ฐานข้อมูล - มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์

Download Report

Transcript ฐานข้อมูล - มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์

LOGO
บทที่ 2
องค์ ประกอบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ ?
ความหมายของคอมพิวเตอร์
 คอมพิวเตอร์ (Computer)
คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์
(Electronic device) ที่มนุษย์ใช้เป็ นเครื่ องมือในการจัดการ
กับข้อมูล (Data) ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรื อสัญลักษณ์อื่นที่ใช้แทน
ความหมายในสิ่ งต่าง ๆ โดยปฏิบตั ิงานภายใต้การควบคุมของชุดคาสัง่ ที่
อยูใ่ นหน่วยความจาของคอมพิวเตอร์เอง เพื่อทาการคานวณและ
แสดงผลลัพธ์ออกทางอุปกรณ์แสดงผล
ประวัติความเป็ นมาของคอมพิวเตอร์
 1) คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 1 (1937-1953)
คอมพิวเตอร์ในยุคนี้ใช้หลอดสุ ญญากาศและรี เลย์เป็ นอุปกรณ์หลักในวงจร
แทนแบบจักรกล โดยหลักการแล้วการทางานของสวิซไฟฟ้ า (เปิ ด-ปิ ด
วงจร)
2 คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 2 (1954-1962)
ยุคนี้เริ่ มในปี ค.ศ. 1954 หรื อประมาณปี พ.ศ. 2498-2507 ในยุคนี้ได้มี
การริ เริ่ มนาเอาทรานซิ สเตอร์ (Transistor) และไดโอด (Diodes) มาใช้
แทนหลอดสูญญากาศ
3 คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 3 (ปี ค.ศ. 1963-1972)
 เริ่ มในปี ค.ศ. 1963 ในยุคนี้มีการนาเอาวงจรผนึกมาใช้แทน
ทรานซิสเตอร์ ทาให้คอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดเล็กลงไปอีก ความเร็ วก็
สูงขึ้นและราคาก็ลดลงไปอีก
4 คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 4 (ปี ค.ศ. 1972-1984)
 เริ่ มตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 มีการนาเอาแผงวงจรรวมมาใช้แทนวงจรผนึก
และมีการปรับปรุ งอุปกรณ์อื่น ๆ ให้มีความสามารถสูงขึ้น จึงทาให้
คอมพิวเตอร์สามารถทางานได้เร็ วขึ้น นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยน
หน่วยความจาจากวงแหวนแม่เหล็กมาเป็ นหน่วยความจาสารกึ่งตัวนา มี
การผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ข้ ึนทาให้มีการสร้างคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง
(Minicomputer) และขนาดเล็ก (Microcomputer)
5 คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 5 - (ปี ค.ศ. 1984-1990)
 การพัฒนาคอมพิวเตอร์ในยุคนี้เน้นในด้านการประมวลผลแบบขนาน
(parallel processing) โดยมองเห็นรู ปแบบการที่มีตวั
ประมวลผลหลาย ๆ ตัวช่วยกันประมวลผลพร้อมกันเพื่อเพิ่มความเร็ ว
คอมพิวเตอร์ ยุคที่ 6 (ปี ค.ศ. 1990- ปัจจุบนั )
1) การพัฒนาด้านการผลิตของอุตสาหกรรม การตลาด ธุรกิจ
2) การพัฒนาทางด้านการติดต่อสื่ อสารระหว่างประเทศ
3) การช่วยเหลือทางด้านการประหยัดพลังงาน
4) การแก้ไขปัญหาของสังคม การศึกษา การแพทย์
ประเภทของคอมพิวเตอร์
แบ่ งตามลักษณะของข้ อมูล ได้ 3 ประเภท คือ
1.อนาลอกคอมพิวเตอร์ (Analog Computer)
2.ดิจิทลั คอมพิวเตอร์ (Digital Computer)
3.ไฮบริดคอมพิวเตอร์ (Hybrid Computer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 อนาลอกคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์
ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ (Digital Computer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 ไฮบริดคอมพิวเตอร์ (Hybrid Computer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 แบ่ งตามสมรรถนะ ขนาดและราคา ได้ 5 ประเภท คือ
1. ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
2. เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
4. เวิร์คสเตชันคอมพิวเตอร์ (Workstation Computer)
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 ซูเปอร์ คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe Computer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 เวิร์คสเตชันคอมพิวเตอร์ (Workstation Computer)
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
องค์ ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
Hardware
Software
People ware
Documentation/
Procedure
Data/
Information
20
การจัดการฐานข้ อมูล
ฐานข้อมูล ?
