ความเสี่ยงทางธุรกิจ

Download Report

Transcript ความเสี่ยงทางธุรกิจ

่
บทที
8
โครงสร ้างของ
เงินทุน จุดคุม
้ ทุน
Financial and
Operating Leverage
By A. Petcharee
© 2003 The McGraw-Hill Companies, Inc. All rights reserved.
ธุรกิจจะประสบผลสาเร็จของธุรกิจ
้
มากหรือน้อยขึนอยู
่ก ับปั จจัย 3
ประการ คือ
ราคาขาย
ต้นทุนการผลิตและต้นทุนการ
ดาเนิ นเคราะห
งาน ์ความสัมพันธ ์ของต้นทุน ป
ในการวิ
ปริ
มาณขาย
ต้นทุน
จะแบ่
งออกเป็ น 2 ประเภทคือ
่
1. ต้นทุนคงที่ เช่น ค่าเสือมราคา
ค่าเช่า เง
2. ต้นทุนผันแปร เช่น ค่าวัตถุดบ
ิ ค่านายห
ค่าใช้จา
่ ยในการดาเนิ นงาน
(Operating Costs)
 ต้นทุนคงที่ (Fixed Costs)
่
 ไม่เปลียนแปลงตามปริ
มาณ
การผลิตและขาย
 ต้นทุนผันแปร (Variable Costs)
่
 เปลียนแปลงตามปริ
ต้นม
ทุาณการ
นรวม
ผลิตและขาย
ต้นทุนผันแปรรวม
ต้นทุนคงที่
่ จจัยและต้นทุนต่างๆ ทีกล่
่ าวมา
ซึงปั
้ ผลกระทบต่อกาไรของธุรกิจ
นันมี
่ จะต้
่
อย่างไร เป็ นสิงที
องนาการ
วางแผนกาไรเข้ามาใช้ในการ
วิเคราะห ์ มีอยู ่ 2 วิธ ี ได้แก่
การวิเคราะห ์จุดคุม
้ ทุน (BE.
Point)
การวิเคราะห ์การยกระดับกาไร
(Leverage)
 จุดคุม
้ ทุน (Break – Even Point)
คือ
่ าให้
 ปริมาณยอดขาย (Q) ทีท
กาไรจากการดาเนิ นงาน (EBIT)
เท่าก ับ 0 หรือ รายได้ เท่ากับ
Q
=
TFC
ต้นทุนรวมพอดี
P - VC
TFC
Q
P
VC
หน่ วย
=
=
=
=
่
ต้นทุนคงทีรวม
ปริมาณผลิต(ขาย)
ราคาขาย/หน่ วย
ต้นทุนผันแปร/
รายได้ =
ต้นทุนรวม
P * Q = TFC + TVC
P * Q = TFC + (Q * VC/
น.)
PQ – VQ = TFC
้ Q ( P-VC) = TFC
ด ังนัน
Q
= TFC
สมมติฐานในการวิเคราะห ์ :
ราคาขาย / หน่ วยคงที่
ต้นทุนผันแปร / หน่ วยคงที่
่ เปลียนแปลง
่
ต้นทุนคงทีไม่
ต้นทุนรวมประกอบด้วย ต้นทุนคงที่
และต้นทุนผันแปร
5. ใช้กบ
ั การวางแผนผลิตและขาย
สินค้าชนิ ดเดียวกันหรือยอดขายเป็ น
ชุด
้
•
1.
2.
3.
4.
