chapter8 - UTCC e
Download
Report
Transcript chapter8 - UTCC e
บทที่ 8
การกาหนดราคาและผลผลิตในตลาดแข่งข ันสมบูรณ์
(Price and Output Determination Under Perfect
Competition)
ความหมายของตลาด
ล ักษณะของตลาดแข่งข ันสมบูรณ์
้ อุปสงค์ เสน
้ รายร ับเฉลีย
้ รายร ับ
ล ักษณะของเสน
่ และเสน
หน่วยท้ายสุด
การหาผลผลิตทีท
่ าให้ได้กาไรสูงสุด
ั้
ดุลยภาพในระยะสนของผู
ผ
้ ลิต
ดุลยภาพระยะยาวของผูผ
้ ลิต
ผลของตลาดแข่งข ันสมบูรณ์ทม
ี่ ต
ี อ
่ ระบบเศรษฐกิจ
8.1 ความหมายของตลาด
o
ื้ และผูข
ื้ ขาย
ในทางเศรษฐศาสตร์ ตลาดหมายถึง การทีผ
่ ซ
ู้ อ
้ ายตกลงซอ
ิ ค้าและบริการซงึ่ ก ันและก ัน โดยไม่จาเป็นต้องมีสถานทีใ่ นการซอ
ื้
สน
ขาย หรือไม่ตอ
้ งพบเจอก ัน
o
้ ะไรมาจาแนก
ประเภทของตลาดจาแนกได้หลายล ักษณะ แล้วแต่ใชอ
่ จาแนกตามสถานที่ จาแนกตามเวลา จาแนกตามชนิด
ประเภท เชน
ิ ค้า จาแนกตามผลผลิต
สน
o
ิ ค้าในตลาด น ักเศรษฐศาสตร์
ในการวิเคราะห์เรือ
่ งการกาหนดราคาสน
แบ่งตลาดออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่
o ตลาดแข่งข ันสมบูรณ์
o ตลาดแข่งข ันไม่สมบูรณ์ แบ่งออกเป็น ตลาดผูกขาดแท้จริง ตลาด
ผูข
้ ายน้อยราย และตลาดกึง่ แข่งข ันกึง่ ผูกขาด
โครงสร้างของตลาดและการกาหนดราคาในทางทฤษฎี
โครงสร้างตลาดแบ่งตามผูข
้ าย
ตลาดแข่งข ันสมบูรณ์
ตลาดแข่งข ันไม่สมบูรณ์
(perfectly competitive market)
(imperfectly competitive market)
ตลาดกึง่ แข่งข ันกึง่ ผูกขาด
(Monopolistic Competition
ตลาดผูข
้ ายน้อยราย
(Oligopoly)
ตลาดผูกขาดแท้จริง
(Pure Monopoly)
8.2 ล ักษณะของตลาดแข่งข ันสมบูรณ์
ื้ และผูข
ื้ และผูข
o มีผซ
ู้ อ
้ ายเป็นจานวนมาก ผูซ
้ อ
้ ายเป็น
Price taker
o
o
o
o
ิ ค้าทีน
สน
่ ามาขายในตลาดจะมีล ักษณะทีเ่ หมือนก ัน
ผูผ
้ ลิตและผูข
้ ายสามารถเข้าออกจากตลาดโดยเสรี
ิ ค้าและปัจจ ัยการผลิตสามารถโยกย้ายได้อย่างเสรี
สน
ื้ และผูข
ผูซ
้ อ
้ ายมีความรู ้ และร ับทราบข่าวสารและ
ข้อมูลเป็นอย่างดี
้ อุปสงค์ เสน
้ รายร ับเฉลีย
8.3 ล ักษณะของเสน
่
้ รายร ับหน่วยท้ายสุด
