ดูงาน - ระบบงานศูนย์ข้อมูลและเครือข่าย

Download Report

Transcript ดูงาน - ระบบงานศูนย์ข้อมูลและเครือข่าย

โรคทีเ่ กิดจากความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ
โรคเบาหวาน
สาเหตุ

โรคเบาหวาน เป็ นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของต่อมที่ตับอ่ อน ซึ่งไม่
สามารถผลิตหรือหลั่งฮอร์โมนอิ นซูลินออกมา ให้มากเพียงพอที่จะใช้เปลี่ยน
น้าตาลที่ร่างรายได้รับจากอาหาร
จาพวกแป้ง ไขมัน และโปรตีนให้เกิดเป็ น
พลังงาน จึงมีผลทาให้ระดับน้าตาลใน
เลือดสูงมากกว่าปกติ น้าตาลส่วนเกินก็
จะถูกขับออกมาในปัสสาวะพร้อมกับน้า
ทาให้ปัสสาวะบ่อยจานวนมาก ปัสสาวะมี
รสหวาน เราจึงเรียกโรคนี้ว่า เบาหวาน
อาการ

1. กินจุ น้าหนักลด หิวน้าบ่อย ปัสสาวะมากและบ่อย คันตามผิวหนัง เป็ นแผลรักษา
ยาก หญิงทีแ่ ท้งบุตรง่าย ทารกตายในครรภ์ คลอดบุตรหัวโตน้าหนักเกิน 4,000
กรัม
2. วิธตี รวจเลือด เมือ่ ตรวจเลือดแล้วน้าตาลสูงกว่า 115 มิลลิกรัม ในเลือด
100 มิลเิ มตร (ผู จ้ ะตรวจเลือดควรงดอาหารทุกอย่างหลังเทีย่ งคืน)
การรักษา
1. ควบคุมระดับน้าตาลในเลือดให้อยู่ในระดับทีเ่ หมาะสมตลอดชีวติ คือประมาณ 140
มิลลิกรัม/เดซิลติ ร ซึง่ เป็ นระดับทีผ่ ู ป้ ่วยมีความเสีย่ งน้อยต่อการเกิดภาวะน้าตาลต่ าใน
เลือด แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบนั เราได้ใช้ค่าน้าตาลแบบฮีโมโกลบินเอวันซีในการประเมินผู ป้ ่วย
เบาหวาน ค่าฮีโมโกลบินเอวันซี ทีเ่ หมาะสมคือต่ากว่าร้อยละ 7
 2. ป้ องกันหรือชะลอโรคแทรกซ้อนทีเ่ กิดขึน้ (สมอง ใจ ไต ตา ชา แผล)
 3. เพิม่ คุณภาพชีวต
ิ ของผู ป้ ่วย คือให้มชี วี ติ อยู่ได้อย่างปกติสุขและมีคุณภาพ
 4. นอกจากนีเ้ รายังจาเป็ นต้องควบคุมระดับความดันโลหิต โดยระดับความดันโลหิตที่
เหมาะสม คือ น้อยกว่า 130/90 มิลลิเมตรปรอท และระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
อีกด้วย โดยดูจากระดับไขมัน ความหนาแน่นต่าต้องน้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลติ ร

โรคGIGANTISM
สาเหตุ

ในวัยเด็กได้รบั ฮอร์โมนชนิดหนึง่ ทีผ่ ลิตจากต่อมใต้สมอง ทีช่ อื่ Growth
Hormone (GH) มากเกินไป ซึง่ ฮอร์โมนนีจ้ ะทาหน้าทีส่ ร้างความเจริญเติบโต
ของร่างกาย เมือ่ ร่างกายมีการผลิต Growth Hormone (GH) มาก
จนเกินไป ก็ทาให้ร่างกายใหญ่โต โดยผู ป้ ่วยในส่วนมาก จะมีความสูงเกิน 200
เซนติเมตร (2 เมตร)
อาการ

