Transcript talengpai

“...มีไม้นานาไม้แมก หมูต
่ ะแบกตระบาก มากกระเบา
กระเบียน
ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมีแสมม่วงโมกซากซึก
โศกสนสัก รวกโรกรักรังรง ปริกปริงปรงปรางปรู...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ :
Hydnocarpus sumatrana
วงศ์ :
FLACOURTIACEAE
ชือ
่ อืน
่ : กระเบาน้า, กระเบาเบ้าแข็ง, กระเบาใหญ่, กาหลง, แก้ว
กาหลง, กระเบา (ภาคกลาง), กระเบาตึก (เขมร-อีสาน), ตัวโฮ่งจี๊
(จีน), เบา (สุราษฎร์)
กระเบา เป็ นต้นไม้ทค
ี่ นไทยรูจ้ กั มาแต่นานแล้ว เพราะ
นอกจากกระเบาจะเป็ นไม้ทม
ี่ ีเนื้อเหนียว นิยมใช้ไม้กระเบามาทาเป็ น
ด้ามเครือ
่ งมือเครือ
่ งใช้ตา่ ง ๆ ในแวดวงของการกสิกรรมแล้ว คนไทย
ยังนิยมใช้เมล็ดของกระเบาสะกัดไปทาน้ามันทาแก้โรคผิวหนังมาแต่
นานแล้วด้วย กระเบาจึงไม่มีชือ
่ พื้นเมืองอืน
่ มาเรียกซา้ ซ้อนใน
เมืองไทย เหมือนอย่างไม้ชนิดอืน
่ ๆ
กระเบาเป็ นต้นไม้ป่าทีม
่ ีขน
ึ้ อยูท
่ ง้ ั ทางภาคเหนือและใต้ของประเทศไทย
้ อยูใ่ นเขตป่ าทีอ่ ยูส
และมักพบขึน
่ งู จากระดับน้าทะเลตัง้ แต่ 100 –
1,400 เมตร เป็ นต้น ไม้ไม่สงู ใหญ่มาก คืออาจมีขนาดต้นสูงตัง้ แต่ 6 –
15 เมตร เรือนยอดค่อนข้างแน่ นทึบมักเป็ นพุม
่ ทรงกลม ไม่ผลัดใบแต่
ลาต้นมักคดงอ กิง่ ก้านมักจะแตกออก ไปเป็ นแนวตรงในลักษณะทีต
่ ง้ ั
ฉากกับต้น เปลือกของลาต้นเรียบเกลี้ยงเป็ นสีน้าตาล มีกลิน
่ เหม็น
กระเบาเป็ นไม้เลี้ยงเดีย่ ว ใบเป็ นรูปหอกเรียวรี ปลายใบแหลม
ขอบในเรียบเกลี้ยงเนื้อใบค่อนข้างหนาแต่ออ
่ นนุ่ม ใบทุกใบมักบิดพลิว้
หรือพันไปทางใดทางหนึ่ง ขนาดใบกว้างประมาณ 4 – 5 เซนติเมตร
ยาวประมาณ 12 – 25 เซนติเมตร ออกดอกเป็ นกระจุกตามกิง่ หรือง่าม
ใบเป็ นสีขาวอมสีเขียวจาง ๆ ในกลุม
่ ดอกหนึ่ง ๆ อาจออกดอกได้ตง้ ั แต่
5 –15 ดอก กระเบาออกดอกในระหว่างเดือน มีนาคม – เมษายน ผล
กลมผิวของผลเป็ นสีน้าตาลนวลคล้ายกามะหยี่
“...ซากซึกโศกสนสัก
รวกโรครักรังรง ปริงปริงปรงปรางปรู
ลาแพนลาพูลาพัน
จิกแจงจันทร์พน
ั จา เกดระกากอกกุ่ม
กระทุม
่ กระถินพิมาน
เหล่าเสลาลานโลดเลียบ...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Anthocephalus chinensis (Lamk.) A. Rich.ex Walp.
ชือ
่ วงศ์ RUBIACEAE
ชือ
่ ไทยพื้นบ้าน ตุม
้ หลวง ทุม
่ พราย ตุม
้ ขีห
้ มู กระทุม
่ บก
เป็ นไม้ตน
้ ขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 8 - 15 ม. เรือนยอด เป็ นพุม
่ กลม แตก
กิง่ ตา่ ลาต้นคดหรือเปลาตรง เปลือกนอกสีเทา มีรูระบายอากาศขนาด
ใหญ่ทวั่ ไป ทาให้ดเู ปลือกขรุขระ เปลือกใน สีเหลืองอ่อน
ใบ ใบเดีย่ ว ออกตรงข้ามเวียนสลับตัง้ ฉากกัน รูปไข่ หรือรูปรี หรือรูป
ขอบขนาน ปลายกว้าง 2.5 - 5 ซม. ยาว 4 - 12 ซม. โคนใบมนหรือ
เว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ แผ่นใบด้านบนเกลี้ยง ด้านล่างมีขน
ประปราย หรือเกลี้ยง ก้านใบ ยาว 1 - 1.5 ซม. หูใบระหว่างก้านใบคู่
ละ 1 คู่ รูปรี หรือรูปไข่กลับยาว 0.5 - 1.3 ซม. ปรากฎชัดเจนตาม
ปลายกิง่ เส้นใบ มี 8 - 12 คู่ แยกเยือ
้ งกันชัดเจน ปลายเส้นใบจรดเส้น
ใบถัดไป เส้นใบขนานกันเป็ นระเบียบสวยงาม เห็นได้ชดั เจน
ดอก แบบช่อกระจุกซ้อน 3 ชัน
้ ระนาบเดียวกัน สลับกับตรง
ข้าม มีใบประดับขนาดใหญ่ทก
ุ ชัน
้ ลักษณะคล้ายใบแซมห่าง
ๆ มีเส้นใบเช่นเดียวกับใบปกติ ก้านใบสีแดง บริเวณ
ส่วนล่างของช่อ ก้านช่อแยกออกเป็ นมุม 45 องศาทีโ่ คน
ก้านดอกแต่ละชัน
้ ก้านช่อดอกแต่ละชัน
้ ยาว 3 - 6 ซม.
ก้านช่อกลม ดอก สีเหลืองแบบกระจุกแน่ น ดูรวมกันแล้ว
เหมือนดอกกลมขนาด 1 - 2 ซม. แต่ละช่อมีดอกเล็ก ไม่มี
ก้านดอก กลิน
่ หอมแรง กลีบรองกลีบดอกเล็กมาก ติดกัน
คล้ายรูปถ้วย ขอบตัด กลีบดอกสีเหลือง ติดกันเป็ นหลอดยาว
ปลายแยกเป็ น 5 แฉก เกสรผู้ มี 5 อัน รังไข่ อยูใ่ ต้วงกลีบมี
ก้านเกสรเมียยืน
่ พ้นปากหลอดกลีบดอก
ผล แห้งแตก รูปไข่ ขนาดเล็ก แต่ภาพทีเ่ ห็นเป็ นดอกสีดา
“...ซากซึกโศกสนสัก
รวกโรครักรังรง
ปริงปริงปรง
ปรางปรู
ลาแพนลาพูลาพัน
จิกแจงจันทร์พน
ั จา เกด
ระกากอกกุม
่
กระทุม
่ กระถินพิมาน
เหล่าเสลาลานโลด
เลียบ...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Leucaena leucocephala (Lamk.) de Wit.
วงศ์ LEGUMINOSAE-MIMOSOIDEAE
ชือ
่ ไทยพื้นเมือง กระถินไทย,กระถินดอกขาว,กระถินหัวหงอก (ไทย
ภาคกลาง),สะตอเทศ,สะตอเบา,สะตอบ้าน (ภาคใต้) กระถิน,กระถิน
น้อย,กระถินบ้าน,ผักก้านถิน,กะตง (สมุทรสงคราม)
กระถินเป็ นไม้พม
ุ่ ขนาดใหญ่ถงึ ไม้ตน
้ ขนาดเล็ก สูงได้ถงึ 10 เมตร ไม่
ค่อยแตกกิง่ ก้านสาขา
1. ใบ ประกอบแบบขนนกสองชัน
้ เรียงสลับ ยาว 12.5-25 ซม.
แกนกลางใบ ประกอบยาว 10-20 ซม. มีขน แยกแขนง 2-10 คู่ ยาว
5-10 ซม. ก้านแขนงสัน
้ มีขน ใบย่อย 5-20 คู่ เรียงตรงข้าม รูปแถบ
หรือรูปขอบขนานแกมรูปแถบ กว้าง 2-5 มม. ยาว 0.6-2.1 ซม.
ปลายแหลม โคนเบีย้ ว ขอบมีขน ท้องใบมีนวล
2. ดอก ออกเป็ นช่อ ช่อดอกออกแบบช่อกระจุกแน่ น ออกตามง่ามใบ
1-3 ช่อ เป็ นฝอยนุ่มมีกลิน
่ หอมเล็กน้อย
3. ผล เป็ นฝัก ฝักออกเป็ นช่อแบนยาวประมาณ 4-5 นิ้วฟุต เห็นเมล็ด
เป็ นจุดๆ ในฝัก ตลอดฝัก
การปลูก
กระถินทนความแห้งแล้งได้ดี และเติบโตเร็ว ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
“...ประคาควายประคาไก่ ไผ่เพกาตาเสือ มะเกลือ
มะกล่าราไย ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าว
ตะโกตะกู
พลับพลวงพลูพลองสล้าง...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ :
Ficus bengalensis
วงศ์ :
MORACEAE
ชือ
่ ไทยพื้นเมือง : นิโครธ
กร่างเป็ นต้นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ใบกลมโต
ขนาดฝ่ ามือ ลายเล็กน้อย เรือนพุม
่ กลมเตีย้ มีกงิ่ ก้านสาขางอกงาม
กร่างมีรากอากาศย้อยลงมาจากกิง่ ก้านและพาดพันหุม
้ ล้อมรอบลา
ต้น ทาให้ตามลาต้นของกร่างเป็ นซอกเป็ นโพรงเหมาะแก่งูใหญ่ ๆ
อาศัย กร่างเป็ นไม้ทใี่ ห้รม
่ เงา เย็น กว่าต้นไม้อน
ื่ ๆ อีกหลาย
จาพวก
กร่างออกดอกให้ผลเช่นพวกมะเดือ
่ ทัง้ หลาย ดอกและผลกลม
โตขนาดผลมะแว้งใหญ่ ๆ ผลสุกสีเหลืองแดง จึงทาให้กร่างเป็ นที่
้ ห่าง ๆ
อาศัยของนกต่าง ๆ ทีอ่ าศัยความร่มเย็นและอาหาร กร่างขึน
ตามป่ าเบญจพรรณทั่ว ๆ ไป โดยมากนิยมปลูกตามวัดถือว่าไม้
ชนิดนี้พระพุทธเจ้าก็ได้เคยอาศัยร่มเงานั่งบาเพ็ญฌาณมาครัง้ กาล
ก่อนโน้น
สุรภีรน
ื่ รสคนธ์ บุนนาคปนปะแปม การะเกดแกม
กรรณิการ์ มะลิวลั ย์ลาหลายหลาก มากเมิลหมูแ
่ มก
ไม้ ถวิลถึงองค์ออ
่ นไท้ ธิราชร้อนทรวงเสียว อยูน
่ า
ชือ
่ อืน
่ ๆ:กณิการ์ กรณิการ์
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Nyctanthes abortristis L. วงศ์:OLEACEAE
กรรณิการ์เป็ นไม้พม
ุ่ ทีม
่ ีขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง
ใบ หนา ค่อนข้างแข็ง โคนใบมน ปลายใบแหลม ใบมีขนาดเท่าใบ
มะยม พื้นผิวใบหยาบ สากระคายมือ
ดอกช่อ ออกเป็ นช่อ โคนดอกเป็ นหลอด ปลายดอกแยกเป็ นกลีบ
ประมาณ 5 กลีบ เป็ นจานคล้ายรูปกงจักร สีขาว ก้านดอกมีสแ
ี ดง หรือ
สีสม
้ บานกลางคืน กลิน
่ หอมแรง ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ ปักชากิง่ เพาะเมล็ด ตอนกิง่
ประโยชน์ ใบ ดอก แก้ปวดตามข้อ แก้ไข้ เป็ นยาระบาย แก้ตานขโมย
เปลือกชัน
้ ในต้มกิน แก้ปวดศีรษะ ราก บารุงกาลัง ธาตุ ผิวหนัง แก้
ไอ แก้ผมหงอก
ถิน
่ กาเนิด พบทั่วไปในทวีปเอเชียเขตร้อน เช่น พม่า ศรีลงั กา อินเดีย
และไทย ต้องการน้าและความชื้นปานกลาง เติบโตได้ดใี นดินอุดมร่วน
ซุย
“...แก้มกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตรเกด
พิกุลแบ่งกลีบ ปี บจาปาจาปี มะลิลีประดูด
่ ง ปรูประยงค์ยมโดย
โรยเรณู รว่ งเร้า...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:โยทะกา
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Bauhinia acuminata L. วงศ์:LEGUMINOSAE CAESALPINIOIDEAE
กาหลงเป็ นไม้ตน
้ ขนาดกลาง สูง 2-3 เมตร แตกกิง่ ก้านเป็ นพุม
่ ทึบ
ใบ เรียงสลับ ใบเดีย่ ว ปลายหยักเว้าเหมือนใบแฝด
ดอกช่อ ช่อดอกสัน
้ ออกตามซอกใบและปลายกิง่ มีกลีบดอก 5 กลีบ สีขาว
หอมจาง บานครัง้ ละ 1-2 ดอก ฝัก แบน มี 5-10 เมล็ด ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และตอนกิง่
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับ ปลูกตามบ้านหรือสวนควบคูก
่ บั ไม้ใบแฝดอืน
่ ๆ
เพือ
่ ให้เห็นความงามของดอกแต่ละชนิด ชาวบ้านทางภาคเหนือนิยมปลูก
เพราะถือกันว่ามีคณ
ุ แก่เจ้าของ มักปลูกตามบ้านและข้างทาง ดอกเป็ นยา
แก้ปวดศีรษะ ลดความดันโลหิตสูง
ถิน
่ กาเนิด เอเชียเขตร้อน แอฟริกา
ขานางนึกคูค
่ ู้
ขาสมร
พลางพีโ่ อบเอวอร
แอบเคล้า
กระทุม
่ ดั่งทุม
่ กร
ตีอก เรียมฤา
เกดว่าเกศนุชเกล้า
กลิน
่ กลัว้ เสาวคนธ์
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ :
Manikara hexandra.
วงศ์ :
SAPOTACEAE.
เกดเป็ นต้นไม้ทไี่ ม่ผลัดใบมีความสูงได้ตง้ ั แต่ 8-15 เมตร
เรือนยอดเป็ นพุม
่ กลม เปลือกสีน้าตาลปนเทา บางต้นจะออกเป็ นสี
คลา้ ๆ แตกเป็ นร่องลึกหรือเป็ นสะเก็ด เนื้อไม้สน
ี ้าตาลอ่อน มีแก่น
ไม้แข็งสีน้าตาลแดง ใบหนาเกลี้ยง หน้าใบเขียวเข้มเป็ นมันท้องใบ
สีเขียวเข้าหาก้านใบ ปลายใบกว้างและหยักเว้าเข้าเป็ นรูปหัวใจ
ออกดอกตัง้ แต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม
ออกเป็ นกลุม
่ ๆ ตามง่ามใบ สีเหลืองอ่อน กลิน
่ หอมเย็น กลีบดอกมี
้ ตาม
ถึง 18 กลีบ มีกลีบรองดอก 6 กลีบ เรียงซ้อนกัน 2 ชัน
้ พบขึน
ป่ าดงดิบแล้ง และป่ าชายเลยหาดทางภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉี ยงใต้
และภาคตะวันตกเฉี ยงใต้
“...หมูม
่ ะไฟมะฝ่ อ หมูม
่ ะก่อมะกัก กระลาพักกระลาพอ
ยูงยานยอกายาน แต้วตูมตาลตาดต้อง ซ้องแมวโมง
มูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดอกเดือ
่ ดก...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร Fagraea fragrans Roxb.
