2.พืชไทยที่มีกลิ่นหอม

Download Report

Transcript 2.พืชไทยที่มีกลิ่นหอม

ยินดีตอนรั
บ
้
ผู้เข้ารวมการอบรมเชิ
งปฏิบต
ั ก
ิ าร
่
เรือ
่ ง “การสกัดน้ามันหอมระเหย
จากพืชดวยเทคนิ
คการกลัน
่ ”
้
วันจันทรที
์ ่ 27 สิ งหาคม 2555
ณ ศูนยเรี
ดจากพืชและน้ามันหอมระเหย
้ านสารสกั
้
์ ยนรูด
คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกลาธนบุ
ร ี วิทยาเขตบางขุนเทียน
้
ผู้รับผิดชอบ รศ. ดร. ณัฎฐา เลาหกุลจิตต ์ และ รศ. ดร. อรพิน
เกิดชูชน
ื่
หลักสูตรเทคโนโลยีชว
ี เคมี คณะทรัพยากรชีวภาพและเทคโนโลยี มจธ.
เวลา
9.00-10.00
10.00-11.00
11.00-12.00
13.00-16.00
16.00-16.30
หัวข้อ
การบรรยาย เรื่ อ ง พื ช ไทยที่ ม ี
กลิน
่ หอม
การบรรยาย เรื่ อ ง น้ า มัน หอม
ระเหย
การบรรยาย เรือ
่ ง การสกัดน้ามัน
หอมระเหย
ฝึ กปฏิบ ัต ิก ารการสกัด น้ า มัน หอม
ร ะ เ ห ย โ ด ย วิ ธี ก า ร ต้ ม ก ลั่ น
(มะกรูด กะเพรา ตะไคร้)
ประเมินผล และปิ ดการอบรม
ผู้สอน
รศ. ดร. อรพิน เกิดชูชน
ื่
รศ. ดร. อรพิน เกิดชูชน
ื่
รศ. ดร. ณั ฎ ฐา เลาหกุ ล
จิตต ์
รศ. ดร. อรพิน เกิดชูชน
ื่
และ รศ. ดร. ณัฎฐา เลาห
กุลจิตต ์
นั ก ศึ กษาปริ ญ ญาเอก-โท
จานวน 20 คน
พืชไทยทีม
่ ก
ี ลิน
่ หอม
รองศาสตราจารย์ ดร. อรพิน เกิดชูชื่น
รองศาสตราจารย์ ดร. ณัฎฐา เลาหกุลจิตต์
27 สิงหาคม 2555
ซ่ อนกลิน่
ชื่ออื่นๆ : ลีลา
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Polianthes tuberosa, L.
ประโยชน์ ปลูกเป็ นไม้ดอก ดอกตากแห้งใส่ แกงจืดรับประทาน
ถิ่นกำเนิด แถบอเมริ กาใต้ แถวเขาแอนดีส ชาวสเปนนามาปลูกในฟิ ลิปปิ นส์ จีนนามาอีกต่อ
หนึ่ง เข้ามาในเมืองไทยก่อน 200 ปี มาแล้วในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
การะเวก
Bhandari
ชื่ออื่นๆ การเวก(กลาง) กระดังงัวกระ
ดังป่ า(ราชบุรี)
กระดังงาเกา
(ใต้) หนามควายนอน(ชลบุรี)
การเวก เป็ นไม้เถาเลือ้ ย ดอกสีเขียวอมเหลืองดอก ใหญ่กลีบดอกหนาเป็ น
มันเรียงเป็ นสองชัน้ ๆละ3กลีบ โคนกลีบเว้าคล้ายรูปไข่ป้อม มีกลิ่นหอมแรง
มากและเริ่มหอมเวลาเย็น
สารสาคัญ: ลินาลอล (linalool),
ไพนี น (pinene),
เทอร์ปีน (terpene)
กระดังงาไทย Ylang-ylang
ชื่ออื่นๆ
ภาคกลาง :กระดังงาใหญ่ กระดังงาใบใหญ่
ภาคเหนือ : สะบันงาต้ น สะบันงา
ยะลา : กระดังงอ
รู ปลักษณะ
ไม้ ยืนต้ นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบสีเขียวอ่ อนดกหนาทึบ
มีดอกกลีบบางอ่ อนนุ่ม เกสรมีรูปกลมแป้นแบนๆ เท่ าปลายนิว้ ก้ อย มีกลิ่นหอม
ดอกสีเหลืองอมเขียว
สรรพคุณและส่ วนที่นามาใช้ เป็ นยา
ต้ นและกิ่งก้ าน - รั บประทานเป็ นยาปั สสาวะ
ดอก - ให้ นา้ มันหอม บารุ งโลหิต บารุ งธาตุ ใช้ ปรุ งยาหอม บารุ งหัวใจ
สายหยุด
สายหยุดจะออกดอกเป็ นดอกเดี่ยว ดอกเมื่อยังตูมอยู่จะเป็ นสีเขียว และเมื่อ
บานจึงจะเป็ นสีเหลือง ดอกจะห้อยลง ดอกมีขนาดเล็ก มีกลีบดอก 5-6 กลีบ
กลีบดอกจะบิดงอเช่นเดียวกันกับดอกกระดังงาไทย
ดอกจะมีกลิ่นหอมจัดในตอนเช้าตรู่ พอสายกลิ่นก็จะค่อย ๆ ลดความหอมลง
และจะหมดกลิ่นหอมลงเมื่อใกล้เวลาเที่ยงวัน สายหยุดจะออกดอกตลอดปี
ลำดวน
ภาคเหนือเรี ยก หอมนวล เป็ นพันธุ์ไม้
ในวงศ์ Annonaceae วงศ์
เดียวกับน้อยหน่า
 ดอกสีเหลือง กลีบวงนอก ๓ กลีบ กางออก ปลายคุม่ เล็กน้อย กลีบวงใน ๓ กลีบ หนา
และแข็ง ปลายและขอบกลีบจรดกันคลุมเกสร มีกลิ่นหอมเย็น ส่งกลิ่นเกือบตลอด
วัน ดอกบานในหน้าร้อนช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน พบขึน้ ตัง้ แต่ภาคกลางขึน้ ไป
จนถึงภาคเหนือ
 ทีจ่ งั หวัดศรีสะเกษ มีการจัดงานเทศกาลดอกลาดวนบาน
นมแมว (Nommaeo)
ี ดง
รูปล ักษณะ ไม ้เลือ
้ ย พบตามชายป่ า ดินแล ้งและป่ าผลัดใบ ดอกสแ
้
อมม่วง ใบด ้านบนสาก มีขนตามเสนกลางใบ
ใบเรียงแบบสลับ
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ งกลิน
ดอก-มีน้ ามันหอมระเหยมีกลิน
่ หอมใชแต่
่
เนือ
้ ไม ้และราก-ต ้มรับประทานแก ้ไข ้กลับ ไข ้ซ้า
ราก-เป็ นยาแก ้โรคผอมแห ้งของสตรีเนือ
่ งจากคลอดบุตรอยูไ่ ฟ
ไม่ได ้
จาปูน
Annonaceae
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Anaxagorea javanica Blume.
