การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ

Download Report

Transcript การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ

การปรั บเปลีย่ นพฤติกรรมสุขภาพ





เบาหวาน (Diabetes mellit)
ความดันโลหิตสู ง(Hypertension)
ภาวะไขมันในเลือดสู ง (Hyperlipidemia)
กล้ามเนือ้ หัวใจขาดเลือด(Ischemic heart disease)
การประเมินภาวะโภชนาการ(Nutritional Assessment)
*** ภาวะลงพุง (Abdominal odesity
*** ปัจจัยต่ อการเกิดโรคหัวใจ(Metabolic syndome)
*** โรคอ้ วน (Obesity)
เบาหวาน
(Diabetes mellitus)
เบาหวาน คือภาวะทีร่ ่ างกายมีระดับนา้ ตาลในเลือดสู งกว่าปกติ
เกิดขึน้ เนื่องจากร่ างกายไม่ สามารถนานา้ ตาลในเลือดซึ่งได้ มาจาก
อาหารไปใช้ ได้ ตามปกติ
การทีร่ ่ างกายจะนานา้ ตาลกลูโคสไปใช้ พลังงานได้ น้ันมีความ
จาเป็ นต้ องจะทาอาศัยฮอร์ โมนทีส่ ร้ างจากตับอ่ อน ชื่ออินซูลิน เป็ น
ตัวพานา้ ตาลกลูโคสในเลือดเข้ าไปในเนือ้ เยือ่ ของอวัยวะต่ างๆหากขาด
ฮอร์ โมนอินซู ลนิ ก็จะทาให้ นา้ ตาลไม่ สามารถเข้ าไปในเนือ้ เยือ่ ได้ และ
จะมีนา้ ตาลในเลือดเหลือค้ างอยู่มากและมีระดับสู งกว่ าปกติ
*****ในคนปกติ ก่อนรับประทาน
อาหารเช้ าจะมีระดับน้าตาลในเลือด
ประมาณ ๗๐-๙๙ มิลลิกรั ม/เดซิลติ ร
และหลังรั บประทานอาหารแล้ ว ๒ ชั่วโมง
ระดับน้าตาลไม่ เกิน ๑๔๐ มิลลิกรั ม/
เดซิลติ ร
เบาหวานทีพ่ บบ่ อย แบ่ งได้ เป็ น ๒ ชนิดคือ
เบาหวานชนิดที่ ๑ มักเกิดก่อนอายุ ๒๐ ปี และเกิดจากการที่
ร่ างกายไม่ สามารถสร้ างอินซู ลนิ ได้ เนื่องจากเซลล์ ผลิตอินซู ลนิ
ทีต่ บั อ่ อนถูกทาลาย
เบาหวานชนิดที่ ๒มีความสั มพันธ์ กบั ความอ้วน สาเหตุส่วน
ใหญ่ เกิดจากร่ างกายผลิตอินซู ลนิ ไม่ เพียงพอ ร่ วมกับการดือ้ ต่ อ
การออกฤทธิ์ของอินซู ลนิ ในร่ างกาย
เกณฑ์ การวินิจฉัยว่ าเป็ นเบาหวาน
(ของสมาคมโรคเบาหวานแห่ งสหรัฐอเมริกา)
***หากพบนา้ ตาลในเลือดไม่ ว่าเวลาใด มากกว่ าหรือเท่ ากับ
๒๐๐ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร เพียงครั้งเดียวร่ วมกับมีอาการ เช่ น
ปัสสาวะบ่ อย คอแห้ ง กระหายนา้ กินจุ นา้ หนักลด ให้ ถือว่ าเป็ น
เบาหวานได้ เลย
***ถ้ าระดับนา้ ตาลในเลือดก่ อนรับประทานอาหารเช้ าตั้งแต่
๑๒๖ มิลลิกรัม/เดซิลติ รขึน้ ไป
อาการสาคัญที่พบบ่ อย
๑.ปัสสาวะบ่ อยมีปริมาณมาก
๒.คอแห้ ง กระหายนา้ และดืม่ นา้ มาก
๓.นา้ หนักลด ผอมลง
๔.หิวบ่ อยและรับประทานอาหารในปริมาณมาก
ผ้ ทู มี่ ีโอกาสเป็ นเบาหวานโดยไม่ ร้ ูตัว
*อายุมากกว่ า ๔๕ ปี
*อยู่ในเกณฑ์ ทถี่ ือว่ าอ้ วน(ในคนเอเชียใช้ ดรรชนีมวล
กายตั้งแต่ ๒๓ กิโลกรัม/เมตร²)
*ผู้ทมี่ ปี ระวัตญ
ิ าติสายตรงเป็ นเบาหวาน
*เคยคลอดบุตรนา้ หนักแรกเกิด ๔ กิโลกรัม หรือได้ รับ
