Theory of Decision Making - ภาค วิชา วิศวกรรม โยธา

Download Report

Transcript Theory of Decision Making - ภาค วิชา วิศวกรรม โยธา

ทฤษฎีการตัดสิ นใจ
โดย อ.ดร.เทอดธิดา ทิพย์รัตน์
สาขาบริหารการก่อสร้ าง
ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
การตัดสิ นใจและการตัดสิ นใจ
การตัดสิ นใจ (Decision Making) คือ
กระบวนการคั ด เลื อ กแนวทางปฏิ บั ติ จ ากทางเลื อ กต่ า ง ๆ เพื่ อ ให้ บ รรลุ
วัตถุประสงค์ ทตี่ ้ องการ (เป็ นส่ วนหนึ่งของการแก้ปัญหา)
ลักษณะของการตัดสิ นใจ
สามารถทาได้ โดยลาพัง หรือร่ วมกันตัดสิ นใจเป็ นกลุ่มได้
การตัดสิ นใจอาจมีวตั ถุประสงค์ ของการตัดสิ นใจหลายประการที่ขดั แย้ งกัน
มีแนวทางประกอบการพิจารณาตัดสิ นใจหลายทางเลือก
ผลของการตัดสิ นใจในปัจจุบนั จะใช้ เป็ นข้ อมูลประกอบการพยากรณ์ เรื่องต่ าง ๆ
ทางธุรกิจได้ เป็ นอย่ างดี
เป็ นการตัดสิ นใจแบบ “ลองผิด-ลองถูก” เนื่องจากมีเงือ่ นไขเดียวให้ พจิ ารณา
ปัจจัยแวดล้ อมมีการเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา
ลักษณะของปัญหาทีต่ ้ องตัดสิ นใจ
ปัญหาแบบมีโครงสร้ าง (Structured Problem)
การแก้ ไขปั ญหาชั ดเจน แน่ นอน หรื อสามารถจาลองปัญหาได้ ด้วยสู ตรทาง
คณิ ต ศาสตร์ (แบบจ าลองทางคณิ ต ศาสตร์ ) คื อ ปั ญ หาที่ ใ ช้ ข้ อ มู ล และระบบ
สารสนเทศประกอบการตัดสิ นใจ
ตัวอย่าง:ปัญหาการกาหนดระดับสิ นค้ าคงคลัง
ระดับสิ นค้ าคงคลัง = ปริมาณความต้ องการสิ นค้ าที่แน่ นอน +
ปริมาณการสั่ งซื้อสิ นค้ าที่ประหยัดทีส่ ุ ด +
ระดับสิ นค้ าคงคลังทีม่ ีปริมาณปลอดภัย +
จุดสั่ งซื้อสิ นค้ า
ลักษณะของปัญหาทีต่ ้ องตัดสิ นใจ (ต่ อ)
ปัญหาแบบไม่ มีโครงสร้ าง (Unstructured Problem)
การแก้ ปั ญ หาไม่ ชั ด เจน และแน่ น อน คื อ ข้ อ มู ล และสารสนเทศไม่ เ พี ย ง
พอทีจ่ ะใช้ ในการตัดสิ นใจ ต้ องอาศัยประสบการณ์ ในการตัดสิ นใจร่ วมด้ วย
ตัวอย่าง:ปัญหาการเลือกประมูลงาน
ผู้รับเหมาไม่ สามารถทราบได้ แน่ นอนว่ าโครงการที่ตัดสิ นใจเข้ าร่ วมประมูล
ไปนั้นจะให้ ผลตอบแทนสู งสุ ดได้ หรือไม่ เมือ่ ถึงเวลาเสร็จสิ นโครงการ
ลักษณะของปัญหาที่ต้องตัดสิ นใจ (ต่ อ)
 ปัญหาแบบกึง่ โครงสร้ าง (Semi-Structured Problem)
ปัญหามีลักษณะเฉพาะ ส่ วนมากจะเกิดไม่ ซ้าและไม่ มีกระบวนการดาเนินการมาตราฐาน
หรือสามารถแก้ ไขปัญหาได้ เพียงบางส่ วน ต้ องอาศัยประสบการณ์ กับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตัวอย่ าง:ปัญหาระดับสิ นค้ าคงคลัง
ผู้ตัดสิ นใจไม่ สามารถทราบปริมาณความต้ องการสิ นค้ าที่แน่ นอนได้ ก็จะไม่ สามารถหา
ผลลัพธ์ ทแี่ น่ นอนได้ อย่ างถูกต้ อง ต้ องอาศัยประสบการณ์ ในการคาดการณ์ ปริมาณความต้ องการ
ในอนาคต
อาจใช้ การจาลองสถานการณ์ ด้วย simulation หรือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ ามาช่ วย
