การวิเคราะห์เชิงปริมาณ

Download Report

Transcript การวิเคราะห์เชิงปริมาณ

บทที่ 1
การวิเคราะห์ เชิงปริมาณเบือ้ งต้ น
วัตถุประสงค์
หลังจากเรี ยนจบบทเรี ยนนี ้ ผู้เรี ยนสามารถ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
บอกความหมายของการวิเคราะห์เชิงปริ มาณได้
อธิบายความสาคัญและประโยชน์ของการวิเคราะห์เชิงปริ มาณได้
ยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้การวิเคราะห์เชิงปริ มาณกับปั ญหาต่างๆได้
บอกขั้นตอนการวิเคราะห์เชิงปริ มาณได้
อธิ บายลักษณะพื้นฐานและประโยชน์ของการวิเคราะห์จุดคุม้ ทุน
(break-even analysis)ได้
แก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์จุดคุม้ ทุนได้
2
การวิเคราะห์ เชิงปริมาณ
 เป็ นวิธีการหาคาตอบเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยอาศัยหลักการ
ทางคณิ ตศาสตร์ และสถิติ ที่ใช้ช่วยในการตัดสิ นใจเกีย่ วกับ
ปั ญหาทางธุรกิจ
 เครื่ องมือที่สาคัญของการวิเคราะห์เชิงปริ มาณคือ การสร้างตัว
แบบ(Model) ทางคณิ ตศาสตร์เพื่อจาลองสภาพของปัญหา
 ผลที่ได้จากการวิเคราะห์เชิงปริ มาณ สามารถนาไปใช้ร่วมกับ
สารสนเทศอื่นๆเพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสิ นใจ
Raw Data
Quantitative
Analysis
Meaningful
Information
3
ขั้นตอนการวิเคราะห์ เชิงปริมาณ
1.
2.
3.
4.
5.
6.
การวิเคราะห์ปัญหา(Problem analysis)
การสร้างตัวแบบ(Model development)
การรวบรวมข้อมูล(Collecting data)
การหาผลลัพธ์(Calculating data)
การทดสอบผลลัพธ์(Testing the solution)
การนาผลลัพธ์ไปใช้แก้ปัญหา(Implementation)
4
1. การวิเคราะห์ ปัญหา(Problem analysis)
 ระบุลกั ษณะปั ญหาและขอบเขตให้ชด
ั เจน โดยสังเกตการณ์และ
จดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริ ง เช่น
 พัสดุคงคลังมีมาก
 ค่ าใช้ จ่ายในการขนส่ งสู ง
 การประสานงานระหว่ างฝ่ ายผลิตกับพนักงานขายไม่ ราบรื่น
 ศึกษาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการนาเทคนิคเชิงปริ มาณมา
ใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหา โดยใช้การวิเคราะห์ตน้ ทุน-กาไรเพื่อ
ประมาณค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนที่จะได้รับว่าคุม้ กันหรื อไม่
5
2. การสร้ างตัวแบบ(Model development)
 ตัวแบบ(Model) คือ นามธรรมของระบบจริ ง ได้แก่การจาลองระบบจริ งให้อยู่
ในรู ปแบบที่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ตัวแบบแบ่งออกเป็ นชนิ ดต่างๆ เช่น
 ตัวแบบสั ญรู ป(Iconic model) คือตัวแบบทีเ่ ป็ นรู ปจาลองของสิ่ งต่ างๆโดยแสดงอยู่ใน
ลักษณะทีเ่ หมือนตัวจริงแต่ ใช้ มาตรส่ วนที่ต่างกัน เช่ น ตัวแบบของรถยนต์ บ้ าน
 ตัวแบบอนุมาน(Analog model) คือตัวแบบทีใ่ ช้ สิ่งอืน
่ เป็ นตัวแทน แสดงให้ เห็นถึง
คุณลักษณะของสิ่ งต่ างๆ เช่ น หน้ าปัดวัดความเร็วของรถยนต์ ปรอทวัดอุณหภูมิ ผังการจัด
องค์ การ
 ตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ (Mathematical model) คือตัวแบบทีใ่ ช้ ตัวเลข ตัวแปร และ
สั ญลักษณ์ ทางคณิตศาสตร์ มาเขียนให้ อยู่ในรูปความสั มพันธ์ ทางคณิตศาสตร์ เช่ น สมการ
อสมการ เพือ่ แสดงให้ เห็นถึงลักษณะปัญหาทีเ่ กิดขึน้ ในธุรกิจ ตัวอย่ าง เช่ น ตัวแบบจาลอง
สถานการณ์ (Simulation model) ตัวแบบพีชคณิต(Algebraic model) ตัวแบบตารางทางาน
(Spreadsheet model)
6
3. การรวบรวมข้ อมูล(Collecting data)
 ต้องรวบรวมข้อมูลทั้งจากภายนอกองค์กรและภายในองค์กร โดย