ลักษณะทรงพุ่ม :
ไม้พมุ่ ขนาดเล็ก สูง 2 - 4 เมตร มีการแตกกิง่ ก้านสาขาในระดับต่า
วงศ์ :
ถิ่นกาเนิด :
Annonaceae
มาเลเซีย อินโดนีเซีย
ข้าวหลามดง
ชื่ออื่นๆ : จาปี หิน (ชุมพร) นมงัว (ปราจีนบุรี) ปอขีแ้ ฮด (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Goniothalamus laoticus (Finet &
Gagnep.) Ban
ลักษณะทรงพุ่ม : ไม้พ่มุ ขนาดเล็ก ทรงพุ่มกลม โปร่ง
วงศ์ : Annonaceae
ถิน่ กาเนิด : ประเทศไทย
ลักษณะทัวไป
่ : ไม้พ่มุ ขนาดเล็ก
ฤดูการออกดอก : เดือน เม.ย.- ก.ค.
เวลาทีด่ อกหอม : ตอนเย็น ถึงเช้าของอีกวัน (พันธุไ์ ม้ชนิดนี้จะส่งกลิน่ หอมตอนช่วงที่
ดอกใกล้จะโรยแล้วเท่านัน้ (ช่วงทีด่ อกมีสเี หลืองอมส้ม) ช่วงทีด่ อกอกใหม่ๆ ไม่สง่ กลิน่
หอม
ชามะนาด
ชื่อวิทยาศาสตร์
Vallaris solanacea Kize.
ดอก
ออกดอกทีป่ ลายกิง่ ลักษณะเป็ นช่อพวง หรือในบางครัง้ ดอกก็
อาจจะออกตามง่ามใบด้วย ดอกจะเป็ นสีขาวมีกลิน่ หอมอ่อน ๆ ภายในดอก
หนึ่ง ๆ จะมีเกสรตัวผูอ้ ยูป่ ระมาณ5 อัน ทีก่ า้ นเกสรจะมีขน ส่วนเกสรตัวเมีย
จะมีอยู่ 2 ช่องติดกัน และท่อเกสรตัวเมีย ก็จะมีขนด้วย ออกดอกตลอดปี
โดยเฉพาะฤดูหนาว
วงศ์
APOCYNACEAE
โมก
ชื่ออื่นๆ :
โมกซ้อน โมกมัน
ดอกช่อ เล็ก สีขาว โคนกลีบดอกเชื่อมกันเล็กน้อย กลีบดอก 5 กลีบ ออกดอกเป็ นช่อ
สัน้ ๆ ตามปลายกิง่ ช่อละ 5-7 ดอก กลิน่ หอมเวลาเย็นและกลางคืน
ประโยชน์ รากใช้รกั ษาโรคผิวหนัง แก้พษิ สัตว์กดั ต่อย ใบ ใช้ขบั น้าเหลือง ดอก เป็ น
ยาระบาย เปลือก เป็ นยาเจริญอาหาร รักษาโรคไต ยางจากต้นแก้บดิ มักปลูกเป็ นไม้
ประดับ
ลน
่ ั ทม
(Lanthom) Temple tree , Pagoda tree , Frangipani
กะเหรีย
่ ง กาญจนบุร ี : จงป่ า (Chong-pa)
ภาคเหนือ : จาปาลาว (Champa-lao)
อีสาน : จาปาขาว (Champa-Khao)
เขมร : จาไป (Cham-pai)
ภาคใต ้ : จาปาขอม (Champa-khom)
ยะลา : ไม ้จีน (Mai-Chin)
มลายู-นราธิวาส : มอยอ (Mo-yo)
สรรพคุณและส่ วนที่นามาใช้ เป็ นยา
ยางและแก่น-ใช้ เป็ นยาถ่ายพิษทังปวง
้
ถ่ายเสมหะและโลหิต แก้ กามโรค แก้ ปวดฟั น
ใบ-ลนไฟให้ ร้อนพอพอกแก้ ปวดบวม ชงน ้าร้ อนใช้ รักษาหิด
เนื ้อไม้ -แก้ ไอ
ราก-เป็ นยาถ่าย และทาให้ แท้ งได้
เปลือกราก-ใช้ เป็ นยาถ่าย แก้ โรคข้ ออักเสบ
พุด
ชื่ออื่นๆ :
พุดป่ า พุดตูม
ดอก ขาว ออกตามซอกใบและปลายกิง่ กลิน่ หอมอ่อนๆ กลีบดอกเป็ นหลอด
ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายแยกเป็ น 5-10 กลีบ เมือ่ บานเส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 4 ซม.
ผล เป็ นฝกั คู่ ปลายแหลมและโค้ง ออกดอกตลอดปี
ประโยชน์ ดอกใช้ทาดอกไม้ประดิษฐ์ ไม้ เป็ นยาเย็น ลดไข้ น้าจากต้นใช้ขบั
พยาธิ
หิรญ
ั ญิการ์
ดอก ดอกหิรญ
ั ญิการ์มขี นาดใหญ่ สีขาว ดอกมีกลิน่ หอมอ่อน ๆ ออกดอกเป็ น
ช่อตามซอกใบและปลายกิง่ ดอกมีลกั ษณะคล้ายถ้วย ตอนปลายของดอกจะบาน
กว้างมี 5 กลีบ มีเกสรตัวผูต้ ดิ อยูก่ บั เนื้อบริเวณ โคนกลีบ มีลกั ษณะเป็ นเส้นยาว
แยกออกจากกัน คือจะมีเกสรติดอยูก่ ลีบละ 1 อัน หนึ่งดอกมีเกสร ตัวผูอ้ ยู่ 5 อัน
ส่วนเกสรตัวเมียจะมีลกั ษณะเป็ นแท่งขนาดเล็กซ่อนอยูข่ า้ งในดอก ดอกเมือ่ บาน
เต็มทีจ่ ะมีความกว้างประมาณ 8 เซนติเมตรและยายประมาณ 13 เซนติเมตร ช่อ
ดอกหนึ่ง ๆ จะมีดอกตัง้ แต่ 6-15 ดอก ดอกจะผลัดกันบานครัง้ ละประมาณ 4 ดอก
ออกดอกระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์
ขจร
ดอก
ขจรเป็ นไม้ดอกทีม่ กี ลิน่ หอม ออกดอกเป็ นช่อสัน้ ๆ ห้อยเป็ นกระจุกคล้าย
พวงอุบะตามโคนก้านใบ ช่อดอกหนึ่ง ๆ จะมีดอกประมาณ 10-20 ดอก ดอกจะมีส ี
เขียวอมเหลือง หรือสีเหลือง กลีบดอกหนา เนื้อกลีบดอกจะมีลกั ษณะหยุ่น ๆ เมือ่
ดอกบานกลีบดอกมีลกั ษณะเหมือนดาว 5 แฉก ดกในช่วงฤดูฝน
สายน้าผึง้
ชื่ออื่น: กิมงิว้ ฮวย (จีน)
ต้น แก้แผล ฝี ต่าง ๆ แผลเปื่ อย โรคผิวหนัง บิด ท้องเสี ย
ปวดเมื่อตามข้อ ขับปั สสาวะ แก้ไขแผลในกระเพาะอาหาร
มีสารฝาด และซาโปนินดอก ชาวจีนใช้แก้ไข้หวัด เหงือก
อักเสบ แผลหนอง บิด มีสาร luteolin, inositol
สารภี
ชื่ออืน่ ๆ
ภาคกลาง : สารภี
ภาคใต้ : สร้อยภี
 สรรพคุณและส่ วนทีน่ ำมำใช้ เป็ นยำ