โรค gigantism อาจเรียกอีก
อย่างหนึง่ ว่า ภาวะยักษ์ ทีเ่ รียกว่าภาวะ
ยักษ์ เพราะผู ป้ ่วยมีอาการ ตังสูงใหญ่
กว่าคนปกติ แต่สดั ส่วนของร่างกาย เท่า
เดิมทุกอย่าง มักจะเกิดตัง้ แต่เด็ก
การรักษา
1.รักษาด้วยยา มีทงั้ กินและฉีด ยากินคือ บรอมโมคริบตีน (Bromocriptine)
ทาให้กอ้ นเนือ้ งอกเล็กลง อาการต่างๆ ก็จะดีขน้ ึ ได้ผลประมาณร้อยละ 40 ส่วนยาฉีดต้องฉีด
ทุก 8 ชัว่ โมง และต้องฉีดต่อเนือ่ งระยะยาว
 2.รักษาโดยการผ่าตัดสมองผ่านทางช่ องจมูก ซึง่ มักจะทาหลังจากทีร่ กั ษาด้วยยา
แล้วไม่ได้ผล หรือมีปญั หาก้อนเนือ้ กดทับประสาทตา วิธนี ส้ ี ามารถทาได้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่
โรงพยาบาลทีเ่ ป็ นโรงเรียนแพทย์ หรือโรงพยาบาลเฉพาะทางคือ สถาบันประสาทวิทยา สังกัด
กรมการการแพทย์ วิธนี ไ้ ี ด้ผลดี โรคแทรกซ้อนต่า
 3.รักษาโดยการฉายรังสีเพือ่ ให้กอ้ นเนือ้ งอกยุบ ซึง่ กรณีของเด็กหญิงมาลีนนั้ มีทางรักษา
ได้ จะให้สถาบันประสาทวิทยาประสานงานกับสานักงานสาธารณสุขจังหวัดตราดต่อไป เพือ่
วางแผนรักษาร่ วมกัน

เคสตัวอย่าง

เคสตัวอย่างในเมืองไทย เด็กหญิงมาลี ดวงดี อายุ 16 ปี นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปี ท ี่
5 โรงเรียนบ้านปะเดา ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด เป็ นโรคทีเ่ รียกว่า ไจแกนติซมึ
(Gigantism) หรือเด็กร่างยักษ์ คือรูปร่างสูงใหญ่แต่สมส่วน โรคนี้พบได้นอ้ ย
มาก มีสาเหตุจากความผิดปกติของโกรท ฮอร์โมน (Growth hormone)
เธอมีอาการ รูปร่างสูงใหญ่ อาจสูงได้ถงึ 270 เซนติเมตร แต่หากเกิดตอนโตเต็มที่
แล้ว คือหลังอายุ 18 ปี จะทาให้กระดูกใบหน้า กระดูกนิว้ มือ นิว้ เท้า โตผิดปกติ ใบหน้า
เป็ นรูปสามเหลีย่ ม หน้าจัว่ จมูกใหญ่ กระดูกแก้มโหนก เรียกว่า อะโครเมกาลี่
(Acromegaly)
โรคคอพอกเป็ นพิษ
Toxic goiter / Hyperthyroidism / Graves’ disease
สาเหตุ




ปกติต่อมไทรอยด์จะสร้างฮอร์ โมนภายใต้การควบคุมของต่อมใต้สมอง กล่าวคือ ถ้าต่อมไทรอยด์ทางาน
ได้นอ้ ย ต่อมใต้สมองจะหลัง่ ฮอร์ โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ (TSH) ออกมากระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทางาน
มากขึน้ แต่ถา้ ต่อมไทรอยด์ทางานมากเกินไป ต่อมใต้สมองก็จะลดการหลัง่ ฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ ทา
ให้ต่อมไทรอยด์ทางานน้อยลง(สู่ระดับปกติ)
ในคนทีเ่ ป็ นโรคคอพอกเป็ นพิษ จะพบว่าต่อมไทรอยด์ทางานมากเกิน โดยอยู่นอกเหนือการควบคุมของ
ต่อมใต้สมอง ทาให้มกี ารหลัง่ ฮอร์ โมนไทรอยด์ (ไทร็อกซีน) ออกมาในกระแสเลือดเป็ นจานวนมาก ซึง่ จะไป
กระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ ของร่ างกายทางานมากผิดปกติ เกิดอาการไม่สบายต่าง ๆ
ส่วนสาเหตุทที่ าให้ต่อมไทรอยด์เสียสมดุลในการทางานนัน่ ยังไม่ทราบแน่นชัด
เชือ่ ว่าเกีย่ วข้องกับปฏิกริ ยิ าต้านตัวเอง หรือ ออโตอิมมูน (autoimmune) กล่าวคือมีการสร้าง
แอนติบอดีต่อต่อมไทรอยด์ มีชอื่ เรียกเฉพาะว่า โรคเกรฟส์ (Graves’disease)
โรคนีพ้ บว่ามีความสัมพันธ์ กบั ปัจจัยทางเพศ (ผู ห้ ญิงเป็ นมากกว่าผู ช้ าย) ทางกรรมพันธุ์ (พบมีญาติพ ี่
น้องเป็ นร่ วมด้วย) และความเครียดทางจิตใจ
อาการ