และเสน
P
P1
P
P
S
P1
E1
P
E
D1=P1=AR1=MR1
D=P=AR=MR
D1
D
0
Q
อุปสงค์ของตลาด
0
Q
อุปสงค์ของผู ้ขายแต่ละราย
8.4 การหาผลผลิตทีท
่ าให้ได้กาไรสูงสุด
ั้
การหาผลผลิตทีท
่ าให้กาไรสูงสุดในระยะสน
การหาผลผลิตทีท
่ าให้กาไรสูงสุดในระยะยาว
ั้
ทงระยะส
ั้
นและระยะยาวจะแยกพิ
จารณาได้ 2 กรณี คือ
วิธรี วม (Total Approach)
วิธส
ี ว่ นเพิม
่ (Marginal Approach)
ั้
1) การหาผลผลิตทีท
่ าให้กาไรสูงสุดในระยะสน
กาไรของผูผ
้ ลิต คือการทีผ
่ ผ
ู ้ ลิตมีรายร ับรวมมากกว่าต้นทุนรวม
โดยที่
= TR – TC
= กาไร
TR = รายร ับรวม
TC = ต้นทุนรวม
ระด ับผลผลิตทีก
่ าไรสูงสุด เป็นดุลยภาพของผูผ
้ ลิต เมือ
่ ผูผ
้ ลิตแต่ละ
ิ ค้า/อุตสาหกรรม ก็จะได้ดล
รายได้ดล
ุ ยภาพ ตลาดของสน
ุ ยภาพด้วย
วิธรี วม (Total Approach)
รายรับ, ต ้นทุน
TC
TR
กาไร = TR – TC
หาระด ับผลผลิตซงึ่ TR ห่าง
A
จาก TC มากทีส
่ ด
ุ
B
่ งที่ TR>TC มากทีส
ชว
่ ด
ุ
กาไรสูงสุด
slope TR= slope TC
โดย TR อยู่ เหนือ TC
0
กาไร
Q
Q1
Q2
Q
หรือ MR= MC
่ งที่
ต้นท
ุ นรวมอยูใ่ นชว
้ ในอ ัตราทีเ่ พิม
้
เพิม
่ ขึน
่ ขึน
0
Q
Q1 Q2
Q
วิธรี วม (Total Approach)
้ TR อยูต
้
ในกรณีทเี่ สน
่ า
่ กว่าเสน
้ แสดงว่าผูผ
TC ทงเส
ั้ น
้ ลิตขาดทุน
หากผูผ
้ ลิตทาการผลิตต่อไป ควร
ผลิตทีร่ ะด ับผลผลิตทีข
่ าดทุนน้อย
ทีส
่ ด
ุ คือ TR อยูต
่ า
่ กว่า TC และ
ห่างก ันน้อยทีส
่ ด
ุ
ระด ับผลผลิตทีข
่ าดทุนน้อยทีส
่ ด
ุ
อยูท
่ ี่ OQ1 หน่วย slope TR =
slope TC
้ กาไร () อยูต
เสน
่ า
่ กว่าแกนนอน
คือเป็นลบ
้ กาไรอยูใ่ กล้แกน
ที่ Q1 หน่วย เสน
นอนมากทีส
่ ด
ุ คือ ขาดทุนน้อย
ทีส
่ ด
ุ หากมีการผลิต
TR, TC
TC
TR
A
B
0
Q
กาไร
Q1
Q
0
Q1
Q
Q
่ นเพิม
วิธส
ี ว
่ (Margimal Approach)
ระด ับการผลิตทีไ่ ด้กาไร
สูงสุด คือ การผลิตที่
่ งที่ MC
MC=MR ในชว
้
กาล ังเพิม
่ ขึน
ผูผ
้ ลิตมีกาไรสูงสุดที่
OQ2 หน่วย ซงึ่
MC=MR ขณะที่ MC
้
กาล ังเพิม
่ ขึน
MC, MR
MC
P
0
D=AR=MR=P
Q1
Q2
ขณะที่ MR>MC ผูผ
้ ลิตจะได้กาไร หากขยายการผลิตออกไป
แต่ถา้ เลยระด ับ OQ2 กาไรจะ หากย ังทาการผลิตอยู่
