เวียดนามกับการรับและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน
Download
Report
Transcript เวียดนามกับการรับและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน
สถานภาพความรู้เกี่ยวกับประวัตศิ าสตร์ เวียดนามของคนไทย
คนไทยมีความรูเ้ กีย่ วกับเวียดนามน้อยมาก ไทยกับเวียดนามน่ าจะเริ่มติดต่อกัน
ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 (สมัยอยุธยา) โดยขัดแย้งเรือ่ งเขมร
สมัยต้นรัตนโกสินทร์ องเชืองสือหรือเจ้าเหงียนอันห์แห่งราชวงศ์เหงียนเข้ามาพึง่
พระบรมโพธิสมภารเพือ่ รือ้ ฟื้นราชวงศ์
สมัยพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอยู่หวั ความสัมพันธ์ไทยและเวีย ดนามเป็ น
การแข่งขันช่วงชิงความเป็ นใหญ่เหนือเขมร
เวียดนามในสายตาคนไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระนังเกล้
่ าเจ้าอยูห่ วั ปรากฏในจารึก
พระเชตุพน
“
ภาพญวนเยีย่ งทูตเว้
เครือ่ งแต่งบรรยงขบวน
องนายนังเปลหาม
่
ถือพัดดาด้าจิว้
มายาเหลือแหล่ลน้
ชมแต่ฝีมอื ชาญ
เสพย์สตั ว์จระเข้ของ
เมืองเรียดริมน้ าใช้
เวียดนาม นี้พอ่
แบบงิว้
คนแห่ น่านา
วาดวีฯ
หลายลบอง
ช่างไม้
เขาชอบ ใจนา
เชีย่ วเรือ ฯ”
หนังสืออานามสยามยุทธ
หลังความขัดแย้งไทย-เวียดนามยุตลิ ง ความรูข้ องคนไทยเกีย่ วกับเวียดนามลดน้อยลง
มาก งานศึกษาเกี่ยวกับเวียดนามเป็ นความรูท้ ไ่ี ด้จากการศึกษางานของชาวตะวันตก
เช่ น งานของแฟร์แ บงค์ เรื่อ งเอเชีย ตะวัน ออกยุ ค ใหม่ งานของบัต ติง เจอร์ เรื่ อง
ประวัตศิ าสตร์การเมืองเวียดนาม
งานของนักวิชาการไทยโดยมากศึกษาประวัตศิ าสตร์เวียดนามช่วงอาณานิคมจนได้
อิสระ เช่น งานของสุด จอนเจิดสิน เรื่องประวัตศิ าสตร์เวียดนามตัง้ แต่สมัยอาณานิคม
ฝรังเศสจนถึ
่
งปจั จุบนั ธีระ นุ ชเปี่ยม เรือ่ งเวียดนามหลัง 1975
งานศึกษาประวัตศิ าสตร์เวียดนามก่อนเป็ นอาณานิคมฝรังเศสของนั
่
กวิชาการไทยมีน้อย
มาก เช่น สารนิพนธ์ของประทุม น้อยวัน เรื่องบทบาทและอิทธิพลของลัทธิขงจื่ อทีม่ ตี ่อ
พัฒนาการทางการเมืองและวัฒนธรรมของชาวเวียดนามในสมัยจารีต (มหาวิทยาลัย
ศิลปากร)
บทความ 2 เรื่อ งของอนั น ท์ธ นา เมธานนท์ เรื่อ ง กฎหมายกับ การปฏิรู ป สถาบัน
ครอบครัวในเวียดนามสมัยราชวงศ์เล (ค.ศ.1428-1788) และผู้หญิงกับการเมืองสาย
ตระกูลในราชสานักเวียดนามราชวงศ์หลีและเจิน่ (ค.ศ.1010-1400) และสารนิพนธ์เรื่อง