การจัดการฐานข้ อมูล
 ฐานข้ อมูล (database) หมายถึง กลุ่มของข้ อมูลทีถ่ ูก
เก็บรวบรวมไว้ โดยมีความสั มพันธ์ ซึ่งกันและกัน
เพือ่ ลดความซ้าซ้ อนของข้ อมูลและเก็บข้ อมูลเหล่ านี้
ไว้ ทศี่ ูนย์ กลาง เพือ่ ทีจ่ ะนาข้ อมูลเหล่ านีม้ าใช้ ร่วมกัน
การจัดการฐานข้ อมูล
การจัดการฐานข้ อมูล(Database Management)
คือ การบริหารแหล่ งข้ อมูลทีถ่ ูกเก็บรวบรวมไว้ ที่
ศูนย์ กลาง เพือ่ ตอบสนองต่ อการใช้ งานอย่ างมี
ประสิ ทธิภาพและลดการซ้าซ้ อนของข้ อมูล รวมทั้งลด
ความขัดแย้ งของข้ อมูลทีเ่ กิดขึน้ ภายในองค์ กรด้ วย
การจัดการฐานข้ อมูล
ตัวอย่างฐานข้ อมูล
ฐานข้ อมูลผู้ใช้ โทรศัพท์
ฐานข้ อมูลหนังสือ-วารสารในห้ องสมุด
 ฐานข้ อมูลนักศึกษา
ฐานข้ อมูลประชากร
ฐานข้ อมูลศิลปวัฒนธรรมไทย
ฐานข้ อมูลงานวิจัย
การจัดการฐานข้ อมูล
ระบบการจัดการฐานข้ อมูล
(Database Management System: DBMS)
โปรแกรมทีท่ าหน้ าทีใ่ นการกาหนดลักษณะข้ อมูลทีจ่ ะเก็บไว้ ใน
ฐานข้ อมูล อานวยความสะดวกในการบันทึกข้ อมูลลงในฐานข้ อมูล
กาหนดผู้ทไี่ ด้ รับอนุญาตให้ ใช้ ฐานข้ อมูลได้
 โปรแกรมที่ได้รับความนิยมในการจัดการ
ฐานข้อมูล
Microsoft Access dBase
FoxPro
Oracle
Informix
Paradox
26
 ความสาคัญของระบบฐานข้ อมูล




จัดเก็บและบันทึกข้ อมูล (Data Storage)
ลดความซ้าซ้ อนของข้ อมูล (Reduce Data Redundancy)
สามารถใช้ ข้อมูลร่ วมกันได้ (Data Concurrency)
ลดความขัดแย้ งหรือแตกต่ างกันของข้ อมูล (Reduce Data
Inconsistency)
 ป้องกันการแก้ไขข้ อมูลต่ างๆ (Protect Data Editing)
 ความถูกต้ องของข้ อมูลมีมากขึน้ (Data Accuracy)
การจัดการฐานข้ อมูล
 สะดวกในการสืบค้นข้ อมูล (Data Retrieval or Query)
 ป้องกันการสู ญหายของข้ อมูล หรือฐานข้ อมูลถูกทาลาย (Data
Security)
 เกิดการประยุกต์ ใช้ ระบบสารสนเทศ (Apply Information System)
การจัดการฐานข้ อมูล
โครงสร้ างข้ อมูล (File Structure)
โครงสร้ างข้ อมูล หมายถึง ลักษณะการจัดแบ่ งพิกดั ต่ าง
ๆ ของข้ อมูลสาหรับแต่ ละระเบียน (Record) ใน
แฟ้ มข้ อมูลเพือ่ ให้ คอมพิวเตอร์ สามารถรับไป
ประมวลผลได้
ลาดับจากหน่ วยเล็กทีส่ ุ ดไปใหญ่ ทสี่ ุ ด
หน่ วยข้ อมูล ของคอมพิวเตอร์
Size
Max
7- 8 Bit = 1 Byte
Bit
Byte
Field,Word
Record
File
Database
Bit (Binary Digit) ระบบเลขฐาน 2
 0 (ปิ ด)
 1 (เปิ ด)
31
การจัดการฐานข้ อมูล
ไบท์ (Byte)หรือ ตัวอักษร (Character)
