อ.วิชัย รูปขำดี 29 สค.56 เช้า

Download Report

Transcript อ.วิชัย รูปขำดี 29 สค.56 เช้า

หลักสูตร
“วิทยากรเพือ
่ ขับเคลือ
่ นการพัฒนาตามแนวพระราชดาริ
และปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” (วพร.) รุน
่ ที่ ๒
วันที่ ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๕๖
ห ัวข้อวิชา
การข ับเคลือ
่ นการพ ัฒนาตามแนวพระราชดาริ
และปร ัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ั รูปขาดี
โดย ดร. วิชย
สถาบ ันบ ัณฑิตพ ัฒนบริหารศาสตร์
สามบทบาทในการข ับเคลือ
่ นการพ ัฒนาตาม
แนวพระราชดาริและปร ัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
บทบาท
หล ักสูตร
การอบรม
๑. บริหารการข ับเคลือ
่ น
นบร.
่ เสริมสน ับสนุนการข ับเคลือ
๒. สง
่ น
พพร.
ั ันธ์
๓. เผยแพร่ ประชาสมพ
วพร.
ถ่ายทอด ปฏิบ ัติจริงเป็น
ต ัวอย่าง เชงิ วิชาการและ
ปฏิบ ัติการให้เห็นจริง
ว ัตถุประสงค์ของหล ักสูตร วพร.
๑. เพือ
่ ให้ผเู ้ ข้าร ับการอบรมมีความรูค
้ วามเข้าใจในการพ ฒ
ั นา
ตามแนวพระราชดาริและปร ัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใน
ล ักษณะองค์รวม
๒. เพือ
่ พ ัฒนาความรูแ
้ ละท ก
ั ษะในการก าหนดหล ก
ั สูต ร การ
เป็ นวิท ยากร และการน าเสนอ โดยผ่ า นกระบวนการ
แลกเปลีย
่ นเรียนรูร้ ะหว่างก ัน
๓. เพือ
่ เสริมสร้างแรงจูงใจให้แก่ผท
ู้ ป
ี่ ฏิบ ัติหน้าทีเ่ ผยแพร่และ
ขยายผลการพ ัฒนาตามแนวพระราชดาริและปร ัชญาของ
ั
เศรษฐกิจพอเพียง โดยสร้างโอกาสในการพ ัฒนาศกยภาพ
ั ันธ์ระหว่างผูป
และความสมพ
้ ฏิบ ัติงานด้วยก ัน
๔. เพือ
่ เสริมสร้างเครือ ข่ายวิท ยากรเพือ
่ ข ับเคลือ
่ นและขยาย
ผลการพ ฒ
ั นาตามแนวพระราชด าริแ ล ะปร ช
ั ญาขอ ง
เศรษฐกิจพอเพียง
๕. เ พื่ อ ส า ม า ร ถ อ ธิ บ า ย ค ว า ม ส า ค ั ญ ข อ ง ส ถ า บ ั น
ั
พระมหากษ ัตริยต
์ อ
่ สงคมไทย
บทบาทวิทยากรเศรษฐกิจพอเพียง
ึ ษาค้น คว้า ท าความเข้า ใจ ทดลอง ปฏิบ ต
ิ่ ทีเ่ ป็ น
๑. ศ ก
ั ิ ในส ง
องค์ความรูด
้ า้ นการพ ัฒนาตามแนวพระราชดาริ
ึ ษาแนวคิด หล ก
๒. ศ ก
ั การ ว ต
ั ถุ ป ระสงค์ กระบวนการ และ
วิธก
ี ารพ ัฒนาตามปร ัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ั ันธ์ระหว่าง ๑ และ ๒
๓. ทาความเข้าใจความสมพ
ึ ษายุท ธศาสตร์ข อง กปร. ยุท ธศาสตร์ศูน ย์ศ ก
ึ ษา และ
๔. ศ ก
ยุทธศาสตร์จ ังหว ัดและหน่วยงานทีเ่ กีย
่ วข้องก ับ ๑ และ ๒
ึ ษากรณี ต วั อย่า งการน าเศรษฐกิจ พอเพีย งไปประยุก ต์
๕. ศ ก
กบ
ั บุ ค คล กลุ่ ม ครอบคร วั องค์ก ร ชุ ม ชน ส งั คม และ
ประเทศ
๖. ออกแบบการอบรม/บรรยายในประเด็ น ต่า งๆ แยกตาม
กลุม
่ เป้าหมาย โอกาส และสถานการณ์
๗. ประเมินผลความสนใจและผลล ัพธ์ของผูฟ
้ ง
ั /กลุม
่ เป้าหมาย
การพ ฒ
ั นาตามแนวพระราชด าริแ ละปร ัชญา
ของเศรษฐกิจ พอเพีย ง ในฐานะเป็ นนวั ต กรรม
การพัฒนาในปั จจุบันและอนาคต
ความหมายของนว ัตกรรม (Innovation)
หมายถึง สงิ่ ประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ เครือ
่ งมือ
แนวความคิด หรือวิธก
ี าร ทีส
่ ร ้างขึน
้ ใหม่ หรือ
้ างแพร่หลาย
เป็ นของเดิมแต่ยังไม่ได ้นามาใชอย่
Innovation มาจากคาว่า innovare = to renew
ประเภท
๑. นวัตกรรมเทคโนโลยี
(Technological innovation)
๒. นวัตกรรมสงั คม
(Social innovation)
ธรรมชาติของมนุษย์ ปัจจ ัยแวดล้อม และนว ัตกรรม
ธรรมชาติมนุษย์
นว ัตกรรม
๑. จินตนาการ (imagine)
๒. ความอยูร่ อด/มน
่ ั คงปลอดภ ัย
การแก้ปั ญ หาการด ารงช ีพ
(survivor)
๓. ความสะดวกสบายใน
ชวี ต
ิ ประจาว ัน
(convenience)
๔. การจูงใจในระบบทุนนิยมเสรี
(individualism)
ฯลฯ
ปัจจ ัยแวดล้อม
๑. การเปลี่ย นแปลง , พ ฒ
ั นา,
เ ท ค โ น โ ล ยี , ส ิ่ ง ป ร ะ ดิ ษ ฐ ์ ,
ิ ธิบ ัตร
สท
้ า่ ย
๒. อรรถประโยชน์, ค่าใชจ
ั อ
้ น, มโนภาพ, การ
๓. ความซบซ
แบ่งกลุม
่
๔. ความสอดคล้อง
๕. การร ับไปใช ้ (Adoption)
๖. การกระทาร่วม
ฯลฯ
6
ิ ธิบ ัตร (Patents)
ั ันธ์ระหว่าง สท
ความสมพ
สงิ่ ประดิษฐ ์ (Inventions) และ นว ัตกรรม (Innovations)
สงิ่ ประดิษฐ ์