การวินิจฉัยว่ าเป็ นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
*มีประวัตคิ วามดันโลหิตสู ง
*มีประวัตไิ ขมันในเลือดสู ง
*เคยตรวจพบว่ ามีระดับนา้ ตาลในเลือดสู งกว่ าคนปกติ แต่ ยงั ไม่ เข้ า
ข่ ายเป็ นเบาหวาน(ระดับนา้ ตาลในเลือดก่ อนรับประทานอาหารเช้ ามี
ค่ า ๑๐๐-๑๒๕ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร หรือค่ าระดับนา้ ตาลในเลือดหลัง
รับประทานอาหาร ๒ ชั่วโมง มีค่า๑๔๐-๑๙๙ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร)
*มีประวัติโรคหลอดเลือดเสื่ อม
หากผู้ใดจัดอยู่ในข่ ายของผู้ทมี่ ีโอกาสเป็ นเบาหวาน ควรหมั่นตรวจ
ระดับนา้ ตาลในเลือดก่ อนรับประทานอาหารเช้ าทุก ๖-๑๒ เดือน
ทาอย่ างไรให้ มีสุขภาพดี หากเป็ นเบาหวาน
แม้ เบาหวานจะรักษาไม่ หายขาด แต่ กม็ ีวธิ ีต่างๆทีช่ ่ วยให้ ผ้ทู เี่ ป็ นเบาหวานมีสุขภาพดี
และยังป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้ อนได้ โดยมีหลักใหญ่ ๆดังนี้
การตรวจนา้ ตาลในเลือด เพือ่ ดูค่าระดับนา้ ตาลในเลือดทีเ่ ปลีย่ นแปลงไป
การรักษาด้ วยยา การฉีดอินซูลนิ เป็ นสิ่งจาเป็ นสาหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที๑่
ขณะที่เบาหวานชนิดที่๒สามารถรับประทานยาทีช่ ่ วยการทางานของอินซูลนิ ใน
ร่ างกาย หรืออาจฉีดอินซูลนิ ได้ ในบางกรณี
การเลือกอาหารอย่ างเหมาะสม นอกจากจะช่วยในการควบคุมระดับ
น้ าตาลในเลือดแล้วยังลดน้ าหนักได้ ซึ่งจะมีผลให้ร่างกายสามารถใช้อินซูลิน
ได้ดีข้ ึน
การออกกาลังกายอย่ างสมา่ เสมอ ทาให้น้ าตาลในเลือดอยูใ่ นระดับที่ดี
และยังมีประโยชน์ในการลดหรื อควบคุมน้ าหนักได้ ที่สาคัญยังส่ งเสริ มทั้ง
สุ ขภาพและความแข็งแรงของร่ างกาย
ความดันโลหิตสูง
(Hypertension)
ความดันโลหิ ตสูง คือภาวะที่ความดันโลหิ ตช่วงบน(Systolic)มีค่าตั้งแต่๑๔๐
มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป และความดันโลหิ ตช่วงล่าง (Diastolic) มีค่าตั้งแต่๙๐มิ
ลิเมตรปรอทขึ้นไป
สาเหตุ ของความดันโลหิตสูง อาจแบ่ งได้ เป็ น๒กล่ มุ ใหญ่
๑.พวกที่หาสาตุได้ เช่น จากโรคไตอักเสบ เส้นเลือดแดงตีบ พิษแห่งครรภ์
๒.พวกที่หาสาเหตุไม่พบ ผูป้ ่ วยความดันโลหิ ตสูงส่ วนมากมักจะเป็ นชนิดนี้
บุคคลทีม่ ีโอกาสเสี่ยงเป็ นโรคความดันโลหิตสูง
๑.ผู้ทมี่ ีประวัตคิ นในครอบครัวเป็ นโรคความดันโลหิตสู ง
๒.คนอ้ วน หรือผู้ทมี่ ีนา้ หนักเกินมาตรฐาน
๓.ผู้ทสี่ ู บบุหรี่
๔.ผู้ทเี่ ป็ นโรคเบาหวาน
๕.ผู้ทชี่ อบรับประทานอาหารรสเค็มจัด
๖.ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะอายุต้งั แต่ ๔๐-๕๐ปี ขึน้ ไป
อาการ
ระยะเริ่มแรกส่ วนใหญ่ จะไม่ มีอาการ อาจตรวจพบโดยการตรวจ
สุ ขภาพประจาปี หรือเจ็บป่ วยด้ วยโรคอืน่ สาหรับรายทีม่ ีอาการ จะ
