กริยาที่ลงท้ายด้วย

Download Report

Transcript กริยาที่ลงท้ายด้วย

Present Simple
Tense
(ปัจจุบน
ั ธรรมดา)
โครงสร ้าง
S + V. ช่อง 1 (หาก
เป็ นประธานเอกพจน์ (ยกเว้น I และ
่ ยา เมือประธานเป็
่
หลักเกณฑ ์ “การเติม s” ทีกริ
น
เอกพจน์
่
1. กริยาทีลงท
้ายด ้วย s, ss, sh, ch, o และ x
- ให ้ “เติม e” เสียก่อนแล ้วจึง “เติม s”
เช่น
pass
passes
(ผ่าน)
brush
brushes (แปรงฟัน)
catch
catches (จับ)
go
goes (ไป)
box
boxes
(ชก)
่
2. กริยาทีลงท
้ายด ้วย y และหน้า y เป็ น
พยัญชนะ
่
- ให ้เปลียน
y เป็ น ie แล ้วจึง “เติม s”
เช่น cry
cries (ร ้องไห ้)
้
carry
carries (ถือ, หิว)
fly
flies
(บิน)
try
tries (พยายาม)
้
- แต่ถา้ หน้า y นันเป็
นสระ ไม่ตอ
้ ง
่
เปลียน
y เป็ น ie (ให ้เติม s ได้เลย)
เช่น play
plays
(เล่น)
destroy
destroys
(ทาลาย / สังหาร)
การใช้
่ นความ
1. ใช ้กับเหตุการณ์หรือการกระทาทีเป็
จริงตลอดไป
หรือเป็ นความจริงตามธรรมชาติ เช่น
The sun rises in the east.
้
ดวงอาทิตย ์ขึนทางทิ
ศตะวันออก
The earth rotates on its axis.
โลกหมุนอยูบ
่ นแกนของตัวเอง
Fish swim in the water.
ปลาว่ายอยูใ่ นนา้
2. ใช ้กับเหตุการณ์ทเป็
ี่ นประเพณี , นิ สยั , สุภาษิต ซึง่
ไม่ได ้บ่ง
เฉพาะเจาะจงว่าเวลาใด เช่น
Actions speak louder than words.
ทาดีกว่าพูด
Men wear thin clothes in summer.
้ าบาง ๆ ในฤดูร ้อน
คนเราสวมเสือผ้
That man speaks English as well as
he speaks his
own
language.
เจ ้าคนนั้นพูดภาษาอังกฤษราวกับภาษาของตน
3. ใช ้กับเหตุการณ์ทเป็
ี่ นจริงในขณะพู ด (ก่อนหน้า
พู ด หรือ หลังจาก
้
พู ดไปแล้ว จะเป็ นตามนันหรื
ี ล
อไม่กไ็ ด้ ไม่มผ
ผู กพัน) เช่น
He stands under the tree.
เขายืนอยู่ใต ้ต ้นไม้ (มองดูไปเห็นยืนอยู ่จริง ยัง
ไม่ไปไหน)
I have two book in the suitcase.
ฉันมีหนังสือ 2 เล่ม อยู่ในกระเป๋ า (เปิ ดออกมามี
อยู ่จริง)
4. ใช ้กับเหตุการณ์ในอนาคต (นิ ยมใช ้กับคากริยาที่
่
่
่ ่ งไปยังอีกทีหนึ
่ ่ ง) ซึงได
่ ้
แสดงการเคลือนที
จากที
หนึ
้ ซึง่
ตัดสินใจแน่ นอนแล้วว่าจะปฏิบต
ั เิ ช่นนัน
่ น
อาจจะมีคาวิเศษณ์ (Adverb) บอกเวลาทีเป็
อนาคตมาร่วมด ้วยก็ได ้ เช่น
I leave by the 6.20 train this evening.
ผมจะออกเดินทางโดยขบวนรถไฟเวลา 18.20 น.
