เศรษฐกิจสมัยอยุธยาดีเพราะ ความอุดมสมบูรณ์ของบริ เวณที่ราบลุม่ แม่น ้าเจ้ าพระยา ตอนล่าง การมีแหล่งน ้าจานวนมาก ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะเกิดจากการทับถมของดินตะกอนแม่น ้า ซึง่ เหมาะสาหรับ การทานา ทาให้ อาณาจักรอยุธยาเป็ นแหล่งเพาะปลูกที่ สาคัญ นอกจากนี ้การมีทาเลที่ตงที ั ้ ่เหมาะสมกับการค้ าขายกับ เมืองต่างๆ ที่อยูภ่

Download Report

Transcript เศรษฐกิจสมัยอยุธยาดีเพราะ ความอุดมสมบูรณ์ของบริ เวณที่ราบลุม่ แม่น ้าเจ้ าพระยา ตอนล่าง การมีแหล่งน ้าจานวนมาก ดินมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะเกิดจากการทับถมของดินตะกอนแม่น ้า ซึง่ เหมาะสาหรับ การทานา ทาให้ อาณาจักรอยุธยาเป็ นแหล่งเพาะปลูกที่ สาคัญ นอกจากนี ้การมีทาเลที่ตงที ั ้ ่เหมาะสมกับการค้ าขายกับ เมืองต่างๆ ที่อยูภ่

เศรษฐกิจสมัยอยุธยาดีเพราะ
ความอุดมสมบูรณ์ของบริ เวณที่ราบลุม่ แม่น ้าเจ้ าพระยา
ตอนล่าง การมีแหล่งน ้าจานวนมาก ดินมีความอุดมสมบูรณ์
เพราะเกิดจากการทับถมของดินตะกอนแม่น ้า ซึง่ เหมาะสาหรับ
การทานา ทาให้ อาณาจักรอยุธยาเป็ นแหล่งเพาะปลูกที่
สาคัญ นอกจากนี ้การมีทาเลที่ตงที
ั ้ ่เหมาะสมกับการค้ าขายกับ
เมืองต่างๆ ที่อยูภ่ ายในตามเส้ นทางแม่น ้า และการค้ าขายกับ
ภายนอกทางเรื อสาเภา ทาให้ เศรษฐกิจอยุธยามีพื ้นฐานสาคัญ
อยูท่ ี่การเกษตรและการค้ ากับต่างประเทศ ต่อมาได้ พฒ
ั นาเป็ น
ศูนย์กลางทางการค้ าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การค้ าสมัยอยุธยา
1) การค้าภายในประเทศ
- ระบบแลกเปลี่ยนโดยตรง คือ การเอาสิ นค้ามาแลกเปลี่ยนกัน
โดยตรง
- ระบบแลกเปลี่ยนด้วยเงินตรา คือ การซื้อขายกันอย่างทุกวันนี้ คือ
การนาสิ นค้าไปแลกเปลี่ยนเป็ นเงินตราก่อน (การขาย) เมื่อต้องการ
สิ่ งใดก็นาเงินตรานั้นแลกมา (การซื้อ)
2) การค้ากับต่างประเทศ
ชาติตะวันตกชาติแรกที่ได้ ทาการค่ าค้ า สมเด็จพระ
รามาธิบดีท่ ี 2
ใน พ.ศ.2054ทูตนาสารของ อัลฟองโซ เดอร์ ก แม่ทพั ใหญ่ของ
โปรตุเกสได้ เดินทางมากรุงศรี อยุธยา เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และ
การค้ า พระองค์ทรงตอบรับไมตรี จากโปรตุเกส และได้ ทาสัญญา
ทางราชไมตรี กบั ทางการค้ าต่อกัน ใน พ.ศ. 2059 นับเป็ นสัญญา
ฉบับแรกที่ไทยทากับต่างประเทศ โปรตุเกสจึงนับเป็ นประเทศ
แรกในทวีปยุโรปที่เข้ ามาในกรุงศรี อยุธยา
ผลจากการเข้ ามาสร้ างไมตรี ของชาวโปรตุเกส ได้ มีการนาเอา
อาวุธแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพเข้ ามาถวาย ได้ แก่ ปื นประเภท
ต่าง ๆ และกระสุนดินดา ต่อมาชาวโปรตุเกสได้ เข้ ามาเป็ นทหาร