วงศ์ LOGANIACEAE
ชืื ื่ออืน
่ ๆ มืันปลา ตาเสา มะซู
ไม้ตน
้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 15 - 25 เมตร เปลือกสีน้าตาลเข้ม
แตกเป็ นร่องลึกไม่เป็ นระเบียบ
ใบ เดีย่ วออกตรงกันข้าม แผ่นใบรูปมนขนาดกว้าง 2.5 - 3.5
เซนติเมตร ยาว 8 - 11 เซนติเมตร ปลายใบแหลมหรือยาวเรียว ฐานใบ
แหลม โคนมน
ดอก เริม
่ บานสีขาว แล้วเปลีย่ นเป็ นสีเหลือง กลิน
่ หอม ผลกลมเล็ก
เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 มม. สีสม
้ แล้วเปลีย่ นไปเป็ นสีแดงเลือดนก
เมือ
่ แก่เต็มที่ มีเมล็ดขนาดเล็กเป็ น จานวนมาก
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด
ประโยชน์ เนื้อไม้สเี หลืองอ่อน เสีย้ นตรง เนื้อละเอียด เหนียว แข็ง
ทนทาน ใช้ในการก่อสร้าง นิยมใช้ทาเสาเรือน แก่นมีรสฝาดใช้เข้ายา
บารุงธาตุ แน่ นหน้าอก เปลือกใช้บารุงโลหิต ผิวหนังพุพอง ปลูกเป็ นไม้
ประดับ
“...หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดือ
่ ดก กระทกรก
รกฟ้ ามะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทรไข่เหน้า
เปล้า
ประดูด
่ ด
ู าษ สนุ่นหนาดขนุนขนาด
พะวาหวานหวาย
หว้า...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Passiflora foeida L.
ชือ
่ พื้นเมือง กระโปรงทอง (ใต้) ละพุบาบี (มลายู-นราธิวาส-ปัตตานี)
เครือขนตาช้าง (ศรีสะเกษ) ตาลึงฝรั่ง (ชลบุรี) เถาสิงโต เถาเงาะ
(ชัยนาท) ผักแคบฝรั่ง (เหนือ) หญ้ารกช้าง (พังงา) ผักขีห
้ ด
ิ หญ้า
ถลกบาต รก เล่งจูกว้ ย เล้งทุงจู (จีน)
ชือ
่ วงศ์ กะทกรก PASSIFLORACEAE
ชือ
่ สกุลไม้ กะทกรก Passiflora L.
ชือ
่ สามัญ Red fruit passionflower,Stinking Passion Flower
ต้นไม้ เป็ นเถาเลื้อยเนื้ออ่อน อายุฤดูเดียวหรือหลายปี มีระบบราก
แก้ว มีมือเกาะและเลื้อยพัน ต้นไม้อน
ื่ ๆ หรือต้องอิงอาศัย ยาว
มากกว่า 5 ม. มีขนอ่อนสีขาวคลุมทั่วต้นผิวเครือสีเขียวมีขนคลุม
เช่นกัน
ใบ ใบเดีย่ ว เรียงสลับ รูปใบมองดูคล้ายใบตาลึงโดยมีแผ่นใบเว้า
เป็ น 3 แฉก ต่างกันมากทีม
่ ีขนสีขาวนุ่มทั่วใบ และใบไม่เป็ นมัน ใบ
อ่อน สีเขียวอ่อน ใบแก่ สีเขียวเข้มและเหลืองก่อนร่วงหล่นโคนใบ
เว้ารูปหัวใจ ปลายแฉก 3 แฉก สองแฉกลางอาจแหลมหรือมน ส่วน
แฉกปลายแหลม เป็ นรูปใบทีส
่ วยงาม เส้นแขนงใบแยกจากจุด
เดียวกัน 5 เส้น โดยมีเส้นที1
่ - 2 และ 4 - 5 เป็ นเส้นแขนงใบแฉก
ล่างสองแฉก เส้นที่ 3 เป็ นเส้นกลางใบหลัก ปลายเส้นจรดปลาย
แหลมของใบ เส้นแขนงใบย่อยแบบขัน
้ บันได เป็ นระเบียบสวยงาม
ดีปลายเส้นไม่จรดขอบใบ เส้นใบทัง้ หมดเห็นได้ชดั เจนทัง้ สองด้าน
ขอบใบหยักเป็ นคลืน
่ เล็กน้อยมีขนสัน
้ คลุม ก้านใบมีขนอ่อนคลุม
ยาว 3 - 6 ซม. โคนก้านใบมีหใู บเล็ก ๆ ติดอยู่ มือเกาะปลายม้วน
แน่ นยาว 4 - 6 ซม. ใบเหม็นเขียวแรง
เมล็ดทีม
่ ีเนื้อหุม
้ หวานอมเปรี้ยว ชุม
่ คอ กินแก้กระหายน้าได้
เด็ก ๆ ชอบเก็บเมล็ดทีม
่ ีเนื้อกินเล่นทั่วไป
ด้านสมุนไพร ใช้ได้เกือบทุกส่วนและมีสรรพคุณคือ
ราก แก้ไข้จบ
ั สั่น แก้ไข้ ถ่ายพยาธิ
เถา รักษากามโรค
เปลือก เป็ นยาชูกาลังทาให้แผลเน่ าเปื่ อยแห้ง
ใบ รสเมาเบือ่ แก้หวัด คัดจมูก แก้ปวดศีรษะ รักษาแผลแก้
หืด แก้หด
ิ แก้คน
ั
ผล รสหวานเย็น ทาให้อาเจียน บารุงปอด แก้ปวด แก้
บาดแผล
้ อืดเฟ้ อทาให้ผายลม
เมล็ด แก้เด็กท้องขึน
ทัง้ ต้น รสเมาเบือ่ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไอ แก้อาการ
บวมไม่รูส้ าเหตุ
“...การะเกดแกมกรรณิการ์
มะลิวลั ย์ลาหลายหลาก มาก
เมิลหมูแ
่ มกไม้ ถวิลถึงองค์ออ
่ นไท้ ธิราชร้อนทรวงเสียว อยู่
นา...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:ลาเจียกหนู เตยด่าง เตย
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Pandanus tectorius Sol. ex Parkinson
วงศ์:PANDANACEAE
การะเกดเป็ นไม้ตน
้ สูง 5-6 เมตร ต้นสีขาวหรือน้าตาลอ่อน มีหนาม
แหลมสัน
้ ๆ กระจายทั่วไป
ใบ รูปขอบขนาน ยาว 2 เมตร ขอบหยัก มีหนาม ปลายหนามโค้งไป
ทางปลายใบ กลิน
่ หอมอ่อนๆ
ดอกช่อ เพศผูแ
้ ละเพศเมียอยูแ
่ ยกคนละต้น ดอกเพศผูอ
้ อกตามปลาย
กิง่ เป็ นช่อยาว เพศผูม
้ ีกลิน
่ หอมมาก
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด แยกหน่ อ
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับทีม
่ ีกลิน
่ หอม ดอกมีรสขมแก้โรคในอก ใช้
ปรุงยาหอมทาให้ชุม
่ ชืน
่ หัวใจ ใช้เคีย่ วน้ามันทาน้ามันใส่ผม
้ กระจายตามริมน้า ริมคลอง
ถิน
่ กาเนิด เป็ นไม้ถน
ิ่ เดิมของไทย ชอบขึน
“...เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกุลแบ่งกลีบ ปี บจาปาจาปี
มะลุลีประดูด
่ ง
ปรูประยงค์ยมโดย...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:Chinese box tree , Orange jasmine ชือ
่
พฤกษศาสตร์:Murraya paniculata (L.) Jack
วงศ์:RUTACEAE
แก้วเป็ นไม้พุม
่ หรือไม้ตน
้ ขนาดเล็ก ต้นแตกกิง่ ก้านสาขาเป็ นพุม
่ สูง
ได้ถงึ 10 เมตร เปลือกต้นสีเทา แต่เป็ นร่อง เนื้อไม้สข
ี าวนวล สีเส้น
ยาวคดโค้งตามเนื้อไม้เป็ นลวดลายสวยงาม
ใบ เรียงเวียนสลับ ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบย่อยเรียงสลับ
ใบรูปกึง่ ใบหอก โคนใบแหลมหรือสอบ ปลายใบแหลม ใบมีตอ
่ ม
น้ามันมีกลิน
่ หอม สีเขียว หนา แข็งเป็ นมัน ถ้าขยี้ดมมีกลิน
่ เหมือน
ผิวส้ม
ดอกช่อ ช่อสัน
้ ออกตามซอกใบ กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 5
กลีบ ร่วงง่าย กลีบดอก สีขาว
ผล ถ้าแก่สแ
ี ดงอมส้ม ต่อมน้ามันเห็นชัด เมล็ด รูปไข่ ขนาด 5X 10
มม.มีขนเหนียวหุม
้ รอบเมล็ด ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ปักชากิง่ ตอนกิง่
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับ ไม้ใช้ทาไม้เท้าและแกนเพลาเกวียน
เครือ
่ งเรือน กรอบรูป ใบ เป็ นยาฝาดสมาน ใบสด เป็ นยาขับระดู
แก้จุกเสียด แน่ นเฟ้ อ ขับลม บารุงโลหิต แก้ปวดฟัน น้ามันจากใบ
ใช้เป็ นยาชา เปลือกใช้ทาเครือ
่ งสาอาง ถิน
่ กาเนิดในไทยทุกภาค
พบในป่ าดิบแล้ง ตามเขา ในจีน ญีป
่ น
ุ่ เกาหลี อินเดีย ศรีลงั กา พม่า
้ ได้ดใี นทีด
อินโดจีน มาเลเซีย ขึน
่ น
ิ ร่วนปนทรายและทนทานต่อ
ความแห้งแล้ง ทีม
่ ีน้า ความชื้นพอสมควร และทีก
่ ลางแจ้ง แสงแดด
จัด
“...หมูม
่ ะไฟมะฝ่ อ หมูม
่ ะก่อมะกัก กะลาพักกะลาพอ
ยูงยานยอกายาน
แต้วตูมตาลตาดต้อง ซ้องแมวโมง
มูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดือ
่ ดก...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์:Styrax benzoides Craib
ชือ
่ อืน
่ : เขว้ (ละว้า เชียงใหม่) ซาดสมิง (นครพนม) เซพอบอ เส้พอ
่ บอ
(กะเหรีย่ ง เชียงใหม่) สะด่าน (เขมร สุรน
ิ ทร์)
กายานเป็ นไม้ตน
้ สูง 10–20 ม. เรือนยอดโปร่ง ลาต้นเปลาตรง เปลือก
เรียบ สีเทา กิง่ อ่อนมีขนนุ่ม
ใบ เดีย่ ว เรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่ กว้าง 3–4.5 ซม. ยาว 8–12 ซม. ปลายใบเรียว
แหลม โคนใบมนและเบี้ยวเล็กน้อย ท้องใบสีขาว มีขนประปราย ขอบใบเรียบ
หรือเป็ นคลืน
่ เล็กน้อย เส้นแขนงใบ 6–8 คู่ ก้านใบยาวประมาณ 1.5 ซม.
ดอก สีขาว กลิน
่ หอม ออกเป็ นช่อสัน
้ ๆ ตามง่ามใบและปลายกิง่
ผล กลมหรือแป้ น สีเขียวอ่อน กว้างประมาณ 2.5 ซม. ยาวประมาณ 2 ซม.
เปลือกแข็งมีฝาหรือหมวกปิ ดขัว้ ผล ซึง่ พัฒนาจากกลีบเลีย้ ง มี 1–2 เมล็ด
กายานมีการกระจายพันธุ์ในป่ าดิบเขาทางภาคเหนือ ภาค
ตะวันออกเฉี ยงเหนือ และภาคตะวันออก ทีค
่ วามสูงจากระดับทะเลปานกลาง
600–1,200 ม. ออกดอกเดือนมกราคม–กุมภาพันธ์ ผลแก่เดือนมีนาคม–เมษายน
ตาราไทยใช้ชน
ั ทีเ่ รียก Gum Benjamin ใช้เข้าเครือ
่ งยาและทา
เครือ
่ งสาอาง
“...หาดเหียงหันกันเกรา
สะเดาดูกเดือ
่ ดก
กระทกรกรกฟ้ า
มะข้ามะขามขานาง
ย่างทรายไทรไข่เหน้า
เปล้าประดูด
่ ด
ู าษ
สนุ่นหนาดขนุนขนาด
พะวาหวานหวายหว้า...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:ช้างเผือกหลวง เปลือย เปื๋ อยนาง ลิงง้อ
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Homalium tomentosum (Vent.) Benth.
วงศ์:FLACOURTIACEAE
ขานางเป็ นไม้ตน
้ ขนาดใหญ่ ผลัดใบ สูง 5- 40 เมตร เปลือกต้นเรียบ
บาง สีเทาแกมขาว
ใบ เดีย่ ว เรียงสลับรูปไข่กลับถึงรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ โคนใบรูป
ลิม
่ ปลายใบมนกลมหรือมีตงิ่ หนาม
ดอกช่อ สีเหลืองแกมเขียว ออกเป็ นช่อยาวแบบช่อเชิงลด ห้อยลง กลีบ
เลี้ยงเชือ
่ มติดกันเป็ นรูปกรวย มีขน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกรูปขอบขนาน
แกมรูปแถบ มีขนยาว
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิง่
ประโยชน์ ใช้ทาคาน เกวียน เครือ
่ งเรือน คราด และกระดาน ยา
พื้นบ้าน จังหวัดสุรน
ิ ทร์ ใช้ตน
้ ต้มน้าดืม
่ เป็ นยาแก้อมั พฤกษ์ อัมพาต
ถิน
่ กาเนิด เอเซียตะวันออกเฉี ยงใต้
“...พะวาหวานหวายหว้า สะบ้าสะบกเขลงขลาย
ประคา
ควายประคาไก่
ไผ่เพกาตาเสือ มะเกลือมะกล่าราไยไกร
กรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าวตะโกตะกู...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:Wood apple, Elephant's Apple
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Feronialimonia Swing
วงศ์:RUTACEAE
มะขวิดเป็ นไม้ตน
้ สูง 6-10 เมตร
ใบ เรียงเวียนสลับ ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อย 5-7 ใบ หรือ 9
ใบ รูปขอบขนานแกมไข่กลับ เนื้อใบมีตอ
่ มน้ามันกระจายทีข
่ อบใบ
ดอกช่อ ออกทีป
่ ลายกิง่ หรือทีซ
่ อกใบ กลีบดอกสีเหลืองแกมเขียว เจือ
ด้วยสีแดง
ผล รูปทรงกลม เมือ่ สุก สีเทาแกมน้าตาล เนื้อในกินได้ สุกเดือนตุลาคมธันวาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ใบแก้ทอ
้ งเสีย แก้ตกเลือด พอกหรือทาแก้ฟกบวม รักษาฝี และ
โรคผิวหนังบางชนิด
ถิน
่ กาเนิด ในอินเดีย
“...หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดือ
่ ดก กระทกรกรกฟ้ า มะ
ข้ามะขามขานาง
ย่างทรายไทรไข่เหน้า
เปล้าประดูด
่ ด
ู าษ
สนุ่นหนาดขนุนขนาด
พะวาหวานหวายหว้า...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Artocarpus heterophyllus Lamk.