เย็นนี ้
He sets sail tomorrow for Hua-Hin, and
comes back
next week
่ น “อนุ
5. ใช ้กับเหตุการณ์ในประโยคทีเป็
่ งบอกเวลาเป็ น
ประโยค”(subordinate Clause)ทีบ่
้ ้นประโยคของมันด ้วยคาว่า if,
อนาคต ซงึ่ จะขึนต
when, whenever, unless, until, till, as soon
as, while, before, after, as long as, etc.
เช่น
If the weather is fine tomorrow, we shall
have a picnic.
้
่
ถ ้าพรุง่ นี อากาศดี
เราก็จะไปเทียวกั
น
Unless he sends the money before
Friday, I shall
consult my
lawyer.
ถ ้าเขาไม่สง่ เงินมาก่อนวันศุกร ์ ผมก็จะไปปรึกษา
่ เล่
่ ามา แม้
6. ใช ้กับเหตุการณ์ในกรณี สรุปเรืองที
้ ้วในอดีต ทังนี
้ เพื
้ อให
่ ้เรือง
่
เหตุการณ์น้ันจะได ้เกิดขึแล
่ านั้นมีชวี ต
ทีเล่
ิ ชีวา เกิดความสนุ กสนาน เหมือน
่ ดขึนในปั
้
เหตุการณ์ทเพิ
ี่ งเกิ
จจุบน
ั (มักใช ้ในการเขียน
นิ ยาย, บทละคร) เช่น
Bassanio wants to go Belmont to
woo Portia. He
asks Antonio to lend him money.
Antonio says that he
hasn’ t any at the moment until his
ships come to port.
่ แสดงอาการให ้เห็นได ้ (เช่น
7. การกระทาของกริยาทีไม่
กริยาแสดงความนึ กคิด (Verb of Ideas), แสดง
ความร ับรู ้ (Verbs of Perception), แสดงภาวะของ
จิต (Verbs of Mind), แสดงความเป็ นเจ ้าของ
(Verbs of Possession) ) : เนื่ องจากกริยาเหล่านี ้
่
ไม่สามารถใช้ในรู ป Continuous ได้ เชน
แสดงภาวะของจิต : She loves her husband
very much.
แสดงความร ับรู ้ : He knows about how to
open the can.
แสดงความรู ้สึกนึ กคิด :
are unkind to
She detests people who
8.
ใช ้กับเหตุการณ์ทบุ
ี่ คคลหรือสัตว ์ทาเป็ นประจา
หรือเป็ นนิ สย
ั เคย ชิน(มักจะมีคาหรือกลุ่มคา
่ ความหมายว่าบ่อยๆ, เสมอ ๆ,
หรือประโยค) ซึงมี
ทุก ๆ... ร่วมอยู่ด ้วย
่
่ ามาใช ้ตาม
สังเกตคาทีแสดงความบ่
อย (ทีน
เหตุการณ์นี)้ แยกออกเป็ น 3 ชนิ ดย่อย ๆ คือ
8.1 คา (Word) ได ้แก่ always, often,
sometimes, frequently, usually, naturally,
generally, rarely, seldom, habitually
8.2 กลุ่มคา (Phrase) ได ้แก่ everyhour,
everyday, every week, every month, every
8.3 ประโยค (Clause) ได ้แก่ whenever
he sees me, whenever he comes here,
every time he sees me, every time he
comes here, whenever she can, whenever
you want, when he comes here, when
he does his work เช่น
He says hello to me whenever he
sees me.
่
เขาพูดสวัสดีกบั ผมเมือเขาเห็
นผม
I wash my car every week-end.
ผมล ้างรถของผมทุก ๆ วันหยุดสัปดาห ์
She usually relaxes after game.
Present Continuous
Tense
(ปัจจุบน
ั กาลังทา...)
