7.เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยความสุขสมบูรณ์ของสังคม
Download
Report
Transcript 7.เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยความสุขสมบูรณ์ของสังคม
เศรษฐศาสตร์ ว่าด้ วยความสุ ขสมบูรณ์ ของสั งคม
Fundamentals of Welfare
Economics
ผศ. ดร. จิตรกร โพธิ์งาม
1. ประสิ ทธิภาพของตลาด
มือทีม่ องไม่ เห็นของ อาดัม สมิธ
หลักการของ ปาเรโต
Pareto Principle
ประสิ ทธิภาพแบบ ปาเรโต (Pareto Efficiency)
และลัทธิปัจเจกชนนิยม (individualism)
หลักการพืน้ ฐานของ Welfare Economics
เค้ าโครงการบรรยาย
1. ประสิ ทธิภาพของตลาด
Market Efficiency
2. ความบกพร่ อง/ความล้ มเหลวของตลาด
Market Failure
3. ประสิ ทธิภาพและความยุติธรรม
Efficiency and Equity
2. ความบกพร่ องของตลาด (ความล้ มเหลว)
ระบบกรรมสิ ทธิ์
การแข่ งขันทีไ่ ม่ สมบูรณ์
สิ นค้ าสาธารณะ
ผลกระทบด้ านลบ (Externalities)
ตลาดทีไ่ ม่ สมบูรณ์
ข้ อมูลข่ าวสารทีไ่ ม่ สมบูรณ์
ปัญหาการว่ างงาน เงินเฟ้อ และเศรษฐกิจตกต่า
ความบกพร่ องของตลาด
และบทบาทของรัฐบาล
การเข้ าแทรกแซงทางเศรษฐกิจโดยรัฐบาล
2 แนวคิดเกีย่ วกับบทบาทของรัฐบาล
3. ประสิ ทธิภาพและความยุติธรรม
ประสิ ทธิภาพและการโยกย้ ายทรัพยากร/รายได้
การเลือกของสั งคม
Social Choices
การแก้ ไขปัญหา Trade – off ระหว่ างประสิ ทธิภาพและความยุติธรรม
:ภาคปฏิบตั ิ
ภารกิจของเศรษฐศาสตร์
ว่ าด้ วยความสุ ขสมบูรณ์ ของสั งคม
ระบบเศรษฐกิจในประเทศต่ างๆ ทัว่ โลก เป็ นระบบทีเ่ รียกว่ า
mixed economies มีท้งั ภาครัฐและภาคเอกชน ส่ วน
สาคัญของระบบ คือ ธุรกิจเอกชนทีแ่ สวงหากาไรสู งสุ ด กับ
ครัวเรือนประชาชนทีต่ ้ องการได้ ประโยชน์ จากการบริโภค
ทฤษฎีบอกเราว่ า มีการแข่ งขันกันเสรีและสมบูรณ์ แบบเป็ นระบบ ที่
มีประสิ ทธิภาพ รัฐบาลไม่ ต้องเข้ ามาแทรกแซงมากนัก
เศรษฐศาสตร์ (welfare Economics) ต้ องการชี้ให้
เราเห็นว่ า ระบบตลาด บางครั้งก็ทางานได้ ดี แต่ บางครั้ งก็มีปัญหา
(บกพร่ อง ล้มเหลว) ไม่ ก่อให้ เกิดประสิ ทธิภาพ
อะไรคือ ประสิ ทธิภาพ (efficiency) ?
Welfare Economics เป็ นสาขาสาคัญสาขาหนึ่งของหลัก
เศรษฐศาสตร์ ให้ ความสนใจแก่เรื่อง Normative Economics : ซึ่ง
เป็ นปัญหาเกีย่ วกับการจัดองค์ กรทางเศรษฐกิจ : อะไรควรทา อะไรไม่ ควรทา
ควรผลิตอะไร ?
ควรผลิตอย่ างไร เพือ
่ ใคร ?
ใครควรจะเป็ นผู้ตด
ั สิ นใจ ?
ภาครัฐหรือภาคเอกชน ควรดาเนินวิสาหกิจ ?
กระบวนการทางการเมืองเป็ นอย่ างไร สาหรับการตัดสิ นใจเพือ
่ ประโยชน์
สาธารณะ ?
