 กรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีไทยตั้งแต่ พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310  สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจ้ าอู่ ทอง) ผู้สถาปนาและเป็ นปฐมบรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มี หลักฐานแน่ชัดว่าพระองค์เป็ นใคร มาจากที่ใด  กรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีไทย 417 ปี มีพระมหากษัตริยท์ ้งั สิ้น 33 พระองค์  พระมหากษัตริย์ผ้ คู.

Download Report

Transcript  กรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีไทยตั้งแต่ พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310  สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจ้ าอู่ ทอง) ผู้สถาปนาและเป็ นปฐมบรม กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่มี หลักฐานแน่ชัดว่าพระองค์เป็ นใคร มาจากที่ใด  กรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีไทย 417 ปี มีพระมหากษัตริยท์ ้งั สิ้น 33 พระองค์  พระมหากษัตริย์ผ้ คู.


กรุงศรีอยุธยาเป็ นราช
ธานีไทยตัง้ แต่พ.ศ.
1893 ถึง พ.ศ. 2310

สมเด็จพระรามาธิบดีท ี่ 1
(พระเจ ้าอูท
่ อง) ผู ้
สถาปนาและเป็ นปฐม
บรมกษั ตริยแ
์ ห่งกรุงศรี
อยุธยา แต่ไม่มห
ี ลักฐาน
ั ว่าพระองค์เป็ นใคร
แน่ชด
มาจากทีใ่ ด

กรุงศรีอยุธยาเป็ นราช
ธานีไทย 417 ปี มี
ิ้
พระมหากษั ตริยท
์ งั ้ สน
33 พระองค์

พระมหากษั ตริยผ
์ ู ้ครองกรุง
ศรีอยุธยามี 5 ราชวงศ ์
์ ท
ได ้แก่ ราชวงศอ
ู่ อง
์ พ
ราชวงศส
ุ รรณภูม ิ
์ โุ ขทัย ราชวงศ ์
ราชวงศส
ปราสาททอง และราชวงศ ์
บ ้านพูลหลวง

กรุงศรีอยุธยาตัง้ อยู่
บริเวณทีร่ าบลุม
่ แม่น้ า มี
แม่น้ า 3 สายโอบล ้อม
ได ้แก่แม่น้ าเจ ้าพระยา
ั
แม่น้ าลพบุรี แม่น้ าป่ าสก
แม่น้ าเจ ้าพระยาเป็ น
แม่น้ าสายใหญ่ทาให ้มี
ิ ค ้าจากนานา
เรือสน
ประเทศเดินทางเข ้ามาถึง
ได ้สะดวก

ทีต
่ งั ้ ของอยุธยาเป็ น
ั ภูมท
ชย
ิ ด
ี่ ี มั่นคง เพราะ
อยุธยามีลก
ั ษณะเป็ นเกาะ
มีแม่น้ าล ้อมรอบ แม่น้ าจึง
้
เป็ นป้ อมปราการทีด
่ ี ใชใน
การป้ องกันการรุกรานจาก
ึ
ข ้าศก

อาณาเขตสมัยอยุธยามี
ดังนี้ ทิศเหนือจรด
สุโขทัย ทิศตะวันออก
จรด กัมพูชา พิมาย พนม
รุ ้ง เมืองพุทรา(พนมวัน)
ทิศใต ้จรด
นครศรีธรรมราช มลายู
ทิศตะวันตกจรด ทวาย
มะริด ตะนาวศรี

แผนผังกรุงศรีอยุธยา
จัดทาโดยโธมัส วัลเนอิ
รา ชาวฝรั่งเศส ทาขึน
้ ใน
พ.ศ. 2230 ตรงกับสมัย
สมเด็จพระนารายณ์
มหาราช

สถานทีต
่ งั ้ ของอยุธยามีน้ า
ล ้อมรอบจึงเป็ นแหล่งอุดม
สมบูรณ์เหมาะแก่การ
้
เพาะปลูก เป็ นเสนทางการ
้
คมนาคม เสนทางขนส
ง่
ิ ค ้า อยุธยาจึงเป็ น
สน
ศูนย์กลางการค ้าและความ
มั่งคัง่