7-8 Bits = 1 Byte = 1 Character
- ตัวเลข 0-9
- ตัวอักษร A-Z
- สัญลักษณ์ พิเศษ $,&,+,*,/
การจัดการฐานข้ อมูล
ตัวอย่ าง
INFORMATION = 11 Byte
IT_108(S) = 9 Byte
เมื่อ 8 Bit = 1 Byte
IT_108(S) = 9 x 8 = 72 Bit
การจัดการฐานข้ อมูล
เขตข้ อมูล (Field) หรือ คา (Word)
หน่ วยข้ อมูลทีน่ าอักษรมารวมกันแล้ ว
ก่อให้ เกิดความหมาย
การจัดการฐานข้ อมูล
ระเบียนข้ อมูล (Record)
หน่ วยของข้ อมูลทีม่ กี ารนาเอาเขตข้ อมูลที่
เกีย่ วข้ องหรือสั มพันธ์ กนั มารวมกัน
ลาดับ รหัสนักศึกษา
ชื่อ-นามสกุล
ทีอ่ ยู่
คณะ
1
4720249001 ศศิ ปัญญาดี
กรุงเทพฯ
2
4730279017 อภิชาติ รักเรียน
สมุทรปราการ วิทยาศาสตร์
3
4710078146 จุฑามาศ จงดี
นนทบุรี
4
4720566387 กาญจนา กล้ าหาญ สุ พรรณบุรี
มนุษยศาสตร์
วิทยาการจัดการ
ครุศาสตร์
แฟ้ มข้อมูล (File)
หน่วยข้อมูลที่รวบรวม
ระเบียนข้อมูลหลายๆ
ระเบียนที่มีสมั พันธ์กนั
มารวมกัน
37
ฐานข้ อมูล (Database)
: คือ หน่ วยของข้ อมูลทีม่ กี ารนา
แฟ้มข้ อมูล
หลายๆ แฟ้ม ที่มีความสั มพันธ์ กนั มา
รวมกัน
38
บุคลากรทีท่ าหน้ าทีใ่ นการออกแบบ
ฐานข้ อมูล แบ่ งเป็ น 3 ฝ่ าย คือ
1. ผู้บริหารฐานข้ อมูล
(Data Base Administrator : DBA) และ
ผู้บริหารข้ อมูล (Data Administrator : DA)
39
2. นักวิเคราะห์ ระบบ (Systems Analysts)
นักเขียนโปรแกรม (Programmer)
3. ผู้ใช้ (End-User)
40
คุณสมบัตขิ องฐานข้ อมูลทีด่ ี
เกีย่ วข้ องกับเรื่องทีเ่ ราสนใจจะทราบ
สมบูรณ์ (Complete)
เป็ นปัจจุบัน (Update)
ถูกต้ อง (Accuracy)
ค้นหาได้ สะดวก (Retrieve or Query)
41
การประยุกต์ ใช้ ฐานข้ อมูลในงานต่ างๆ
1. งานบุคลากร
2. งานทะเบียนนักศึกษา
3. งานซื้อขายสินค้าในห้ างสรรพสิ นค้า
42
7.2 การสื บค้ นสารสนเทศ
7.2.1 บริการสื บค้ นบัตรรายการ
ผ่ านระบบเครือข่ าย
บริการฐานข้ อมูลระบบห้ องสมุดอัตโนมัติ
(VTLS : Virginia Technology Library System)
ของมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบูรณ์
43
วิธีการใช้ บริการฐานข้ อมูล VTLS
มีข้นั ตอนดังต่ อไปนี้
1. เข้ าไปทีเ่ ว็บไซต์ ของสานักวิทยบริการ
มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์
http://aritc.pcru.ac.th/lib/
44
45
48
49
52
ABI/Inform
บทความจากวารสาร
ทางด้ านบริหารธุรกิจ
และการจัดการ
Abstract
& Full text
53
CABI Abstracts
ด้ านการเกษตร เทคโนโลยีการอาหาร
และคหกรรมศาสตร์
Abstract
