ระบบสารสนเทศในงานธุรกิจ

Download Report

Transcript ระบบสารสนเทศในงานธุรกิจ

ระบบสารสนเทศในธุรกิจ
(Information System in Business)
อ.อัจฉรา สุ มงั เกษตร
สารสนเทศและการตัดสิ นใจ

2
ผูบ้ ริ หารที่มีประสิ ทธิภาพสูงและประสบความสาเร็ จในการ
บริ หารงาน คือ ผูบ้ ริ หารที่สามารถใช้ทรัพยากร 4 ประการ ได้แก่
เงิน วัสดุและครุ ภณ
ั ฑ์ บุคลากร และสารสนเทศ ให้เกิดประโยชน์
สูงสุ ด
การใช้ สารสนเทศเพือ่ การตัดสิ นใจในองค์ กร

1.
2.
3.
4.
3
แบ่งการทางานได้เป็ น 4 ระดับด้วยกัน คือ
การใช้สารสนเทศสาหรับผูบ้ ริ หารระดับสูง(Strategic-level managers)
การใช้สารสนเทศสาหรับผูบ้ ริ หารระดับกลาง(Tactical-level
managers)
การใช้สารสนเทศสาหรับผูบ้ ริ หารระดับปฏิบตั ิการ (Operational-level
managers)
การใช้สารสนเทศสาหรับงานประจาภายในองค์กร (Clerical-level)
บุคลากรในแต่ ละระดับจะเกีย่ วข้ องกับระบบสารสนเทศ
1.
2.
3.
4.
4
ระดับสู ง หรือระดับวางแผนยุทธศาสตร์ : เน้นรายงานสรุ ป รายงานแบบ
What-If และการวิเคราะห์แนวโน้มต่าง ๆ (trend analysis)
ระดับกลาง หรือระดับวางแผนบริหาร : มักจะเป็ นสารสนเทศตามคาบเวลา
และเป็ นสารสนเทศที่รวบรวมข้อมูลทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร
ระดับแผนปฏิบตั ิการ : ข้อมูลที่ผบู ้ ริ หารระดับนี้ตอ้ งการ ส่ วนมากจะ
เกี่ยวข้องกับการปฏิบตั ิการในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ
ระดับงานประจาภายในองค์ กร : จะเน้นไปที่การจัดการรายการประจาวัน
เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศในปัจจุบัน

1.
2.
3.
5
เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศในปัจจุบนั จะประกอบด้วย
ระบบต่าง ๆ คือ
ระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing System หรื อ
Transaction Processing System : TPS)
ระบบสารสนเทศเพื่อการบริ หาร (Management Information
System : MIS)
ระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ (Decision Support System : DSS)
เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศในปัจจุบัน
4. ระบบสารสนเทศเพื่อการบริ หารระดับสูง (Executive Information
System : EIS)
5. ระบบสานักงานอัตโนมัติ (Office Automation System : OAS)
6. ระบบปัญญาประดิษฐ์ และระบบผูเ้ ชี่ยวชาญ (Artificial Intelligence
: AI/Expert System : ES)
6
1. ระบบประมวลผลข้ อมูล (Transaction Processing :
TPS)

7
เป็ นการนาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการข้อมูลขั้นพื้นฐาน เกือบ
ทั้งหมดจะประมวลผลในลักษณะ On-Line โดยเน้นที่การ
ประมวลผลรายการประจาวัน (transaction) และการเก็บรักษาข้อมูล
ลักษณะเด่ นของ TPS
คือ การทาให้เครื่ องคอมพิวเตอร์ทางานง่าย ไม่ยงุ่ ยากซับซ้อนเช่น
งานด้านธุรกิจบริ การ สิ่ งที่องค์กรจะได้รับเมื่อใช้ระบบนี้คือ
1. ลดจานวนพนักงาน(เสมียน) ในกรณี น้ ี จะใช้พนักงานกรอกข้อมูล
เข้าระบบคอมพิวเตอร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
2. องค์กรจะมีบริ การที่สะดวกรวดเร็ วแก่ผบ
ู ้ ริ โภคมากขึ้น
3. ลูกค้ามีจานวนเพิ่มมากขึ้น เนื่ องจากบริ การที่ดี สะดวก และ
รวดเร็ ว

