให ้เกิดความเสย
้ ขึน
้ อีก เชน
ิ ให ้
Fryer v. Salford Corporation ทีศ
่ าลตัดสน
โรงเรียนต ้องรับผิดต่อนักเรียนทีโ่ ดนไฟลวกใน
วิชาคหกรรม เนือ
่ งจากละเลยไม่จัดหาอุปกรณ์ท ี่
้
จะใชในการป้
องกันอันตรายทีอ
่ าจเกิดขึน
้ จาก
เตาหุงต ้ม ทัง้ ทีโ่ รงเรียนสามารถคาดเห็นได ้
• คดี Carmarthenshire v. Lewis [1943], 2 All
England law Reports 629 ข ้อเท็จจริงมีวา่
ในขณะทีค
่ รูกาลังนาเด็กชายกับเด็กหญิง อายุ
4 ปี เพือ
่ กลับไปห ้องเรียนระหว่างชว่ งพักกลางวัน
แต่ระหว่างทาง ครูได ้พบเด็กชายทีห
่ กล ้มได ้รับ
บาดเจ็บจึงต ้องนาเด็กดังกล่าวไปห ้องพยาบาล
แล ้วให ้เด็กชายกับเด็กหญิง ยืนรอครูประมาณ
ั ชว่ งจังหวะเวลาดังกล่าว
10 นาที เด็กได ้อาศย
หนีออกไปจากบริเวณโรงเรียนและข ้ามถนนตัด
หน ้ารถของสามีโจทก์ ทาให ้หักหลบชนเสา
ี ชวี ต
ั ้ ต ้นและศาลอุทธ. ตัดสน
ิ
ไฟฟ้ าเสย
ิ ศาลชน
ว่าเป็ นการประมาทของครูไม่ดแ
ู ลนักเรียน ศาล
ฎีกาวินจ
ิ ฉั ยว่าครูไม่ได ้ประมาท เพราะแม ้เป็ นพ่อ
แม่ก็ยอ
่ มจาเป็ นต ้องดูแลเด็กทีร่ ับบาดเจ็บ ครูได ้
ความรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
• ในการดาเนินกิจการทีเ่ จ ้าหน ้าทีด
่ าเนินกิจการต่าง ๆ
ของหน่วยงานของรัฐ
ในกรณีทป
ี่ ฏิบต
ั งิ านใน
ี หายแก่เจ ้าหน ้าที่
หน ้าทีแ
่ ละเกิดความเสย
จะต ้องรับผิดในการกระทาต่าง ๆ เป็ นการเฉพาะตัว
เสมอไปทัง้ ทีบ
่ างกรณีเกิดขึน
้ โดยความไม่ตัง้ ใจ
หรือความผิดพลาดเล็กน ้อยในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
• นอกจากนัน
้ เจ ้าหน ้าทีต
่ ้องร่วมรับผิดในการกระทา
ของเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้อืน
่ ด ้วย(รับผิดอย่างลูกหนีร้ ว่ ม) ซงึ่
ระบบนัน
้ มุง่ หมายแต่จะได ้เงินครบโดยไม่คานึงถึง
ความเป็ นธรรมทีจ
่ ะมีตอ
่ แต่ละคน
• ซงึ่ ข ้อความคิดในการกาหนดความรับผิดเป็ นไป
• กรณีจงึ เป็ นการก่อให ้เกิดความไม่เป็ นธรรมแก่
เจ ้าหน ้าทีแ
่ ละยังเป็ นการ
บัน
่ ทอน
ขวัญกาลังใจในการทางานของเจ ้าหน ้าทีเ่ ป็ นปั ญหา
ิ ใจดา
ในการบริหารเพราะเจ ้าหน ้าทีไ่ ม่กล ้าตัดสน
เนินงานเท่าทีค
่ วร เพราะเกรงความรับผิดชอบทีจ
่ ะ
เกิดแก่ตน อนึง่ เจ ้าหน ้าทีย
่ งั มีวธิ ก
ี ารในการ
บริหารงานบุคคลและการดา เนินการทางวินัยกากับ
ดูแลอีกสว่ นหนึง่ อันเป็ นหลักประกันมิให ้เจ ้าหน ้าที่
ทา การใด ๆ โดยไม่รอบคอบอยูแ
่ ล ้วดังนัน
้ จึง
สมควรกาหนดให ้เจ ้าหน ้าทีต
่ ้องรับผิดทางละเมิดใน
การปฏิบต
ั งิ านในหน ้าทีเ่ ฉพาะเมือ
่ จงใจจงใจให ้เกิด
ี หาย
ความเสย
• มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตน
ิ ี้
เจ ้าหน ้าที่ หมายความว่า ข ้าราชการ พนักงาน
ลูกจ ้าง หรือผู ้ปฏิบัตงิ านประเภทอืน
่ ไม่วา่ จะเป็ น
การแต่งตัง้ ในฐานะเป็ นกรรมการหรือฐานะอืน
่ ใด
หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า กระทรวง ทบวง
ื่ อย่างอืน
กรม หรือสว่ นราชการทีเ่ รียกชอ
่ และมี
ฐานะเป็ นกรม ราชการสว่ นภูมภ
ิ าค ราชการสว่ น
ท ้องถิน
่ และรัฐวิสาหกิจทีต
่ งั ้ ขึน
้ โดย
พระราชบัญญัตห
ิ รือพระราชกฤษฎีกา และให ้
หมายความรวมถึงหน่วยงานอืน
่ ของรัฐทีม
่ พ
ี ระราช
เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐ
่
การกระทาของเจ้าหน้าทีของร
ัฐ สามารถแบ่ง
ออกได ้เป็ น ๒ ประเภท
1. เป็ นการกระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่ ซงึ่ ได ้แก่
การกระทาการตามอานาจหน ้าทีท
่ ม
ี่ อ
ี ยูต
่ าม
กฎหมาย ระเบียบ ข ้อบังคับ หรือตามคาสงั่ ของ
่
ผู ้บังคับบัญชา เพือ
่ ประโยชน์ของทางราชการ เชน
การอนุมัต ิ การอนุญาต การเดินทางไปราชการ
เป็ นต ้น
่ ใช่การปฏิบต
่
2. เป็ นการกระทาทีมิ
ั ห
ิ น้าทีแต่
เพือ
่ ประโยชน์หรือ
เพือ
่ บรรลุ
วัตถุประสงค์สว่ นตัว หากการกระทาดังกล่าว
่ ใช่การปฏิบต
การกระทาทีมิ
ั ห
ิ น้าที่
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. 15/2555
้ อยู ่วา
ข้อเท็จจริงในคดีนีมี
่ นาย ก. ร ักษาการ
ในตาแหน่ งผู ช
้ ว
่ ย
ผู อ
้ านวยการ
วิทยาลัย (ผู ฟ
้ ้ องคดี) ได้ขออนุ ญาต ใช้รถยนต ์
ของวิทยาลัย นาคณะครู และเจ้าหน้าที่ ไปศึกษา
่ ทยาลัยอีกแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด แต่
ดูงานทีวิ
่ งานเสร็จ นาย ก. และคณะไม่ได้เดินทาง
เมือดู
กลับทันที แต่แวะไปงานศพมารดาของครู
้ ระหว่างเดินทาง
วิทยาลัยเดียวกัน หลังจากนัน
กลับ รถยนต ์เกิดอุบต
ั เิ หตุลนไถลชนกับเนิ
ื่
นดิน
้ั านและท่อประปาหมู ่บา้ นทาให้รถยนต ์ได้ร ับ
รวบ้
ความเสียหาย
่ ใช่การปฏิบต
การกระทาทีมิ
ั ห
ิ น้าที่
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. 15/2555
ศาลพิจารณาแล ้วเห็นว่า การที่ นาย ก. ได ้นาคณะ
ึ ษาดูงาน ที่
ครูและเจ ้าหน ้าที่
ไปศก
วิท ยาลั ย อื่น มีบั น ทึก ลงวั น ที่ 7 ส งิ หาคม 2544 ขอ
่ นเวลาทีกระช
่
้ั ด
อนุ ญาตไป
ดูงาน ซึงเป็
นชิ
กั บ ก า ร เ ดิ น ท า ง ไ ป ศึ ก ษ า ดู ง า น วั น ที่
10 สิงหาคม 2544
และไม่ปรากฏหลักฐานการจัดเตรียมแผนงานใน
การศึก ษาดู ง าน ประกอบกับ มีบ น
ั ทึก ประสานไปยัง
่ จะดู
่
สถานทีที
งานก่อนวันเดินทางเพียงหนึ่ งวัน
อีก ทัง้ ไม่ ป รากฏว่ า งานที่นาย ก. ร บ
ั ผิด ชอบมี
ปั ญ หาอุ ป สรรค อ น
ั จะมีเ หตุ ผ ลถึง ขนาดที่ต้อ ง ไป
่ งาน
ศึกษาดู งานดังกล่าว และเดินทางไปถึงสถานทีดู
ในช่ ว งเวลาเย็ น และใช้เ วลาศึ ก ษาดู งานไม่ ถ ึ ง
่ ใช่การปฏิบต
การกระทาทีมิ
ั ห
ิ น้าที่
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. 15/2555
ประกอบกับเจ ้าหน ้าที่ ซงึ่ ร่วมเดินทางไปด ้วย
ึ ษาดูงานครัง้ นี้ มี
ให ้การว่า การเดินทางไปศก
เจตนาทีแ
่ ท ้จริงคือ ต ้องการไปงานศพพร ้อมกับได ้
นาเงินทาบุญพร ้อมของถวายพระไปด ้วย
้
การขออนุญาตใชรถยนต์
จงึ มีวต
ั ถุประสงค์ท ี่
้
แท ้จริง คือ ต ้องการใชรถยนต์
เพือ
่ ไปงานศพ จึงไม่
อาจถือได้วา
่ เป็ นการเดินทางไปปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่
ราชการ
่ ใช่การปฏิบต
การกระทาทีมิ
ั ห
ิ น้าที่
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. 15/2555
เมือ
่ ระหว่างเดินทางกลับ รถยนต์ได ้เกิด
อุบต
ั เิ หตุเป็ นเหตุให ้ทางราชการได ้รับความ
ี หาย นาย ก. จึงต ้องรับผิดชอบชดใช ้
เสย
ี หายจากการกระทาละเมิดเป็ นการ
ค่าเสย
สว่ นตัว ตามบทบัญญัตแ
ิ ห่งประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 10 แห่ง
พระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่ พ.ศ. 2539 เมือ
่ รถยนต์ได ้รับ
ี หายเป็ นเงินทัง้ สน
ิ้ 213,625.50
ความเสย
่ ารปฏิบต
การกระทาทีม
่ ใิ ชก
ั ห
ิ น ้าที่
• คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ.๑๒๒/๒๕๕๐
• การทีเ่ จ ้าหน ้าทีข
่ องผู ้ถูกฟ้ องคดีนารถแทรกเตอร์
เข ้าไปไถดินทาให ้
ต ้นยางทีผ
่ ู ้ฟ้ องคดี
ี หาย เป็ นการปฏิบต
ปลูกไว ้ได ้รับความเสย
ั ห
ิ น ้าที่
ตามคาสงั่ ของผู ้บังคับบัญชา แม ้ว่าคาสงั่ นัน
้ จะเป็ น
คาสงั่ ทีไ่ ม่ชอบด ้วยกฎหมาย ก็ไม่มผ
ี ลทาให ้การ
ปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีข
่ องเจ ้าหน ้าทีด
่ งั กล่าวเป็ นการกระทา
่ ารกระทาในการปฏิบต
ที่
ไม่ใชก
ั ห
ิ น ้าที่
หรือเป็ นการกระทาในเรือ
่ งสว่ นตัวทีผ
่ ู ้กระทาต ้องรับ
ผิดเป็ นการสว่ นตัวแต่อย่างใด กรม พ. ซงึ่ เป็ นสว่ น
ราชการระดับกรมและเป็ นต ้นสงั กัดของนิคมสร ้าง
ิ ไหมทดแทน
ตนเองฯ จึงต ้องรับผิดชดใชค่้ าสน
หน่วยงานของรัฐ
• หน่วยงานของรัฐมีสถานะเป็ นนิตบ
ิ ค
ุ คล ไม่
สามารถดาเนินการตามอานาจหน ้าทีไ่ ด ้ด ้วย
ตนเอง ต ้องกระทาโดยผ่านเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐ
ดังนัน
้ หากการปฏิบัตห
ิ น ้าทีข
่ องเจ ้าหน ้าทีข
่ อง
ี หายขึน
รัฐก่อให ้เกิดความเสย
้ แก่บค
ุ คลภายนอก
หรือแก่หน่วยงานของรัฐเอง หน่วยงานของรัฐก็
ี หายทีเ่ กิดขึน
ชอบทีจ
่ ะต ้องรับภาระในความเสย
้
ี หาย
• แต่เมือ
่ หน่วยงานของรัฐรับภาระในความเสย
นัน
้ ไว ้แล ้วจะเรียกให ้เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐ ผู ้
ี หายชดใชค่้ าสน
ิ ไหม
ก่อให ้เกิดความเสย
ทดแทนแก่รัฐจะคานึงด ้วยว่าเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐ
ผู ้กระทาละเมิดนัน
้ มีความบกพร่อง
• ในการดาเนินการใด ๆ ก็ตามนัน