ดอกสดและแห้ง-ใช้เข้ายาหอม บารุ งหัวใจ บารุ งเส้นประสาท แก้วงิ เวียนหน้ามืด
ตาลายและชูกาลัง ดอกตูม-ย้อมผ้าไหมให้สีแดง ผลสุ ก-รับประทานได้มีรสหวาน
ผ ักบุง้ ทะเล
ผักบุ ้งขัน
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ มลายู : ละบูเลาห์ (La-bu-lao)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำมำใชเ้ ป็นยำ
น้ าคัน
้ จากต ้น ใบ ราก-แก ้พิษแมงกะพรุน
ราก-ขับปั สสาวะในโรคกระเพาะปั สสาวะอักเสบ
ใบ-เป็ นยาพอก ต ้มอาบรักษาโรคผิวหนัง แก ้ไข ้ รักษาไขข ้ออักเสบสถาบันวิจัย
วิทยาศาสตร์ ร่วมกับคณะวิจัยคลีนค
ิ ศริ ริ าชพยาบาล พิสจ
ู น์ผลทางยาแก ้พิษ
ิ ตามีนแล ้ว
แมลงกัดต่อยและแพ ้ฮส
รสสุคนธ์ขาว
กลีบดอกร่วงง่าย มีเกสรเพศผูจ้ านวนมาก คลายเส้นด้ายสีขาว ดอกเริม่ บานและส่ง
กลิน่ หอมในช่วงพลบค่าแจนถึงช่วงกลางวัน ดอกบานเกือบพร้อมกันทัง้ ช่อ และบาน
วันเดียวแล้วโรย
ผลค่อนข้างกลม สีสม้ ถึงสีแดง มี 2-3 ผล อยูร่ วมกันเป็ นกระจุก เมล็ดรูปไข่ อยูใ่ นเยือ่
รูปถ้วย สีแดง ออกดอกช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
จันทน์ กะพ้อ
 ชื่ออื่นๆ
ภาคใต้ : จันทน์พอ (Chan-po)
 สรรพคุณและส่วนที่นามาใช้เป็ นยา
ใช้ดอกผสมกับยาอื่น ปรุงเป็ นยาหอมแก้ลม บารุงหัวใจ
พะยอม
 ชื่ออื่นๆ กะยอม ขะยอมดง
พะยอมทอง ยางหยวก สุกรม
ดอก ออกเป็ นช่อใหญ่ตามปลายกิง่ สีขาว กลิน่ หอมจัด กลีบเลีย้ ง มี 5 กลีบเกลีย้ ง สี
ขุน่ กลีบดอก 5 กลีบ เรียงบิดเวียน เกสรเพศผูม้ ี 15 อัน รังไข่ม ี 3 ช่อง แต่ละช่องมี
ไข่อ่อน 2 อัน ก้านดอกยาว 1.5 cm.
ไข่ดาว
ดอกสวยงามสะดุดตา มีกลิน่ หอม
ดอกสีขาวมี 5 กลีบ ขนาด 6-7 ซม. กลางดอกมีเกสรเหลือง เป็ นเส้นฝอยเล็ก ๆ ยาว ๆ
รวมกันเป็ นกระจุก เกสรตัวเมียอยูก่ ลางดอกดอกมีกลิน่ หอมอ่อน ๆ และออกดอกตลอดปี
ดอกคล้ายดอกบุนนาค
ตะไคร้
(Takhrai), Lemongrass
ชื่ออื่นๆ
ภาคเหนือ : จะไค (Cha-khai) จะไค้ (Cha-khai)
ภาคใต้ : ไคร (Khrai)
ชวา : ซีเร (Sere)
สรรพคุณและส่วนที่นามาใช้เป็ นยา
น้ามันจากใบและต้น – แต่งกลิน่ อาหาร เครือ่ งดื่ม สบู่
ลาต้นแก่หรือเหง้า – แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับปสั สาวะ แก้นิ่ว ขับประจาเดือน
ตะไคร้หอม (Takrai-hom), Citronella grass
ชื่ออื่นๆ นครศรีธรรมราช : ตะไคร้แดง (Ta-khrai-daeng)
สรรพคุณและส่วนที่นามาใช้เป็ นยา
ใบและต้น – น้ามันจากใบและต้น ใช้ปรุงกับน้ าหอมทาตัวป้องกันยุงกัด แก้ปาก
แตกระแหง แผลในปาก ใช้ปรุงเป็ นยาขับลมในลาไส้ สตรีมคี รรภ์รบั ประทาน มีฤทธิ ์บีบ
รัดมดลูก ทาลายโลหิต ทาให้แท้งได้
แฝกหอม Vetiver, Khas-Khas,
Khus-Khus
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ ภาคกลาง : แฝก (Faek)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำใชเ้ ป็นยำ
้ นยาแก ้ไข Oil of Vetiver ใช ้
ราก-ใชขั้ บลมในลาไส ้ แก ้ท ้องขึน
้ อืดเฟ้ อ ใชเป็
แต่งกลิน
่
กระทิง
ชื่ออื่น ๆ
กากะทิง (ภาคกลาง) ทิง (กระบี)่ เนาวกาน (น่าน) สารภีทะเล
(ประจวบคีรขี นั ธ์)
บุนนำค
(Bun-nak)
Iron wood, Indian rose chestnut
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
ภาคใต ้ : นาคบุตร (Nakbut) มลายู ปั ตตานี :
ปะนาคอ (Pa-na-kho)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ ้ายาหอม บารุงธาตุ เข ้ายาแก ้ลม บารุงหัวใจ เป็ นยาขับเสมหะ
ดอกแห ้ง - ใชเข
้ งกลิน
ดอกสด - กลัน
่ ให ้น้ ามันหอมระเหย ใชแต่
่ สบู่
ผล -ขับเหงือ
่ ฝาดสมาน
เนือ
้ ในเมล็ด - ตาพอกแผล
กระเพรำ
ชื่ออืน่ : กระเพรำแดง กระเพรำขำว (ภำค
กลำง) กำ่ ก้อขำว กำ่ ก้อดำ กอมก้อขำว กอมก้อ
ดำ (เชียงใหม่ -ภำคเหนือ) ห่ อตูปลู ห่ อกวอซู
(กะเหรี่ยง-แม่ อ่องสอน)
สรรพคณ
ุ
ใบ บารุ งธาตุไฟธาตุ ขับลมแก้ปวดท้อง แก้ลมตานซาง แก้จุกเสี ยด แก้คลื่นเหี ยนอาเจียน
และขับลม
โหระพำ
(Ho-ra-pa) Sweet-basil , Common basil
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
เมล็ด-มี mucilage เป็ นยาพอกหล่อลืน
่ เป็ นยาระบายในรายทีท
่ ้องผูกเป็ น
ประจา
ใบ-แก ้ท ้องอืด ท ้องเฟ้ อ ขับลม ขับเหงือ
่ ชว่ ยย่อย แต่งกลิน
่