ในการตัดสิ นใจ
การตัดสิ นใจและการแก้ ปัญหา
กระบวนการตัดสิ นใจ (Decision Making Process)
คือ การกาหนดขั้นตอนในการตัดสิ นใจแก้ไขปัญหาทีเ่ กิดขึน้ อย่ างมีหลักเกณฑ์
Decision
Making
Process
Intelligence Phase
Design Phase
Choice Phase
Implementation Phase
Monitoring Phase
Problem
Solving
Process
กระบวนการตัดสิ นใจ (Decision Making Process)
การใช้ ความคิด (Intelligence Phase)
การระบุปัญหา
การออกแบบ (Design Phase)
ขั้นตอนการสร้ างและวิเคราะห์ ทางเลือกในการตัดสิ นใจ ประกอบด้ วย
- Model (แบบจาลอง)
- Decision Tree (แผนภาพการตัดสิ นใจแบบต้ นไม้ )
- Decision Table (ตารางการตัดสิ นใจ)
การเลือกทางเลือกทีด่ ีทสี่ ุ ด (Choice Phase)
ขั้นตอนของการค้ นหาและประเมินทางเลือกต่ าง ๆ ทีไ่ ด้ จากขั้นตอนการ
ออกแบบ และคัดเหลือกให้ เหลือเพียงทางเลือกเดียว
กระบวนการตัดสิ นใจ (Decision Making Process)
การนาไปใช้ (Implementation Phase)
ขั้นตอนการนาทางเลือกที่ได้ จาก Choice Phase มาใช้ งานเพือ่ แก้ไขปัญหา
ซึ่งอาจประสบความสาเร็จ หรือล้มเหลวก็ได้
การติดตามผล (Monitoring Phase)
ขั้นตอนที่ประเมินผลหลังจาก Implementation Phase หากผลลัพธ์ ที่ได้ ไม่
เป็ นที่น่าพอใจ ต้ องพิจารณาถึงสาเหตุว่าเกิดจากขั้นตอนใด หรื อขาดสารสนเทศ
ส่ วนใด เพือ่ นามาปรับปรุ งการตัดสิ นใจแก้ ปัญหาอีกครั้ง
ประเภทของการตัดสิ นใจ
ประเภทของการตัดสิ นใจ
จานวนผู้ตดั สิ นใจ
โครงสร้ างของปัญหา
การบริหารงานในองค์ กร
1. Personal
2. Group
1. Structured
2. Unstructured
3. Semi-Structured
1. Strategic
2. Management Control
3. Operational
ประเภทการตัดสิ นใจจาแนกตามจานวนผู้ตดั สิ นใจ
การตัดสิ นใจส่ วนบุคคล (Personal Decision)
เป็ นการตัดสิ นใจปัญหาที่มีความซั บซ้ อนไม่ มากนัก ผู้ตัดสิ นใจจาเป็ นต้ องมี
ประสบการณ์ และความสามารถในการแก้ ปัญหาเป็ นอย่างดี
การตัดสิ นใจแบบกลุ่ม(Group Decision)
เป็ นการระดมสมอง (Brainstorming) ทาให้ การตัดสิ นใจมีประสิ ทธิภาพ
และใช้ เวลามากกว่ า การตัดสิ นใจส่ วนบุคคล
ประเภทการตัดสิ นใจจาแนกตามโครงสร้ างของปัญหา
การตัดสิ นใจแบบมีโครงสร้ าง (Structured Decision)
มีข้ันตอนการตัดสิ นใจไว้ เป็ นอย่ างดี และใช้ แก้ ปัญหาที่เกิดขึ้ นเป็ นประจา
โดยวิธีการมาตรฐาน
การตัดสิ นใจแบบไม่ มีโครงสร้ าง (Unstructured Decision)
มีข้ันตอนการตัดสิ นใจที่อาศั ยประสบการณ์ และใช้ กับปั ญหาที่ มีลักษณะ
คลุมเครือซับซ้ อน และเป็ นปัญหาทีไ่ ม่ เคยทาการแก้ ไขมาก่ อน
การตัดสิ นใจแบบกึง่ โครงสร้ าง (Semi-Structure Decision)
มีข้ันตอนการตัดสิ นใจแบบมาตรฐาน สาหรั บปั ญหามีโครงสร้ าง และ
ประสบการณ์ สาหรับการตัดสิ นใจแบบไม่ มโี ครงสร้ าง
ประเภทการตัดสิ นใจจาแนกตามระดับการจัดการในองค์ กร
Top
Strategic Decision
Middle
Management