Inventions
ิ ธิบ ัตร
สท
Patents
สงิ่ ประดิษฐ ์
ิ ธิบ ัตรรุน
ทีจ
่ ดสท
่ เก่า
ิ ธิบ ัตร
บางสว่ นหมดอายุสท
สงิ่ ประดิษฐร์ น
ุ่ เก่า
สงิ่ ประดิษฐ ์
ิ ธิบ ัตร
ทีจ
่ ดสท
อยูใ่ นระหว่างเผยแพร่
สงิ่ ประดิษฐร์ น
ุ่ ใหม่
ทีอ
่ ยูร่ ะหว่างเผยแพร่
(โฆษณา)
7
ล ักษณะการก่อเกิดของนว ัตกรรม
เกิดจาก :
๑. การวิจ ัย (Research)
๒. การค้นพบ (Discovery)
๓. การสร้างสงิ่ ประดิษฐ ์ (Invention)
๔. การแก้ปญ
ั หา (Problem solving)
๕. การพ ัฒนา (Development)
8
รูปแบบการก่อเกิดนว ัตกรรม
๑. เกิดโดยธรรมชาติ (Fundamental in nature)
๒. การปร ับปรุงจากของเดิม (Improvement)
้ (Plan to occur)
๓. วางแผนสร้างขึน
9
่ งเวลาเปลีย
ชว
่ นผ่านของสงิ่ ประดิษฐ ์และนว ัตกรรม
% ของผูใ้ ช ้
๑๐๐
๕
๗๕
๓
๕๐
๒๕
๔ ๑
๐
๒
เวลา
สร้าง
เผยแพร่
นาไปใช ้
หมดความนิยม
เกิด
นว ัตกรรม
10
อืน
่ แทน
กระบวนการร ับนว ัตกรรมไปใช ้
(Innovation adoption process)
๕
๔
๓
๒
๑
ร ับไปใช ้ (adoption)
ทาการทดลอง (trial)
มีการประเมิน (evaluation)
มีความสนใจ (interest)
เกิดความตระหน ัก (awareness)
การสร้างและเผยแพร่นว ัตกรรมอย่างใดอย่างหนึง่ แล้ว
11
ั
กระบวนการแพร่กระจายนว ัตกรรมสงคม
(Social innovation diffusion process)
๒. ผูร้ ับนว ัตกรรม
(Adopters)
ั
๖. โครงสร้างทางสงคม
๘. ผูน
้ าการเปลีย
่ นแปลง
(Change agents)
๑. นว ัตกรรม
ั
สงคม
(Social
่ งทางสอ
ื่ สาร
๕. ชอ
(Communication
Channels)
่ งเวลา
๔. ชว
(Timing)
innovation)
๓. การยอมร ับ
(Acceptance)
๙. องค์การนว ัตกรรม
(Innovative org.)
๑๐. ผูน
้ าทางท ัศนะ
(Opinion leaders)
๗. ว ัฒนธรรม ๑๑. เครือข่ายการแพร่กระจายนว ัตกรรม
(Culture)
(Diffusion network)
- กลุม
่
- องค์การ
- ชุมชน
ั
- สงคม,
ประเทศ
- ภูมภ
ิ าค
ระด ับการ
ิ สว่ นทีเ่ หลือ
๑๒. สมาชก
(Rest of the group, org., community, social members)
นาไปใช ้
12
ปัจจ ัยความนิยม ๒ ชุด
มิตต
ิ ัวบุคคล
มิตช
ิ ุมชน
innovation
แพร่เร็ว
แพร่เร็ว
้ าก
ใชม
้ อ
ใชน
้ ย
ก้าวหน้า
ล้าหล ัง
แพร่ชา้
แพร่ชา้
้ าก
ใชม
้ อ
ใชน
้ ย
Laggard
13
บทบาทของผูแ
้ ทน
การเปลีย
่ นแปลง
กระบวนการร ับ
นว ัตกรรมไปใช ้
บทบาท
๔. น ักข ับเคลือ
่ น
(Stimulator)
๕. ร ับไปใช ้
๔. ทาการทดลอง
๓. น ักยุทธศาสตร์
(Strategist)
๓. มีการประเมิน
๒. น ักวิเคราะห์
(Diagnostician)
๒. มีความสนใจ
ั
๑. น ักสงเกตการณ์
(Observer)
เวลา
๑. เกิดความตระหน ัก
14
ปัจจ ัยของความสาเร็จในต ัวนว ัตกรรม
(Factors influencing innovativeness)
งานวิจ ัยของ Spence, ๑๙๙๔ พบ ๖ ต ัวแปร
๑. ต ัวแปรสว่ นบุคคล
้ ฐานด้านอารมณ์
๒. ต ัวแปรพืน
ึ ขณะนน
ความรูส
้ ก
ั้
(Predispositional variables)
Antecedent
factors
๓. ต ัวแปรจากสถานการณ์
้ น
๔. ต ัวแปรแทรกซอ
๕. ต ัวแปรเชงิ พฤติกรรม
๖. ต ัวแปรจากผลล ัพธ์การใช ้
นว ัตกรรม (Outcome
variables)
Process
factors
Result
factors
15
หน่วยงานระด ับชาติทเี่ กีย
่ วข้องก ับนว ัตกรรมไทย
๑. สนง. คณะ กก. วิจ ัยแห่งชาติ (วช.)
๒. สนง. พ ัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สว.ทช.)
กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
๓. สนง. นว ัตกรรมแห่งชาตื (สนช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
ความเป็นมา : วิกฤตเศรษฐกิจ ๒๕๔๐
-
๔ สค. ๒๕๔๑ ครม. ต งั้ คณะ กก. บริห ารกองทุ น พ ฒ
ั นา
นว ัตกรรม ๑๐๐ ล้านบาท
-
ิ
๔ สค. ๒๕๔๖ ตงั้ สนช. เหตุผลหล ักคือ เพือ
่ การแข่ง ข ันเช ง
ศก. (WB เผยไทยนาเข้านว ัตกรรมปี ละ ๑.๕ แสนล้านบาท)
16
แบบฝึ กคิด : นว ัตกรรมทีส
่ าเร็จ-ล้มเหลว
๑. ยกต ัวอย่างนโยบายของร ัฐทีผ
่ า
่ นมา
๒. ยกต ัวอย่างกีฬาในการแข่งข ันระด ับนานาชาติ
ั
๓. ยกต ัวอย่างการจ ัดสว ัสดิการสงคม
ึ ษา/อบรม
๔. ยกต ัวอย่างนว ัตกรรมทางการศก
๕. นึกถึงโครงการพิเศษทีจ
่ ะทา
17
เมือ
่ เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นความรูใ้ นสาขาการพ ัฒนา
ความรูเ้ รือ
่ งการบริหารการพ ัฒนา
มีองค์ประกอบสาค ัญ
อะไรบ้าง?