มีอาการมึนงง ตาพร่ ามัว ปวดศีรษะ บริเวณท้ ายทอย มักจะปวด
ตอนตื่นนอน เหนื่อยง่ าย แน่ นหน้ าอก นอนไม่ หลับอ่อนเพลีย บาง
รายอาจมีเลือดกาเดาออกบ่ อยๆ
ภาวะแทรกซ้ อนและอันตราย
๑.หลอดเลือดแดงโป่ งพองและแตกง่ าย
๒.โรคหัวใจขาดเลือด และกล้ ามเนือ้ หัวใจตาย
๓ภาวะไตวายเรื้อรัง
๔.ประสาทตาเสื่ อม ตามัวจนทาให้บอดได้
ข้ อควรปฏิบัติ
๑.ควบคุมนา้ หนักตัวไม่ ให้ อ้วนเกินไป
๒.การพักผ่ อนทั้งร่ างกายและจิตใจไม่ ตงึ เครียด ขุ่นมัว และวู่วาม
๓.ระวังรักษาตัวเองอย่ าให้ หกล้ ม หลอดเลือดสมองแตก เป็ นอัมพาต แล
และเสี ยชีวติ
๔.ออกกาลังให้ เพียงพอและสม่าเสมอ
๕.หลีกเลีย่ งการดืม่ สุ รา แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ งดสู บบุหรี่
๖.ลดอาหารรสจัด หวาน เค็ม ไขมันมาก ร้ อนจัด เย็นจัด
๗.รับประทานผักผลไม้ อยู่เสมอ
๘.รับประทานยาตามแพทย์ สั่ง และมาพบแพทย์ ตามนัด
ภาวะไขมันในเลือดสูง
(Hyperlipidemia)
ภาวะไขมันในเลือดสู งกว่ าปกติ ซึ่งเป็ นผลมาจากการได้ รับ
อาหารมากเกินไปและไม่ ถูกสั ดส่ วน ถ้ าหากไม่ ได้ รับการ
รักษาทางโภชนาการทีถ่ ูกต้ อง ก็จะทาให้ เกิดภาวะหลอด
เลือดแข็ง(Atherosclerosis)ซึ่งเป็ นสาเหตุของการ
เป็ นโรคหัวใจขาดเลือด
*อะไรทาให้ ระดับไขมันในเลือดสูง
๑.พฤติกรรมการบริโภคทีไ่ ม่ ถูกต้ อง
๒.ขาดการออกกาลังกาย
๓.กรรมพันธุ์
๔.โรคเบาหวาน
ไขมันในร่ างกายที่จะกล่ าวถึงที่สาคัญ ๒ ชนิด
๑.ไตรกลีเซอร์ ไรด์ (Triglyceride)ได้มาจากการดูดซึมไขมันที่มี
อยูใ่ นอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ร่ วมกับการที่ร่างกายสร้างขึ้น
เองจากอาหารประเภทอื่นๆเช่น คาร์โบไฮเดรต (อาหารประเภทข้าว
ขนมปัง ของหวาน ฯลฯ)เพราะปริ มาณแคลอรี่ ในอาหารที่ได้รับ
ประทานเข้าไป เมื่อไม่ถูกใช้เป็ นพลังงานในการทากิจกรรมต่างๆ
แคลอรี่ ส่วนเกินเหล่านี้จะถูกเก็บสะสมไว้ในรู ปของไขมันไตรกลี
เซอร์ไรด์
-เป็ นสาเหตุสาคัญทาให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ค่าปกติในเลือด
น้อยกว่า ๑๕๐ มิลลิกรัม/เดซิลิตร (งดอาหารและน้ าอย่างน้อย ๑๒
ชัว่ โมง ก่อนเจาะเลือด)
-ถ้าระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดมากกว่า ๑,๐๐๐ มิลลิกรัม/
เดซิลิตร ควรลดไขมันทุกชนิดให้นอ้ ยกว่า ๑๐% ของปริ มาณแคลอ
รี่ ท้ งั หมด ร่ วมกับการรักษาด้วยยาเพื่อลดความเสี่ ยงต่อการเกิดตับ
อ่อนอักเสบ
๒.โคเลสเตอรอล(Cholesterol)เป็ นสารคล้ ายไขมัน
ทีม่ ีโครงสร้ างและหน้ าทีแ่ ตกต่ างไปจากไขมัน
คุณสมบัติ
-ละลายในไขมัน ไม่ละลายในเลือด แต่การที่จะอยูใ่ นกระแสเลือดได้กต็ อ้ งอาศัย
สารโปรตีนชนิดหนึ่งเรี ยกว่า ไลโพโปรตีน(Lipoprotein)ห่อหุม้ โคเลสเตอรอล
เพื่อพาเข้าไปในกระแสเลือดคือ HDL และLDL