54
Dissertation Abstract Online (DAO)
วิทยานิพนธ์ จากมหาวิทยาลัยประเทศแถบ
อเมริกาเหนือ ยุโรปและอัฟริกา
Abstract
55
Emerald Insight
ด้ านการบริหารจัดการ
Abstract
& Full text
56
Springer
ด้ านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ กฎหมาย
และเศรษฐศาสตร์
Abstract
& Full text
57
Gale Online Databases
ด้ านมานุษยวิทยาและคอมพิวเตอร์
Abstract
& Full text
58
Gale’s Computer Database
ด้ านคอมพิวเตอร์
Abstract
& Full text
59
H.W. Wilson Education
ด้ านการศึกษา วิทยาศาสตร์
Abstract
& Full text
60
VTLS
บริการสื บค้ นฐานข้ อมูลบัตรรายการ
หนังสื อวารสารและสื่ อสิ่ งพิมพ์ต่างๆ ใน
สานักวิทยบริการ ผ่ านระบบเครือข่ าย
(Online OPAC)
61
กฤตภาค (Clippings)
คือ ข่ าวสาร บทความ สาคัญ ๆ
และน่ าสนใจ โดยตัดจากหนังสื อพิมพ์
วารสาร นิตยสาร
หรือเอกสารอืน่ ๆ
ทีม่ ปี ระโยชน์ ต่อผู้ใช้
62
Blackboard
โปรแกรมสาหรับ
การเรียนการสอน
ผ่ านอินเทอร์ เน็ต
โดยอาจารย์ ผู้สอน
ในแต่ ละวิชาเป็ นผู้จดั ทาบทเรียนลงในโปรแกรม
โดยการนาเสนออยู่ในรู ปของ WebPages
63
สถาบันบริการสารสนเทศ
คือ แหล่ งรวบรวมสารสนเทศต่ างๆ ซึ่ง
ทาหน้ าที่จัดเก็บสารสนเทศอย่ างมีระบบ
ให้ บริการและเผยแพร่ สารสนเทศได้
อย่ างมีประสิ ทธิภาพ
64
ประเภทของสถาบันบริการสารสนเทศ
1) ห้ องสมุด (Library)
ห้ องสมุดโรงเรียน (School Library)
ห้ องสมุดวิทยาลัยและมหาวิทยาลัย
(Academic Library)
65
ห้ องสมุดเฉพาะ (Special Library)
ห้ องสมุดประชาชน (Public Library)
หอสมุดแห่ งชาติ (National Library)
66
2) ศูนย์ เอกสารหรือศูนย์ สารสนเทศ
(Documentation Center / Information Center)
เป็ นแหล่ งจัดเก็บรวบรวมสารสนเทศเฉพาะ
เรื่อง เฉพาะสาขาวิชา เช่ น
67
ศูนย์ เอกสารการพัฒนา สถาบันวิจยั
และพัฒนา มหาวิทยาลัยขอนแก่ น
ศูนย์ เอกสารองค์ กรอนามัยโลก
ศูนย์ เอกสารองค์ กรอนามัยโลก
68
3) ศูนย์ ข้อมูล (Data Center)
คือ แหล่ งรวบรวมข้ อมูลและบริการข้ อมูล
ตัวเลขสถิติต่างๆ งานวิจัยต่ างๆ
69
 ศูนย์ ข้อมูลของสานักงานสถิตแิ ห่ งชาติ
 ศูนย์ ข้อมูลเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
 ศูนย์ ข้อมูลมติชน
70
4) หน่ วยงานสถิติ (Statistical Office)
ทาหน้ าทีเ่ ก็บรวบรวมข้ อมูล เก็บสถิติ
และเผยแพร่ ข้อมูล
71
ศูนย์ สถิตกิ ารเกษตรของ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
(สกว.)