๓ องค์ประกอบของวิชา
การบริหารการพ ัฒนา
่ นที่ ๑
สว
เป้าหมาย
ของการพ ัฒนา
(Development
as a goal)
่ นที่ ๒
สว
กระบวนการพ ัฒนา
(Development
as a process)
่ นที่ ๓
สว
เทคนิค
และวิธก
ี ารพ ัฒนา
(Development
as techniques
and methods)
ื่ ทว่ ั ไป
คาอธิบายในสอ
๓ ห่วง
พอประมาณ
มีเหตุผล
มีภม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ัน
ในตน
๒ เงือ
่ นไข
ความรู ้
คุณธรรม
นาไปสู่
สมดุล / มน
่ ั คง / ยง่ ั ยืน
๓ องค์ประกอบของวิชา
การบริหารการพ ัฒนา
่ นที่ ๑
สว
เป้าหมาย
ของการพ ัฒนา
(Development
as a goal)
?
่ นที่ ๒
สว
กระบวนการพ ัฒนา
(Development
as a process)
?
่ นที่ ๓
สว
เทคนิค
และวิธก
ี ารพ ัฒนา
(Development
as techniques
and methods)
?
๑.พอประมาณ ๒.มีเหตุผล ๓.มีภูมคุม
้ ก ันในตน ๕.
ความรู ้ ๖.คุณธรรม
เป้ าหมา
ยการ
พัฒนา
กระบวน
การพัฒ
นา
1.พอประมาณ
1.สมดุล
2.มีเหตุผล
3.มี
่
2.มันคง
ภู มค
ิ ม
ุ ้ กัน
่
ในตนทีดี
4.ความรู ้
่ น
3.ยังยื
5.
คุณธรรม
เทคนิ ดวิธก
ี าร
พัฒนา
(หลักการทรงงานของใน
1.ระเบิดจากข้างใน
หลวง) 2.ทาให้งา่ ย
3.ทาตามลาด ับขนตอน
ั้
(พระมหาชนก)
6.มองอย่างเป็นองค์รวม
8.ประโยชน์สว่ นรวม
(พระมหาชนก)
4.ทาจากเล็กๆ
ึ ษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ
5.ศก
7.ประโยชน์สง
ู สุด
9.การมีสว่ นร่วม
10.บริการทีจ
่ ด
ุ เดียว
11.ไม่ตด
ิ ตารา
12.สอดคล้องก ับภูมศ
ิ าสตร์
13. สอดคล้องก ับภูมน
ิ เิ วศ
ั
14. สอดคล้องก ับภูมส
ิ งคม
15.อธรรมปราบอธรรม
่ ยธรรมชาติ
16.ธรรมชาติชว
17.ขาดทุนคือกาไร
18.พึง่ ตนเอง
19.ทางานอย่างมีความสุข
20.รูร้ ักสาม ัคคี
22.ความจริงใจต่อก ัน
21.ความเพียร
(พระมหาชนก)
23.ผลิตได้เอง
้
ความเข้าใจพืนฐานปร ัชญา
เศรษฐกิจพอเพียง
คนไทยส่วนใหญ่
เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียง
แบบตาบอดคลาช้าง
“ท่านคลาอยู ่ส่วนไหน
ของช้าง?”
สาระสาค ัญทีแ
่ ตกต่างก ันระหว่าง
เศรษฐกิจแบบทุนนิยม
เศรษฐกิจพอเพียง
๑.เป้าหมาย
Growth (GDP)
๑.สมดุล
๒.มน
่ ั คง
๓.ยง่ ั ยืน
๒.กระบวนการ
1.Investment intensive
2.Mass Production
3.Mass Consumption
4.Competability
Etc.
๑.พอประมาณ ๔.เงือ
่ นไขความรู ้
๒.มีเหตุผล
๕.เงือ
่ นไขคุณธรรม
๓.มีภม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ัน
ในตนทีด
่ ี
๓.เทคนิค วิธก
ี าร
(มีเทคนิควิธก
ี ารจานวนมาก
้ ันตามยุคสม ัย)
ตามทีน
่ ย
ิ มใชก
(ประยุกต์จากหล ักการทรงงาน
ทีม
่ จ
ี านวนมาก)
หล ักปร ัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
พอประมาณ
มีเหตุผล
มีภม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ัน
ในตน
ความรู ้ คุณธรรม
้ ฐานปร ัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ความเข้าใจพืน
๑.สมดุล /๒. มน
่ ั คง /๓. ยง่ ั ยืน
๑.พอประมาณ
๒.มีเหตุผล ๓.มีภม
ู ค
ิ ม
ุ ้ ก ัน
ในตน
๔.ความรู ้ ๕.คุณธรรม
หล ักการทรงงานของในหลวง
ตัวอย่างการจัดระดับทฤษฎี และ
ความสัมพันธ ์
Level of theory
Grand
Theory
ทฤษฎีกระแสหลัก
Main Stream
ทฤษฎีกระแสรอง
Alternatives
่
ทฤษฎีโครงสร ้าง-หน้าทีทฤษฎี
ความขัดแย้ง
Functional-Structural School
Conflict School
Middle
range
Theory
-Growth Theory
-Underdevelopment T
-Modernization Theory-Dependency Theory
- etc.
- etc.
Micro
Theory
-Law of Demand and-Surplus
Supply Value The
- etc.
- etc.
Comparison of Development Theories and
Sufficiency Economy Thought
Component
1.Ideology
Modernization
Theory
Liberal/Capitalism
2.Assumption
Efficiency of growth
2.1 End aspect
2.2 Means
aspect
Dependency
Theory
Sufficiency
Economy
Socialism
Moralism
Distribution of
growth
Quality of growth
Competitiveness
Independent
- Moderation
(Individual – based
value)
(Community based value)
- Reasonableness
- Self-immunity
- Knowledge
- Moral
3. Unit of
analysis
4. Level of
postulation
5. Social reality
Functional social
system
Conflicting social
system
Eco-geographic
social system
High and complex
Rather high and
simple
High and holistic
Positivism
Specific Dialectic
Multi-Dynamism
Perspective
ความสาเร็จสู งสุดด้านการพัฒนา
UNDP Human Development Livetime Achievement Award
รางว ัลทีส
่ หประชาชาติ (โดย UNDP) ทูลเกล้าถวาย
้ ฐานปร ัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ความเข้าใจพืน
รางวัลความสาเร็จสู งสุดด้านการพัฒนามนุ ษย ์
UNDP Human Development Lifetime Achievement
Award
ระปรีชาสามารถในการเป็ นนักคิดของใช้ฝ่าละอองธุลพ
ี ร
่ งยื
่ น ทาให้นานาประเทศตืนตัวใ
่
ณู ปการต่อการพัฒนาทียั
่ นภายใต้แนวคิดใหม่ดว้ ย
ปร ับรู ปแบบการพัฒนาอย่างยังยื
่ ตอ
หากรุณาธิคณ
ุ ของใต้ฝ่าละอองธุลพ
ี ระบาททีมี
่ ประชาร
่ ถึ
้ งแนว
ด้พระราชทานปร ัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึงชี
่ นความสมดุล ความพอประมาณ ความมีเหต
พัฒนาทีเน้
่ พอทีจะต้
่
นึ กในคุณธรรม และการมีภูมค
ิ ม
ุ ้ กันในต ัวทีดี
านท
่
างๆจากกระแสโลกาภ
ลดผลกระทบจากการเปลียนแปลงต่
ชญาด ังกล่าวนี ้ องค ์การสหประชาชาติจงึ มุ่งเน้นเพียรพ
ละส่งเสริมการพัฒนาคนให้ความสาคัญต่อความอยู ่ดม
ี ส
ี
ของประชาชนเป็ นเป้ าหมายศูนย ์กลางในการพัฒนา
้
ความเข้าใจพืนฐานปร
ัชญาเศรษฐกิจ
าเร็จสู งสุดด้านการพัฒนามนุ ษย ์
พอเพีรางวัลความส
ยง
UNDP Human Development Lifetime
Achievement Award
As a visionary thinker,
Your Majesty has played an invaluable role
in shaping the global development dialogue
Majesty’s“Sufficiency Economy”philosophy-emphas
moderation, responsible consumption, and resilience
external shocks-is of great relevance worldwide duri
these times of rapid globalization.