-เป็ นองค์ประกอบเนื้อเยือ่ สมองและระบบประสาท
-ช่วยสร้างเซลล์เยือ่ บุผวิ ฮอร์โมนบางชนิด
-เป็ นองค์ประกอบวิตามินดีจากแสงแดด ช่วยแคลเซี่ยมสร้างความแข็งแรงให้กบั
กระดูก
-ร่ างกายสร้างขึ้นมาเองที่ตบั ถึง๗๕%(ปริ มาณ๘๐๐-๑,๕๐๐มิลลิกรัม/เดซิลิตร/วัน)
-มาจากอาหารประเภทผลิตภัณฑ์สัตว์ที่รับประทานเข้าไป
ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดที่เหมะสม
Total cholesterol
≤ ๒๐๐ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร
LDL cholesterol
≤ ๑๐๐ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร
HLD cholesterol ชาย ≥ ๔๐ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร
หญิง ≥ ๕๐ มิลลิกรัม/เดซิลติ ร
(งดอาหารและนา้ อย่ างน้ อย ๑๒ ชั่วโมง ก่อนเจาะเลือด)
LDL
(Low density lipoprotein choesterol)
คือไขมันตัวร้ ายเป็ นตัวพา cholesterol ไปสะสมตามผนังด้ านในของ
หลอดเลือดแดงในอวัยวะต่ างๆ เช่ น หลอดเลือดหัวใจ ทาให้ ผนังหลอดเลือด
เสื่ อม ตีบ และแข็ง
HDL
(Hight density lipoprotein
cholesterol)
คือไขมันดี ช่ วยมาเคลือ่ นย้ ายโคเลสเตอรอล LDLหรือเจ้ าไขมันตัว
ร้ ายออกจากผนังหลอดเลือด และนากลับไปทาลายที่ตับ จึงเป็ นตัว
ช่ วยป้ องกันไขมันสะสม ช่ วยลดภาวะเสี่ ยงของหลอดเลือดแข็งตัว
และกล้ามเนือ้ หัวใจขาดเลือดได้
ชนิดของโคเลสเตอรอลกับการเกิดโรคหลอดเลือด
และหัวใจ
*ปริ มาณและชนิดของไขมันมีส่วนสาคัญในการป้ องกันโรคหัวใจ
ข้อแนะนา
รับประทานไขมัน ๒๕-๓๕%จากแคลอรี่ ท้ งั หมดในแต่ละวัน
โดยไขมันส่ วนใหญ่มาจากไขมันอิ่มตัว ๑ ตาแหน่ง (MUFA)และ
ลดปริ มาณของไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์เพื่อลดระดับLDL
ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat)
ตั้งไว้ที่อุณหภูมิหอ้ งจะกลายเป็ นไข เช่น ไขมันสัตว์
น้ ามันปาล์ม น้ ามันมะพร้าว กะทิ ฯลฯ
ไขมันทรานส์ (Trans fatty acid)
คือ ไขมันพืชที่ถูกดัดแปลงให้เป็ นของแข็งที่อุณหภูมิหอ้ ง ทาให้ไม่เสี ย
ง่ายเก็บไว้ได้นาน เช่น มาการี น เนยขาว อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง เช่น
ขนมเค้ก คุกกี้ โดนัท ขนมปัง บะหมี่กึงสาเร็ จรู ป อาหารประเภทฟาสต์
ฟูด อาหารทอดแช่แข็ง ควรบริ โภคให้นอ้ ยที่สุด
ไขมันไม่ อิ่มตัว(Unsaturated fat)มี ๒ จาพวก
๑.ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนหรื อไขมันไม่อิ่มตัวหลายตาแหน่ง%
(Polyunsaturated fatty acid:PUFA)เช่น
-กลุ่มโอมก้า ๖ (linoenic)พบมากในน้ ามันข้าวโพด น้ ามัน
ดอกทานตะวัน
-กลุ่มโอเมก้า ๓ (alpha3linolenic)พบมากในปลา น้ ามันคา
โนลา ถัว่ เหลือง และFlaxseed(คล้ายจมูกข้าวสาลี)
*ถ้ารับประทานPUFAมากเกินกว่า๑๐%ของไขมันที่