สถาบันประชากรศาสตร์
ของจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
72
5) ศูนย์ วเิ คราะห์ สารสนเทศ
(Information Analysis Center)
ทาหน้ าทีร่ วบรวมและให้ บริการสารสนเทศ
เฉพาะวิชา โดยนามาวิเคราะห์ ประเมิน สรุป
ย่ อ และจัดเก็บในลักษณะของแฟ้มข้ อมูล
สมาคมสั งคมศาสตร์ แห่ งประเทศไทย
73
6) ศูนย์ ประมวลและแจกจ่ ายสารสนเทศ
(Information Clearing House)
ทาหน้ าทีร่ วบรวมจัดเก็บและผลิตทรัพยากร
สารสนเทศในรู ปสื่ อต่ างๆ ให้ เป็ นระบบ
สะดวกในการค้ นคว้ า และการแนะนา
แหล่ งข้ อมูล
7) ศูนย์ แนะแหล่ งสารสนเทศ
(Referral Center)
ทาหน้ าทีร่ วบรวมแหล่ งข้ อมูลหรือสถาบัน
สารสนเทศ เพือ่ สามารถแนะนาแหล่ ง
สารสนเทศที่เหมาะสมและตรงกับความ
ต้ องการได้
75
8) หอจดหมายเหตุ (Archive)
ทาหน้ าที่จัดเก็บเอกสารทางราชการและ
เอกสารทางประวัติศาสตร์ ของรัฐบาล
สถาบันต่ างๆ มหาวิทยาลัยต่ างๆ หรือ
สถาบันเอกชน
76
9) สถาบันบริการสารสนเทศเชิงพาณิชย์
(Commercial Information Service Center)
เป็ นสถาบันบริการสารสนเทศโดยคิดค่ าบริการ ใช้
ระบบอินเทอร์ เน็ตเข้ ามาเกีย่ วข้ อง ข้ อมูลทีผ่ ู้ใช้
ต้ องการมักเป็ นข้ อมูลทีม่ ่ ุงประโยชน์ ด้านธุรกิจ
การค้ าและอุตสาหกรรมเป็ นหลัก
77
หน้ าที่ของสถาบันบริการสารสนเทศ




รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศ
จัดเก็บข้ อมูลอย่ างมีระบบด้ วยคอมพิวเตอร์
ผลิตทรัพยากรสารสนเทศ
จัดทาศูนย์ แลกเปลีย่ นและจาหน่ ายจ่ ายแจก
ข้ อมูล และทรัพยากรสารสนเทศในรู ปแบบต่ างๆ
78
 จัดทาฐานข้ อมูลและมีบริการค้นคว้า
สารสนเทศ
 จัดสถานทีอ่ ่านให้ เหมาะสมเป็ นสั ดส่ วน
 จัดให้ มศี ูนย์แนะนาแหล่งสารสนเทศ
 จัดกิจกรรมส่ งเสริมการอ่าน
79
จัดบริการพิเศษต่ างๆ ให้ กบั ผู้ใช้ เช่ น การจัดทา
ข่ าวสารทันสมัย การหมุนเวียนวารสารบริการ
หนังสื อสารอง (Reserved Book) บริการแปล
(Translation Service) บริการถ่ ายเอกสาร
บริการทาบรรณนิทัศน์ (Book Annotation
Service) และบริการยืมระหว่ างห้ องสมุด
(Inter-library Loan Service) เป็ นต้ น
80
จัดบริการตอบคาถามและช่ วย
ค้ นคว้ าข้ อมูลทางอินเทอร์ เน็ต
81
82
เนือ้ หาวันนี้
•ความร้ ู พนื้ ฐานของการสื่ อสารข้ อมูล
•การสื่ อสารข้ อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
•ทิศทางในการสื่ อสารข้ อมูล
•ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
83
การสื่อสารข้อมูลและโทรคมนาคม