ผู ป้ ่ วยจะมีอาการเหนือ่ ยง่าย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มือสัน่ (โดยเฉพาะอย่างยิง่ เวลาทางานละเอียด เช่น เขียน
หนังสือ งานฝี มือ) ใจหวิวใจสัน่
มักจะมีความรู้สกึ ขีร้ ้อน คือ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน เหงือ่ ออกง่าย (ฝ่ ามือจะมีเหงือ่ ชุ่ม
ตลอดเวลา)
น้าหนักตัวจะลดลงรวดเร็ว โดยทีผ่ ู ป้ ่ วยกินได้ปกติ หรืออาจกินจุขน้ ึ กว่าเดิมด้วยซ้ า ทัง้ นีเ้ พราะร่างกายมีการ
เผาผลาญอาหารมาก
ผู ป้ ่ วยมักมีลกั ษณะอยู่ไม่สุข ชอบทาโน่นทานี่ บางทีดูเป็ นคนขีต้ นื่ หรือท่าทางหลุกหลิก หรืออาจมีอาการ
หงุดหงิด โมโหง่าย
บางรายอาจมีอาการถ่ายเหลวบ่อยคล้ายท้องเดิน หรืออาจมีอาการคลืน่ ไส้อาเจียน
บางรายอาจมีอาการกล้ามเนือ้ อ่อนแรง แขนขาไม่มแี รง กลืนลาบาก หรือมีภาวะอัมพาตครัง้ คราว จาก
โพแทสเซียมในเลือดต่ า
ผู ห้ ญิงบางรายอาจมีประจาเดือนน้อย หรือไม่สม่าเสมอ หรือขาดประจาเดือน
ลักษณะผู ท้ เี่ ป็ นโรคคอพอกเป็ นพิษ
การรักษา