อาสาฝรั่ง ได้ ช่วยฝึ กวิธีการใช้ อาวุธแบบตะวันตกกับกรุงศร
อยุธยา
จีนได้มีการค้าขายกับกรุ งศรี อยุธยามาตั้งแต่ตอนต้นของกรุ ง
ศรี มีสมั พันธ์ทาไมตรี ที่ดีมาช้านานและยังเป็ นประเทศที่มี
การค้าขายที่มากที่สุดที่นบั จากประเทศต่างๆ
ฝรั่งเศสเข้ ามาติดต่อกับกรุงศรี อยุธยาในช่วงพุธศตวรรษที่ 23 หลังชาว
ยุโรปชาติอื่นๆ ความสัมพันธ์กบั ฝรั่งเศสเป็ นระยะเวลาค่อนข้ างสัน้
เฉพาะในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเท่านัน้ สมเด็จพระ
นารายณ์มหาราชทรงให้ การต้ อนรับคณะบาทหลวงชาวฝรั่งเศสเป็ น
อย่างดี นอกจากจะเผยแพร่คริสต์ศาสนาแล้ ว พวกบาทหลวงยังทา
หน้ าที่เป็ นตัวกลางระหว่างรัฐบาลของพระเจ้ าหลุยส์ที่ 14 กับราช
สานักอยุธยา พ่อค้ าฝรั่งเศสได้ รับอนุญาตให้ เข้ ามาทาการค้ าที่กรุงศรี
อยุธยา หลังจากนันทั
้ งสองฝ่
้
ายได้ แลกเปลี่ยนคณะทูตระหว่างกัน คณะ
ทูตของฝรั่งเศสชุดแรกเข้ ามาใน พ.ศ. 2228 โดยมีเชอวาเลีย เดอ โช
มอง เป็ นราชทูต คณะทูตชุดที่ 2 เข้ ามาใน พ.ศ. 2230 มีลาลู
แบร์ เป็ นราชทูต ส่วนคณะทูตของไทยที่เดินทางไปถึงฝรั่งเศสและมี
ชื่อเสียงเป็ นที่เลื่องลือคือคณะทูตที่มี พระวิสทุ ธสุนทร ( โกษาปาน
) เป็ นราชทูตได้ เดินทางไปฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2229จุดมุง่ หมายหลักของ
ฝรั่งเศสอยูท่ ี่การติดต่อการค้ ากับไทย
อังกฤษ
อังกฤษเข้ ามาติดต่อค้ าขายกับกรุงศรี
อยุธยาโดยมีวตั ถุประสงค์ที่สาคัญคือการค้ าและสินค้ าที่
อังกฤษนาเข้ ามาขายในกรุงศรี อยุธยาและหัวเมือง คือผ้ า
ชนิดต่าง ๆ โดยในพ.ศ.2155 ในสมัยพระเจ้ าทรงธรรม
ทางอังกฤษได้ สง่ ทูตเข้ ามาและทางอยุธยาให้ การต้ อนรับ
อย่างดีพร้ อมกับให้ ตงสถานี
ั้
การค้ าและบ้ านเรื อนในกรุงศรี
อยุธยาได้ แต่การค้ าของอังกฤษตลอดระยะเวลานันไม่
้
ประสบความสาเร็จเท่าที่ควรจึงถอนตัวออกจากกรุงศรี
อยุธยา ประกอบกับในระยะหลัง ๆมีความขัดแย้ งกันอย่าง
รุนแรงถึงกับมีการสู้รบกันที่เมืองมะริ ดทาให้ ความสัมพันธ์
ไมตรี ที่ดีกบั อังกฤษต้ องสิ ้นสุดลงในพ.ศ.2230
ฮอลันดา
ฮอลันดาปัจจุบนั คือประเทศเนเธอร์แลนด์เข้ามาติดต่อกับอาณาจักร
อยุธยาในสมัยตอนปลายรัชกาลของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชซึ่งหลังโปรตุเกสประมาณ
เกือ บหนึ่งศตวรรษ การเข้ามาติดต่อของฮอลันดานั้นจะแตกต่างกับโปรตุเกสคือฮอลันดา
นั้นสนใจเฉพาะด้านการค้าโดยไม่ได้สนใจในเรื่ องการเผยแผ่คริ สต์ศาสนาสาหรับสิ นค้าที่
ชาวฮอลันดาต้องการจากอยุธยามากเช่น เครื่ องเทศ พริ กไทย หนังกวาง และช้าว ฯลฯ ตลอด
สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้นไทยกับฮอลันดามีความผูกพันธ์กบั เป็ นอย่างดี ต่อมาใน
สมัยพระเจ้าปราสาททองความผูกพันธ์ที่มีต่อกันเริ่ มมีปัญหาเนื่องจากฮอลันดาไม่ช่วยไทย
ปราบกบฏ และทาให้พระเจ้าปราสาททองต้องเข้มงวดกับฮอลันดามากขึ้น
การจัดเก็บภาษีอากรในสมัยกรุงศรี อยุธยา หรื อที่เรี ยกกันในสมัยนันว่
้ า
ส่ วยสาอากร ได้ มีการแบ่งการจัดเก็บออกเป็ น 4 ประเภท คือ จังกอบ
อากร ส่วย และฤชา โดยมีรายละเอียดดังนี ้
1. จังกอบ หรื อ จากอบ เป็ นภาษีที่เรี ยกเก็บจากการชักส่วน
สินค้ า ที่นาเข้ ามาจาหน่ายตามที่ได้ อธิบายข้ างต้ น
2. อากร หมายถึง ส่วนที่เก็บจากผลประโยชน์ที่ราษฎรทามาหา
ได้ ในการประกอบการต่างๆเช่น ทานา ทาไร่ ทาสวน ฯลฯ หรื อการได้ รับ
สิทธิจากรัฐบาลไปกระทาการ เช่น ต้ มกลัน่ สุรา เก็บของในป่ า จับปลาใน
น ้า ฯลฯ เช่น อากรค่านา อากรสวน อากรสุรา อากรค่าน ้า เป็ นต้ น การ
เก็บอากรอาจจัดเก็บเป็ นตัวเงินหรื อเป็ นสิง่ ของ ถือเป็ นภาษี ที่จดั เก็บตาม
หลักผลประโยชน์ที่ได้ รับจากรัฐไม่ทางตรงก็ทางอ้ อม
3. ส่ วย ความหมายของส่วย สมเด็จฯกรมพระยาดารงราชานุ
ภาพได้ ทรงสันนิษฐานว่า คาว่า ส่ วย
- สิง่ ของที่รัฐบาลเรี ยกร้ องเอาจากเมืองที่อยูภ่ ายใต้ ปกครอง หรื ออยู่ในความ
คุ้มครองเป็ นค่าตอบแทนการปกครองหรื อคุ้มครอง ส่วยตามความหมายนี ้จึงมี
ลักษณะเป็ นเครื่ องราชบรรณาการ
- เงินช่วยราชการตามที่กาหนดเรี ยกเก็บจากราษฎรชายที่มิได้ รับ
ราชการทหารเป็ นรายบุคคล เนื่องจากสังคมไทยแต่ดงเดิ
ั ้ ม มีระบบเกณฑ์แรงงาน
จากราษฎร โดยรัฐไม่ต้องจ่ายค่าจ้ าง แต่จะให้ ความคุ้มครองทางกฎหมายเป็ นการ
ตอบแทน ทังนี
้ ้เดิมราษฎรที่ถกู เกณฑ์แรงงาน จะมาประจาการเป็ นเวลาปี ละ 6
เดือน โดยผู้ที่ไม่มารับราชการเมื่อถึงเวรของตน จะต้ องเสียส่วยเรี ยกว่า ส่วยแทน
แรง เพื่อที่ราชการจะได้ จ้างคนมาทางานแทน ส่วยแทนแรง เพื่อที่ราชการจะได้ จ้าง
คนมาทางานแทน ส่วยแทนแรงนี ้ได้ ถกู เปลี่ยนชื่อเป็ นเงินรัชชูปการในระยะต่อมา (
รัชกาลที่ 6 )
4. ฤชา คือค่าธรรมเนียมที่ทางราชการ
เรี ยกเก็บจากราษฎรซึง่ ได้ รับประโยชน์
จากรัฐเป็ นการเฉพาะตัว เช่น ผู้ใดจะขอ
โฉนดตราสาร เพื่อมิให้ ผ้ อู ื่นบุกรุกแย่งชิง
ที่เรื อกสวนไร่นา จักต้ องเสียฤชาแก่รัฐ
เป็ นต้ น ฤชาที่สาคัญได้ แก่ ค่าธรรมเนียม
และค่าปรับทางการศาล
ก่อนหน้ าการกาเนิดอาณาจักรอยุธยา มีเงินตราใช้
กันแล้ ว มีลษั ณะคล้ ายกาไรขอมือ ทาด้ ยวโลหะ
เงินหนัก 4บาท มีตราคล้ ายช่อดอกไม้ ตีประทับอยู่
3ตรา เรี ยกว่า เงินกาไล ต่อมาจึงวิวฒ
ั นาการจนมี
รูปลักษณะกะทัดรัดคล้ ายตัวด้ วงขดอยู่ มีตรา