8
2. ระบบสารสนเทศเพือ่ การจัดการ(Management
Information System : MIS)
 คือ ระบบที่ให้สารสนเทศที่ผบ
ู้ ริ หารต้องการ เพื่อให้
สามารถทางานได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ
Summary
reports
ขอมู
้ ลรายการ
TPS
MIS
Exception reports
ภาพแสดงการทางานของระบบ MIS
9
ลักษณะของระบบ MIS ทีด่ สี ามารถสรุปได้ ดงั นี้
1.
2.
3.
4.
5.
10
จะสนับสนุนการทางานของระบบประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูลรายวัน
จะใช้ฐานข้อมูลที่ถกู รวมเข้าด้วยกัน และสนับสนุนการทางานของฝ่ ายต่างๆ ใน
องค์การ
ช่วยให้ผบู ้ ริ หารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสู ง เรี ยกใช้ขอ้ มูลที่เป็ น
โครงสร้างได้ตามเวลาที่ตอ้ งการ
มีความยืดหยุน่ และสามารถรองรับความต้องการข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปของ
องค์กร
ต้องมีระบบรักษาความลับของข้อมูลและจากัดการใช้งานของบุคคลเฉพาะผูท้ ี่
เกี่ยวข้องเท่านั้น
ความแตกต่ างของระบบ MIS และ TPS
1.
2.
3.
4.
11
การใช้งานระบบฐานข้อมูลร่ วมกันของ MIS แทนการใช้ระบบแฟ้ มข้อมูลแบบ
แยกกันของระบบ TPS ทาให้มีความยืดหยุน่ พอที่จะให้สารสนเทศที่ผบู้ ริ หาร
ต้องการ
ระบบ MIS จะรวบรวมข้อมูลจากฝ่ ายทางานต่าง ๆ ขณะที่ TPS มีการใช้งาน
แยกจากกันในแต่ละฝ่ าย
ระบบ MIS จะให้สารสนเทศสาหรับผูบ้ ริ หารทุกระดับ ในขณะที่ระบบ TPS จะ
ให้สารสนเทศสาหรับระดับปฏิบตั ิการเท่านั้น
สารสนเทศที่ผบู ้ ริ หารต้องการ ส่ วนมากจะได้รับการตอบสนองทันทีจากระบบ
MIS ในขณะที่ระบบ TPS มักจะต้องรอให้ถึงสรุ ป (จากรายงาน)
3. ระบบสนับสนุนการตัดสิ นใจ(Decision Support
System :DSS)