Tactical Decision
Operational Decision
Lower
Management
ประเภทการตัดสิ นใจจาแนกตามระดับการจัดการในองค์ กร
การตัดสิ นใจระดับกลยุทธ์ (Strategic Decision)
การตั ด สิ น ใจของผู้ บ ริ ห ารระดั บ สู ง ในระดั บ นโยบาย เกี่ ย วข้ อ งกั บ การ
ดาเนินการขององค์ กรในระยะยาว เช่ น การตัดสิ นใจจัดห้ องอาหารสาหรับพนักงาน
การตัดสิ นใจเพือ่ ควบคุมการบริหาร (Management Control Decision)
การตั ด สิ น ใจของผู้ บ ริ ห ารระดั บ กลาง ในระดั บ เทคนิ ค หรื อ “Tactical
Decision” เป็ นการตัดสิ นใจระดับกลยุทธ์ ระยะเริ่ มต้ น เช่ น การจัดประเภทของ
อาหารเป็ น 3 ประเภท
การตัดสิ นใจระดับปฏิบัติการ (Operational Decision)
การตัดสิ นใจของผู้บริ หารระดับล่ าง เป็ นการตัดสิ นใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน
ต่ าง ๆ เช่ นการจัดรายการอาหารให้ เป็ น 3 ประเภท ตามการตัดสิ นใจระดับเทคนิค
สภาพการณ์ ในการตัดสิ นใจ
สภาพการณ์ ที่แน่ นอน (Certainty Condition )
เป็ นการตัดสิ นใจที่ผ้ ูตัดสิ นใจมีข้อมูลประกอบการตัดสิ นใจอย่ างครบถ้ วน ทา
ให้ สามารถทราบผลลัพธ์ ทเี่ กิดขึน้ ได้ อย่ างแน่ นอน มักเกิดกับปัญหาแบบ Structured
สภาพการณ์ ทมี่ ีความเสี่ ยง (Risk Condition )
เป็ นการตั ด สิ น ใจที่ ผ้ ู ตั ด สิ น ใจมี ข้ อ มู ล ประกอบการตั ด สิ น ใจเพีย งบางส่ วน
เท่ านั้น ทาให้ ไม่ สามารถทราบทางเลือกและผลลัพธ์ ของปัญหาได้ อย่ างชั ดเจน ทาได้
เพียงประมาณการ (ความน่ าจะเป็ น)
สภาพการทีไ่ ม่ แน่ นอน (Uncertainty Condition )
เป็ นการตัดสิ นใจทีผ่ ้ ตู ดั สิ นใจไม่ มขี ้ อมูลประกอบการตัดสิ นใจ ทาให้ ไม่ สามารถ
ทราบได้ ถึงโอกาส (ความน่ าจะเป็ น) ซึ่งทาให้ เกิดความเสี่ ยง และไม่ สามารถประเมิน
ความเสี่ ยงได้
สาเหตุ
การนาระบบสารสนเทศมาใช้ สนับสนุนการตัดสิ นใจมาใช้
จานวนทางเลือกทีใ่ ช้ แก้ปัญหามีมาก
ระยะเวลาทีจ่ ากัด
สถานการณ์ ที่มีความผันผวน หรือไม่ มีความแน่ นอน
ระบบสารสนเทศเพือ่ สนับสนุนการตัดสิ นใจ
Decision Support System
Top
Management
Executive Information System
Middle
Management Management Information System
Lower
Management
Transaction Processing System
Office Automation System
Generic Management
Expert System
การสร้ างแขนงการตัดสิ นใจ
1. สร้ าง
- เป็ นการกาหนดจุดตัดสิ นใจจุดแรก
-จุดเริ่มต้ นการลากเส้ นทางเลือก
-เริ่มจากซ้ ายมือไปสิ้นสุดทางขวามือ
2. แต่ ละทางเลือก (ปลายทาง)
สร้ าง
ของแต่ ละทางที่เป็ นไปได้
เป็ นจุดตัดสิ นใจในขั้นที่ 2
ของแต่ ละสภาพการณ์
3. สร้ าง
จุดตัดสิ นใจแรก
จุดตัดสิ นใจที่ 2
 A box is used to show a choice that the manager has to make.
 A circle is used to show that a probability outcome will occur.
 Lines connect outcomes to their choice or probability outcome.