ปัญหาทีห่ นักทีส่ ุ ด ทีร่ ัฐบาลต้ องเผชิญ คือ Trade – off การ
เลือกระหว่ าง : เพิม่ ประสิ ทธิภาพทางเศรษฐกิจ หรือ สร้ างความ
ยุตธิ รรมทางสั งคม (เช่ น เพิม่ ผลผลิต / รายได้
หรือ กระจายรายได้
ให้ เป็ นธรรมมากขึน้ ? Welfare Economics เสนอ
หลักเกณฑ์ อะไร
ในการแก้ไขปัญหานี้ ?
ประสิ ทธิภาพของตลาด
ปี 1776 อาดัม สมิธ เสนอตาราเศรษฐศาสตร์ สมัยใหม่
เล่มแรกของโลก “The Wealth of Nations”
ในตารานั้น มีข้อสรุ ปว่ า การแข่ งขันทางธุรกิจ จะทาให้
ปัจเจกบุคคลได้ รับประโยชน์ ส่วนตน (กาไร) ในขณะเดียวกัน
สั งคมก็ได้ ประโยชน์ ด้วย โดยผ่านกลไก “มือทีม่ องไม่ เห็น” ไม่
ต้ องพึง่ พาอาศัยกลไกรัฐ
ทุกวันนี้ นักเศรษฐศาสตร์ ทวั่ ไปคิดและเชื่อแบบอาดัม สมิธ
การแข่ งขันจะทาให้ เกิดประสิ ทธิภาพสู งขึน้ และกระตุ้นให้ มี
นวัตกรรม(Innovation)
แต่ กม็ ีหลายกรณี เราค้ นพบว่ ากลไกตลาด ทางานไม่ ค่อยดี
ไม่ สมบูรณ์ แบบ ก่ อให้ เกิดปัญหาหลายประการ
Pareto Efficiency
นักเศรษฐศาสตร์ พูดคานีบ้ ่ อยมาก เศรษฐกิจต้ องมี
ประสิ ทธิภาพ (Efficiency) คืออะไร ?
ส่ วนใหญ่ จะหมายถึง Pareto Efficiency
หมายความว่ า การจัดสรรทรัพยากรควรส่ งผลให้ คน
กลุ่มหนึ่งมีรายได้ (สถานภาพ) ดีขนึ้ โดยทีค่ นอีกกลุ่ม
หนึ่งไม่ ตกต่าลง
ตัวอย่าง : ถ้ ารัฐบาลตกลงจะสร้ างสะพาน ผู้ทใี่ ช้ สะพานก็จะได้
ประโยชน์ ในการใช้ เดิน/ขับรถ การสร้ างสะพานถือได้ ว่าเป็ น การ
ปรับปรุ งไปในทางทีด่ ขี นึ้ (Pareto improvement) ดู
เหมือนว่ า ไม่ มผี ้ ใู ดเสี ยประโยชน์ (หรือชีวติ ตกต่าลง)
แต่ ความ
เป็ นจริง เป็ นอีกอย่าง
เมือ่ เส้ นทางเปลีย่ น ธุรกิจก็ย่อมได้ รับผลกระทบเชิงลบเสี ยงรถยนต์ ดัง
มากขึน้ จราจรแออัด มลพิษหนาแน่ นขึน้ คุณภาพชีวิตตกตา่ ลง ใน
บริเวณทีม่ ีการก่อสร้ างสะพานข้ ามแม่ นา้
แบบนีไ้ ม่ เรียกว่ า มี pareto improvement
คนกลุ่ม
หนึ่งได้ รับประโยชน์ แต่ อกี หลายกลุ่มต้ องเดือดร้ อน
ไม่ สอดคล้อง
กับ Pareto Principle
ประสิ ทธิภาพแบบปาเรโต และ ปัจเจกชนนิยม
หลักการ ปาเรโต มีเนือ้ หาไปในทางปัจเจกชนนิยมมองแต่ ประโยชน์ ส่วนตน
ไม่ ได้ คานึงถึงประโยชน์ สุขของคนกลุ่มอืน่ ๆ ในสั งคม
เป็ นหลักการทีไ่ ม่ คานึงถึงเรื่อง “ความยุติธรรมของสั งคม”
ในสายตาของนักเศรษฐศาสตร์ กระแสหลัก ถ้ าโครงการใด
ให้
ประโยชน์ แก่คนรวย และคนจนไม่ เดือดร้ อน (ไม่ ได้ รับประโยชน์ ด้วย)
ก็คอื ว่ า โครงการนั้นใช้ ได้ เพราะคนจนไม่ ได้ ตกตา่ ลง ยังอยู่
เหมือนเดิม
แต่ บางทีเราต้ องมองว่ า คิดแบบนีท้ าให้ ช่องว่ างคนจน / คนรวย กว้ าง
มากขึน้ เป็ นสิ่ งที่ยอมรับไม่ ได้ อาจก่อให้ เกิดความตึงเครียด ในสั งคม
ในอนาคต
เราต้ องถามว่ า พัฒนาไปแล้ ว ทุกคนมีชีวติ ทีด่ ขี นึ้ จริงหรือ ?