12
เป็ นระบบที่พฒั นาขึ้นจากระบบ MIS อีกระดับหนึ่ง ระบบที่ประกอบข้อมูล
เครื่ องมือ และต้นแบบ (Model) ที่ช่วยในการตัดสิ นใจแบบกึ่งมีรูปแบบ (Semi structured) DSS ใช้ขอ้ มูลที่มาจากภายในองค์กร คือ จาก TRS และ MIS และ
จากภายนอก เช่น ตลาดหุ่น คู่แข่ง อุตสาหกรรม เป็ นต้น มาช่วยในการตัดสิ นใจ
โดยอาศัยต้นแบบมาประมวลผลข้อมูลซึ่ งเป็ นระบบที่สนับสนุนความต้องการ
เฉพาะของผูบ้ ริ หารแต่ละคน (made by order) ระบบนี้มีหน้าที่ช่วยให้การ
ตัดสิ นใจเป็ นไปได้สะดวก โดยจะช่วยผูต้ ดั สิ นใจในการเลือกทางเลือก หรื ออาจ
มีการจัดอันดับให้ทางเลือกต่าง ๆ ตามที่ผตู ้ ดั สิ นใจกาหนด
ภาพแสดงการทางานของระบบ DSS
ขอมู
้ ลภายใน
โมเดลช่วย
ตัดสิ นใจ
ขอมู
้ ลภายนอก
13
ทางเลือกต่างๆในการ
แก้ปัญหา โดยใช้วิธี
ของการวิเคราะห์แบบ
What – if
หรือ Goal - seeking
เช่ น ระบบสามารถตอบคาถามประเภท “What-if” เช่ น ถ้ า
ต้ องการเพิ่มยอดขายสินค้ าในเดือนธันวาคมขึน้ เป็ น 2 เท่ า
ของยอดขายปกติแล้ ว จะเกิดผลกระทบต่ อตารางการผลิต
สินค้ าอย่ างไร
ลักษณะของระบบ DSS ทีด่ ี
14
1. จะต้องช่วยผูบ้ ริ หารในกระบวนการตัดสิ นใจ
2. จะต้องถูกออกแบบมาให้สามารถเรี ยกใช้ขอ้ มูลแบบกึ่งโครงสร้างและแบบไม่มี
โครงสร้างแน่นอนได้
3. จะต้องสามารถสนับสนุนผูต้ ดั สิ นใจได้ในทุกระดับ แต่จะเน้นที่ระดับวางแผน
บริ หาร และวางแผนยุทธศาสตร์
4. จะต้องมีรูปแบบการใช้งานอเนกประสงค์ มีความสามารถในการจาลอง
สถานการณ์ และมีเครื่ องมือในการวิเคราะห์สาหรับช่วยเหลือผูท้ าการตัดสิ นใจ
5. ต้องเป็ นระบบที่โต้ตอบกับผูใ้ ช้ได้ ผูบ้ ริ หารต้องสามารถใช้งานโดยพึ่งความ
ช่วยเหลือจากผูเ้ ชี่ยวชาญน้อยที่สุดหรื อไม่ตอ้ งพึ่งเลย
ลักษณะของระบบ DSS ทีด่ ี
6. ต้องสามารถปรับให้เข้ากับความต้องการข่าวสารในสถานการณ์ต่าง ๆ
7. ต้องมีกลไกช่วยให้สามารถเรี ยกใช้ขอ้ มูลที่ตอ้ งการได้อย่างรวดเร็ ว
8. ต้องสามารถติดต่อกับฐานข้อมูลขององค์กรได้
9. ต้องทางานโดยไม่ข้ ึนกับระบบการทางานตามตารางขององค์กร
10. ต้องมีความยืดหยุน่ พอที่จะรองรับรู ปแบบการบริ หารแบบต่าง ๆ
15
ความแตกต่ างของระบบ DSS และ MIS
1.
2.
3.
16
ระบบ MIS จะถูกออกแบบให้สามารถจัดการเฉพาะกับปั ญหาที่มีโครงสร้าง
เท่านั้น ในขณะที่ระบบ DSS ถูกออกแบบให้สามารถจัดการกับปั ญหากึ่งมี
โครงสร้าง หรื อแบบไม่มีโครงสร้างแน่นอน
ระบบ MIS จะถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนงานที่แน่นอน ในขณะที่
ระบบ DSS เป็ นชุดของเครื่ องมือที่ช่วยในสนับสนุนการตัดสิ นใจ ที่สามารถ
ปรับให้เข้ากับสถานการณ์การตัดสิ นใจแบบต่าง ๆ ได้
ระบบ MIS จะให้รายงานหรื อสารสนเทศที่สรุ ปออกมากับผูใ้ ช้ ในขณะที่ระบบ
DSS จะโต้ตอบกับผูใ้ ช้ทนั ที
ความแตกต่ างของระบบ DSS และ MIS
4. ระบบ MIS ผูใ้ ช้ไม่สามารถขอให้ระบบสนับสนุนสารสนเทศสาหรับการ
ตัดสิ นใจที่ตอ้ งการเป็ นการเฉพาะ หรื อในรู ปแบบเฉพาะตัว แต่ในระบบ DSS
ผูใ้ ช้สามารถกาหนดเองได้
5. ระบบ MIS จะให้สารสนเทศที่เป็ นประโยชน์สูงสุ ดกับผูบ้ ริ หารระดับกลาง
ในขณะที่ระบบ DSS จะให้สารสนเทศที่เหมาะกับทั้งผูบ้ ริ หารระดับกลาง
และระดับสูง
17
4. ระบบสารสนเทศเพือ่ ผู้บริหารระดับสู ง (Executive
Information System : EIS)

18
เป็ นระบบที่สร้างขึ้น เพื่อสนับสนุนสารสนเทศและการตัดสิ นใจสาหรับ
ผูบ้ ริ หารระดับสู งโดยเฉพาะ หรื อ กล่าวได้วา่ ระบบนี้คือส่ วนหนึ่งของ DSS
ที่แยกออกมา เพื่อเน้นการให้สารสนเทศที่สาคัญต่อการบริ หารแก่ผบู้ ริ หาร
ระดับสูง และมีการนาเสนอโดยเป็ นรู ปแบบของเมนูและการประสานกับผูใ้ ช้
กราฟ (Graphical User Interface)
ความแตกต่ างของระบบ EIS และ DSS
1.
2.
3.
19
ระบบ DSS จะถูกออกแบบเพื่อให้สารสนเทศที่ช่วยสนับสนุนการตัดสิ นใจ
ของผูบ้ ริ หารระดับกลางถึงระดับสู ง แต่ระบบ EIS จะเน้นการให้สารสนเทศ
สาหรับผูบ้ ริ หารระดับสู งโดยเฉพาะ
ระบบ DSS จะมีส่วนของการใช้งานที่ใช้ไม่ง่ายเท่ากับระบบ EIS เนื่องจาก
ระบบ EIS เน้นให้ผบู ้ ริ หารระดับสู งใช้เท่านั้นเอง
ระบบ EIS สามารถสร้างขึ้นมาบนระบบ DSS เสมือนเป็ นระบบซึ่ ง ช่วยให้
สอบถามและใช้งานได้สะดวกขึ้น ซึ่ งระบบ EIS จะส่ งต่อการสอบถามนั้นไป
ยังระบบ DSS และทาการสรุ ปข้อมูลที่ระบบ DSS ส่ งมาให้อยูใ่ นรู ปที่ผบู้ ริ หาร
สามารถเข้าใจได้ง่าย
5. ระบบสานักงานอัตโนมัติ (Office Automation
System : OAS)