้ เป็ นธรรมดาอยู่
เองทีอ
่ าจเกิดข ้อผิดพลาดขึน
้ ได ้แม ้จะได ้ใช ้
ความระมัดระวังตามสมควรแล ้ว แต่หากการ
กระทาละเมิดนัน
้ เกิดขึน
้ จากความบกพร่องใน
การปฏิบัตห
ิ น ้าที่ “อย่างมากหรืออย่างร ้ายแรง”
ก็สมควรทีห
่ น่วยงานของรัฐจะเรียกให ้เจ ้าหน ้าที่
ิ ไหม
ของรัฐผู ้กระทาละเมิดต ้องชดใชค่้ าสน
้ ผู ้เสย
ี หายไปหรือความ
ทดแทนทีร่ ัฐได ้ชดใชแก่
ี หายทีเ่ กิดขึน
เสย
้ แก่หน่วยงานรัฐ เนือ
่ งจาก
้
เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐนัน
้ มิได ้ใชความรอบคอบหรื
อ
ความระมัดระวังในการปฏิบัตห
ิ น ้าทีเ่ ลย
• กรณีการละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัตห
ิ น ้าที่
หน่วยงานของรัฐ
ต ้อง
ิ ไหมทดแทนความเสย
ี หาย
รับภาระชดใชค่้ าสน
ี หาย
ิ ธิ
แก่ผู ้เสย
สว่ นการใชส้ ท
ไล่เบีย
้ เอาจากเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐนัน
้ ต ้องปรากฏ
ว่าเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐประมาทเลินเล่ออย่าง
ร ้ายแรงเท่านัน
้ หากการกระทาละเมิดนัน
้ มี
เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐเกีย
่ วข ้องหลายคน ความรับผิด
ของเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐแต่ละคนขึน
้ อยูก
่ บ
ั ระดับ
ของความบกพร่อง
ในการ
ปฏิบัตห
ิ น ้าทีท
่ ต
ี่ นรับผิดชอบ ซงึ่ ต ้องพิจารณา
เป็ นกรณี ๆ ไป
โดยหน่วยงาน
้
• คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๓๗/๒๕๕๔
ี หายให ้แก่ผู ้อืน
• บุคคลจะต ้องรับผิดชดใชค่้ าเสย
่ ตาม
ความในมาตรา ๔๒๐
แห่งประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์ ก็ตอ
่ เมือ
่ บุคคลนัน
้ ได ้กระทาโดยจง
ี หาย
ใจหรือประมาทเลินเล่อ มีผลก่อให ้เกิดความเสย
แก่บค
ุ คลอืน
่
• การทีจ
่ ะให ้ ผู ้ทีไ่ ม่ได ้กระทาละเมิดต ้องชดใช ้
ี หายให ้แก่บค
ค่าเสย
ุ คลอืน
่ โดยทีต
่ นเองไม่ได ้มีสว่ น
กระทาความผิด ย่อมไม่เป็ นไปตามเจตนารมณ์ของ
หลักกฎหมายทั่วไปในเรือ
่ งความรับผิดฐานละเมิด อัน
เป็ นข ้อกฎหมายอัน
เกีย
่ วด ้วยความ
สงบเรียบร ้อยของประชาชน
คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๓๗/๒๕๕๔
• รายงานระบุวา่ สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม ้ มาจากมี
วัสดุตด
ิ ไฟตกไปถูกเศษกระดาษในอาคารรัฐสภา ๓ ทา
ี หาย โดย
ให ้เกิดการลุกและลามไหม ้ได ้รับความเสย
เวลาทีพ
่ บเหตุเพลิงไหม ้นั น
้ ห่างจากชว่ งเวลาทีผ
่ ู ้ฟ้ อง
คดีออกจากเวรรักษาการณ์แล ้วประมาณ ๔๕ นาที โดย
ทางสอบสวนไม่มพ
ี ยานหลักฐานระบุ
ได ้
ว่าเพลิงไหม ้เกิดจากการกระทาของผู ้ใดและเริม
่ เกิด
เหตุเมือ
่ เวลาใด
แม ้ว่าผู ้ฟ้ องคดีจะมี
หน ้าทีร่ ักษาความปลอดภัยอาคารในชว่ งเวลาดังกล่าว
แต่เนือ
่ งจากเพลิงไหม ้อาจเกิดได ้จากสาเหตุหลาย
ประการและเหตุทเี่ กิดขึน
้
ก็ยังไม่ม ี
ั เจนว่าเกิดจากการกระทาของบุคคล
พยานหลักฐานชด
ใด
• นอกจากนัน
้ อุปกรณ์ในการดับเพลิงติดตัง้ ไว ้ตัง้ แต่เมือ
่
ก่อสร ้างอาคารรัฐสภา
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ซงึ่
้
อุปกรณ์ดงั กล่าวมีอายุการใชงาน
๒๕ ปี อุปกรณ์ดบ
ั เพลิง
ของอาคารจึงไม่ทน
ั สมัย มีเพียงการติดตัง้ ระบบควันไว ้
ี หายใชการไม่
้
เท่านัน
้ และขณะเกิดเหตุระบบชารุดเสย
ได ้
แล ้ว ดังนัน
้ จากข ้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็ นกรณีการละเมิด
เกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐ
หรือระบบด ้วย
• เมือ
่ ได ้พิจารณาการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีข
่ องผู ้ฟ้ องคดี แม ้จะออก
เวรโดยเดินไปปลุกนายธนิต ซงึ่ นอนพักเพือ
่ รอเข ้าเวรอยู่
และนาสมุดบันทึกเวลาไปวางบนโต๊ะผู ้ชว่ ยหัวหน ้าเวร
พร ้อมกุญแจแขวนในตู ้เก็บกุญแจตามนายธนิตบอกซงึ่
้
ปฏิบต
ั ก
ิ น
ั เป็ นประจา อันไม่ได ้ใชความระมั
ดระวังตาม
สมควรทีพ
่ งึ ปฏิบต
ั ก
ิ ารทีเ่ กิดเหตุเพลิงไหม ้หลังจากผู ้ฟ้ อง
คดีได ้ออกเวรไปแล ้ว ๔๕ นาที โดยไม่ทราบสาเหตุทแ
ี่ น่
ั อีกทัง้ ไม่มเี หตุการณ์หรือ
ชด
สงิ่ ผิดปกติ
ทีผ
่ ู ้ฟ้ องคดีรู ้หรือควรรู ้แล ้วไม่ป้องกันแก ้ไข ก็ยงั ฟั งไม่ได ้
เกณฑ์การพิจารณาความ รับผิดทาง
ละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
• กรณีการกระทาละเมิดต่อบุคคลภายนอก
(เนือ
้ หา)
๒.๑ เบือ
้ งต ้นต ้องพิจารณาก่อนว่าการกระทา
ละเมิดนัน
้ เกิดจากการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ หรือมิได ้
เกิดจากการปฏิบัตห
ิ น ้าที่
๒.๒ กรณีการละเมิดอันมิได ้เกิดจากการปฏิบัต ิ
หน ้าที่ เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐต ้องรับผิดชอบในความ
ี หายอันเกิดจากการกระทาละเมิดนัน
เสย
้
เป็ นการสว่ นตัวตามบทบัญญัตวิ า่ ด ้วยละเมิดตาม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
• คาวินิจฉัยคณะกรรมการพิจารณาความร ับผิดทางแพ่ง
สานวนเลขที่ ๑๖/๖๗/๒๕๕๐
• เมือ
่ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ นาย อ. ตาแหน่งครู ทา
หน ้าทีค
่ รูเวร และนาย บ. ตาแหน่งนักการภารโรง โรงเรียน
ก. บุคคลทัง้ สองได ้มาปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีเ่ วรรักษาความปลอดภัย
ตัง้ แต่ชว่ งเวลา ๑๘.๐๐ น.- ๐๖.๐๐ น.โดยได ้ตรวจดูความ
เรียบร ้อยภายในบริเวณโรงเรียน เหตุการณ์ปกติจงึ ได ้กลับที่
พักก่อนเวลาเลิกเวร ต่อมาเวลาประมาณ ๐๕.๔๕ น.๐๖.๐๐ น. ได ้เกิดเพลิงไหม ้อาคารเรียน เป็ นเหตุให ้
ิ ของทางราชการได ้รับ ความเสย
ี หายคิดเป็ นเงิน
ทรัพย์สน
๑๘๓,๙๔๐ บาท แต่เมือ
่ พิจารณาสาเหตุเพลิงไหม ้ครัง้ นี้
ตามความเห็นของวิทยาการและพนักงานสอบสวนสถานี
ื่ ว่าสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม ้เกิดจาก
ตารวจภูธร น่าเชอ
้
้
อุปกรณ์เครือ
่ งใชไฟฟ้
าทีม
่ ก
ี ารใชงานแล
้วเกิดการอาร์ค
หรือสปาร์ค จนทาให ้เกิดการสะสมความร ้อนจนถึงขัน
้ ลุกติด
ี หาย ไม่
ไฟและ ลุกไหม ้ขึน
้
จนทาให ้เกิดความเสย
ี หายเกิดจากการกระทาด ้วย
ปรากฏว่าเหตุแห่งความเสย
มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐต ้องรับผิดต่อ
ี หายในผลแห่งละเมิด
ผู ้เสย
ที่
เจ ้าหน ้าทีข
่ องตนกระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ ใน
ี หายอาจฟ้ องหน่วยงานของรัฐดังกล่าว
กรณีนผ
ี้ ู ้เสย
ได ้โดยตรงแต่จะฟ้ องเจ ้าหน ้าทีไ่ ม่ได ้
ถ ้าการละเมิดเกิดจากเจ ้าหน ้าทีซ
่ งึ่ มิได ้สงั กัด
หน่วยงานของรัฐแห่งใด ให ้ถือว่า
กระทรวงการคลังเป็ นหน่วยงานทีต
่ ้องรับผิดตาม
วรรคหนึง่
่
• คาสังศาลปกครองสู
งสุดที่ 42/2550 โรงเรียน
สะพือวิทยาคาร
เป็ นนิตบ
ิ ค
ุ คลตามมาตรา
35 แห่งพระราชบัญญัตบ
ิ ริหารราชการ
ึ ษาธิการ พ.ศ. 2546 แต่มไิ ด ้เป็ น
กระทรวงศก
หน่วยงานของรัฐตามมาตรา 4 แห่ง
พระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่ พ.ศ. 2539
• เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐได ้กระทาละเมิดและก่อให ้เกิด
ี หายขึน
ความเสย
้ แก่บค
ุ คลภายนอกและการ
กระทาละเมิดดังกล่าว
• เป็ นการกระทาในการปฏิบัตห
ิ น ้าที่
• หน่วยงานของรัฐซงึ่ เป็ นต ้นสงั กัดของเจ ้าหน ้าที่
ผู ้นัน
้ ก็ต ้องรับผิด
ในผลแห่งละเมิดที่
เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ ได ้ก่อขึน
้
องค์ประกอบของความรับผิดทาง
ละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
• องค์ประกอบของความรับผิดเพือ
่ ละเมิดของ
หน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๕ มีอยู่ ๓ ประการ
• ประการทีห
่ นึง่ ต ้องมีการกระทาละเมิดเกิดขึน
้
• ประการทีส
่ อง การกระทาละเมิดดังกล่าวนัน
้
กระทาโดยเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐ และ
• ประการทีส
่ าม การกระทาละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
ของรัฐนัน
้ เป็ นการกระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
การกระทาละเมิดในการปฏิบัตห
ิ น ้าที่ เป็ นกรณี
ที่ “กฎหมายกาหนดให ้เจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐมีอานาจ
หน ้าทีอ
่ ย่างใดอย่างหนึง่ และการดาเนินการตาม
ี หายแก่
อานาจหน ้าทีน
่ ัน
้ ได ้ก่อให ้เกิดความเสย
บุคคลอืน
่ หรือแก่รัฐขึน
้ โดยจงใจหรือประมาท
เลินเล่อ”
่ ขณะทีเ่ จ ้าหน ้าทีส
เชน
่ รรพสามิตเข ้าไปจับกุม
ผู ้ต ้มเหล ้าเถือ