แขนงการตัดสิ นใจ
C11
C12
C21
C22
ขยายขนาดของ DC
Cost = 1.5 M
ไม่ ขยายขนาดของ DC
Cost = 0
NPVExpand = (.4(6) + .6(2)) – 1.5 = 2.1M
NPVNo Expand = .4(3) + .6(1) = 1.8M
2.1 > 1.8, ควรขยายขนาดของ DC
NPV = Net Present Value
โอกาสทีเ่ ศรษฐกิจจะดี 40 %
Profit = 6M
โอกาสทีเ่ ศรษฐกิจจะไม่ ดี
60 % Profit = 2M
โอกาสทีเ่ ศรษฐกิจจะ
ดี 40 % Profit = 3M
โอกาสทีเ่ ศรษฐกิจจะ
ไม่ ดี 60 % Profit =
1M
การตัดสิ นใจภายใต้ ความเสี่ ยง
โดยวิธีมูลค่ าคาดคะเนทางการเงิน
(Expected Monetary Value : EMV)
โดยวิธีทางเลือกหลายขั้นตอน (Decision
Tree)
การวิเคราะห์ EMV
ทาตารางแสดงผลทางเศรษฐกิจของแต่ ละ
ทางเลือก (Action) และสภาพการณ์ ที่
เป็ นไปได้ (Pay off table)
หา EMVE  X    X  P  X 
เปรียบเทียบ EMV (เลือกค่ าสู งสุ ด)
ตัวอย่ างที่ 1
ผู้รับเหมาก่ อสร้ างบ้ านดาเนินกิจการ
เกีย่ วกับการก่ อสร้ างบ้ านเดีย่ ว
จาหน่ ายแต่ ละเดือน
ต้ นทุน
หลังละ 4 ล้ านบ้ าน
จาหน่ าย หลังละ 5 ล้ านบาท
การจาหน่ าย มักเกิดปัญหา
บ้ านสร้ างมาเหลือมากเกิน หรือ ไม่ เพียงพอ
ถ้ าไม่ สามารถขายบ้ านได้ จะลดราคาลงเหลือหลัง
ละ 2 ล้านบาท
จงวิเคราะห์ โดยหา EMV เพือ่ แนะนา
ผู้รับเหมา
ตารางสถิติการจาหน่ ายบ้ าน 100 เดือน
จานวนบ้ าน
100
120
140
160
ความถี่ (f) : เดือน
10
40
30
20
เทคนิคการสร้างตารางผลตอบแทน EMV
หาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในแนวเส้นทแยง
หาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในแนวเหนือเส้น
ทแยง
หาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในแนวใต้เส้น
ทแยง (ลอกตัวเลข)
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
120
140
160
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
120
140
160
การหาตารางผลตอบแทน
กาไร = ขายได้ - ต้ นทุน
กาไร = (ขายได้ - ต้ นทุน) + ราคาลด
จาหน่ าย
1
กาไร = ขายได้ - ต้ นทุน
กรณีสร้ าง 100 หลัง ขาย 100 หลัง
= (100 x 5) - (100 x 4)
= 500 - 400
=100 ล้ านบาท
1
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
120
140
160
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
100
120
140
160
1
กาไร = ขายได้ - ต้ นทุน
กรณีสร้ าง 120 หลัง ขาย 120 หลัง
= (120 x 5) - (120 x 4)
= 600 - 480
=120 ล้ านบาท
1
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
120
140
160
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
120
100
120
140
160
1
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
120
140
160
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
120
140
160
100
120
140
160
2
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
120
140
160
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
120
140
160
100
120
140
160
2
กาไร = (ขายได้ - ต้ นทุน) + คืนเลหลัง
กรณีทา1200 หลัง ขายได้ 100 หลัง เหลือ 20 หลัง
= [(100 x 5) - (120x 4)] + (20 x 2)
= [500 – 480] + 40
= 60 ล้ านบาท
2
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
120
140
160
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
120
140
160
100
60
20
-20
120
80
40
140
100
160
3
กาไร = ขายได้ - ต้ นทุน
3
ยอด
สั่ งซื้อ
บ้ าน
100
ทางเลือกในการลงทุนก่อสร้ างบ้ าน
100
120
140
160
100
60
20
-20
120
100
120
80
40
140
100
120
140
100
160
100
120
140
160
ตารางหาค่ าคาดคะเน (EMV)
- มูลค่ าคาดคะเนทางการเงิน
- Expected Monetary Value
จานวนบ้ าน
ความถี่ (f)
100
10
120
40
140
160
30
20
ความน่ าจะ
เป็ น (Prob.)