รับประทานอาจจะลดไขมันดีคือHDLได้
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
(Ischemic heart disease)
การทางานของหัวใจปกติน้ นั จะบีบตัวเป็ นจังหวะโดยอัตโนมัติ เพื่อทาหน้าที่
สูบฉีดโลหิ ตไปเลี้ยงส่ วนต่างๆของร่ างกาย ตัวกล้าเนื้อหัวใจที่หดตัวและคลาย
ตัวเป็ นจังหวะเช่นเดียวกันกับกล้ามเนื้ออื่นๆทัว่ ไป คือมีความต้องการพลังงาน
เพื่อไปเลี้ยงกล้ามเนื้อพลังงานนั้นก็คือเลือด ซึ่งนาออกซิเจนและสารอาหารมา
เลี้ยงกล้ามเนื้อ เลือดที่มาเลี้ยงหัวใจจะผ่านมาทางหลอดเลือดหัวใจ โคโรนารี
ซึ่งมีขนาดเล็กมาก ถ้าเกิดการตีบหรื อตันไม่วา่ สาเหตุใดๆก็ทาให้ กล้ามเนื้อ
หัวใจขาดเลือดได้
๒.ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว หรื อไขมันไม่อิ่มตัวตาแหน่งเดียว
(Monounsaturated fatty acid:MUFA)
-พบมากในน้ ามันมะกอก น้ ามันคาโนลา น้ ามันถัว่ เหลือง น้ ามันราข้าว อาโวคา
โด ถัว่ เปลือกแข็งต่างๆ
ข้อดี
-เมื่อทดแทนไขมันอิ่มตัวด้วยMUFAพบว่าLDLลดลงโดยที่HDLไม่ลดลงตาม
-เมื่อทดแทนคาร์โบไฮเดรตด้วยMUFAพบว่าสามารถลดTriglycerideได้
-ทุกๆ ๑% ของ Cholesterol ที่ลดลง จะลดความเสี่ ยงโรคหัวใจได้เท่าตัว
....จากการวิจยั พบว่า การออกกาลังกายวันละ๔๕นาที สัปดาห์ละ๔ครั้ง ช่วยเพิม่
HDLได้ถึง๕มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ระยะแรกที่หลอดเลือดตีบตันชัว่ ขณะ จะทาให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
เพียงชัว่ คราว ภาวะนี้เรี ยกว่า “โรคหัวใจแองไจน่า (angina)”ภาวะนี้
ยังไม่เกิดอันตรายถึงชีวิต
ระยะร้ ายแรง หลอดเลือดหัวใจเกิดการอุดตันอย่างถาวร ทาให้
กล้ามเนื้อหัวใจส่ วนนั้นขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างถาวร เซลล์ของกล้ามเนื้อ
หัวใจส่ วนนั้นจะตาย เรี ยกว่า “กล้ามเนื้อหัวใจตาย” ซึ่งอาจทาให้เกิดภาวะ
หัวใจวานกะทันหัน ทาให้เป็ นอันตรายถึงชีวิตได้
สาเหตุ ส่วนใหญ่มาจากหลอดเลือดแดงแข็งตัว
(Atherosclerosis) เนื่องจาก
● ผูส้ ูงอายุ มีความเสื่ อมของหลอดเลือด ทาให้เสี ย
ความยืดหยุน่ เกิดอาการแข็งตัว
● การสะสมไขมันและหิ นปูน(แคลเซียม)ทาให้เกิด
การอุดตัน
ปั จจัยเสี่ ยงต่อแข็งตัวของหลอดเลือด
แบ่งเป็ น ๒ พวกใหญ่ๆ คือ
ปัจจัยเสี่ ยงที่ปรับเปลี่ยนแก้ไขไม่ได้
๑.อายุที่เพิ่มขึ้น จะเสี่ ยงมากขึ้น
๒.เพศ เพศชายมีอุบตั ิการณ์สูงกว่าเพศหญิงก่อนวัยหมดประจาเดือนมากถึง
๕เท่าแต่หลังหมดประจาเดือนแล้ว เพศหญิงจะมีอุบตั ิการณ์มากขึ้น
ตามลาดับจนเท่ากับเพศชายในช่วงอายุ ๖๐-๖๕ ปี
๓.ประวัติในครอบครัว
ปั จจัยเสี่ ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้
๑.ภาวะไขมันในเลือดสู ง ไขมันที่มีส่วนสัมพันธ์กบั โรคนี้คือ โคเลสเตอรอล ระดับที่มี