รวบรวมจากรายงานและเอกสารต่างๆ จากประสบการณ์ จากการ
สอบถามพนักงาน จากการสังเกตการณ์ หรื อใช้ขอ้ มูลทางสถิติ เช่น
จานวนพนักงาน อัตราการลาออกของพนักงาน รายละเอียดเกี่ยวกับ
สิ นค้าคงคลัง เป็ นต้น
 เป็ นขั้นตอนที่ใช้เวลามาก อาจทาควบคู่ไปกับการสร้างตัวแบบได้
 อาจเกิดปั ญหา เช่น ข้อมูลที่ตอ้ งการไม่เคยถูกเก็บมาก่อน หรื อมีการ
จัดเก็บกระจายอยูใ่ นแผนกต่างๆในรู ปแบบที่แตกต่างกัน หน่วยวัดที่
แตกต่างกัน
7
4. การหาผลลัพธ์ (Calculating data)
 นาตัวแบบที่สร้างไว้มาทาการคานวณด้วยวิธีการทาง
คณิ ตศาสตร์ เพื่อหาผลลัพธ์ที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา
 โดยการหาผลลัพธ์หรื อผลเฉลยนั้นมีวธ
ิ ีการคานวณทีก่ าหนดไว้
เป็ นขั้นตอนที่ชดั เจน แต่ละตัวแบบจะมีวธิ ีการคานวณหาผล
เฉลยที่แตกต่างกัน
 อาจใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ช่วย เพื่อความรวดเร็ วและถูกต้อง
แม่นยา
8
5. การทดสอบผลลัพธ์ (Testing the solution)
 ทดสอบและวิเคราะห์วา่ เป็ นผลลัพธ์ที่ดีจริ ง
 ทบทวนความเป็ นไปได้และความมีเหตุมีผลของผลลัพธ์อีกครั้ง
ก่อนนาไปใช้ โดยลองใช้กบั ปัญหาขนาดเล็กหรื อใช้กบั บาง
แผนกก่อน เพื่อหาจุดบกพร่ องของผลลัพธ์ ของตัวแบบและ
ข้อมูลที่ใช้ และทาการแก้ไขปรับปรุ ง
9
6. การนาผลลัพธ์ ไปใช้ แก้ ปัญหา(Implementation)
 เป็ นขั้นตอนของการทาให้เกิดการยอมรับและการนาไปปฏิบตั ิ เนื่ องจาก
พนักงานในองค์กรอาจต่อต้านการเปลี่ยนแปลง จึงจาเป็ นต้องสร้างความ
เข้าใจ และสร้างความรู ้สึกมีส่วนร่ วม เพื่อให้เห็นว่าแนวทางใหม่จะเป็ น
แนวทางที่ดีสาหรับองค์กร
 ขึ้นกับผูบ
้ ริ หารและผูท้ ี่เกี่ยวข้อง ว่ามีความเข้าใจและมัน่ ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้มา
นั้นสามารถนาไปแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ
 การตัดสิ นใจทางธุรกิจ ผูต้ ดั สิ นใจจะต้องคานึ งถึงปั จจัยทั้งในเชิงปริ มาณ
และคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เชิงปริ มาณมุ่งเน้นเฉพาะสิ่ งที่แสดงเป็ น
ตัวเลขได้เท่านั้น ในขณะที่ยงั มีขอ้ มูลเชิงคุณภาพอื่นๆที่ไม่สามารถคานวณ
เป็ นตัวเลขได้ เช่น ความพอใจ ผลกระทบทางการเมือง ดินฟ้ าอากาศ เป็ นต้น
10
การประยุกต์ ใช้ เทคนิคเชิงปริมาณ
 ปั ญหาการจัดสรร
 ปั ญหาการกาหนดส่ วนผสม
 ปั ญหาการขนส่ ง
 ปั ญหาการกาหนดงาน
 การวิเคราะห์ข่ายงาน
 ปั ญหาการควบคุมพัสดุคงคลัง
 ปั ญหาแถวคอย
 ปั ญหาการตัดสิ นภายใต้ความไม่แน่นอนและความเสี่ ยง
 ปั ญหาการแข่งขัน
11
ตัวอย่ างหน่ วยงานทีน่ าการวิเคราะห์ เชิงปริมาณไปประยุกต์ ใช้
12
Stevenson and Ozgur, Introduction to Management Science with Spreadsheets
ประโยชน์ของวิธีการเชิงปริ มาณ
 เป็ นการให้ความใส่ ใจและเห็นความจาเป็ นในการวิเคราะห์ เพื่อ
แก้ปัญหาที่เฉพาะเจาะจง
 ช่วยให้การวางแผนดีข้ ึน ซึ่ งเป็ นการหลีกเลี่ยงปั ญหาที่อาจ
เกิดขึ้นในอนาคต
 ช่วยให้เห็นผลลัพธ์จากการตัดสิ นใจเป็ นรู ปธรรมมากกว่าการ
วิเคราะห์เชิงคุณภาพ
 สามารถใช้งานร่ วมกับเทคโนโลยีที่ทน
ั สมัย ในการแก้ปัญหาเชิง
บริ หารได้
13
ตัวอย่ างโปรแกรมที่ใช้ ในการวิเคราะห์ เชิงปริมาณ
 โปรแกรม LINDO (Linear Interactive Discrete Optimizer)
 โปรแกรม QSB+
 โปรแกรม QS
 โปรแกรม D&D
 โปรแกรม Micro Manager
 โปรแกรม QM for Windows
 โปรแกรม AB:QM
 โปรแกรม Crystal Ball
 โปรแกรม Microsoft Office Project Professional
 โปรแกรม Excel Spreadsheet
14
บทบาทของ Spreadsheets ในตัวแบบการตัดสิ นใจ