It reinforces the United Nation’s efforts
to promote a people-centred
and sustainable path of development.
ว่าด้วยเรือ
่ งทาเนียบขาว
คอลัมน์ แกะรอยต่างแดน โดย ศรีสกุล ลีลาพีระพันธุ ์
[email protected]
ว่าด้วยเรือ
่ งทาเนียบขาว
ทาเนียบประธานาธิบดีสหรัฐ หรือทีเ่ รียกกันติดปากว่า "ทาเนียบขาว"
ตัง้ อยูใ่ นกรุงวอชงิ ตัน ดี.ซ.ี สหรัฐอเมริกา บนเนือ
้ ทีท
่ ัง้ หมดกว่า 72,000 ตารางเมตร
ถูกสร ้างขึน
้ ตัง้ แต่ปี ค.ศ.1792 และสร ้างเสร็จในปี ค.ศ.1800 ตัวอาคารทีแ
่ สนจะใหญ่โต
ั ้ มีทงั ้ หมด 132 ห ้องนอน 35 ห ้องน้ า
ของทาเนียบขาวนัน
้ สูง 6 ชน
มีประตูทงั ้ หมด 412 ประตู, 147 หน ้าต่าง 28 เตาผิง, 8 บันได และลิฟต์ 3 ตัว
ั ของครอบครัวหมายเลข 1
มีหวั หน ้าพ่อครัวประจาอยู่ 5 คน แน่นอนว่า เมือ
่ เป็ นทีพ
่ ักอาศย
ของสหรัฐ ย่อมมีรอ
่ งรอยของการอยูก
่ ารกินของท่านผู ้นากับครอบครัวอย่างแน่นอน
่ ท่านประธานาธิบดีรช
ั ผู ้ชน
ื่ ชอบการโยนโบว์ลงิ่ ก็สร ้างเลน
อย่างเชน
ิ าร์ด นิกสน
โยนโบว์ลงิ่ ขึน
้ หรือท่านจิมมี คาร์เตอร์ ผู ้รักษ์สงิ่ แวดล ้อม ก็ตด
ิ ตัง้ แผงโซลาร์เซลล์
ไว ้บนหลังคาเมือ
่ ปี ค.ศ.1979 ก่อนทีโ่ รนัลด์ เรแกน จะถอดมันออกในปี ค.ศ.1986
หรือลูว่ งิ่ ระยะทาง 4 กิโลเมตรทีส
่ ร ้างขึน
้ สมัยบิล คลินตันเป็ นประธานาธิบดีเมือ
่ ปี ค.ศ.1993
แต่เมือ
่ ไม่ได ้รับการดูแลอย่างต่อเนือ
่ งก็ถก
ู ปูเป็ นถนนในปี ค.ศ.2008 ตอนนี้ ถึงคิวของ
ครอบครัวโอบามา ทีแ
่ รกเริม
่ ก็มก
ี ารนาชุดบ ้านไม ้ของเล่นมาตัง้ ไว ้เพือ
่ ให ้ลูกสาว
้ น
ของโอบามาได ้เล่นกัน ในขณะทีส
่ ตรีหมายเลข 1 อย่างมิเชล โอบามา ขอใชพื
้ ที่
ราว 100 ตารางเมตร เพือ
่ ไว ้ใชส้ าหรับการปลูกผักสวนครัว 55 ชนิด ไว ้สาหรับนามา
ปรุงอาหารกินกันในทาเนียบขาวสว่ นท่านบารัค โอบามา เองนัน
้ มีแผนทีจ
่ ะปรับ
สนามเทนนิสทีส
่ ร ้างขึน
้ ในสมัยของเทดดี้ รูสเวลต์ เมือ
่ ปี ค.ศ. 1903 ให ้กลายเป็ น
สนามบาสเกตบอลเมือ
่ บ ้านหลังนีต
้ ้องอยูก
่ น
ั อีกนาน ก็ต ้องปรับให ้เข ้ากับความต ้องการ
ั กันหน่อย !!