น้ าจากใบ-แก ้ไอ แก ้สะอึก หยอดหูแก ้ปวด แก ้หูตงึ แก ้กลากเกลือ
้ น
ทาให ้ประจาเดือนปกติ
พิมเสนต้น
(Patchoulli), Patchouli,
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ พิมเสน (ต ้น) (Phim-sen)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ น
้ นสารชว่ ยให ้น้ าหอมมีกลิน
ใบ – กลิน
่ หอมใชกลั
่ ทาน้ าหอม ใชเป็
่ ติดทนดีและนาน
้ ้พิษไข ้ ทายาหอม
ใชแก
มินต์
Mint
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
ภาคกลาง : สะระแหน่สวน (Sa-ra-nae-suan)
สะระแหน่ญวน,ต ้นน้ ามันหม่อง
ภาคเหนือ : หอมด่วน (Hom-duan)
ภาคใต ้ : สะแหน ้ (Sa-nae)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ าประโยชน์ในอุตสาหกรรมยา
ใบ-กลิน
่ หอมให ้น้ ามันสกัดเมนทอลใชท
และแต่งกลิน
่ ได ้
กำรบูร
(Ka-rabun), Camphor tree, Formosan
camphor
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
ไทย : อบเชยญวน
เงีย
้ ว : พรมเส็ง (Phrom-seng)
ี : คาปูร ์ ตอฮอร์ (Kapur
มาเลเซย
tohor)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
ี ด ธาตุพก
รับประทานแก ้ปวดท ้องจุกเสย
ิ าร ขับลมใน
้ นยาทาเพือ
ลาไส ้ แก ้ไอ ขับเสมหะ ขับน้ าเหลือง ใชเป็
่ ถอนพิษ
อักเสบชนิดเรือ
้ รัง
อบเชย
ชื่ออื่นๆ : อบเชยต้น มหาปราบ (ภาคกลาง) กระดังงา
(กาญจนบุรี) ฝักดาบ (พิษณุโลก) สุรามิด (สุโขทัย) บอกคอก
(ลาปาง) พญาปราบ (นครราชสีมา) กระแจะโมง โมงหอม
(ชลบุรี) สะวง (ปราจีนบุรี)
กระเจียด เจียดกระทังหัน (ยะลา)
เวลาทีด่ อกหอม : หอมตลอดเวลา (เนื้ อไม้และใบไม้)
อบเชยเป็ นพันธุไ์ ม้ประจาจังหวัดระนอง
เปลือกต้น มีรสหวานหอม ใช้ปรุงเป็ นเครื่องเทศ ยาหอม ยานัตถุ์ ช่วยทาให้สด
ชื่น แก้อ่อนเพลีย แก้ปวดศีรษะ ขับลม แก้จกุ เสียดแน่ นท้อง น้ามันที่กลันได้
่ จาก
เปลือกใช้เป็ นยาฆ่าเชื้อโรคและกันบูด
รากและใบ ใช้ต้มดื่มแก้ไข้จากการ
อักเสบหลังคลอด มีสารต้านมะเร็ง สารต้านแบคทีเรีย รักษาแผลในกระเพาะ
อาหาร แก้อาการท้องร่วง ขับปัสสาวะ สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
พลับพลึง
พลับพลึงเป็ นไม้ลม้ ลุก ขึน้ เป็ นกอ มีหวั อยูใ่ ต้ดนิ ต้นสมบรูณ์จะให้ใบทีส่ ะอาด สวยงาม
มาก ต้นกลม มีความกว้างประมาณ 15 ซม. และยาวประมาณ 30 ซม. มีกาบหุม้ สี
ขาว หุม้ ต้นตัง้ แต่โคนตลอดไป ใบ ออกรอบๆ ต้น ใบแคบยาวเรียว อวบน้า ขอบใบ
เป็ นคลื่น ส่วนทีเ่ ป็ นกาบคลีอ่ อกเป็ นใบสีเขียว ค่อนข้างหนา ปลายใบแหลม ใบยาว
ประมาณ 1 เมตร และกว้าง 10-15 ซม.
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับ ใบ หัว เมล็ดและราก ใช้เป็ นยา ใช้ใบพันรักษาอาการฟกช้า
บวม เคล็ด ขัด ยอก แพลง รักษาอาการปวดศีรษะ อาการบวม และลดอาการไข้
ราชาวดี
ชื่ออื่น ๆ : ราชาวดี, ไค้หางหมา, หางกระรอกเขมร
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ราชาวดีเป็ นไม้ยนื ต้นขนาดกลาง สูงได้ตงั ้ แต่ 5-10 เมตร
ลาต้นเรียบเกลีย้ งสีเทา ตามกิง่ ก้านมีขนละเอียดปกคลุมอยู่ เป็ นต้นไม้ทม่ี ใี บเป็ นพุม่ โปร่ง
ลาต้นและกิง่ ก้านอ่อนลูล่ มได้งา่ ย ใบเป็ นใบเดีย่ ว ออกใบเป็ นคูเ่ รียงสลับกันไปลักษณะใบ
มน ขอบใบหยัก ดอกมีสขี าวขนาดเล็ก มีกลิน่ หอม ออกเป็ นช่อช่อหนึ่ง ๆ ยาวประมาณ
6-8 ซม. ออกดอกเป็ นระยะ ๆ ตลอดปี กลิน่ หอมอ่อนๆช่วงกลางวัน หอมแรงกลางคืน
ยีเ่ ข่ง
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
(Yi-Kheng)
Crape myrtle,Common crape Myrtle, Indian lilac
่ (Kham-ho)
ภาคเหนือ : คาฮอ
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
ราก-ฝาดสมาน
ราก ใบ ดอก-เป็ นยาถ่าย
เปลือก-แก ้ไข ้
เทียนกิ่ง
ชื่ออื่นๆ : เทียนขาว เทียนแดง
ดอกช่ อ มี 2 สี สี นวลหรื อสี แดง กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็ นช่อที่ปลายกิ่ง ดอก
ขนาดเล็ก ร่ วงง่าย เมล็ด สี น้ าตาลเข้ม ดอกออกตลอดปี
ประโยชน์ ใบสดใช้ฆ่าเชื้อหนอง และเชื้อราซึ่ งเป็ นสาเหตุของโรคกลาก ผงใบ
แห้ง ใช้ยอ้ มผม ให้สีแดงส้ม ดอกสดทาบุหงา
จำปำ Orange
Champaka,
Sonchampa,
Champac
ชื่ออื่นๆ
จาปาทอง
(นครศรีธรรมราช)จาปาเขา
(ตรัง) จาปากอ จาปาป่ า