20
เป็ นระบบที่ใช้บุคลากรน้อยที่สุด โดยอาศัยเครื่ องมือแบบอัตโนมัติ
และระบบสื่ อสารเชื่อมโยงข่าวสารระหว่างเครื่ องมือเหล่านั้นเข้า
ด้วยกัน OAS มีจุดมุ่งหมายให้เป็ นระบบที่ไม่ใช้กระดาษ(Paperless
System) ส่ งข่าวสารถึงกันด้วยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Data
Interchange) แทน
6. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System : ES)

21
หมายถึง ระบบที่ทาให้เครื่ องคอมพิวเตอร์กลายเป็ นผูช้ านาญการณ์
ในสาขาใดสาขาหนึ่งคล้ายกับมนุษย์ เป็ นระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วย
ผูบ้ ริ หารแก้ไขปัญหาหรื อทาการตัดสิ นใจได้ดีข้ ึน และเป็ นระบบที่
เกี่ยวข้องกับการจัดการความรู ้(knowledge) มากกว่าสารสนเทศ
โดยใช้หลักการการทางานด้วยระบบ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial
Intelligence)
คุณสมบัตขิ องระบบผู้เชี่ยวชาญ
1.
2.
3.
4.
5.
22
6.
ช่วยในการเก็บความรู ้ของผูเ้ ชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ งไว้ ทาให้ไม่สูญเสี ย
ความรู ้น้ นั เมื่อผูเ้ ชี่ยวชาญต้องออกจากองค์กรหรื อไม่ปฏิบตั ิงานได้
ช่วยขยายขีดความสามารถในการตัดสิ นใจให้กบั ผูบ้ ริ หารจานวนมาก ๆ พร้อมๆ
กัน
สามารถเพิ่มประสิ ทธิ ภาพและประสิ ทธิ ผลให้กบั ผูท้ าการตัดสิ นใจได้เป็ นอย่าง
มาก
จะทาการตัดสิ นใจในแต่ละครั้งมีความใกล้เคียงและไม่ขดั แย้งกัน
ช่วยลดการพึ่งพาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
มีความเหมาะสมที่จะเป็ นระบบในการฝึ กสอนอย่างมาก
การตอบสนองของระบบสารสนเทศกับผู้บริหารในองค์ กร
ผูบ้ ริ หาร
DSS
ระดับสูง
ผูบ้ ริ หารระดับกลาง
TPS
ผูบ้ ริ หารระดับปฏิบตั ิการ
พนักงานประจาภายในองค์กร
23
EIS
MIS
ความสาคัญของสารสนเทศต่อผูบ้ ริหาร
1. สารสนเทศกับการตัดสินใจของผูบ
้ ริหาร
ลักษณะของการ
ลักษณะของสารสนเทศ
ตัดสิ นใจ
ใช้ แหล่งข้ อมูลจากภายนอก
เกิดขึน้ ไม่ บ่อยนัก
องค์ กร
ผู้บริหาร
ไม่ มโี ครงสร้ างที่
เป็ นแบบเฉพาะกิจ
ระดับกลยุทธ์
แน่ นอน
ไม่ มกี าหนดการทีแ่ น่ นอน
(ระดับสู ง)
เป็ นแผนระยะยาว
เป็ นแบบสรุป
เกิดขึน้ ไม่ บ่อยนัก
ใช้ ขอบเขตกว้ างๆ
ผู้บริหารระดับ
เป็ นแบบกึง่ โครงสร้ าง
กลวิธี
ต้ องกระทา
ใช้ แหล่งข้ อมูลจากภายในองค์ กร
(ระดับกลาง)
ทันทีทนั ใด
สารสนเทศแบบพิเศษ
เกิดขึน้ ประจา
มีกาหนดการทีแ่ น่ นอน
ผู้บริหารระดับ
มีโครงสร้ างทีแ่ น่ นอน
ต้ องแสดงรายละเอียด
ปฏิบัติ
ต้ องกระทาอย่ าง
อยู่ในวงจากัด
(ระดับต้น)
รวดเร็ว
2. สารสนเทศช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบต
ั ิ งาน
ของผูบ้ ริหาร
1.
2.
3.
4.