ของผู ้อยูอ
่ าศย
คอลัมน์ แกะรอยต่างแดน ..หนังสือพิมพ ์มติชน ฉบับวันที ่ 3
สตรีหมายเลขหนึง่ ของสหร ัฐอเมริกา
ปลูกผ ักสวนคร ัวกินเองในทาเนียบขาว
หนังสือพิมพ ์คมช ัดลึก ฉบับวันที ่ 21 มี.ค
สตรีหมายเลขหนึง่ ของสหร ัฐอเมริกา
ปลูกผ ักสวนคร ัวกินเองในทาเนียบขาว
เด็กนักเรียน ๒๖ คน จากโรงเรียนประถมแบรน ครอฟต์ พากันชว่ ยมิเชล โอบามา
ภริยาของประธานาธิบดีบารัก โอบามาเตรียมแปลงผักสาหรับทาสวนครัวและพืชสมุนไพร
ในทาเนียบขาวกันอย่างขะมักเขม ้นในวันแรกของฤดูใบไม ้ผลิเมือ
่ วานนี้ ก่อนจะมี
การลงเมล็ดผักในเดือนหน ้าสาหรับผักทีจ
่ ะนามาลงแปลงบนพืน
้ ที่ ๑,๑๐๐ ตารางฟุต
ซงึ่ อยูใ่ นบริเวณใกล ้น้ าพุฝั่ง เซาท์ ลอว์น ของทาเนียบขาวประกอบไปด ้วย ผักขม
บร็อคโคลิ ผักสลัด กะหลา่ ปลี คะน ้า สมุนไพรนานาชนิดรวมทัง้ บลูเบอรี่ แบล็กเบอรี่
และราสเบอรีด
่ ้วยหลังจากนัน
้ พวกเด็กๆจะเป็ นคนชว่ ยเก็บเกีย
่ ว และเอาผักมาทาอาหารที่
ห ้องครัวของทาเนียบขาวนางโอบามาบอกว่า ครอบครัวของเธอคุยกันเกีย
่ วกับเรือ
่ ง
การปลูกผักสวนครัวกันตัง้ แต่ย ้ายมาอยูท
่ ท
ี่ าเนียบขาวเมือ
่ เดือนมกราคม เธอบอกด ้วยว่า
วัตถุประสงค์ของการทาสวนครัวในทำเนี ยบขำวก็เพือ
่ ต ้องการให ้แน่ใจว่าครอบครัวของเธ
รวมทัง้ เจ ้าหน ้าทีแ
่ ละ แขกผู ้มาเยือนทาเนียบขาว จะได ้รับประทานผักและผลไม ้สด ๆ
ซงึ่ คาดว่าจะสามารถเก็บเกีย
่ วผลผลิตจากสวนครัวครัง้ แรกได ้ในเดือนเมษายน
ซงึ่ สว่ นหนึง่ จะถูกนาไปประกอบอาหารสาหรับครอบครัวประธานาธิบดี และเจ ้าหน ้าที่
ในทาเนียบขาวงานนีน
้ างโอบามาได ้ทางานร่วมกับเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน
และเมือ
่ เสร็จงาน พวกเด็ก ๆ ก็ได ้มีโอกาสร่วมปิ คนิคทีส
่ วนในทาเนียบขาว
โดยมีขนมและน้ าผลไม ้เลีย
้ ง
หนังสือพิมพ ์คมช ัดลึก ฉบับวันที ่ 21
เศรษฐกิจพอเพียงใน
ร่ ัฐธรรมนู ญ พ.ศ.๒๕๕๐
ส่วนที ๓ แนวนโยบายด้านการบริหาร
ราชการแผ่นดิน
มาตรา ๗๘ ร ัฐต้องดาเนิ นการตาม
แนวนโยบายด้านการบริหารแผ่นดิน
ดังต่อไปนี ้
(๑) บริหารราชการแผ่นดินให้เป็ นไป
่
เพือการพั
ฒนาสังคม เศรษฐกิจ และความ
่
่ น โดยต้อง
มันคง
ของประเทศอย่างยังยื
เศรษฐกิจพอเพียงใน
ร ัฐธรรมนู ญ พ.ศ.2550
หมวด ๕แนวนโยบาย
้
พืนฐานแห่งร ัฐ
สว่ นที่ ๗ แนวนโยบาย
ด ้านเศรษฐกิจ
มาตรา ๘๓ ร ัฐต้อง
๑. นบร.
นักบริหารการพัฒนาตามแนวพระราชดาริ
๒. พพร.
การพัฒนาองค์ความรู ้และเสริมสร ้าง
เครือข่ายการพัฒนาตามแนวพระราชดาริ ฯ
๓. วพร.
วิทยากรเพือ
่ ขับเคลือ
่ นการพัฒนาตามแนว
พระราชดาริ ฯ
่ 1
เริม
่ รุน
พ.ศ.2555
รุน
่ 2
พ.ศ.2556
รุน
่ 3
พ.ศ………..
โครงการฝึ กอบรม
หลักสูตร “การพัฒนาองค์ความรู ้และเสริมสร ้างเครือข่าย ฯ” (พพร.) รุน
่ ที่ 2
ว ัตถุประสงค์
เพือ
่ ประโยชน์ในการข ับเคลือ
่ น
แล
การพ ัฒนาตามแนว ะ
พระราชดาริ
•
•
•
•
•
•
ดิน
นา้
ป่าไม้
ทร ัพยากรธรรมชาติ
สงิ่ แวดล้อม
คุณภาพชวี ต
ิ
ฯลฯ
ปร ัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง
•
•
•
•
้ บ้าน
แนวคิดพืน
เป้าประสงค์
กระบวนการ
วิทยาการ
ฯลฯ
เหตุผลความจาเป็นของหล ักสูตร
พพร.
สากล
- จากคาบรรยายพิเศษขององคมนตรีอาพล
(เมือ
่ 11 ก.ค.56)
- ความสาคัญทีฝ
่ รั่งและโลกยกย่องมากมาย ex. UN
ฯลฯ
ไทย
- คนไทยกลับรู ้น ้อย สนใจน ้อย มองข ้าม
- รัฐบาลไทย : เอาจริงเพียงใด เข ้าใจเพียงใด
ทาตรงกันข ้าม?
- ภาครัฐ : เลือกแนวทางใด
- ภาคเอกชน : เลือกเป้ าหมายอะไร
ว ัตถุประสงค์ของหล ักสูตร
•
•
•
•
๑. พัฒนาความรู ้ ความเข ้าใจ ทบทวน แลกเปลีย
่ น
๒. สร ้างและพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู ้เพือ
่ ขับเคลือ
่ นฯ
๓. สนับสนุนยุทธศาสตร์และแผนแม่บทของ กปร.และศูนย์ฯ
๔. เพือ
่ เทิดทูนและพิทก
ั ษ์ สถาบันพระมหากษั ตริย ์
 ๑. ได ้รับความรู ้ ประสบการณ์เพิม
่ แล ้วนาไปประยุกต์ให ้สอดคล ้อง
กับนโยบาย/แผน
 ๒. พัฒนาองค์ความรู ้อย่างเป็ นระบบ (KM)
 ๓. ขับเคลือ
่ นยุทธศาสตร์ กปร. และแผนแม่บทของศูนย์ฯ ต่างๆ
สองค่ายแนวคิดแนวทางการ
พั
ฒ
นา
1950 (2493) Mahalanobis :
Economic
Growth
1957 (2500) Bellah :
Togukawa Reigion
1963 (2506) Lipset :
Economic Dev.