การรักษามีได้หลายวิธีแพทย์จะพิจารณาจาก อายุ สภาพของผูป้ ่ วย ชนิดของคอพอกเป็ นพิษ
ความรุ นแรงของโรค การรักษามีได้ 3 วิธี คือ
การรับประทานยาเพื่อลดการสร้างฮอร์โมน เช่น PTU , Methimazole
การรับประทานน้ าแร่ radioactive iodine เมื่อผูป้ ่ วยรับประทานน้ าแร่ เข้าไป ต่อมธัยรอยด์ก็
จะรับ iodine ที่มีรังสี เข้าไป รังสี น้ ีจะทาลายเนื้อต่อมธัยรอยด์ แพทย์จะคานวณขนาดยาที่
เหมาะสม หากได้มากเกินไปจะเกิดภาวะต่อมธัยรอยด์ทางานน้อยจาเป็ นต้องได้รับยา
thyroid hormone ไปตลอดชีวิต แต่ถา้ หากได้รับน้ าแร่ นอ้ ยไปผูป้ ่ วยยังคงเกิดอาการของ
ต่อมธัยรอยด์เป็ นพิษแต่รุนแรงน้อยลง แพทย์จะนัดให้ยาอีกครั้ง
การผ่าตัด ปั จจุบนั การผ่าตัดมีความนิยมลดลงไปมาก โดยเลือกใช้กบั ผูป้ ่ วยบางราย เช่น เด็ก
วัยรุ่ น หรื อหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหากับยาที่รักษา หรื อผูท้ ี่มีต่อมโตมาก มีอาการทางตา
รุ นแรง หรื อมีกอ้ นในต่อม
ยาอื่น betablocker เช่น propanolol,atenolol,metoprolol เพื่อลดอาการของโรค
โรคขาดไทรอยด์
สาเหตุ
ภาวะทีต่ ่อมไทรอยด์สร้างฮอร์ โมนไทรอยด์ (thyroid hormone)ได้นอ้ ยกว่าปกติ ทาให้
ร่ างกายทุกส่วน (รวมทัง้ สมองและความคิด) ทางานเชือ่ งช้า เนือ่ งจากขาดฮอร์โมนตัวนีก้ ระตุ้นให้เกิดการเผา
ผลาญเป็ นพลังงานให้เซลล์และเนือ้ เยือ่ ต่างๆ ทางานได้ จึงเกิดอาการไม่สบายต่างๆ ขึน้
อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง และบางรายอาจเกิดขึน้ โดยไม่ทราบสาเหตุ (เชือ่ ว่าอาจเกีย่ วข้องกับปฏิกริ ยิ าภูม ิ
ต้านตนเอง)
ส่วนทีท่ ราบสาเหตุแน่ชดั ก็ได้แก่ ภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรคคอพอกเป็ นพิษ (จะโดยวิธใี ห้ยาต้าน
ไทรอยด์ กินสารกัมมันตรังสี หรือผ่าตัดก็เป็ นได้เหมือนๆ กัน) หรือเป็ นภาวะแทรกซ้อนของต่อมไทรอยด์อกั เสบ
เรื้อรัง
บางรายอาจเกิดจากผลข้างเคียงของการฉายรังสีรกั ษาโรคมะเร็ง (เช่น มะเร็งต่อมน้าเหลือง) ทีบ่ ริเวณ
คอ หรืออาจเกิดจากการใช้ยา เช่น ลิเทียม อะมิโอดาโรน (amiodarone) เป็ นต้น
บางรายอาจมีสาเหตุจากความผิดปกติของต่อมใต้สมองทีท่ าหน้าทีค่ วบคุมการทางานของต่อมไทรอยด์
เช่น โรคชีแฮน เนือ้ งอกต่อมใต้สมอง เนือ้ งอกสมอง เป็ นต้น
ในเด็กเล็ก อาจเกิดจากภาวะขาดไอโอดีนในมารดาระหว่างตัง้ ครรภ์หรือให้นมบุตร หรือต่อมไทรอยด์เจริญ
ไม่ได้เต็มที่ ซึง่ เป็ นมาแต่ กาเนิด
อาการ
ในผูใ้ หญ่ อาการจะค่อยๆ เกิดขึน้ ช้าๆ กินเวลาเป็ นแรมเดือน หรือแรมปี
 ผู ป้ ่ วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนือ่ ยง่าย เฉือ่ ยชา ทางานเชือ่ งช้า คิดช้า ขาดสมาธิ ความจาไม่ ด ี ปวดเมือ่ ยกล้ามเนือ้
กล้ามเนือ้ เป็ นตะคริว ลาไส้กม็ กั จะเคลือ่ นไหวช้า ทาให้มอี าการท้องผู กเป็ นประจา บางรายอาจมีอาการคอโต (คอพอก)
ร่วมด้วย
 เนือ่ งจากร่ างกายทางานเชือ่ งช้า มีการใช้พลังงานน้อย ผู ป้ ่ วยจึงมักมีรูปร่ างอ้วนขึน้ ทัง้ ๆ ทีก่ นิ ไม่มาก และจะรู้สกึ ขีห้ นาว
(รู้สกึ หนาวกว่าคนปกติ จึงชอบอากาศร้อนมากกว่าอากาศเย็น)
 อาจมีอาการเสียงแหบ หูตงึ ปวดชาปลายมือ เนือ่ งจากเส้นประสาทมือถูกพังผืดรัดแน่น ทัง้ นีเ้ นือ่ งจากมีสารมิวโคโพลีแซ็ก
คาไรด์สะสมทีก่ ล่องเสียง ประสาทหู และช่องทีเ่ ส้นประสาทมือผ่าน
 บางรายอาจไม่มค
ี วามรู้สกึ ทางเพศ
 ในผู ห้ ญิงอาจมีประจาเดือนออกมากหรือประจาเดือนไม่มา
 ถ้าเป็ นรุนแรง ผู ป้ ่ วยจะมีอาการซึมลงจนหมดสติ เรียกว่า Myxedma coma ซึง่ มักมีสาเหตุกระตุ้น เช่น ถูก
ความเย็นมากๆ ได้รบั บาดเจ็บ เป็ นโรคติดเชือ้ ใช้ยาแก้ปวดกลุม่ นาร์โคติก (narcotic) เป็ นต้น
อาการ (ต่อ)
ในทารกแรกเกิด จะมีอาการซึม หลับมาก ต้องคอยปลุกขึน้ ให้นม มักมีอาการเสียงแหบ ท้องผู กบ่อย และอาจมีอาการดี
ซ่านอยู่นานกว่าปกติ
 เมือ่ อายุมากขึน้ เด็กจะมีการเจริญเติบโตช้า ฟั นขึน้ ช้า ผิวหนังหยาบแห้ง ขีห้ นาว กินไม่เก่ ง เฉือ่ ยชา (ทาให้ดูคล้ายเลีย้ ง
ง่าย ไม่กวน)
 ถ้าไม่ได้รบั การรักษา เด็กจะมีรูปร่ างเตี้ยแคระ พุ งป่ อง สมองทึบ ปัญญาอ่อน หูหนวก เป็ นใบ้ เรียกว่า สภาพแคระ
โง่ (cretinism) หรือเด็กเครติน (cretin) ซึง่ ทางภาคเหนือเรียกว่าโรคเอ๋ อ*
การรักษา