ความเสี่ ยงสูง
ระดับโคเลสเตอรอล รวม ที่สูงกว่า ๒๕๐ มิลลิกรัม/เดซิ ลิตร
ระดับโคเลสเตอรอล LDL ที่สูงกว่า ๑๓๐ มิลลิกรัม/เดซิ ลิตร
ระดับโคเลสเตอรอล HDL ที่ต่ากว่า ๓๕ มิลลิกรัม/เดซิ ลิตร
๒.การสู บบุหรี่ เชื่อว่าสารนิโคติน และคาร์ บอนมอนนอกไซด์จากบุหรี่ ทาให้เกิด
อันตรายต่อผนังหลอดเลือด
๓.ความดันโลหิ ตสูง (Hypertension)
๔.โรคเบาหวาน (Diabetes)
๕.โรคอ้วน (Obesity)
๖.ปั จจัยอื่นๆเช่น ผูท้ ี่มีอารมณ์หงุดหงิด เปลี่ยนแปลงง่าย
อาการเตือนแนวโน้มของโรคหัวใจ
การเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เริ่ มแรกจะมีอาการเจ็บ แน่นหน้าอก
โดยเฉพาะเวลาที่ตอ้ งใช้แรง เช่น เล่นกีฬา
-ลักษณะการเจ็บหน้าอก มักจะมีอาการปวดร้าว เหมือนถูกบีบรัดที่หน้าอก
มักเริ่ มจากกลางอก แล้วอาจลามไปจนถึงรักแร้แขนซ้าย ต้นคอ ไหล่
หรื อไปจนถึงกราม และขากรรไกรล่าง
-ระยะเวลาการเจ็บตั้งแต่ ๑-๕นาที โดยมากไม่เกิด ๑๕นาที (ถ้าเจ็บนานกว่า
๓๐นาที อาจมีการตายของกล้ามเนื้อหัวใจเกิดขึ้น)
อาการหายใจไม่ ออก ใจสั่ น อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่ วมด้วย
แสดงว่าหัวใจ ไม่สามารถทานได้อย่างเต็มที่
อาการมึนงง หน้ ามืด หรื ออาจถึงกับหมดสติ เพราะหัวใจอยูใ่ นสภาพ
ไม่ดี การส่ งเลือดไปเลี้ยงสมองอาจไม่เพียงพอ
หลักการรักษาโรคหัวใจขาดเลือด
๑.การควบคุมเพื่อลดปั จจัยที่ส่งเสริ มให้เกิดโรคนี้ เช่น ควบคุมความดันโลหิ ตสูง
ควบคุมระดับไขมัน ระดับน้ าตาลในเลือด ลดน้ าหนักส่ วนเกิน งดบุหรี่ เป็ นต้น
๒.การรักษาโดยการใช้ยา เช่น ยาขยายหลอดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด ยาลดความดัน
โลหิ ต ยาต้านเล็ดเลือด เป็ นต้น
๓.การรักษาโดยวิธีการอื่น ใช้เมื่อรักษาด้วยยาแล้วไม่ได้ผล เช่น การใช้สายสวนที่มี
บอลลูนที่ปลายสายไปขยายหลอดเลือดหัวใจบริ เวณที่ตีบ ซึ่ งเป็ นวิธีที่นิยมกันมาก
หรื อการผ่าตัดเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจที่เรี ยกว่า บายพาส (by pass)
วิธีทดี่ ที สี่ ุ ด คือ การดูแลหัวใจ อย่ าทาร้ าย
หัวใจด้ วยสิ่ งต่ างๆ ทีก่ ล่ าวมาก่ อนทีจ่ ะสาย
เกินไป
การประเมินภาวะโภชนาการ
(nutritional Assessment)
วิธีการคานวณหาน้ าหนักมาตรฐาน (Ideal body weight = IBW)
ชาย : ส่ วนสูง-๑๐๐
หญิง : (ส่ วนสูง-๑๐๐)-๑๐%(ส่ วนสูง-๑๐๐) ±๓.๕กก.ขึ้นอยูก่ บั
ขนาดรู ปร่ าง
%IBW=น้ าหนักจริ ง×๑๐๐
IBW
%IBW>๑๒๐%ของน้ าหนักมาตรฐาน=โรคอ้วน(Obesity)
%IBW<๙๐%ของน้ าหนักมาตรฐาน=โภชนาการขาด
การหาน้ าหนักที่น่าจะเป็ นอย่างง่ายแบบที่ ๒
ชาย : ส่ วนสู ง-๑๐๐
หญิง : ส่ วนสู ง-๑๐๕ หรื อ ๑๑๐
ตัวอย่าง ปราณี สู ง ๑๖๕ เซนติเมตร น้ าหนักควรเป็ นเท่าไหร่ จึงจะเหมาะสม
น้ าหนักที่ควรเป็ น ๑๖๕-๑๐๕=๖๐กก.