ช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นปัญหาและโอกาสไดเร็
้
้ วขึน
ช่วยให้ผู้บริหารมีเวลาสาหรับการวางแผนไดมากขึ
น
้
้
ช่วยให้ผู้บริหารใช้เวลาในการพิจารณาปัญหาทีม
่ ค
ี วามซับซ้อนได้
มากขึน
้
ช่วยให้ผู้บริหารควบคุมการดาเนินงานไดดี
ึ้
้ ขน
3. สิ่งที่ ผบ
ู้ ริหารควรรู้เกี่ยวกับระบบสารสนเทศ
1.
2.
3.
4.
5.
หลักการของระบบสารสนเทศ (Foundation Concepts of IS)
เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศ (Technology of IS)
การประยุกตใช
์ ้ระบบสารสนเทศ (Applications of IS)
การพัฒนาระบบสารสนเทศ (Development of IS)
การจัดการระบบสารสนเทศ (Management of IS)
บทบาทของสารสนเทศต่อการดาเนินธุรกิจ
1.
สนับสนุ นการปฏิบต
ั ก
ิ ารของธุรกิจ (Support of Business
Operations)
ระบบ POS
2.
สนับสนุ นการตัดสิ นใจในการบริหารงาน (Support of Managerial
Decision Making)
3.
สนับสนุ นความไดเปรี
้ ยบคูแข
่ งขั
่ นในเชิงกลยุทธ ์ (Support of
Strategic
Advantage)
ความสาคัญของสารสนเทศต่อการดาเนิน
ธุรกิจ
1. เพิม
่ ประสิ ทธิภาพในการปฏิบต
ั งิ าน
2. เพิม
่ คุณภาพในการให้บริการลูกคา้
3. พัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ ์
4. เพิม
่ ศักยภาพในการแขงขั
่ น
5. ดึงดูดลูกค้าไวและกี
ดกันคูแข
้
่ ง่ (Client Lock-in Competitor Lock-out)
6. สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ
7. เพิม
่ รายไดด
าผลผลิตทางดานเทคโนโลยี
สารสนเทศ
้ วยการน
้
้
ออกจาหน่าย
หน้ าที่ของเทคโนโลยีสารสนเทศ
การบันทึก (Capture)
การประมวลผล (Processing)
การผลิตสารสนเทศ (Generation)
การเก็บและการเรียกใช้ (Storage and Retrieval)
การบันทึก
การส่งผานสารสนเทศ
(Transmission)
่
การส่ งผ่าน
สารสนเทศ
หน้ าที่
เทคโนโลยี
สารสนเทศ
การเก็บและ
การเรียกใช้
การประ
มวลผล
การผลิตสาร
สนเทศ
ระบบสารสนเทศธุรกิจ
1.
2.
3.
4.
5.
ระบบสารสนเทศเพือ
่ การจัดการ
ระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคล
ระบบสารสนเทศในงานผลิต
ระบบสารสนเทศในงานจัดซือ
้ และสิ นคาคงคลั
ง
้
ระบบสารสนเทศในงานขาย
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ระบบสารสนเทศเพือ
่ การจัดการ มีจุดมุงหมายเพื
อ
่ ช่วยให้
่
ผู้บริหาร
ไดรั
่ าเป็ นตอการตั
ดสิ นใจและการบริหาร
้ บขอมู
้ ลและสารสนเทศทีจ
่
จัดการ
องคกร
์
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ผูบริ
้ หาร
ระบบสารสนเทศ
เพือ
่ การจัดการ
ขอมู
้ ล
การขาย
ระบบประมวลผล
ใบสั่ งซือ
้
แฟ้มขอมู
้ ล
ใบสั่ งซือ
้
ตนทุ
้ น
ตอหน
่
่ วย
ขอมู
้ ลการ
เปลีย
่ นแปลง
ผลิตภัณฑ ์
ระบบวางแผน
การผลิต
แฟ้มขอมู
้ ล
ผลิตภัณฑ ์
ขอมู
้ ล
คาใช
่
้จาย
่