โครงสร ้าง
S + is, am หรือ are +
e)
่ ายคากริยา
หลักเกณฑ ์การ “เติม ing” ทีท้
่
1. กริยาทีลงท
้ายด ้วย e (กรณี ไม่ออกเสียงตัว
เช่น
่
(เคลือน)
สะท ้าน)
้ ยก่อน แล ้วจึงเติม ing
- ให ้ต ัด e ทิงเสี
write
move
writing
moving
live
tremble
living
(อยู่, อาศัย)
่
trembling (สัน
argue
arguing
(เขียน)
(โต ้เถียง)
่
2. กริยาทีลงท
้ายด ้วย ee (กรณี ไม่ออกเสียงตัว e)
- ให ้เติม ing ได้เลย ไม่ต ้องมีการตัดอะไรทิง้
เช่น
see
seeing
(เห็น)
agree
agreeing (เห็นด ้วย)
free
freeing
(ปล่อยเป็ นอิสระ)
่
3. กริยาทีลงท
้ายด ้วย ie
่
- ให ้เปลียน
ie เป็ น y เสียก่อน แล้วจึงเติม
ing เช่น
die
dying
(ตาย)
lie
lying
(โกหก)
่ สระตัวเดียว และ ตัวสะกดตัวเดียว
4. คากริยาทีมี
่ ัวสะกดเข้ามาอีก 1 ตัวเสียก่อน
- ให ้เพิมต
แล้วจึงเติม ing โดยหากเป็ น...
4.1 คากริยาพยางค ์เดียว
stop
stopping (หยุด)
่
run
running (วิง)
sit
sitting
(นั่ง)
get
getting
(ได ้ร ับ)
dig
digging
(ขุด)
่
4.2 คากริยา 2 พยางค ์ ซึงออกเสี
ยงหนัก
่
(stress) ทีพยางค
์หลัง
่ ่ในข่ายข้างต้น
และพยางค ์หลังนั้น ๆ เป็ นคากริยาทีอยู
เช่น
่ ้น)
begin
beginning (เริมต
้
occur
occurring (เกิดขึน)
refer
referring (อ ้างถึง)
offer
offerring (เสนอ, ยก
ให ้)
5. เฉพาะคากริยา 2 พยางค ์ ต่อไปนี ้ สามารถเลือกที่
จะ...
่ วสะกดเข ้ามา แล้วจึงเติม ing (แบบ
5.1 เพิมตั
อ ังกฤษ) เช่น
่
travel
travelling (ท่องเทียว)
การใช้
่ ด
1. ใช ้กับเหตุการณ์ทก
ี่ าลังทาอยู ่ในขณะทีพู
และมักจะมีคากริยาวิเศษณ์ (Adverb) (ได ้แก่
now, at the present, at this moment, at
this present time, these days (หมู่นี)้ ) ใช้
ร่วมด้วยเสมอ เช่น
He is coming to the office now.
๋
้ ้ว
เขากาลังมาสูท
่ ท
ี่ างานเดียวนี
แล
I am working with this company
these days.
้
หมู่นีผมก
าลังทางานอยูก
่ บั บริษท
ั นี ้
At the present time he is staying
at the hotel.
่ ดขึนในระยะยาว
้
่
่
2. ใช ้กับการกระทาทีเกิ
ซึงขณะที
พูดประโยคนี ้ ออกไปนั้น ไม่จาเป็ นต ้องกาลัง
่ ้นอยู่ก็ได ้
กระทาสิงนั
้
สังเกตจากในช่วงระยะเวลาอันยาวนานทีว่่ านีจะท
า
่ นอยู
้
สิงนั
่จริง ๆ และมักจะมีคาบอกเวลาระยะยาว
มากากับไว้ดว้ ย (ได ้แก่ this week (สัปดาห ์นี ),้
this month (เดือนนี ),้ this year (ปี นี ),้ this… (...
นี ),้ etc.)
My son is working hard this term.
้ กชายผมกาลังเรียนกนังสืออย่าง
ภาคเรีนนี ลู
ขะมักเขม้น
้
ันใกล้
3. ใช ้กับเหตุการณ์ทจะเกิ
ี่
ดขึนในอนาคตอ
่
้
ซึงคาดว่
าจะต้องเป็ นเช่นนันแน่
นอน มักใช ้กับ
่
่
กริยาแสดงการเคลือนที
,่ เคลือนไหว
และจะมีคา
บอกเวลาเป็ นอนาคต (ได ้แก่ next…, on…,
tomorrow) มาร่วมด ้วยเสมอ เช่น
Somdet is leaving for London next
Sunday.