ชือ
่ วงศ์ MORACEAE
ชือ
่ สามัญ Jack Fruit Tree
ชือ
่ ท้องถิน
่ ภาคเหนือ-ใต้ เรียก ขะหนุน ภาคอีสาน เรียก หมักหมี้, บักมีจ่ น
ั ทบุรี
เรียก ขะนู มลายู-ปัตตานี เรียก นากอ ชาวบน-นครราชสีมา เรียก โนน เขมร
เรียก ขนุน, ขะเนอ
ลักษณะทั่วไป ขนุนเป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ ลาต้นสูง
ประมาร 8–15 เมตรมียางขาวทัง้ ต้น ใบ กลมรี ยาว 7–15 ซม. ก้านใบยาว 12.5 ซม. เนื้อใบเหนียวและหนา ดอก ออกเป็ นช่อ ช่อดอกตัวเมียและตัวผูจ้ ะอยู่
บนต้นเดียวกัน ช่อดอกตัวผูจ้ ะออกทีป
่ ลายกิง่ เป็ นแท่งยาวประมาณ 2.5 ซม.
ช่อดอกตัวเมียเป็ นแท่งกลมยาวออกจากลาต้น กิง่ ก้านขนาดใหญ่ ผล เป็ นผลรวม
ผลกลมและยาวขนาดใหญ่ หนักหลายกิโลกรัมเมล็ดกลมรี เนื้อหุม
้ เมล็ดสีเหลือง
ถ้าสุกมีกลิน
่ หอม
การปลูก โดยการเพาะเมล็ด ปลูกทั่วไปในสวนและบริเวณบ้าน
สรรพคุณทางยา
ใบ รสฝาดมันรักษาหนองเรื้อรัง และใบสดนามาตาให้ละเอียดอุน
่ พอกแผล
ราก รสหวานอมขม แก้ทอ
้ งร่วง แก้ไข้ แก้ธาตุน้ากาเริบ โลหิตพิการ ฝาด
สมานบารุงกาลัง และบารุงโลหิต
แก่นและราก รสหวานอมขม บารุงโลหิต แก้กามโรค ขับพยาธิ ระงับประสาท
และแก้โรคลมชัก
ยาง รสจืด ฝาดเฝื่ อน แก้อกั เสบบวม แผลมีหนองเรื้อรัง แก้ตอ
่ มน้าเหลือง
อักเสบ ขับพยาธิ และขับน้านม
เนื้ อหุม
้ เมล็ด รสหวานมันหอม บารุงกาลัง และชูหวั ใจให้ชุม
่ ชืน
่
เนื้ อในเมล็ด รสหวานมัน บารุงน้านม ขับน้านม และบารุงกาลัง
“...สะบ้าสะบกเขลงขลาย ประคาควายประคาไก่ ไผ่เพกาตาเสือ
มะเกลือมะกล่าราไย
ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าวตะโก
ตะกู พลับพลวงพรูพลองสล้าง
พลางบพิตรเจ้าช้าง...”
ชือ
่ พื้นเมือง
เขลง เขล็ง เคง นางดา อีดา่ ง หมากเคง
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Dialium cochincinchinense Pierre.
ชือ
่ วงศ์
LEGUMINOSAE- CAESALPINIOIDEA
ไม้ตน
้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงถึง 30 เมตร
ใบ เป็ นช่อ แกนช่อใบยาว 5-12 ซม. ไม่มีขนปกคลุม ช่อใบมีใบย่อย 5-9 ใบ
้ เยื้องสลับกันและมีใบย่อยทีป
ขึน
่ ลายแกนช่อใบ ทรงใบรูปไข่ป้อมถึงรูปมน
กว้าง 1.5-4.5 ซม. ยาว 4-8 ซม. ปลายใบเรียวแหลมหรือมนเส้นแขนงใบ
ด้านข้างมี 6-10 คู่ ปลายเส้นเชือ
่ มติดกันใกล้ขอบใบ ก้านใบย่อยยาว 4-5 มม.
ดอก ขนาดเล็ก ออกเป็ นช่อใหญ่ ยาว 10-30 ซม. มีขนคลุมบางๆ ก้านดอก
ย่อยยาวประมาณ 2 มม. ดอกตูมรูปไข่ ยาว 3-4 ซม. กลีบรองกลีบดอกรูปมน
ยาว ประมาณ 4 มม. ด้านนอกมีขนสีเทาคลุมบางๆ ด้านในเกลี้ยงไม่มี
ขน ก้านเกสรผูส
้ น
้ ั มาก ยาวประมาณ 3 มม. รังไข่ มีขนนุ่มเป็ นมันปกคลุม
ผล รูปไข่ กว้าง 10 มม. ยาว 15 มม. ผิวนอกมีขนละเอียดคลุมประปราย
เมล็ดรูปมน กว้าง 6 มม. ยาว 9 มม. มีรวิ้ ตามทางยาว ผลแก่ระหว่าง
เดือน
“...สะบ้าสะบกเขลงขลาย
ประคาควายประคาไก่
ไผ่เพกาตาเสือ
มะเกลือมะกล่าราไย
ไกรกรดกร่างช้างน้าว
ขวิดขวาดขว้าว
ตะโกตะกู
พลับพลวงพรูพลองสล้าง พลางบพิตรเจ้าช้าง...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:กว้าว ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Haldina cordifolia (Roxb.) Ridsdale
วงศ์:RUBIACEAE
ขว้าวเป็ นไม้ตน
้ ผลัดใบขนาดใหญ่
ใบ เรียงตรงข้ามสลับตัง้ ฉาก ใบเดีย่ ว ป้ อม รูปหัวใจ โคนใบโค้งกว้างและเว้า
หยักลึกตรงรอยต่อก้านใบ ปลายใบมน ขอบเรียบ แผ่นใบด้านบนมีขนสาก หู
ใบอยูร่ ะหว่างก้านใบ รูปไข่กว้าง ปลายมน ประกบติดกันเป็ นคูท
่ ีย่ อด ร่วงง่าย
ช่อดอก แบบช่อกระจุกแน่ น รูปทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.1
ซม. ออก 1-5 ช่อตามง่ามใบหรือเหนือรอยแผลใบตามปลายกิง่ ดอกเล็ก มี
จานวนมาก สีเหลือง กลิน
่ หอมอ่อน ผล แห้ง แตก รูปรี ผิวแข็ง รวมกันบน
ก้านช่อ เป็ นก้อนกลม เมล็ดรูปรี ยาว 4 - 5 มม.มีปีกบาง 1 ปี ก ออกดอก
ระหว่างเดือน มีนาคม - พฤษภาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ เนื้อไม้ใช้กอ
่ สร้างภายใน
ถิน
่ กาเนิด จีนตอนใต้ อินเดีย ศรีลงั กา พม่า ภูมภ
ิ าคอินโดจีนและมาเลเซีย
้ ตามป่ าเบญจพรรณ
ตอนเหนือ ในประเทศไทย มีการกระจายทั่วทุกภาค ขึน
ป่ าเต็ง ทีส่ งู ตัง้ แต่ระดับน้าทะเลจนถึง 80 ซม.
“...ย่างทรายไทรไข่เหน้า
เปล้าประดูด
่ ด
ู าษ สนุ่นหนาดขนุนขนาด
พะวาหวานหวายหว้า
ละบ้าละบกเขลงขลาย
ประคาควาย
ประคาไก่
ไผ่เพาตาเสือ
มะเกลือมะกล่าราไร...”
ชือ
่ อืน
่ ขีเ้ ห็น คมขวาน ฝรั่ง
รูปลักษณะ
ไม้ยน
ื ต้นขนาดกลาง สูง 10-25 เมตร
ใบประกอบแบบนิ้วมือ เรียงตรงข้าม ใบย่อย 3-5 ใบ รูปไข่กลับแกม
วงรี หรือรูปใบหอกกลับ กว้าง 4-6 ซม. ยาว 10-13 ซม.
ดอกช่อ ออกทีซ
่ อกใบ กลีบดอกสีมว่ งอ่อน เชือ
่ มติดกันเป็ นหลอดกว้าง
มีขนละเอียด
ผลเป็ นผลสด รูปไข่หรือรูปไข่กลับ เมือ
่ สุกสีมว่ งดา
สรรพคุณและส่วนทีน
่ ามาใช้เป็ นยา
เปลือกต้น, รากเป็ นยาเจริญอาหาร แก้เด็กถ่ายเป็ นฟอง แก้บด
ิ แก้ไข้
แก้ตานขโมย แก้ทอ
้ งเสีย
“...หลายเหล่าพรรณพฤกษา
มีไม้นานาไม้แมก
หมูต
่ ะแบกตะบาก
มากกระเบากระเบียน
ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมีแสมม่วงโมก
ซากซึกโศกสนสัก
รวกโรกรักรังรง...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Cassia fistula Linn
ชือ
่ วงศ์ CAESALPINIACEAE
ชือ
่ สามัญ Golden Shower, Indian Laburnum, Pudding-Pine Tree,
Purging Cassia
ชือ
่ ท้องถิน
่ ภาคเหนือ เรียก ลมแล้ง ภาคใต้ เรียก ราชพฤกษ์ ปัตตานี เรียก ลัก
เกลือ ลักเคย ภาคกลาง เรียก ชัยพฤกษ์ ราชพฤกษ์ กะเหรีย่ ง-กาญจนบุรี เรียก
กุเพยะ กะเหรีย่ ง-แม่ฮอ
่ งสอน เรียก ปื อยู , ปูโย , เปอโซ , แมะหล่า อยู่ อีสาน
เรียก คูน
ลักษณะทั่วไป ราชพฤกษ์ เป็ นไม้ยน
ื ต้นสูงได้ถงึ ๑๕ เมตร เปลือกต้นสีเทา ผิวเรียบ
ใบ เป็ นใบประกอบ ทีป
่ ลายก้านใบเป็ นคู่ ใบย่อยเป็ นรูปไข่ ปลายใบแหลม เนื้อใบ
เกลี้ยงค่อนข้างบางหูใบมีขนาดเล็กและร่วงง่าย ดอกออกเป็ นช่อห้อยระย้าจากซอก
ใบ ช่อดอกมีกลีบเลี้ยง ๕ กลีบ มีแผ่นบางๆ ยาว ๑.๑๕ ซม.กลีบดอกมี ๖ กลีบ สี
เหลืองสดปลายมนเห็นเส้นลายชัดเจน ผล เป็ นฝักทรงกระบอกเปลือกนอกบางและ
แข็งเหมือนไม้ เรียบไม่มีขนยาว ๒๐ - ๖๐ ซม. มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ - ๒ ซม.
ภายในแบ่งเป็ นช่องๆ มีเมล็ดรูปรีแบนสีน้าตาลจานวนมาก
การปลูก เพาะเมล็ดให้ได้ตน
้ กล้าสูง ๓๐ - ๕๐ ซม. ขุดหลุมกว้างและลึก ๕๐
- ๗๐ ซม. ตากดินไว้ ๑๐- ๑๕ วันใช้ปยคอกรองก้
ุ๋
นหลุมนาต้นกล้าลงปลูก
กลบดินให้แน่ น รดน้าให้ชม
ุ่ ปลูกง่าย ไม่ชา้ ก็จะตัง้ ตัวได้
สรรพคุณทางยา ฝัก รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิน
่ เหม็นเอียน เย็นจัด
ไม่มีพษ
ิ สรรพคุณใช้ขบั เสมหะ ขับพยาธิ แก้เด็กเป็ นตานขโมย เป็ นยาถ่าย
และแก้ไข้มาลาเรีย เนื้อในฝัก รสหวานเอียน ใช้เป็ นยาถ่ายพยาธิ ยาระบาย
แก้ไข้มาลาเรีย แก้ปวดข้อ เมล็ด เมล็ดเป็ นยาระบายและทาให้
อาเจียน ดอก ดอก รสขมเปรี้ยว เป็ นยาถ่ายแก้โรคเกีย่ วกับกระเพาะอาหาร
และแผลเรื้อรัง ใบอ่อน รสเมา แก้กลาก
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เนื้อในฝักคูนมีสารประเภท Anthraqinones หลาย
ตัว เช่น Aloin, Rhein, Sennoside A, B และยังมี Organic acid สาร
Anthraquinone ทาให้เนื้อฝักคูนมีฤทธิเ์ ป็ นยาระบายได้ โดยมีฤทธิไ์ ป
กระตุน
้ การบีบตัวของลาไส้ เหมาะสาหรับผูท
้ ท
ี่ อ
้ งผูกเป็ นประจา
“...หลายเหล่าพรรณพฤกษา มีไม้นานาไม้แมก
หมูต
่ ะแบกตะบาก
มากกระเบากระเบียน
ตะขบตะเคียนคูนแค
สมอสมีแสมม่วงโมก
ซากซึกโศกสนสัก รวกโรกรักรังรง..."
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Sesbania grandiflora Desv
ชือ
่ วงศ์ Papilionaceae
ชือ
่ สามัญ Vegetable Humming Bird, Sesban, Agasta
ชือ
่ ท้องถิน
่ แคแกง, แคขาว
ลักษณะทั่วไป
เป็ นต้นไม้พื้นบ้าน เป็ นต้นไม้เนื้ออ่อน ปลูกได้ในทุกพื้นที่ ทัง้ ดินเหนียว
และดินปนทราย นิยมปลูกเป็ นรัว้ บ้าน คันนา ริมถนน และในบริเวณบ้าน หรือ
ปลูกไว้เพือ
่ ปรับพื้นทีใ่ ห้มป
ี ยุ๋ เพราะใบแคทีผ
่ แ
ุ ล้ว ทาให้ดน
ิ อุดมสมบูรณ์ ส่วนที่
นามารับประทานได้ มียอดอ่อน ดอกอ่อน ใบอ่อน และฝักอ่อน ออกในช่วงฤดู
ฝน ส่วนดอกอ่อนจะออกในช่วงฤดูหนาว
ดอกแค 100 กรัม หรือ 1 ขีด ให้พลังงานต่อร่างกาย 10 กิโลแคลอรี
มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง
วิตามินบีสอง และวิตามินซี การรับประทานดอกแคจะทาให้รา่ งกายได้เส้นใย
อาหาร ดอกแคเมือ
่ แก่จนกลีบร่วง ก็จะมีฝก
ั อ่อน นามาทาอาหารได้ เมือ
่ แก่จะ
แพร่พน
ั ธุ์ดว้ ยเมล็ด เจริญเติบโตง่าย มีอายุไม่นาน ก็ยืนต้นตาย แพร่พน
ั ธุ์ดว้ ย
ฝักทีม
่ ีเมล็ดแก่จดั การนาดอกแคมาทาอาหารต้องเด็ดเกสรสีเหลืองของดอกแค
ออกก่อนจะทาให้ไม่มรี สขม
“...เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกลุ แบ่งกลีบ ปี บจาปี จาปา มะลุลีประดูด
่ ง
ปรูประยงค์ยมโดย...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Michelia champaca Linn.