นอกจากนั้น หลักการปาเรโต ยังสอดคล้องกับลัทธิบริโภคนิยม และ
อธิปไตยของผู้บริโภค สิ่ งสาคัญทีส่ ุ ดคือ การมองประโยชน์ สุขของ
ตนเอง ผู้บริโภคเท่ านั้นทีจ่ ะบอกได้ ว่า เขาต้ องการอะไร อะไรจะให้
ประโยชน์ สุขแก่ เขามากทีส่ ุ ด
หลักการพืน้ ฐานของ Welfare Economics
ข้ อ 1 : ถ้ าเศรษฐกิจมีการแข่ งขันสมบูรณ์ แบบถือได้ ว่า
เศรษฐกิจนั้นมีประสิ ทธิภาพ
ข้ อ 2 : ถ้ ามีการใช้ กลไกรัฐโยกย้ ายรายได้ /ทรัพย์สมบัติ จากบุคคล
หนึ่งไปสู่ อกี บุคคลหนึ่ง คนหลังจะมีฐานะดีขนึ้ คนแรกจะมีฐานะ
ลดลง ภายใต้ สถานการณ์ นี้ รัฐบาลควรปล่อยให้ กลไกคลาดทาหน้ าที่
อย่างเต็มทีต่ ่ อไป ประสิ ทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร
ก็จะ
เกิดขึน้ มาเองท่ ามกลางการแข่ งขัน
ความบกพร่ องของตลาด
ในทางทฤษฎี ตลาดมีบทบาททีส่ าคัญในระบบเศรษฐกิจของเราอย่ างมาก ภายใต้
เงือ่ นไขบางอย่ าง ตลาดทีม่ กี ารแข่ งขันสมบูรณ์ จะทาให้ เกิดเศรษฐกิจ ทีม่ ี
ประสิ ทธิภาพ แต่ ในโลกแห่ งความเป็ นจริง ตลาดไม่ ใช่ เป็ นสิ่ งทีส่ มบูรณ์ แบบ
บางทีตลาดผลิตบางอย่ างน้ อยไป เช่ น ยารักษาโรคมะเร็ง หรือโรคเอดส์ ใน
ขณะเดียวกันตลาดก็ผลิตบางอย่ างมากเกินไป เช่ น มลพิษทางนา้
และทาง
อากาศ ในระบบตลาดเสรี ผู้คนมากมายอาจมีชีวติ อยู่อย่ างทุกข์ ยากตลอดกาล
ระบบกรรมสิ ทธิ์
ระบบกรรมสิ ทธิ์ เป็ นตัวกาหนดสาคัญตัวหนึ่งทีจ่ ะบอกเราว่ า ตลาด
ทางานได้ ดแี ค่ ไหน บางครั้งเราพบว่ า ในระบบกรรมสิ ทธิ์ แบบเปิ ด
กว้ าง ทุ่งหญ้ าไม่ ได้ เป็ นของใคร ทุกคนเข้ าถึงและใช้ ได้ หมดไม่ มี
ข้ อบังคับควบคุมแต่ อย่ างใด เมือ่ เป็ นเช่ นนี้ ทุกคนก็จะใช้ ทุ่งหญ้ า
เลีย้ งสั ตว์ จานวนมากมากจนเกิดทรุ ดโทรม ทั้งทุ่งหญ้ า ทั้งสั ตว์
และคน (โศกนาฏกรรมบนทุ่งกว้ าง)
การแข่ งขันทีไ่ ม่ สมบูรณ์
ถ้ าจะให้ ตลาดทางานอย่างมีประสิ ทธิภาพ ก็ต้องมีการแข่ งขันสมบูรณ์ แบบ
มีธุรกิจมากมายแข่ งขันกัน ไม่ มใี ครมีอทิ ธิพลในการตั้งราคาสิ นค้ าบริการ
ทั้งสั งคมได้ รับประโยชน์ แต่ ในความจริงมีการผูกขาดหลายรู ปแบบ โดย
ธุรกิจซึ่งกาหนดราคาและปริมาณแบบผูกขาด ทาให้ ได้ กาไรมากมาย
ผู้บริโภคคือผู้สูญเสี ยรายใหญ่
สิ นค้ าสาธารณะ
สิ นค้ าบริการหลายประเภท ไม่ ได้ รับความสนใจ จากธุรกิจเอกชน
เพราะไม่ สร้ างกาไรให้ เพราะไม่ มีประโยชน์ จึงไม่ มีการผลิต ประเภท
นี้ ตัวอย่าง : ประภาคาร
ผลกระทบด้ านลบ (Externalities)