่ นบริเวณชายป่ าละเมาะท ้ายหมูบ
่ ้าน
ผู ้กระทาความผิดวิง่ หนีเข ้าไปหลบอยูใ่ นบ ้านของผู ้
ทีไ่ ม่มส
ี ว่ นเกีย
่ วข ้อง หากเจ ้าหน ้าทีส
่ รรพสามิต
ตามเข ้าไปในบ ้านดังกล่าวเพือ
่ จับกุมผู ้กระทา
ี หายแก่
ความผิด แต่ไปก่อให ้เกิดความเสย
ิ ทีอ
ทรัพย์สน
่ ยูใ่ นบ ้านเหล่านัน
้ ก็เท่ากับเจ ้าหน ้าที่
• ประการทีห
่ นึง่ การกระทาละเมิดในระหว่างการ
ปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีร่ าชการหรือในระหว่างเวลาราชการ
่ งิ่ บ่งชวี้ า่ การกระทาละเมิดดังกล่าวเป็ นการ
มิใชส
กระทาละเมิดในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
่ กรณีนายอาเภอขับรถยนต์ของทางราชการเพือ
• เชน
่
ไปตรวจราชการในพืน
้ ที่ ระหว่างเดินทางกลับจาก
การตรวจราชการเกิดอุบต
ั เิ หตุชนกับรถยนต์ของ
ี หาย แม ้เหตุละเมิด
บุคคลอืน
่ ได ้รับความเสย
ิ ก็
ดังกล่าวจะเกิดขึน
้ หลังจากเวลา ๑๖.๓๐ นาฬกา
ถือได ้ว่าการกระทาละเมิดดังกล่าวเกิดขึน
้ ในการ
ปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ เนือ
่ งจากการไปตรวจราชการเป็ นสว่ น
หนึง่ ของการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีข
่ องนายอาเภอและเป็ น
กรณีเจ ้าหน ้าทีต
่ ารวจตัง้ ด่านตรวจผู ้กระทา
ผิดกฎจราจร
ระหว่างการปฏิบัต ิ
หน ้าทีเ่ จ ้าหน ้าทีต
่ ารวจเกิดบันดาลโทสะ ทาร ้าย
ร่างกายผู ้ถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดกฎจราจร
ดังนี้ แม ้การกระทาละเมิดจะเกิดขึน
้ ระหว่าง
การปฏิบัตห
ิ น ้าที่ แต่ก็มไิ ด ้เป็ นไปเพือ
่
ประโยชน์ของทางราชการ หากแต่เป็ นไปเพือ
่
บรรลุวต
ั ถุประสงค์สว่ นตัวของเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ อีก
ทัง้ เจ ้าหน ้าทีต
่ ารวจก็ไม่มห
ี น ้าทีใ่ นการทาร ้าย
ร่างกายประชาชน จึงถือไม่ได ้ว่าการกระทา
• ประการทีส
่ อง กรณีเจ ้าหน ้าทีท
่ จ
ุ ริตยักยอกเงินของ
้ นประโยชน์สว่ นตัวนัน
ทางราชการไปใชเป็
้
คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เคยให ้
ความเห็นไว ้ว่าเป็ นการกระทาความผิดโดยสว่ นตัว
ิ มิใชก
่ าร
ตามกฎหมายอาญาฐานยักยอกทรัพย์สน
กระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีต
่ ามกฎหมายว่าด ้วย
ความรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่ เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู้
นัน
้ จึงต ้องรับผิดเป็ นการสว่ นตัว แต่ผู ้บังคับบัญชา
ของเจ ้าหน ้าทีด
่ งั กล่าวจะต ้องรับผิดทางละเมิดตาม
กฎหมายนีห
้ รือไม่นัน
้ จะต ้องพิจารณาพฤติการณ์
ของผู ้บังคับบัญชาของเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทุจริตยักยอกเงิน
ของทางราชการนัน
้ ด ้วยว่าจงใจหรือประมาท
เลินเล่อในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีจ
่ นเป็ นเหตุให ้เกิดมีการ
ทุจริตยักยอกเงินนัน
้ หรือไม่ แต่ถ ้าร่วมกับเจ ้าหน ้าที่
ึ ษาธิการจังหวัด
• คาพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๙๓/๒๕๓๐ ศก
ึ ษาธิการจังหวัดตามลาดับ ได ้ลงชอ
ื่ ในใบ
และผู ้ชว่ ยศก
ึ ษาธิการจังหวัดทีฝ
ถอนเงินฝากของสานักงานศก
่ าก
ึ ษาธิการจังหวัดมอบฉั นทะให ้
ประจาไว ้กับธนาคาร ศก
ข ้าราชการครูชว่ ยปฏิบต
ั งิ าน เป็ นผู ้รับเงินแทนแต่ใบถอน
เงินดังกล่าวมิได ้ระบุวา่ เป็ นการถอนเงินเพือ
่ โอนไปฝาก
ี ระแสรายวัน จึงเป็ นใบถอนเงินเพือ
ในบัญชก
่ รับเงินสดไป
ื แจ ้งธนาคารไปก็ตาม แต่
จากธนาคาร แม ้จะได ้ทาหนังสอ
ื ดังกล่าวต่อธนาคาร เมือ
ครูชว่ ยฯมิได ้ยืน
่ หนังสอ
่ ได ้รับเงิน
แล ้ว
ก็หลบหนีไป การกระทาของจาเลยทัง้ สอง
่ งทาง
เป็ นการประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง เพราะเป็ นชอ
้ นประโยชน์
ให ้ ครูชว่ ยฯทุจริตเอาเงินทีถ
่ อนไปใชเป็
สว่ นตัวได ้โดยง่าย เนือ
่ งจาก การมอบฉั นทะเป็ นเงิน
จานวนมากถึงหกแสนบาทเศษ ให ้ครูชว่ ยฯ เป็ นผู ้รับ
เงินแต่ผู ้เดียว จึงเป็ นความประมาทเลินเล่อแม ้ตาม
ระเบียบอานาจลงนาม ผู ้ถอนเงิน และอาจมอบฉั นทะให ้
ี หาย
• มาตรา ๕ หน่วยงานของรัฐต ้องรับผิดต่อผู ้เสย
ในผลแห่งละเมิดทีเ่ จ ้าหน ้าทีข
่ องตนได ้กระทาใน
ี หายอาจฟ้ อง
การปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ ในกรณีนผ
ี้ ู ้เสย
หน่วยงานของรัฐดังกล่าวได ้โดยตรง แต่จะฟ้ อง
เจ ้าหน ้าทีไ่ ม่ได ้
ี หายต ้องการใชส้ ท
ิ ธิทางศาล
• ดังนัน
้ หากผู ้เสย
ิ ไหมทดแทน
เพือ
่ ให ้ได ้รับการชดใชค่้ าสน
ี หายก็จะต ้องฟ้ องหน่วยงานของรัฐทีเ่ จ ้าหน ้าที่
ผู ้เสย
ี หาย ที่
ผู ้นัน
้ สงั กัดอยูใ่ ห ้เป็ นผู ้รับผิดในความเสย
เกิดขึน
้ จากการกระทาละเมิดของเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ แต่
่
จะฟ้ องตัวเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้กระทาละเมิดไม่ได ้ เชน
เจ ้าหน ้าทีข
่ บ
ั รถไปราชการในท ้องที่ ระหว่าง
เดินทางได ้ขับรถชน นาย ข. ได ้รับบาดเจ็บสาหัส
ิ ไหมทดแทนความ
หาก นาย ข.ต ้องการค่าสน
่ าร
• “มาตรา ๖ ถ ้าการกระทาละเมิดของเจ ้าหน ้าทีม
่ ใิ ชก
กระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ เจ ้าหน ้าทีต
่ ้องรับผิดในการนัน
้
ี หายอาจฟ้ องเจ ้าหน ้าที่
เป็ นการเฉพาะตัว ในกรณีนผ
ี้ ู ้เสย
ได ้โดยตรง แต่จะฟ้ องหน่วยงานของรัฐไม่ได ้”
ี หาย
• ตัวอย่าง กรณีเจ ้าหน ้าทีต
่ ารวจก่อเหตุววิ าทกับผู ้เสย
ี หายจนได ้รับบาดเจ็บ แม ้
และทาร ้ายร่างกายผู ้เสย
ข ้อเท็จจริงจะฟั งได ้ว่าการกระทาดังกล่าวเกิดขึน
้ ใน
ระหว่างทีเ่ จ ้าหน ้าทีต
่ ารวจกาลังปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ แต่ก็มไิ ด ้
เป็ นไปเพือ
่ ประโยชน์ของทางราชการ อีกทัง้ เจ ้าหน ้าที่
ตารวจไม่มห
ี น ้าทีท
่ ะเลาะวิวาทและทาร ้ายร่างกาย
ประชาชน จึงถือไม่ได ้ว่าการกระทาละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
ตารวจดังกล่าวเป็ นการกระทาละเมิดในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
หากแต่เป็ นการกระทาสว่ นตัว เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้กระทาละเมิด
ี หายต ้อง
ต ้องรับผิดในมูลละเมิดนัน
้ เป็ นการสว่ นตัว ผู ้เสย
• หน ้าทีเ่ กิดจาก“ระเบียบข ้อบังคับและคาสงั่ ของ
ผู ้บังคับบัญชาทีช
่ อบด ้วยกฎหมายด ้วย” การ
กระทาหรือละเว ้นการกระทาในหน ้าทีด
่ ังกล่าว
ี หายแก่บค
หากก่อให ้เกิดความเสย
ุ คลอืน
่ หรือแก่
รัฐก็เป็ นการกระทาละเมิดในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
่ กัน เชน
่ กรณีหวั หน ้าสว่ นราชการ
เชน
มีคาสงั่ ให ้ข ้าราชการหรือลูกจ ้างต ้องมาปฏิบัต ิ
หน ้าทีอ
่ ยูเ่ วรเพือ
่ ดูแลรักษาความสงบเรียบร ้อย
ของหน่วยงานในเวลากลางคืน นาย ก. ซงึ่ ได ้รับ
มอบหมายให ้อยูเ่ วรด ้วยไม่มาเข ้าเวร หรือมาลง
ื่ รับเวรแล ้ว
ชอ
แต่ออกไปเทีย
่ ว
้ั
อเท็จจริงความ
ผู ม
้ อ
ี านาจแต่งตงคณะกรรมการสอบข้
ร ับผิดทางละเมิด
• ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยหลักเกณฑ์
การปฏิบัตเิ กีย
่ วกับความรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙
• ข ้อ ๙ ถ ้าเจ ้าหน ้าทีข
่ องหน่วยงานของรัฐแห่ง
ี หายแก่หน่วยงานของรัฐ
หนึง่ ทาให ้เกิดความเสย
อีกแห่งหนึง่ ให ้เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาให ้เกิดความ
ี หายแจ ้งต่อบังคับบัญชา และให ้มีการ
เสย
ั ้ จนถึงหัวหน้าหน่ วยงาน
รายงานตามลาดับชน
ของร ัฐทีต
่ นสงั กัด
• เว ้นแต่
ี หายเป็ น
•
(๑) ถ ้าเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาให ้เกิดความเสย
รัฐมนตรี ให ้แจ ้งต่อนายกรัฐมนตรี
ี หายเป็ น
(๒) ถ ้าเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาให ้เกิดความเสย
กรรมการทีต
่ งั ้ ขึน
้ เพือ
่ ปฏิบต
ั งิ านในหน่วยงานของรัฐแห่ง
ใด ให ้แจ ้งต่อหัวหน ้าหน่วยงานของรัฐแห่งนัน
้
ี หายเป็ นผู ้ซงึ่
(๓) ถ ้าเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาให ้เกิดความเสย
ไม่ได ้สงั กัดหน่วยงานของรัฐแห่งใด ให ้แจ ้งต่อ
กระทรวงการคลัง
ี หายเป็ นผู ้ซงึ่
(๔) ถ ้าเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาให ้เกิดความเสย
่ ู ้ปฏิบต
ไม่มผ
ี ู ้บังคับบัญชาและมิใชผ
ั งิ านในราชการสว่ น
ท ้องถิน
่ ให ้แจ ้งต่อผู ้มีอานาจกากับดูแล ผู ้แต่งตัง้ ตน หรือ