สมเด็จจะออกเดินทางไปลอนดอนวันอาทิตย ์หน้า
We are moving into a new house
tomorrow.
้ ้ว
เราจะย ้ายเข ้าไปอยู่บ ้านหลังใหม่วน
ั พรุง่ นี แล
4. ถ ้ามีประโยค Present Continuous Tense 2
่
ประโยค และเชือมด้
วย and
่ ่หลัง and ออก เช่น
- ให ้ตัด V. to be ทีอยู
The old man is smoking a cigarette
and reading the
newspaper.
่
ชายชราคนนั้นกาลังสูบบุหรีและอ่
านหนังสือพิมพ ์
่ ใช้ในรูป Continuous Tense
คากริยาทีไม่
1. คากริยาบอกความรู ้สึก (Verbs of the
senses) ได ้แก่ hear, notice, recognize, see,
smell, taste
2. คากริยาบอกถึงการครอบครอง (Verbs of the
possessing) ได ้แก่ belong, owe, own, posses
3. คากริยาบอกอารมณ์ (Verbs of the
emotion) ได ้แก่ adore, care, desire, dislike,
forgive, hate, like, live, refuse, want, wish,
love, seem
4. คากริยาบอกความคิด (Verbs of the
thinking) ได ้แก่ believe, expect, feel, forget,
5. คากริยาช่วย (The auxiliary) ทุกคา ได ้แก่ do,
does, did, will, shall, should, can, could, may,
might, must, need, dare, ought to และ used to
ยกเว้น
5.1 V. to be (is, am, are, was, were)
5.2 V. to have (have, has, had)
่ ใช ้รูป Continuous form ก็ใช ้ได ้
5.3 กริยาทีไม่
ถ ้าคานั้นใช ้ในความหมายเป็ นแต่กรณี ดังนี ้
see : มีความหมายว่า
- meet by appointment (นัดพบ) หรือ
interview (สัมภาษณ์) เช่น
The director is seeing the applicants
this morning.
ผูอ้ านวยการขอนัดพบ(สัมภาษณ์)ผูส้ มัครเช ้า
้
่
- visit (ชม, แวะเยียม
ใช ้กับพวกมา
ทัศนาจร) เช่น
Tom is seeing the sights, he’ ll
be back later.
่ (ชมบ ้านเมือง) จะกลับมาอีกไม่
ทอมไปเทียว
นาน
Let’ s go sight seeing.
ไปชมบ ้านเมืองกันเถอะ
่
- meeting, visiting (พบปะเยียมเยี
ยน)
เช่น
I am seeing my boss tomorrow.
ผมจะไปพบหัวหน้าของผมในวันพรุง่ นี ้
see about มีความหมายว่า make
see to มีความหมายว่า arrange (จัดการ)
หรือ put right (ทาให ้เข ้าที)่ เช่น
The plumber’ s here. He’ s seeing to
that leak in our tank.
่ ่ ไง ทีอุ่ ดรูรวแทงค
่ั
้
ช่างประปาทีนี
์นาให
้เรา
see off มีความหมายว่า to say goodbye
to (ไปส่ง) เช่น
I am seeing my teacher off at the
airport.
่ าอากาศยาน
ผมไปส่งครูของผมทีท่
hear มีความหมายว่า sense of hearing
(ประสาทการฟัง)เช่น I am not hearing as
่ กกาหนดไว ้
think : ใช ้ในกรณี ทเป็
ี่ นข ้อคิดเห็นทีถู
หรือสอบถามความคิดเห็น
A : What are you thinking about ?
B : I’ m thinking about that play we
saw last night.
่
be : ใช ้เมือบอกถึ
ง “ประธานแสดงให ้เห็นถึง
้
่ ั งช
้ั วคราว”
่ั
บางอย่างผิดเพียนไปช
วคร
You’ re being very clever today.
้ คณ
่
วันนี ดู
ุ ฉลาดเอาการทีเดียว (ปกติดูไม่เป็ นเรือง)
The children are being very quiet ; I
wonder what they’ re up to.