คอมพิวเตอร์ สามารถใช้ เป็ นส่ วนหนึ่งในการตัดสิ นใจ

ตัวแบบคอมพิวเตอร์ (Computer Models) : กลุ่มของความสั มพันธ์ เชิง
คณิตศาสตร์ และสมมติฐานทางตรรก ทีถ่ ูกนามาใช้ งานจริงด้ วยคอมพิวเตอร์
เพือ่ แสดงนามธรรมของระบบจริงที่ต้องการแก้ปัญหา

Spreadsheets เป็ นเครื่องมือทีส่ ามารถใช้ ในการสร้ างตัวแบบคอมพิวเตอร์
สาหรับบุคคลทีต่ ้ องการแก้ ปัญหาทางธุรกิจได้ อย่ างสะดวก

Spreadsheet packages 
สามารถใช้ แก้ปัญหาด้ วยการสร้ างตัวแบบในการตัดสิ นใจได้

มี built-in functions ให้ เลือกใช้ งานมากมาย เช่ น Goal Seek , Data Table,
Chart Wizard
15
Excel Spreadsheet
16
Functions Screen
17
Add-in Options : MS Excel 2003
คลิ๊กเมนู เครื่องมือ Add-Ins
18
MS Excel 2007
19
ตัวอย่ างการใช้ Spreadsheet สร้ างตัวแบบคานวณยอดการผ่อนรถยนต์
 การสร้างตัวแบบ โดยให้ผใู ้ ช้ระบุราคารถที่ตอ้ งการ

ผู้ใช้ สามารถเลือกดาวน์ 15%, 20% หรือ 25% ของราคารถ

อัตราดอกเบีย้ ต่ อปี แตกต่ างกันไปขึน้ อยู่กบั ระยะเวลาการผ่ อนชาระ และ%เงินดาวน์
15%
20%
25%
ผ่อน 48 เดือน
3.25%
2.85%
2.75%
ผ่อน 60 เดือน
3.35%
2.95%
2.85%
ผ่อน 72 เดือน
3.90%
3.30%
3.10%