บทบาทของกลุม่ ลัทธิความเชือ่ ทางศาสนาในโคชินจีนมัยอาณานิคม (ค.ศ.1867-1945) :
กลุม่ เกาได่และกลุม่ ฮัวเหา
่ (มหาวิทยาลัยศิลปากร)
ภูมิหลังของเวียดนามก่ อนตกอยู่ภายใต้ การปกครองของจีน
อาณาจักรโอวหลัก (Au-lac) เป็ นอาณาจักรแรกของเวียดนาม คนจีนเรียก
ั ่ นออกเฉียงใต้วา่ “เยว์” (Yueh) แต่สาเนียงท้องถิน่ คนกลุ่ม
ผูค้ นทีอ่ ยูช่ ายฝงตะวั
นี้เรียกตัวเองว่า “เวียด” เยว์หรือเวียดอยูก่ ระจัดกระจายทางตอนใต้ของจีนเป็ นรัฐ
เล็กรัฐน้อย มีช่อื เรียกว่า “รัฐเยว์ทงั ้ ร้อย” “หนันเยว์” (Nan Yueh) หรือ “นาม
เวียด” มีศนู ย์กลางอยูท่ ก่ี วางตุง้ เป็ นรัฐใหญ่และสาคัญทีส่ ดุ
แผนที่ “หนันเยว์”
ก่อนสถาปนาอาณาจักรโอวหลัก หลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่าอารย
ธรรมของเวียดนามย้อนกลับไปตัง้ แต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลเรียกว่า อารย
ธรรมดองซอน (Dong-Son) มีความรุง่ เรืองมาก
กลองในสมัยดองซอน
ลายที่อยู่บนกลองสมัยดองซอน
สมัย ชิห วังติ
่ (ราชวงศ์จิน๋ ) จัก รพรรดิพ ระองค์แ รกที่ร วบรวมจีน เป็ นปึ ก แผ่ น
ส่งทหารเข้ามาดินแดนเยว์หรือเวียด เนื่องจากดินแดนของเยว์อยู่ทางใต้ของจีน
คุมการค้าทางทะเล และมีทรัพยากรจานวนมากเช่น นอแรด งาช้าง ไข่มุก แต่จนี
ปกครองด้วยความลาบาก
หลังชิหวังติ
่ สวรรคต ราชสานักจีนอยูใ่ นความวุน่ วาย จ้าวทัวซึง่ ได้รบั แต่งตัง้ เป็ นผู้
บัญชาการทหารในดินแดนเยว์ เมื่อปี 201 ก่อนค.ศ. ประกาศตัวเองเป็ นอิสระตัง้
ตนเป็ นกษัตริย์ของราชวงศ์หนันเยว์ มีเมืองหลวงที่กวางตุ้ง จ้าวทั วได้รบั การ
สนับสนุนทัง้ จากชาวจีนทีถ่ กู เนรเทศมาตัง้ ถิน่ ฐานในแคว้นเยว์และพวกเยว์
หลังจ้าวทัวสิน้ พระชนม์ ราชสานักของหนันเยว์ตกอยูภ่ ายใต้อทิ ธิพลจีน (ราชวงศ์
ฮัน)
่ ราชสานักเต็มไปด้วยทีป่ รึกษาจีน กิจการพลเรือนและนิตศิ าสตร์อยูใ่ นความ
รับผิดชอบของข้าราชการราชวงศ์ฮนั ่
การขยายอิทธิพลจีนสู่เวียดนาม
เวียดนามถูกผนวกเข้าเป็ นส่วนหนึ่งของจีนในสมัยราชวงศ์ฮนั ่ เมื่อ 11 ปี ก่อน
ค.ศ. ในช่วงแรกราชวงศ์ฮนยั
ั ่ งไม่ไ ด้ควบคุม มากยังคงให้ปกครองกันเองตาม
ธรรมเนียมของเวียดนาม
ค.ศ.9 หวางหมัง่ แย่ ง ชิง ราชสมบัติจ ากจัก รพรรดิร าชวงศ์ ฮ ัน่ ท าให้ช นชัน้
ปญั ญาชนจานวนมากอพยพมาพึง่ ขุนนางฮันในดิ
่ นแดนทางใต้ คนกลุ่มนี้แต่งงาน