= (10/100)
0.1
= (40/100)
0.4
0.3
0.2
ผลทางเลือกที่ 1 ก่ อสร้ างบ้ าน 100 หลัง
100
100
100
100
รวม
ความน่ าจะเป็ น EMV-1
= 100*0.1
0.1
= 10
= 100*0.4
0.4
= 40
= 100*0.3
0.3
= 30
0.2
= 100*0.2
= 20
100
ผลทางเลือกที่ 2 ก่ อสร้ างบ้ าน 120 หลัง
60
120
120
120
รวม
ความน่ าจะเป็ น EMV-2
= 60*0.1
0.1
=6
= 120*0.4
0.4
= 48
= 120*0.3
0.3
= 36
0.2
= 120*0.2
= 24
114
ผลทางเลือกที่ 3 ก่ อสร้ างบ้ าน 140 หลัง
20
80
140
140
รวม
ความน่ าจะเป็ น EMV-3
= 20*0.1
0.1
=2
= 80*0.4
0.4
= 32
= 140*0.3
0.3
= 42
0.2
= 140*0.2
= 28
104
ผลทางเลือกที่ 4 ก่ อสร้ างบ้ าน 160 หลัง
-20
40
100
160
รวม
ความน่ าจะเป็ น EMV-4
= -20*0.1
0.1
= -20
= 40*0.4
0.4
= 160
= 100*0.3
0.3
= 300
0.2
= 160*0.2
= 320
76
P
100
120
140
160
100
120
140
160
0.1
0.2
10
40
30
20
6
48
36
24
2
32
42
28
-2
16
30
32
EMV
1
100
114 *
104
76
EVENT ซือ้
0.4
0.3
- เปรียบเทียบค่ า EMV
- เลือกทางเลือกในการมียอดสั่ งซื้อบ้ าน 120 หลัง
- ได้ ค่า EMV มากสุด = 114 *
มูลค่ าการคาดคะเนทางการเงิน
1. ถ้ าสั่ งสิ นค้ ามา 100 หลัง
ค่ าคาดคะเนกาไร (EMV) = 100 บาท
2. ถ้ าสั่ งสิ นค้ ามา 120 หลัง
ค่ าคาดคะเนกาไร (EMV) = 114 * บาท
3. ถ้ าสั่ งสิ นค้ ามา 140 หลัง
ค่ าคาดคะเนกาไร (EMV) = 104 บาท
4. ถ้ าสั่ งสิ นค้ ามา 160 หลัง
ค่ าคาดคะเนกาไร (EMV) = 76 บาท
5. ในการสร้ างบ้ าน ควรเลือกสร้ าง
ประมาณ 120 หลัง - ดีทสี่ ุ ด
การตัดสิ นใจกรณีทางเลือกหลายขั้นตอน
แขนงการตัดสิ นใจ “ Decision Tree”
( EMV - การตัดสิ นใจเพียงขั้นตอนเดียว)
Decision Tree
มีลกั ษณะการแสดงข้ อมูลต่ างๆ เช่ น
ทางเลือก ผลตอบแทนในรู ปของแผนที่
ซึ่งเข้ าใจง่ าย มองเห็นภาพของปัญหาที่
ชัดเจน
ใช้ เฉพาะการตัดสิ นใจภายใต้ ความเสี่ ยง
(Decision Under Risk)
การสร้ างแขนงการตัดสิ นใจ
1. สร้ าง
- เป็ นการกาหนดจุดตัดสิ นใจจุดแรก
-จุดเริ่มต้ นการลากเส้ นทางเลือก
-เริ่มจากซ้ ายมือไปสิ้นสุดทางขวามือ
2. แต่ ละทางเลือก (ปลายทาง)
สร้ าง
ของแต่ ละทางที่เป็ นไปได้
เป็ นจุดตัดสิ นใจในขั้นที่ 2
ของแต่ ละสภาพการณ์
3. สร้ าง
จุดตัดสิ นใจแรก
จุดตัดสิ นใจที่ 2
แขนงการตัดสิ นใจ
C11
C12
C21
C22
ตัวอย่ าง 2
ในการก่ อสร้ างอ่ างเก็บนา้ ของกรม
ชลประทานได้ ว่าจ้ างบริษทั ผู้รับเหมา ให้
ทาการสร้ างอ่ างและถนนโดยรอบ โดย
กาหนดราคาค่ าจ้ างไว้ 2,500,000 บาท
การประกวดราคาไม่ ขนึ้ กับราคาอย่ าง
เดียวแต่ ยงั ขึน้ อยู่กบั แผนทางเทคนิคด้ วย
ผู้รับเหมา a ได้ พจิ ารณาจะยืน่ ซอง
ประกวดราคาครั้งนี้ โดยจะใช้ ต้นทุนในการ