ประทับที่ด้านบน ด้ านหน้ าและปลายขาทังสอง
้
ป้อมเพรช ป้อมเพรชอยูบ่ นพื ้นที่ทางด้ านทิศ
ตะวันออกเฉียงใต้ ภายในเกาะเมือง บริเวณกะจะวึง่ เป็ นบริ
เวณที่แม่น ้าเจ้ าพระยาไหลมาบรรจบกับแม่น ้าป่ าสัก ป้อม
แห่งนี ้เป็ นป้อมใหญ่ก่อด้ วยอิบสลับกับศิลาแลง ในบริเวณที่
เป็ นป้อมเพชรนันปรากฏร่
้
องรอยการอยูอ่ าศัยมาตังแต่
้
อยุธยาตอนต้ นความสาคัญของป้อมเพชรไม่เพียงดารง
ฐานะเป็ นป้อมปราการป้องกันข้ าศึกเท่านัน้ หากทว่ายังแฝง
ไว้ ซงึ่ วิถีชีวิตของชาวกรุงศรี อยุธยาเนื่องจากป้อมเพชรเป็ น
ประตูสกู่ รุงศรี อยุธยาโดยเฉพาะชาวต่างชาติ ดังปรากฏชื่อ
ตาบลทางฝั่ งตรงข้ ามว่า "ตาบลสาเภาล่ม" เป็ นนัยถึงวัง
น ้าวนด้ านหน้ าป้อมเพชรนันเอง
้ บริเวณดังกล่าวก็คือตลาด
น ้าวนบางกะจะ 1ใน 4 ตลาดน ้าขนาดใหญ่รอบกรุงศรี
อยุธยา
ขนอมใพระนครศรี อยุธยานั้นมีหน้าที่กกั และจังจอบในพระนครมีรอบเกาะ
แม่น้ าทั้ง 4 1.ขนอมหลวงบางตะนาวศรี 2.ขนอมปากภู 3.ขนอมบางลาง
4.ขนอมบ้านข้าวเม่า และยังมีขนอมบกที่ต้ งั อยูท่ างทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ของพระนครที่ตาบล บ้านศาลาเกรี ยน คอยเก็บภาษีที่มาทางบก
การค้าทั้งในและนอกจึงทาให้เกิดตลาด ตลาดที่ขายของชาและของสด
มี 61 ตลาด ของชาสิ่ งของเครื่ องใช้ที่ใช้ทวั่ ไปรวมถึงอาหารแห้งมี 21
ตลาด เปิ ดขายตลอดวัน ของสดคือสิ่ งของอาหารคาวสดๆมี 40 ตลาด
เปิ ดขายเฉพาะตอนเช้ากับตอนเย็น
1.มีตลาดในกรุงศรี อยุธยาทังหมดกี
้
่ตลาด
คาตอบ 61 ตลาด
2.มีขนอมทังหมดกี
้
่ขนอม
คาตอบ 5 ขนอม
3.มีขนอมที่อยูบ่ นบกถามว่าขนอมนี ้อยูต่ าบลอะไร
คาตอบ บ้ านศาลาเกรี ยน
4.ต่างชาติประเทศแรกที่เราทาการค้ าขาย
คาตอบ ประเทศจีน
5.ที่ใดเป็ นที่พกั ของท่าเรื อสาเภาและเป็ นแหล่งการค้ าที่ใหญ่ที่สดุ
คาตอบ ป้อมเพรช
8.ฝรั่งเศสได้ มาทาการค้ าขายกับอยุธยาในสมัยของใคร
คาตอบ สมัยของสมเด็จพระรามาธิบอดีที่ 2
7.ส่วยอากรมีกี่ประเภท
คาตอบ มี 4 ประเภท
8.ชาติตะวันตกมาค้ าขายกับอยุธยามีกี่ประเทศ
คาตอบ 5 ประเทศ
9.ส่วยคืออะไร
คาตอบ การส่งครื่ องราชไปยังเมืองที่ถกู เขายึด
10.เงินตราการแรกเปลี่ยนของอยุธยาคืออะไร
คาตอบ พดด้ วง
รายชื่อ
•
•
•
•
•
•
•
•
•
ด.ช. ศรัณย์ เต็มเปี่ ยม
ด.ช. ธนบดี ปภาวินนรกุล
ด.ญ. ธันย์ชนก ภูสีน้ า
ด.ญ. วิมลสิ ริ ทางธนกุล
ด.ญ. สิ รินนั ท์ อินทร์แช่มชื่น
ด.ญ. อัจจิมา สัมพัจฉรากุล
ด.ญ. ปานชนก สิ ริวฒ
ุ ิวิวฒั น์
ด.ญ. ลลิดา พรหมทอง
ด.ญ.วชิราภรณ์ จวงงู
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
ม.2/2
เลขที่2
เลขที่7
เลขที่22
เลขที่24
เลขที่28
เลขที่29
เลขที่34
เลขที่35