สามารถสร้างตัวแบบเพื่อคานวณยอดการผ่อนรถรายเดือนในกรณี ต่างๆ

เช่น ราคารถ 500,000 บาท

ถ้ าดาวน์ 20% และผ่ อน 5 ปี (60 เดือน) จะเสี ยดอกเบีย้ ปี ละ 2.95% ผ่ อนเดือนละ 7,650 บาท

20
ถ้ าดาวน์ 25% และผ่ อน 6 ปี (72 เดือน) จะเสี ยดอกเบีย้ ปี ละ 3.10% ผ่ อนเดือนละ 6,178 บาท
ตัวอย่ างการใช้ Spreadsheet สร้ างตัวแบบคานวณยอดการผ่อนรถยนต์
21
ตัวอย่ างการใช้ Spreadsheet สร้ างตัวแบบคานวณยอดการผ่อนรถยนต์

การสลับระหว่างการแสดงสู ตรและค่าของสู ตรในแผ่นงานทาได้โดย

กดแป้ น CTRL และแป้ น ` (อยูบ่ นแป้ นพิมพ์ตาแหน่งเดียวกับเครื่ องหมาย ~)
22
การวิเคราะห์ จุดคุ้มทุน
 เป็ นการวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย และ ปริ มาณ (cost-volume analysis)
 เป็ นการวิเคราะห์ ความสั มพันธ์ ระหว่ างตัวแปรต่ างๆ เช่ น ค่ าใช้ จ่าย
ปริมาณสิ นค้ าทีผ่ ลิต-ขาย และกาไร
 จุดคุ้มทุน( Break-Even Point หรื อ BEP)
 คือปริมาณการขายทีท
่ าได้ รายได้ รวมเท่ ากับค่ าใช้ จ่ายรวม
 เส้ นแบ่ งระหว่ างกาไรและขาดทุน; ถ้ ายอดขายสู งกว่ าจุดคุ้มทุนจะทา
ให้ เกิดกาไร แต่ ถ้าต่ากว่ าจะทาให้ ขาดทุน
 โดยกาหนดสมมติฐานว่าจานวนหน่วยที่ผลิตขายได้ท้งั หมด
23
การวิเคราะห์ จุดคุ้มทุน
กาไร = รายได้ รวม – ค่ าใช้ จ่ายรวม
กาไร = รายได้ รวม – [ ค่ าใช้ จ่ายคงที่ + ค่ าใช้ จ่ายผันแปร ]
ซึ่ง:
รายได้ รวม = [ราคาขายต่ อหน่ วย  จานวนหน่ วยทีผ่ ลิต]
ค่ าใช้ จ่ายผันแปร = [ค่ าใช้ จ่ายผันแปรต่ อหน่ วย  จานวนหน่ วยทีผ่ ลิต]
ค่ าใช้ จ่ายคงที่ = เป็ นค่ าใช้ จ่ายทีจ่ าเป็ นต้ องลงทุนเช่ น ค่ าเช่ าอาคาร ค่ าเช่ าอุปกรณ์ เป็ นต้ น
 การหาจุดคุ้มทุนทาได้ โดย กาหนดให้ กาไรเท่ ากับศู นย์
0 = [ ราคาขายต่ อหน่ วย  จานวนหน่ วยทีผ่ ลิต ]
– [ ค่ าใช้ จ่ายคงที่ + (ค่ าใช้ จ่ายผันแปรต่ อหน่ วย  จานวนหน่ วยทีผ่ ลิต) ]