โดยการให้เกลือไอโอดีนปรุงอาหาร ถ้าคอพอกโตมากอาจต้องใช้ยาหรือผ่าตัดออก หรือในรายคอพอกโต
ไปเบียดและกดหลอดลม หลอดอาหาร ทาให้กลืนลาบากหายใจไม่สะดวกก็ต้องรักษาโดยการผ่าตัด
การป้ องกัน
วิธกี ารทีใ่ ช้ในการป้ องกันโรคคอพอกโดยการเพิม่ ปริมาณไอโอดีนในอาหารให้เท่ากับระดับความต้องการ
ของร่ างกาย คือ 100 – 150 ไมโครกรัม ต่อวันสาหรับผู ใ้ หญ่การป้ องกันทีไ่ ด้ผลดี มีดงั นี้ คือ




การเติมเกลือไอโอไดด์ ไอโอเดตลงในเกลือแกงทีเ่ รียกว่า เกลือไอโอดีน หรือ เกลืออนามัย ซึง่ มีแพร่หลายทัว่ ไปใน
ปัจจุบนั
การรับประทานยาเม็ดทีม่ โี ปแทสเซียมไอโอไดด์ 10 มิลลิกรัม เป็ นระยะ ๆ สม่าเสมอ
การรับประทานอาหารทะเล
การป้ องกันทีส่ าคัญอีกทางหนึง่ ก็คอื ให้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ได้รบั ไอโอดีนเพียงพอกับความต้องการของ
ร่ างกาย เพือ่ ป้ องกันการคลอดลูกทีเ่ ป็ นครีตนี นิสซึม (Cretinism) หรือโรคเอ๋อ
โรคคุชชิง
Cushing’s syndrome
สาเหตุ
เกิดจากการมีฮอร์ โมนสเตอรอยด์ในเลือดสูงกว่าปกติ ส่วนใหญ่เป็ นผลมาจากการใช้ยาสเตอรอยด์
นานๆ เช่น การใช้ยานีร้ กั ษาผู ป้ ่วยเอสแอลอี ปวดข้อรูมาตอยด์ โรคไตเนโฟรติก เป็ นต้น หรือเกิดจากการกิน
ยาชุดหรือยาลูกกลอนทีเ่ ข้าสเตอรอยด์ตดิ ต่อกันนาน ๆ
ส่วนน้อยอาจเกิดจากต่อมหมวกไต* สร้างฮอร์ โมนสเตอรอยด์มากผิดปกติ ซึง่ อาจเป็ นเพราะมีเนือ้
งอกของต่อมหมวกไต หรือเนือ้ งอกของต่อมใต้สมอง (ซึง่ กระตุ้นให้ต่อมหมวกไตทางานมากเกินไป) หรือเนือ้
งอกของส่วนอืน่ ๆ (เช่น มะเร็งปอด รังไข่ ตับ หรือ ไต) ทีส่ ร้างฮอร์ โมนออกมากกระตุ้นให้ต่อมหมวกไต
ทางานมาก
โรคคุชชิงทีไ่ ม่ได้เกิดจากการใช้ยาสเตอรอยด์ เป็ นภาวะทีพ่ บได้นอ้ ยมาก และพบมากในผู ห้ ญิงวัยสาวถึง
วัยกลางคน แต่กอ็ าจพบในคนทุกเพศทุกวัยได้
โรคคุชชิง เป็ นกลุม่ อาการผิดปกติของร่ างกายทีเ่ กิดจากการมีฮอร์ โมนสเตอรอยด์ในเลือดสูงกว่า
ปกติ เป็ นโรคทีอ่ าจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้
อาการ