ในระบบตลาด ผู้ผลิตได้ ประโยชน์ จากการผลิต แต่ กป็ ล่ อยมลพิษ
สู่ อากาศ/แม่ นา้ สร้ างความเสี ยหายให้ แก่ทรัพยากร ระบบนิเวศ
ชุ มชน และสุ ขภาพ ผู้ผลิตไม่ ต้องจ่ ายค่ าชดใช้ อะไรเลย
เศรษฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม มีตวั อย่างมากมายเกีย่ วกับ
negative externalities หลายแบบ
ตลาดทีไ่ ม่ สมบูรณ์
บางครั้ง ตลาดไม่ สามารถจะผลิตหรือให้ บริการบางอย่ างได้
(ทั้งๆทีต่ ้ นทุนไม่ สูงเกินไปและมีผ้ ูต้องการซื้อจานวนมาก)
เช่ น การให้ ทุนการศึกษา การประกันการว่ างงาน การประกัน
พืชผล ทั้งนีเ้ ป็ นเพราะมีความเสี่ ยงสู งเกีย่ วกับการให้ บริการ
ดังกล่าว
ข้ อมูลข่ าวสารทีไ่ ม่ สมบูรณ์
ถ้ าเรามีข้อมูลข่ าวสารเพียงพอ ก็จะไม่ เกิดความผิดพลาดในการผลิต
หรือ การบริโภคสิ นค้ า/บริการ
ผู้บริโภค มักจะไม่ ค่อยมีข้อมูลข่ าวสาร ด้ วยเหตุนี้ เราจึงต้ องมี
FDA หรือ อย. หรือ สานักงานผู้คุ้มครองบริโภค
ข้ อมูลข่ าวสาร ในตัวเองก็เป็ นสิ นค้ าสาธารณะ แปลว่ า ทุกคนสามารถ
เข้ าถึงและใช้ ประโยชน์ ได้
ปัญหาเศรษฐกิจตกตา่
อาการทีเ่ ห็นชัดเจนทีส่ ุ ด เกีย่ วกับข้ อบกพร่ องของตลาด คือ
ปรากฏการณ์ เกีย่ วกับวิกฤตเศรษฐกิจ เช่ น การว่ างงานอัตราสู ง เงิน
เฟ้อรุ นแรง เศรษฐกิจตกตา่ ทั้งหมดบ่ งว่ า ในระบบตลาด มีบาง
สิ่ งบางอย่างทางานไม่ ค่อยดี
บทบาทของรัฐบาล
แนวคิด paternalism บอกว่ า ปัจเจกบุคคลมักไม่ ค่อยรู้ ว่า
ทาแบบไหนจึงจะเกิดประโยชน์ สุขแก่ ตนเอง รัฐจะเข้ ามารับ
บทบาท เป็ นผู้ปกป้ องคุ้มครอง ให้ ข้อมูลข่ าวสารและออกมาตรการ
หลายอย่าง เพือ่ ผลประโยชน์ ของประชาชน
แนวคิด Libertarianism : รัฐไม่ ควรเข้ าไปยุ่งเกีย่ วกับ
การตัดสิ นใจของปัจเจกชน ควรจะยอมรับและรับรองความ
เห็นชอบของพวกเขา ถ้ ารัฐเข้ ามายุ่ง กลุ่มผลประโยชน์ อาจจะ
ครอบงารัฐ และใช้ รัฐเป็ นเครื่องมือ ในการชักจูงประชาชน
การวิเคราะห์ ของเราชี้ว่า รัฐต้ องเข้ าแทรกแซงควบคุม
(regulation) ถ้ าระบบตลาด มีข้อบกพร่ อง
ล้ มเหลวเพือ่ ประโยชน์ สุขของมหาชน
และ
แม้ ระบบตลาดจะมีประสิ ทธิภาพ รัฐก็ต้องเข้ าแทรกแซง เพราะว่ า
ตลาดและการแข่ งขัน จัดสรรทรัพยากร/รายได้ อย่างมี
ประสิ ทธิภาพ แต่ ไม่ คานึงถึงความเหลือ่ มลา้ ระหว่ าง กลุ่มชน การ
จัดสรรมักให้ ประโยชน์ แก่ คนรวย มีฐานะดีอยู่แล้ ว รัฐจึงต้ องเข้ ามา
เกีย่ วข้ องเพือ่ โยกย้ ายรายได้ จากคนรวยไปสู่ คนจน
ประสิ ทธิภาพและความยุตธิ รรม
1.