สว่ นการผลิตที่ OQ1 หน่วย MC=MR แต่เป็นปริมาณผลผลิตที่
ขาดทุนมากทีส
่ ด
ุ
Q
2) การหาผลผลิตทีท
่ าให ้กาไรสูงสุดในระยะยาว
วิธรี วม (Total Approach)
ผลผลิตทีผ
่ ู ้ผลิตมีกาไรสูงสุด อยู่ ณ ปริมาณผลผลิตที่ TR ห่าง
จาก TC มากทีส
่ ด
ุ และ slope TR = slope TC
LTC
รายรับ, ต ้นทุน
TR
A
B
0
Q
Q
การผลิตทีไ่ ด ้กาไรสูงสุด คือ OQ หน่วย กาไร=AB
ซงึ่ ณ Q นี้ slope TR= slope LTC และห่างกันมากทีส
่ ด
ุ
่ นเพิม
วิธส
ี ว
่ (Marginal Approach)
ระดับการผลิตทีไ่ ด ้กาไรสูงสุดในระยะยาว คือที่ LMC=MR
ในชว่ งที่ LMC กาลังเพิม
่ ขึน
้
รายรับ, ต ้นทุน
LMC
D = AR = MR = P
P
0
Q
Q
ปริมาณการผลิตทีไ่ ด ้กาไรสูงสุดคือ OQ หน่วย
ั้
8.5 ดุลยภาพในระยะสนของผู
ผ
้ ลิต
ั ้ พิจารณาโดยวิธ ี Marginal Approach
ดุลยภาพในระยะสน
การกาหนดปริมาณผลผลิตทีก
่ าไรสูงสุด
ปริมาณผลผลิตทีก
่ าไรสูงสุด คือ ณ ผลผลิตที่ MC = MR
ราคา, รายรับ, ต ้นทุน
P
P0
0
MC
E
AC
D=AR=MR=P
F
Q
Q
ั ้ ของผู ้ผลิต คือ จุดที่ MC=MR ทีป
ดุลยภาพในระยะสน
่ ริมาณผลผลิต OQ
หน่วย ณ ระดับนี้ ผู ้ผลิตได ้กาไรสูงสุด
TR = OPEQ TC = OP0FQ
กาไร = TR–TC = OPEQ– OP0FQ= P0PEF
กาไรปกติและกาไรเกินปกติ
กาไรทางเศรษฐศาสตร์
กาไรปกติ (Normal Profit)
ี โอกาสมาคิดรวมในต้นทุน
เป็นกาไรซงึ่ นาเอาต้นทุนค่าเสย
หาก TR = TC เรียกว่ามีกาไรปกติ (Normal Profit) หรือกาไร
ทางเศรษฐศาสตร์เท่าก ับ 0 เพราะได้รวมกาไรทีค
่ วรได้ร ับในฐานะ
ผูป
้ ระกอบการเข้าไว้แล้วในต้นทุน
ั้
ในระยะสนแม้
ผผ
ู ้ ลิตไม่มก
ี าไรปกติ ก็อาจทาการผลิตต่อเพราะจะ
่ ยลดการขาดทุนต้นทุนคงทีบ
ชว
่ างสว่ น
ในระยะยาว ถ้าผูผ
้ ลผลิตไม่ได้กาไรปกติ จะเลิกทาการผลิต
กาไรเกินปกติ (Excess Profit)
เป็นกาไรทีแ
่ ท้จริงทางเศรษฐศาสตร์ เกิดเมือ
่ TR > TC เรียกว่ามี
กาไรทางเศรษฐศาสตร์
ั้ ตลาดแข่งข ันสมบูรณ์จะมี Excess Profit
ในระยะสน
แต่ในระยะยาว กาไรเกินปกติจะทาให้ผผ
ู ้ ลิตรายใหม่เข้ามาแข่งข ัน
กาไรเกินปกติจงึ หมดไป ผูผ
้ ลิตได้ร ับเพียงกาไรปกติเท่านน
ั้