มักจะค่อย ๆ เกิดขึน้ ช้า ๆ เป็ นแรมเดือน ในระยะแรกจะพบว่าผู ป้ ่ วยหน้าอู มขึน้ จนหน้ากลมเป็ นวงพระจันทร์
และออกสีแดงเรือ่ ๆ มีกอ้ นไขมันเกิดขึน้ ทีต่ ้นคอด้านหลัง (อยู่ระหว่างไหล่ทงั้ สองข้าง) แลดูเป็ นหนอก ซึง่
ทางภาษาแพทย์ เรียกว่า อาการหนอกควาย (buffalo’s hump) รูปร่างอ้วน โดยจะอ้วนมาก
ตรงเอว (พุ งป่ อง) แต่เขนขากลับลีบเล็กลง ผู ป้ ่ วยจะรู้สกึ อ่อนเพลีย เหนือ่ ยง่าย และซึมเศร้า
ผิวหนังจะออกเป็ นลายสีคล้า ๆ ทีบ่ ริเวณสะโพก ผิวหนังบางและมีจ้าเขียวพรายย้าง่ายเวลาถูกกระทบ
กระแทก
มีสวิ ขึน้ และมีขนอ่อนขึน้ ทีห่ น้า (ถ้าพบในผู ห้ ญิงทาให้ดูว่าคล้ายมีหนวดขึน้ ) ลาตัวและแขนขา กระดูกอาจผุ
กร่ อน มักทาให้มอี าการปวดหลัง (เพราะกระดูกสันหลังผุ )
มีความดันโลหิตสูง หรือ มีอาการของเบาหวาน
ผู ห้ ญิงอาจมีเสียงแหบห้าว และมีขนมากแบบผู ช้ าย ประจาเดือนมักจะออกน้อยหรือไม่มาเลย
ผู ป้ ่ วยอาจไม่มคี วามรู้สกึ ทางเพศ อาจมีอารมณ์แปรปรวน หรือกลายเป็ นโรคจิต
ลักษณะของผู ท้ เี่ ป็ น
โรคคุชชิง
สิง่ ทีต่ รวจพบและอาการแทรกซ้อน
ผู ป้ ่วยมักมีรูปร่างอ้วน พุ งป่อง หน้าอู ม มีก้อนไขมันขึน้ ทีต่ ้นคอด้านหลัง หน้ามีสวิ หรือขน
อ่อนขึน้ ท้องลาย
 อาจมีภาวะแทรกซ้อนเนือ่ งจากความดันโลหิตสูง เช่น หัวใจวาย อัมพาตครึง่ ซีก โรคหัวใจ
ขาดเลือด
 อาจมีการติดเชือ้ ง่ายซึง่ จะพบบ่อยทีบ่ ริเวณผิวหนัง (เป็ นฝี พุ พองง่าย) และทางเดิน
ปัสสาวะ หรือเป็ นแผลหายยาก
 อาจทาให้เป็ นแผลในกระเพาะ กระดูกหักง่าย หรือเป็ นโรคจิต