จานวนเงิน
Total Revenue
กาไร
Total Costs
TVC
BE
Sales
TFC
ขาดทุน
จานวนหน่วย
Quantity
สู ตร Q Breakeven ทาให้ รายได้รวม =
ต้นทุนรวม
Q Breakeven
=
TFC
P – VC
 ถ้าบริษท
ั ขาย/ผลิต Q > Q
บริษท
ั จะมี กาไร
Breakeven
 ถ้าบริษท
ั ขาย/ผลิต Q < Q
บริษท
ั จะ ขาดทุน
ข้อ1.บริษท
ั เมย ์จิ
่
วเวอรี
P = 550 , VC = 235 , FC = 2,457,000
Q
Q
Q
=
TFC
P - VC
2,457,000
(550 – 235)
=………. หน่วย
คิดเป็ นมู ลค่า =
บาท
Price เพิม
่ ขึน
้ 12 %
้ ราคาใหม่ = 550 + (550*12%) =
ด ังนัน
616
Q = TFC
P - VC
Q
Q
2,457,000
(616 – 235)
= ……….. หน่วย
้ FC ใหม่
FC ลดลง 10 % ดังนัน
= 2,457,000 – (2,457,000 *10%) = 2,211,300
Q
=
TFC
P - VC
Q
=
2,211,300
(550 – 235)
Q
= ………. หน่วย
VC ลดลง 5 %
้ VC ใหม่ = 235 – (235*5%) = 223.25
ด ังนัน
Q
=
TFC
P - VC
Q
=
2,457,000
(550 – 223.25)
Q
= …………. หน่วย
การวิเคราะห ์การยกระดับกาไรจาก
่
่ ดจากค่าใช้จา
ความเสียงที
เกิ
่ ย
ประจา (Leverage)
่
 ความเสียงทางธุ
รกิจ
(Operating Leverage)
่
 ความเสียงทางการเงิ
น
(Financial Leverage)
่
ความเสียงทางธุรกิจ
(Operating Leverage)
่
่
ทีมาของความเสี
ยงทางธุ
รกิจ
่
การว ัดความเสียงทางธุ
รกิจ = DOL
( Degree -of Operating Leverage )
่
การบริหารความเสียงทางธุ
รกิจ
 วิเคราะห ์จุดคุม
้ ทุน (Break-Even
Analysis)
 Indifferent Point of Operating
Leverage (ไม่ออก)
่
่
ทีมาของความเสี
ยง
ทางธุรกิจ
่ นค่าใช้จา
 ต้นทุนคงทีเป็
่ ยประจา
หรือค่าใช้จา
่ ยคงที*่
 ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน ค่า
่
เสือมราคา
ฯลฯ
่
 ปั จจัยอืนๆ
 ความไม่แน่ นอนของยอดขาย
 ราคาขาย
 ความไม่แน่ นอนของต้นทุนการ
Degree of Operating Leverage (DOL)
 ดัชนี วด
ั ประสิทธิภาพในการ
ดาเนิ นงานของบริษท
ั โดย
EBIT = PQ –VQ-FC
เปรียบเทียบระหว่าง
– ยอดขาย (Q)
– กาไรจากการด
นB
งาน
- DOL=%าเนิE
IT (EBIT)
 สู ตร
% Q
=(EBIT2- EBIT1)/ EBIT1
(Q2- Q1)/ Q1
Degree of Operating Leverage (DOL)
่
่ ด
ใช้บอกระด ับความเสียงทางธุ
รกิจทีเกิ
จากค่าใช้จา
่ ยประจา(Fixed Cost) ที่
แสดงให้เห็นถึง
่
ความเปลียนแปลงของก
าไรจากการ
่
ดาเนิ นงานเมือยอดขาย
หน่ วยของ ่DOL = (เท่า)
มีการเปลี
ยนแปลงไป
่
่ ความ
ต ัวเลข ยิงมาก
ยิงมี
่
เสียงมาก
Degree of Operating Leverage (DOL)
 การวิเคราะห ์ DOL
่ ง แปลว่า ความเสียงยิ
่
่
 ตัวเลขยิงสู
งมาก
่
 ถ้ายอดขาย (Q) เปลียน
X เปอร ์เซ็นต ์ จะส่งผล
กระทบต่อกาไรจากการ ดาเนิ นงาน (EBIT) ให้
่
เปลียนเท่
าก ับ DOL คู ณ X เปอร ์เซ็นต ์
 Example:
 ถ้า DOL = 5 เท่า
่ น
้ 4% กาไรจากการ
☺แปลว่า หากยอดขายเพิมขึ
่ น
้
ดาเนิ นงานจะเพิมขึ
5 * 4% = 20 %
 ถ้า DOL = 20 เท่า
ข้อ2. บริษท
ั
วีรชาติ
ราคาขาย = 180 บาท
ทางเลือกที่ 1 ใชเ้ ครือ
่ งจ ักรผลิต : VC ถ
่ เป็ น FC
มีคา
่ เสือม
165,000
VC
95 บาท/หน่ ว
้ นงานผลิต : FC ถูกก
ทางเลือกที่ 2 ใชค
มีเงินเดือน เป็ น FC 120,000
VC
110 บาท/หน
หา DOL ทางเลือก
ที่ 1
ถ้า Q1 =2,200
การหา DOL จะมี Q 2 ต ัว
จากโจทย ์ให้ Q2 เท่าก ับ
2,500
EBIT = PQ –VQ-FC
หา DOL ทางเลือก
ที่ 1
Q2 = 2,500
้ EBIT1
Q1 = 2,200 ด ังนัน
= (180*2,200)-(95*2,200)-165,000
= …………… บาท
้ EBIT2
Q2 = 2,500 ด ังนัน
= (180*2,500)-(95*2,500)-165,000
= ………….. บาท
หา DOL ทางเลือก
ที่ 1
- DOL=%ถ้าEQ
BIT
2 =2,500
% Q
=(EBIT2- EBIT1)/ EBIT1
(Q2- Q1)/ Q1
DOL = (………… - ………….)/.........