ผู ้ซงึ่ สงั่ ให ้ตนปฏิบต
ั งิ านให ้แก่หน่วยงานของรัฐ
• นาย ก.ลู กจ้างประจา ตาแหน่ งพนักงานขับ
รถยนต ์ โรงเรียนประถมศึกษา ขับรถยนต ์ของ
ทางราชการด้วยความประมาท เฉี่ ยวชนรถยนต ์
ของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงาน
้ นฐาน
้
คณะกรรมการการศึกษาขันพื
ได้ร ับความ
เสียหาย แต่รถยนต ์ของโรงเรียนประถมศึกษา
ไม่ได้ร ับความเสียหาย
• นาย ก.จึงมีหน ้าทีต
่ ้องรายงานการเกิดอุบต
ั เิ หตุ
ึ ษาทีต
ดังกล่าว ต่อผู ้อานวยการโรงเรียนประถมศก
่ น
ึ ษาจะได ้
สงั กัด เพือ
่ ผู ้อานวยการโรงเรียนประถมศก
รายงานต่อไปยังเลขาธิการคณะกรรมการการ
• มหาวิทยาลัยพระจอมเกล ้าธนบุรี มีฐานะเป็ น
มหาวิทยาลัยของรัฐทีไ่ ม่เป็ นสว่ นราชการ แต่
อยูใ่ นกากับดูแลของรัฐบาลไม่มฐ
ี านะหน่วยงาน
ของรัฐตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัตน
ิ ี้
• อธิการบดีอาจนาหลักเกณฑ์และขัน
้ ตอนการ
ปฏิบต
ั ต
ิ ามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วย
หลักเกณฑ์การปฏิบัตเิ กีย
่ วกับความรับผิดทาง
้ ้โดยอนุโลม สว่ นความรับ
ละเมิด ไปปรับใชได
ผิดของผู ้กระทาละเมิด เป็ นไปตามบทบัญญัต ิ
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรือ
่ ง
่
้
คาสังแต่
งตังคณะกรรมการสอบข้
อเท็จจริงความร ับผิด
ทางละเมิด
ต้องระบุขอ
้ เท็จจริงแห่งการกระทาในการออกคาสัง่
หรือไม่
• คาสงั่ แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความ
รับผิดทางละเมิดต ้องระบุข ้อเท็จจริงแห่งการ
ี หาย เชน
่ วันเวลา
กระทาให ้เกิดความเสย
สถานทีเ่ กิดพฤติการณ์แห่งการกระทา
สภาพการณ์หรือพฤติการณ์ซงึ่ เป็ นเหตุให ้มีการ
ออกคาสงั่ โดยสรุปพอสงั เขป (บันทึกข้อความ
ตอบข้อหารือตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ลับ
่ ด ที่ กค ๐๔๑๐.๒/๐๔๖๒๗ ลงวันที่ ๕
ด่วนทีสุ
มีนาคม ๒๕๕๒)
้
อเท็จจริงความ
การแต่งตังคณะกรรมการสอบข้
ร ับผิดทางละเมิด
ควรดาเนิ นการ
่
เมือใด
ื กระทรวงการคลังที่ กค ๐๔๐๖.๒ / ว.
• หนังสอ
๗๕ ลงวันที่
๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ กาหนดว่า เมือ
่ เกิด
ี หายแก่หน่วยงานของรัฐแห่งใด และ
ความเสย
หัวหน ้าหน่วยงานของรัฐแห่งนัน
้ มีเหตุอน
ั ควร
ื่ ว่าเกิดจากการกระทาของเจ ้าหน ้าทีข
เชอ
่ อง
หน่วยงานของรัฐแห่งนัน
้ ให ้หัวหน ้าหน่วยงาน
ของรัฐดังกล่าวแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบ
ข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดขึน
้ คณะหนึง่
ั ชาอย่
้ างชาไม่
้ ควรเกิน
โดยไม่ชก
๑๕ วัน นับ
่ าเกิดจากการ
กรณี ไม่มเี หตุอ ันควรเชือว่
กระทาของเจ้าหน้าที่
จะไม่
้ั
แต่งตงคณะกรรมการสอบข้
อเท็จจริงความร ับ
ผิดทางละเมิด
ตามข้อ ๘ ระเบียบ
สานักนายกร ัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ ์การ
่
ปฏิบต
ั เิ กียวกับความร
ับผิดทางละเมิดของ
่ ห
•เจ้าในกรณี
ี่ พ.ศ.
วั หน๒๕๓๙
้าหน่วยงานของรั
ไม่มเี หตุอน
ั ควร
หน้าทีท
ได้หรือฐไม่
ื่ ว่า ความเสย
ี หายเกิดจากการกระทา ของ
เชอ
เจ ้าหน ้าที่ ก็ไม่ต ้องแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบ
ข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แต่ต ้องรายงานผล
การพิจารณาให ้ ปลัดกระทรวง หรือรัฐมนตรี ซงึ่ เป็ น
ผู ้บังคับบัญชาหรือกากับดูแลหรือซงึ่ ควบคุมการ
ปฏิบต
ั งิ านของบุคคลดังกล่าวทราบ เพือ
่ จะได ้
พิจารณาว่าสมควรดาเนินการแต่งตัง้ คณะกรรมการ
สอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามข ้อ ๑๒
แห่งระเบียบฯ ต่อไปหรือไม่ แต่ทงั ้ นีค
้ วรแต่งตัง้
ี หายแก่หน่วยงานของรัฐหาก
กรณีเกิดความเสย
เจ ้าหน ้าทีท
่ เี่ กีย
่ วข ้อง
ได ้ยินยอมชดใช ้
ี หาย โดยหน่วยงานดังกล่าวยังไม่ได ้
ค่าเสย
ดาเนินการ
ตัง้ กรรมการสอบ
ข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด แยกพิจารณาได ้
เป็ น
๒ กรณี คือ (บันทึกความเห็นของ
คณะกรรมการกฤษฎี
กาเรื้าที
อ
่ งเสร็
๑.กรณีเจ ้าหน
ท
่ เี่ จกีทีย
่ ่ ๔๙๐/๒๕๔๓)
วข ้องได ้ยินยอมชดใช ้
ี หายก่อนทีห
ค่าเสย
่ น่วยงานของรัฐจะแต่งตัง้
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ละเมิดหรือได ้แต่งตัง้ คณะกรรมการดังกล่าวแล ้ว
ิ้
แต่การสอบสวนยัง
ไม่เสร็จสน
หน่วยงานของรัฐต ้องดาเนินการสอบข ้อเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดตามระเบียบสานัก
นายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัต ิ
๒. กรณีทห
ี่ น่วยงานของรัฐดาเนินการสอบ
ิ้ แล ้ว
ข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเสร็จสน
และมีคาวินจ
ิ ฉั ยสงั่ การว่ามีผู ้ใดต ้องรับผิดชดใช ้
ิ ไหมทดแทนจานวนเท่าใด และผู ้นัน
ค่าสน
้ ได ้
ิ ไหมทดแทนครบถ ้วนแล ้ว ไม่วา่ จะ
ชดใชค่้ าสน
้ นเงินหรือทรัพย์สน
ิ อืน
ชดใชเป็
่ ก็ตาม
กระทรวงการคลังก็ยงั มีหน ้าทีต
่ ้องตรวจสอบ
รายงานผลการสอบสวนต่อไป ว่าจานวนค่า
ิ ไหมทดแทนเหมาะสมหรือไม่ และทรัพย์สน
ิ ที่
สน
้
ชดใชแทนนั
น
้ มีสภาพ คุณภาพ ปริมาณ และมี
ิ ทีส
ลักษณะเดียวกันกับทรัพย์สน
่ ญ
ู หายหรือ
ี หาย และจะใชแทนได
้
่ เดียวกันกับ
เสย
้เชน
ิ
้
หน่ วยงานของร ัฐมีการแต่งตังคณะกรรมการสอบ
ข้อเท็จจริงความร ับผิดทางละเมิดและคณะกรรมการ
สอบสวนทางวินย
ั ควบคู ่ก ัน หน่ วยงานของร ัฐจะรอผล
การพิจารณาทางวินย
ั ให้สนสุ
ิ ้ ดก่อนการพิจารณาความ
ร• ับผิการแต่
ดทางละเมิ
ดได้หรือไม่
งตัง้ คณะกรรมการสอบข
้อเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดมีวต
ั ถุประสงค์เพือ
่ ให ้ทราบข ้อเท็จจริงว่ามีการ
ี หายแก่หน่วยงานของรัฐ
กระทาให ้เกิดความเสย
ี หาย
และมีเจ ้าหน ้าทีท
่ เี่ กีย
่ วข ้องต ้องรับผิดชดใชค่้ าเสย
หรือไม่ สว่ นการสอบสวนวินัย
มี
วัตถุประสงค์เพือ
่ ให ้ได ้ข ้อเท็จจริงว่า ข ้าราชการผู ้นัน
้ มีการ
กระทาอันเป็ นความรับผิดทางวินัยหรือไม่ และจะต ้องได ้รับ
การลงโทษอย่างไร ทัง้ สองกรณีจงึ เป็ นเรือ
่ งทีม
่ วี ต
ั ถุประสงค์
คนละอย่าง และมีกระบวนการพิจารณาทีแ
่ ตกต่างกันและ
แยกจากกัน ดังนัน
้
เมือ
่ หน่วยงานของรัฐ
ได ้มีคาสงั่ แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดแล ้วจึงสามารถดาเนินการสอบข ้อเท็จจริงความ
รับผิดทางละเมิดควบคูไ่ ปกับการดาเนินการสอบสวนทาง
• ในกรณี มีคาสงั่ แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวนทาง
วินัยและคณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด กรณีทค
ี่ ณะกรรมการทัง้ สองชุดดังกล่าว
เป็ นบุคคลคนเดียวกัน
กรณีคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
791/2555 เป็ นกรณีทผ
ี่ ู ้ฟ้ องคดีซงึ่ เป็ น
ข ้าราชการครูได ้ถูกกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัย
อย่างร ้ายแรง กรณีทจ
ุ ริตในการเบิกเงินค่าเชา่
บ ้านเป็ นเหตุให ้ทางราชการได ้รับความเสยี หาย
อธิบดีกรมสามัญศกึ ษาในขณะนัน
้ จึงมีคาสงั่
แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย และ
ผู ้อานวยการสามัญศกึ ษาจังหวัดในขณะนั น
้ ซงึ่
ได ้รับมอบอานาจจากอธิบดีกรมสามัญศกึ ษา
• ศาลปกครองสูงสุดได ้อธิบายวัตถุประสงค์
คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและ
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ละเมิดว่า มีวัตถุประสงค์แตกต่างกัน และมี
ขัน
้ ตอนรวมทัง้ วิธก
ี ารสอบสวนไว ้แตกต่างกัน
• การสอบสวนทางวินัยมีวัตถุประสงค์เพือ
่ ให ้ได ้
ข ้อเท็จจริงว่าข ้าราชการ ผู ้นัน
้ มีการกระทาอัน
เป็ นความผิดทางวินัยหรือไม่ และจะต ้องได ้รับ
การลงโทษอย่างไร
• การแต่งตัง้ คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิด
มีวัตถุประสงค์เพือ
่ ให ้ทราบว่ามีการกระทาให ้เกิดความ
ี หายแก่หน่วยงานของรัฐและมีผู ้ทีต
เสย
่ ้องรับผิด ชดใช ้
ี หายหรือไม่ เป็ นจานวนเท่าใด หาก
ค่าเสย
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดจะ
นาพยานหลักฐานและ
ผลการสอบสวนทาง
้
วินัยบางสว่ นมาใชประกอบการพิ
จารณาก็สามารถ
้ ้ แต่ต ้องปฏิบต
นามาใชได
ั ใิ ห ้ถูกต ้องตามรูปแบบ
ขัน
้ ตอน หรือวิธก
ี ารอันเป็ นสาระสาคัญทีก
่ าหนดไว ้
สาหรับการสอบสวนเพือ
่ หาผู ้รับผิดทางละเมิดด ้วย
• คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ละเมิดไม่เคยแจ ้งให ้
ผู ้ฟ้ องคดีทราบมา
ก่อนว่าจะนาข ้อเท็จจริงทีผ