เป็ นกระบวนการส่ งผ่ านและรับ
สารสนเทศระยะไกลในรูปแบบของ
สั ญญาณ แล้ วแพร่ กระจายผ่ านช่ อง
ทางการสื่ อสารต่ างๆ
84
พืน้ ฐานของการสื่ อสารข้ อมูล
ผู้ส่งสาร
(Sender)
ตัวกลาง
(Transmission
medium)
ผู้รับสาร
(Receiver)
85
การสื่ อสารในชีวติ ประจาวัน
Communication
- การสนทนาระหว่ างบุคคล
- การสนทนาทางโทรศัพท์
- การฟังดนตรี
- การอ่านหนังสื อ
- การโฆษณา
86
การสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
หมายถึง การโอนถ่ายข้อมูลระหว่างผูส้ ง่
กับผูร้ บั โดยผ่านอ ุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือ
คอมพิวเตอร์
87
องค์ประกอบพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล
Media
88
5. โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง
มาตรฐานที่ใช้ ในการแลกเปลีย่ นข้ อมูล
เช่ น TCP/IP(TransmissionControl
Protocol/Internet Protocol)
89
ชนิดของสัญญาณ
อิเล็กทรอนิกส์
ข้ อมูลทีใ่ ช้ ในการสื่ อสารต้ อง
เป็ น
ข้ อมูลทีอ่ ยู่ในรู ปสั ญญาณทางไฟฟ้า
สามารถแบ่ งได้ 2 ลักษณะ
90
1. สัญญาณอนาลอก(Analog Signal)
91
1. สัญญาณอนาลอก(Analog Signal)
เป็ นสั ญญาณคลืน่ แม่ เหล็กไฟฟ้าที่มีความ
ต่ อเนื่องของสั ญญาณ เช่ น สั ญญาณเสี ยงใน
โทรศัพท์
92
2. สัญญาณแบบดิจิทลั (Digitals signal)
93
1. สัญญาณแบบดิจิทลั (Digitals signal)
ลักษณะสั ญญาณถูกแบ่ งเป็ นช่ วงๆ อย่ าง
ไม่ ต่อเนื่อง โดยแบ่ งออกเป็ นสองระดับ คือ
- สถานะของบิต 0
- สถานะของบิต 1
94
ทิศทางใน
การสื่อสารข้อมูล
95
1. แบบทิศทางเดียว
(Simplex Transmission)
96
2. แบบกึ่งสองทิศทาง
(Half Duplex Transmission)
97
3. แบบสองทิศทาง
(Full Duplex Transmission)
98
สื่อกลางของการสื่อสาร
สื่อกลาง (Media)
ทาหน้าที่สง่ ผ่าน
ข้อมูลข่าวสารจาก
ผูส้ ง่ ไปยังผูร้ บั
99
สื่ อกลางที่ใช้ ในการสื่ อสารข้ อมูล
1. สื่ อกลางที่กาหนดเส้ นทางได้
(Guided Media)
2. สื่ อกลางที่กาหนดเส้ นทางไม่ ได้
(Unguided Media)
100
สื่อกลางที่กาหนดเส้นทางได้
(Guide media) หรือ
ระบบใช้สาย (Wired System)
101
1. สายเกลียวค ู่ (Twisted Pair)
แบบที่ 1 : UTP (Unshielded Twisted Pair)
มีความยืดหยุ่นสู งและราคาไม่ แพง
102
1. สายเกลียวค ู่ (Twisted Pair)
แบบที่ 2 : STP (Shield Twisted Pair)
ป้ องกันสั ญญาณรบกวนจากภายนอก
103
ข้ อดีของสายเกลียวคู่
- ราคาถูก
- มีความยืดหยุ่นในการใช้ งาน
- ติดตั้งง่ าย นา้ หนักเบา