(มาเลย์)(สุราษฎร์ธานี )
สรรพคุณและส่ วนที่นามาใช้ เป็ นยา
เปลือกต้ น-ฝาดสมาน แก้ ไข เป็ นยาถ่าย
รากแห้ งและเปลือกหุ้มราก-ผสมกับนมสาหรับบ่มฝี
ดอก-แต่งกลิ่นเครื่ องสาอาง ขับลม ขับปั สสาวะใช้ แก้ วิงเวียน อ่อนเพลีย
หน้ ามืดตาลาย โรคเรื อ้ น บารุงหัวใจ
ใบ-แก้ โรคประสาท แก้ ป่วง
เนื ้อไม้ -บารุงประจาเดือนสตรี
จาปี
(Champi), White Champaka
ส่วนที่ใช้ประโยชน์ ดอก มีสรรพคุณทางยาในการนาเอามาบารุงหัวใจ
แก้อาการอ่อนเพลียละเหีย่ ใจ ช่วยระบบการหมุนเวียนโลหิตได้ดี
สารสาคัญ alpha-myrcene, limonene, fenchone,
linalool, camphor, caryophyllene, germacrene
มณฑำ
(Montha)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ งกลิน
ดอก-ใชแต่
่
ยีห
่ บ
ุ
รูปล ักษณะ
ไม ้ยืนต ้นขนาด
ี ้ าตาลใบเป็ นใบเดีย
เล็ก เปลือกสน
่ ว สี
ี าว ออกชอ
่ ห ้อยตาม
เขียวสดดอกสข
ปลายกิง่
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
ดอกหอม ไม ้ประดับ
กำนพลู (Kan-phlu), Clove
ในดอกกานพลู มีน้ ามันซงึ่ มี
กลิน
่ หอมและรสเผ็ดร ้อน
่ นที่
สรรพคุณและสว
นำมำใชเ้ ป็นยำ
ดอกตูม – ใชขั้ บลม แต่งกลิน
่
้ นเครือ
ผล – ใชเป็
่ งเทศ เป็ น
ตัวชว่ ยให ้มีกลิน
่ หอมน้ ามันกานพลู
้ นยาชาเฉพาะแห่ง ฆ่าเชอ
ื้
– ใชเป็
้ นยาขับลม
ในทางทันตกรรม ใชเป็
แก ้ปวดท ้องแก ้พิษน้ าเหลือง และ
น้ าคาวปลา
มะลิ (Mali) Arabian
ชื่ออื่นๆ
jasmins, Tuscan jasmine
ภาคกลาง: มะลิ (Mali-la)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ งกลิน
้
ดอก -แก ้หืด ใชแต่
่ ใบชา ใชอบขนมต่
างๆ
ใบ ราก - ทายาหยอดตา
ใบ - แก ้ไข ้ ขับน้ านม รักษาโรดผิวหนัง ใบตาให ้
ละเอียด ผสมกับน้ ามันมะพราวใหม่ๆ นาไปลนไฟ ทา
รักษาแผลพุพอง
ี ด
ราก - รักษาหลอดลมอักเสบ ฝนกินแก ้ร ้อนใน เสย
ท ้อง
ชื่ออื่นๆ :
มะลิ มะลิซ้อน
ประโยชน์ ดอกสดหรือดอกแห้ง ใบ ต้มกินแก้โรคบิด ปวดท้อง ดอกสดตาพอก
แก้ปวดศีรษะ ผิวหนังผื่นคัน ดอกใช้ทาพวงมาลัย ทาน้าหอม และบูชาพระ ดอก
แห้งใช้เป็ นยาแต่งกลิน่ ใช้เป็ นดอกไม้ของวันแม่แห่งชาติ
มะลิวลั ย์
ดอก ออกดอกเป็ นช่อตามข้อต้น ดอกมีสขี าว ก้านดอกสีน้าตาลอ่อน มีความ
ยาวประมาณ 3 เซนติ เมตร ลักษณะของดอกจะคล้ายกับดอกมะลิลาดอกช่อหนึ่ง
ๆ จะมีดอก 2-6 ดอก กลีบดอกเรียว ยาวมี 7 กลีบ มะลิวลั ย์เป็ นพันธุไ์ ม้ทอ่ี อก
ดอกดก เวลาออกดอกจะดูขาวไปทัง้ ต้น ดอกมีกลิน่ หอมแรง และจะส่งกลิน่
หอมไปได้ในระยะไกล ๆ
มลุลี
ดอก ออกดอกเป็ นช่อตรงส่วนยอดและตามง่ามใบ โคนช่อจะมีขนสีเทาลักษณะนุ่ม
ขึน้ อยูเ่ ต็ม ดอกมีสขี าวสะอาดเหมือนดอกมะลิ ดอกช่อหนึ่ง ๆ จะบานเกือบพร้อมกัน
ทัง้ ช่อ และจะบาน ทนอยูไ่ ด้นานหลายวัน กลีบดอกเป็ นรูปขอบขนาน ดอกหนึ่ง ๆ จะ
มีประมาณ 9 กลีบ ดอกมีกลิน่ หอมแรงและจะหอมตลอดทัง้ กลางวันและกลางคืน ออก
ดอกช่วงฤดูหนาว
พุทธชาด Jasmine Vine.
ชื่ออื่นๆ :
บุหงาประหงัน
พุทธชาดเป็ นไม้เถากึง่ ต้นกึง่ เลือ้ ย ต้นแตกกิง่ ก้านสาขาเป็ นออกไป สูง 1-2
เมตร ใบ ออกเป็ นคูๆ่ ตามกิง่ ใบยาวประมาณ 6 ซม. สีเขียวสด ดอกช่อ
ออกเป็ นช่อตรงส่วนยอดของกิง่ สีขาวและดกมาก ช่อหนึ่งมีหลายดอกและ
ทยอยผลิบานทุกวัน ดอกติดกันเป็ นหลอด ปลายแยกเป็ น 5- 8 แฉก ดอกบาน
เต็มทีป่ ระมาณ 1 ซม. กลิน่ หอมแรง ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์ ปกั ชา
ตอนกิง่ ทับกิง่ เพาะเมล็ด ประโยชน์ ดอกนามาสกัดเอาน้ามันหอมระเหย ถิน่
กาเนิดในจีนและอินเดีย ปลูกในดินร่วนปนทรายทีม่ อี นิ ทรียว์ ตั ถุมากๆ น้า
พอสมควร ความชืน้ สูง ปลูกในทีก่ ลางแจ้งแสงแดดจัด
กรรณิการ์
อังกฤษ: Night
blooming jasmin
- มะลิบานราตรี
ชื่ออื่นๆ : กณิการ์ กรณิการ์
ประโยชน์ ใบ ดอก แก้ปวดตามข้อ แก้ไข้ เป็ นยาระบาย แก้ตานขโมย เปลือก
ชัน้ ในต้มกิน แก้ปวดศีรษะ ราก บารุงกาลัง ธาตุ ผิวหนัง แก้ไอ แก้ผมหงอก ใช้
เป็ นยาสมุนไพรรักษาโรคได้หลายชนิด ก้านดอกสามารถนามาทาเป็ นสียอ้ มผ้าจีวร
พระ หรือสีทาขนม
หอมหมี่นลี้ (ดอกขาว)
Oleaceae
ชื่ออื่นๆ : สารภีอ่างกา
ชื่อสามัญ : Sweet Osmanthus
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Osmanthus fragrans Lour.