ราคา, รายรับ, ต ้นทุน
MC
ราคา, รายรับ, ต ้นทุน
MC
AC
AC
P
E
D=AR=MR
P
P1
Break - even Point
0
Q
Q
ผูผ
้ ลิตได้กาไรปกติ ผลิตที่ OQ
หน่วย (MC=MR ทีจ
่ ด
ุ E)
TR=TC = OPEQ ผูผ
้ ลิตจึงมี
เพียงกาไรปกติ จุดผลิตนีเ้ รียกว่า
จุดคุม
้ ทุน (Break-even Point)
ซงึ่ อยู่ ณ จุดตา
่ สุดของ AC
0
E
D=AR=MR
F
Q
Q
ผูผ
้ ลิตมีกาไรเกินปกติ ผลิตที่ OQ
หน่วย (MC=MR ทีจ
่ ด
ุ E)
TR=OPEQ และ TC=OP1FQ
TR>TC ผูผ
้ ลิตจึงมี Excess Profit
=P1PEF จุดการผลิตที่ MC=MR
อยูส
่ ง
ู กว่า AC หรือจุด Break-even
ั้
ิ ใจหยุดผลิตในระยะสนเมื
การต ัดสน
อ
่ เกิดการขาดทุน
ั้ ผูผ
ในระยะสน
้ ลิตอาจขาดทุนหาก TR < TC ผูผ
้ ลิตอาจผลิตต่อ
หรือเลิกผลิต หรือทาอย่างไรให้ขาดทุนน้อยทีส
่ ด
ุ
o ถ้า P=AR >AVC ผูผ
้ ลิตย ังคงทาการผลิตต่อไปแม้จะขาดทุน
เพราะสามารถชดเชย TFC บางสว่ น ทาให้ขาดทุนน้อยลงไปได้
o ถ้า P=AR <AVC ผูผ
้ ลิตจะเลิกทาการผลิต เพราะหากทาการ
ผลิตแล้ว นอกจากขาดทุน TFC ย ังขาดทุนไปถึง TVC ด้วย
o ถ้า P=AR=AVC ผูผ
้ ลิตทาการผลิตหรือไม่ก็ได้ เพราะผลิต
หรือไม่ผลิตก็ขาดทุนเท่าก ับ TFC ซงึ่ เป็นจุดปิ ดโรงงาน (Shut-
Down Point) จะอยู่ ณ จุดตา
่ สุดของ AVC
ราคา, รายรับ, ต ้นทุน
MC
P1
P
P2
0
AC
AVC
K
E
D=AR=MR=P
F
Q
Q
ผูผ
้ ลิตขาดทุนแต่ย ังผลิต เพราะสามารถชดเชยการขาดทุน TFC
บางสว่ นได้
ดุลยภาพอยูท
่ จ
ี่ ด
ุ E ทาการผลิต OQ หน่วย
TR = OPEQ
TC = OP1KQ
ขาดทุน = PP1KE ซงึ่ น้อยกว่า TFC ( P2P1KF)
ราคา, รายรับ, ต ้นทุน
MC
AC
AVC
F
P1
P
E
D=AR=MR=P
Shut-down Point
0
Q
Q
เป็นกรณีทผ
ี่ ผ
ู ้ ลิตขาดทุน = TFC ดุลยภาพอยูท
่ จ
ี่ ด
ุ E ทาการผลิต OQ หน่วย
TR = OPEQ
TC = OP1FQ
ขาดทุน = PP1FE = TFC
การผลิต ณ จุด E นีเ้ ป็นจุดทีเ่ รียกว่าจุดปิ ดโรงงาน (shut-down point) อยู่ ณ
จุดตา่ สุดของ AVC
เป็นกรณีทผ
ี่ ผ
ู ้ ลิตไม่ทาการผลิตเนือ
่ งจากขาดทุน > TFC
ดุลยภาพอยูท
่ จ
ี่ ด
ุ E ทาการผลิต OQ หน่วย
TR = OPEQ
TC = OP2KQ
ขาดทุน = PP2KE > TFC (= P1P2KF)
้ ยูต
โดยขาดทุนมากกว่า TFC = PP1FE จุดการผลิตนีอ