เขียนเป็ นความสั มพันธ์ ทางคณิตศาสตร์ ได้ ดงั นี้ :
จานวนหน่ วยทีข่ าย(ผลิต)เพือ่ ให้ คุ้มทุน (BEP)
=
ค่ าใช้ จ่ายคงที่
---------------------------------------------------------[ ราคาขายต่ อหน่ วย – ค่ าใช้ จ่ายผันแปรต่ อหน่ วย ]
24
รายรับรวมทีเ่ พิม่ ขึน้ เชิงเส้ น เมือ่ ปริมาณเพิม่ ขึน้
25
ค่ าใช้ จ่ายคงที่ (Fixed Costs)
26
ค่ าใช้ จ่ายผันแปรรวม
27
ต้ นทุนรวม(Total Cost)
28
กาไรและจุดคุ้มทุน
Profit
29
ตัวแบบ Spreadsheet : การวิเคราะห์ จุดคุ้มทุน
Problem:
บริ ษทั ของบิลชื่อ Pritchett's Precious Time Pieces เป็ นบริ ษทั ที่ ซื้อ
ขาย และซ่อมนาฬิกาเก่า และชิ้นส่ วนนาฬิกา บิลผลิตและขายสปริ ง
หน่วยละ 10 เหรี ยญโดยมีค่าใช้จ่ายคงที่ในการผลิตสปริ ง 1,000 เหรี ยญ
ค่าใช้จ่ายผันแปรต่อหน่วยคือ 5 เหรี ยญเป็ นค่าวัสดุที่ใช้ทาสปริ ง
30
ตัวแบบ Spreadsheet : การคานวณหาจุดคุ้มทุน(BEP)
 กาไร = รายได้ รวม – [ ค่ าใช้ จ่ายคงที่ + ค่ าใช้ จ่ายผันแปร ]
 จากโจทย์ ตัวอย่ างจะได้ ว่า:
กาไร = 10X – [1,000 + 5X]
เมื่อ X คือ จานวนหน่วยที่ขาย หรื อผลิต
 การหาจุดคุม
้ ทุน(BEP)ทาได้โดย กาหนดให้กาไรเท่ากับศูนย์
 สาหรับตัวอย่าง Bill Pritchett's คานวณ BEP (ยอดขายที่ทาให้คุม
้ ทุน) ได้
ดังนี้ :
0 = 10X – [1,000 + 5X]
1,000 = 10X – 5X
ดังนั้น
X = 1,000 / [10 - 5 ] = 200 springs
31
จุดคุ้มทุน(Break Even Point-BEP)

มูลค่ าค้ มุ ทุนสามารถคานวณได้ ดังนี้ :
มูลค่ าคุ้มทุน = ค่ าใช้ จ่ายคงที่ +
(ค่ าใช้ จ่ายผันแปรต่ อหน่ วย * จานวนที่ผลิต)

สาหรับตัวอย่าง Bill Pritchett's
คานวณมูลค่ าค้ มุ ทุนได้ ดงั นี้ :
1,000 + 5 * 200 = 2,000 บาท
32
การใช้ Goal Seek เพือ่ หาจุดคุ้มทุน
Excel 2003
Excel 2007
33
แบบฝึ กหัด
1. ร้านบูรพากลาซมีตน้ ทุนคงที่รวมเดือนละ 60,000 บาท ค่าขนส่ งแก้วมาขาย
คิดใบละ50 สตางค์ ราคาทุนของแก้วที่สงั่ มาขายใบละ 19.50 บาท ทาง
ร้านขายแก้วใบละ 30 บาท จงหาว่า



ถ้ าขายแก้วได้ 5,000 ใบ ร้ านนีจ้ ะกาไรหรือขาดทุน เป็ นเงินเท่ าไร
ถ้ าขายแก้วได้ 10,000 ใบ ร้ านนีจ้ ะกาไรหรือขาดทุน เป็ นเงินเท่ าไร
ร้ านนีจ้ ะต้ องขายแก้ วให้ ได้ เงินเท่ าไรจึงจะคุ้มทุน
2. โรงงานบูรพาฟุตแวร์มีตน้ ทุนคงที่รวมเดือนละ 2,000,000 บาท ราคารองเท้าที่
ผลิตขายไปคู่ละ 300 บาท ต้นทุนผันแปรต่อคู่คิดเป็ น 100 บาท จงหาว่า



โรงงานนีจ้ ะต้ องขายรองเท้ ากีค่ ู่ จึงจะคุ้มทุน
ต้ องขายให้ ได้ เงินเท่ าไรจึงจะคุ้มทุน
หากเดือนกันยายนขายได้ 8,000 คู่ โรงงานกาไรหรือขาดทุนเท่ าไร เพราะเหตุใด
34