ลักษณะทรงพุ่ม : ไม้พ่มุ ขนาดเล็ก ทรงค่อนข้างโปร่งและมีการแตกกิง่ ก้านสาขา
มาก วงศ์ : Oleaceae
ถิน่ กาเนิด : ประเทศจีน
ลักษณะทัวไป
่ : ไม้พ่มุ ขนาดเล็ก เจริญเติบโตช้า
ฤดูการออกดอก : ออกดอกช่วงฤดูฝน - ฤดูหนาว
เวลาทีด่ อกหอม : ช่วงเย็นใกล้มืด - เช้าก่อนแดดออก
การขยายพันธุ์ : จากการรวบรวมข้อมูล หอมหมืน่ ลี้ขยายพันธุไ์ ด้ 2 วิธีการ คือ
การปักชา และการตอน หอมหมืน่ ลีม้ ี 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุท์ ม่ี ดี อกสีเหลือง และสายพันธุท์ ม่ี ดี อกสีขาว
การะเกด
ชื่ออื่นๆ :
ปาหนัน ลาเจียก ลาเจียกหนู เตยด่าง เตยทะเล
วงศ์ ANDANACEAE
เตยหอม (Toeihom) Screw pine
ชื่ออื่นๆ ภาคกลาง : เตยหอมใหญ่ เตยหอมเล็ก
มลายู : ปาแนะวองิง (Pa-nae-wonging)
สรรพคุณและส่วนที่นามาใช้เป็ นยา
ต้นและราก-ใช้เป็ นยาขับปสั สาวะกระษัย
ใบสด-ตาพอกรักษาโรคหัด โรคผิวหนัง ใช้เป็ นยา
บารุงหัวใจให้ชุม่ ชืน้
โดยใช้น้าใบเตยผสมอาหาร แต่งกลิน่ แต่งสีขนม
สร้อยฟ้า
กันเกรา
กันเกราเป็ นพันธุ์ไม้ในวงศ์ Potalidaceae (เดิม Loganiaceae) พบขึ้นตามที่ราบทัว่
ประเทศแต่จะพบมากทางภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ พันธุ์ไม้ชนิดนี้มีเขตการ
กระจายพันธุ์ในแถบเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ไปจนถึงบอร์เนียว ชวา สุ มาตรา และหมู่เกาะ
ใกล้เคียง นอกจากจะมีทรงต้นสวย ดอกดกและหอมแล้ว ยังมีเนื้อไม้สวยสี เหลืองอ่อน และ
แข็งแรงทนทาน ใช้ทาสิ่ งปลูกสร้าง ทาเครื่ องเรื อน เครื่ องมือเครื่ องใช้ได้ดี แก่นและเปลือก
ใช้เป็ นสมุนไพรได้ดว้ ย จึงเป็ นพันธุ์ไม้ที่น่าส่ งเสริ มให้ปลูกประดับตามสวนสาธารณะ หรื อ
ปลูกเป็ นไม้ริมถนน เพื่อความสวยงามและการใช้ประโยชน์ขยายพันธุ์โดยใช้ไหล หรื อเพาะ
เมล็ด
กุหลาบมอญดอกสีชมพู
กลีบดอก กลิน่ หอมเย็นบารุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย
ช่วยระบาย
ชื่ออื่นๆ : ยี่ส่นุ
ลักษณะทัวไป
่ : เป็ นไม้พ่มุ ขนาดเล็ก มีหนามแหลม ฤดูการออกดอก
ตลอดปี หากมีการดูแลรักษาทีด่ ี เวลาทีด่ อกหอมแรงตลอดวัน
ชื่ออื่นๆ : เข็มขาว เข็มหอม
ข้อดีของพันธุไ์ ม้ :
ดอกทยอยบาน ออกดอกตลอดปี
การปลูกและดูแลรักษาง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม
เป็ นพันธุไ์ ม้หอมทีห่ าง่าย ราคาต้นพันธุถ์ กู
เข็มเขียว
ชื่ออื่นๆ : เข็มตาบู บุหงาราไป
ฤดูการออกดอก : ช่วงฤดูหนาว (พ.ย. - มี.ค.) เวลาทีด่ อกหอม : หอมตลอด
วันโดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็นก่อนมืด
เข็มหลวง
ไม้พ่มุ เตี้ยขนาดเล็ก ฤดูการออกดอก : ตลอดปี ออกดอกมากช่วงฤดูฝน (พ.ค.