วงศ์
MAGNOLIACEAE
เป็ นต้นไม้สงู ประมาณ 3-4 เมตร เรือนต้นเป็ นพุม
่ น้อยๆ แต่มกั จะ
ชะลูด มีดอกสีเหลืองอมสีสม
้
กลิน
่ หอมแรงมากพอใช้ และมักเริม
่
หอมแต่เวลาเช้า และกลิน
่ ค่อยๆ ซาลงตอนเทีย่ งถึงบ่าย ดอกมีเกือบ
ตลอดปี แต่ชุกเป็ นฤดู จาปาไม่ชอบทีล่ ุม
่ ฉะนัน
้ เวลาปลูกต้องเลือกที่
ดอนๆ สักหน่ อย แล้วมีน้าถ่ายเทได้ตลอด ถ้าเอาไปปลูกตามทีล่ ุม
่ น้า
ขัง มักจะไม่รอด การเอาไปปลูกเขาใช้เพาะเมล็ดก็มี และใช้กงิ่ ตอน
ก็มเี หมือนกัน
“...เหล่าลาดวนดาษดง
แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกุลแบ่งกลีบ
ปี บจาปี จาปา
มะลุลีประดูด
่ ง
ปรูประยงค์ยมโดย...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Michelia alba DC.Syn :
M. longifolia Blume.
วงศ์
MAGNOLIACEAE
ถิน
่ กาเนิด
อินโดนีเซีย
เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลาต้นใหญ่สูงกว่าจาปาเล็กน้อย ต้นจะแตก
พุม
่ ยอดใบงามกว่าจาปา ใบนัน
้ เป็ นใบเดีย่ ว ปลายใบจะแหลม โคน
ใบมน ดอกเป็ นดอกเดีย่ ว มีสีขาวคล้าย ๆ กับสีของงาช้าง จะมีกลีบ
อยู่ 8-10 กลีบ ซ้อนกัน กลีบดอกจะเรียวกว่าจาปา ยาวประมาณ 2
นิ้ว ตรงกลางดอกจะมีเกสรเป็ นแท่งกลมเล็ก ยอดแหลมคล้ายผัก
ข้าวโพดเล็ก ๆ ปลูกประมาณ 3 ปี จาปี ถึงจะให้ดอก สามารถออก
ดอกได้ตลอดทัง้ ปี
“...สะบ้าสะบกเขลงขลาย ประคาควายประคาไก่ ไผ่ผกาตาเสือ
มะเกลือมะกล่าราไย
ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าวตะโก
ตะกู พลับพลวงพลูพลองสล้าง
พลางบพิตรเจ้าช้าง...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:Ochna integerrima Lour. Merr. ชือ
่
พฤกษศาสตร์:OCHNACEAE วงศ์:กระแจะ, ตาลเหลือง
ช้างน้าวเป็ นไม้ตน
้ ผลัดใบขนาดเล็ก ตามปลายกิง่ มีกาบหุม
้ ตาแข็งและ
แหลม
ใบ เดีย่ ว รูปไข่กลับ โคนสอบแคบ ปลายเรียวแหลม มนหรือเว้า เส้น
ใบละเอียด
ดอกช่อ เหลือง ออกเป็ นช่อกระจุกตามกิง่ ร่วงง่าย
ผล กลม เมล็ดเมือ
่ สุกมีสด
ี าติดอยูบ
่ นฐานรองดอกสีแดง ออกดอก
เดือน มกราคม- พฤษภาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ รากขับพยาธิ แก้น้าเหลืองเสีย
้ ตามป่ าเบญจพรรณและป่ าเต็ง
ถิน
่ กาเนิด เอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ขึน
รัง ในต่างประเทศทีล่ าวและเวียตนามถือว่าเป็ นไม้มงคล มีการซื้อขาย
กิง่ ทีม
่ ีดอกตูมและนิยมนาไปปักไว้ที่
เฌอปรางเปรียบนากน้อง
รักดั่งรักน้องพาง
ช้องนางเฉกช้องนาง
โศกพีโ่ ศกสมด้วย
นวลปราง
พีม
่ ว้ ย
คลายคลี่ ลงฤา
ดั่งไม้นานมี
ชือ
่ อืน
่ ๆ:Bush Clockvine ชื่
อพฤกษศาสตร์:Thunbergia erecta T. Anders.
วงศ์:ACANTHACEAE
ช้องนางเป็ นไม้พุม
่ เล็กเตีย้ ต้นสูง 2-3 เมตร
ใบ คล้ายใบแก้ว ใบมนปลายแหลม ออกเป็ นคูต
่ ามกิง่ ขอบใบเป็ นคลืน
่
ดอก สีน้าเงินปนม่วง แต่พน
ั ธุ์สข
ี าวหายากกว่าพันธุ์สม
ี ว่ ง ดอกกลม
เป็ นรูปปากแตรคล้ายดอกอินทนิลแต่เล็กกว่า กลางดอกเป็ นตาสีเหลือง
ถ้าบานอยูก
่ บั ต้นจะอยูไ่ ด้ 2 วัน ถ้าเด็ดออกจากต้นจะเหีย่ วเฉาเร็ว ผล
เป็ นรูปสามเหลีย่ ม เมือ่ แก่มีสีน้าตาล แตกได้ ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ ตอนกิง่ ปักชากิง่
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับ ตัดแต่งเป็ นพุม
่ หรือปลูกเป็ นรัว้ งามน่ าชม
ถิน
่ กาเนิด แอฟริกาตะวันตก ปลูกง่ายในทีแ
่ จ้งและมีรม
่ เงา ชอบดินร่วน
ซุย
“….เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค
ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ
ปี บจาปี จาปา
มะลุลีประดูด
่ ง ปรูประยงค์ยมโดย...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:เสีย้ วดอกแดง Orchid Tree
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Bauhinia purpurea L. วงศ์:LEGUMINOSAE CAESALPINIOIDEAE
ชงโคเป็ นไม้ตน
้ ผลัดใบ สูง 5-10 เมตร
ใบ เดีย่ ว ออกสลับ รูปค่อนข้างกลม โคนมนหรือเว้า ปลายเว้าลึก
ดอกช่อ สีชมพูถงึ ม่วงเข้ม ออกเป็ นช่อตามซอกใบและปลายกิง่ กลีบ
ดอก 5 กลีบ คล้ายดอกกล้วยไม้ มีกลิน
่ หอม ดอกใหญ่ 7-10 ซม.
ผล เป็ นฝักแบนเมือ่ แก่แตกเป็ น 2 ซีก ออกดอกเดือนเมษายนพฤษภาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอน
ประโยชน์ รากใช้เป็ นยาขับลม เปลือกเป็ นยาแก้บด
ิ แก้ทอ
้ งร่วง ดอกแก้
ไข้ เป็ นยาระบาย เป็ นไม้ทม
ี่ ีประโยชน์ทางเศรฐกิจมาก
ถิน
่ กาเนิด เขตร้อนทั่วไป
“..หมูม
่ ะไฟมะฝ่ อ หมูม
่ ะก่อมะกัก กระลาพักกระลาพอ
ยูงยานยอกายาน แต้วตูมตาลตาดต้อง ซ้องแมว โมง
มูกมัน
หาดเหียงหันกันเกรา
สะเดาดอกเดือ่ ดก...”
เป็ นไม้พม
ุ่ รอเลื้อย ใบเป็ นชนิดใบเดีย่ ว ออกตรงข้าม
กันกับคู่ มีลกั ษณะเป็ นรูปไข่ ปลายมน ดอกช้องแมว
ออกเป็ นช่อตามกิง่ ข้าง และห้อยลงมา
ดอกจะออกจากซอกของใบประดับ ซึง่ เรียงซ้อนกัน ตัวใบ
ประดับ เป็ นสีเขียวอมเหลืองมีสแ
ี ดงประอยูเ่ ป็ นจุด ตัวดอก
สีเหลือง ทีโ่ คนกลีบติดกันเป็ นรูปหลอดกลีบดอกแยกกันที่
ปลายของหลอดดอก ช้องแมวจะออกดอกในช่วง เดือน
มีนาคม-พฤษภาคม
ขยายพันธุ์ ด้วยการตอนหรือการปักชา
“...หลายเหล่าพรรณพฤกษามีไม้นานาไม้แมก หมูต
่ ะแบกตะบาก
มากกระเบากระเบียน ตะขบตะเคียนคูนแค
สมอสมีแสมม่วง
โมก ซากซึกโศกสนสัก
รวกโรกรักรังรง ...”
ชื่ออืน่ ๆ:ตะขบควาย , East Indian plum ชื่อพฤกษศาสตร์ :Flacourtia
jangomas ( Lour.) Ransch วงศ์ :FLACOURTIACEAE
ตะขบเป็ นไม้ตน้ ขนาดกลาง แตกกิ่งก้านสาขาที่เรื อนยอดของต้น
ใบ เดี่ยว รู ปเกือบกลม ใบเรี ยงสลับตรงข้ามหรื อวงรอบข้อ สี เขียว
ดอก สมมาตรเท่ากัน ออกตามซอกใบหรื อปลายยอด กลีบดอกมีมากกว่ากลีบเลี้ยง
ผล มีเนื้อหลายเมล็ด รู ปทรงกลม มีรสหวานแต่ฝาดเล็กน้อย สุ กมีสีแดงอมดา
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง
ประโยชน์ ผล กินได้ เนื้อไม้ใช้ทายาแก้ทอ้ งร่ วง บิด มูกเลือด ราก นาไปปรุ งเป็ นยา
ขับเหงื่อ
ถิ่นกาเนิด อินเดีย จีนภูมิภาคอินโดจีน มาเลเซี ย พบตามป่ าราบ
“...หลายเหล่าพรรณพฤกษา มีไม้นานาไม้แมก
หมูต
่ ะแบก
ตะบาก มากกระเบากระเบียน ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมี
แสมม่วงโมก ซากซึกโศกสนสัก รวกโรกรักรังรง...”
ชือ
่ พื้นเมืองกะกี้ โกกี้ (กะเหรีย่ ง-เชียงใหม่), แคน (ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ), จูเค้
โซเก จะเคียน (ภาคเหนือ), ตะเคียนทอง (ภาคกลาง)
ชือ
่ วิทยาศาสตร์Hopea odorata Roxb.
ชือ
่ สามัญIron Wood, Thingan, Sace, Malabar lron Wood
ชือ
่ วงศ์Dipterocarpaceae
ถิน
่ กาเนิดเป็ นไม้ในเขตมรสุมของเอเชีย ส
้ ในทีล่ ม
ภาพนิเวศน์ ชอบขึน
ุ่ และชุม
่ ชื้น
การขยายพันธุ์เพาะเมล็ด การเก็บเมล็ดจากต้นโดยสังเกต เมือ่ ปี กของผลเริม
่
เปลีย่ นเป็ นสีน้าตาล และต้องรีบนามาเพาะ ถ้าเก็บทิง้ ไว้นาน เปอร์เซ็นต์การงอกจะ
ลดลง
ประโยชน์ เนื้อไม้ตอ
่ เรือ ทาเครือ
่ งตกแต่งบ้าน และเครือ
่ งมือใช้ในทางกสิกรรม เนื้อ
ไม้สวยและทนทาน ทางยา แก่นมีรสขมหวาน รักษาคุดทะราด ขับเสมหะ แก้โลหิต
และกาเดา
ตะเคียนเป็ นไม้ตน
้ ขนาดใหญ่ เป็ นพืชอยูใ่ นสกุลเดียวกันกับสยาดา
ตะเคียนหนูคอ
ื สกุล "Hopea" ในวงศ์ "Dipterocarpaceae"
ลักษณะ ตะเคียนเป็ นไม้ตน
้ ไม่ผลัดใบ ลาต้นเปลาตรงเปลือกสี
น้าตาลคลา้ หรือดา ทีร่ อยแตกของเปลือกจะมีชน
ั สีเหลืองเกาะอยูท
่ แ
ี่ ผล
แตก ต้นทีย่ งั เล็กอยูเ่ ปลือกจะเรียบ แต่ถา้ ต้นโตเต็มทีเ่ ปลือกจะแตกเป็ น
สะเก็ด เรือนยอดหนาทึบเป็ นพุม
่ กลม เนื้อไม้ละเอียดสีน้าตาลปน
เหลือง
ใบ เดีย่ ว เรียงสลับรูปไข่แกมรูปหอก ผิวใบเกลี้ยงเป็ นมัน ตรงทีง่ า่ ม
แขนงใบทีต
่ ด
ิ กับเส้นกลางใบมักมีตม
ุ่ หูดติดอยู่
ดอก ช่อ ออกตามง่ามใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็กสีขาวถึงเหลืองอ่อน มี
กลิน
่ หอม ดอกจะเรียงกันเป็ นแถวบนก้านช่อดอกย่อยทีช
่ อ
่ มีขนสีเทา
ทั่วๆ ไป
ผล รูปกระสวยเล็ก มีปีกยาว ๒ ปี ก ปี กสัน
้ ๓ ปี ก ปี กยาวแต่ละปี กมี
เส้นๆ ตามความยาว ปี กละ ๗ เส้น
“...สะบ้าสะบกเขลงขลาย ประคาควายประคาไก่ ไผ่ผกาตาเสือ
มะเกลือมะกล่าราไย ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าว
ตะโกตะกู พลับพลวงพลูพลองสล้าง พลางบพิตรเจ้าช้าง
ชือ
่ อืน
่ ๆ:มะโก, ตะโกนา, Ebony
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Diospyros rhodocalyx Kurz
วงศ์:EBENACEAE
ตะโกเป็ นไม้ตน
้ สูงได้ถงึ 15 เมตร
ใบ เดีย่ ว เรียงสลับ รูปไข่กลับ หรือรูปรี
ดอก กลีบดอกเชือ
่ มติดกันเป็ นรูปคนโท หรือรูปไข่ สีขาวนวล ผลสด รูป
ไข่ มีขนละเอียด ออกดอกระหว่างเดือนมีนาคม- เมษายน เป็ นผล
ระหว่างเดือน เมษายน- มิถุนายน
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ เปลือก ต้น และแก่น บารุงธาตุ บารุงกาลัง ต้มกับเกลือ อม
รักษารามะนาด ผลแก้ทอ
้ งร่วง คลืน
่ ไส้ เปลือกผล เผาเป็ น
ถ่าน
ขับปัสสาวะ ต้นเป็ นไม้ประดับตกแต่งเป็ นไม้ดดั สวยงาม ไม้ใช้
ทาเฟอร์นิเจอร์หรือด้ามเครือ่ งมือ ผลอ่อนใช้ยอ
้ มผ้า ย้อมแห ผลสุกกิน
ได้
้ ได้ท่วั ประเทศเว้นภาคใต้ พบตามป่ าผลัดใบจนถึงริมทุง่
ถิน
่ กาเนิด ขึน
นาทีร่ ะดับ 40- 300 เมตร เหนือระดับน้าทะเล ในต่างประเทศ พบที่
พม่า ลาว เวียดนาม
สุกรมกรมสุขไซร้
ไป่ มี
กรมแต่ทก
ุ ข์เทวษทวี
ห่อนเว้น
นมสวรรค์นึกบัวศรี
เสวาภาคย์ พีเ่ อย
ถวิลบ่เคยขาดเคล้น
คลาดน้องใครถนอม
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ : Clerodendruim paniculatum
วงศ์: VERBENACEAE
พนมสวรรค์ เป็ นพันธุ์ไม้ของไทยทีค
่ อ่ นข้างหายากชนิดหนึ่งในปัจจุบน
ั นี้
สันนิษฐานว่าจะมีถน
ิ่ กาเนิดอยูใ่ นประเทศไทย หรือในแถบสุมาตรานี้
เอง เป็ นไม้พุม
่ เตีย้ ลักษณะต้นและใบคล้ายนางแย้ม ต้นสูงประมาณ 58 ฟุต ลาต้นและกิง่ ก้านเป็ นทรงสีเ่ หลีย่ ม กิง่ อ่อนสีเขียวจัดกิง่ แก่สี
น้าตาลจาง ๆ ในลาต้นและกิง่ กลวง กิง่ เปราะและหักง่ายเมือ
่ ทุกพายุ
แรง ๆ ใบโตขอบใบจักเป็ นรูปมุมแหลมหยักเข้าในสองหยัก ขนาดใบ
ยาวประมาณ 8-12 นิ้ว ลักษณะใบค่อนข้างบอบบาง เมือ
่ โดนแสงแดด
จัดใบจะเหีย่ วหลุบลง แต่จะฟื้ นได้โดยเร็ว เมือ่ พ้นแสงแดด หรือถูกน้า
ดอกสีเหลืองเหมือนสีทองสุกสว่าง ลักษณะดอกคล้ายดอกเข็ม มี 5 กลีบ
เกสรยาวโผล่ดอกออกมาเป็ นประมาณเท่ากับความยาวของหลอดดอก
คือประมาณ 3 เซนติเมตร ออกเป็ นช่อตัง้ ทรงฉัตรตามยอดปลายกิง่
ดอกช่อหนึ่ง ๆ สูงประมาณ 12-18 นิ้ว ดอกจะบานอยูร่ าว 1 สัปดาห์
จึงติดเมล็ด เป็ นต้นไม้ออกดอกตลอดปี
ไม้ โรกเหมือนโรคเร้ า
ไฟว่ าไฟราคลาม
นางแย้ มหนึ่งแย้ มยาม
ตูมดัง่ ตูมตีข้อน
รุ มกาม
ลวกร้ อน
เยาว์ ยวั่ แย้ มฤา
อกอั้นกันแสง
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ :
Volkameria fragrans..