Ethic,
Individualism)
1964 (2507) Inkeless :
Modern Men
Mc.Celand : Nachievement
Motivation
1964 Cardoso : Associateddependent
Dev. In Brozil
1967 Frank : Dev. Of
Underdevelopment
1970 Bodenheimer : The
Structure of
Dependency
สองค่ายแนวคิดแนวทางการพัฒนา
(ต่อ)
1976 (2519) Huntington :
Transformative
Process
1978 (2521) Hermassi :
Systematic
Process
Immanent Process
1986 (2529) Tipps :
Westernization
Process
1976 Armin : Transitional to
Peripheral
Capitalism
1978 O”Donnell : The
Bureaucraticauthoritarian State in
America
1979 Landsberg :
Manufacturing
Imperialism in East Asia
1983 Evans : The Triple
Alliance in Brazil
in the 1980s
1986 Gold : Dynamic
ต ัวอย่างแนวคิด ทฤษฎีพ ัฒนาทีป
่ ระยุกต์แนวคิดทุนนิยม
1.Wealth of the Nations
2.Growth Theory
3.Balanced Growth
4.Unbalanced Growth
5.Stages of Development
6.Modernization
7.World System
่ น
Friedman ความเป็นโยงใย (Web) ระหว่างสว
ต่างๆของโลก (Global) ในเชงิ บูรณาการก ัน
ื่ สาร ขนสง
่
อย่างเหนียวแน่น ทงการส
ั้
อ
การตลาด มากกว่าความเป็นนานาชาติ
(International) หากเป็นธุรกิจก็เป็นบรรษ ัท
ข้ามชาติ (Transnational corporation) หาก
เป็นหน่วยงานสาธารณะก็เป็น Non-state
่ EU , ASIAN
actor เชน
รูจ
้ ักทุนนิยม ในฐานะเครือ
่ งมือพ ัฒนาเศรษฐกิจโลก
1.สถานะของทุนนิยม :เป็นระบบเศรษฐกิจกระแสหล ักของโลก
ทีน
่ ามาใชใ้ นการพ ัฒนาประเทศ
2.ฐานคติทน
ุ นิยม
:เพือ
่ ให้มนุษย์ได้ประโยชน์จากการบริโภค
ิ ค้าและบริการสูงสุด จึงต้องค้นหา
สน
ทร ัพยากร วิธก
ี ารผลิต การบริการและ
ิ ธิภาพ
การบริโภคทีม
่ ป
ี ระสท
้ ฐาน
3.หล ักการพืน
:1.ลงทุนขนาดใหญ่(Economy of scale)
2.เครือ
่ งจักรและเทคโนโลยี(High Tech)
3.หลักปั จเจกชนนิยม(Individualism)
4.การได ้เปรียบเชงิ การแข่งขัน
้ งต้น
4.ผลล ัพธ์เบือ
:เกิดคนจน-คนรวย,ธุรกิจเล็ก-ธุรกิจข้ามชาติ,
ประเทศจน-ประเทศมหาอานาจและ
โลกทีส
่ าม(Third World)
5.ผลล ัพธ์บนปลาย
ั้
:สงคราม โลกร้อน ภ ัยพิบ ัติ
ฐานคติของเศรษฐศาสตร ์กระแส
หลัก
ค.ศ.1750
Wealth of
the Nations
การค้าขายกับ
ต่างประเทศ
การล่าอาณา
นิ คม
สงครามอาวุธ
ค.ศ.18001900
ทุนนิ ยม
(Capitalism)
Mass
consumptio
n
ค.ศ.2000
ทุนนิ ยมเสรี
+
โลกาภิว ัตน์
(Globalizatio
n)
เกิดจาก
Mass
consumptio
เกิดจาก
สุขเกิดจาก
n
เสพย ์
: Efficiency
of growth
เสพย ์
Mass
สงครามเย็น สุข
production
ปริมาณ
ยุคหลัง
ฟอสซิล
ยุค
้
เชือเพ
ลิง
ฟอสซิ
ล
นิ วเคลียร
ก๊าซธรรมชาติ
พลังงานไบ
น้ า
มัน
ถ่านหิน
พ.
ศ.
ค.
ศ.
23
43
18
00
24
43
18 19
59 00
25
43
20
00
26
43
21
00
27
43
22
00
28
43
23
00
เวลา
(Three Major Problems Threatening World
อดีSurvival
ต
ปั จจุบน
ั และอนาคต
and Limit
to Growth)
- ขาดอาหาร
- น้ าเสีย
โลก
การพัฒนา
เศรษฐกิจ
- ขาด
พลังงาน
- ขาด
่
ทร ัพยากรอืน
ๆ
- ฯลฯ
ปริมาณ
คุณภาพ
ทร ัพยากร อาหาร
่
สิงแวดล้
อม
และพลังงาน
่ ด
๑. การพัฒนาเศรษฐกิจทีผิ
ทิศทาง
(มิจฉาทิฐ ิ ศีลธรรมไม่
กลับมาโลกาจะวินาศ)
๒. การขาดแคลน
ทร ัพยากรธรรมชาติ
่
- ดินเสือม
- อากาศพิษ
การพัฒนาเศรษฐกิจ - ขยะล้น
่
แบบทุนนิ ยม ทีขาดความ
ชุมชนแดอ ัด
พอเพียง
ฯลฯ
ปริมาณ
คุณภาพ
ทร ัพยากร อาหาร
่
สิงแวดล้
อม
พลังงาน
่
- รายได้เหลือม
ลา้
- การอพยพ/ลี ้
ภัยทาง ศก.
- โรคติดต่อ
ร ้ายแรง
- อุณหภู มโิ ลกสู ง /
น้ าท่วม
้ั
- การทาลายชน
โอโซน
- การทาลายป่ าฝน
/ มีฝนกรด
ต ัวอย่างข้อโต้แย้งทางทฤษฎีตอ
่ ทุนนิยมโลก
1. A.G.Frank , 1967 . Theory of
Underdevelopment
2. Dos Santos , 1973 .
Dependency Theory
3. Schumacher , 1982 . Small is
Beautiful
etc.
ทฤษฎีพฒ
ั นาทีว่่ าด้วยความ
ด้อยพัฒนา
Andre Gunder Frank,1966 เสนอทฤษฎี
Development of Underdevelopment
สาระสาคัญว่า
* ประเด็นแรก ความด้อยพัฒนาของประเทศ
่ องตกเป็ น
กาลังพัฒนาส่วนหนึ่ งเกิดจากการทีต้
อาณานิ คมของประเทศที่เป็ นเจ้า อาณานิ คม
นั่นเอง
่
* ประเด็นทีสอง
ความด้อยพัฒนาของประเทศ
ก าลัง พัฒ นาส่ ว นหนึ่ งเกิด จากการน าทฤษฎี
่
พัฒนาทีขาดความเหมาะสมหรื
อผิดพลาดไปใช้
่
ทฤษฎีพงพา
ึ
(Dependency Theory)
เกิ ด จากแนวคิ ด ที่ สื บ เนื่ องจากส านั ก
ความขัดแย้ง (Conflict school) และนักคิด
กลุ่มสังคมนิ ยม
่
โดยมีขอ
้ สรุปว่าการทีประเทศยากจนต้
อง
่
่ ญแล้วทังด้
้ าน 1)เงินทุน 2)
พึงพาประเทศที
เจริ
่
ผู เ้ ชียวชาญ/ความรู
้ และ
3)เทคโนโลยี ก็เท่ากับเป็ นการสรา้ งบ่วงให้ตด
ิ
่
้ ่ นเอง และสภาพ
กับอยู ่กบ
ั การพึงพาไม่
จบสินนั
ดังกล่าวประเทศเจริญแล้วจะได้เปรียบประเทศ
ขบวนการต่อต้านทุนนิยมโลก (ธงแดง ดาวแดง)
ทีม
่ า
: 1.ความแตกต่างเหลือ
่ มลา้ จากการเอาเปรียบ
ขู ด รี ด ( Exploitation) แ ล ะ ก ด ขี่ ( Oppression) ใ น
ประเทศทุนนิยม
2.การทาลายทร ัพยากรและสงิ่ แวดล้อมโลก
แน ว คิด : เ กิด เ ป็ น กร ะ บ ว น ท ศ
ั น์ท า ง เ ศ รษ ฐ กิจ แ ล ะ
ั ันธ์ก ัน
การเมือง 2 ค่ายทีส
่ มพ
1.กระบวนท ศ
ั น์ท างเศรษฐกิจ
(Economic paradigm)
ทุนนิยม
ั
สงคมนิ
ยม
2.กระบวนท ศ
ั น์ท างการเมือ ง
(Political paradigm)
ประชาธิปไตย
เผด็จการ
สองสานักคิดทางสังคม
1. Functional2. Conflict School
Structural School - ในระบบสังคมมีความ
- เน้นการทาหน้าที่
ขัดแย้งโดยธรรมชาติ
ของระบบใหญ่ ระบบ ระหว่าง Super
ย่อย และ
ordinate และ
ความสัมพันธ ์ของ
Subordinate
่ ลย
ระบบย่อย เพือดุ
- ความขัดแย้งอาจอยู ่
ภาพของระบบ
ในสภาพแฝงเร ้น
- การปร ับตัวของ
(Latent interest
้
่
ระบบเกิดขึนเมื
อ
หรือ ช ัดแจ้ง
องค ์ประกอบหรือ
(Manifest interest)
ผลกระทบของทุนนิยมโลกต่อสงั คมไทย ชว่ ง พ.ศ.1893-2499
พ.