การปกครองสว่ นกลางได ้แก่
ราชธานี มีกษั ตริยป
์ กครอง
ประกอบด ้วยกรม 4 กรมคือ
เวียง วัง คลัง นา เรียกว่า
จตุสดมภ์ การปกครองสว่ น
ภูมภ
ิ าค ได ้แก่ 1. หัวเมือง
ื้ พระวงศไ์ ป
หน ้าด่าน ให ้เชอ
ปกครองได ้แก่ ลพบุรี นคร
นายยก สุพรรณบุรี 2. หัว
ั ้ ใน ขุนนางปกครอง
เมืองชน
ขึน
้ ตรงต่ออยุธยา ได ้แก่
ปราจีนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี
ั ้ นอก เจ ้า
ชลบุรี 3. หัวเมืองชน
ื้ สาย
เมืองปกครองตามเชอ
ี า
ได ้แก่ นครราชสม
นครศรีธรรมราช สงขลา

การปกครองสมัยพระบรมไตร
โลกนาถ การปกครองสว่ นกลาง
ตัง้ กรมใหม่ 2 กรมคือกรม
กลาโหม กับกรมมหาดไทย ซงึ่
ื่ ใหม่วา่
ดูแลจตุสดมภ์ทเี่ รียกชอ
นครบาล ธรรมาธิกรณ์ โกษาธิ
บดี เกษตราธิการ การปกครอง
สว่ นภูมภ
ิ าคแบ่งออกเป็ น 1.หัว
ั ้ ใน พระมหากษั ตริยส
เมืองชน
์ ง่
ขุนนางทีเ่ รียกว่า ผู ้รัง้ ไป
ั ้ นอก
ปกครอง 2. หัวเมืองชน
ั ้ เอก โท ตรี ตาม
แบ่งเป็ นชน
ขนาดให ้เจ ้านายไปปกครอง
ได ้แก่ พิษณุโลก
นครศรีธรรมราช สุโขทัย
กาแพงเพชร 3. หัวเมือง

การปกครองสมัยสมเด็จ
พระนเรศวรมหาราช เป็ น
สมัยทีเ่ น ้นระเบียบวินัยที่
เข ้มงวด ปกครองแบบ
ทหารเพราะอยูใ่ นสภาวะ
สงครามกับพม่าและอยู่
ระหว่างการฟื้ นฟูอาณาจักร
้
ทรงใชนโยบายการ
ปกครองโดยดึงอานาจเข ้า
่ น
สูศ
ู ย์กลาง และขยาย
้
อานาจไปยังล ้านชาง
ล ้านนา กัมพูชา

กรุงศรีอยุธยาตกเป็ น
เมืองขึน
้ ของพม่าครัง้ แรก
เมือ
่ พ.ศ. 2112 สมัย
สมเด็จพระมหินทราธิราช
้
ครัง้ นัน
้ พม่าใชนโยบาย
บัน
่ ทอนกาลังไทยโดยให ้
การสนับสนุนสมเด็จพระ
มหาธรรมราชาเมือง
พิษณุโลก ประกอบกับ
พระมหากษั ตริยส
์ มัยนัน
้
อ่อนแอ

ี กรุง
กรุงศรีอยุธยาเสย
ครัง้ ที่ 2ให ้แก่พม่าเมือ
่
พ.ศ. 2310 ตรงกับสมัย
พระเจ ้าเอกทัศน์ มี
สาเหตุมาจากสถาบัน
พระมหากษั ตริยไ์ ม่
มั่นคง และข ้าราชการ
แตกความสามัคคี

เศรษฐกิจของอยุธยา
ขึน
้ อยูก
่ บ
ั เกษตรกรรม
และการค ้า เกษตรกรรม
ทีส
่ าคัญได ้แก่การปลูก
ข ้าว พริกไทย ฝ้ าย
หมาก มะพร ้าว อ ้อย

การค ้ากับต่างประเทศ
ได ้แก่ จีน อินเดีย อาหรับ
ี สน
ิ ค ้าออกที่
เปอร์เชย
สาคัญได ้แก่ ข ้าว
พริกไทย ดีบก
ุ น้ าตาล
ิ ค ้านาเข ้า
และของป่ า สน
ได ้แก่ ผ ้าแพร เครือ
่ งถ ้วย
ชาม อาวุธ