่ า
่ กว่าจุดปิ ดโรงงาน
ราคา, รายรับ, ต ้นทุน
MC
P2
K
P1
P
F
0
Q
E
AC
AVC
D=AR=MR=P
Q
ั้
อุปทานของผู ้ผลิตในระยะสน
ั้ ผูผ
ระยะสน
้ ลิตในตลาดแข่งข ันสมบูรณ์ทาการผลิตเพือ
่ ได้กาไรสูงสุดที่
MC=MR ซงึ่ อาจได้กาไรหรือขาดทุน จากดุลยภาพการผลิตต่างๆ สามารถ
้ อุปทานของผูผ
ั้
สร้างเสน
้ ลิตแต่ละรายในระยะสนได้
ราคา,รายรับ,ต ้นทุน
P
S
MC
P
P
P1
P2
P3
P1
P2
P3
0
D3
D2
D1
D
Q 0
E
E3
E1
E2
Q3Q2Q1Q
AC
D
AVC
D1
D2
D3
Q
ิ คือเสน้ D ดุลยภาพอยูท
ิ ค ้า OQ หน่วย
ถ ้า P ตลาด=OP เสน้ D ทีผ
่ ู ้ผลิตเผชญ
่ จ
ี่ ด
ุ E ผลิตสน
ิ จะเปลีย
ถ ้า D เป็ น D1D3 เสน้ D ทีผ
่ ู ้ผลิตเผชญ
่ นเป็ น D1D3 ดุลยภาพการผลิตเปลีย
่ น
จาก EE3 Q เปลีย
่ นจาก QQ3 คือผลิตลดลง
จุด E3 เป็ นจุด Shut-down Point หาก P ตา่ กว่าจุด E3 ผู ้ผลิตจะไม่ทาการผลิต
้ MC
้ ไปตามเสน
ผูผ
้ ลิตทาการผลิตตงแต่
ั้
จด
ุ E3 ขึน
้ อุปทานของผูผ
ั้ จึงเป็น เสน
้ MC ทีอ
้ ไป
เสน
้ ลิตในระยะสน
่ ยูเ่ หนือจุดตา่ สุดของ AVC ขึน
้ อุปทานระยะสนของอุ
ั้
เสน
ตสาหกรรมทาโดยรวม MC ของผูผ
้ ลิตแต่ละราย
เข้าด้วยก ันตามแนวนอน
P
P
SMC1
P
P
P
P
0
Q1
Q
0
SM
SMC2
Q2
Q
0
Q 1+ Q 2
Q
ทีร่ าคาตลาด=OP บาท ผู ้ผลิตรายที่ 1 ผลิต OQ1 หน่วย ผู ้ผลิตรายที่ 2 ผลิต OQ2
ั ้ ของอุตสาหกรรมทีร่ าคา OP บาท คือ OQ1+OQ2
หน่วย อุปทานระยะสน
้ ปทานของ
เมือ
่ รวมอุปทานของผู ้ผลิตทุกรายในแต่ละระดับราคา จะได ้เสนอุ
อุตสาหกรรม (สมมติวา่ ราคาปั จจัยการผลิตไม่เปลีย
่ นแปลงเมือ
่ เพิม
่ การผลิตในตลาด)
แต่หากผู ้ผลิตต ้องการใชปั้ จจัย จนราคาปั จจัยสูงขึน
้ เมือ
่ รวมอุปทานของหน่วย
้ ปทานของอุตสาหกรรมจะมีคา่ slope มากกว่า
ผลิตแต่ละรายเข ้าด ้วยกัน เสนอุ
้ ปทานในกรณีทรี่ าคาปั จจัยคงที่
(คือมีคา่ ความยืดหยุน
่ ของอุปทานน ้อยกว่า) เสนอุ
8.6 ดุลยภาพระยะยาวของผูผ
้ ลิต
ดุลยภาพระยะยาวของตลาดแข่งข ันสมบูรณ์ มีเงือ
่ นไข 2 ประการ
การได้กาไรสูงสุด ณ MC=MR ในระยะยาว ดุลยภาพอยูท
่ ี่
LMC=MR=P
ผูผ
้ ลิตสามารถเปลีย
่ นแปลงขนาดของโรงงานได้ หรือจะเลิกผลิตถ้า