ทา proposal 500,000 บาทและมีโอกาสได้
งาน 50%
เครื่องจักรในการก่ อสร้ าง
วิธีท่ี 1 ใช้ เครื่องจักรเก่าทั้งชุดใช้ ต้นทุน 500,000
บาท โอกาสได้ งาน 50%
วิธีท่ี 2 ใช้ เครื่องจักรเก่าและใหม่ อย่ างละครึ่งใช้
ต้ นทุน 800,000 บาท โอกาสได้ งาน 70%
วิธีท่ี 3 ใช้ เครื่องจักรใหม่ ท้งั ชุดต้ นทุน
1,200,000 บาท โอกาสได้ งาน 100%
ผู้รับเหมานีส้ ามารถทดลองได้ 2 วิธี
เท่ านั้น คือหากทดลองวิธีที่ 1 หรือวิธีที่ 2
ล้ มเหลว ต้ องใช้ วธิ ีที่ 3 เพือ่ ให้ ได้ อ่างเก็บนา้
ตามสั ญญา
กาไรแต่ ละทางเลือก
หน่ วย : x1,000
วิธีที่ 1
ต้ นทุนวิธี ต้ นทุนวิธี
รายรับ Proposal
กาไรสุ ทธิ
ทดลอง
ที่ 3
ผ่ านการ
ทดสอบ
2,500
-500
-500
ไม่ ผ่าน
การ
ทดสอบ
2,500
-500
-500 -1,200
-
1,500
300
หน่ วย : x1,000
วิธีที่ 2
ต้ นทุนวิธี ต้ นทุนวิธี
รายรับ Proposal
กาไรสุ ทธิ
ทดลอง
ที่ 3
ผ่ านการ
ทดสอบ
2,500
-500
-800
ไม่ ผ่าน
การ
ทดสอบ
2,500
-500
-800 -1,200
-
1,200
0
หน่ วย : x1,000
วิธีที่ 3
ผ่ านการ
ทดสอบ
ต้ นทุนวิธี ต้ นทุนวิธี
รายรับ Proposal
กาไรสุ ทธิ
ทดลอง
ที่ 3
2,500 -500 -1,200
-
800
(หน่วย : 1,000 บาท)
2 เลือกว่ าจะสร้ างโดยวิธีใด
(จุดตัดสิ นใจจุดที่ 2)
Pay off = -500
1
Pay off = 0
(หน่วย : 1,000 บาท)
วิธีที่ 3
1,500-1,200=300
2
(หน่วย : 1,000 บาท)
2
วิธีที่ 2= -800
วิธีที่ 3
1,200-1,200=0
(หน่วย : 1,000 บาท)
2
ผ่ านแน่ นอน(1.00)
2,500-500-1,200=800
คานวณ EMV
ใช้ วธิ ีคานวณย้ อนหลังกลับไปหาจุด
ตัดสิ นใจตาแหน่ งแรก (Rollback
Approach)
คานวณ EMV
คานวณหามูลค่ าคาดหวัง (Expected
Value) แล้ วหามูลค่ าคาดหวังสุ ทธิ (Net
Expected) ของแต่ ละทางเลือก
เลือกทางเลือกทีม่ มี ูลค่ าคาดหวังสุ ทธิ
สู งสุ ด
(หน่วย : 1,000 บาท)
การทดลองวิธีที่ 1 มูลค่ าคาดคะเนกาไร
(Expected Profit)
= (1,500*0.5) + (300*0.5)
= 900
900
= (1,500*0.5) + (300*0.5)
= 900
1,500-1,200=300
2
(หน่วย : 1,000 บาท)
(หน่วย : 1,000 บาท)
การทดลองวิธีที่ 2 มูลค่ าคาดคะเนกาไร
(Expected Profit)
= (1,200*0.7) + (0*0.3)
= 840
(หน่วย : 1,000 บาท)
840
2
วิธีที่ 2=-800
= (1,200*0.7) + (0*0.3)
= 840
1,200-1,200=0
(หน่วย : 1,000 บาท)
การทดลองวิธีที่ 3 มูลค่ าคาดคะเนกาไร
(Expected Profit)
= (800*1.0)
= 800
(หน่วย : 1,000 บาท)
2
800
= (800*1.0)
= 800
ผ่ านแน่ นอน(1.00)
2,500-500-1,200=800
900
900
2
วิธีที่ 2
840
1,500-1,200=300
เลือกทางเลือกทีม่ ีมูลค่ าคาดหวังสุ ทธิสูงสุ ด
คือ 900
800
ผ่ านแน่ นอน(1.00)
2,500-500-1,200=800
คานวณค่ าคาดคะเนกาไรในการนาเสนอ