หรื อ
๑๖๕-๑๑๐=๕๕กก.
Body Mass Index (BMI)
การคานวณหาค่าดัชนีมวลกาย
BMI(Kg/m²)=weight(kg.) หรื อ น้ าหนัก(กิโลกรัม)
height(m.)²
ความสูง(เมตร)²
สัมพันธ์กบั ปริ มาณไขมันในร่ างกาย และความเสี่ ยงสุ ขภาพ
การประเมินภาวะโภชนาการโดยใช้ค่าดัชนีมวลกาย(BMI)
สาหรับชาวเอเชีย
น้ าหนักต่ากว่ามาตรฐาน ค่าBMI <๑๘.๕
น้ าหนักตัวปกติ
“
๑๘.๕-๒๒.๙ “
น้ าหนักเกินมาตรฐาน
“
๒๓.๐-๒๔.๙
โรคอ้วน
“
>๒๕.๐
Kg/m²
“
“
BMI และการเกิดโรคเบาหวาน
ดัชนีมวลกาย(BMI)
โรคเบาหวาน%
<๒๐
๒๐-๒๓
๒๓-๒๕
>๒๕
อุบตั ิการณ์เกิด
๗
๒๓
๒๕
๔๖
ภาวะอ้วนลงพุง (Abdominal Obesity)
การประเมินภาวะอ้วนลงพุง
-การสะสมไขมันหน้าท้อง (visceral store)
-เพิม่ ความเสี่ ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและเบาหวาน
เส้นรอบเอว (Waist circumference)
ชาย
>๙๐
ซม. (๓๖นิ้ว)
หญิง
>๘๐
ซม. (๓๒นิ้ว)
เส้นรอบเอว/เส้นรอบสะโพก (Waist and hip ratio)
ชาย
>๑
หญิง
>๐.๘
Metabolic syndrome
คาจากัดความ
Metabolic syndrome คือกลุ่มความผิดปกติที่เป็ นปัจจัยเสี่ ยง
ต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งพบร่ วมกันได้บ่อย ความผิดปกติ
ดังกล่าว ได้แก่
ความผิดปกติของไขมันในเลือด
ระดับความดันโลหิ ต
ระดับน้ าตาล
เกณฑ์การวินิจฉัย
ในปัจจุบนั เกณฑ์ในการวินิจฉัย Metabolic syndrome (นิยม
ใช้มากคือเกณฑ์ของ NCEP ATP III)จะต้องมีความผิดปกติอย่าง
น้อย ๓ ใน ๕ ข้อ ต่อไปนี้
๑.อ้วนลงพุง
เส้นรอบเอวในผูช้ าย ≥๑๐๒ซ.ม. หรื อ ๔๐นิ้ว
เส้นรอบเอวในผูห้ ญิง ≥๘๘ซ.ม. หรื อ ๓๕นิ้ว
๒.ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ≥๑๕๐ มิลลิกรัม/เดซิลิตร
๓.ระดับ HDL cholesterol ≤๔๐ มิลลิกรัม/เดซิลิตร ในผูช้ ายหรื อ≤๕๐ มิลลิกรัม/
เดซิลิตร ในผูห้ ญิง
๔.ความดันโลหิต ≥๑๓๐/๘๕ม.ม.ปรอท
๕.ระดับน้ าตาลขณะอดอาหาร ≥๑๑๐ มิลลิกรัม/เดซิลิตร
*เกณฑ์การวินิจฉัยของสหพันธ์เบาหวานโลก (Iternational Diabetes
Federation) จะต่างกันตรงเกณฑ์ระดับน้ าตาลขณะอดอาหาร ≥ ๑๑๐
มิลลิกรัม/เดซิ ลิตร ตามเกณฑ์ใหม่ในการวินิจฉัยภาวะ Prediabetes หรื อ
Impaired fasting glucose คือระดับน้ าตาลขณะอดอาหาร ≥ ๑๐๐
มิลลิกรัม/เดซิ ลิตร
**คาจากัดความของน้ าหนักเกินและโรคอ้วนในคนเอเชียจะใช้เกณฑ์
-BMI๒๓ และ ๒๕Kg/m² ตามลาดับ
- เส้นรอบเอวที่เพิ่มความเสี่ ยงต่อการเกิดโรค คือ จะถือเกณฑ์ ≥๙๐ซม. หรื อ ๓๖