ศ.
ค.
ศ.
ทุน
นิ ยม
โลก
1893
2043
1350
1500
1700
1750
ยุค
เดินเรือ
อิทธิพล
ของกรีกโรม
-ปร ัชญำ -กำร
เมธี
พิมพ ์
2310
2325
2398
2448
2475 2482-2489 2491
2499
1767
1782
1855
1905
1932
1956
สังค
ม
ไทย
1948
1833
ยุคค ้ำ
1750
ทำส
อดัมสมิธ
1863
ยุคจักรวรรดิ
1769
นิ ยม ั ิ
เจมส ์วัตต ์ กำรปฏิวต
อุตรถไฟ
สำหกรรม
เรือกล
ไฟ บ.อินเดีย
ตะวันออก
สงครำมโ
้ั ่
ลกครงที
2
อินเดีย
เวียดนำม
สัญญ -ปฏิรป
ู
ำเบำว ์ รำชกำร
ริง่
-ใส่เงินตรำ
-ควำมทันสมัย
-เน้นปลูกพืช
อ ้อย
ข ้ำว
พริกไทย
-ขุดคลอง
ฝรง่ ั
จีน
ญีปุ่่ น
ลำว
มลำยู
มั่งคัง่ อุดม
สมบูรณ์
เสียกรุง
อยุ1ธย
1917
สิทธิ
มนุ ษยชน
1858 1862
1445
-ล ้ำนนำ
-สุโขทัย
1945
เสียกรุง
2 2310
ธนบุร ี
เลิกทำส
2448
2489
สงครำม
เย็น
สงครำม
เกำหลี
2493-2496
ร ัตนโกสิน
ร.9
ครองรำชย ์
ผลกระทบของทุนนิยมโลกต่อสงั คมไทย ชว่ ง พ.ศ.2500-ปั จจุบน
ั
พ.
ศ.
ค.
ศ.
2500
ทุน
นิ ยม
โลกำภิว ั
ฒน์
2504
2540-2544
แผน 8
1997
2539
แผน 1-7
1970
1996
สงครำม
เย็น
สงครำม
เวียดนำม
1980
สังค
ม
ไทย
2550-2554
แผน 10
2007
สงครำมก่อกำร
ร ้ำย
3G
ก่อนมีแผนฯ
-ประเทศด ้อย
พัฒนำ
่
พึงพำ
USA
2545-2549
แผน 9
2002
2555-2559
แผน 11
2012
วิกฤตเศรษฐกิจ
โลก
4G
BOI กำรลงทุน ญีปุ่่ น อเมริกำ ยุโรป เอเชีย
60 ปี
วิกฤตเศรษฐกิจ
เน้น Growth Balanced Growth
ครองรำชย ์
้
คนเป็ นศูนย ์กลำง
ด ้ำนอุตสำหกรรม/ โครงสร ้ำงพืนฐำน
่
บริกำร
กำรพั
ฒนำ
ขับเคลื
อนเศรษฐกิ
จ
ผลิตทดแทน
พอเพียง
นำเข ้ำ
-ผลกระทบจำก
เศรษฐกิจโลก
-สังคมอยู่เย็นเป็ นสุข
ร่ว-ปฏิ
มกันรป
ู ระบบรำชกำร
่
ผล:
-ทร ัพยำกรเสือมโทรม
-ควำมเจริญกระจุกตัวและเน้น
วัตถุ
่
-มลภำวะสิงแวดล
้อม
-วัฒนธรรม ภูมป
ิ ัญญำ ค่ำนิ ยม
เดิม หำย
่ นแรง แพร่กระจำย
-คอร ัปชันรุ
3G
-ปัญหำชำยแดนใต ้
2546
ASEAN
2563
50 ปี ของการวางแผนพ ัฒนาประเทศของไทย
1
04-09
2
10-14
เป้าหมาย
3
15-19
4
20-24
5
25-29
6
30-34
ความเจริญทางว ัตถุ
้ ฐาน
กระบวนการ พ ัฒนาโครงสร้างพืน
ลงทุนอุตสาหกรรม
วิธก
ี าร
(ลอกเลียนตะว ันตก)
7
35-39
8
40-44
9
45-49
10
50-54
ระบุ ว่า จะพ ฒ
ั นาคน
แต่ว ด
ั ทีอ
่ ต
ั ราความ
เจริญ กระบวนการ
เ ห มื อ น เ ดิ ม ( ใ ช ้
เ ศ ร ษ ฐ กิ จ พ อ พี ย ง ผ ส ม
เล็ กน้อย)
ความหมายของการพัฒนาและการ
่
ปร ับเปลียนความหมาย
ความหมาย
้ั ม
ดงเดิ
่
1. มีการเปลียนแปลง
(Change)
่
้ การ
2. การเปลียนแปลงนั
นมี
วางแผน
ไว้ (Planned change)
3.ผลของการพัฒนา
วัด
ด้วย GDP
3.1 เจริญทางวัตถุและ
เทคโนโลยี
่
3.2 สิงแวดล้
อมถู กทาลาย
3.3 มนุ ษย ์มีความ
สะดวกสบาย
ความหมาย
ใหม่
1. มนุ ษย ์เป็ นศู นย ์กลางการ
พัฒนา
(Human
Center)
่ น/
2. การพัฒนาแบบยังยื
พอเพียง
(Sustainable/Green
Dev. Sufficiency
Economy)
3. ผลการพัฒนา
วัด
ด้วย
-ความสุขมวลรวม
-สุขภาวะ
อธิบายศ ัพท ์
1. การเข้าถึง (Accessibility)
2. องค ์ความรู ้ (Body of Knowledge)
3. การเข้าถึงองค ์ความรู ้
4. ปร ัชญา (Philosophy)
5. เชิงบู รณาการ (Integrated)
สรุป : ทาอย่างไรจะเข้าใจศาสตร ์
้ างเชือมโยงและลึ
่
พระราชานี อย่
กซึง้
้
แสดงลาดับขันของ
ความรู ้
7. ความจริง (Truth)
4. ความเป็ นจริงทางสังคม (Social
reality)
6. ทฤษฎี (Theory) / กฎเกณฑ ์ (Law)
5. แนวคิด (Concept)
3. ข้อเท็จจริง (Fact)
2. สารสนเทศ (Information)
1. ข้อมู ล (Data)
รู ปแบบการเข้าถึงความรู ้ และความจริง
ของสามสานักคิด
เน้ น การร บ
ั รู ้ และตรวจสอบได้
1.ปฏิฐานนิ ยม
(Positivism) เ ชิ ง ป ร ะ จั ก ษ ์โ ด ย ป ร ะ ส า ท สั ม ผั ส
สามารถวัดได้มห
ี ลักฐานยืนยัน มีเหตุ
มีผล มักใช้ข อ
้ สรุ ป และตรวจสอบเชิง
ปริมาณ
2.