ั ดินาคือ การบ่ง
ระบบศก
บอกฐานะของคนใน
สงั คม มี 5 กลุม
่ ได ้แก่ 1.
พระมหากษั ตริย ์ 2. มูล
นาย 3. พระสงฆ์ 4. ไพร่
5. ทาส

1. พระมหากษั ตริย ์ มีฐานะ
เป็ นเทวราชา มีหน ้าที่
ปกครองประเทศ 2. มูล
ื้
นาย หมายถึง เจ ้านาย เชอ
พระวงศ ์ ขุนนาง 3.
พระสงฆ์เป็ นผู ้ประกอบ
พิธก
ี รรมทางศาสนา 4.
ไพร่ คือชายและหญิงที่
ต ้องสงั กัดมูลนาย 5. ทาส
เป็ นคนระดับล่างสุดของ
สงั คมมีสภาพเป็ นเหมือน
สมบัตข
ิ องนายเงิน

ไพร่ม ี 3ประเภท 1. ไพร่สม
เป็ นไพร่สว่ นตัวของมูลนาย
เป็ นมรดกถึงลูกหลานได ้ 2.
ไพร่หลวง สงั กัด
พระมหากษั ตริย ์ มีหน ้าที่
มอบแรงงานให ้กับรัฐ 3. ไพร่
สว่ ย คือไพร่ทไี่ ม่สามารถมา
่
ทางานได ้ต ้องสง่ สว่ ยเชน
ของป่ า มูลค ้างคาวมาแทน

ไพร่มห
ี น ้าทีเ่ ป็ นแรงงาน
ด ้านโยธา การเกษตร
ึ
เป็ นกองกาลังในยามศก
สงครามและเป็ นฐาน
อานาจทางการเมือง

ทาสมี 7 ประเภท 1. ทาส
ิ ไถ่ 2. ทาสในเรือนเบีย
สน
้
3. ทาสได ้มาจากบิดา
มารดา 4. ทาสท่านให ้ 5.
ทาสทีช
่ ว่ ยไว ้จากการเป็ น
นักโทษ 6. ทาสทีไ่ ด ้มา
ยามข ้าวยากหมากแพง 7.
ทาสเชลย

เมือ
่ พระพุทธศาสนาแผ่
อิทธิพลเข ้ามายังประเทศ
ไทย จึงมีความนิยมในการ
สร ้างพระพุทธรูป มีการพบ
พระพุทธรูปสมัยอยุธยา
ิ ปอู่
ตอนต ้นหรือเรียกว่าศล
ทอง มีลก
ั ษณะพระพักตร์
เป็ นสเี่ หลีย
่ ม พระขนงต่อกัน
เป็ นรูปปี กกา พระนลาฏกว ้าง
มีขอบไรพระศก

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา
ตอนต ้น ได ้แก่
พระพุทธรูปวัดธรรมิกราช

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา
ตอนกลางเป็ นพระพุทธรูป
ั
ขัดสมาธิราบ ปางมารวิชย
พระพักตร์มล
ี ก
ั ษณะมน
มากกว่าแบบอูท
่ อง

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา
ตอนกลางได ้แก่
พระพุทธรูปมงคลบพิตร ใน
วิหารวัดมงคลบพิตร สร ้าง
ในสมัยพระเจ ้าทรงธรรม

พระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอน
ปลายนิยมสร ้างพระพุทธรูป
ทรงเครือ
่ งใหญ่ พระพักตร์
ี้ ม พระขนงโก่ง
ค่อนข ้างเสย
เปลือกพระเนตรใหญ่ พระ
ิ โด่งงุ ้มปลายเล็กน ้อย
นาสก
พระโอษฐ์อม
ิ่ ค่อนข ้างบาง

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา
ตอนปลายได ้แก่
พระพุทธรูป ทรงเครือ
่ ง
ใหญ่ในวัดหน ้าพระเมรุ

เจดียท
์ รงระฆังเรียกอีก
อย่างว่า ทรงลังกา มี
ลักษณะคล ้ายระฆังทรง
กลม ได ้รับอิทธิพลจาก
ิ ปลังกา
ศล