(2,500-2,200)/2,200
= …………. เท่า
 จากทางเลือกที่ 1 ได้ DOL =
………… เท่า
่ น
้ 10%
☺แปลว่า ถ้ายอดขายเพิมขึ
กาไรจากการดาเนิ นงาน (EBIT)
้
่ น
จะเพิมขึ
…………….* 10% = ………... %
การบ้า
น
ให้ทาข้อ 2.2 , 2.3 , 2.5
่
ความเสียงทางการเงิน
(Financial Leverage)
โครงสร ้างของเงินทุน (Capital
Structure)
้ นทังสิ
้ นและ
้
 คือ สัดส่วนของหนี สิ
ส่วนของผู ถ
้ อ
ื
หุน
้ สามัญ
่
 โครงสร ้างทีเหมาะสม:
่ ด
 ค่าของทุนตาสุ
 ราคาตลาดของหุน
้ สามัญ
สู งสุด
่
่
กรณี ศก
ึ ษา: บริษท
ั ไหน มีความเสียง
ทางการเงินมากกว่าก ัน?
บริษท
ั A
2 หุน
้
EBIT
บริษท
ั B
1 หุน
้
5,000
5,000
0
1,000
EBT
5,000
4,000
Taxes (30%)
1,500
1,200
Net Income
3,500
2,800
EPS (NI / จานวน
หุน
้ )
1,750
2,800
Interest
โครงสร ้างของ
เงินทุน
Company B
Company A
20%
40%
60%
80%
หนี้
สว่ นของทุน
หนี้
สว่ นของทุน
Financial Leverage
 ถ้ากิจการไม่มก
ี ารก่อหนี ้ (All
Equity Financing)
่
ผู ถ
้ อ
ื หุน
้ สามัญจะร ับความเสียง
ทางธุรกิจอย่าง
่
้ น
้ = ความ
เดี
ยว
ความเสี
ยงทั
งสิ
่
เสียงทางธุ
รกิจ
Financial Leverage
 ถ้ากิจการมีการก่อหนี ้ (Debt
่
Financing) กิจการจะมีความเสียงทาง
่ น
้
การเงินเพิมขึ
Total Leverage = Operating Leverage
+ Financial Leverage
่
้ น
้ = ความเสียงทาง
่
ความเสียงทั
งสิ
ธุรกิจ
่
+ ความเสียงการเงิ
น
สดส่วน
ั
ของทุน
หนีสิ้ นระยะสน้ั
หนีสิ้ นระยะยาว
หุน้ บุริมสิทธิ ์
หุน้ สามญ
ั
กาไรสะสม
้ น
โครงสร ้างเงินทุน = สัดส่วนของหนี สิ
และ ส่วนของทุน
่
โครงสร ้างทีเหมาะสม
คือ สัดส่วนของ
้ น และทุนทีท
่ าให้ตน
หนี สิ
้ ทุนรวมของ
่ ด & ราคาตลาด
บริษท
ั (ค่าของทุน) ตาสุ
่
่
ทีมาของความเสี
ยง
ทางการเงิน
่ นค่าใช้จา
 มีตน
้ ทุนคงทีเป็
่ ยประจา
มาก*
้ าย เช่น (เงินกู ้
 ดอกเบียจ่
พันธบัตร หุน
้ กู )้
 เงินปั นผลหุน
้ บุรม
ิ สิทธิ ์ เช่น ออก
่
์
งินปั นผลหุ
น
้
สามั
ญ
=
ค่
า
ใช้
จ
า
่
ยคงที
/ประจ
า?