- ส.ค.) เวลาทีด่ อกหอม : เย็น - เช้า
พุดซ้อน
ประโยชน์
สารสาคัญ
รากแก้ไข้ เปลือกต้นแก้บดิ ใบตาพอกแก้อาการปวดศรีษะ ดอกใช้สกัดทาน้ามัน
หอมระเหย ใช้แต่งกลิน่ เครือ่ งสาอาง ผลขับพยาธิและขับปสั สาวะ เมล็ดบดให้สาร
สีเหลืองทอง แต่งสีอาหารให้มสี เี หลือง
สารสีเหลืองทอง ชือ่ gardenin สารสีน้าตาลแดง ชือ่ corcin
ค ัดเค้ำ
Siamese Randia
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
คัดเค้า(กลาง) เค้ดเค้า(เหนื อ) หนามลิดเค้าจีเค๊า(เชียงใหม
คัดเค้าหนาม(ชัยภูมิ) คัดเค้าเครือ(นครราชสีมา)
พญาท้าวเอว(กาญจนบุรี)
ส่วนที่มีกลิ่นหอม: ส่วนของช่อดอกบานมีกลิ่นหอมแรง
การใช้ประโยชน์ : นิยมปลูกเป็ นไม้ประดับ ในทางเภสัชใช้ส่วนรากแก้ไข้
แก้เลือดออกตามไรฟั น ผล บารุงโลหิต ขับฟอกโลหิต ระดูเสีย หนามแก้
พิษฝี ไข้ต่างๆ
แก้ว
China Box Tree, Orange Jasmine,
Andaman Satinwood
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ แก้ว แก้วขาว(กลาง) แก้วลาย(สระบุรี) แก้วพริกตะไหล
แก้ว(เหนื อ) จ๊าพริก(ลาปาง) แก้วขีไ้ ก่(ยะลา) กะมูนิง(มาเลย์ปัตตานี )
เป็ นไม้พ่มุ มีใบมัน ดอกหอมกลีบดอกม้วนออก ดอก
บานพร้อมกัน
องค์ประกอบของสารเคมีที่ให้กลิ่น : benzyl
acetate, linalool, linalyl acetate,
benzyl alcohol, methyl
jasmonate, phenylacetic acid และ
cis-jasmone
ประโยชน์ : ไม้ใช้ทาเครื่องเรือน ซอด้วง ซออู้ ใบ เป็ น
ยาขับลม และบารุงโลหิต
มะกรูด (Ma-krut), Kaffir
lime , leech lime
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
หนองคาย : มะหูด (Ma-hut)
ภาคเหนือ : มะกูด (Ma-kut)
้ ว่ ผี
ภาคใต ้ : สมมั
้ ด (Som-krut)
สมกรู
ี ด (Kroitเขมร : โกรยเชย
chait)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้
ใบ – มีน้ ามันหอมระเหย ใชประกอบอาหาร
้ งกลิน
ผล – ใชแต่
่ สระผม
ผิวจากลูก – บารุงเป็ นยาขับลมในลาไส ้ แก ้แน่น
ราก – ถอนพิษ แก ้ปวดท ้อง แก ้พิษฝี ภายใน
ลูกมะกรูด – หมักดองเป็ นยาดองเปรีย
้ วเค็ม รับประทานฟอกล ้างและ
บารุงโลหิต
มะนำว (Ma-nao), Lime
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
้
ทั่วไป : สมมะนาว
(Som-ma-nao)
ี งใหม่ :
เชย
มะลิว (Ma-liu)
มลายู : ลิมานิปี (Li-ma-ni-pi)
กะเหรีย
่ ง- กาญจนบุร ี : ปะโหน่งกลยาน
เขมร : โกรัยชะม ้า (Kroi-cha-ma)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
น้ าในผล-แก ้ลักปิ ดลักเปิ ด ทาอาหาร
้
ใบ-ใชฟอกโลหิ
ตประจาเดือน
เมล็ด-คัว่ ให ้เหลืองผสมในยาขับเสมหะ
้ นยาถอนพิษไข ้
ราก-ใชเป็
พิกล
ุ
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
(Phi – kun)
ภาคเหนือ : แก ้ว(Kaeo) ภาคใต ้ : กุล (Kun)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
ี
ดอกสด-เข ้ายาหอม ทาเครือ
่ งสาอาง แก ้ท ้อง เสย
ดอกแห ้ง-เป็ นยาบารุงหัวใจ ปวดหัว เจ็บคอ
เปลือก-ยากลัว้ ล ้างปาก เหงือกบวม แก ้ปวด เมือ
่ ย
่ วารเด็ก แก ้โรคท ้องผูก
เมล็ด-ตาแล ้วใสท
แก่นทีร่ าก-เป็ นยาบารุงโรคหัวใจ
ราตรี
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ:
ดอกหอมดึก, หอมดึก
โทษ : ใบมีสาร steroid sapogenin มีพิษต่อหัวใจ ผลดิบมีสารชื่อ solanine
ทาให้ทอ้ งร่ วงและอาเจียนอย่างรุ นแรง ผลสุ กมีสารชื่อ atropine ทาให้
วิงเวียน ปวดศรี ษะ ใจสัน่ ประสาทหลอน ม่านตาขยาย ปากแห้ง หลับ ถ้า
รับประทานอาจถึงตายได้
ทิวาราตรี
ลักษณะทัวไป
่ เป็ นไม้พมุ่ สูงประมาณ 2 - 5 เมตร
แตกกิง่ ยืดยาวจานวนมาก เป็ นไม้ดอกหอมสกุลเดียวกับราตรี
คนไทยรูจ้ กั กันมาไม่ต่ากว่า 20 ปี ออกดอกดกส่งกลิน่ หอมฟุ้ง ใบมีลกั ษณะรูปรีแกม
ใบหอกขอบ ใบเป็ นคลื่น ดอกออกเป็ นช่อตามซอกใบทีป่ ลายกิง่ ดอกเล็ก มี 5 - 6
กลีบ ปลายกลีบม้วนออก กลิน่ หอมตอนกลางวัน เมล็ดแก่เป็ นสีดาซึง่ ต่างจากราตรีท่ี
เป็ นสีขาว
ถ้วยทอง
ดอก
เป็ นไม้ดอกเดีย่ ว ออกดอกตามซอกใบและบริเวณปลายกิง่ ลักาณะของ
ดอกเป็ นรูปทรงกรวยทีม่ ขี นาดใหญ่ บริเวณปากกรวยจะคอดและปลายดอกจะแยก
ออกเป็ น 5 กลีบ หรือ 5 แฉก ดอกสีเหลืองและภายในดอกจะเป็ นแถบสีมว่ งแดงเป็ น
เส้น ๆ ตามยาว ประมาณ 10 เส้น มีกลีบเลีย้ งเชื่อมติดกันเป็ นหลอดทีโ่ คนดอก ดอก
ด้วยทองจะมีกลิน่ หอมจัดในตอนเย็น จะออกดอกในช่วงเดีอนตุลาคม - มกราคม
รวงผึง้
นำงแย้ม
(Nang-yaem)
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ ภาคเหนือ : ปิ้ งชะมด (Ping-cha-mot)
้
ปิ้ งชอน
(Ping-son) ปิ้ งสมุทร (Ping-sa-mut)
้
โคราช : สวนใหญ่
(Suan-yai)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้
ใบ – ใชประคบรั
กษาไขข ้ออักเสบ รักษาโรคผิวหนัง
้ ้ไข ้ บารุงประสาท ใชรากฝนกั
้
ราก – ใชแก
บน้ าปูนใส ทารักษาเริมหรืองูสวัด ต ้ม
รับประทานแก ้ฝี ภายใน ขับปั สสาวะ ไตพิการ
เร่ว
(Reo), Bustard cardamom, Tavoy cardamom
ื่ อืน