่ ู ้ฟ้ องคดีเคยให ้
ถ ้อยคาไว ้ ในการทีถ
่ ก
ู สอบสวนทางวินัย มาใช ้
ในการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ด ้วย จึงฟั งได ้ว่าคณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริง
ความรับผิดทางละเมิดไม่ได ้แจ ้งให ้ผู ้ฟ้ องคดี
ทราบถึงการสอบสวนหาผู ้รับผิดทางละเมิด ทา
ี้ จงข ้อเท็จจริงและ
ให ้ผู ้ฟ้ องคดี ไม่มโี อกาสได ้ชแ
โต ้แย ้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่าง
เพียงพอและเป็ นธรรมตามข ้อ 15 ของระเบียบ
สานักนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยหลักเกณฑ์การ
ปฏิบัตเิ กีย
่ วกับความรับผิดทางละเมิดของ
จะฟ้องคดีตอ
่ ศาลปกครองขอให้เพิกถอนคาสัง่
้ั
แต่งตงคณะกรรมการสอบข้
อเท็จจริงความร ับ
ผิดทางละเมิดได้หรือไม่
่
• คาสังศาลปกครองสู
งสุดที่ ร.๕๙/๒๕๕๓
ึ ษา
ผู ้อานวยการสานักงานเขตพืน
้ ทีก
่ ารศก
ขอนแก่น เขต ๒ ได ้รับรายงานว่าเงินทดรองราชการใน
ความรับผิดชอบของนาง น. ขาดบัญช ี จึงออกคาสงั่
แต่งตัง้ คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ละเมิดขึน
้ การแต่งตัง้ คณะกรรมการดังกล่าวเป็ นเพียง
ึ ษา
ขัน
้ ตอนภายในของสานักงานเขตพืน
้ ทีก
่ ารศก
ขอนแก่น เขต ๒ เพือ
่ ให ้ได ้ข ้อเท็จจริงในกรณีดงั กล่าว
เพือ
่ ทีจ
่ ะได ้พิจารณาดาเนินการต่อไปเท่านัน
้
ยังไม่ม ี
ผลเป็ นการก่อ เปลีย
่ นแปลง โอน สงวน ระงับ หรือมี
ิ ธิหรือหน ้าทีข
ผลกระทบต่อสถานภาพของสท
่ องผู ้ฟ้ อง
่
คดีแต่อย่างใด จึงมิใช่คาสังทางปกครอง
ตามมาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.วิธป
ี ฏิบต
ั ริ าชการทางปกครอง
่ ู ้ได ้รับความ
พ.ศ. ๒๕๓๙ ผู ้ฟ้ องคดี
จึงยังมิใชผ
หน่ วยงานของร ัฐถูกฟ้องคดีแพ่งและแพ้คดี
่
้ั
จะต้องมีคาสังแต่
งตงคณะกรรมการสอบ
ข้อเท็จจริงความร ับผิดทางละเมิดหรือไม่
(บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรือ
่ งเสร็จที่ ๗๕๗/๒๕๕๒)
ั ญากับ
• กรณีหน่วยงานของรัฐได ้ทาสญ
บุคคลภายนอก
ต่อมา
ั ญามีหนังสอ
ื ถึง
บุคคลภายนอกซงึ่ เป็ นคูส
่ ญ
หน่วยงานของรัฐหรือฟ้ องคดีตอ
่ ศาลให ้
ี หายให ้แก่
หน่วยงานของรัฐรับผิดชดใชค่้ าเสย
บุคคลภายนอกเพือ
่ การไม่ชาระหนีห
้ รือชาระหนี้
ั ญานัน
ไม่ถก
ู ต ้องตามสญ
้ เมือ
่ หน่วยงานของรัฐ
ี หายดังกล่าวให ้แก่บค
จ่ายค่าเสย
ุ คลภายนอกซงึ่
ั ญาจึงเป็ นการจ่ายค่าเสย
ี หายอันเกิด
เป็ นคูส
่ ญ
ั ญา หน่วยงานของรัฐ มิได ้จ่ายค่า
แต่มล
ู สญ
จะถือว่าเจ ้าหน ้าทีก
่ ระทาละเมิดต่อหน่วยงาน
ของรัฐหรือไม่นัน
้ จะต ้องพิจารณาข ้อเท็จจริงเป็ น
กรณี ๆ ไป ในกรณีทห
ี่ วั หน ้าหน่วยงานของรัฐ
ื่ ว่าเจ ้าหน ้าทีเ่ ป็ นผู ้กระทาให ้เกิด
มีเหตุอน
ั ควรเชอ
ี หายแก่หน่วยงานของรัฐแล ้ว หัวหน ้า
ความเสย
หน่วยงานของรัฐจะต ้องดาเนินการแต่งตัง้
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ละเมิด
เพือ
่ ทาหน ้าทีส
่ อบข ้อเท็จจริงให ้ทราบว่ามีการ
กระทาละเมิดหรือไม่ การกระทาละเมิดได ้กระทา
ในการปฏิบัตห
ิ น ้าทีห
่ รือไม่ เจ ้าหน ้าทีไ่ ด ้กระทา
โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรงหรือไม่
้ั
การแต่งตงคณะกรรมการสอบข้
อเท็จจริงความ
ร ับผิดทางละเมิดร่วมกัน
้ั
• การแต่งตงคณะกรรมการสอบข้
อเท็จจริง
ความร ับผิดทางละเมิด ให้มจ
ี านวนไม่เกิน ๕
้ั
่
คน โดยแต่งตงจากเจ้
าหน้าทีของหน่
วยงาน
่
้
่
อหน่ วยงานของร ัฐอืนตามที
ของร ัฐแห่งนันหรื
เห็นสมควร
จะเห็นได ้ว่า ระเบียบข ้อ ๘ ข ้อ ๑๑ แห่งระเบียบ
สานักนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยหลักเกณฑ์การ
ปฏิบัตเิ กีย
่ วกับความรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ ให ้หน่วยงานทีเ่ กีย
่ วข ้อง
พิจารณาคัดเลือก บุคคลทีม
่ ค
ี วามเหมาะสมที่
จะได ้รับการแต่งตัง้ ไม่เกิน ๕ คน
คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความร ับผิดทาง
ละเมิดต้องดาเนิ นการสอบสวนให้แล้วเสร็จ
ภายในกาหนดเวลาเท่าใด
ื กค ๐๔๐๖.๒/ว.๗๕ ลง
กระทรวงการคลังมีหนังสอ
วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ กาหนดให ้ คณะกรรมการ
สอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดต ้องดาเนินการ
้ ควรเกิน ๖๐
สอบสวนให ้แล ้วเสร็จโดยเร็ว อย่างชาไม่
วัน นับแต่วันทีแ
่ ต่งตัง้ หากคณะกรรมการสอบ
ข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดดาเนินการสอบสวน
ไม่แล ้วเสร็จภายในกาหนดเวลาดังกล่าวผู ้แต่งตัง้ อาจ
อนุญาตให ้ขยายระยะเวลาได ้อีกครัง้ ละไม่เกิน ๓๐ วัน
โดยคานึงถึงเหตุผลและความจาเป็ น
ื กค ๐๔๐๖.๒/ว ๒๑๗
กระทรวงการคลังมีหนังสอ
ลงวันที่ ๑๖ มิถน
ุ ายน ๒๕๕๑ ข ้อ ๓ กาหนดว่าหาก
้
อเท็จจริงความร ับ
การแต่งตังคณะกรรมการสอบสวนข้
ผิดทางละเมิด
กรณี บุคคลภายนอกฟ้อง
หน่ วยงานของร ัฐเป็ นคดีตอ
่ ศาลจะต้องรอให้ศาลมีคา
่ ดเสียก่อนหรือไม่
พิพากษาหรือรอให้คดีถงึ ทีสุ
(บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรือ่ งเสร็จที่ ๗๕๗/๒๕๕๒)
• ข ้อ ๓๕ แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วย
หลักเกณฑ์การปฏิบัตเิ กีย
่ วกับความรับผิดทาง
ละเมิดของเจ ้าหน ้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ กาหนดว่า
เมือ
่ บุคคลภายนอกฟ้ องหน่วยงานของรัฐเป็ นคดี
ต่อศาลว่าเจ ้าหน ้าทีข
่ องรัฐกระทาละเมิดต่อ
บุคคลภายนอก ให ้ผู ้มีอานาจแต่งตัง้
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ั ชา้
ละเมิดโดยไม่ชก
• กรณีเจ ้าหน ้าทีม
่ ไิ ด ้กระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่
ให ้ดาเนินการตามข ้อ ๓๖ แห่งระเบียบดังกล่าว
เพือ
่ ให ้เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ เข ้ามาเป็ นคูค
่ วามในคดี
• กรณีเจ ้าหน ้าทีไ่ ด ้กระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ ให ้
ดาเนินการตามข ้อ ๓๗บุคคลภายนอกฟ้ องให ้
้ นในฐานละเมิดแล ้ว
หน่วยงานของรัฐรับผิดชดใชเงิ
ผู ้มีอานาจจะต ้องดาเนินการแต่งตัง้ คณะกรรมการ
สอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดตามข ้อ ๓๕
แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วยหลักเกณฑ์
การปฏิบต
ั เิ กีย
่ วกับความรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าทีฯ่
โดยไม่จาต ้องรอให ้ศาล
ี ก่อนว่า
มีคาพิพากษาหรือรอให ้คดีถงึ ทีส
่ ด
ุ เสย
ี หายแก่
หน่วยงานของรัฐจะต ้องรับผิดชดใชค่้ าเสย
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิด
ทางละเมิดมีหน ้าที่
• หลักเกณฑ์การปฏิบต
ั เิ กีย
่ วกับความรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ข ้อ ๑๔
กาหนดว่าในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าที่ ให ้คณะกรรมการ
มีอานาจหน ้าทีพ
่ จ
ิ ารณาข ้อเท็จจริงอันเกีย
่ วกับการกระทา
ละเมิด โดย
๑. ตรวจสอบข ้อเท็จจริงทัง้ หมดทีเ่ กีย
่ วกับการกระทาละเมิด
๒. รวบรวมพยานหลักฐานทัง้ ปวงทีเ่ กีย
่ วข ้อง
ี่ วชาญ
๓.รับฟั งพยานบุคคล หรือพยานผู ้เชย
๔. ตรวจสอบเอกสาร วัตถุหรือสถานที่
๕. รายละเอียดในการดาเนินการสอบข ้อเท็จจริงตามที่
กระทรวงการคลังกาหนด
๖. คณะกรรมการต ้องให ้โอกาสแก่เจ ้าหน ้าทีท
่ เี่ กีย
่ วข ้อง
ี หายได ้ชแ
ี้ จงข ้อเท็จจริงและโต ้แย ้งแสดง
หรือผู ้เสย
พยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ
(ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยหลักเกณฑ์การปฏิบต
ั เิ กีย
่ วกับ
• กระทรวงการคลังกาหนดแนวทางสอบข ้อเท็จจริงความ
รับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าทีใ่ ห ้แก่หน่วยงานของรัฐ
ื ที่
เพือ
่ เป็ นแนวทางปฏิบต
ั เิ ป็ นการทัว่ ไปได ้ ได ้มีหนังสอ
กค๐๔๐๖.๒/ว.๕๖ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ แจ ้ง
เรือ
่ งแนวทางการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ี หาย
ตามประเภทสานวนการสอบสวน กรณีเกิดความเสย
แก่ทางราชการโดยกาหนดแนวทางการสอบสวนแยก
ตามประเภทสานวนการสอบสวนออกเป็ น ๕ ประเภท
คือ
ิ
๑.ทุจริตทางการเงินหรือทรัพย์สน
(ส.๑)
๒.ไม่ปฏิบต
ั ต
ิ ามกฎหมายหรือระเบียบ
(ส.๒)
ิ สูญ
๓.คนร ้ายกระทาโจรกรรมหรือทรัพย์สน
หาย (ส.๓)
๔.อาคารสถานทีถ
่ ก
ู เพลิงไหม ้
(ส.๔)
การใช้สท
ิ ธิเรียกร ้องต่อเจ้าหน้าที่
ผู ก
้ ระทาละเมิด
• พระราชบัญญัตค
ิ วามร ับผิดทางละเมิดของ
เจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
• มาตรา ๑๐ ประกอบ มาตรา ๘
่ นผู ก
มาตรา ๑๐ ในกรณี ทเจ้
ี่ าหน้าทีเป็
้ ระท า
ละเมิดต่อหน่ วยงานของร ัฐไม่วา
่ จะเป็ นหน่ วยงานของ
่ น
้ั
ร ัฐทีผู
้ นอยู
่ในสังกัดหรือไม่ ถ้าเป็ นการกระท าในการ
่
ปฏิบต
ั ห
ิ น้าทีการเรี
ยกร ้องค่าสินไหมทดแทนจาก
่
เจ้าหน้าทีให้
นาบทบัญญัตม
ิ าตรา ๘มาใช้บงั คับโดย
่
อนุโลม แต่ถา้ มิใช่การกระทาในการปฏิบต
ั ห
ิ น้าทีให้
บังคับตามบทบัญญัตแ
ิ ห่งประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิ ชย ์
สิทธิเรียกร ้องค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าหน้าที่
้
่ ง ให้มก
ทังสองประการตามวรรคหนึ
ี าหนดอายุความ
่ วยงานของร ัฐรู ้ถึง
สองปี นับแต่วน
ั ทีหน่
การ
ละเมิดและรู ้ตัวเจ้าหน้าที่ ผู จ
้ ะพึงต้องใช้คา
่ สินไหม
ทดแทน และกรณี ทหน่
ี่ วยงานของร ัฐเห็นว่าเจ้าหน้าที่
้ั
ผู น
้ นไม่
ตอ
้ งร ับผิด แต่กระทรวงการคลังตรวจสอบแล้ว
เห็นว่าต้องร ับผิด ให้สท
ิ ธิเรียกร ้องค่าสินไหมทดแทน
้
นัน
มีกาหนดอายุความหนึ่ งปี นับแต่
่ วยงานของร ัฐมีคาสังตามความเห็
่
วันทีหน่
นของ
กระทรวงการคลัง
มาตรา ๘ ในกรณี ทหน่
ี่ วยงานของร ัฐ ต้องร ับผิด
่
ชดใช้คา
่ สินไหมทดแทนแก่ผูเ้ สียหายเพือการผลละเมิ
ดของ
เจ้าหน้าที่ ให้หน่ วยงานของร ัฐมีสท
ิ ธิเรียกให้จา้ หน้าที่
ผู ก
้ ระทาการละเมิดชดใช้คา
่ สินไหมทดแทนด ังกล่าวแก่
่ กระทาการนันไปด้
้
หน่ วยงานของร ัฐได้ ถ้าเจ้าหน้าทีได้
วย
ความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
สิทธิเรียกให้ชดใช้คา
่ สินไหมทดแทนตามวรรคหนึ่ง
จะมีได้เพียงใด ให้คานึ งถึงระด ับความร ้ายแรง และความ
เป็ นธรรมในแต่ละกรณี เป็ นเกณฑ ์ โดยมิตอ
้ งใช้ให้เต็ม
จานวนของความเสียหายก็ได้
ถ้าการผลละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่อง
ของหน่ วยงานของร ัฐหรือระบบการดาเนิ นงานส่วนรวม ให้
หักส่วนแห่งความร ับผิดด ังกล่าวออกด้วย
่
ในกรณี ทการละเมิ
ี่
ดเกิดจากเจ้าหน้าทีหลายคน
มิ
่
้ วมมาใช้บงั ค ับ และเจ้าหน้าทีแต่
่ ละ
ให้นาหลักเรืองลู
กหนี ร่
คนต้องร ับผิดใช้คา
่ สินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตน
้
เท่านัน
สิทธิเรียกร ้องของหน่ วยงานของร ัฐ
ิ ธิเรียกร ้องต่อเจ ้าหน ้าที่
• ลักษณะทีห
่ น่วยงานของรัฐมีสท
เป็ นผู ้กระทาละเมิด
ได ้สองกรณี
ิ ธิเรียกร ้องต่อเจ ้าหน ้าทีเ่ ป็ นผู ้กระทาละเมิด ต่อ
๑. การใชส้ ท
หน่วยงานของรัฐไม่วา่ จะเป็ นหน่วยงานของรัฐทีผ
่ ู ้นัน
้ อยู่
ในสงั กัดหรือไม่
ิ ธิไล่เบีย
๒. การใชส้ ท
้ ของหน่วยงานของรัฐกรณีเจ ้าหน ้าที่
เป็ นผู ้กระทาละเมิดต่อบุคคลภายนอกและหน่วยงานของ
ิ ไหมทดแทนให ้แก่ผู ้เสย
ี หายไปแล ้ว
รัฐรับผิดชดใชค่้ าสน
ิ ธิเรียกให ้ เจ ้าหน ้าทีผ
หน่วยงานของรัฐมีสท
่ ู ้ทาละเมิด
ิ ไหมทดแทนคืนได ้อายุความการใชส้ ท
ิ ธิ
ชดใชค่้ าสน
เรียกร ้องจากเจ ้าหน ้าทีถ
่ ้าหน่วยงานของรัฐหรือเจ ้าหน ้าที่
ิ ไหมทดแทนแก่ผู ้เสย
ี หาย สท
ิ ธิทจ
ได ้ใช ้ คา่ สน
ี่ ะเรียกให ้
ิ ไหมทดแทนแก่ตน ให ้มีกาหนด
อีกฝ่ ายหนึง่ ชดใชค่้ าสน
อายุความ ๑ ปี นับแต่วน
ั ทีห
่ น่วยงานของรัฐหรือเจ ้าหน ้าที่
การพิจารณาใช้สท
ิ ธิเรียกร ้องของ
หน่ วยงานของร ัฐ
1. เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐและ
ิ ไหม
หน่วยงานของรัฐ
รับผิดชดใชค่้ าสน
ี หายไปแล ้ว หน่วยงานของรัฐมีสท
ิ ธิเรียกให ้
ให ้แก่ผู ้เสย
ิ ไหมทดแทนคืนได ้ ถ ้า
เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาละเมิดชดใชค่้ าสน
เจ ้าหน ้าทีไ่ ด ้กระทาละเมิดไปด ้วยความจงใจหรือ
ประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
2. ให ้คาถึงถึงระดับ ความร ้ายแรงแห่งการกระทาและ
ความเป็ นธรรมในแต่ละกรณีเป็ นเกณฑ์โดยมิต ้องให ้ใช ้
ี หายก็ได ้
เต็มจานวนของความเสย
3. ถ ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่อง
ของหน่วยงานของรัฐหรือระบบการดาเนินงานโดย
่
่
4. ในกรณีการละเมิดเกิดจากเจ ้าหน ้าทีห
่ ลายคน
มิ
ให ้นาหลักเรือ
่ งลูกหนีร้ ว่ มมาใชบั้ งคับและ
ิ ไหม
เจ ้าหน ้าทีแ
่ ต่ละคนต ้องรับผิดใชค่้ าสน
ทดแทนเฉพาะสว่ นของตนเท่านัน
้
ื่ มราคาหนังสอ
ื กระทรวงการคลัง
5. ต ้องคิดค่าเสอ
ที่ กค ๐๕๐๗.๒ /ว ๘๑ ลงวันที่ ๒๗ สงิ หาคม
ื่ ม
๒๕๔๕ เรือ
่ งหลักเกณฑ์การคานวณค่าเสอ
ิ ทีต
้
ราคาทรัพย์สน
่ ้องเรียกชดใชตามความรั
บผิด
ทางละเมิด
ิ ไหมทดแทน
6. ในกรณีทเี่ จ ้าหน ้าทีต
่ ้องชดใชค่้ าสน
้ ้แก่ผู ้เสย
ี หาย ให ้
ทีห
่ น่วยงานของรัฐได ้ใชให
ี หายมีอานาจออกคาสงั่
หน่วยงานของรัฐ ทีเ่ สย
เรียกให ้เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ ชาระเงิน ภายใน
4. ในกรณีการละเมิดเกิดจากเจ ้าหน ้าทีห
่ ลายคน
มิให ้นาหลักเรือ
่ งลูกหนีร้ ว่ มมาใชบั้ งคับและ
ิ ไหม
เจ ้าหน ้าทีแ
่ ต่ละคนต ้องรับผิดใชค่้ าสน
ทดแทนเฉพาะสว่ นของตนเท่านัน
้
ิ ไหม
5.ในกรณีทเี่ จ ้าหน ้าทีต
่ ้องชดใชค่้ าสน
้ ้แก่
ทดแทนทีห
่ น่วยงานของรัฐ
ได ้ใชให
ี หาย ให ้หน่วยงานของรัฐ ทีเ่ สย
ี หายมี
ผู ้เสย
อานาจออกคาสงั่ เรียกให ้เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ ชาระเงิน
ภายในระยะเวลาทีก
่ าหนด
คาพิพากษาศาลปกครองกลางที่ ๑๔๗/
๒๕๕๐
การทีน
่ ักการภารโรง อยูเ่ วรเฝ้ าอาคารโดยไม่ใช ้
ิ ของทางราชการ
ความระมัดระวังในการดูแลทรัพย์สน
่ วิญญูชนพึงกระทาจนเป็ นเหตุให ้คนร ้ายลักเอา
ดังเชน
เครือ
่ งคอมพิวเตอร์ไปจานวน ๒๙ ตัว
เป็ นการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีโ่ ดยประมาทเลินเล่ออย่าง
ร ้ายแรง แต่โดยทีน
่ ักการ
ภารโรงมิได ้มีหน ้าที่
โดยตรงในการรักษาความปลอดภัย และหน่วยงานของ
รัฐก็มไิ ด ้จัดให ้มีเจ ้าหน ้าทีโ่ ดยตรงในการรักษาความ
ิ มูลค่าสูง แต่ได ้ให ้เจ ้าหน ้าที่
ปลอดภัยทัง้ ทีม
่ ท
ี รัพย์สน
ปฏิบต
ั ริ าชการตามปกติมาอยูเ่ วรโดยไม่มผ
ี ู ้ตรวจเวร และ
ไม่มรี ะเบียบ ข ้อบังคับหรือข ้อปฏิบต
ั เิ กีย
่ วกับการรักษาเวร
ยาม ดังนัน
้ เมือ
่ พิจารณาถึงระดับความร ้ายแรงแห่งการ
กระทาและความเป็ นธรรมในกรณีนี้ รวมทัง้ ความบกพร่อง
ของหน่วยงานของรัฐแล ้ว การให ้นักการภารโรงรับผิด
ิ ไหมทดแทนในอัตราร ้อยละ ๒๐ ของความ
ชดใชค่้ าสน
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. ๓๓๘ ๓๓๙/๒๕๔๙
นาย ก. ได ้รับมอบหมายให ้ทาหน ้าทีเ่ วร
รักษาการณ์ประตูเรือนจา ซงึ่ เป็ นภารกิจสาคัญทีไ่ ม่
อาจละทิง้ หน ้าทีไ่ ปปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีอ
่ ย่างอืน
่ ได ้ และ
ิ ค ้าอีกหน ้าที่
ได ้รับแต่งตัง้ เป็ นกรรมการตรวจรับสน
หนึง่ ไปพร ้อมกัน
แม ้ว่านาย ก.จะไม่ได ้ทักท ้วงขอให ้ผู ้บังคับบัญชา
ิ ค ้า
พิจารณาทบทวนคาสงั่ ทีใ่ ห ้ทาหน ้าทีต
่ รวจรับสน
ื่ ตรวจรับสน
ิ ค ้าโดย
ก็ตาม แต่การทีน
่ าย ก. ลงชอ
ิ ค ้าจริงเป็ นการกระทาโดยประมาท
ไม่ได ้ตรวจสน
เลินเล่ออย่างร ้ายแรง และต ้องรับผิดชดใชค่้ า
ิ ไหมทดแทน แต่ความเสย
ี หายสว่ นหนึง่ มี
สน
่ ยกให้ร ับผิดชดใช้คา
คาสังเรี
่ เสียหายทางละเมิด
ระเบียบสานั กนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยหลักเกณฑ์
การปฏิบต
ั เิ กีย
่ วกับ
ความรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙
ข ้อ ๑๗ กาหนดว่าเมือ
่ ผู ้แต่งตัง้ ได ้รับผลการ
พิจารณาของคณะกรรมการแล ้วให ้วินจ
ิ ฉั ยสงั่ การว่ามีผู ้รับ
ิ ไหมทดแทนหรือไม่ และเป็ นจานวนเท่าใด
ผิดชดใชค่้ าสน
แต่ยังมิต ้องแจ ้งการสงั่ การให ้ผู ้ทีเ่ กีย
่ วข ้องให ้ผู ้แต่งตัง้ สง่
สานวนภายในเจ็ดวันนั บแต่วันวินจ
ิ ฉั ยสงั่ การให ้
กระทรวงการคลังเพือ
่ ตรวจสอบ เว ้นแต่เป็ นเรือ
่ งที่
กระทรวงการคลังประกาศกาหนดว่าไม่ต ้องรายงานให ้
กระทรวงการคลังตรวจสอบให ้กระทรวงการคลังพิจารณา
ั ชา้ และให ้มีอานาจตรวจสอบพยานหลักฐานที่
โดยไม่ชก
เกีย
่ วข ้องในกรณีทเี่ ห็นสมควรจะให ้บุคคลใดสง่
พยานหลักฐาน หรือมาให ้ถ ้อยคาเพือ
่ ประกอบการ
้
ตารางแสดงขันตอนด
าเนิ นการตามพระราชบัญญัตค
ิ วามร ับผิดทางละเมิดของ
เจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
และระเบียบสานักนายกร ัฐมนตรีวา
่
่
ด้วยหลักเกณฑ ์การปฏิบต
ั เิ กียวกับความร
ับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.