ข้ อเสี ยของสายเกลียวคู่
- ถูกรบกวนจากสั ญญาณภายนอกได้ ง่าย
- ระยะทางจากัด
104
2. สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
105
ข้ อดีของสายโคแอกเซียล
- ส่ งข้ อมูลได้ ท้งั สั ญญาณอนาล็อกและดิจทิ ลั
- ส่ งข้ อมูลได้ ท้งั ภาพและเสียง
ข้ อเสี ยของสายโคแอกเซียล
- ราคาสู งกว่ าสายเกลียวคู่
- มีสัญญาณรบกวนสู ง
106
3. เส้ นใยแก้ วนาแสง (Fiber Optic)
107
ข้ อดีของใยแก้ วนาแสง
- ป้ องกันการรบกวนจากสั ญญาณไฟฟ้าได้ มาก
- ส่ งข้ อมูลได้ ระยะไกล
- ข้ อมูลมีความปลอดภัยสู ง
ข้ อเสี ยของใยแก้ วนาแสง
- ราคาสู ง ติดตั้งยาก
- เส้ นใยแก้วมีความเปราะบาง
108
สื่อกลางที่กาหนดเส้นทางไม่ได้
(Unguided media) หรือ
ระบบไร้สาย (Wireless System)
109
1. ระบบคลืน่ ไมโครเวฟ
110
111
ข้ อดีของระบบไมโครเวฟ
- ใช้ ในพืน้ ที่ซึ่งการเดินสายทาได้ ไม่ สะดวก
- ราคาถูก ติดตั้งง่ าย
- อัตราการส่ งข้ อมูลสู ง
ข้ อเสี ยของระบบไมโครเวฟ
- สั ญญาณจะถูกรบกวนได้ ง่าย
112
2. ดาวเทียม (Satellite)
113
Up-link
Down-link
มีอุปกรณ์ ระบบทวนสั ญญาณ (Repeater)
115
ข้ อดีของระบบดาวเทียม
- สั ญญาณครอบคลุมได้ ทวั่ โลก
- ค่ าใช้ จ่ายไม่ ขนึ้ อยู่กบั ระยะทาง
ข้ อเสี ยของระบบดาวเทียม
- มีเวลาหน่ วงในการส่ งสั ญญาณ
- ลงทุนสู ง
116
หลักเกณฑ์ ในการเลือกสื่ อกลาง
1. อัตราความเร็วในการส่ งผ่ านข้ อมูล
2. ระยะทาง
3. ค่ าใช้ จ่าย
4. ความสะดวกในการติดตั้ง
5. ความทนทานต่ อสภาพแวดล้อม
117
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
(Computer Network)
118
ประโยชน์ของระบบเครือข่าย
1.ใช้อ ุปกรณ์รว่ มกัน
2. ใช้ซอฟต์แวร์รว่ มกัน
3. ใช้ขอ้ มูลร่วมกัน
4. การสื่อสารระหว่างบ ุคคล
119
ประโยชน์ของระบบเครือข่าย (ต่อ)
5. ค่าใช้จ่าย
6. การบริหารเครือข่าย
7. ระบบรักษาความปลอดภัย
8. เสถียรภาพของระบบ
9. การสารองข้อมูล
120
การประมวลผลข้ อมูลใน
เครือข่ ายคอมพิวเตอร์
121
Centrallized Networks
Mainframe


 
Terminal
122
Peer-to-Peer
123
Client/Server
124
ประเภทของเครือข่ าย
1. ระบบเครือข่ ายระยะใกล้
(LAN – Local Area Network)
2. ระบบเครือข่ ายระดับเมือง
(MAN – Metropolitan Area Network)
3. ระบบเครือข่ ายระยะไกล
(WAN – Wide Area Network)
125
ระบบเครือข่ายระยะใกล้ (LAN)
126
ระบบเครือข่ายระดับเมือง (MAN)
127
ระบบเครือข่ายระยะไกล (WAN)
128
สถาปัตยกรรมของระบบเครือข่ าย
หรือ โทโปโลยี (Topology) ?