หุ บุรม
ิ สิทธิ
Financial Leverage
 ห า ก บ ริ ษ ั ท มี ค่ า ใ ช้ จ่ า ย ค ง ที่
การเงินสู ง จะส่งผลให้
้
ผู ถ
้ อ
ื หุน
้ สามัญในบริษท
ั นันแบก
่
้
ความเสียงสู
งขึนไป
ด้ ว ย ด ั ง นั้ น ผู ้ ถื อ หุ ้ น อ า จ
ต้องการผลตอบแทนในการ
้
ลงทุนสู งขึนไปด้
วย
้
Financial Leverage
่
่
 ทีมาของความเสี
ยงทางการเงิ
น
่
 การว ัดความเสียงทางการเงิ
น=
DFL
่
 การบริหารความเสียงทางการเงิ
น
่ สุ
่ ด
 ต้นทุนทางการเงินตาที
่ ด
 กาไรต่อหุน
้ (EPS) สู งทีสุ
Indifferent Point of Financial
Leverage(ไม่ออกสอบ)
Indifferent Point of Financial Leverage
ในการระดมเงินทุนสามารถ
กระทาได้หลายทางเลือก
้ นกู )้
 หุน
้ กู ้ / เงินกู ้ (ดอกเบียเงิ
 หุน
้ บุรม
ิ สิทธิ ์ (เงินปั นผลหุน
้ บุ
ริมสิทธิ)์
 หุน
้ สามัญ
่
การบริหารความเสียง
ทางการเงิน
 Indifferent Point of Financial Leverage
ทางเลือกที่ 1
 เงินกู ธ้ นาคาร
30,000 บาท
 หุน
้ สามัญ
50,000 บาท
 หุน
้ บุรม
ิ สิทธิ ์
20,000 บาท
ทางเลือกที่ 2
 เงินกู ธ้ นาคาร
20,000 บาท
 หุน
้ สามัญ
40,000 บาท
เลือกทาง ์
 หุน
้ บุรม
ิ สิทธิ
ไหนดี ?
40,000 บาท
การหา
EPS
EBIT
-I
EBT
-T
EAT
-P
EAT – P
N
EPS
เพือ
่ ทำ DFL
ทางเลื
อก
xx
1
หาร
xx
xx
xx
xx
xx
xx
xx
xx
ทางเลื
อก
xx
2
xx
xx
xx
xx
xx
xx
xx
xx
Degree of Financial Leverage (DFL)
 ดัชนี วด
ั ของทางเลือกของแหล่ง
เงินทุน โดยเปรียบเทียบระหว่าง
 กาไรจากการดาเนิ นงาน (EBIT)
EPS = กาไรสุทธิ - ปั นผลบุรม
ิ สิท
 กาไรต่อหุน
้ สามัญ (EPS)
จานวนหุน
้ สามัญ
 สู ตรDFL= % EPS
% EBIT
=(EPS2- EPS1)/ EPS1
(EBIT2- EBIT1)/ EBIT1
Degree of Financial Leverage (DFL)
่
ใช้บอกระด ับความเสียงทาง
่ ดจากค่าใช้จา
การเงินทีเกิ
่ ยประจา
่
แสดงให้เห็นการเปลียนแปลงของ
่ าไร
กาไรต่อหุน
้ สามัญ (EPS) เมือก
้
ก่อนดอกเบียและภาษี
(EBIT) มี
่
หน่ วการเปลี
ยของ DFL
= (เท่า)
ยนแปลง
่
่ ความเสียงมาก
่
ต ัวเลข ยิงมาก
ยิงมี
Degree of Financial Leverage (DFL)
 การวิเคราะห ์ DFL
่
่
่ ง แปลว่า ความเสียงยิ
งมาก
 ตัวเลขยิงสู
่
 ถ้ากาไรจากการดาเนิ นงาน (EBIT) เปลียน