นิ้ว ในผูช้ าย และ ๘๐ซม. หรื อ ๓๒นิ้วในผูห้ ญิง
โรคอ้วน
(Obesity)
สาเหตุ
●กรรมพันธุ์
●โรคบางชนิด
●การได้รับพลังงาน จากอาหารมากเกินไป
หลักการลดนา้ หนัก
การลดน้ าหนักที่ได้ผล ประกอบด้วย
๑.การเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม
๒.การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
๓.การออกกาลังกายให้สม่าเสมอ
๔.ปรับวิถีการดาเนินชีวติ ให้เหมาะสม
การปรับพฤติกรรม
มีความสาคัญอย่างยิง่ ในการลดน้ าหนักให้ได้ผลอย่างถาวร ต้องมีท้ งั
ความตั้งใจ และอดทน จึงจะประสบผลสาเร็ จ
ผลที่ได้
●ลดน้ าหนักได้ตามกาหนด
●รักษาน้ าหนักที่ลดลงให้คงที่
●สร้างนิสยั การกินที่ดี
●สุ ขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ ึน
การลดน้ าหนักที่ได้ผลมากที่สุดในระยะยาวคือการลดพลังงานจากอาหารที่
ควรได้รับ ประมาณวันละ ๕๐๐-๑,๐๐๐ แคลอรี่ เป้ าหมายที่เหมาะสม
ในการลดน้ าหนัก คือ การลดน้ าหนักให้ได้อย่างน้อยร้อยละ ๕-๑๐
ในช่วง ๖-๑๒ เดือน
เอกสารอ้างอิง
ฉัตรประอร งามอุโฆษ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
เบาหวานกับการอยูอ่ ย่างมีสุขภาพดี. แอ็บบอต ลาบอแรตอรี ส จากัด:กรุ งเทพฯ
ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์. Metabolic syndrome(โรคอ้วนลงพุง). สารราชวิทยาลัย
อายรุ แพทย์แห่งประเทศไทย. ปี ที่๒๓ ฉบับที่๑ มกราคม-มีนาคม ๓๕๔๙:หน้า๕-๑๒
ทวีทอง หงศ์ววิ ฒั น์. โรคหัวใจ อาหารเสริ มหัวใจดวงเดียวให้แข็งแรง. สานักพิมพ์แสงแดด:
กรุ งเทพฯ , ๒๕๔๙
เทพ หิมะทองคา. ความรู้เรื่ องเบาหวาน ฉบับสมบูรณ์ พิมพ์ครั้งที่๖ วิทยพัฒน์ จากัด:กรุ งเทพฯ ,
๒๕๔๘.
ศัลยา คงสมบูรณ์เวช อาหารบาบัดโรค สุ ขภาพดีเริ่ มต้นที่กินให้เป็ น. พิมพ์ครั้งที่๓. สายธุรกิจโรง
พิมพ์ : กรุ งเทพฯ , ๒๕๔๘.
ศรี สมร คงพันธุ์. อาหารลดความอ้วน กายบริ หารน้ าหนัก. พิมพ์ครั้งที่๑๔. สานักพิมพ์แสงแดด :
กรุ งเทพ , ๒๕๔๙
สมาคมนักกาหนดอาหารและคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิ ดล.
การประชุมวิชาการ การกาหนดและดัดแปลงอาหารไทย สู่ครัวโลกและครัวโรค : นาความรู้สู่
การปฎิบตั ิ., ๒๕๔๙
สมาคมผูใ้ ห้ความรู้โรคเบาหวานและสมาคมนักกาหนดอาหาร. การจัดอบรมผูใ้ ห้ความรู้
โรคเบาหวาน หลักสูตรการเพิ่มประสิ ทธิภาพ การให้โภชนะบาบัดในผูป้ ่ วยเบาหวาน., ๒๕๔๙