ี งใหม่ :
ชอ
่ ๆ เชย
มะอี้ (Ma-i) หมากอี้ (Mak-i)
ี งใหม่ : ผาลา (Pha-la)
เงีย
้ ว-เชย
อีสาน :
หมากเน็ ง (Mak-neng)
ตาปี :
กะวานป่ า (Ka-wan-pa)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
ใบ – ขับปั สสาวะ
ดอก – แก ้ไข ้ทีเ่ ป็ นเม็ดผืน
่ ทัง้ ตัว
ี วง ไอหืด ไอเสมหะ แก ้โรคเกิดจาก
ผล – แก ้ไข ้ แก ้ริดสด
ระดูขาวให ้โทษ
ราก – แก ้หืด
กระชาย
(Kra-chai)
ชื่ออื่นๆ
ภาคกลาง :
กะชาย (Ka-chai)
ภาคเหนือ :
ละแอน (La-an) กะแอน (Ka-an)
กะเหรี่ ยง – กาแพงเพชร : โป้ตาวอ (Po-ta-wo)
เงี ้ยว :
ชี ้พู้ (Chi-phu)
สรรพคุณและส่ วนทีน่ ำมำใช้ เป็ นยำ
เหง้าอ่อนและแก่ – ใช้ทานเป็ นยาขับลม แก้ทอ้ งขึ้น -ท้องเฟ้ อ
ทาภายนอก แก้โรคกลากเกลื้อน
ั
ขมิน
้ ชน
(Khamin-chun,
Khamin-kaeng), Turmeric
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ ทั่วไป : ขมิน
้ (Khamin)
ภาคเหนือ : เข ้ามิน
้ (Kha-min)
ี งใหม่ : ขมิน
เชย
้ ป่ า (Khamin-pa)
ขมิน
้ หัว (Khamin-hua) ขมิน
้ หยวก (Khaminyuak) ขมิน
้ แกง (Khamin-kaeng)
กะเหรีย
่ ง-กาแพงเพชร : ตายอ
(Tha-yor)
ภาคใต ้ : หมิน
้ (Min) ขีม
้ น
ิ้ (Khimin)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
เหง ้า – ปรุงอาหารและทายาแก ้ท ้องอืดเฟ้ อ แก ้ปวดท ้อง
ขมิ้นขาว
ชื่ออื่นๆ : ขมิ้นม่วง
ลักษณะทัวไป
่ : เป็ นพันธุไ์ ม้หวั หรือเหง้าล้มลุกอายุหลายปี ฤดูการออกดอก :
ประมาณกลางฤดูฝน เดือน ก.ค. - ก.ย. เวลาทีด่ อกหอม : ดอกหอมน้ อยมาก ส่วน
ทีห่ อมจริงๆ คือเหง้าและราก การขยายพันธุ์ : แยกเหง้า
ข่ำ
(Kha), Galingale, Galanga
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้
เหง ้าอ่อนและแก่ – ใชทานเป็
นยาขับลม
แก ้ท ้องขึน
้ ท ้องเฟ้ อ– ทาภายนอกแก ้โรคกลากเกลือ
้ น
ขิง
(Khing), Ginger
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้
เหง ้าอ่อนและแก่ ทัง้ สดและแห ้ง – ใชประกอบ
้ นยา
อาหารคาวหวาน แต่งกลิน
่ กลบรส ใชเป็
ขับลม แก ้ท ้องอืดท ้องเฟ้ อ ซงึ่ นิยมใชขิ้ งแก่
ไพล
ื่ อืน
ชอ
่ ๆ
(Phlai), Cassumunar
ภาคเหนือ : ปูเลย (Pu-loei) พันเลย (Phan-loei)
เขมร : ปั นเลย (Phan-loei)
สรรพคุณและสว่ นทีน
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
เหง ้า – แก ้บิด ขับฟองโลหิต แก ้ปวด
ท ้อง แก ้ท ้องผูก แก ้ท ้องอืดเฟ้ อ แก ้
ี ด บีบมดลูก แก ้ปวดบวม
จุกเสย
น้ ามันไพล – น้ ามันสกัดจากเหง ้าไพล
ได ้รับการพิสจ
ู น์ผลทางยาแก ้ปวดบวม
โดยสถาบันวิจัย-วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย และ
คณะแพทย์ศาสตร์ศริ ริ าชพยาบาล
มหาหงส์
ประโยชน์ หัวใต้ดนิ ต้มกับน้า ใช้เป็ นยากลัว้ คอ แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ใช้น้าคัน้ ทา
แผลบวม ถิน่ กาเนิด แถบเทือกเขาหิมาลัย ชอบขึน้ ในทีช่ น้ื สูง เจริญงอกงามในดิน
แทบทุกชนิด และทีม่ นี ้ามาก มีแดดราไรจนถึงแสงแดดจัด ต้องระวังรากเน่า
ั
ว่ำนชกมดลู
ก (Wan-chak-mot-luk)
รูปล ักษณะ ไม ้ล ้มลุก ลงหัวจาพวกว่าน ใบสเี ขียวคล ้ายใบพุทธรักษา
ี ดง ลงหัวในฤดูฝน หัวกลมโต เนือ
กลางใบสแ
้ ในส ี
เหลืองอ่อน
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
เหง ้า – เป็ นยาบีบมดลูก ทาให ้มดลูกเข ้าอู่ ทาให ้ประจา
เดือนมาตามปกติ รักษาอาการอาหารไม่ยอ
่ ย
ว่ำนมหำเมฆ
(Wan-ma-ha-mek)
่ นทีน
สรรพคุณและสว
่ ำมำใชเ้ ป็นยำ
้ นยาบีบมดลูก ทาให ้มดลูกเข ้าอูเ่ ร็วขึน
เหง ้า – ใชเป็
้
มดลูกคลายความอักเสบ เป็ นยาถ่าย
ว่านสาวหลง
ชื่ออื่นๆ : ว่านฤาษีผสม
ว่านสาวหลงมีตน้ และใบเหมือนต้นข่า แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก ต้น ไม้เนื้ออ่อน อายุหลาย
ปี มีเหง้าทอดเลื้อย ต้นเทียมเกิดจากกาบใบอัดกันแน่น ใบ เดี่ยว เรี ยงสลับ ใบเป็ นรู ป
ใบหอกแคบ ปลายใบเรี ยว แหลม ขอบใบบิด ใบสี เขียว กลางใบสี แดงเรื่ อๆ ใบมีขนนุ่ม
ปกคลุม ดอกช่อ ปลายช่อโค้ง กลีบปากสี เหลือง ดอกย่อย สี เหลือง ก้านดอกยาว ผล
เป็ นช่อคล้ายช่อพริ กไทย การขยายพันธุ์ แยกกอ เพาะเมล็ด ประโยชน์ ปลูกไว้กบั บ้าน
เป็ นมงคล เป็ นว่านเมตตามหานิยม ใช้เป็ นสมุนไพร ทาตามตัวให้เป็ นเสน่ห์ ต้ม อบ
หรื ออาบสมุนไพร บารุ งผิวพรรณ เหง้า ขับลมในลาไส้ ทุกส่ วนกลิ่นหอมแรง ว่านสาว
หลงชอบขึ้นตามป่ าที่ชุ่มชื้น มีแสงแดดราไร
แก้วเจ้าจอม
ดอกเป็ นดอกเดีย่ วสีฟ้าอมม่วงหรือสีฟ้าคราม และจะจางลงเมือ่ ใกล้โรยมีกลิน่ หอม
ผล มีเนื้อขนาดเล็ก รูปหัวใจกลับกดแบนลง สีเหลืองสดใส หรือส้มเมล็ดแข็งรูปไข่ เป็ น
ต้นไม้นาเข้ามาในสมัยรัชกาลที่ 5 ปลูกอยูใ่ นวังสวนสุนนั ทา(ปจั จุบนั คือสถาบันราชภัฏ
สวนสุนนั ทา) ออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน และเดือนสิงหาคม-ตุลาตคม
แก้วเจ้าจอมชอบอยูก่ ลางแจ้ง เป็ นไม้กลางแจ้ง เติบโตได้ดใี นดินร่วนระบายน้าได้ดี