ระบบบัญชี
แยกประเภท
แฟ้มขอมู
้ ล
บัญชี
ระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคล
เก็บบันทึกขอมู
ิ ่ วนตัวของพนักงาน บันทึกการประเมินผล
้ ลประวัตส
การ
ทางาน บันทึกการทาผิดวินย
ั จัดทาแผนการวาจ
่ ้าง แผนการ
ฝึ กอบรม
แสดงผลแบบออนไลน์
ระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคล
ฐานขอมู
้ ล
พนักงาน
ระบบสารสนเทศ
ทรัพยากรบุคคล
บันทึกขอมู
้ ลพนักงาน
แสดงผลแบบออนไลน์
รายงานตางๆ
่
ระบบสารสนเทศทรัพยากรบุคคล
ในระดับกลยุทธ์ ช่วยในการวางแผนกาหนดความต้องการ
ด้าน
กาลังคนในระยะยาว
1.
ในระดับกลวิธี ช่วยให้ผบู้ ริหารสามารถตรวจสอบและวิเคราะห์
การว่าจ้างบุคลากร การจัดสรรตาแหน่ งงาน และการชดเชยค่าจ้าง
แก่บคุ ลากรได้
2.
ในระดับปฏิบตั ิ การ ช่วยติดตามความก้าวหน้ าในการว่าจ้าง
การฝึ กอบรม และการโอนย้ายหรือเลื่อนของบุคลากรในองค์กร
3.
ระบบสารสนเทศในงานผลิต
1. ในระดับกลยุทธ์ ช่วยในการวางแผนกาหนดความต้องการ
ด้านกาลังคนในระยะยาว เช่น จะตัง้ โรงงานใหม่หรือจะลงทุน
ใช้เทคโนโลยีอะไรใหม่
2. ในระดับกลวิธี ช่วยในการวางแผนทรัพยากรการผลิต
3. ในระดับปฏิบตั ิ การ ช่วยในการสนับสนุนการทางานในการ
ผลิต เช่น ในการควบคุมการผลิต การบารุงรักษาเครื่องมือ
อุปกรณ์
ระบบสารสนเทศในงานจัดซื้อและสินค้าคง
คลัง
1.
ในระดับกลยุทธ์ ช่วยตอบคาถามเกี่ยวกับทิศทางและ
แนวโน้ มด้านราคาและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
และเทคโนโลยี
ในระดับกลวิธี ช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งวัตถุดิบ
ตลอดจน
ราคาและคุณภาพ
2.
3.
ในระดับปฏิบตั ิ การ ช่วยข้อมูลการจัดซื้อชิ้นส่วนและ
วัตถุดิบ
ติดตามผลการสังซื
่ ้อ และการตรวจรับ
ระบบสารสนเทศในงานขาย
1.
ในระดับกลยุทธ์ มุ่งที่ติดตามดูทิศทาง แนวโน้ มโอกาสทางการขาย ที่มี
ผลต่อการสินค้าและบริการใหม่ ๆ สนับสนุนการวางแผนทาง
การตลาดและบริการ
ในระดับกลวิธี สนับสนุนการวิจยั ทางการตลาด การโฆษณาและ
ส่งเสริม
การขาย การตัดสินใจเรื่องการกาหนดราคาของสินค้า
2.
3.
ในระดับปฏิบตั ิ การ ช่วยในการค้นหาแหล่งและช่องทางในการติดต่อ
กับ
ลูกค้าการติดตามการขาย การประมวลผลใบสังซื
่ ้อสินค้า และการ
ระบบสารสนเทศในงานบัญชี
ในระดับกลยุทธ์ ช่วยกาหนดวัตถุประสงค์ของการลงทุนในระยะ
ยาว
และการพยากรณ์สถานภาพทางการเงินในระยะยาวขององค์กร
1.
ในระดับกลวิธี ช่วยเหลือผูจ้ ดั การให้สามารถตรวจสอบและควบคุม
ทรัพยากรทางการเงินขององค์กรได้อย่างทัวถึ
่ ง และช่วยวิเคราะห์และ
ประเมินทางการเงิน
2.
ในระดับปฏิบตั ิ การ คอยติดตามการใช้จ่ายเงินภายในองค์กรผ่าน
ทางรายการต่างๆ เช่น การสังจ่
่ ายเช็ค การจ่ายเงินค่าสิ้นค้าและการรับ
เงิน
3.