๒๕๓๙
รายง
้
านหัวหน้าหน่ วยงานของรัฐ(แต่งตังคณะ
เกิดความเสียหาย
้ ้น)
กรรมการสอบข ้อเท็จจริงเบืองต
กรณี เห็นว่า ความเสียหายเกิดจากการกระทาของเจ ้าหน้าที่ ก็ให
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความร ับผิดทางละเมิด
ไม่ได ้ปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่ รับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย ์
คณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความร ับผิดทางละเมิด
ปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่
้ นิจฉัยสังการ
่
ผูแ้ ต่งตังวิ
มีผูร้ ับผิดหรือไม่
จงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
ประมาทเลินเล่อ
ไม่ต ้องรับผิด
่
ส่งสานวนการสอบสวนให ้กระทรวงการคลังภายใน ๗ วัน นับแต่วน
ั วินิจฉัยสังการ
จานวนเท่าใด
้ ดลงไม่นอ้ ยกว่า ๖ เดือน
ส่วนราชการต ้องพิจารณาให ้แล ้วเสร็จก่อนอายุความ ๒ ปี สินสุ
กระทรวงการคลั
คณะกรรมการพิ
ง
จารณาความรับผิดทางแพ่ง
่
้ ดลงไม่นอ้ ยก
ส่วนท ้องถินและร
ัฐวิสาหกิจต ้องพิจารณาให ้แล ้วเสร็จก่อนอายุความ ๒ ปี สินสุ
่
หน่ วยงานของร ัฐมีคาสังตามความเห็
นของกระทรวงการคลัง
่ รัฐวิสาหกิจ มีคาสังตามที
่
่ นว่าถูกต ้อง
หน่ วยงานของร ัฐประเภทราชการส่วนท ้องถิน
เห็
่
กรณี ปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่ ออกคาสังทางปกครอง
หน่ วยงานของรัฐ
ผูต้ ้องรับผิด
กรณี ไม่ใช่ปฏิบต
ั ห
ิ น้าที่ ฟ้ องคดีตอ
่ ศาล
ภายในอายุความ ๒ ปี
ผูต้ ้องร ับผิดไม่พอใจคาสัง่
ให ้ฟ้ องศาลปกครอง
่
บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรืองเสร็
จที่
๓๕๓ – ๓๕๔/๒๕๔๗
เมือ
่ เทศบาลเมืองสุราษฎร์ธานีได ้รับแจ ้งรายงานการ
สอบสวนของคณะกรรมการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทาง
ละเมิดจากผู ้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู ้ว่าราชการ
จังหวัดได ้สง่ สานวนให ้กระทรวงการคลังเพือ
่ ตรวจสอบตามข ้อ
๑๗ แห่งระเบียบสานักนายกรัฐมนตรี ว่าด ้วยหลักเกณฑ์การ
ปฏิบต
ั เิ กีย
่ วกับความรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙
เมือ
่ กระทรวงการคลังพิจารณาเสร็จแล ้ว ให ้ผู ้แต่งตัง้ มีคาสงั่ ตาม
ความเห็นของกระทรวงการคลังตามข ้อ ๑๘ แห่งระเบียบสานัก
นายกรัฐมนตรีดงั กล่าว หากกระทรวงการคลังยังไม่ได ้แจ ้งผล
การตรวจสอบให ้ทราบภายในกาหนดเวลา จึงยังไม่ถงึ ขัน
้ ตอนที่
นายกเทศมนตรีเมืองสุราษฎร์ธานีจะออกคาสงั่ เรียกให ้เจ ้าหน ้าที่
ชาระเงินตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทาง
้
ละเมิดของเจ ้าหน ้าทีฯ่ และไม่สามารถใชมาตรการบั
งคับทาง
ปกครองตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัตวิ ธิ ป
ี ฏิบต
ั ริ าชการ
ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ได ้ แต่ถ ้าเกรงว่าจะขาดอายุความใน
การฟ้ องคดี ก็ให ้เทศบาล
เมืองสุราษฎร์ธานีดาเนินการฟ้ องคดีภายในอายุความสองปี
่ องส่งให้
สานวนความเสียหายประเภทใดบ้างทีต้
กระทรวงการคลังตรวจสอบ
ี หายทีต
• สานวนความเสย
่ ้องสง่ ให ้กระทรวงการคลัง
ตรวจสอบมี
๕ ประเภท ได ้แก่
ิ
๑. ทุจริตทางการเงินหรือทรัพย์สน
๒. ไม่ปฏิบต
ั ต
ิ ามกฎหมายหรือระเบียบ
ิ สูญหาย
๓. คนร ้ายกระทาโจรกรรมหรือทรัพย์สน
๔. อาคารสถานทีถ
่ ก
ู เพลิงไหม ้ และ
ื กระทรวงการคลัง ที่ กค
๕. อุบต
ั เิ หตุ ตามทีห
่ นังสอ
๐๔๐๖.๗/ว ๕๖ ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๐ เรือ
่ ง
แนวทางการสอบข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด
ตามประเภทสานวนกาหนด
ิ ธิ
การแจ ้งมีผลเพียงให ้หน่วยงานทางปกครองมีสท
ออกคาสงั่
เรียกให ้ผู ้ฟ้ องคดี
ชาระเงินต่อไปเท่านัน
้
ิ ไหมทดแทนเป็ นคาสงั่ ทางปกครอง
• คาสงั่ เรียกให ้ชดใชค่้ าสน
•
•
•
•
•
•
•
•
๑. วัน เดือน ปี ทีท
่ าคาสงั่ ทางปกครอง
ื่ และตาแหน่งของเจ ้าหน ้าทีผ
๒. ชอ
่ ู ้ทาคาสงั่ พร ้อมทัง้ มีลายมือ
ื่ ของเจ ้าหน ้าทีผ
ชอ
่ ู ้ทาคาสงั่ นัน
้
ื ต ้องจัดให ้มีเหตุผล
๓. คาสงั่ ทางปกครองทีท
่ าเป็ นหนังสอ
ประกอบด ้วย
(๑.) ข ้อเท็จจริงเป็ นสาระสาคัญ
(๒.)ข ้อกฎหมายทีอ
่ ้างอิง
(๓.)ข ้อพิจารณาและข ้อสนับสนุนการใช ้
๔. คาสงั่ ทางปกครองทีไ่ ม่ได ้ออกโดยรัฐมนตรี และไม่ม ี
กฎหมายกาหนดขัน
้ ตอนอุทธรณ์ภายในฝ่ ายปกครองไว ้เป็ นการ
เฉพาะให ้คูก
่ รณีอท
ุ ธรณ์คาสงั่ ทางปกครองนัน
้ โดยยืน
่ ต่อ
เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้ทาคาสงั่ ทางปกครองภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันทีต
่ น
ได ้รับแจ ้งคาสงั่ ดังกล่าว
ิ ธิอท
๕. แจ ้งสท
ุ ธรณ์คาสงั่ ทางปกครอง
คาพิพากษาศาลปกครองสู งสุดที่ อ. ๑๐๓/
๒๕๕๓
• นาย ว. ปลัดสุขาภิบาลและผู ้ฟ้ องคดี สมุหบ
์ ญ
ั ชี
ื่ ในใบถอนเงินฝากของ
สุขาภิบาลได ้ร่วมกันลงลายมือชอ
ธนาคารจากบัญชเี งินฝากของสุขาภิบาลแล ้วมอบหมาย
ให ้นาย พ. เจ ้าหน ้าทีก
่ ารเงินและบัญช ี ๒ ไปเบิกเงินแทน
แต่ปรากฏว่านาย พ. ได ้แก ้ไขตัวเลขในใบถอนเงินแล ้ว
เบียดบังเอาเงินสว่ นทีเ่ กินหลบหนีไป
• ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล ้วการทีผ
่ ู ้ถูกฟ้ องคดีท ี่ ๑
่
ได ้ออกคาสังลงวั
นที่ ๑๕กรกฎาคม ๒๕๔๒ ให้ผูฟ
้ ้ องคดี
กับพวกรวม ๓ คน มาทาสัญญาร ับสภาพหนี ้ และได ้มี
ื เรียกให ้ผู ้ฟ้ องคดีมาทาหนังสอ
ื รับสภาพหนีต
หนังสอ
้ าม
ื ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ถือได ้ว่าเป็ นกรณีท ี่
หนังสอ
หัวหน ้าฝ่ ายบริหารของราชการสว่ นท ้องถิน
่ มีคาสงั่ ตามที่
เห็นสมควร แม ้ในตอนท ้ายจะระบุวา่ ให ้บุคคลผู ้ต ้องรับ
ั ญารับสภาพหนีก
ผิดมาทาสญ
้ ็ตาม แต่เมือ
่ พิจารณาถึง
เนือ
้ หาในคาสงั่ ดังกล่าวโดยตลอดแล ้วย่อมเข ้าใจได ้ว่า
เป็ นกรณีทผ
ี่ ู ้ถูกฟ้ องคดีท ี่ ๑ มีคาสงั่ เรียกให ้ผู ้ฟ้ องคดีชาระ
ั ญารับสภาพหนีน
• สว่ นการให ้ผู ้ฟ้ องคดีมาทาสญ
้ ัน
้ เป็ น
เพียงกรณีผู ้ถูกฟ้ องคดีท ี่ ๑ ผ่อนผันให ้ผู ้ฟ้ องคดีผอ
่ นชาระ
ั ญารับสภาพหนีไ
เงิน โดยผู ้ฟ้ องคดีต ้องทาสญ
้ ว ้เป็ น
หลักฐาน ดังนัน
้ เมือ
่ ผู ้ถูกฟ้ องคดีท ี่ ๑ มีอานาจออกคาสงั่
เทศบาลลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๒ และได ้ออกคาสงั่
ดังกล่าวภายในระยะเวลาสองปี นับแต่วน
ั ทีป
่ ระธาน
กรรมการสุขาภิบาลได ้วินจ
ิ ฉั ยสงั่ การให ้ผู ้ฟ้ องคดีรว่ มรับ
ื ลงวันที่ ๒๖พฤษภาคม ๒๕๔๑ อันถือได ้
ผิดตามหนังสอ
ว่าเป็ นวันทีห
่ น่วยงานของรัฐรู ้ถึงการละเมิดและรู ้ตัว
ิ ไหมทดแทน
เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้จะพึงต ้องใชค่้ าสน
ิ ธิเรียกร ้องค่า
จึงถือได ้ว่าผู ้ถูกฟ้ องคดีท ี่ ๑ ได ้ใชส้ ท
ิ ไหมทดแทนภายในกาหนดเวลาตามมาตรา ๑๐ วรรค
สน
สอง แห่งพระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิดของ
เจ ้าหน ้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ คาสงั่ เทศบาลลงวันที่ ๑๕
• พ.ร.บ. ความร ับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙
• มาตรา ๑๐ วรรคสอง
• ให ้มีกาหนดอายุความสองปี นับแต่วันที่
หน่วยงานของรัฐ
รู ้ถึงการละเมิด
ิ ไหม
และรู ้ตัวเจ ้าหน ้าที่ ผู ้จะพึงต ้องใชค่้ าสน
ทดแทน และกรณีทห
ี่ น่วยงานของรัฐ เห็นว่า
เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ ไม่ต ้องรับผิด
แต่
กระทรวงการคลังตรวจสอบแล ้วเห็นว่า ต ้องรับ
ิ ธิเรียกร ้องค่าสน
ิ ไหมทดแทนนัน
ผิด ให ้สท
้ มี
• ประเด็น เหตุเกิดตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ถึง พ.ศ.