วงศ์ :
VERBENACEAE
ชือ
่ พื้นเมือง : ปิ้ งชะมด ปิ้ งช้อน ,ปิ้ งสมุท, ส้วนใหญ่
วรรณคดีไทยทีก
่ ล่าวถึง : อิเหนา , รามเกียรติ ์ , ดา
หลัง, ลิลต
ิ พระลอ , นิราศธารโศก , นิราศทองแดง , ลิลต
ิ
ตะเลงพ่าย , กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้ ากุง้
นางแย้มเป็ นไม้เนื้ออ่อน มีพุม
่ เตี้ย สูงประมาณ 3-5 ฟุต
เป็ นไม้ใบเดีย่ วออกใบเป็ นคูข
่ นานกันตามข้อต้น ใบรูป
ใบโพ ขอบมีจกั รอบใบแต่ไม่มีตงิ่ ปลายใบแหลมยาว
อย่างใบโพ ขนาดใบกว้างประมาณ 14 เซนติเมตร ยาว
ประมาณ 17 เซนติเมตร ใบค่อนข้างอ่อนนุ่มแต่ระคาย
มือ
“... บุญนาคปนปะแปม การะเกด แกมกรรณิการ์
มะลิวลั ย์
ลาหลายหลาก มากเมิลหมู่แมกไม้ ถวิลถึงอ่อนไท้ ธิราชร้ อย
ทรวงเสี ยง...”
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Mesua ferrea L. วงศ์:GUTTIFERAE
บุนนาคเป็ นไม้ตน
้ ขนาดกลาง สูง 15 -25 เมตร ต้นเป็ นรูปสามเหลีย่ ม
ขนาดต้นมะพร้าว โคนต้นกว้าง ปลายยอดแหลม เปลือกเรียบ สีน้าตาลปน
เทา
ใบ เดีย่ ว ออกตรงกันข้าม รูปใบหอก หรือขอบขนานแกมใบหอก หนา ทึบ
โคนใบสอบ ปลายใบเรียวแหลม กว้าง 2 ซม. ยาว 8 ซม. ใบอ่อนสี
ชมพู ใบแก่คราบสีขาวใต้ใบ เส้นใบถี่ เนื้อหนา
ดอก ออกเดีย่ วหรือเป็ นกระจุก 2-3 ดอก ตามซอกใบ ดอกรูปช้อนงอเป็ น
กระพุง้ มี 2 ชัน
้ ชัน
้ ละ 2 กลีบ กลีบดอกมี 4 กลีบ โคนเว้า สอบและปลาย
บาน กลีบรองดอกหนา แข็ง จะทนอยูจ่ นเป็ นผล ดอกสีขาวหรือเหลือง
อ่อน กลิน
่ หอมมาก ผล รูปไข่ แข็ง กว้าง 2 ซม. ยาว 4 ซม. ปลายโค้ง
แหลม มี เมล็ด 1- 2 เมล็ด ออกดอกเดือน มีนาคม- กรกฎาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ปลูกเป็ นไม้ประดับ ใบ สมานแผลสด ดอก บารุงดวงจิต ระงับ
กลิน
่ ตัว วิงเวียน ใจสั่น บารุงโลหิต เกสร บารุงครรภ์ แก้ไข้ แก่น แก้
เลือดออกตามไรฟัน ราก ขับลมในลาไส้ เปลือก ใช้กระจายหนอง
้ ประปรายในป่ า
ถิน
่ กาเนิด เอเซียตะวันออกเฉี ยงใต้ มักปลูกกันทั่วไป ขึน
ดิบทางภาคเหนือและภาคใต้
“...แก้มกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ ปี บจาปาจาปี มะลิลีประดูด
่ ง
ปรูประยงค์ยมโดย โรยเรณู รว่ งเร้า...”
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Pterocapus macrocarpus
วงศ์ :
PAPILONACEAE
ประดู่ เป็ นไม้ ยนื ต้ นขนาดใหญ่ สูงไดถึง 25 เมตร หรือกว่ านั้นเนือ้ ไม้ มี
ราคาและมีประโยชน์ ในทางหัตถศิลป์ หลายอย่ าง เปลือกลาต้ นเป็ นสี
นา้ ตาลเข้ มหรือดาคล้า และเลือกจะแจกสะเก็ดออกเป็ นร่ องตืน้ ๆ ใบเป็ น
ใบรวมเป็ นช่ อหนึ่ง ๆ มีประมาณ 7-11 ใบที่ออกปลายช่ อออกเดี่ยวไม่ จับคู่
และมีขนาดใหญ่ กว่ าใบคู่อนื่ ๆ ในช่ อเดียวกัน รูปใบมนรี ปลายใบแหลม
ขอบใบเรียบ ขนาดใบยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร
“...แก้ มกาหลงชงโค ยีส่ ่ ุ นยีโ่ ถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกลุ แบ่ งกลีบ ปี บจาปาจาปี มะลิลปี ระดู่ดง
ปรูประยงค์ ยมโดย โรยเรณูร่วงเร้ า..”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ :
Alangium saluiifolium
วงศ์ :
ALANGIACEAE
ชือ
่ ไทยพื้นเมือง : ปรู่ ,ปรู๋ , ปู๋ , ผุ, ผล, มะเกลือกา , มะตาปู๋
ปรู เป็ นต้นไม้ผลัดใบ ขนาดไม่ใหญ่มากนัก คือ อาจสูงได้ตง้ ั แต่ 5-15
้ อยูต
เมตร พบขึน
่ ามป่ าเบญจพรรณแล้ง ในภาคกลาง ภาคตะวันออก
และภาคเหนือ ต้นไม้ตน
้ นี้จะต้องทิง้ ใบหมดต้นก่อน จึงจะผลิดอก
ออกผล แต่ในระหว่างทีย่ งั ไม่ผลัดใบ เรือนพุม
่ ยอดจะแลดูโปร่ง
รูปร่างเรือนยอดไม่แน่ นอน ลาต้นและกิง่ ก้านก็มกั จะบิดตะกูด คด
โค้ง งอไปงอมา ภาษาทางศิลปเราเรียกว่าเรือนต้นไม้ในรูป
แบบอย่างนี้วา่ ทรง Dramatic From หรือ ทรง “ลีลาเริงระบา”
อะไรทานองนี้แหละครับ คงเพราะเหตุนี้เองจินตกวีของเราจึง
กล่าวถึงต้นไม้นี้ไว้มากในวรรณคดีไทยต่างๆ
“...ตะขบตะเคียนคูนแค สมอสมีแสมม่วงโมก ซากซึกโศก
สนสัก รวกโรกรักรังรง ปริกปริง ปรงปรางปรู ลาแพน
ลาพูลาพัน จิกแจงจันทน์พน
ั จา
เกดระกากอกกุม
่ ...”
ชือ
่ อืน
่ ปริง โต้ง ตง(ใต้) ส้มปริง(ระนอง)
เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 8-20 เมตร
ใบใบเดีย่ ว ออกตรงข้ามเป็ นคู่ แต่ละคูส
่ ลับทิศทาง กันใบอ่อนสีมว่ ง
ห้อยย้อยลงมา ใบรูปขอบขนาน หรือรูปหอก
ดอกดอกสีเหลืองอ่อน หรือขาวปนเขียวอ่อน ออกเป็ น ช่อตามง่ามใบ
และปลายกิง่ มีทง้ ั ดอกแยกเพศ และดอกสมบูรณ์ เพศ
ผลผลกลมรี ผิวผลบางมีเนื้อเยือ
่ หุม
้ ผลแก่สเี หลือง มีรสหวานอม
เปรี้ยวหรือหวานเมล็ดแข็ง มีเสีย้ นมาก เมล็ดในสีมว่ ง
ยอดอ่อน รับประทานเป็ นผักเหนาะ ผลดิบ ทาน้าพริก
รับประทานได้ รสหวานอม เปรี้ยว
คุณค่าทาง โภชนาการ ผลสุก มีกรดอินทรีย์หลายชนิด มีน้าตาล มี
วิตามินซีและวิตามินเอสูง ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม และอืน
่ ๆ ผลดิบ
มีกรดอินทรีย์และวิตามินซีสูงกว่าผลสุก มีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส
และอืน
่ ๆ
ใช้เป็ นยาราก ถอนพิษสาแดง แก้ไข้กลับไข้ซา้ แก้ไข้ ตัวร้อน ผล แก้
เสมหะ กัดเสมหะในคอ แก้สอดทางวัว แก้น้าลายเหนียว ฟอกโลหิต
“...ปรูประยงค์ ยมโดย โรยเรณู รว่ งเร้า เย้ากมลชวนชืน
่
สุรภีรืน
่ รสคนธ์ บุนนาคปนปะแปม...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:Chinese Rice Flower, หอมไกล
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Aglaia odorata Lour.
วงศ์:MELIACEAE
ประยงค์เป็ นไม้พม
ุ่
สูง 4-7 เมตร
ใบ ประกอบแบบขนนกออกสลับ แกนกลางใบแผ่ออกเป็ นครีบเล็กๆ มี
ใบย่อย 5 ใบ รูปไข่กลับ โคนแหลม ปลายมน คล้ายใบแก้ว
ดอกช่อ ออกเป็ นช่อตามซอกใบและปลายกิง่ ดอกเล็กมาก สีเหลือง กลิน
่
หอมแรง ส่งกลิน
่ หอมไกล ออกดอกเป็ นคราวๆ ตลอดปี ถ้าปลูกในทีแ
่ จ้ง
จะออกดอกง่าย
ผล รูปรี เมือ่ สุกมีสแ
ี ดง ออกเดือนสิงหาคม-ธันวาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิง่ ปักชา
ประโยชน์ รากกินเป็ นยาถอนพิษเบือ
่ เมา แก้ไข้ ดอกใช้แต่งกลิน
่ ใบ
ชา
ถิน
่ กาเนิด เอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้
“...เหล่ าลาดวนดาษดง แก้ วกาหลงชงโค ยีส่ ่ ุ นยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร เกดพิกลุ แบ่ งกลีบ ปี บจาปี จาปา มะลุลี
ประดู่ดง ปรู ประยงค์ ยมโดย...”
“...สะบ้าสะบกเขลงขลาย
ประคาควายประคาไก่
ไผ่ผกาตาเสือ
มะเกลือมะกล่าราไย
ไกรกรดกร่างช้างน้าว
ขวิดขวาดขว้าว
ตะโกตะกู
พลับพลวงพลูพลองสล้าง...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:พลองเหมือด, พลองดา ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Memecylon
edule L.
วงศ์:MELASTOMATACEAE
พลองเป็ นไม้ตน
้ สูง 5- 7 เมตร
ใบ เดีย่ ว ออกตรงกันข้าม โคนแหลมหรือมน ปลายเรียวแหลม ใบ
หนา
ดอกช่อ ดอกตูมสีชมพู บาน มีสีมว่ ง น้าเงิน ออกเป็ นช่อกระจุกตาม
กิง่ บานเกือบทัง้ ต้น มีผลเล็กๆ ติดอยูต
่ ามกิง่ ผล สุกมีสีแดง ออกดอก
เดือนเมษายน-พฤษภาคม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ไม้ทาเครือ
่ งมือเครือ
่ งใช้ ปลูกเป็ นไม้ประดับ
้ ตามป่ าเบญจพรรณทั่วไป
ถิน
่ กาเนิด ภูมภ
ิ าคอินโดจีน พลองขึน
“...แก้ มกาหลงชงโค ยีส่ ่ ุ นยีโ่ ถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกลุ แบ่ งกลีบ ปี บจาปาจาปี มะลิลปี ระดู่ดง ปรู
ประยงค์ ยมโดย โรยเรณูร่วงเร้ า..”
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Mimusops elengi L.
วงศ์:SAPOTACEAE
พิกุลเป็ นไม้ตน
้ สูงได้ถงึ 15 เมตร มีเรือนยอดเป็ นรูปเจดีย์หรือกลมทึบ
ใบ เดีย่ ว ออกเวียนสลับห่างๆ รูปไข่หรือรี กว้างประมาณ 5 ซม. ยาว
ประมาณ 10 ซม. โคนใบมน ปลายใบแหลมเป็ นติง่ สัน
้ ๆ ขอบเป็ นคลืน
่
ดอก ออกเดีย่ วหรือเป็ นกระจุกตามซอกใบใกล้ปลายกิง่ กลีบเลี้ยง 8 กลีบ
เรียง 2 ชัน
้ ชัน
้ ละ 4 กลีบ กลีบดอก 24 กลีบ เรียง 2 ชัน
้ ชัน
้ นอก 8 กลีบ
ชัน
้ ใน 16 กลีบ ร่วงง่าย ดอกสีขาว กลิน
่ หอม
ผล รูปไข่ กว้างประมาณ 1 ซม. ยาวประมาณ 2 ซม. เมือ
่ สุกสีแดงอม
ส้ม ออกดอกเกือบตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ปลูกเป็ นไม้ประดับ ผลสุก รสหวานรับประทานได้ ดอก ผล
ดิบและเปลือก แก้ไข้ แก้ลม แก้ทอ
้ งเสีย ดอกแห้ง ทาบุหงา ใช้เข้ายาหอม
ทายานัตถุ์
้ ตามป่ าดิบภาคใต้และภาคตะวันออก ปลูกได้
ถิน
่ กาเนิด อินเดีย พม่า ขึน
ทั่วไป
“...สุรภีรืน
่ รสคนธ์
บุนนาคปนปะแปม การะเกดแกม
กรรณิการ์
มะลิวลั ย์ลาหลายหลาก มากเมิลหมูแ่ มกไม้
ถวิลถึงองค์ออ
่ นไท้
ธิราชร้อนทรวงเสียว อยูน
่ า...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:มลิวน
ั
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Jasminum adenophyllum Wall. ex C.B.