ิ ป
เจดียท
์ รงระฆังในศล
อยุธยาได ้แก่ เจดียป
์ ระธาน
สามองค์ วัดพระศรี
สรรเพชญ เจดียป
์ ระธาน
วัดมเหยงคณ์

เจดียท
์ รงปรางค์ในสมัย
อยุธยาได ้รับอิทธิพลจาก
วัฒนธรรมขอม ตาม
แบบอย่างเจดียป
์ ระธาน
วัดพระศรีมหาธาตุ
จังหวัดลพบุรี

เจดียท
์ รงปรางค์ม ี
ลักษณะคล ้ายฝั ก
ข ้าวโพด

เจดียท
์ รงปรางค์ในสมัย
อยุธยาได ้แก่ ปรางค์
ประธานวัดราชบูรณะ วัด
พระราม วัดมหาธาตุ

กรุงศรีอยุธยานับได ้ว่า
เป็ นยุคทองของ
่ มหาชาติ
วรรณกรรม เชน
คาหลวง เป็ นวรรณกรรม
ทีส
่ มเด็จพระเจ ้าทรง
ธรรมโปรดให ้นักปราชญ์
ราชบัณฑิตแต่งขึน
้

พระมาลัยคาหลวง เป็ น
วรรณกรรมสมัยอยุธยา
ตอนปลาย มีเนือ
้ เรือ
่ งสอน
ให ้คนทาดีตามหลัก
พระพุทธศาสนา พระ
นิพนธ์โดยเจ ้าฟ้ าธรรมาธิ
เบศร์

ลิลต
ิ โองการแชง่ น้ าเป็ น
้
วรรณกรรมทีใ่ ชในพิ
ธถ
ี อ
ื น้ า
ั ยา เพือ
พิพัฒน์สต
่ แสดง
ความจงรักภักดีตอ
่
พระมหากษั ตริย ์

ฮอลันดาเข ้ามาทาการค ้า
กับอยุธยาครัง้ แรกในต ้นรัช
สมัยพระนเรศวรมหาราช
และตัง้ สถานีการค ้า
์ ส
บริษัทดัทซอ
ี ต์อน
ิ เดีย
สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ
ได ้สง่ คณะทูตไปเจริญ
ั พันธไมตรีกย
สม
ั ฮอลันดา
โดยมีจด
ุ ประสงค์สาคัญคือ
ิ ค ้าที่
การค ้าขาย สน
ื้ จากไทยคือ
ฮอลันดาซอ
ไม ้แดง หนังกวาง ไหมดิบ
เครือ
่ งสงั คโลก ครั่ง ไม ้

โปรตุเกตุเป็ นชาวตะวันตก
ชาติแรกทีเ่ ข ้าติดต่อค ้าขาย
กับอยุธยา ในสมัยสมเด็จ
พระรามาธิบดีท ี่ 2 เพือ
่
ั พันธ์ไมตรีตอ
สร ้างสม
่ กัน
โปรตุเกสได ้จัดหาปื นและ
กระสุนดินดาให ้กับอยุธยา
และได ้สมัครเป็ นทหาร
อาสาในกองทัพไทย ชว่ ย
ึ กับพม่าทีเ่ มืองเชย
ี ง
ทาศก
กรานในสมัยสมเด็จพระ
ไชยราชาธิราชจนเป็ น
ผลสาเร็จและได ้รับ

อังกฤษเข ้ามาในอยุธยา
สมัยสมเด็จพระเจ ้าทรง
ิ ค ้าทีอ
ธรรม สน
่ งั กฤษ
ิ ค ้า
นามาค ้าขายคือผ ้า สน
ทีอ
่ งั กฤษต ้องการคือ
เพชร พลอย ทองคา
หนังกวาง การค ้าของ
อังกฤษในอยุธยาไม่
ประสบความสาเร็จเพราะ
ถูกกีดกันจากฮอลันดา