พวกเด็ก ๆ ดูเงียบเฉยไปเลย ผมประหลาดใจว่ามัน
่
have ใช ้เมือแสดงว่
า “เป็ นเจ ้าของหรือมีข ้อ
ผูกพัน”
I can’ t open the door ; I’ m having
a bath.
้
ผมยังเปิ ดประตูไม่ได ้ (เพราะ) ผมกาลังอาบนาอยู
่
We are having a wonderful time.
เราสนุ กสนานกันเองอย่างเต็มที่
I’ m having a tooth taken out
tomorrow.
ผมจะไปถอนฟันวันพรุง่ นี ้
่
feel ใช ้เมือถามถึ
ง “อาการความเจ็บป่ วย
(medical sense)”
How are you feeling ? I’ m feeling
like มี 2 ความหมาย
1. enjoy (พออกพอใจ) เช่น
How are you liking this hot
weather ?
้ ไหน
คุณพออกพอใจอากาศร ้อน ๆ อย่างนี แค่
No. , I’ m not enjoying it
particularly.
ผมก็ไม่คอ
่ ยสนุ กสนานอะไรมากเป็ นพิเศษเลย
2. await (รอคอย) เช่น
I’ m expecting a letter today.
้
วันนี ผมรอร
ับจดหมายอยู่
การถามและตอบ
(กรณี เป็ น Present Simple และ Present
Continuous)
ประโยคคาถาม :
- ต ้องมีกริยาช่วยเสมอ
่
- ลงท ้ายด ้วยเครืองหมายค
าถาม (?)
- มีโครงสร ้าง คือ กริยาช่วย + ประธาน +
กริยา
กรณี เป็ นคาถามแบบ Yes / No question
่ ้ใน Present
นอกจาก auxiliary verb ทีใช
่ ้องใช ้ (บ่อย) คือ
Simple แล ้ว ยังมีกริยาช่วยทีต
1. หากเป็ น Present Simple :
2. หากเป็ น Present Continuous :
- ประธานเอกพจน์ : Is / Am
- ประธานพหู พจน์ : Are
่ ้ว่าประโยคทีแต่
่ งอยู ่ใน tense ไหนแล ้ว ก็
เมือรู
เขียนกริยาช่วยเป็ นตัวแรกก่อน “ประธาน” ทันที
สมมติวา่ โจทย ์มีประธานเป็ น He และ We
กริยาเป็ น walk ให ้แต่งเป็ นประโยคคาถาม สามารถ
แต่งได ้ดังนี ้
1. หากเป็ น Present Simple :
- ประธานเอกพจน์ : Does he walk ?
- ประธานพหู พจน์ : Do we walk ?
2. หากเป็ น Present Continuous :
- ประธานเอกพจน์ : Is he walking? /
Am I walking?
- ประธานพหู พจน์ : Are we
walking?
กรณี เป็ นคาถามแบบ Information
question จะอยู่ในรูปของ “ประโยคบอกเล่า”
่ โครงสร ้าง คือ ประธาน + กริยา
- ซึงมี
เป็ นอย่างน้อย
- จะไม่มก
ี ริยาช่วย (ยกเว้น Present
Continuous จะต้องใส่กริยาช่วย (is, am, are)
ทันที)
วิธก
ี ารแต่งประโยค (แบบง่าย ๆ)
- ต ้องหาประธานให ้ได ้ก่อน
- ดูวา่ “ประธาน” เป็ นนามเอกพจน์หรือ
นามพหูพจน์ (เพราะจะทาให ้รู ้ว่ากริยาจะมีรป
ู เป็ น
อย่างไร)
ประโยคคาตอบ สามารถเป็ นไปได ้ 2 แบบ คือ
้ (กรณี เป็ นคาถามแบบ Yes / No
1. แบบสัน
question )
Yes, Subject + กริยาช่วย
No, Subject + กริยาช่วย + not
2. แบบเต็มประโยค (กรณี เป็ นคาถามแบบ
Information question)
Yes, Subject + กริยาช่วย +
กริยาแท้
ยกเว้น Present Simple
Yes, Subject + กริยาแท้
No, Subject + กริยาช่วย +