Proposal (Expected Profit for proposal)
= (900*0.5)+(-500*0.5)
วิธีท่ี 1*ได้รบั งาน
วิธีท่ี 2*ไม่ได้รบั งาน
= 200
(หน่ วย : 1,000 บาท)
200
2 เลือกวิธีที่ 1 จากจุด
ตัดสิ นใจจุดที่ 2
Pay off = 900
200
Pay off = -500
1
Pay off = 0
c:\..\ทฤษฎีการตัดสิ นใจ.ppt
79
คาตอบ
ควรเสนอ เนื่องจากให้ ค่า EMV =200,000
บาท ซึ่งสู งกว่ าการไม่ เสนอ (EMV=0)
ถ้ าได้ งานให้ เลือกวิธีที่ 1 ทดสอบก่อน
เนื่องจากให้ ค่า EMV =900,000 บาท ซึ่งสู ง
กว่ าวิธีอนื่ ๆ
ถ้ าวิธีที่ 1 ไม่ ผ่านให้ ใช้ วธิ ีที่ 3 เนื่องจากโจทย์
กาหนด
ตัวอย่ าง 2
บริษัทรับเหมาก่ อสร้ าง A, B, และ C เข้ า
ประมูลโครงการก่ อสร้ างถนนข้ ามแม่ นา้
โขงกับกรมทางหลวง โดยราคากลางของ
โครงการนีเ้ ท่ ากับ 25,000,000 บาท
การประมูลงานโครงการนีไ้ ม่ ขนึ้ กับราคา
อย่ างเดียวแต่ ยงั ขึน้ อยู่กบั วิธกี ารก่ อสร้ างที่
นาเสนอด้ วย
ราคาค่ าแบบก่ อสร้ างโครงการก่ อสร้ าง
ถนนข้ ามแม่ นา้ โขงมูลค่ า 500,000 บาท
จากข้ อมูลการประมูลงานก่ อสร้ างในอดีต
ทีผ่ ่ านมาตลอดเวลา 30 ปี บริษัทรับเหมา
ก่ อสร้ าง A, B, และ C เข้ าประมูลโครงการ
เดียวกันมา 50 โครงการ บริษัทรับเหมา
ก่ อสร้ าง A, ชนะการประมูล 20 ครั้ง
ในขณะทีบ่ ริษัทรับเหมาก่ อสร้ าง B และ C
ชนะการประมูลจานวน 15 ครั้งเท่ ากัน
วิธีการก่ อสร้ างที่บริษัท A นาเสนอมี 3 วิธี
วิธีท่ี 1 ใช้ คอนกรีตเสริมเหล็ก ทีม่ ตี ้ นทุน 5,000,000 บาท
โอกาสทีก่ รมทางหลวงจะอนุมตั ใิ ห้ ทางานได้ เท่ ากับ 50%
วิธีท่ี 2 ใช้ คอนกรีตอัดแรง ทีม่ ตี ้ นทุน 8,000,000 บาท
โอกาสทีก่ รมทางหลวงจะอนุมตั ใิ ห้ ทางานได้ เท่ ากับ 70%
วิธีท่ี 3 ใช้ คอนกรีตอันแรงกาลังสู ง ทีม่ ตี ้ นทุน 12,000,000
บาท โอกาสทีก่ รมทางหลวงจะอนุมตั ใิ ห้ ทางานได้ เท่ากับ
100%
หากวิธีการก่อสร้ างทีผ่ ู้รับเหมาเสนอไม่ ได้ รับ
การอนุมตั จิ ากทางกรมทางหลวง ผู้รับเหมาจะ
ได้ สิทธิที่จะนาเสนอวิธีการก่อสร้ าง วิธีอนื่ อีก
หนึ่งครั้ง แต่ หากไม่ ได้ รับการอนุมตั อิ กี
ผู้รับเหมาจะต้ องถอนตัวออกจากการประมูล
หานักศึกษาเป็ นตัวแทนจากบริษัท A เข้ า
ประมูลงานในครั้งนักศึกษาจะตัดสิ นใจอย่างไร
กาไรแต่ ละทางเลือก
หน่ วย : x10000
วิธี
ต้ นทุนค่ า
มูลค่ า
ต้ นทุนค่ า
ก่ อสร้ าง
ค่ าแบบ
ก่ อสร้ าง กาไรสุ ทธิ
โครงการ
ก่ อสร้ าง
วิธีที่ 1
วิธีแก้ ไข
อนุมัติ
2500
-500
-500
-
1500
ไม่ อนุมัติ
2500
-500
-500
-1200
300
กาไรแต่ ละทางเลือก
หน่ วย : x10000
วิธี
ต้ นทุนค่ า
มูลค่ า
ต้ นทุนค่ า
ก่ อสร้ าง
ค่ าแบบ
ก่ อสร้ าง กาไรสุ ทธิ
โครงการ
ก่ อสร้ าง
วิธีที่ 2
วิธีแก้ ไข
อนุมัติ
2500