การรักษา




แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุทพี่ บ ถ้าสาเหตุเกิดจากการใช้สารสเตียรอยด์มากเกิน แพทย์จะค่อยๆลดขนาดของสา
รสเตียรอยด์ลง โดยการให้ยาสเตียรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) แทนยาชุด ยาหม้อ ยาลูกกลอน ทีผ่ ู ป้ ่ วยเคยกิน แล้ว
ค่อยๆ ปรับลดลงทีละน้อย นัดมาตรวจดูระดับฮอร์โมนคอร์ตซิ อลในเลือดเป็ นระยะๆ จนแน่ใจว่าต่อมหมวกไตทีฝ่ ่ อตัว
(เนือ่ งจากสารสเตียรอยด์สงั เคราะห์ทกี่ นิ ขนาดมากเกินนัน้ กดไม่ให้ต่อมนีส้ ร้างฮอร์โมนคอร์ตซิ อลได้เอง) มีการฟื้ นตัว
และสามารถสร้างฮอร์โมนคอร์ตซิ อลได้เป็ นปกติ ก็จะหยุดยาสเตียรอยด์ในทีส่ ุด ซึง่ อาจต้องใช้เวลาปรับตัวนานเป็ นปี
ถ้าสาเหตุเกิดจากเนือ้ งอกของต่อมหมวกไตหรือต่อมใต้สมอง มักจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด หลังผ่าตัดหากพบว่า
ร่างกายสร้างฮอร์โมนสเตียรอยด์ไม่ได้ แพทย์จะให้ผูป้ ่วยกินยาสเตียรอยด์ทดแทนไปตลอดชีวติ
การดูแลตนเอง
ผู ท้ มี่ นี ้าหนักตัวขึน้ มากผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิง่ มีประวัตกิ นิ ยาชุด ยาหม้อ ยาลูกกลอน ติดต่อกันมานาน หรือมี
อาการทีน่ ่าสงสัยอืน่ ๆ (เช่น แขนขาลีบ เหนือ่ ยง่าย สิวขึน้ ขนอ่อนขึน้ ทีห่ น้า จ้าเขียว) ก็ควรไปปรึกษา แพทย์โดยเร็ว
ระหว่างรอไปพบแพทย์ ไม่ควรหยุดยาทีก่ นิ อยู่ทนั ทีทนั ใด อาจทาให้ร่างกายขาดฮอร์โมนสเตียรอยด์เป็ นอันตรายได้ เมือ่
ตรวจพบว่าเป็ นโรคคุชชิง่ ควรได้รบั การรักษาและปฏิบตั ติ ามคาแนะนาของแพทย์อย่างจริงจัง
โรคนีส้ ามารถป้ องกันได้โดยการหลีกเลีย่ งการใช้สารสเตียรอยด์ ในรูปของยาชุด ยาหม้อ และยาลูกกลอน หากมีอาการ
ของโรคปวดข้อ ปวดหลัง โรคหืด โรคภูมแิ พ้ หรือโรคเรื้อรังอืน่ ๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์ เพือ่ การรักษาทีถ่ ูกต้อง ไม่ควรใช้
ยาเองอย่างผิดๆ
ทีม่ า





http://doctor.or.th/article/detail/11223
http://aaclinic.com.a17.readyplanet.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=539250045
http://www.vibhavadi.com/web/health_detail.php?id=78
http://www.chaiwbi.com/2552student/ms5/d525102/wbi/525109/unit03/unit3_1007.html
http://aaclinic.com.a17.readyplanet.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=539250039
สมาชิกในกลุม่
กลุม่ ที่ 3
ชัน้ มัธยมศึกษาปี ท ี่ 5/2
 นายณัฐภัทร
จินดาประเสริฐ
เลขที่ 4ก
 นางสาวชาลิสา สวนศรี
เลขที่ 9ก
 นางสาวสิรริ ต
ั น์ นามลาด
เลขที่ 14ก
(ตรวจงาน)
(หาข้อมูล)
(ทา power point )