Clarke
วงศ์:OLEANACEAE
มะลิวลั ย์เป็ นไม้เถาเลื้อย เกาะเกีย่ วสิง่ พักพิงหรือเรือนต้นไม้
ใบ เล็ก เนื้อใบบาง ปลายเรียวแหลม ฐานใบกว้าง ดอก ออกตามซอก
ก้านใบ ส่วนมากจะทยอยบาน ขนาดดอกและขาวคล้ายดอกมะลิลา
แต่กลีบขาวเรียงเล็กกว่า กลิน
่ หอมแรง ส่งกลิน
่ ไกล แต่ละดอกมี 7-8
กลีบ แยกจากปลายหลอดกลีบเรียวเล็ก
การขยายพันธุ์ ตอนกิง่ ปักชาเถา
ประโยชน์ เป็ นไม้ทม
ี่ ีกลิน
่ หอม รากมีรสเย็นจืด ใช้ถอนพิษทัง้ ปวง
ถิน
่ กาเนิด อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย มีขน
ึ้ ทั่วไปตามป่ าเขา ปลูกได้
ในดินร่วนปนทรายผสมอินทรีย์วตั ถุจานวนมาก ชอบน้ามาก ความชื้น
สูง แสงแดดจัด
“...พะวาหวานหวายหว้า
สะบ้าสะบกเขลงขลาย
ประคาควายประคาไก่ ไผ่เพกาตาเสือ
มะเกลือมะกล่า
ราไย
ไกรกรดกร่างช้างน้าว
ขวิดขวาดขว้าวตะโกตะกู
พลับพลวงพลูพลองสล้าง...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Diospyros mollis Griff.
วงศ์ EBENACEAE
ชือ
่ สามัญ Ebony Tree
ชือ
่ อืน
่ มักเกลือ มะเกือ
ไม้ตน
้ ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูง 10 - 30 เมตร ลาต้นเปลาตรง เรือน
ยอดเป็ นพุม
่ กลมกิง่ อ่อนมีขนนุ่ม
เปลือก เปลือกนอก สีดาแตกเป็ นสะเก็ดเล็ก ๆ เปลือกในเหลืองอ่อนกระพี้
ขาวและจะเปลีย่ นเป็ นสีคอ่ นข้างดาถ้าตัดทิง้ ไว้แก่นสีดาสนิท
ใบ ใบเดีย่ ว เรียงสลับ แผ่นใบรูปไข่หรือรูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 1.5 4 เซนติเมตร ยาว 4 - 8 เซนติเมตรใบแห้งสีดา
ดอก ดอกเล็กสีขาวหรือขาวอมเหลืองออกรวมกันเป็ นช่อสัน
้ ๆ ตามง่าม
ใบ
ผล กลมเกลี้ยง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร ผลแก่จดั แห้ง
เปลือกเปราะและออกสีดา กลีบจุกผลมี 4 กลีบ เมล็ดถ้าผ่าตามขวางจะ
เห็นว่าระหว่าง เปลือกนอกกันเนื้อขาว ๆ ของเมล็ดนัน
้ เรียบก้านผลยาว
ประมาณ 2 - 5 มิลลิเมตร
“...หมูม
่ ะไฟมะฝ่ อ หมูม
่ ะก่อมะกัก กระลาพัก
กระลาพอ
ยูงยานยอกายาน แต้วตูมตาลตาดต้อง
ซ้องแมวโมงมูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา
สะเดา
ดอกเดือ่ ดก...”
ชือ
่ พื้นเมือง แซเครือแซ (กะเหรีย่ งแม่ฮอ
่ งสอน) ผะยิว้ (เขมร สุรน
ิ ทร์) มะไฟ
(ทั่วไป) ส้มไฟ (ภาคใต้) หัมกัง (เพชรบูรณ์ ) มะไฟเกลี้ยง มะไฟป่ า
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Baccaurea ramiflora Lour.
ชือ
่ วงศ์ มะยม EUPHORBIACEAE
ชือ
่ สกุลไม้ มะไฟ Baccaurea Lour.
ต้นไม้ เป็ นไม้ตน
้ ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ลาต้นสูง 10 - 15 ม. ไม่ผลัดใบ
เปลือก สีน้าตาลอ่อนปนเทา เรียบหรือแตกเป็ นร่องตามยาวของลาต้น หนา
ประมาณ 0.5 ซม. เปลือกใน สีน้าตาล เรือนยอด เป็ นพุม
่ กลม ทึบ
ใบ ใบเดีย่ ว รูปหอกแกมรูปขอบขนาน ขนาดใบ กว้าง 6 - 10 ซม. ยาว
18 - 20 ซม. โคนใบสอบแคบปลายหยักเป็ นติง่ แหลม ท้องใบมีสีออ
่ นกว่า
ด้านหลังใบ เส้นกลางใบและเส้นแขนงใบเห็นได้ชดั ทางด้านหลังใบ เส้น
แขนงใบจานวน 6 - 8 คู่ ปลายเส้นโค้งจรดเส้นถัดไปก่อนถึงขอบใบ ก้านใบ
ยาว 4 - 6 ซม.
ดอก ออกเป็ นช่อสัน
้ ๆ หรือเป็ นกระจุกตามปลายกิง่ ช่อหนึ่งมีประมาณ
10 - 15 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก ดอกสีชมพูอมเหลือง บางครัง้ สีชมพูออ
่ น มี
กลิน
่ หอมเล็กน้อย
ผล สดกรมหรือรี ๆ ขนาดเล็ก 2 - 2.5 ซม. มีรสเปรีย้ ว ๆ ฝาด ๆ ใช้
รับประทานได้ ส่วนมากจะเป็ นอาหารของสัตว์ป่า ผลแก่ สีเหลือง รสหวาน
ด้านสมุนไพร ส่วนทีใ่ ช้เป็ นสมุนไพรและมีสรรพคุณคือ
ผลสุก ใช้รบั ประทานได้สด ๆ และใช้เป็ นอาหารสัตว์ มีรส
เปรี้ยวหวาน
ราก แก้ฝีภายใน (วัณโรค) แก้ประไข้ประดง เจริญไฟธาตุ แก้ไข้
ตรีโทษ ดับพิษร้อน แก้พษ
ิ ฝี พุพอง ดับพิษร้อน แก้พษ
ิ ลารอก แก้เริม แก้พษ
ิ
ตานทราง แก้ฝีตานทรางของเด็ก ดับพิษต่าง ๆ แก้ไข้ตา่ ง ๆ แก้พษ
ิ ฝี แก้
พุพอง แก้พาิ หัวลาลอก (ลามะลอก)
ต้น บารุงธาตุ เจริญไฟธาตุ แก้พษ
ิ ฝี แก้ไขตรีโทษ
ใบ แก้พยาธิ แก้กลาลเกลื้อน แก้ขเี้ รื้อน เจริญไฟธาตุ แก้พษ
ิ ฝี แก้ไข้
ตรีโทษ
ดอก เจริญไฟธาตุ แก้พษ
ิ ฝี แก้ไข้ตรีโทษ
ผล เจริญไฟธาตุ แก้พษ
ิ ฝี แก้ไข้ตรีโทษ ขับโลหิต
“...หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดือ
่ ดก กระทกรกรกฟ้ า
มะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทรไข่เหน้า เปล้าประดูด
่ ูดาษ
สนุ่นหนาดขนุนขนาด พะวาหวานหวายหว้า...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Ficus racemosa Linn
ชือ
่ วงศ์ MORACEAE
ชือ
่ ท้องถิน
่ อุดรธานี -อีสาน เรียก หมากเดือ่ แม่ฮอ
่ งสอน-กะเหรีย่ ง เรียก กู
แช
ลาปาง เรียก มะเดือ่ ภาคกลาง เรียก มะเดือ่ อุทม
ุ พร มะเดือ่ ชุมพร มะเดือ่
เกลี้ยง
ภาคเหนือ-กลาง เรียก มะเดือ่ เดือ่ เกลีย้ ง ภาคใต้ เรียก เดือ่ น้า
ลักษณะทั่วไป มะเดือ่ เป็ นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูงประมาณ 10–20
เมตร ลาต้นเกลี้ยงสีน้าตาลหรือน้าตาลปนเทา กิง่ อ่อนสีเขียว หรือสีเขียวใน
น้าตาล กิง่ แก่มีสีน้าตาลเกลี้ยง หรือมีขนปกคลุม ใบ เป็ นใบเดีย่ ว ออกแบบ
สลับ ใบบาง รูปไข่หรือรูปหอก ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม ฐานใบมนหรือ
กลม ผิวใบเกลี้ยง หรือมีขน ไม่หลุดร่วงง่าย ดอก ออกเป็ นช่อ ช่อดอก มี
ก้านเกิดเป็ นกลุม
่ บนกิง่ สัน
้ ๆ ทีแ
่ ตกออกจากลาต้น และกิง่ ขนาดใหญ่ ผล รูป
กลมแป้ นหรือรูปไข่ มีขน ออกเป็ นกระจุกตามกิง่ และลาต้น เมือ
่ ฉี กออกจะ
พบเกสรเล็กๆ อยูภ
่ ายในผล ผลสุกมีสแ
ี ดง
้ ในธรรมชาติบริเวณป่ าดิบชื้น บริเวณริมแม่น้าลาคลอง
การปลูก มะเดือ่ ขึน
ริมลาธาร หรือปลูกตามบ้านและริมทาง พบได้ในภาคเหนือ ภาค
ตะวันออกเฉี ยงเหนือ และภาคกลาง
ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด
สรรพคุณทางยา
เปลือกต้น รสฝาด แก้ทอ
้ งร่วง ชะล้างบาดแผล สมานแผล แก้
ประดง ผืน
่ คันแก้ไข้ทอ
้ งเสีย ไข้รากสาดน้อยและแก้ธาตุพก
ิ าร
ราก รสฝาดเย็น แก้ไข้ กระทุง้ พิษไข้ ถอนพิษไข้ และแก้ทอ
้ งร่วง
ผล รสฝาดเย็น แก้ทอ
้ งร่วง และสมานแผล
ผลสุก เป็ นยาระบาย
“...หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดือ
่ ดก กระทกรกรกฟ้ า
มะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทรไข่เหน้า เปล้าประดูด
่ ด
ู าษ
สนุ่นหนาดขนุนขนาด
พะวาหวานหวายหว้า...”
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tamarindus indica Linn.
ชื่อวงศ์ Leguminosae
ชื่อท้องถิ่น ภาคกลาง เรี ยก มะขามไทย ภาคใต้ เรี ยก ขาม นครราชสี มา เรี ยก ตะลูบ
กะเหรี่ ยง-กาญจนบุรี เรี ยก ม่วงโคล้ง เขมร-สุ รินทร์ เรี ยก อาเปี ยล
ลักษณะทัว่ ไป มะขามเป็ นไม้ยนื ต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตก
กิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นขรุ ขระและหนา สี น้ าตาลอ่อน ใบ เป็ นใบประกอบ ใบเล็ก
ออกตามกิ่งก้านใบเป็ นคู่ ใบย่อยเป็ นรู ปขอบขนาน ปลายไบและโคนใบมน ดอก
ออกเป็ นช่อเล็กๆ ตามปลายกิ่ง หนึ่งช่อมี 10-15 ดอก ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสี
เหลืองและมีจุดประสี แดงอยูก่ ลางดอก ผล เป็ นฝักยาว รู ปร่ างยาวหรื อโค้ง ยาว 3-20
ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสี เขียวอมเทา สี น้ าตาลเกรี ยม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝัก
เปลี่ยนเป็ นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สี น้ าตาล เนื้อในกลายเป็ นสี น้ าตาลหุ ม้ เมล็ด เนื้อมี
รสเปรี้ ยว และหวาน
สรรพคุณทางยา
ยาระบาย แก้อาการท้องผูก ใช้มะขามเปี ยกรสเปรี้ยว 10–20 ฝัก (หนัก
70–150 กรัม) จิม
้ เกลือรับประทาน แล้วดืม
่ น้าตามมากๆ หรือต้มน้าใส่
เกลือเล็กน้อยดืม
่ เป็ นน้ามะขาม
ขับพยาธิไส้เดือน นาเอาเมล็ดแก่มาคั่ว แล้วกะเทาะเปลือกออก เอาเนื้อใน
เมล็ดไปแช่น้าเกลือจนนุ่ม รับประทานครัง้ ละ 20-30 เม็ด
ขับเสมหะ ใช้เนื้อในฝักแก่หรือมะขามเปี ยกจิม
้ เกลือรับประทานพอสมควร
คุณค่าทางโภชนาการ ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวต
ิ ามิน เอ มาก
มะขามเปี ยกรสเปรี้ยว ทาให้ชม
ุ่ คอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้ อใน
ฝักมะขามทีแ
่ ก่จดั เรียกว่า "มะขามเปี ยก" ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลาย
ตัว เช่น กรดทาร์ททาร์รค
ิ กรดซิตริค เป็ นต้น ทาให้ออกฤทธิ ์ ระบายและลด
ความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชือ
่ ว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้
ละลายได้ดว้ ย
“...แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ
ปี บจาปาจาปี
มะลุลปี ระดูด่ ง
ปรูประยงค์ยมโดย
โรยเรณู รว่ งเร้า...”
วงศ์: OLEACEAE
ถิน
่ กาเนิด
: ในภูมภ
ิ าคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ ในประเทศ
ไทยพบทางภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ
มะลุลีเป็ นพันธุ์ไม้สกุลเดียวกับมะลิอก
ี ชนิดหนึ่งทีม
่ ีดอกหอม
มีชือ
่ เรียกหลายชือ
่ เช่น มะลิพวง มะลิเลื้อย มะลิซอ
่ ม เป็ นไม้รอเลื้อย
กระจายพันธุ์อยูใ่ นเขตเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ กิง่ อ่อนและกิง่ กึง่ แก่
กึง่ อ่อนมีขนเห็นเด่นชัดเช่นกัน ใบและรูปแบบตลอดจนการจัดเรียง
คล้ายมะลิอน
ื่ ๆ แต่ใบมีขนเห็นเด่นชัด เป็ นใบเดีย่ ว รูปไข่ ปลายใบ
แหลม ใบดกมาก จะออกดอกมากเป็ นพิเศษประมาณ เดือน
กุมภาพันธ์ จึงปลูกคลุมซุม
้ ไม้ได้ดี ดอกเป็ นช่อ แน่ นตามปลายกิง่ และ
้ ไป จึงเห็นเป็ นช่อ
ซอกใบ มีสีขาว แต่ละช่อมีมากกว่า 10 ดอกขึน
ใหญ่สวยงาม มีขนนุ่มๆ โดยเฉพาะทีก
่ ลีบเลี้ยงซึง่ เป็ นแฉกแหลมๆ
ลักษณะของดอกคล้ายมะลิลา แต่กลีบแคบยาวและปลายแหลมกว่า
ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 2.5-3 ซม. ใช้ทง้ ั ช่อเป็ นดอกไม้บูชา
พระ กลิน
่ หอมตลอดทัง้ กลางวันและกลางคืน คล้ายกลิน
่ มะลิวลั ย์
“...หมูม
่ ะไฟมะฝ่ อ หมูม
่ ะก่อมะกัก กระลาพัก
กระลาพอ
ยูงยานยอกายาน แต้วตูมตาลตาดต้อง
ซ้องแมวโมงมูกมัน หาดเหียงหันกันเกรา
สะเดาดอกเดือ่ ดก...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Morinda citrfolia Linn.