129
ลักษณะทางกายภาพ(ภายนอก) ของ
เครือข่ าย เป็ นลักษณะของการ
เชื่อมโยงสายสื่ อสารเข้ ากับอุปกรณ์
อิเล็กทรอนิกส์ ต่างๆ ภายในเครือข่ าย
130
1. โทโปโลยีแบบดาว (Star Topology)
131
ข้ อดีของการเชื่อมต่ อแบบดาว (Star)
- ติดตั้งได้ และดูแลรักษาได้ ง่าย
- สามารถทาการตรวจสอบเครื่องที่
เสี ยหายในระบบได้ ง่าย
132
ข้ อเสี ยของการเชื่อมต่ อแบบดาว (Star)
- เครื่องคอมพิวเตอร์ ทเี่ ป็ นศูนย์ กลางอาจมีราคาแพง
- ถ้ าเครื่องทีเ่ ป็ นศูนย์ กลางเสี ย ทาให้ ท้งั เครือข่ าย
ไม่ สามารถทางานได้
133
2. โทโปโลยีแบบบัส (Bus Topology)
134
ข้ อดีของการเชื่อมต่ อแบบ Bus
- ติดตั้งระบบได้ ง่าย และสะดวก
ข้ อเสี ยของการเชื่อมต่ อแบบ Bus
- ถ้ าเกิดจุดทีเ่ สี ยหาย จะหาได้ ยาก
135
3.โทโปโลยีแบบวงแหวน (Ring Topology)
136
ข้ อดีของการเชื่อมต่ อแบบวงแหวน (Ring)
- สามารถส่ งข้ อมูลไปยังผู้รับได้ หลายๆ เครื่อง
ในเวลาเดียวกัน
- เหมาะกับการใช้ เส้ นใยแก้ วนาแสงให้ เกิด
ความเร็ว
137
ข้ อเสี ยของการเชื่อมต่ อแบบวงแหวน (Ring)
- ถ้ ามีเครื่องเสี ย จะทาให้ การสื่ อสารใน
เครือข่ ายติดขัด
138
องค์ประกอบของระบบเครือข่ าย
139
อุปกรณ์ ทใี่ ช้ ในการต่ อระหว่ างเครือข่ าย
1.1 เครื่องเทอร์ มินอล (Terminal)
1.2 โมเด็ม (Modem)
1.3 เครื่องทวนสั ญญาณ (Repeater)
1.4 บริดจ์ ( Bridge )
1.5 อุปกรณ์ จดั เส้ นทาง ( router )
1.6 เกตเวย์ (Gateway )
1.7 ฮับ ( HUB )
140
1.1 เครื่องเทอร์ มินอล (Terminal)
141
1.2 โมเด็ม (Modem)
Modulator/Demodulator
Modulation => Digital
Analog
Demodulation => Analog Digital
142
ตัวอย่ างโมเด็ม
143
1.3 เครื่องทวนสั ญญาณ (Repeater)
Repeater
เส้นใยนำแสง 2 กิโลเมตร
Repeater
144
1.4 บริดจ์ ( Bridge )
Laptop computer
Mac Classic
Bridge
IBM Compatible
Workstation
ASCII Printer
Laser printer
145
1.5 อุปกรณ์ จดั เส้ นทาง ( router )
146
1.6 เกตเวย์ ( Gateway )
IBM Compatible
Laptop computer
Mac Classic
IBM Compatible
Workstation
เครือข่าย LAN
Gateway
IBM Compatible
Mac II
IBM laser printer
เครือข่าย UNIX
147
1.7 ฮับ ( HUB )
IBM Compatible
Hub
Mac II
Laptop computer
IBM Compatible
148
ซอฟต์ แวร์ ที่ใช้ สาหรับระบบเครือข่ าย
• Novell's NetWare OS/2 LAN Server
• Microsoft Windows NT Server
• Microsoft Windows NT 2000
149
ประเภทเครือข่ ายในองค์ กร
- ระบบอินเทอร์ เน็ต (Internet)
- ระบบอินทราเน็ต (Intranet)
- ระบบเอ็กซ์ ทราเน็ต (Extranet)
150
ความปลอดภัยในระบบเครือข่ าย
151
1. การคุกคามต่ อข้ อมูลในเครือข่ าย
- เกิดจากคอมพิวเตอร์ เสี ยหาย
-ไม่ ได้ รับการอบรมในการใช้
-อุบัตเิ หตุ -ไฟไหม้
-ภัยธรรมชาติ
152
2. การป้ องกันข้ อมูลในเครือข่ าย
- กาแพงไฟ (Firewall)
- รหัสผ่ าน (Password)
- การสารองข้ อมูลในเครือข่ าย (Back up)
153
การประยุกต์ ใช้ งาน
ของ
ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์
154
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
( Electronic mail : e-mail )
155
ไปรษณีย์เสี ยง (Voice Mail)
156
โทรสาร (Facsimile or Fax)
157
Video conferencing
158
Global Positioning System (GPS)
159
Electronic Data Interchange (EDI)
160
LOGO