ื แจ ้งให ้รับ
๒๕๓๗ แต่ผู ้ถูกฟ้ องคดี เพิง่ มีหนังสอ
ผิดเมือ
่ วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ซงึ่ ล่วงเลย
อายุความเกินกว่า ๑๐ ปี แล ้ว จึงนาคดีมาฟ้ องต่อ
ศาลปกครองขอให ้เพิกถอนคาสงั่ ของผู ้ถูกฟ้ อง
คดีดังกล่าว
• นาง อ. ยอมรับตามข ้อเท็จจริงทีป
่ รากฏว่า เป็ น
ผู ้ทาการแก ้ไขใบสาคัญแต่เพียงผู ้เดียว และ
ใบสาคัญในปี งบประมาณ ๒๕๓๖ ไม่ตรงตาม
็ ทีส
เชค
่ งั่ จ่ายไปแล ้ว และหาไม่พบ เป็ นเหตุให ้
เงินขาดบัญช ี
ประเด็นแรก ผู ้ชว่ ยผู ้อานวยการโรงเรียนและ
ผู ้อานวยการโรงเรียน กระทาละเมิดต่อสานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขัน
้ พืน
้ ฐานหรือไม่ ?
ศาลปกครองสูงสุดวินจ
ิ ฉั ยว่า ผู ้ชว่ ยผู ้อานวยการ
โรงเรียนเป็ นผู ้ได ้รับมอบหมายให ้กากับดูแลการทาบัญช ี
รวมถึงกากับดูแลและตรวจสอบความถูกต ้องของการทา
งบเดือนและผู ้อานวยการโรงเรียนมีหน ้าทีต
่ ามระเบียบการ
เบิกจ่ายเงินจากคลัง พ.ศ. ๒๕๒๐ ข ้อ ๖๘ ในการสง่ งบ
เดือนเป็ นประจาทุกเดือน แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่
ดาเนินการสง่ งบเดือนเป็ นเวลาหนึง่ ปี เศษจนกระทั่งสา
ั ท์มาทวงถาม ถือว่า
นั กงานการตรวจเงินแผ่นดินได ้โทรศพ
้
ไม่ได ้ใชความระมั
ดระวังในการปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีใ่ นฐานะ
ี หายแก่
ผู ้บังคับบัญชาอย่างเพียงพอทาให ้เกิดความเสย
ทางราชการ
จึงถือว่าผู ้ฟ้ องคดีทงั ้ สองทาละเมิดในวันเดียวกับนาง
อ. ซงึ่ เกิดขึน
้ ในปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๖
่
• ประเด็นทีสอง
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน
้
ิ ธิเรียกร ้องภายในอายุความเท่าใด ?
พืน
้ ฐานจะต ้องใชส้ ท
ศาลปกครองสูงสุดวินจ
ิ ฉั ยว่า คณะกรรมการการศกึ ษา
ิ ธิเรียกร ้องให ้ผู ้ฟ้ องคดีชาระค่า
ขัน
้ พืน
้ ฐานจะต ้องใชส้ ท
ิ ไหมทดแทนจากการทาละเมิดตามมาตรา ๑๒ แห่ง
สน
พระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
้ ส
พ.ศ. ๒๕๓๙ อย่างชาที
่ ด
ุ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๔๖
การทีผ
่ ู ้ถูกฟ้ องคดีมค
ี าสงั่ ให ้ ผู ้ฟ้ องคดีรับผิดชดใชค่้ า
ิ ไหมทดแทนวันที่
สน
๑๙ พฤษภาคม
๒๕๔๙ แม ้จะเป็ นการออกคาสงั่ ภายในหนึง่ ปี นับแต่วน
ั ที่
หน่วยงานของรัฐออกคาสงั่ ตามความเห็นของ
กระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง
แห่ง
พระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าที่
ิ ปี นับแต่วน
พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่ก็พ ้นเวลาสบ
ั ทีม
่ ี เหตุแห่งการ
ฟ้ องคดีหรือนับแต่วน
ั ละเมิด
ิ ธิเรียกร ้องค่าสน
ิ ไหมทดแทนสน
ิ้ สุดลงแล ้ว
จึงถือว่าสท
และ เป็ นการออกคาสงั่ โดยปราศจากอานาจ เนือ
่ งจาก
ขาดอายุความตามมาตรา ๔๔๘ วรรคหนึง่ แห่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงเป็ นคาสงั่ ทีไ่ ม่ชอบด ้วย
่
บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเรืองเสร็
จที่
๓๕๓ – ๓๕๔/๒๕๔๗
• ถือวันทีห
่ วั หน ้าหน่วยงานของรัฐซงึ่ เป็ นผู ้แทน
นิตบ
ิ ค
ุ คลรู ้ถึงการทาละเมิดและรู ้ตัวเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู้
ิ ไหมทดแทนเป็ นวันเริม
พึงจะต ้องใชค่้ าสน
่ นับ
อายุความ ซงึ่ หัวหน ้าหน่วยงานของรัฐอาจรู ้ได ้
สองทาง คือ
• ๑. รู ้ตามข ้อเท็จจริงทีป
่ รากฏ และ
• ๒. รู ้จากรายงานของคณะกรรมการการสอบ
ข ้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ทัง้ นี้ ตามนัย
ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ)
ซงึ่ ได ้เคยวินจ
ิ ฉั ยไว ้แล ้วในเรือ
่ งเสร็จที่ ๔๓๔/๒๕๔๔ และเรือ
่ ง
เสร็จที่ ๔๒๖/๒๕๔๖
่
• คาสังศาลปกครองสู
งสุดที่ ๑๕๗/๒๕๔๖
•
แม ้ผู ้กระทาละเมิดจะพ ้นจากตาแหน่ง
หน ้าที่ เพราะเกษี ยณอายุราชการไปแล ้ว
หน่วยงานของรัฐยังคงมีอานาจออกคาสงั่ เรียก
ิ ไหมทดแทนได ้ตามมาตรา
ให ้รับผิดชดใชค่้ าสน
๑๒ แห่งพระราชบัญญัตค
ิ วามรับผิดทางละเมิด
ของเจ ้าหน ้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙
่ ต
มาตรการทางปกครองกรณี เจ้าหน้าทีผู
้ อ
้ งร ับผิดทาง
ละเมิดชดใช้คา
่ สินไหมทดแทน
่
• คาสังศาลปกครองสู
งสุดที่ ร.๑๕๗/๒๕๔๖
• ในกรณีเจ ้าหน ้าทีก
่ ระทาละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐ
หน่วยงานของรัฐมีอานาจตามมาตรา ๑๒ แห่ง
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ ้าหน ้าทีฯ่ ออก
ี หาย
คาสงั่ ให ้เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้กระทาละเมิดชดใชค่้ าเสย
ภายในเวลาทีก
่ าหนดได ้ ซงึ่ มาตรา ๑๒ ดังกล่าว
เป็ นกรณีท ี่ “กฎหมายกาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน
่ ” เข ้า
ข ้อยกเว ้นของมาตรา ๕๕ แห่ง พ.ร.บ. วิธป
ี ฏิบต
ั ิ
ราชการทางปกครองฯ เมือ
่ เจ ้าหน ้าทีไ่ ม่ชาระเงิน
ตามคาสงั่ ดังกล่าว หน่วยงานของรัฐจึงมีอานาจใช ้
ิ
มาตรการบังคับทางปกครอง ยึดหรืออายัดทรัพย์สน
ของเจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้นัน
้ และขายทอดตลาดเพือ
่ ชาระค่า
ิ ไหมทดแทนให ้ครบถ ้วนได ้ตามมาตรา ๕๗ วรรค
สน
่
หลักเกณฑ ์การปฏิบต
ั เิ กียวกับการผ่
อนชาระหนี ้
ของเจ้าหน้าที่
• มาตรา ๑๓ “ให ้คณะรัฐมนตรีจัดให ้มีระเบียบ
เพือ
่ ให ้เจ ้าหน ้าทีซ
่ งึ่ ต ้องรับผิดตามมาตรา ๘
และมาตรา ๑๐ สามารถผ่อนชาระเงินทีจ
่ ะต ้อง
รับผิดนัน
้ ได ้โดยคานึงถึงรายได ้ ฐานะ ครอบครัว
และความรับผิดชอบ และพฤติการณ์แห่งกรณี
ประกอบด ้วย”
บันทึกสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
่
เรืองเสร็
จที่ ๖๑๘/๒๕๔๓
ิ ไหมทดแทนจะกระทาได ้ก็
• การผ่อนชาระค่าสน
ี หายแจ ้งคาสงั่
ต่อเมือ
่ หน่วยงานของรัฐทีเ่ สย
ตามความเห็นของกระทรวงการคลังให ้
เจ ้าหน ้าทีผ
่ ู ้กระทาละเมิดทราบแล ้ว ตามข ้อ ๑๘
ของระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วย
หลักเกณฑ์การปฏิบัตเิ กีย
่ วกับความรับผิดทาง
ละเมิดของเจ ้าหน ้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ แล ้ว การขอ
ิ ไหมทดแทน
ผ่อนชาระค่าสน
ไม่อาจ
ี หาย
กระทาได ้ก่อนทีห
่ น่วยงานของรัฐทีเ่ สย
จะแจ ้งคาสงั่ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
คาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.
๔๙-๕๐/๒๕๕๕
• ปี ๒๕๓๖ ผู ้ถูกฟ้ องคดี (สานักงานคณะกรรมการ
ึ ษาขัน
การศก
้ พืน
้ ฐาน) มีคาสงั่ ตามความเห็นของ
กระทรวงการคลังให ้ผู ้ชว่ ยผู ้อานวยการโรงเรียน (ผู ้ฟ้ อง
คดีท ี่ ๑)
และผู ้อานวยการโรงเรียน (ผู ้ฟ้ องคดี
ิ ไหมทดแทนเมือ
ที่ ๒) ชดใชค่้ าสน
่ ปี ๒๕๔๙
กรณี
ทีป
่ ล่อยปละละเลยมิได ้ควบคุมกากับดูแลให ้นาง อ.
เจ ้าหน ้าทีก
่ ารเงินปฏิบต
ั ห
ิ น ้าทีต
่ ามระเบียบ ทัง้ มิได ้
ิ เป็ น
ตรวจสอบ การปฏิบต
ั งิ านของนาง อ. อย่างใกล ้ชด
เหตุให ้นาง อ. กระทาการทุจริต โดยแก ้ไขใบสาคัญงบ
เดือน ในปี งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และ พ.ศ. ๒๕๓๕
้ นหลักฐานการจ่ายเงินในปี งบประมาณ
นามาใชเป็
พ.ศ. ๒๕๓๖ เพราะใบสาคัญในปี งบประมาณ พ.ศ.
็ ทีส
๒๕๓๖ ไม่ครบตามเชค
่ งั่ จ่ายไปแล ้ว เป็ นเหตุให ้ เงิน
ี านวน ๔๖๘,๕๑๗.๖๔ บาท พฤติการณ์ถอ
ขาดบัญชจ
ื ได ้