ั พันธ์กบ
อยุธยามีความสม
ั
ฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระ
นารายณ์มหาราช ฝรั่งเศสรุน
่
แรกทีเ่ ข ้ามาเป็ นบาทหลวง
และมีจด
ุ ประสงค์จะเอา
อยุธยาเป็ นศูนย์กลางในการ
เผยแพร่ศาสนาคริสต์ เพราะ
เห็นว่าสมเด็จพระนารายณ์
มหาราชไม่ทรงกีดกันการ
เผยแพร่ศาสนา อยุธยาได ้สง่
ั พันธไมตรีกบ
ทูตไปเจริญสม
ั
ฝรั่งเศสซงึ่ ตรงกับสมัยพระ
์ ี่ 14 ฝรั่งเศสได ้
เจ ้าหลุยสท
สง่ เชอวาเลีย เดอ โชมองต์

ั พันธ์ระหว่าง
ความสม
อยุธยากัยพม่าเป็ นเรือ
่ ง
ของสงครามชงิ ความเป็ น
ใหญ่ สงครามครัง้ แรกของ
อยุธยากับพม่าคือสงคราม
ี งกราน ตรงกับ
เมืองเชย
สมัยสมเด็จพระไชย
ราชาธิราชกษั ตริยอ
์ ยุธยา
และพระเจ ้าตะเบงชะเวตี้
กษั ตริยพ
์ ม่า

ั พันธ์ระหว่างอยุธยา
ความสม
กับลาวเป็ นไปในลักษณะ
บ ้านพีเ่ มืองน ้อง สมัยสมเด็จ
พระเจ ้าอูท
่ องได ้
พระราชทานพระนางแก ้ว
ยอดฟ้ าไปเป็ นมเหส ี พระเจ ้า
สามแสนไทยแห่งลาว
หลักฐานทีแ
่ สดงถึง
ั พันธ์อน
ความสม
ั ดีตอ
่ กัน
ระหว่างอยุธยากับลาวคือ
พระธาตุศรีสองรัก

ั พันธระหว่างไทย
ความสม
กับเขมรเป็ นไปในลักษณะ
มิตรไมตรีและสงครามสรุป
ได ้ดังต่อไปนี้
1. เขมรจะยกทัพมาตีไทย
ึ กับพม่าหรือมี
เมือ
่ ไทยมีศก
ความวุน
่ วายภายในประเทศ
2. ไทยยกทัพไปตีเขมรเมือ
่
เขมรแข็งเมือง
3. เขมรขอให ้ไทยชว่ ย
ปราบการจราจลในประเทศ
4. เขมรจะมีความ
ั พันธไมตรีอน
สม
ั ดีกบ
ั ไทย
เมือ
่ เห็นว่าไทยเข ้มแข็ง

เมืองไทรบุรี ปั ตตานี
กลันตรัง ตรังกานู เป็ น
เมืองขึน
้ ของไทยมา
ตัง้ แต่สมัยสุโขทัยจนถึง
สมัยอยุธยา ครัง้ เมือ
่
ี กรุงครัง้ ที่ 2
อยุธยาเสย
หัวเมืองมลายูเหล่านี้ถอ
ื
โอกาสตัง้ ตัวเป็ นอิสระ

พระมหากษั ตริยส
์ มัยกรุงศรี
อยุธยาหลายพระองค์
มุง่ หวังทีจ
่ ะต ้องให ้
จักรพรรดิจน
ี รับรองฐานะ
และมีการสง่ ทูตไปเจริญ
ั พันธไมตรีอย่างต่อเนือ
สม
่ ง
ั พันธ์
ลักษณะความสม
ระหว่างอยุธยากับจีนเป็ น
แบบรัฐบรรณาการ

ั พันธ์ระหว่างไทยกัย
ความสม
ญีป
่ นเริ
ุ่
ม
่ อย่างเป็ น ทางการ
ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศ
รถ ทาให ้มีทหาร อาสาญีป
่ น
ุ่
อยูใ่ นกองทัพอยุธยา สมัย
สมเด็จพระเจ ้า
ปราสาท
ทองได ้ทรงอนุญาติให ้ญีป
่ น
ุ่
ตัง้ บ ้านเรือนอยูใ่ นอยุธยาได ้
ิ ค ้าทีญ
สน
่ ป
ี่ นต
ุ่
้องการคือ
ั
หนังกวาง ดีบก
ุ ไม ้สก
น้ าตาล น้ ามันมพร ้าว ตะกัว่