-500
-800
-
1200
ไม่ อนุมัติ
2500
-500
-800
-1200
0
หน่ วย : x10000
วิธี
ต้ นทุนค่ า
มูลค่ า
ต้ นทุนค่ า
ก่ อสร้ าง
ค่ าแบบ
ก่ อสร้ าง กาไรสุ ทธิ
โครงการ
ก่ อสร้ าง
วิธีที่ 3
วิธีแก้ ไข
อนุมัติ
2,500 -500 -1,200
-
800
(หน่วย : 10,000 บาท)
2 เลือกว่ าจะสร้ างโดยวิธีใด
(จุดตัดสิ นใจจุดที่ 2)
Pay off = -500
1
Pay off = 0
(หน่วย : 10,000 บาท)
วิธีก่อสร้างวิธีที่ 3
1,500-1,200=300
2
(หน่วย : 10,000 บาท)
วิธีก่อสร้ างวิธีที่ 2= -800
2
วิธีก่อสร้างวิธีที่ 3
1,200-1,200=0
(หน่วย : 10,000 บาท)
2
ผ่ านแน่ นอน(1.00)
2,500-500-1,200=800
คานวณ EMV
ใช้ วธิ ีคานวณย้ อนหลังกลับไปหาจุด
ตัดสิ นใจตาแหน่ งแรก (Rollback
Approach)
คานวณ EMV
คานวณหามูลค่ าคาดหวัง (Expected
Value) แล้ วหามูลค่ าคาดหวังสุ ทธิ (Net
Expected) ของแต่ ละทางเลือก
เลือกทางเลือกทีม่ มี ูลค่ าคาดหวังสุ ทธิ
สู งสุ ด
(หน่วย : 10,000 บาท)
การทดลองวิธีก่อสร้ างวิธีที่ 1 มูลค่ าคาดคะเน
กาไร
(Expected Profit)
= (1,500*0.5) + (300*0.5)
= 900
900
= (1,500*0.5) + (300*0.5)
= 900
1,500-1,200=300
2
(หน่วย : 10,000 บาท)
(หน่ วย : 10,000 บาท)
การทดลองวิธีก่อสร้ างวิธีที่ 2 มูลค่ าคาดคะเน
กาไร
(Expected Profit)
= (1,200*0.7) + (0*0.3)
= 840
(หน่วย : 10,000 บาท)
วิธีก่อสร้ างวิธีที่ 2=-800
2
840
= (1,200*0.7) + (0*0.3)
= 840
1,200-1,200=0
(หน่วย : 10,000 บาท)
การทดลองวิธีก่อสร้ างวิธีที่ 3 มูลค่ าคาดคะเน
กาไร
(Expected Profit)
= (800*1.0)
= 800
(หน่วย : 10,000 บาท)
2
800
= (800*1.0)
= 800
อนุมัตแิ น่ นอน(1.00)
2,500-500-1,200=800
900
900
2
840
1,500-1,200=300
วิธีก่อสร้ างวิธีที่ 2
เลือกทางเลือกทีม่ ีมูลค่ าคาดหวังสุ ทธิสูงสุ ด
คือ 900
800
อนุมัตแิ น่ นอน(1.00)
2,500-500-1,200=800
คานวณค่ าคาดคะเนกาไรในการซื้อแบบ
(Expected Profit for bid)
= (900*0.5)+(-500*0.5)
วิธีก่อสร้างวิธีท่ี 1
*ได้รบั งาน
= 200
วิธีก่อสร้างวิธีท่ี 2*ไม่ได้รบั งาน
(หน่ วย : 10,000 บาท)
200
2 เลือกวิธีก่อสร้ างวิธีที่ 1
จากจุดตัดสิ นใจจุดที่ 2
Pay off = 900
200
Pay off = -500
1
Pay off = 0
c:\..\ทฤษฎีการตัดสิ นใจ.ppt
103
คาตอบ
ควรเสนอ เนื่องจากให้ ค่า EMV =2,000,000 บาท
ซึ่งสู งกว่ าการไม่ เสนอ (EMV=0)
ถ้ าได้ งานให้ เลือกวิธีก่อสร้ างวิธีที่ 1 เสนอต่ อ
คณะกรรมการก่อน เนื่องจากให้ ค่า EMV
=9,000,000 บาท ซึ่งสู งกว่ าวิธีก่อสร้ างวิธ๊ ีอนื่ ๆ
ถ้ าวิธีก่อสร้ างวิธีที่ 1 ไม่ ผ่านให้ ใช้ วธิ ีก่อสร้ างวิธีที่
3 เนื่องจากเป็ นวิธีทเี่ จ้ าของงานอนุมตั แิ น่ ๆ