ิ ค้าในระยะยาวต้องเท่าก ับต้นทุนต่อ
เห็นว่าไม่คม
ุ ้ ทุน ด ังนนราคาส
ั้
น
้ นาดของโรงงานทีเ่ ป็น Optimum
หน่วยทีต
่ า
่ สุด และผูผ
้ ลิตจะใชข
Size ซงึ่ อยู่ ณ จุดตา
่ สุดของ LAC และ SMC=LMC
ั้ วย
เมือ
่ ได้ดล
ุ ยภาพระยะยาวจะต้องได้ดล
ุ ยภาพระยะสนด้
ั้ ไม่จาเป็นต้องอยูใ่ นดุลยภาพระยะยาว
แต่การได้ดล
ุ ยภาพระยะสน
เพราะเมือ
่ P>LAC ทีต
่ า
่ สุดในระยะยาว ผูผ
้ ลิตมีกาไรเกินปกติ (Excess
้ ทาให้ราคา
Profit) จะจูงใจให้ผผ
ู ้ ลิตรายใหม่เข้ามาแข่งข ันมากขึน
จนเท่าก ับ LAC ตา
่ สุด แต่ถา้ P < LAC ทีต
่ า
่ สุด ผูผ
้ ลิตบางรายจะออก
จากอุตสาหกรรม จานวนผูผ
้ ลิต ทาให้ P จนเท่าก ับ LAC ตา
่ สุด
ในระยะยาวจึงต้องผลิตทีจ
่ ด
ุ ตา
่ สุดของ LAC
ดุลยภาพระยะยาว
ผูผ
้ ลิตใชโ้ รงงานทีม
่ ข
ี นาดทีเ่ หมาะสม (LAC=SAC)
ผูผ
้ ลิตทาการผลิต ณ ระด ับผลผลิตทีเ่ หมาะสมทีส
่ ด
ุ
ผูผ
้ ลิตได้ร ับเพียงกาไรปกติ
ราคา, รายรับ, ต้นทุน
LMC
SMC
SAC
P
LAC
E
D=AR=MR=P
Q
Q
้ ที่ LMC=MR=P คือจุด E โดยผลิต OQ หน่วย
ดุลยภาพระยะยาวเกิดขึน
ณ จุดนี้ SMC=LMC=LAC=SAC=MR
ขนาดของโรงงาน ณ จุดตา
่ สุดของ LAC เป็น Optimum Size
ผูผ
้ ลิตมีเพียงกาไรปกติเท่านน
ั้ โดย TR = TC = OPEQ
0
8.7 ผลของตลาดแข่งข ันสมบูรณ์ทม
ี่ ต
ี อ
่ ระบบเศรษฐกิจ
้ นาดของโรงงานทีม
หน่วยผลิตใชข
่ ี AC ตา
่ สุด แสดงถึงความมี
ิ ธิภาพสูงสุดในการผลิต โดยผลิตทีจ
ประสท
่ ด
ุ ตา
่ สุดของ LAC
ในระยะยาวหน่วยผลิตมีเพียงกาไรปกติ (P=LAC) ทาให้ทงั้
หน่วยผลิตเดิมและหน่วยผลิตใหม่ไม่มก
ี ารโยกย้ายออกหรือเข้า
จากอุตสาหกรรม ไม่มก
ี ารเคลือ
่ นย้ายปัจจ ัย การจ ัดสรร
ิ ธิภาพ
ทร ัพยากรจึงเป็นไปอย่างมีประสท
ิ ค้าในตลาดแข่งข ันสมบูรณ์ P=MC (D=S) แสดงว่า
ราคาสน
้ื สน
ิ ค้าทีท
ิ ค้า
จานวนสน
่ าการผลิตเท่าก ับความต้องการในการซอ
ั
่ ก ัน
พอดี คนในสงคมจึ
งได้ร ับประโยชน์สง
ู สุดเชน
ิ ค้ามีล ักษณะเป็น Homogenous
ในตลาดแข่งข ันสมบูรณ์ สน
ิ ค้า จึงไม่เกิดการ
Product หน่วยผลิตไม่จาเป็นต้องโฆษณาสน
ิ้ เปลืองทร ัพยากร
สน