ชือ
่ วงศ์ Rubiaceae
ชือ
่ ท้องถิน
่
ภาคกลาง เรียก ยอบ้าน ภาคเหนือ เรียก มะตาเสือ ภาคอีสาน เรียก ยอ
กะเหรีย่ ง-แม่ฮอ
่ งสอน เรียก แยใหญ่
ลักษณะทั่วไป ต้นยอเป็ นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ใบใหญ่หนาสีเขียวสด
ดอกเล็กสีขาวเป็ นกระจุก ผลกลมยาวรี มีตาเป็ นปุ่ มโดยรอบผล ลูกอ่อนสีเขียวสด
เปลีย่ นเป็ นสีขาวนวลเมือ่ สุก มีกลิน
่ ฉุ น
้ ได้ในดินแทบทุกชนิด ชอบดินชุม
การปลูก ปลูกโดยการใช้เมล็ดขึน
่ ชื้น วิธีปลูก
จะปลูกลงหลุมเลย หรือเพาะกล้าก่อนแล้วค่อยนาไปปลูกในทีท
่ เี่ ตรียมไว้ก็ได้
ควรกาจัดวัชพืชบ้าง
สรรพคุณทางยา
ผลดิบ รสเผ็ดร้อน สรรพคุณขับลม บารุงธาตุ เจริญอาหาร ขับโลหิต
ระดูของสตรี ฟอกเลือด แก้คลืน
่ เหียนอาเจียน ผสมยาแก้สะอึก อมแก้
เหงือกเปื่ อย แก้เสียงแหบแห้ง และแก้รอ้ นใน
ราก เป็ นยาระบาย แก้ทอ
้ งผูก
ใบ รสขมเผือ่ น บารุงธาตุ แก้ไข้ ฆ่าเหา ปวดข้อ คัน
้ น้าทาแก้โรคเกาต์
แก้ทอ
้ งร่วงในเด็ก แก้เหงือกบวม คัน
้ น้าทาแก้แผลเรือ
้ รัง แก้กะษัย หรือ
ผสมยาอืน
่ แก้วณ
ั โรค
คุณค่าทางโภชนาการ ใบยอและลูกยอใช้เป็ นผักได้ นิยมใช้รองกระทง
ห่อหมก ภาคใต้นิยมใช้ใบยออ่อนๆ ซอยเป็ นฝอยแกงเผ็ดกับปลา ใส่
ขมิน
้ ในใบยอมีสารอาหาร ทัง้ แคลเซียมมาก มีเกลือแร่ วิตามิน รวมทัง้
กากและเส้นใยอาหาร
“...วายุพานพัดราเพย
ระเหยหอมฟุ้ งเฟื่ อง เปลื้องหฤทัยราจวน
เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ น
ุ่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:กุหลาบมอญ กุหลาบจีน
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Rosa damascena Mill.
วงศ์:ROSACEAE
ยีส
่ น
ุ่ เป็ นไม้พม
ุ่ สูง 1-2 เมตร ต้นและกิง่ มีหนาม
ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 5-7 ใบ รูปไข่ ยาว 3-5 ซม. ดอก
ช่อ สีชมพูขาว แดง ออกเป็ นช่อทีป
่ ลายกิง่ ฐานรองดอกรูป
ถ้วย กลีบดอกซ้อนหลายชัน
้ ไม่มีกลิน
่ หอม เส้นผ่านศูนย์กลางดอก
4-5 ซม. ผล เมือ่ สุกมีสแ
ี ดง
การขยายพันธุ์ ติดตา ปักชากิง่ และตอนกิง่
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับ
ถิน
่ กาเนิดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและจีน
“...วายุพานพัดราเพย ระเหยหอมฟุ้ งเฟื่ อง เปลื้องหฤทัย
ราจวน เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ ุน
่ ยีโ่ ถ
โยทะกา พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:Oleander, Rose bay, Sweet oleandar
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Nerium oleander
วงศ์:APOCYNACEAE
ยีโ่ ถเป็ นไม้พุม
่ แตกกิง่ ก้านสาขาไม่มากนัก ต้นมียางสีขาวคล้ายน้านม
ใบ เดีย่ ว รูปหอก โคนใบสอบ ปลายแหลม ขอบเรียบ สีเขียวเข้ม กว้าง
1.5-2 ซม. ยาว 8-14 ซม.
ดอกช่อ ออกเป็ นช่ออยูส
่ ว่ นยอดของต้น ดอกเป็ นรูปทรงกรวย มีทง้ ั ชนิดลา
และซ้อน หลากหลายสี เช่น สีชมพูเข้ม ชมพู ขาว มีกลิน
่ หอม ผล เป็ น
ฝักคู่ เมือ
่ แก่จะแตกเห็นเมล็ดภายในผล เมล็ด มีขนละเอียดเป็ นมันคล้าย
เส้นไหมปกคลุมอยู่ เมล็ดนี้จะลอยตามลมกระจายพันธุ์ได้
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิง่ ปักชากิง่
ประโยชน์ ใบขนาดพอเหมาะ เป็ นยาบารุงหัวใจ ใบเป็ นพิษ มีสารทีม
่ ี
์ รงมากในการใช้ปรุงยา ถ้าใช้เกินขนาดเป็ นอันตรายถึงแก่ชีวต
ฤทธิแ
ิ ได้
เป็ นยาเบือ่ หนูและฆ่าแมลง
้ ได้ดใี นดินทีร่ ว่ นซุย น้า
ถิน
่ กาเนิด เมดิเตอร์เรเนียน เคบเวอดี ญีป
่ น
ุ่ ขึน
พอควร ความชื้นสูง กลางแจ้ง แดดจัด
“...วายุพานพัดราเพย ระเหยหอมฟุ้ งเฟื่ อง เปลื้องหฤทัยราจวน
เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค
ยีส
่ ุน
่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:ชงโคดอกเหลือง Bell Bauhinia
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Bauhinia tomentosa L.
วงศ์:LEGUMINOSAE - CAESALPINIACEAE
โยทะกาเป็ นไม้ตน
้ ขนาดกลาง สูง 2-3 เมตร แตกกิง่ ก้านเป็ นพุม
่ ใ
บ แฝด ค่อนข้างใหญ่
ดอก เหลือง ออกตามปลายกิง่ และยอด บานครัง้ ละ 1-2 ดอก ดอกกว้าง
กลม ซ้อนติดกันงองุม
้ และคว่าหน้าลง เมือ
่ พ้น 2 วันไปแล้วกลีบสี
แดง เหลือง และขาวจะเปลีย่ นเป็ นสีชมพู ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ดและตอนกิง่
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับปลูกตามบ้านหรือสวนควบคูไ่ ปกับไม้ใบแฝด
อืน
่ ๆ เช่น กาหลง เพือ
่ ให้เห็นความงามของดอกแต่ละชนิด
ถิน
่ กาเนิด เอเชียเขตร้อน แอฟริกา ชอบดินร่วนปนทรายผสมใบไม้
ผุ ชอบน้ามาก ความชื้นสูง แสงแดดจัด
“...เกดพิกุลแบ่งกลีบ ปี บจาปี จาปา มะลุลีประดูด
่ ง
ปรูประยงค์ยมโดย โรยเรณู รว่ งเร้า เย้ากมลชวนชืน
่
สุรภีรืน
่ รสคนธ์
บุนาคปนปะแปม...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:สุคนธรส เสาวรส เสาวคนธ์
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Tetracera loureirii (Fin & Gagnep.)
Pierre ex Craib
วงศ์:DILLENIACEAE
รสสุคนธ์เป็ นไม้เถา เนื้อแข็ง
ใบ เดีย่ ว ออกสลับ รูปรี กว้าง 4-7 ซม. ยาว 7-16 ซม. โคน
เรียว ปลายแหลม ขอบจัก เนื้อใบสาก ดอกช่อ กลิน
่ หอม
ออกเป็ นช่อตามซอกใบและปลายกิง่ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปรี
โค้ง ดอกติดทนจนเป็ นผล กลีบดอก 5 กลีบ บาง ร่วงง่าย
ผล ค่อนข้างกลม เมล็ด รูปไข่ 1-2 เมล็ด มีเนื้อหุม
้ สีแดง ออก
ดอกเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิง่
ประโยชน์ ดอกเข้ายาหอม บารุงหัวใจ รสสุคนธ์ขน
ึ้ ตามป่ า
ละเมาะ ป่ าผลัดใบและริมทะเล ปลูกได้ท่วั ไปทัง้ ทีร่ ม
่ และราไร
เฌอปรางเปรียบนาฏน้อง
นวลปราง
รักดั่งรักนุชพาง
พีม
่ ว้ ย
ช้องนางเฉกช้องนาง
คลายคลี่ ลงฤา
โศกพีโ่ ศกสมด้วย
ดั่งไม้นามมี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Melanorrhoea usitata
วงศ์ :
ANACARDIACEAE
ชื่อไทยพืน้ เมือง :
ฮัก
รักเป็ นตนไม้ขนาดใหญ่ มีความสู งได้ต้ งั แต่ 15 – 25 เมตร ลาต้นเปลา
ตรงเรื อนยอดเป็ นพุม่ กลมเขียวเข้ม เปลือกสี เทาเข้มค่อนข้างดา หรื อสี น้ าตาลเทา
แตกเป็ นสะเก็ดเป็ นร่ องมียางสี ดาซึ มตามรอยแตก ตามกิ่งก้านอ่อนจะมีขนสี น้ าตาล
เทาหนาแน่นปกคลุมอยู่ ขนจะร่ วงหลุดเมื่อกิ่งก้านแก่ข้ ึน ใบเป็ นใบเลี้ยงเดี่ยว รู ป
มนรี ขอบขนานออกเรี ยงเวียนสลับอยูต่ อนปลาย ๆ กิ่งเป็ นกลุ่ม ขนาดใบกว้าง
ประมาณ 5 – 12 เซนติเมตร ยาวประมาณ 12 – 36 เซนติเมตร โคนใบ
และปลายใบโค้งเป็ นวงมนกว้างเข้าหากัน หลังมีขนเล็กน้อย แต่ทอ้ งใบมีขนสี
น้ าตาลปนเทาขึ้นอย่างหนาแน่นแต่จะร่ วงหลุดออกหมดเมื่อใบแก่เต็มที่ เนื้อใบ
หนา ก้านใบยาวประมาณ 1 – 3.5 เซนติเมตร
ออกดอกระหว่างเดือนธันวาคมติดต่อกันไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ จึงค่อย
กลายเป็ นผล ออกดอกเป็ นช่อใหญ่ตามง่ามใบปลาย ๆ กิ่ง เป็ นดอกสมบูรณ์เพศ
กลีบดอกมี 5 กลีบ ที่ดอกมีขนสี น้ าตาลปนเทาขึ้นปกคลุมอยูด่ ว้ ยเช่นเดียวกับใบ
พบขึ้นตามป่ าเบญจพรรณแล้งและป่ าดงดิบ
“...วายุพานพัดราเพย ระเหยหอมฟุ้ งเฟื่ อง เปลื้องหฤทัยราจวน
เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ ุน
่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:กระบอก
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Thevetia peruviana Schum.
วงศ์:APOCYNACEAE
ราเพยเป็ นไม้พม
ุ่ สูง 2-3 เมตร ทรงพุม
่ โปร่ง ต้นมียางขาวข้น ยาง
เป็ นพิษ
ใบ เดีย่ ว เรียวยาว ดอกช่อ ออกดอกเป็ นช่อทีซ
่ อกใบปลายกิง่ ช่อละ 38 ดอก ดอกมีลกั ษณะเป็ นหลอด ปลายกลีบแยกจากกันคล้ายรูป
ระฆัง มีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง ส้ม
ผล เป็ นรูปสีเ่ หลีย่ ม สีเขียว เมือ่ แก่จดั เป็ นสีดา เมล็ด มี 1-2
เมล็ด ออกช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว ออกดอกตลอดปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และตอนกิง่
ประโยชน์ เป็ นไม้ประดับ
ถิน
่ กาเนิด จากอเมริกาเขตใต้
“...มะเกลือมะกล่าราไย ไกรกรดกร่างช้างน้าว ขวิดขวาดขว้าว
ตะโกตะกู
พลับพลวงพลูพลองสล้าง...”
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Dimocarpus longan L.
วงศ์:SAPINDACEAE
ลาไยเป็ นไม้ตน
้ กลางแจ้ง ขนาดกลาง แตกกิง่ ก้านสาขาทีเ่ รือนยอด
ของต้น ต้นและกิง่ ก้าน สีน้าตาลอมเทา ใบ เดีย่ ว ดกหนาทึบให้รม
่
เงาดี รูปใบหอก โคนใบสอบ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบหรือเป็ น
คลืน
่ เล็กน้อย สีเขียวเข้ม เล็ก ดอกช่อ ออกเป็ นช่อตรงส่วนยอดของ
ต้น ดอกเล็ก สีเหลือง หรือน้าตาลอ่อนๆ ผล พอดอกร่วงก็ตด
ิ ผล
รูปทรงกลม เปลือกสีน้าตาล เนื้อในผล สีขาวใส ในผลมี 1 เมล็ด สี
ดา ผลมีรสหวาน แก่จดั เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม การ
ขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิง่ ประโยชน์ ใบสดแก้โรคมาลาเรีย
ริดสีดวงทวาร ไข้หวัด ดอกสดหรือดอกแห้ง ต้มน้ากินแก้โรค
เกีย่ วกับหนอง ราก เปลือกราก ต้มกินขับพยาธิ เนื้อหุม
้ เมล็ด กิน
เป็ นผลไม้ ต้มน้ากินแก้ออ
่ นเพลีย บารุงร่างกาย บรรจุกระป๋ อง ตาก
แห้ง ทาเป็ นชา ผูท
้ ม
ี่ ีอาการเจ็บคอ หรือไอ หรือแผลอักเสบมีหนอง
ไม่ควรกิน เปลือกต้น ต้มกินแก้ทอ
้ งร่วง ต้นใช้ทาเครือ
่ งเรือน สร้าง
บ้าน ลาไยเจริญเติบโตได้ดใี นดินทีร่ ว่ นซุยและมีความชื้นเล็กน้อย
ไม่ชอบน้ามาก
“...วายุพานพัดราเพย
ระเหยหอมฟุ้ งเฟื่ อง เปลื้องหฤทัยราจวน
เหล่าลาดวนดาษดง แก้วกาหลงชงโค ยีส
่ ุน
่ ยีโ่ ถโยทะกา
พุดจีบลาลานเนตร
เกดพิกุลแบ่งกลีบ...”
ชือ
่ อืน
่ ๆ:หอมนวล
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Melodorum fruticosum Lour.
วงศ์:ANNONACEAE
ลาดวนเป็ นไม้ตน
้ ขนาดกลาง สูง 8 - 20 เมตร ต้น ตรง ทรงพุม
่ รูปกรวย
ทึบ เรียบเกลี้ยง ไม่มีขน
ใบ เดีย่ ว เรียงเวียนสลับ รูปรีหรือขอบขนาน โคนใบมนหรือแหลม ปลาย
ใบแหลม ขอบใบเรียบหรือเป็ นคลืน
่ เล็กน้อย ผิวใบเรียบเกลี้ยง ด้านบนเป็ น
มันสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างนัน
้ สีจะอ่อนกว่า ใบกว้าง 2.5-3 ซม.