เน้ นการ พิ จ ารณา อย่ า งรอ บ
ปรากฏการณ์ ด้าน โดยมีการค้นหา ตรวจสอบจาก
้ มักใ ช้
ก
า
ร
เ
ฝ
้
า
สั
ง
เ
ก
ต
อ
ย่
า
ง
ลึ
ก
ซึ
ง
นิ ยม
ข้อสรุป และตรวจสอบเชิงคุณภาพ
3.วิ
ภ
าษวิ
ธ
ี
เน้ น การศึก ษาเชิง ตัว ข้อ สงสัย
(Phenomeno
้
ข้อโต้แ ย้ง โดยมองความจริง ทังสอง
(Dialectic)
logist)
้
ด้านทังบวก
และลบ รวมถึงย้อนรอยไป
พิจารณาภู มห
ิ ลัง ประวัติศาสตร ์
ความรู ้
องค ์
ความรู ้
การจัดระบบ
ความจริ
ความรู
้ ง+
(Knowledge) =
่ ษย ์
ข่าวสาร+ สารสนเทศที
ข้อมู ล มนุ
ร ับรู ้ และเข้าใจ
(Body of Knowledge)
่
ความรู ้ทีรวบรวมสะสมไว้
อย่างเป็ น
ระบบระเบียศาสตร
บ
์ (Science)
ทฤษฎี
(Theory)
แนวคิด
A set of
(Concept)
concepts
นามธรรมรวบ
- Grand
่
ยอดของเรือง
Theory
่ สาหร
่ง
ับคาว่-าMiddle
ใดเรืองหนึ
Range T.
ปร ัชญา
ลด
- Grounded T.
ขอบเขตเล็กลง
เป็ นสาขาวิชา
= ชุดของความรู ้ใน
สาขา (Discipline) ใด
สาขาหนึ่งมีความจริง+
ข้อมู ล+แนวคิด+ทฤษฎี
เช่น สาขาร ัฐศาสตร ์
สาขาการแพทย ์ สาขาฟิ
ปรสิัชญา
(Philosophy)
กข ์ เคมี
ฯลฯ
1. อภิปร ัชญา (Meta
physic)
2. ญาณวิทยา
(Epistemology)
กระบวนการพัฒนาความรู ้
ข้อเสนอ
(Thesis)
นาเสน
โต้แย้อ
ง
ผสมผสา
น
ปร ับปรุง
Synthesis
ข้อโต้แย้ง
(Anti
Thesis)
องค์ความรู ้ และศาสตร์
ศาสตร์ (สาขานัน
้ ๆ)
(Science)
ทดสอบ
แนวคิด/ทฤษฎี(ในเรือ
่ งนัน
้ )
(Concept/Theory)
-สะสม
-รวบรวม
-จัดระบบ
-ทดสอบ
ความรู ้พืน
้ ฐานในเรือ
่ งหนึง่ ๆ
(Knowledge)
จัดกระบวนทัศน์
แนวคิดทฤษฎี
ความรู ้พืน
้ ฐาน
องค์ความรู
(Body of
Knowledge)
ปร ัชญา และศาสตร ์
ยุคก่อน ปร ัชญา (Philosophy) ก่อน คศต.
ที่ 16
้
บรรดาความรู ้ทังหลายของมนุ
ษย ์
แบ่งเป็ น
1.ความรู
ยุคปั จจุบน
ั ้ด้ามีนธรรมชาติ
คาว่าศาสตร(Natural
์ แทนปร ัชญา
philosophy)
หมายถึง บรรดาความรู ้ของมนุ ษย ์ แบ่งเป็ น
2.ความรู
้ด้านศีล์ธรรมชาติ
ธรรม (Moral
1. วิทยาศาสตร
(Natural
philosophy)
Science)
เช่น ฟิ สิกส ์ ชีวะ เคมี คณิ ตศาสตร ์ ฯลฯ
2. วิทยาศาสตร ์สังคม (Social Science)
การจัดแบ่งประเภทของ
1.Naturalความรู ้ 2.Social
Sciences
วิทยาศาตร ์
- วิทยาศาสตร ์
ธรรมชาติ
บริสุทธิ ์
- วิทยาศาสตร ์
ประยุกต ์
Sciences
วิทยาศาตร ์
สังคม
(สั
ง
คมศาสตร
์)
- มนุ ษย ์ศาสตร ์
- ศิลปศาสตร ์
ต ัวอย่าง ศาสตร ์ประยุกต ์
- การบริหารงานพัฒนา - การแพทย ์
่ งขาดของทฤษฎีสงั คมและ
ส่วนทียั
ทฤษฎีพฒ
ั นา
ระดับของ
กระแส กระแส
ทฤษฎี
หลัก
รอง
่
สานักคิด/ โครงสร ้างหน้ความขั
าที
ดแย้ง
ทฤษฎีมห
ภาค
เป็ นทฤษฎีภายใต้
(Grand
แนวคิด
Theory)
และการครอบงาของ
ทฤษฎี
ระบบ
ระดับกลาง
ทุนนิ ยม
(Middle
range
Theories)
เน้น
กระแสทางเลือก
สานักคุณธรรม
(Moralist)
- เศรษฐกิจพอเพียง
(Sufficiency
Economy)
- ทฤษฎีใหม่
ฯลฯ
เน้น
ความพอเพียงในชีวต
ิ ที่
่
บทบาทของทฤษฎีโดยทัวไป
1.อธิบาย (Explanation)
2.พิสูจน์ (Aprovement)
3.ทานาย (Focasting)
้
จ ัย
4.ใช้เป็ นพืนฐานการวิ
(Deduction)