กับหญิงเวียดนามทาให้เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมจีนและเวียดนาม
ค.ศ. 23 หวางหมังถู
่ กโค่นล้มและสถาปนาราชวงศ์ฮนขึ
ั ่ น้ ใหม่ สมัยนี้ สอื กวง นา
วัฒนธรรมจีนมาใช้อย่างมากทัง้ การเปิ ดโรงเรียน บังคับให้ทาพิธแี ต่ งงานแบบจีน
สวมรองเท้าและใส่เครื่องแต่งกายแบบจีน สอนวิธแี ละการพิจารณาความยุ ตธิ รรม
แบบจีน
การปกครองแบบกดขีข่ องข้าราชการราชวงศ์ฮนั ่ ทาให้คนเวียดนามลุกต่อต้าน ใน
ค.ศ.40 สตรีสองพีน่ ้องตระกูลตรึง คือ ตรึงตรักและตรึงหญรี ประกาศตัวเองเป็ น
จัก รพรรดินีขบั ไล่ผู้ว่าราชการมณฑลทหาร ราชสานักจีนส่งขุนพลหม่ าหยวน
ปราบกบฏและใช้นโยบายปกครองเวียดนามอย่างรุนแรงและควบคุมประชาชน
โดยตรงทาให้มปี ฏิกริ ยิ าต่อต้านการปกครองจีนบ่อยครัง้ ในเวียดนาม
สองพี่น้องตระกูลตรึงลุกขึน้ มาต่อสู้และขับไล่ทหารจีน
เวี ย ดนามเป็ นเอกราชจากจี น ในปี ค.ศ. 939 ในช่ ว งปลายราชวงศ์ ถ ั ง
โงเกวี่ยนเป็ นผู้นาและประกาศตนเองเป็ นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรอั นหนัน
(เวียดนาม) แต่บุคคลสาคัญที่รวบรวมแผ่นดินให้เป็ นปึ กแผ่นคือ ดิ งห์โบะหลิง
และประกาศตนเองเป็ นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรไดโกเวียด
เวียดนามตกเป็ นของจีนช่วงสัน้ ๆ อีกครัง้ ในสมัยราชวงศ์หมิงระหว่าง ค.ศ.14071427 ผูน้ าทีต่ ่อสูจ้ นเอาชนะกองทัพจีนได้คอื เลเหล่ย
การรับและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมจีนของเวียดนาม
การปกครอง
- การปกครองของเวียดนามโดยรวมแล้วรับแบบแผนจากจีน เช่น การปกครอง
แบบดึงอานาจเข้าสูศ่ นู ย์กลาง การจัดแบ่งกระทรวงเป็ น 6 กระทรวงคือ
กระทรวงมหาดไทย (Lai) กระทรวงการคลัง (Ho) กระทรวงพิธกี รรม (Le)
กระทรวงกลาโหม (Binh) กระทรวงยุตธิ รรม (Hinh) และกระทรวงโยธา
ธิการ (Cong) มีเสนาบดีเป็ นหัวหน้ารับผิดชอบ แต่ดว้ ยราชสานักเวียดนามมี
ขนาดเล็กกว่าจีนทาให้ขนาดหน่วยงาน จานวนข้าราชการมีความแตกต่างจากจีน
- ข้า ราชการเวียดนามต้องผ่านระบบการสอบซึ่งเวียดนามรับอิทธิพลจากจี น
เช่นกัน การสอบแบ่งเป็ น 3 ระดับ คือ ระดับท้องถิน่ ระดับเมืองหลวง และระดับ
จอหงวนหรือราชสานัก
- จัก รพรรดิเวียดนามยึดธรรมเนี ยมหลายอย่างตามแบบจีน เช่น ธรรมเนี ยม
เกี่ย วกับ พระนามของจัก รพรรดิ แต่ ธ รรมเนี ย มบางอย่า งมีใ ช้เ ฉพาะในสัง ค ม
เวียดนามคือ การสละราชสมบัติของจักรพรรดิในช่วงเวลาหรือช่วงพระชนม์ ท่ี