2.
3.
เกีย่ วกับปัญหาความขัดแย้ งระหว่ าง 2 เป้ าหมายหลักของสั งคม เรามี 3 คาถามใหญ่ ๆ ที่
จะต้ องหาคาตอบ :
ถ้ าเราค้ นพบว่ า หลังการจัดสรรทรัพยากรกลุ่มหนึ่ง มีความสุ ขสมบูรณ์ (Welfare)
เพิม่ ขึน้ แต่ อกี กลุ่มหนึ่งต้ องตกต่าลง เราจะทาอย่ างไร ?
นักเศรษฐศาสตร์ คดิ อย่ างไร เกีย่ วกับ trade – offs ของ 2 เป้ าหมาย ? เขามี
วิธีวดั กันอย่ างไร
เพือ่ ใช้ ได้ ในภาคปฏิบตั ิ รัฐบาลจะประยุกต์ หลักทฤษฎีให้ เป็ นประโยชน์ ในการตัดสิ นใจได้
อย่ างไร ?
ประสิ ทธิภาพ
และการโยกย้ ายทรัพยากร/รายได้
ระบบตลาดเสรี อาจมีประสิ ทธิภาพ แต่ ปัญหาคือ ไม่ มคี วามยุตธิ รรมใน
การจัดสรรทรัพยากร หน้ าที่หลักของรัฐบาล คือ ต้ องดาเนินการเพือ่
โยกย้ายทรัพยากร/รายได้
นโยบายและโครงการของรัฐ ต้ องได้ รับการประเมินว่ า มีความเป็ นธรรม
ไหม มีประสิ ทธิภาพไหม ในเวลาเดียวกัน welfare
Economics จะเป็ นเครื่องมือสาคัญในการประเมินดุลภาพ
ดังกล่าว
ตัวอย่ าง
:
กลุ่มคน A
มีทรัพยากร 100 หน่ วย
กลุ่มคน B
มีเพียง 20 หน่ วย
มีความไม่ เท่ าเทียมกันชัดเจน
รัฐเข้ ามาแทรกแซง โดยโยกย้ าย 40 หน่ วย จาก A ไปให้ B A จึงเหลือ 60
หน่ วย
แต่ ในกระบวนการโยกย้ าย 10 หน่ วย ได้ สูญหายไป B จึงได้ รับเพียง 30
หน่ วย รวมเป็ น 50 หน่ วย
มาตรการของรัฐ สามารถลดช่ องว่ างได้ แต่ ทรัพยากรหายไป 10 A + B =
เหลือเพียง 110 หน่ วย แบบนี้ เรียกว่ า ประสิ ทธิภาพลดลงความยุติธรรมมีมากขึน้
นักวางนโยบาย ต้ องถามว่ า เพือ่ ให้ สังคมเป็ นธรรมมากขึน้ เราจะต้ องยอมลด
ประสิ ทธิภาพลงแค่ ไหน ?