ดอก เดีย่ ว ออกตามส่วนยอดและตามง่ามใบ สีนวล กลิน
่ หอม กลีบดอก
หนา ชัน
้ นอก 3 กลีบแผ่ออก เมือ
่ บานเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซม.
ผล ออกเป็ นกลุม
่ สีเขียวอ่อน ยาว โคนผลแหลม ปลายผลมน ผิวเรียบ
เกลี้ยง เมือ
่ สุกสีดา รสหวานอมเปรี้ยว ออกดอกเดือนตุลาคม เกือบตลอด
ปี
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิง่
ประโยชน์ นิยมปลูกเป็ นไม้ประดับ ดอกหอม เกสรผสมเป็ นยาบารุง
เลือด บารุงกาลัง บารุงหัวใจ และแก้ลม
้ ตามป่ าดิบแล้ง
ถิน
่ กาเนิด เอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ มักขึน
เล็บมือนาง นี้หนึ่ง
นขา นางฤา
ต้องดั่งต้องบุษบา
นิ่มน้อง
ชงโคคิดชงฆา
นุชนาฏ เหมือนฤา
เรียมระเมียรเดือ่ ปล้อง
ดั่งปล้องศอสมร
ชือ
่ อืน
่ ๆ:เล็บนาง Rangoon Creeper
ชือ
่ พฤกษศาสตร์:Quisqualis indica L.
วงศ์:COMBRETACEAE
เล็บมือนางเป็ นไม้เถาเลื้อย กิง่ แก่มีหนามเกีย่ วเกาะตามต้นที่
แข็งแรง อายุยืน ยอดและปลายกิง่ เป็ นพุม
่ หนาทึบ
ใบ อ่อนนุ่ม ใบเดีย่ ว ออกตรงกันข้าม กว้าง 7 เซนติเมตร ยาว 5- 15
เซนติเมตร โคนใบค่อนข้างกลม ปลายใบเรียวแหลม สีคอ
่ นข้าง
เหลืองถึงเขียวแก่ ตามข้อต้นมักมีบงุ้ หนอนกินใบ
ดอกช่อ ออกเป็ นช่อใหญ่ตามซอกใบหรือปลายกิง่ ตลอดปี คล้ายดอก
เข็ม มี 5 กลีบ กลีบยาวเป็ นปากแตร เมือ
่ เริม
่ บานสีขาวหรือชมพูออ
่ น
แล้วเปลีย่ นเป็ นสี ชมพูและแดงตามลาดับแล้วจึงร่วงโรย ภายใน 3- 4
วัน ตอนเย็นมีกลิน
่ หอม
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ปักชากิง่ ชาราก ทับกิง่
ประโยชน์ ราก ต้มเป็ นยาถ่ายพยาธิ ทาอาหารรับประทาน ใบ ตาพอก
แผลหรือฝี เมล็ดใช้ขบั พยาธิ แก้ตานขโมย แต่กน
ิ มากจะคลืน
่ ไส้
อาเจียน เวียนศรีษะ นิยมปลูกเป็ นไม้ประดับ
สายหยุดหยุดกลิน่ ฟุ้ ง
ยามสาย
สายบ่หยุดเสน่ ห์หาย
ห่างเศร้า
กีค
่ น
ื กีว่ น
ั วาย
วางเทวษ ลาแม่
ถวิลทุกขวบคา่ เช้า
หยุดได้ฉน
ั ใด
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ : Desmos chinensis
วงศ์ : ANNONACEAF
ชือ
่ ไทยพื้นเมือง : สายหยุด
การกระจายพันธุ์ : จีนตอนใต้
สายหยุดเป็ นไม้เลื้อยกิง่ ไม้ยน
ื่ ต้น มีเถาหรือต้นใหญ่แข็งแรง สามารถ
เลื้อยพันเกาะต้นไม้หรือสิง่ อืน
่ ไปได้ไกลตัง้ แต่ 5 – 8 เมตร มักแตก
กิง่ ก้านสาขามากในบริเวณส่วนยอด และแผ่สาขาออกไปเป็ นบริเวณกว้าง
ใบสีเขียวเข็ม รูปรีขอบขนาดปลายใบแหลม ออกใบสลับกันตรงข้ามตามข้อ
ต้นขนาดใบยาวประมาณ 12 – 14 เซนติเมตร
ดอกออกเป็ นดอกเดีย่ ว ตามข้อต้นโคนก้านใบ และตามตาติดกับกิง่ หรือ
ลาต้น ดอกมีลกั ษณะคล้ายดอกกระดังงาไทย กลีบเล็กยาวดอกละ 5 กลีบ แต่
ละกลีบจะบิดงออย่างดอกกระดังงาไทย เมือ
่ อ่อนเป็ นดอกสีเขียว และเมือ
่ แก่
จัดหรือบานเต็มทีด
่ อกจะมีสเี หลือง จะออกดอกเป็ นระยะตลอดปี ดอกไม้
ชนิดนี้สง่ กลิน
่ หอมจัดในตอนเช้าตรู่ พอสายกลิน
่ จะค่อยลดกลิน
่ หอมลงและ
หมดกลิน
่ เมือ
่ ใกล้เทีย่ งวัน
พันธุ์ไม้ชนิดนี้ขยายพันธุ์ ด้วยวิธเี พาะเมล็ดหรือตอน แต่ก็เป็ นไม้ทต
ี่ อน
ออกรากยาก และตายง่ายกว่าต้นทีป
่ ลูกจากเมล็ด เป็ นพันธุ์ไม้กลางแจ้ง
การปลูกบนทีซ
่ งึ่ น้าท่วมไม่ถงึ ในสภาพดินอันชุม
่ ชื้น เมือ
่ ปลูกได้โต
พอควรแล้ว ก็ไม่ตอ้ งเดือดร้อนเรือ
่ งปุ๋ ยเท่าใดนัก แต่เมือ
่ ต้นยังเล็ก ๆ
อยูค
่ วรให้ปุ๋ยไนโตรเจน และปุ๋ ยหมักไว้บา้ ง เป็ นพันธุ์ไม้ทเี่ ติบโตช้า
ปลูกโดยการเพาะเมล็ดและบารุงเต็มทีป
่ ระมาณ 3 – 4 ปี จึงจะมี
ดอก สายหยุดเป็ นพันธุ์ไม้ของไทยแท้ชนิดหนึ่ง และมีกล่าวถึงอยูใ่ น
วรรณคดีไทยมากทีส่ ด
ุ แต่ชอ
ื่ พฤกษศาสตร์ของสายหยุดกับฟังดูเหมือน
ไม้เมืองจีนไปได้อย่างไรก็ไม่ทราบ
“...ชะโงกชะง่อนเงื้อมงา้
ถา้ ท่อธารธารา
แสงเสลา
หลากหลาย
พรายพะแพร้วไพโรจน์ ช่วงช่อโชติฉายฉัน
สีสุพรรณเลือ
่ มเหลือง เรืองโมรารายเรียบ ขาวปูนเปรียบ
เพชรรัตน์ ...”
เสลาบใหญ่ หรื อ อินทชิต
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ :
Lagerstroemia tomentosa
วงศ์ :
LYTHRACEAE
ชือ
่ ไทยพื้นเมือง :
เกรียบ
เสลาใบใหญ่, อินทชิต, ตะแบกขน, อินทนิล, ตะ
เสลาเป็ นไม้ยน
ื ต้น ผลัดใบ ขนาดกลาง ลาต้นมีความสูงได้ตง้ ั แต่ 10 –
20 เมตร เรือนยอดเป็ นพุม
่ กลมแน่ นทึบ สีเข้มเปลือกไม้เสลาสีเทาเข้มค่อย
ข้างดา ตามลาต้นมีรอยแตกเป็ นร่องเล็ก ๆ ไปตลอดลาต้น ใบยาวรูปหอก
ขอบขนานเป็ นคลืน
่ ทีข
่ อบใบเล็กน้อย มีขนปุยอ่อนนุ่มสีเหลืองทอง ปกคลุม
ทัง้ 2 ด้าน ทัง้ อ่อนและใบแก่ โคนใบโค้งมนเข้าหากัน มีกา้ นใบเพียงนิด
หน่ อย ปลายใบเรียวแหลมและมีตงิ่ แหลมยืน
่ เล็กน้อย
ตะวันออกเฉี ยงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลาง ลงมาจนถึงจังหวัด
ประจวบคีรีขน
ั ธ์
ก่อนทีเ่ สลาจะออกดอกจะผลัดใบก่อน แต่การผลัดใบของเสลามักจะทิง้
ใบไม่หมดเลยทีเดียว จากนัน
้ เสลาก็จะเริม
่ ออกดอก และบานติดต่อกัน
ในประมาณเดือน มีนาคม ถึงเมษายน ดอกของเสลามีสม
ี ว่ งสดใส
ออกเป็ นช่อ ๆ เมือ
่ เวลาทีด
่ อกเสลาบานก็จะแน่ นช่อซึง่ เป็ นรูป
ทรงกระบอก ทีก
่ า้ นช่อดอกและกลีบรองดอกมีขนอ่อนนุ่มสีเหลืองทอง
ปกคลุมโดยทั่วไป กลีบดอกและกลีบรองดอกของเสลามักมีจานวนไม่
แน่ นอน มักมี 6,7 หรือ 8 กลีบ
เสลาเป็ นไม้ทข
ี่ น
ึ้ ได้ท่วั ไปตามป่ าเบญจพรรณ ป่ าดงดิบ และป่ า
ชายหาดทางภาค
สลัดไดใดสลัดน้อง
แหนงนอน ไพรฤา
เพราะเพือ
่ มาราญรอน
เศิกไสร้
สละสละสมร
เสมอชือ
่ ไม้นา
นึกระกานามไม้
แม่นแม้นทรวงเรียม
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ : Euphorbia antiquorum L
ชือ
่ วงศ์:
EUPHORBIACEAE
ชือ
่ อืน
่ : กะลาพัก เคียะผา เคียะเลีย่ ม หนอนงู
ลักษณะ : สลัดไดเป็ นไม้พม
ุ่ ขนาดย่อม เป็ นพืชทีใ่ ช้ลาต้นเป็ นใบไป
ในตัว ต้นหรือใบเป็ นไม้รูปเหลีย่ มปกติมีสเี่ หลีย่ มมีหนามแหลมตามแนว
เหลีย่ มทัง้ สีด
่ า้ น มีดอกขนาดเล็กเป็ นสีขาว หรือแดง ออกเป็ นระยะ
้ อยู่
ระหว่างแนวหนามตามเหลีย่ มต้นในบริเวณส่วนยอด เป็ นพืชทีม
่ กั ขึน
ตามโขดเขาหินทีแ
่ ห้งแล้ง ตามภูเขา หรือตามเกาะแก่งในทะเล เป็ นพืชที่
มีความทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดม
ี าก
สลัดได จะมียางสีขาวอยูต
่ ามลาต้นและกิง่ ก้าน ยางของสลัดไดมีพษ
ิ
มาก หากคนหรือสัตว์รบั ประทานเข้าไปแล้วจะทาให้มน
ึ เมา ท้องร่วงอาจ
เป็ นภัยถึงชีวต
ิ ได้ ถ้ามีปลูกในบ้านจึงควรระมัดระวังเด็ก ๆ ทีซ
่ ุกซน อาจ
พลาดพลัง้ เล่นยางเข้าปาก
“...หาดเหียงหันกันเกรา สะเดาดูกเดือ่ ดก กระทกรกรกฟ้ า
มะข้ามะขามขานาง ย่างทรายไทรไข่เหน้า
เปล้าประดูด
่ ด
ู าษ
สนุ่นหนาดขนุนขนาด
พะวาหวานหวายหว้า...”
ชือ
่ วิทยาศาสตร์ Azadirachta indica Juss. Var. siamensis Valeton
ชือ
่ วงศ์ MELIACEAE
ชือ
่ สามัญ Neem Tree
ชือ
่ ท้องถิน
่ ภาคเหนือ เรียก สะเลียม ภาคอีสาน เรียก กะเดา, กาเดา ส่วย เรียก
จะตัง ภาคใต้ เรียก กะเดา, ไม้เดา, เดา
้ ได้
ลักษณะทั่วไป สะเดาเป็ นยืนต้นขนาดกลาง สูง 12–15 เมตร ขึน
ในป่ า หรือปลูกไว้ตามบ้าน ทุกส่วนมีรสขม เรือนยอดเป็ นพุม
่ กลม เปลือกของ
ลาต้นสีน้าตาลเทาหรือเทาปนดา แตกระแหงเป็ นร่องเล็กๆ ตามต้น แต่เปลือก
ของกิง่ อ่อนเรียบ ใบ เป็ นช่อแบบขนนก ใบย่อยรูปหอก ขอบใบหยัก ใบออก
เวียนกัน ตอนปลายกิง่ จะผลิใบใหม่พร้อมกับผลิดอกในฤดูหนาว ดอก เป็ นช่อ
สีขาว ผล กลมรี อวบน้า ผลแก่สีเหลือง ภายในผลมี 1 เมล็ด
การปลูก สะเดาเป็ นไม้ดง้ ั เดิมของเขตเอเชียอาคเนย์ พบทั่วไปในประเทศพม่า
้ ปะปนกับไม้ใหญ่
อินเดีย สะเดาพบในป่ าเบญจพรรณและป่ าแดง มักขึน
สะเดาเป็ นพันธุ์ไม่ปลูกง่าย โตเร็ง และเป็ นพันธุ์บุกเบิกในทีแ
่ ห้งแล้งได้ดี
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
สรรพคุณทางยา
ใบอ่อน รสขม แก้โรคผิวหนัง น้าเหลืองเสีย และพุพอง
ใบแก่ รสขม บารุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร และฆ่าแมลงศัตรูพืช
ก้าน รสขม แก้ไข้ บารุงน้าดี และแก้รอ้ นในกระหายน้า
ดอก รสขม แก้พษ
ิ โลหิต พิษกาเดา แก้รด
ิ สีดวง คันในลาคอ และบารุง
ธาตุ
ลูก รสขมเย็น บารุงหัวใจให้เต้นเป็ นปกติ และฆ่าแมลงศัตรูพืช
คุณค่าทางโภชนาการ ทุกส่วนของสะเดามีรสขม นายอดอ่อนและดอก
สะเดาลวกน้าร้อน 2-3 ครัง้ เพือ
่ ให้หายขม รับประทานเป็ นอาหารได้
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Erratamd Coronarid
วงศ์ : APOCYNACFAE
พุดจีบ เป็ นพันธ์ ไม้ ของประเทศอินเดีย ต้ นไม้ และใบคล้ าย ๆ พุดซ้ อน
(Cardenia jasminoides) ของไทยเรา คือ เป็ นไม้ พ่ มุ เตีย้ ออก
ใบหนาทึบ ทรงพุ่มแน่ น มีพ่ มุ สู งประมาณ 4-8 ฟุต ใบสี เขียวเข้ มมีลกั ษณะใบมน
รี ปลายใบแหลมเป็ นติ่งยาวออกมาประมาณ 1 เซนติเมตร ลาต้ นเหนียว เมื่อเด็ด
ใบหรือหักกิง่ จะมีนา้ ยางสี ขาวไหลซึมออกมา (แต่ ต้นหรือใบของพุดซ้ อนจะไม่ มี
ยางทีว่ ่ านี้ เพราะเป็ นไม้ ต่างวงศ์ )