เหมาะสมให้กบั รัชทายาทหรือหว่างถายตือ๋ (hoang thai tu) ส่วนอดีต
จักรพรรดิอยู่ในฐานะ “ที่ปรึกษา” หรือ “จักรพรรดิอาวุโส” หรือ ถายเถื่องหว่าง
(thai thoung hoang)
กฎหมายและสถานภาพของผูห้ ญิง
ก่ อ นเวี ย ดนามรับ แบบแผนหรื อ ธรรมเนี ย มราชส านั ก จี น มาปฏิ บ ัติ
สถานภาพของผูห้ ญิงเวียดนามมีความสาคัญไม่ต่างจากผูห้ ญิงในเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ เช่น กรณีพน่ี ้องตระกูลตรึงทีไ่ ด้ถอื ว่าเป็ นวีรสตรีของชาติ แต่เมื่ออิทธิพล
จีนเข้ามาสถานภาพของผูห้ ญิงเปลี่ยนไป เช่น ภรรยาต้องทาหน้าทีใ่ นครอบครัว
อย่างเคร่งครัด
วัฒนธรรม
1. การบันทึกประวัติศาสตร์
เวียดนามรับจารีตการเขียนบันทึกประวัตศิ าสตร์ตามแบบจีน มีการบรรยาย
เหตุการณ์ตามเวลาและแทรกด้วยข้อวิจารณ์หรือทัศนะของผูบ้ นั ทึกที่มกั เป็ นการสัง่
สอนหรื อ วิจ ารณ์ ต ามหลัก คุ ณ ธรรมแบบขงจื้ อ เช่ น ได่ เ หวีย ตสื่อ กี๋ บั น ทึ ก
ประวัตศิ าสตร์มหาอาณาจักรเวียด รวบรวมเหตุการณ์ตงั ้ แต่สมัยเจีย่ วหวูเวืองแห่ง
อาณาจัก รนามเวีย ต (Trieu-Vu-Vuong) ถึง จัก รพรรดินี ห ลีเ จี่ย วแห่ ง
ราชวงศ์ ห ลี (Ly-Chieu-Hoang) (207 ปี ก่ อ นคริส ตกาลถึง ค.ศ.1225)
จานวน 30 เล่ม
งานบันทึกประวัติศาสตร์
2. ภาษา/ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือเวียดนามทีเ่ รียกว่าจือ๋ นม ประดิษฐ์ขน้ึ ในคริสต์ศตวรรษที่ 13
โดยใช้อกั ษรจีนมาผสมใหม่ใช้เขียนภาษาเวียดนามพืน้ เมือง เน้นให้สอดคล้องกับ
ความหมายและการออกเสียง นิยมใช้เขียนบทกวีพน้ื บ้าน เริม่ หมดความนิยมใน
สมัยอาณานิคม
ตัวอักษรจื๋อนม
3. การแต่งงาน
ชาวเวีย ดนามมีธ รรมเนี ย มการแต่ ง งานของตนอยู่ก่ อ นแล้ว เช่ น หญิง
เรียกร้องสินสอดจากชาย ซึ่งปรากฏมาตัง้ แต่ก่อนเริม่ คริสต์ศกั ราช แต่เมื่อรับ
อิทธิพลจากจีน เวียดนามก็นามาดัดแปลงผสมผสานจนกลายเป็ นประเพณีการ
แต่งงานของชาวเวียดนามในปจั จุบนั
4. การแต่งกาย
เวียดนามรับมาจากจีนเช่นกัน ในสมัยจักรพรรดิมนิ มางพระองค์ออกกฎหมาย
การแต่งกายของสตรีให้สตรีทางเวียดนามตอนเหนือหันมาสวมกางเกงขายาว
แบบจีนแทนการสวมกระโปรง อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวมีผลต่อการแต่ง
กายของสตรีในเมืองใหญ่ทางตอนเหนือในกลุม่ ภรรยาข้าราชการ พ่อค้ามากกว่า
ชาวนาในชนบทซึง่ มีฐานะยากจน
การแต่งกายของชาวเวียดนาม