X
เปอร ์เซ็นต ์ จะส่งผลกระทบต่อกาไรต่อหุน
้ (EPS) ให้
่
เปลียนเท่
าก ับ DFL คู ณ X เปอร ์เซ็นต ์
 Example:
 ถ้า DFL = 5 เท่า
้ 4% , EPS จะเพิมขึ
้
่ น
่ น
☺ แปลว่า หาก EBITเพิมขึ
5 * 4%
= 20 %
 ถ้า DFL = 20 เท่า
☺ แปลว่า หาก EBIT(ลดลง) 4% , EPS จะ (ลดลง)
20 * 4%
จานวนหุน
้ สามัญ
เดิม
จานวนเงินที่
่ น
ต้องการเพิมทุ
EBIT1
Tax
้ น
ดอกเบียหุ
้ กู ้
150,000 หุน
้
3,000,000 บาท
900,000 บาท
30%
9%
่ ม
่ ด
พิจารณาทางเลือกในการระดมทุนทีคุ
้ ทีสุ
EBIT1 = 900,000
1
2
หุน
้ CS+หุน
้ หุน
้ PS+หุน
้
กู ้
กู ้
900,000
900,000
EBIT
้ าย
หัก ดอกเบียจ่
(90,000)
(135,000)
้
กาไรหลังดอกเบีย
810,000
765,000
หัก Tax
(243,000)
(229,500)
กาไรสุทธิ
567,000
535,500
หัก เงินปั นผลให้หุน
้ PS
(90,000)
กาไรให้หุน
้ สามัญ
567,000
่ ม
่ ด
พิจารณาทางเลือกในการระดมทุนทีคุ
้ ทีสุ
้ ควรเลือกทางเลือกที่ 2 คือ การระดมเงิน
งนัน
์
จากหุน
้ บุรม
ิ สิทธิและหุ
น
้ กู ้ เพราะจะทาให้
่ ด
บริษท
ั มี EPS สู งทีสุ
หา DFL ทางเลือกที่ 1
EBIT1 = 900,000
EBIT2 =800,000
หา DFL ทางเลือกที่ 1
ถ้า EBIT2 =800,000
EBIT1 = 900,000
้ EPS1 = ………. เท่า
ด ังนัน
EBIT2 = 800,000
้ EPS2 = ......
ด ังนัน
ต้องทาการหาใหม่ ด ังนี ้
1
หุน
้ CS+หุน
้
กู ้
800,000
EBIT
่
่
เมื
อเปลี
ยน
้
หัก ดอกเบียจ่าย
(90,000)
้
EBIT จะทาให้
กาไรหลังดอกเบีย
710,000
่
หัก Tax
(213,000)EPS เปลียนด้
วย
กาไรสุทธิ
497,000 หา EPS
2
หัก เงินปั นผลให้หน
ุ ้ PS
ได้ด ังนี ้
กาไรให้หุน
้ สามัญ
497,000
หาร จานวนหุน
้ สามัญ
350,000 หุน
้
EPS 2
………
สรุป : ได ้ดังนี้
EBIT1 = 900,000
้ EPS1 = ………. เท่า
ด ังนัน
EBIT2 = 800,000
้ EPS2 = .........
ด ังนัน
หา DFL ทางเลือกที่ 1
ถ้า EBIT2 =800,000
DFL= % EPS
% EBIT
=(EPS2- EPS1)/ EPS1
(EBIT2- EBIT1)/ EBIT1
DFL =
(……… - ……… )/........
(800,000-900,000)/900,000
= ………….เท่า
 จากทางเลือกที่ 1 ได้ DFL =
……….เท่า
☺แปลว่า ถ้า EBIT ลดลง 15%
EPS
จะลดลง
………. * 15% =………… %
การบ้า
น
ให้ทาข้อ 3.3 , 3.4
, 3.6