ทุกวันนี้ ยังมีการถกเถียงกันอยู่ ฝ่ ายหนึ่งบอกว่ าความยุติธรรมสาคัญทีส่ ุ ด
ประสิ ทธิภาพลดลงก็ต้องยอมรับ อีกฝ่ ายหนึ่งบอกว่ า ประสิ ทธิภาพเป็ นเรื่องทีต่ ้ อง
รักษาไว้ วิธีแก้ ไขทีแ่ ท้ จริง ไม่ ใช่ อยู่ทกี่ ารโยกย้ าย แต่ อยู่ทกี่ ารเพิม่ ทรัพยากรให้ มาก
ขึน้
การเลือกของสั งคม
นักเศรษฐศาสตร์ ให้ คาแนะนาว่ า เราต้ องค้ นหาดูว่าการโยกย้ าย
ทรัพยากร จากกลุ่ม A ไปสู่ กลุ่ม B ทาได้ กแี่ บบ แบบไหน ให้
ประโยชน์ สุขสู งสุ ดแก่ สังคม เราก็เลือกแบบนั้น
หลักการปาเรโต บอกเราว่ า เราควรเลือก การจัดสรรทรัพยากรใน
แบบที่ คนบางกลุ่มได้ รับประโยชน์ สุขมากขึน้ โดยทีค่ น อีก
หลายกลุ่มอยู่คงที่ หรือไม่ ตกตา่ ลง
หลักการนีห้ มายความว่ า ถ้ าอรรถประโยชน์ ของบางคนเพิม่ ขึน้ และ
อรรถประโยชน์ ของคนอืน่ ๆ ไม่ ลดลง ก็แปลว่ า ความสุ ขสมบูรณ์ ของ
สั งคมทั้งหมดเพิม่ ขึน้
แต่ เราอย่าลืมว่ า เราวิเคราะห์ แล้วว่ า การเลือกไม่ ว่าจะแบบไหน ย่อม
เกิด trade – offs : คนหนึ่งดีขนึ้ แต่ คนอืน่ ตกต่าลง
หลักการปาเรโต จึงไม่ ค่อยเหมาะสม
หลักการที่แน่ นอนกว่ า คือการใช้ social welfare
function เป็ นพืน้ ฐาน SWF เป็ นเครื่องมือทีน่ ักเศรษฐศาสตร์
ใช้ เพือ่ ชี้ให้ เห็นว่ า สั งคมเรามีทที ่ าและจุดยืนอย่ างไรเกีย่ วกับการโยกย้าย
ทรัพยากรและการสร้ างความสุ ขสมบูรณ์ (welfare) (ดูรูป)
ถ้ าสั งคมมีความวิตกเกีย่ วกับเรื่องความยากจนและความไม่ เท่ าเทียมกัน สั งคม
ก็จะไม่ สนใจเท่ าใดนักว่ ากลุ่มทีร่ ่ารวย จะต้ องสู ญเสี ยเท่ าใด
ในการ
โยกย้ายรายได้ ไปให้ คนยากจน
ถ้ าสั งคมเป็ นห่ วงเรื่องประสิ ทธิภาพมากกว่ า ก็จะไม่ สนใจว่ าคนจนจะอยู่กนั
อย่ างไร สนใจอย่ างเดียวว่ าประโยชน์ สุขต้ องเป็ นของคนรวย
และควร
ส่ งเสริมให้ เพิม่ รายได้ ส่วนรวมของสั งคม
การแก้ ไขปัญหา Trade – off
ระหว่ างประสิ ทธิภาพและความยุตธิ รรม
ในภาคปฏิบตั ิ เราอาจมีแนวทางแก้ ไขปัญหา trade – off ดังนี้ :
- ประเมินดูว่า หลักการจัดสรรทรัพยากร (ในโครงการใดๆก็ตาม) มี pareto
improvement เกิดขึน้ หรือเปล่ า ?
- บางคนบอกว่ า ถ้ าประโยชน์ มมี ากกว่ าต้ นทุนและบางกลุ่มได้ รับประโยชน์ กค็ วรดาเนิน
โครงการได้
- แต่ บางคนวิจารณ์ ว่า ต้ องคานึงผู้ทเี่ ดือดร้ อนและผู้ทสี่ ู ญเสี ยประโยชน์ ด้วย
ได้ รับค่ าชดเชย
โดยให้
อย่ างไรก็ตาม ค่ าชดเชยไม่ ได้ ช่วยกอบกู้สถานภาพและความเป็ นอยู่ที่ตกต่า
ลงเท่ าใดนัก เพราะฉะนั้นจะต้ องมีแนวทาง อีก 2 แนวมาเสริมด้ วย :
มีการวัดค่ าของความไม่ เท่ าเทียมกัน เพือ่ ตอบว่ า การเพิม่ ประสิ ทธิภาพ
คุ้มค่ าต่ อการเพิม่ ความไม่ เท่ าเทียมกันไหม ?
ต้ องดูว่า ใครเป็ นผู้ได้ รับประโยชน์ สุข ใครคือผู้สูญเสี ย คนจน คนรวย หรือ
คนชั้นกลาง ? เราจะให้ ความสาคัญแก่ กลุ่มไหน ?
ศึกษาเอกสารเพิม่ เติม
เรื่อง : The Political Philosophy of
Redistributing Income โดย : N. GREGORY
MANKIW